โศกรานในฤดี..มณี..ดวง..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song510.html
บทเพลงแผ่นดินของเรา


ก้มศิระกรานกราบพระพุทธโสธร
อธิษฐานขอพรพระมิ่งขวัญ
คู่บ้านคู่เมืองคนไทยมานานวัน
คือสวรรค์แห่งทิพย์นิรมิตจิตวิญญาณ
จงปกบ้านป้องเมืองอันเรืองรุ่ง
ใครหมายมุ่งทำลายมาล้างผลาญ
ให้มลายหายวับดับวิญญาณ
ให้ภัยพาลพินาศวิปลาสธุลี
ให้แผ่นดินร่มเย็นดั่งกาลก่อน
สัจจสงครามสอนไทยทุกถิ่นที่
รู้รักสมานฉันท์สามัคคี
รู้สร้างดีควรค่าคำว่าไท
ให้พระพ่อหลวงพลานามัยทรงแข็งแรง
ดั่งฉัตรแสงเพชรกล้าสว่างไสว
หยาดน้ำค้างพร่าง..หอมให้..จากห้วงพระหฤทัย
พรมทุกข์ดวงใจไทงามท่ามโลกแล้ง
ดั่งสายฝนจากสวรรค์ปันสู่หล้า
ทั่วทิศาเลิกแตกร้าวทุกข์ระแหง
ให้คิดดีคิดได้ถวายชีพพลีเลือดแดง
คือสีแสงแห่งรักชาติรักแผ่นดิน
หลอมรวมจิตวิญญาณอันหาญกล้า
ร่วมฟันฝ่าโพยภัยปราบให้สิ้น
ทุกเสี้ยนหนามหยามหมิ่นคุณผืนดิน
ให้มันสิ้นลาลับดับสู่นรกอเวจี..ชั่วกัป์ปกาล..!
............................


พุดพัดชา..
อยากเกิดมาเป็นนักรบ..เพื่อแผ่นดิน 
ที่ ณ..วันนี้ 
มี..อมนุษย์
ที่พสุธาไทพสุธาทองนี้
ให้ข้าวน้ำกิน
ให้ผืนดินได้หยัดยืนอย่างทรนง
ได้เติบใหญ่
มีลมหายใจ ..
มาคิดการร้ายหมายทำลายล้าง
ฆ่า..อย่างเหี้ยมโหดโฉดชั่ว
ไร้ความเมตตากรุณาใดใดด้วยหัวใจทมิฬมืดดำ
ฆ่าห้ำหั่น
กระทั่งพระสงฆ์องค์เจ้า
เด็ก ผู้หญิง ชีวิตผู้บริสุทธิ์
ผู้ไม่มีทางสู้อย่างอยุติธรรม
พุดพัดชาระรินร่ำหยาดน้ำตา
ด้วยความซาบซึ้งประทับใจ
ยามดูหนังสงคราม
สะท้อนความรักชาติสมัยก่อน
*พระนเรศวร* 
*พระเจ้าตากสิน*
ที่
ดวงจินต์แสนถวิลเทวษโศกสะเทือน
ที่ทุกดวงชีวียอมพลีจิตวิญญาณอันหาญกล้า
ใช้สนามรบ
หลั่งเลือดพลีเพื่อหมายปกบ้านป้องเมือง
อย่างลูกผู้ชายชาติทหาร
แล้ว..
ก็ได้แต่ก้มเศียรคารวะ
แด่ทุกวิญญาณบรรพชน
ผู้เกิดสมค่าคนที่รู้ค่าคำกตเวทิตา
ใช่..!
มีเพียงชีวิตในร่างที่จิตมืดดำ
ไม่รู้แม้กระทั่งบุญคุณแห่งแผ่นดินแม่
และ..
ขอให้พวกมัน 
ศัตรูหมู่ภัยพาล
จงพากันตาย
มลายหายไปสู่นรกหมกไหม้
ชดใช้กรรม..ตราบชั่วกัลปาวสาน..!
..............


และนี่คงเป็นครั้งแรก
จากความรู้สึกส่วนลึก
ของจิตวิญญาณนักอยากจะเขียน คนนี้
ที่...ณ..นาทีนี้
ขอใช้คำไม่ไสวใสสวยสักวัน
เพื่อเขียนเรื่องรจนารักชาติ
ที่ใครใครมักกระซิบกระซาบ
บอกว่า...
ปลายปากกาดั่งจุ่มด้วยหยาดน้ำผึ้ง.
หยาดน้ำอมฤต..
ที่วันนี้ขอเป็นน้ำผึ้งพิษ หวานผ่าซาก
ใช้ปลายปากกาแทนคมดาบ
เชือด..
หัวใจพวก*...ลอบกัด*ทาเกลือ..โยนให้กากิน
และ..
นี่คือการกระเทาะเปลือกใจ...
เปิดจิตวิญญาณดวงภายใน
ที่แสนวิปโยคโศกเศร้าสะเทือน
ร้าวราน.... ไปกับ..ภัยพาลของชนในชาติเดียวกัน
ที่นับวัน
จะสิ้นไร้ความรู้รักสมานฉันท์สามัคคี
จนบางที
อาจจะพบกับคำว่าสายเกิน..เมื่อ..สิ้นชาติ..!
............................

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song510.html!
แผ่นดินของเรา สันติ ลุนเผ่ 
แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา ชาติไทย
ใกล้ไกล
ย่อมเป็น ของเรา ชาติไทย
เลือดไทยไหลโลม ลงดิน
ใครหมิ่น ศักดิ์ศรี คนไทย
ย่อมมีวัน สักวัน ให้ไทย
ล้างใจ อัปรีย์
แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา อยู่ดี
ที่ใด ย่อมเป็นของไทย อยู่ดี
หากเชือดเฉือนไป คราใด
ย่อมแสน หวั่นไหว ชีวี
ปฐพี แหลมทอง ช่วยกัน
คุ้มครองป้องกัน
แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา อยู่ดี
ที่ใด ย่อมเป็นของไทย อยู่ดี
หากเชือดเฉือนไป คราใด
ย่อมแสน หวั่นไหว ชีวี
ปฐพี แหลมทอง ช่วยกัน
คุ้มครองป้องกัน
สัก วันต้องคืนกลับมา
มั่นใจ เถิดหนา
ขอพลี ชีวารักษาชาติไทย
ชาติไทยคู่ฟ้า
เลือดทา แผ่นดิน... 
 

aishwarya_rai_3.jpg
จากเสี้ยวนึง
ในเรื่องรักชาติแผ่นดิน..ของพุดพัดชา
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem62004.html!
สไบนวลสไบนาง!

.............................
........................................
.............................................
ผู้ชายคนเดิมคนดีผิวสีทองแดง..กำลังเอนอิงในอ้อมตัก
ในห้องหับเรือนไทย
ที่ได้กลิ่นเกสรดอกไม้หอมเศร้า
เคล้าอวลมากับสายลมบางเบา..


เขาช้อนสายตาแห่งรัก
ราวพิมพ์พักตร์ผุดผ่องนวลเนื้อทอง
ที่ค่อยๆประคองหน้าลูบไล้อย่างแผ่วเบาอ่อนหวาน
น้ำตานัยน์เรียวตาเศร้าราน
ค่อยๆระรินหยดบนอกอุ่นแข็งแรง


เขาใช้มือสากไล้โลมเรียวแก้มหอมน้อมโน้มหน้านวล
ประคองจูบประทับรับขวัญซับหยาดน้ำตา


เสียงเขาราวลอยมาจากฟ้าแสนไกล
ปลอบประโลมใจหนักแน่น
นุ่มนวลอ่อนหวานอ่อนโยน..
*คนดีอย่าร้องไห้..
ข้าจำพรากไปพลีหยาดเลือดรัก
ทำหน้าที่ยิ่งใหญ่เพื่อผืนดิน
ให้เลือดละหลั่งรินจนหยาดสุดท้ายฝากไว้ทาแผ่นดิน*


ให้ลูกหลานไทยและโลกรู้ว่า
*กรุงศรีอยุธยาจะมิมีวันสิ้นคนดี*
ข้าขอพลีคำมั่นสัญญา
เอาหยาดเลือดชะโลมหล้าชะโลมดิน*ไม่รักตัวกลัวตาย*
*ให้รู้ว่า
ลูกผู้ชายชาติไทยหัวใจไท
หัวใจนั้นดั่งเหล็กกล้า
ให้ไอ้พวกข้าศึก..ได้สำนึกว่า..มันอย่าได้มาหยาม..
และ
ให้มันหลั่งน้ำตารดเท้าสังเวยข้า..ที่มันบังอาจ..นัก!*


*นวล..เจ้าเอย..
เจ้าผู้พิสุทธิ์ผ่องแผ้ว
จงถนอมแก้วถนอมขวัญถนอมใจ
รอวันที่ข้ากลับมา
กลักทองที่เจ้ามอบให้ข้านั้น..*


*ให้เจ้าจงรู้ว่า
คือที่รวมขวัญพลี
ที่รวมจิตวิญญาณข้ามิให้พรากไกล
ถึงร่างเราจำไกล 
แต่หัวใจเราสองดวงนั้น..
ได้พลีคำมั่นสัญญา
ยอมร่วงลงสู่ปวงพื้นพสุธาพร้อมกันแล้วมิใช่ดอกละหรือ.*


*และจะยึดถือคำสัตย์มั่นมิปันแยก
จะกี่ภพกี่ชาติ
ให้พิสวาสดั่งคู่บุญญา 
จะตามติดเป็นพุทธมามกะ
ขออธิษฐานจิต
สถิตทอดคู่กันตลอดไปชั่วกัลปาวสานต์นะนวล*


*เจ้า..ชวนข้าไปจุดเทียนมงคลบนบานในโบสถ์คร่ำ*
เจ้ารู้ไหมยามนั้น
ข้าเห็นเจ้างามตามแสงเทียนทองทอ
งามใดไหนเล่าเจ้าเอย
จะงามเท่าจิตไสว
ที่พร่างสว่างสงบอยู่ภายในกายเจ้านะแม่สไบนวล*


และ
*ข้าแสนรัญจวนใจ
เมื่อยามคิดว่าร่างเจ้านั้นงามเสียยิ่งกว่านางใดในปฐพีนี้*
ที่ข้าจะขอพลีเสน่หามิเสื่อมคลาย


*ใกล้สว่างแล้ว..ดุเหว่าแว่วเรไรร้อง
ไหนเจ้าบอก
จะเก็บดอกไม้หอมหอมมาให้ข้าห่อไว้ชายสไบ
ให้ข้านำติดตัวไปอย่างไรเล่า*


แต่
*ถึงไม่มีไม้หอม
กลิ่นนวลก็ราวพยอมหอมอวลในอกในใจข้าเสมอมา*


*จำเอาไว้นะนวล..
กลักทอง
คือกล่องเก็บนิรันดร์รักแห่งเรานะเจ้ายอดดวงใจ*
และ
*ยามสุดท้ายแห่งลมหายใจข้า
สไบนางของเจ้าผืนนี้
จะคู่ร่างคู่ชีวีคู่จิตวิญญาณข้าไปในทุกหน*


*ข้าจะใช้มันซับหยาดเลือดและน้ำตา.
ที่ข้าจะพลีจนหยาดสุดท้ายเพื่อปกบ้านป้องเมือง
.ที่ข้าจะไม่มีวันเสียดายเสียใจ*
หากทุกหยดเลือดนั้นจะหยาดรินแม้สิ้นสาย
เพื่อเกียรติภูมิแห่งผืนดิน
พื้นพสุธานี้ที่ข้าแสนรักเสียยิ่งนักแล้ว*


*ข้าขอสัญญานะนวล
เจ้าจงอย่าได้กำสรวลหวนไห้หาข้า
อย่าเหว่ว้าดายเดียว
หากดวงชีวิตข้าถูกปลิดปลงลงสังเวยมาตุภูมิแม่*


*ข้าผู้ไม่แพ้
จะรอเจ้า.บนฟากฟ้า
รอเวลาเราสองได้ครองคู่กัน
จะนานสักกี่กัป์ปกัลป์ข้าก็จะรอเจ้านะนวล*


ให้เจ้า..นวลละออจงไปวัดเพียรภาวนา
และอธิษฐานจิตทุกเวลา


*และเจ้ารู้..
ข้าจะสถิตทอดทุกที่
ในผืนดินนี้เพื่อปกป้องคุ้มครองเจ้า
............................
.......................................
.................................


http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_60930.php
สไบนาง    แสนย์  
เจียนหมากพลูสู่พี่ชายรออ้ายกลับ
ตั้งตำรับเตรียมข้าวปลากระยาหาร
มะลิน้อยลอยบนขันไว้ประทาน
หลังเสร็จงานออกศึกอ้ายจักคืน
.....................................
..ท้องฟ้าเหนือกรุงศรีอยุธยา..ยามนี้ดูมืดมิด ราวกับพายุลูกใหญ่กำลังจะพัดผ่านมาเยือน
เสียงกลองศึก ดังกระหึ่ม...สัญญาณ...เตรียมออกศึกเริ่มขึ้นแล้ว
อีกไม่นาน..เลือดจักหลั่งไหลนองอาบพื้นธราดล..สองเผ่าชนจักห้ำหั่น
ฝ่ายหนึ่ง...เพื่อครอบครองผืนแผ่นดิน
ฝ่ายหนึ่ง....ปกป้องแผ่นดินเกิดแลแผ่นดินตาย
สดับเสียงพละพลแล..กลองศึก
คะนองคึกตีฝ่าข้ามไพรศรี
หมายห้ำหั่นดัสกรหมู่ไพรี
ป้องกรุงศรี..แผ่นดิน..ถิ่นเรือนตาย
กำดาบสู้ใจหวนอยู่คู่นุชนาฏ
อ้ายนิราศใครจักป้องจากเหตุร้าย
แต่ดนัยมีศักดิ์แห่งชาติชาย
มิอาจหมายหนีทัพกลับมาแล
พลันยินเสียงอัสนีฟาดกึกก้อง
สะเทือนร้อง ดวงหทัย ใฝ่หาแม่
สังหรณ์เหตุอาเพศร้ายในดวงแด
เกรงนวลแขถูกลอบกล้ำช้ำเรือนกาย
ยามพะวงดาบหนึ่งถึงอุระ
ใจเจ็บแปลบคล้ายจะแหลกสลาย
สิ้นเรี่ยวแรงแห่งกำลังประคองกาย
เฮือกสุดท้ายน้ำเนตรหลั่งพลั่งสู่ดิน
ผะแผ่วปราณ..มานชิดเจ้าจอมใจ
เพียงสไบแนบทรวงก่อนลมสิ้น
ยกขึ้นดอมยังหอมหวนอวลระริน
ซับน้ำตาจิตโบยบินไปซบนวล
ร่ายโศลกโศกแจ้งแถลงเอื้อน
ชะตาเฟือนเลือนลบภพกำสรวล
สิ้นแล้วหรือวาสนากับเนื้อนวล
ไม่ทันหวน..ก็เลยลับ...ไป่กลับเรือน
ฤา...จุดจบของนักรบ..มิแผกกัน...  


http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_60693.php
กลักทอง แสนย์ 
ยามรุ่ง..ก่อนเสียกรุงศรีอโยธยา
เปิดกลักทองรอง ผ้าตาด นาฏมอบให้
กรุ่นละไมกรรณิการ์ มณฑาหอม
อ้าย..ยังจำวันรับกลักจากหัตถ์พะยอม
สร้อยถนอมบรรจงวางตรงกลางกร
ให้โหยหวนครวญหา..คราอดีต
แว่วจำเรียงเสียงไพเราะเสนาะกรรณ
ถ้อยจำนวรรจ์ฝากความจากสมร
สื่อลำนำเสน่หาก่อนอ้ายจร
ให้ภาดรเก็บไว้แทนใจนาง
สอดกลักน้อยกลอยใจไว้ใต้เกศ
ข่มเทวษโทมนัสก่อนสะสาง
ทวงหนี้เลือดเชือดพม่าแด่นวลนาง
อ้ายจักใช้เลือดมันล้างปฐพี
ก้มกำดาบอาบมนต์ไพรีพินาศ
ยามแกว่งวาดอริราชจุ่งถอยหนี
คม แกร่ง แข็งดั่ง วิเชียรมณี
ใช้สับร่างไพรีให้แหลกราญ
ท่ามพสุธ..อยุธยาธราภพ
เลือดนักรบจักหลั่งลงอย่างกล้าหาญ
จวบร่างแหลกกายดับลับวิญญาณ
อยู่บำราบอริมารผลาญแผ่นดิน
สิ้นแสงอรุโณทัย...เพลิงเผาไหม้ศรีเทพนคร..บัดนั้นอโยธเยศก็สิ้นลง...
กลักทองต้องพื้นพสุธา
พร้อมวิญญาชาตินักรบก็จบสิ้น
ชลนาหยาดสุดท้ายต้องแผ่นดิน
ไฟชีวินมอดมลาย..สลายลง......
..............

				
comments powered by Disqus
  • อัลมิตรา

    26 มีนาคม 2550 12:41 น. - comment id 676567

    ข่าวทางใต้ก็ยังไม่ผ่อนคลาย ข่าวใหม่ก็เกิดเป็นระลอก
    น้าชายของอัลมิตราเป็น ตชด. จึงทำให้รู้สึกผวาทุกครั้งเมื่อได้ยินข่าว
    ไม่ว่าจะเป็นข่าวระเบิดตูมตาม ร่างพรุนกระสุน 
    หรือจะเป็นการถูกจับกุมไปโดยกะเหรี่ยงพเนจรกลุ่มหนึ่ง
    
    จากคนที่พยายามเลี่ยงข่าวการเมืองร้อน ๆ 
    ก็กลายเป็นว่า เรื่องร้อน ๆ นั้นมันยิ่งประชิดตัวขึ้นทุกที
  • ร่มสัก

    26 มีนาคม 2550 12:54 น. - comment id 676575

    ขอพรพระให้คุ้มไทย ให้รอดปลอดภัยพาล
    อริราชศัตรูผู้คิดร้าย ขอให้มันมลายฉิบหายแพ้พ่ายไปให้สิ้น อย่าได้ยืนอยู่ยั้งได้ในแผ่นดินของนรชน ให้มันทั้งหลายล่วงลับกลับสู่อบายในกาลบัดดล...
  • ทะเลใจ

    26 มีนาคม 2550 13:05 น. - comment id 676587

    ห่วงใย ... พี่น้องร่วมแผ่นดินทุกคนเลยค่ะพี่พุด ..36.gif36.gif
  • ทวารวดี

    26 มีนาคม 2550 14:12 น. - comment id 676655

    36.gif16.gif12.gif
    ความรักสูงสุดเหนือรักใดๆคือความรักชาติ เสียสละเพื่อแผ่นดิน เพราะกว่าจะเป็นชาติไทยได้ต้องเสียสละเลือดเนื้อชีวิตนับไม่ถ้วน อันบรรพบุรุษของแผ่นดินมี เจ้าศรีอินทราทิตย์ พ่อขุนรามคำแหง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จนถึงรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช...ภัทรมหาราช กว่า ๘๐๐ ปีมาแล้ว 
    
    ทำไม กะเหรี่ยง ปาเลสไตน์ เชชเนีย ไม่เป็นชาติที่สงบสุข ประชาชนต้องเดือดร้อนด้วยไฟสงครามตลอดเวลา เพื่อเปรียบเทียบให้คนไทยรู้สำนึกถึงบุญคุณอันยิ่งใหญ่นี้ ขอจงรวมใจเป็นศูนย์รวมเพื่อชาติ มิใช่เพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ฟื้นฟูความเข้มแข็งกลับสู่ชาติไทยอีกครั้ง ขอบคุณงานเขียนของ พุดพัดชา ที่ชี้ให้เห็นสิ่งนี้มาตลอด ขอบุญบารมีทั้งหลายเหล่านี้ จงส่งผลให้ประสบความสุข ความสำเร็จทุกอย่างในชีวิตนี้ อีกทั้งแบ่งปันแด่ทุกๆคน ตลอดไป
    36.gif16.gif12.gif
  • ก่องกิก

    26 มีนาคม 2550 14:26 น. - comment id 676668

    พุดพัดชา..อยากเกิดมาเป็นนักรบ..
    ถ้ามีพุด ก็ต้องมีพี่
    คอยเคียงข้าง
    พุด
    ตลอดไป
    16.gif
  • ..สีน้ำฟ้า..

    27 มีนาคม 2550 02:37 น. - comment id 676867

    36.gif29.gif
    
    สวัสดีค่ะพี่พุด

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน