ดั่ง..หยาดน้ำค้างเพชรพร่าง ณ กลางใจไทยทั้งชาติ..!

พุด

king_003.jpgking_001.jpg02_400.jpg
ดั่งหยาดน้ำค้างนิรมิต
หยาดให้จิบทั้งพสุธา
โลกหมุนไปกี่ทิวา
ร่มฉัตรฟ้ายังป้องไทย
เป็นแบบอย่างแห่งความรัก
เป็นศรีศักดิ์แสงไสว
เป็นเทียนทองส่องนำใจ
เป็นจอมใจเหนือราชันย์
คือเพชรแห่งแผ่นดิน
องค์ภูมินทร์พระมิ่งขวัญ
ประดับไทยไปนิรันดร์
เทพสวรรค์บันดาลดล
ถวายภักดีด้วยดวงดาริกา
บนฟากฟ้าทั่วสกนธ์
พร่างพราวทั่วเวหน
แทนกมลสำนึกในหยาดน้ำค้างพระหฤทัย...!
.............................................................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem109374.html
โลกวันนี้สีชมพูผ่องพราว
คืนเหน็บหนาวทั้งพสุธาไทยหายสิ้น
ไทยทั้งชาติปิติกราบแทบเบื้องพระยุคลบาทน้ำตาริน
เจ้าแผ่นดินผู้ครองใจไทยทั้งปวง
คือพระมิ่งมงคลกมลดั่งเพชรพร่าง
ทุกก้าวย่างสอนสัจจธรรมดำเนินล่วง
หยาดพระเสโทร่วงพราวราวหยาดเพชรสู่เรียวรวง
เพื่อให้ปวงพสกนิกร..มีกิน..
หยาดน้ำใจใสงามประดุจดั่งน้ำค้างฟ้า
ระรินหล้าทุกหนแห่งดับแล้งสิ้น
รักห่วงใยแก้ไขปัญหาให้ทั้งแผ่นดิน
ไททุกชีวินตามรอยบาททุกชาติภพ
ขอมอบกายถวายมโนชีวีธุลีหล้า
แด่ชาติศาสนาตราบดินกลบ
ทำความดีตามรอยพ่อจิตน้อมนบ
เพียรอธิษฐานขอพบ..พระมิ่งขวัญนิรันดร์กาล...!
.........................................................


พระบารมี เปรียบร่มฉัตรเทิดเหนือใจ ไทยคุ้มครอง
พระประดุจ ทุกธารน้ำใส ในโลกนี้ 
พระประดุจ ทุกความดี แสนยิ่งใหญ่ 
พระประดุจ จอมขวัญเกล้า ของชาวไทย 
พระรวมใจ ราษฎร์จงรัก และภักดี 
ทุกดำเนิน แห่งพระบาท ยามไทยทุกข์ 
ทุกกลียุค หยาดน้ำใจ ไม่ถอยหนี 
ทุกยากไร้ ชาวไทย จำได้ดี 
พระบารมี เปรียบร่มใจ ไทยคุ้มครอง 
ทุกพระราชดำริ ทุ่มเทให้ ไทยทั้งชาติ 
ทุกเสโท ที่หยาด เพื่อไทยผอง 
ทุกปัญญา คิดกอบกู้ เฝ้าทดลอง 
หวังไทยต้อง อยู่ด้วยรัก สามัคคี 
ทุกดำรัส จดจำไว้ ในชีวิต 
น้อมดวงจิต ชาวไทย ตราบชีพนี้
ให้ทุกคน ล้วนมุ่งทำ แต่ความดี 
เป็นราชพลี เทิดพระบาท ปราชญ์ของไทย 
หกสิบล้านดวงใจไทยวันนี้ 
ทุกความดี เย็นชื่นฉ่ำ หยาดน้ำใส 
ทุกทุกชึพ พลีเรียงร้อย ถวายพระพรชัย 
ยอดกษัตริย์ไทย ฉลองรัฐ เฉลิมสุข ตราบนิรันดร์...!
.......................................

00244_28805.jpglotus_bloom.jpgหยาดพระเสโทร่วงพราวราวหยาดเพชรร่วงพลีแด่ผืนพสุธาไทนี้..แล..ผองชน..

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.html
(อัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์*รัก)

สองดวงใจ....
ลำน้ำน่าน....พุดพัดชา
ดั่งธุลีหล้า...
ข้าแห่งแผ่นดินไทผืนดินธรรมแผ่นดินทอง
ขอ..
ปองมั่นหมายจิต
อธิษฐานนิรมิตทิพยทองสร้อยภาษาอักษราไทย
ด้วย...
ดวงใจพิสุทธิ์ใส...
ดั่งหยาดน้ำค้างกลางหาวห้วงแห่งกตเวทิตา
สำนึกรู้...
ในพระเมตตาพระมหากรุณาธิคุณ
ขอน้อม..
ศิระกรานกราบ..ณ..แทบเบื้องพระยุคลบาท
ด้วยแรงแห่งรักภักดี
พลีเทิดพระเกียรติแด่องค์ราชันขวัญชาติ

ด้วย...
บทความเรียงพร้อมบทกวี
*พบพุทธบุญเพรงสยาม*
เพื่อ..
เทิดไท้สดุดี..
พระปิ่นเพชรจอมขวัญจอมใจไทยทั้งชาติ...
เนื่อง..
ในวโรกาสมงคลสมัย
ที่พระองค์ทรงเถลิงถวัลยครองสิริราชสมบัติ
*ครบรอบ60ปี
ด้วย..
ทศพิธราชธรรม 
ที่ธ..ทรงนำไทยให้แสนสุขสงบร่มเย็นเป็นสุข...
บรรเทาทุกข์ ทุกหย่อมหญ้า 
ด้วย..
พระปรีชาสามารถที่ทรงมองเห็นการณ์ ไกลเป็นยิ่งนัก


และ..ยังทรงตรัสสอน
ให้รู้จักใช้ชีวิตอย่างสมถะเรียบง่าย
พอดี พอเพียง...มาอย่างช้านาน...
เพื่อปกบ้าน..
ป้องเมืองของเรานี้
เอาไว้..
ให้ลูกหลานไทยได้มีอิสระเสรี
ที่จะยังคงมีผืนดินหยัดยืน ได้อย่างทรนง 
คงความเป็นไท ให้..แสนภาคภูมิปิติใจ
ไปตราบชั่วกาลนานเนานิรันดร์...
................................. 


พบพุทธบุญเพรงสยาม..ลำน้ำน่าน
๑) อยุธยายศล่มแล้ว...........ลอยสวรรค์ ลงฤา*
โคลงสะอื้นรำพัน.................ศึกแพ้
แรมนิราศจาบัลย์................บุณย์รักษ์ เวียงแล
อินนรินทร์ธิเบศร์แล้...........ร่ำร้าวโคลงหวนฯ
(*นิราศนรินทร์)
(๒) เศวตฉัตรช่อฟ้า............    วงศ์สวรรค์
เก้ารัชกาลบรร-...................    จบแล้ว
รัตนวงศ์วรรณ....................    วัฏแผ่น ดินแฮ
สันตติวงศ์แพร้ว.................    ร่วงรุ้งเรืองสยามฯ
(๓) แดง...ฤกษ์ไทฤกษ์ด้าว..    ดำเกิง สุรีย์แล
แดง...เลือดหลั่งเลือดเชิง.....    ศึกเชื้อ
แดง...มารมอดมารเพลิง......    พ่ายพุทธ
แดง...ชาดหรคุณชาดเกื้อ.....   เลือดแก้วละเลงสยามฯ
(๔) น้ำเงินงามรามร่มเกล้า....   เครือกษัตริย์
กษัตริย์เกษมวิวรรธน์.............วรทล้ำ
ล้ำแผ่นสุพรรณบัฏ...................บรมราช- วงศ์แล
ราชธรรมเพียบพร้ำ.................พุทธพร้อมพรสยามฯ
(๕) เขียว..กระทงตองท่องท้อง...ธารทอง
เขียว...ทุ่งข้าวรวงรอง...............ระบัดกล้า
เขียว...ผักคละครองคลอง.........เครียวยอด 
เขียว...พระมรกตหลักหล้า........เหล่านี้มณีสยามฯ
(๖) ขาว...กลีบแก้วพุดซ้อน.......แซมทรวง
ขาว...หยดน้ำค้างยวง...............หยาดน้ำ
ขาว...ข้าวดอกมะลิรวง..............หุงใหม่ 
ขาว...ดอกบัวไป่ช้ำ...................ผ่องแผ้วพุทธถวายฯ
(๗) เหลือง...รวงพวงพุ่มข้าว......โพสพสรม
เหลือง...พัสตร์สงฆ์รงค์ลม.........รุ่งคุ้ง
เหลือง...อรุณแรกขานขรม........ขมิ้นเพรียก 
เหลือง...บุปผาร่วงรุ้ง................เรื่อแล้วลานสยามฯ
(๘) แว่วตะโพนแผ่วพ้น...........เพลบุญ
โพ้นวรรษาราพิกุล...................เกี่ยวข้าว
ปรางค์สางรุ่งอรุณ.....................ระดะยอด อวดแฮ
บุญสยามค่ำเช้า........................ชาติฟื้นเกษตรศานต์ฯ 
(๙) ขึ้นสิบห้าค่ำไหว้..................วิสาขา
เทียนรุ่งร่ำเรียมตา...................ตาดเคื้อ
นวลเดือนอาบปฏิมา.................มณฑป 
อาบโบสถ์เทียนอาบเนื้อ...........นุชหน้าพัสตร์สงฆ์ฯ
(๑๐) ไขประทีปประดับต้น.........รัตติธรรม
สงฆ์แว่วแจ้วลำนำ...................นพน้อม 
เพลาพร่าจันทรารำ-.................ไรยอด โพธิ์แล
โบสถ์ค่ำพัสตร์ภายพร้อม..........พร่างพื้นแขไขฯ
(๑๑) ข้าวออกรวงดกแล้ว..........ละลานตา
ไหวว่ายตะเพียนปลา...............ผุดปลื้ม
พลบค่ำเพรียกวิหคนา............ นางเพรียก ละเมอฤา
แรมล่าอริราชครึ้ม...................ศกคล้อยเรือนหายฯ
(๑๒) ทองหยิบเคยหยิบป้อน......เพลา เสมอนอ
เรียมหยาดหวานหยาดตา.........ขยิบซึ้ง
เรียมหยอดรักหยอดยา.............หยดพิษ
แรมรักร้าวรักทึ้ง......................หยิบแย้มแซมขมฯ
(๑๓) รอนตะวันลับเศร้า...........บึงอุบล
จันทร์แจ่มแย้มนวลยล............เยี่ยมฟ้า
ขิมครวญดั่งครางคน.................ครวญพี่ นะแม่
นิราศเรียมห่างหน้า.................ห่อนได้แลเห็นฯ
(๑๔) ปรารถนาภาพลึกล้ำ.........ละเลงบุญ
เกล็ดทิพย์ลิบละมุน..................ม่านน้ำ
อารยธรรมค้ำจุน......................จวบค่ำ
เจ้าพระยาพาข้าม......................ล่องฟ้าสวรรค์สยามฯ
(๑๕) ทอดสะพานล่องข้าม..........แขนงชล
ระยับหมอกดอกอุบล.................เบ่งใต้
บัวเรียมระเมียรยล..................หยั่งย่าน ชเลแล
บัวสี่เหล่าเนาไซร้.....................สร่างสิ้นธรรมสรรค์ฯ
(๑๖) พรพรหมธรรมแต่เบื้อง....บุราณกาล
สืบแผ่นดินระรินมาลย์.............อะคร้าว
ข้าวจวักตักถวายทาน...............ทรวงบาตร อรุณแล
พบพุทธบุญเพรงข้าว................กนกเนื้อนาถสยามฯ
(๑๗) พุทธคุณไตรรัตน์ล้ำ.........รวีอรุณ
พุทธุปบาทกาลบุญ....................เบิกฟ้า
พุทธศาสนิกละมุน...................พุทธชาด สยามนอ
พุทธบุตรโชติชวาลหล้า.............สว่างเพี้ยงพันแสงฯ
(๑๘) เพชรพิกุลเกล็ดแก้วร่วง..พะไลทราย
พันพร่างธรรมทองพราย...........พิจิตรฟ้า
มะลิหล่นร่วงโรยวาย.................วัฏจักร
เบิกรุ่งบุญระบายหล้า............... โบสถ์เบื้องระเบียงวิหารฯ 
(๑๙) บัวบังใบตะไคร่ครึ้ม..........บัญจรงค์
บังอุบลจตุวงศ์..........................เวี่ยน้ำ
เบญจภูตโพชฌงค์....................ฌาปนกิจ บังฤา
เบญจขันธ์กิเลสล้ำ....................ยากยั้งบังไฉนฯ 
(๒๐) เบญจขันธ์กิเลสรั้ง............ยามโยค ญาณเอย
ทุกข์สร่างหมางเศร้าโศก...........สร่างสิ้น
วิปัสสนาวิโมกข์........................วิมุตติ
เบี่ยงบ่วงอบายหวิ้น..................วิวัฏโพ้นพรหมสวรรค์ฯ
(๒๑) ปราชญ์ใดในโลกร้าง.......ธรรมา
แสวงสว่างศาสนา....................เสน่ห์น้อม
ฤาประลาตพันธนา...................เนืองยศ 
กิเลสรัดมายาย้อม....................ขุ่นข้นใจถลำฯ
(๒๒) ปวงปราชญ์ปรัชญ์ก่อเคื้อ..กวีนิพนธ์
เพาะบ่มอักษรมนตร์.................มิ่งแก้ว
ค่าคำรดเหล่าอุบล.....................บริพัตร ทวีปนา
สงฆ์สะแบงกลดแล้ว.................เกียรติคล้อยครืนหลังฯ
(๒๓) เงาเมรุเงาวัดเวิ้ง.............ไพหาร
พุทธะหลั่งวิญญาณ....................หยาดไว้
ชะรอยพุทธเพรงกาล................มาล่ม ลงแล
ธารพระธรรมผากไร้................ร่อยร้างมลายขวัญฯ
(๒๔) พรายน้ำวาววับน้ำ...........นองพระยา
เงาโบสถ์คร่ำลำนาวา................ลิ่วลื้น
ไหลลอยล่องชีวิตมา..................มาดมุ่ง เมืองแล
จมคลื่นกระแสไป่ฟื้น...............ฝากน้ำซากสลายฯ
(๒๕) ปณิธานไพร่ฟ้า...............กวีไพร
พลีหลั่งเลือดละไม....................มุ่งฟื้น
ปลุกสำนึกดื่มดวงใจ.................ชนชาติ กวีนอ
กราบแผ่นดินน้ำตารื้น.............รักษ์ร้อยชาติสยามฯ
..............................


ดวงสุริยเทพ...
กำลังเผยโฉมอวดองค์อย่างสง่างาม
แผ่สร้านกำจายรัศมีสีรุ้งฉายฉาน
ปานประหนึ่งดั่งมณีแก้ววิเศษนพรัตน์อันจำรัสจำรูญ


ไขแสงสายพรายเหนือฟ้า*รัตนโกสินทร์*
แผ่นดินทองแผ่นดินไท..
แผ่นดินสาลีเกษตรอันแสนกว้างใหญ่ไพศาล
อัน..
ยังคงงามไสว..ด้วยเรียวรวงระย้าระยับ...
ราว..ถูกหัตถ์ทิพย์ปรายโปรย
โรยละอองอาบด้วยอัญมณีเพชรพราว..ระยิบ...


ตะวัน..ดวง...
ที่โชติช่วงฉายฉานเฉิดฉันท์พรรณราย
งามที่สุดในแผ่นดิน...ณ..วันนี้ในวันนี้
วันที่9มิถุนายนพุทธศักราช2549
วันครบรอบเฉลิมฉลองครองราชย์ครบ 60ปี
แห่ง..
องค์พระมหาจักรพรรดิในดวงใจ..ของปวงชนชาวไทย


สายแสงแดด..ดั่งดาดทองดาดเพชรพราว
งามอะคร้าว...ตกต้อง..ลงกระทบผืนหล้าฟ้าไทย
ที่กำลัง...
พร่างไสว...ราวมีรัศมีสีเหลืองทองสุกปลั่ง
แห่งแก้วโกเมนมณีงามผ่องผุดจรัสชัชวาลย์
ขึ้นมา..
ในแดนดินสุวรรณภูมิพุทธิ์..ให้แสนพิลาสพิไล


ปวงเทพยดาฟ้าดิน..สิ้นทั้งมวลมนุษย์ทั่วโลกหล้า
ต่างพา..
กันมาเฉลิมฉลองแซ่ซร้องสรรเสริญสดุดี
ดั่งมี..
เสียงทิพยดนตรี มีเพลงพิณ..
ลอยมาจากแดนเทวสวรรค์ทุกชั้นฟ้า
ที่ทวยเทพเทวา ต่างพากัน..
มาดีดสีพลีบรรเลงดั่งเพลงพรหมเสนาะ..สนองพร


สายน้ำเจ้าใจพระยา...ในทิวาราตรีนี้
ดั่งกระแสธารสีทองล่องไหลมาจากแดนดินศักดิ์สิทธิ์
มหาบรรพตหิมพานต์ 
ทิพยพิมานฟ้าขวัญแดนสวรรค์สรวง
ทอดตัวนิ่งเงียบสงบ 
เคี้ยวคดดั่งพญานาคจากแดนบาดาล..
รอรับขบวนพยุหยาตรา
อันแสนเกริกเกียรติเกรียงไกร
อัน...
แสนงามยิ่งใหญ่..
ซึ่งหามีไม่แล้วในพื้นปฐพี
ที่จะหาที่ไหนมาเทียมทันดั่งสวรรค์ลอย.....


แสงสีทองพร้อยแพร้วพร่างพราย
สาดส่องทั่วมหานทีธารเจ้าพระยา
ดั่งสายแสงแห่ง..
*มณีสวรรค์*
หยาดสายหวานหว่านเย็นลงประดับโลกหล้าแลฟ้าไทย


เสมือนเสมอ..
รัศมีหยาดเย็นแห่งน้ำพระทัย
ดั่ง...
น้ำค้างแก้วน้ำค้างฟ้า น้ำฝนทิพย์
หยาดอมฤตให้พสกนิกรไทยได้จิบ 
ด้วยดวงจิตแสนไสวเกษมเปรมปรีย์ปิติ
เปี่ยมล้น
ด้วย...
ความซึ้งค่า ในน้ำพระทัยมากล้นพระเมตตา
แสนชื่นชมโสมนัสในพระบารมี
แห่งพระบรมมหากษัตราธิราชเจ้า
นาม...
*พระภูมิพลนวมินทร์มหาราชา...*
พระโพธิทองร่มฟ้า..ร่มฉัตร...
แห่งผืนดินไทแผ่นดินธรรม...
พระ..
ผู้เปรียบดั่งสายธาราระรินใสสะอาด
ที่..เพียรหยาดสายพรายแผ่รัศมีฉ่ำเย็น
ดั่งมาจากธารทองแห่งพรหมโลก 
มาดับร้อนผ่อนโศก ให้โลกนี้แสนงาม...
ไป...จน...ตราบชั่วกาลกัปป์กัลป์...นิรันดร...
...............

กองทัพเรือจัดกระบวนพยุหยาตราทางชลมารค
ในโอกาสประชุมเอเปคในประเทศไทยพุทธศักราช ๒๕๔๖
ประพันธ์โดย นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัยผู้เห่ 
พลเรือตรี มงคล แสงสว่าง
           
 บทที่ ๑ชมเรือ
ลอยลำงามสง่าแม้น................มณีสวรรค์    
หยาดโพยมเพียงหยัน...........ยั่วฟ้า    
สายชลชุ่มฉ่ำฉัน                    เฉกทิพย์ ธารฤา    
ไหลหลั่งโลมแหล่งหล้า            หล่อเลี้ยงแรงเกษม 
เรือเอยเรือพระที่นั่ง              พิศสะพั่งกลางสายชล    
ลอยลำงามสง่ายล                   หยาดจากฟ้ามาโลมดิน    
สุวรรณหงส์ทรงภู่ห้อย             งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์    
โอดโฉมโสมโสภิน                  ลินลาศเลื่อนเตือนตาชม    
นารายณ์ทรงสุบรรณ              ดังเทพสรรเสกงามสม    
ปีกป้องล่องลอยลม                  ดุจเลื่อนฟ้ามาล่องลอย    
กระบี่ศรีสง่า                          งามท่วงท่าไม่ท้อถอย    
เรือครุฑไม่หยุดคอย              ยุดนาคคล้อยลอยเมฆินทร์    
อสุรวายุภักษ์                         ศักดิ์ศรีคู่อสุรปักษิน    
พายยกเพียงนกบิน               ผินสู่ฟ้าร่าเริงบน    
เรือแซงแข่งเรือดั้ง                พร้อมสะพรั่งกลางสายชล    
เรือชัยไฉไลล้น                     ยลเรือกิ่งพริ้งเพราตา    
ยักษ์ลิงกลิ้งกลอกกาย             แลลวดลายล้วนเลขา    
รูปสัตว์หยัดกายา                   พาโผนเผ่นเป็นทิวธาร    
นาวาสถาปัตย์                        เชิงช่างชัดเชี่ยวชาญฉาน    
ท่อนไม้ไร้วิญญาณ                 ท่านเสกสร้างเหมือนอย่างเป็น    
ฝีมือลือสามโลก                      ดับทุกข์โศกคลายเคืองเข็ญ    
ยิ่งยลยิ่งเยือกเย็น                 เห็นสายศิลป์วิญญาณไทย    
เจ้าเอยเจ้าพระยา                  ถั่งธารามานานไกล    
เอิบอาบกำซาบใจ                   หล่อเลี้ยงไทยแผ่นดินทอง    
รวงทองเหลืองท้องทุ่ง              แดดทอรุ้งเหนือเขื่อนคลอง    
ข้าวปลามาเนืองนอง               เรือขึ้นล่องล้วนเริงแรง    
วัดวาทุกอาวาส                       พุทธศาสน์ธรรมทอแสง    
น้ำใจจึงไหลแรง                    ไม่เคยแล้งจากใจไทย    
เกลียดใครไม่นานวัน            แต่แรกนั้นนานกว่าใคร    
เจ้าพระยาหยาดยาใจ             คือสายใยหยาดจากทรวง    
เห่เอยเห่เรือสวรรค์               เพลงคนธรรพ์ลั่นลือสรวง    
ฝากหาวเดือนดาวดวง            อย่าลับล่วงอยู่นิรันดร์เทอญ. 
บทที่ ๒
ชมเมือง
สยามเอยอุโฆษครื้น             คุณขจร    
สุขสถิตสถาพร                      ผ่านฟ้า    
ไตรรงค์ลิ่วลมสลอน             .อวดโลก    
ตราบเมื่อนี้เมื่อหน้า             เมื่อโน้นนิรันดร์เกษม 
  
สยามเอย สยามรัฐ               งามร่มฉัตรทัดเทียมโพยม    
กิตติศัพ์ขับประโคม              โคมครืนครั่นลั่นหน้าคง    
สุโขทัยไกลสุด                      ถึงอยุธยายง    
ธนบุรีลอยฟ้าลง                    ทรงศักดิ์ฟื้นคืนคุณขจร    
รัตนโกสินทร์ศิลป์                สืบระบิลอันบวร    
แม่นแม้นแดนอมร              ถอนจากฟ้ามาเมืองดิน    
เจ้าเอย เจ้าพระยา               ถั่งธารามาเรื่อยริน    
ทวยไทยได้อาบกิน               ลินลาศลุ่มขุมกำลัง    
งามเอย งามระยับ                 แวววาววับวัดเวียงวัง    
ย่ำค่ำย่ำระฆัง                       วังเวงหวานซ่านซึ้งเสียง    
เจดีย์ศรีสูงเหยียด                เสียดยอดท้าฟ้ารายเรียง    
ปรางค์ยอดทอดเงาเคียง       เลี้ยงตาเมืองเรื้องเรืองรมย์    
พืชพันธุ์ธัญญาผล                 เลี้ยงชีพชนดลอุดม    
นาสวนชวนชื่นชม               ร่มรื่นไม้ไพรพฤกษ์มี    
รอยยิ้มพิมพ์ใจสวย              ชนรุ่มรวยด้วยไมตรี    
เสน่ห์ประเพณี                     ศรีสง่ามานิรันดร์    
น้ำใจไม่เคยจืด                    อยู่ยาวยืดยิ้มยืนยัน    
ต่างเพศต่างผิวพรรณ           แต่ใจนั้นไม่ต่างใจ    
แขกบ้านแขกเมืองมา           ไทยทั่วหน้าพาสดใส    
ท่านมาจากฟ้าไกล                อยู่เมืองไทยไร้กังวล    
เทคโนอาจน้อยหน้า             แต่ข้าวปลาไม่ขัดสน    
สินทรัพย์อาจอับจน               แต่ใจคนไม่จนใจ    
บ้านเรือนไม่หรูหรา              แต่สูงค่าปัญญาไทย    
หนทางอาจห่างไกล               แต่หัวใจใกล้ชิดกัน    
ศาสนาสถาพร                      ประชากรเกษมสันต์    
ร่มธรรมฉ่ำชีวัน                   ฟั้นฝึกใจใฝ่ความดี    
ราชันขวัญสยาม                   ปิ่นเพชรงามปักธานี    
ร่มพระบารมี                        ศรีไผทฉัตรชัยชน    
ไตรรงค์ธงชัยโชค                 ลอยอวดโลกโบกลมบน    
ขวัญฟ้าขวัญตายล                 ล้นเลิศหล้าศักดิ์ศรีสยาม    
เมื่อนี้ตราบเมื่อหน้า              คงคู่หล้ากล้าเกียรติงาม    
ใครบุกรุกเขตคาม                ตามหาญหักรักษ์แผ่นดิน    
ฟ้าเอย ฟ้าสยาม                   งามกว่าฟ้าทุกธานินทร์    
เพลงสยามทุกยามยิน           วิญญาณปลื้มดื่มด่ำเอย


และ..ทุกบทความด้านล่างนี้
ที่น้อมพลีมาเรียงวางไว้...เพียงส่วนหนึ่ง
จากหลายร้อยเรื่องที่พุดพัดชารจนานานมา...หลายปี
เพื่อน้อม*สดุดีพระองค์ท่าน..
ผู้ทรงเททุ่ม
*หยาดพระเสโทพราวราวหยาดเพชรพลี
แด่พสกนิกรแลผืนดินไท*ค่ะ
...................................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem42257.html
ความฝันอันสูงสุด
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=83930
น้ำพระทัยสู่รวงข้าวราวรวงเพชร
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem71714.html
ลีลาวดีมณีรุ้ง
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=76322
ขวัญข้าวขวัญชีวิต
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem64557.html
แด่พสุธาที่ข้ารัก
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem76049.html
แผ่นดินของเรา
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=80090
แผ่นดินเดือด
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=81097
เพดานดาว
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=79708
ผ้าไทไหมทอง
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=79639
พระแม่ขวัญมิ่งเมือง
http://www.thaipoem.com/forever/poem.php?poemid=83932
ดวงตะวันธันวา
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem68585.html
ฟ้าพุทธภูมิ
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem64605.html
อัญมณีไท
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem67010.html
มงกุฏแก้วประกายพฤกษ์
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem65081.html
มุกดาเพ็ญ
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem62004.html
สไบนวลสไบนาง
http://truehits.net/let/index.php?id=29&pageNum=29
เพลงเห่เรือ
http://www.rta.mi.th/52200u/songs/honor.htm
เพลงสดุดี
.....................................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6196.html
รัก ....เพลงพระราชนิพนธ์ 
รักทะเล
อันกว้าง ใหญ่ไพศาล
รักท้องฟ้า โอฬาร สีสดใส
รักท้องทุ่ง ท้องนา ดั่งดวงใจ
รักป่าเขา ลำเนาไพร แสนสุนทร
รักพฤกษา รุกขชาติ ที่ดาษป่า
รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร
รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร
รักทั้ง รัตติกร ในนภดล
รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง
รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล
รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล
รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ
รักพฤกษา
รุกขชาติ ที่ดาษป่า
รักปักษา ร้องกู่ บนสิงขร
รักอุทัย สว่าง กลางอัมพร
รักทั้ง รัตติกร ในนภดล
รักดารา ส่องแสง สุกสว่าง
รักน้ำค้าง อย่างมณี มีโภคผล
รักทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่ได้ยล
รักนวลนาง รักจน หมดสิ้นใจ... 
 

untitled2045.jpg
น้ำพระทัยสู่รวงข้าวราวรวงเพชร
เพชรคือ อัญมณี ที่ทุกคนยอมรับว่า เป็นสิ่งงดงาม 
ที่ธรรมชาติ ได้หยิบยื่น ให้แก่มนุษยชาติ 
เพื่อ..
นำมาใช้เป็นสื่อแทน สิ่งที่มากค่า สูงส่ง งามเลิศล้ำ 
มากความหมาย ในทุกสรรพสิ่ง บนผืนโลกนี้ 
เหตุด้วยเพชรเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่ง
ที่มีคุณสมบัติมากล้น
เพชรมีความแข็งแกร่ง มีน้ำงาม มีเหลี่ยมมุม 
ที่..
เมื่อมนุษย์ ได้ใช้ใจที่สูงด้วยอารมณ์สุนทรีย์ มีศิลป 
นำมาเจียรนัย ให้สัมผัสแลเห็นงาม 
เกิดประกายวาววับ เจิดจรัส บาดจิต บาดใจ 
งามจนน่าไหลหลง ยามเมื่อต้องแสงสวย...
และ..
ที่สำคัญ มีกรรมวิธีสลับซับซ้อน 
ยากลำบากกว่าจะได้มา 
ดังคำว่า*เพชรในตม *
ที่กว่าจะขุดพบ 
และ..
เลือกคัดสรร 
จนสามารถนำมาเจียรนัย และแปรรูปเป็นอัญมณีนั้น 
เป็นขั้นตอน..ที่ยิ่งเพิ่มความมากค่าของ หิน 
ที่เรียกกันใหม่ว่า *เพชร* ให้มากยิ่งขึ้น
มนุษย์.....คือผู้กำหนด ในบางสิ่งบนผืนโลกนี้ 
ยกเว้นธรรมชาติยามพิโรธ
ที่เรายังมิอาจหยุดยั้งได้ 
แต่..
ไม่ว่าค่านับของเงิน ทอง 
หรือ
สิ่งใดๆ เกิดจากน้ำมือ...น้ำใจ 
ด้วยมันสมองอันเลอเลิศของมนุษย์ ทั้งสิ้นทั้งนั้น มิใช่ดอกหรือ
เพชร....
จึงถูกนำมาเพื่อใช้เป็นสิ่งแทนค่า แลกเปลี่ยน 
และ..
เป็นดังเช่นสัญญลักษณ์ของความสูงส่ง 
ในทุกๆด้าน ของชีวิตมนุษย์เฉกเช่นกัน..
นอกจาก..
สัญญลักษณ์ที่เห็นได้ด้วยตา และจับต้องได้ 
หลังจากนำมาประดิษฐ์ประดอย
เป็นเครื่องประดับงามบนร่างของมนุษย์นี้แล้ว 
เรายังได้นำเพชรมาเปรียบกับ...
คุณงาม ความดี ความยิ่งใหญ่ เกียรติยศ ความสำเร็จ 
และความภาคภูมิใจของชีวิตคนบนผืนโลกนี้ 
มิใช่..
เพียงเฉพาะที่ซื้อหามาได้ด้วยเงินเพียงนั้น
เพราะ..
เพชรในที่นี้ เปรียบประดุจดังความดีมีค่า 
ที่เงินก็ไม่สามารถ นำมาซื้อ ขาย หรือแลกเปลี่ยนให้ได้มา....
ถ้าจะเปรียบ....
ความสูงส่ง...ยิ่งใหญ่ของเพชรล้ำค่า 
ต่อ ผู้คนที่ล้ำเลิศ คงได้ดังนี้...
เพชร........ของโลก 
คือระดับผู้นำของประเทศ 
ที่กุมบังเหียน บริหารบ้านเมือง ลิขิตโชคชะตาผู้คนได้ 
และ..
จะเป็นเพชรแท้ หรือเพชรเทียม หรือไม่นั้น 
ขึ้นอยู่กับจิตวิญญาณของผู้นำนั้นเอง
เพชร.....
ที่ประดับโลก ประดับไทย ประดับใจ
ของคนไทยเราทุกดวง 
คือ..
*องค์พระประมุขของชาติ *
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถฯ
ธ.ผู้เป็นยิ่งกว่าเพชรแท้มากมีมารวมกัน....
ก่อเกิดเป็นพลังแผ่นดิน 
รวมดวงใจไทยทุกดวงให้ หลอมเป็นดวงเดียวกัน 
ด้วยน้ำพระทัย ใสเย็น ดังหยาดเพชร
ที่หยดหยาด ให้พสกนิกรด้วยรัก..เมตตา 
เสมอมายาวนาน....มิรู้สิ้น 
เพชร......
ที่แท้จริงอีกอย่าง คือแก่นธรรมมะ 
แก่นแท้ของศาสนา 
แม้คนในโลกนี้..
มีเพชรงามหลาย รูปแบบ หลายศาสนา 
เราคนไทยมีพระพุทธศาสนา 
ที่เปรียบประดุจดังเพชรเม็ดงามเรืองรุจี...
ที่เราทุกคนโชคดีนัก
ที่มีโอกาสเกิดมาพานพบ และเลือกมา
ประดับใจของเรา...ให้มีคุณค่า 
มากล้นด้วยคุณงามความดี 
ด้วยน้ำใจที่ใสสะอาดราวเพชรงามน้ำดี 
เพื่อ..
ส่องสว่างนำทางให้ จิตวิญญาณ สงบงาม..
และ
ยังประโยชน์ เพื่อนำ..เส้นทางใจ
ให้แก่ผู้ที่ยังทุกข์ทน มืดบอด 
หาแสงสว่าง ไม่พบเจอ...
เพชร.......
ของมนุษย์เรา นอกจากประดับที่ร่างกายแล้ว 
ทุกคนจะมีเพชรส่องประกาย...ภายในใจ 
ให้งามงดเฉพาะรูปเฉพาะนาม 
ตามทางแห่งการระลึกรู้ 
ด้วยความเพียรและกุศลผลบุญที่ได้สร้างสม 
บ่มเพาะ แตกต่างกันไป 
สุดแล้วแต่ใจใครจะไขว่คว้า....
เพชร.........
ของพระราชินีทุกๆองค์ คือมงกุฏเพชร 
ดังเช่นมงกุฏงามของพระราชินีเอลิซาเบธ...
ที่คงมากล้นค่าแห่งเกียรติยศ 
ในดินแดนที่เคยกล่าวว่า..*พระอาทิตย์ไม่เคยตก....
และ..
มงกุฏงาม
ที่...สวมใส่ประดับ
ให้แก่หญิงงามพร้อมยอมรับ 
จากผู้คน ที่เราเรียกว่านางงามต่างๆ...
เพชรของชีวิต......
คือความสำเร็จ ในทางที่ถูกที่ดีงาม 
ในหน้าที่การงาน ต่อครอบครัว และต่อสังคมส่วนรวม....... 
เพชรของคนตาบอด...
คือความหวังเรืองรอง
ที่ต้องการมีดวงตาสว่างไสว 
มองเห็นโลกนี้ที่สวยงามสดชื่น มีสีสรร 
ราวดวงตาสวรรค์ที่ฟ้าประทานให้
ทุกผู้ที่โชคดี..มีวาสนา สัมผัสเห็นงามตามใจนึก.... 
เพชรในใจแม่..พ่อ..ผู้ก่อกำเนิด..
คือลูกรัก...ปานดวงใจ.....
เพชรในใจหนุ่มสาว.....
คือความรัก ความสมหวัง 
การได้ครองคู่อย่างอบอุ่นเป็นสุข 
ด้วยความเข้าใจ อภัย กรุณา ตราบจนชีวีนี้จะหาไม่....
และ..
เมื่อรัก สิ่งสูงค่าที่อยากนำมาแทนใจ คือเพชร 
รักมาก เงินมาก ไม่เดือดร้อน 
ก็แสดงออกบอกรักด้วยค่าของเพชรมาก กะรัต 
รักมาก เงินน้อย ไม่พึ่งพาเพชรพลอย 
ก็...ไม่ผิดอันใด...
เพราะ. 
ใจดวงดีที่มั่นคงจงรัก 
และ..
เปี่ยมล้นด้วยเข้าใจกันและกัน 
ย่อมมากค่าเท่าเพชรได้เฉกเช่นเดียวกัน 
สำคัญที่ใจ....และตัวใครตัวคนนั้น 
ที่มีสิทธิ์จะแสดงออกในรูปแบบต่างกัน.....ดังฝัน 
ที่มิอาจ 
เหมือนกับชาย..อย่าง ริชาร์ด เบอร์ตัน 
ที่แสดงออกบอกรักหญิงงาม
นามเอลิซาเบธ เทย์เลอร์ ดาวค้างฟ้า 
ด้วยเพชรมากค่า
แต่..
ก็ยังมิอาจฉุดรั้งให้รักราร้าง ในวันหนึ่ง...
เพชร........
ในใจของนักเขียนคือ.....
กำลังใจจากผู้อ่าน 
ที่..
ยามได้รับคำ ติชม ราวหยาดรุ้งงาม 
เพชร........
ในใจของเจ้าของร้านเพชร 
คือผู้ซื้อ..ที่รู้คุณค่ามิเกี่ยงราคา 
ด้วยซึ้งค่าในการออกแบบ ให้งามงด...
เป็นมรดกฝากไว้ไม่สูญสลาย...
เพชร..........
ในใจที่สว่างไสวของเด็กเร่ร่อนจรจัด 
คือ ครูวัลลภ 
และครูทุกๆคนที่ร่วมด้วยช่วยกัน 
ให้ความสำคัญของอนาคตของชาติ 
ที่ถูกเมินเฉย ทอดทิ้ง 
เพชร..
ยังมีอีกมากมายหลายสาขาอาชีพ
ในจิต ในวิญญาณของผู้คนที่ทุกข์ทนยาก
คือคนดีมีน้ำใจงาม 
ผู้ประดุจดั่ง..
ถือโคมเพชรพราวราวแสงไฟ นำทางชีวิตให้สว่างไสว
ไม่ย่อท้อ...แพ้พ่าย 
....................................

และ..
เพชรใดใด ที่เลอล้ำค่าที่สุด 
ก็มิอาจเปรียบเพชรนี้ที่ให้ด้วยรัก....
ด้วยเมตตาบารมี......
คือ....
เพชร......ในใจของชาวนา..เกษตรกรผู้ยากไร้..
ที่เพียรพลิกฟื้นผืนดิน.....
ด้วยน้ำพระทัยจาก.... 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ 
ที่มีโครงการในพระราชดำริมากมาย
เกี่ยวกับการหาแหล่งน้ำ
เพื่อนำมารินรด...ให้ใจทุกดวง
ที่รอคอย...น้ำจากฟ้า จากพระบารมี 
ให้..
ดวงใจทุกดวงอาบชื่น 
ให้มีความหวัง....มีพลังแห่งใจ....ดังคำที่ว่า.......... 
มีน้ำ....มีนา....มีชีพชอบ....
ได้ปลูกข้าว....ให้ออก...
*รวงเรียวงาม...ราวรวงเพชรพลอยพราว*
คราว..
ได้รับหยดน้ำค้าง 
ราวหยดน้ำเพชรพราวพร่าง....แห่งชีวิต...
ที่จะนำมาหล่อเลี้ยงพืชพรรณ...
และ..
ชีวิตผู้คน...บนผืนดินทอง แผ่นดินไทย นับล้านๆ 
ให้ดำรงรอด....
เพื่อมีร่างงาม...ประดับเพชร เพียงสวย....
แต่มิใช่เพื่อชีวิต......นี้ที่จำเป็น....!
........................

p102_01.gifAF688~White-Lotus-Posters.jpg
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า
พุดพัดชา
ในนามนักเขียนไทยโพเอม..

				
comments powered by Disqus
  • พุด

    4 ธันวาคม 2550 11:00 น. - comment id 796474

    mady-lotus.jpg
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song314.html
    
    ความฝันอันสูงสุด
    
    
    พี่ที่รัก........ 
    ฟ้าใกล้สว่างแล้ว...เสียงนกการ้องจุ๊บจิ๊บระงม.....
    อากาศเย็นสดชื่น......กลิ่นการะเวก แก้ว.. 
    จำปี ...และพันธุ์ไม้ไทยนานา...ส่งกลิ่นหอม......
    อวลละมุนมากับสายลมเยือกเย็น....ยามอุษาสาง 
    หวันจุดเทียนหอม...ตามมุมต่างๆของบ้าน....
    และจุดตะเกียงโบราณแสนรักเพื่อเขียน 
    จดหมายถึงพี่....เปิดเพลงซึ่งอยากฝากไปกับสายลม....
    ให้พี่ได้ยินคำครวญคร่ำ......... 
    
    
    ตอบใจตัวเองมานาน...
    แอบรอคอยเธอก็รู้.......
    อยากให้เธอลองตรองดู...... 
    ในความทรงจำ..เก็บไว้..... 
    ต่างคนมีทาง..ต้องเดิน ........
    .อาจมีเวลาต้องไกล.....
    หนึ่งคนยังคงรอใจ 
    ยังคงคอยไปอย่างนั้น .......... 
    อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า....
    หากยังมีใจคุ้นกัน...
    .จะโยงใยความสัมพันธุ์ 
    มาจนพบกันใกล้ตา....... 
    ต่อเติมแรงใจเมื่อท้อ.....
    แบ่งปันในยามทุกข์ตรมไม่หวั่น..... 
    ต่างคนเติมใจให้กัน เติมใจซึ่งกันจนเต็ม ...
    
    
    
    หวันคิดถึงพี่เหลือเกินค่ะ 
    ในเวลาอย่างนี้ บรรยากาศอย่างนี้..และกับใจดวงนี้.. 
    ที่แสนสงบสุข...แต่ว้าเหว่ลึกล้ำ....จนเกินใจจะทน...... 
    หวันตื่นมาเพื่อเตรียมของจะไปใส่บาตร... 
    เช้าวันนี้......เป็นวันสำคัญของคนไทยทั้งชาติ.....
    .พี่คงทราบดี คงซึ้งดี ว่าวันที่ 5 ธันวาคม 
    ของทุกปีนั้น เป็นวันที่ยิ่งใหญ่ 
    มีค่ามหาศาลต่อใจของพสกนิกรชาวไทยเพียงใด..... 
    
    
    
    หวันเป็นเพียงธุลีเล็กๆที่ตั้งใจจะทำทุกสิ่งที่ดีงาม.
    .เพื่อถวายแด่พระองค์ท่าน 
    หวันคิดว่าวันนี้คือวันที่..เรา..คนไทยทุกคนได้ร่วมร้อยดวงใจเป็นหนึ่งเดียวกัน... 
    เพื่อประสานสามัคคี..และ..แสดงความจงรักภักดี
    ที่ตราตรึงในใจของเราทุกคนชั่วกาลนาน 
    
    
    พี่คะ....
    หวันเตรียมจัดของไปวัดด้วยใจที่อิ่มเอิบอย่างเหลือเกิน........ 
    ใจดวงเล็กๆดวงนี้อยากย้อนวันคืนกลับ....
    ไปเป็นเด็กหญิงตัวน้อยอีกครั้งหนึ่ง 
    
    
    หวันยังจำได้ดีถึงยามเช้าแสนงาม..
    ของชีวิตบ้านนอกของหวัน.... 
    ยามเช้าที่เป็นวันสำคัญๆของชีวิต...
    ที่หวันจะต้องตามคุณย่าไปวัด..ไปทำบุญตามประเพณีไทย 
    ของเรา....ที่หล่อหลอมให้วิถีไทยของเรามีความสงบงาม..
    เรียบง่าย มากล้นน้ำใจ.. ต่อทุกสรรพสิ่ง.....
    
    
    หวันจะตื่นมาพร้อมกับเสียงไก่ขัน เอ้ก อี เอ้ก เอ้ก....... 
    กลิ่นดอกราตรี โมก และดอกพุดริมรั้ว 
    ได้น้ำค้างยามเช้าพรมพร่าง มาหอมอวลปลุกนิทรา เสียงถ่านประทุ 
    กลิ่นข้าวหอมร้อนๆที่เดือดปุดๆบนเตา 
    เสียงตำน้ำพริก เสียงภาชนะกระทบกัน 
    ล้วนแล้วแต่เป็นเสียงที่ทำให้หวันลุกจากที่นอน...... 
    
    
    หวันมีหน้าที่จะต้องเตรียมดอกไม้เพื่อไปถวายพระ...
    เป็นดอกไม้ที่หวันเก็บจากริมรั้วบ้าน 
    ชบาแดงจัดจ้าน .....
    บานชื่นหลากสี
    ที่หวันคิดว่าคงแทนความเบิกบานร่าเริงใจ...... 
    ดาวเรืองเหลืองละออ....แทนความสว่างไสวของชีวิตชีวา.....
    ทุกๆดอกคือความงามที่หวัน คัดสรรด้วยใจดวงงามของหวันเอง.....
    เอาความอิ่มเอิบของใจที่ใสงามและเย็นฉ่ำราวน้ำค้างยามเช้า 
    มาผูกเป็นช่อร้อยรัด ........
    ทุกๆสิ่งที่เรานำไปวัดมาจากใจที่งามล้ำค่าดั่งมณี....
    
    
    หวันจะช่วยคุณย่าจัดของทุกอย่างใส่ลงใน..กะเฌอ.....
    ซึ่งบ้านหวันเรียกอย่างนี้.. 
    .กะเฌอ..คือภาชนะที่สานละเอียดยิบ 
    ด้วยไม้ไผ่ตอกละเอียด ด้วยฝีมือวิจิตรบรรจงของคนทางใต้ 
    นำมาถักทอเป็นลวดลายงาม 
    ทุกวันนี้ที่บ้านหวันยังมีอยู่หลายใบ
     และพี่จำได้ใช่ไหม มีใบหนึ่งเป็นใบเล็กๆที่พี่อุตส่าห์ 
    แอบไปให้เค้าสานให้หวัน เป็นของขวัญชิ้นพิเศษ 
    
    
    ที่หวันน้ำตาซึมเมื่อได้รับ ความพิเศษที่เหนือค่า เหนือราคา...
    .เพราะหวันซึ้งใจเหลือเกินที่คนที่หวันรักนักรักหนา ..
    และเรียกว่าผู้ชายคนพิเศษ ของหวัน...
    เข้าใจและมองเห็นความงามความละเอียดอ่อน
    เฉกเช่นใจเราเป็นดวงเดียวกัน 
    
    
    พี่คะ........ หวันเคยกลับไปบ้านที่เกาะ 
    และพยายามหามาเก็บไว้ เพราะหวันทราบดีว่า 
    ของเหล่านี้นับวันจะหายากยิ่ง......
    หาคนใจดวงละมุนฝีมือละไมละม่อม....ที่จะมาประดิษฐ์ 
    ประดอย ด้วยใจดวงงามทั้งดวง..ทุ่มเท..ถ่ายทอดยากยิ่งนัก.....
    
    
    
    บางครั้ง..เวลามีงาน หวันจะนำมาใส่ผลไม้
    และหวังว่าแขกของหวันสักคน 
    ที่มีใจละเอียดอ่อนจะมองเห็นรายละเอียดของงานแห่งชีวิตนี้.....
    .แต่น้อยคนนัก 
    ทุกคนมัวแต่ดื่มกิน เฮฮาปาร์ตี้จนหลงลืมและมองข้ามไป 
    
    
    
    เราคนไทยยังโชคดีนัก ที่..
    สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถองค์มิ่งขวัญ..ของเรา 
    พระองค์ท่านทรงรัก ทรงห่วงใยงานศิลปกรรมทุกประเภท 
    และมีโครงการศิลปาชีพ เพื่อส่งเสริม สนับสนุน
     และอนุรักษ์งานศิลปของไทยให้ดำรงอยู่ เพื่อเป็นมรดกทางวัฒนธรรม 
    ที่น่าภาคภูมิใจชั่วกาลนาน 
    
    
    พี่คะ...โลกทุกวันนี้หมุนเวียนเปลี่ยนผันไป 
    ชีวิตทุกคนรีบเร่ง..ต่อสู้ แย่งชิง 
    เพื่อให้ได้มาสนองโลกแห่งวัตถุ 
    คงมีน้อยคนที่จะมีเวลามามองเห็นความงามประณีตของวิถีชีวิต 
    และมีเวลามาประณีตกับจิตภายใน แม้กระทั่งการเตรียมของไปวัด.... 
    
    
    หวันถึงแสนเสียดาย เสียใจกับวิถีชีวิตสงบงาม 
    ที่หวันเคยมีเคยเป็น เคยได้สัมผัส
     แต่หวันยังเชื่อมั่นว่า ในบางชนบท
    ที่ห่างไกลของประเทศเรานี้จะยังคง 
    เหลือวัฒนธรรมทางใจ
    ให้โลกนี้มีวิถีที่จะนำเราเดินไปตามเส้นทางสายงามของชนบท 
    ที่รายเรียงไปด้วยนาข้าว 
    พระอาทิตย์ดวงโต ลัดเลาะผ่านกองฟาง ข้ามลำประโดง... 
    
    
    
    เพื่อใช้เส้นทางสายสวยที่ธรรมชาติหยิบยื่นมาให้นี้.......
    นำเราไปสู่เส้นทางใจ 
    ที่จะกล่อมเกลา ให้ใจของเรา สะอาด สว่าง สงบ.....
    และสร้างรากฐานความสุขทั้งสิ้นทั้งมวลของชีวิตเราหนึ่งนี้ 
    ที่เราต้องอาศัย ใจที่สว่างล้ำด้วยปัญญาแห่งการเรียนรู้
     เพื่อจะมองโลก มองชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น... 
    
    
    พี่คะ........พี่ทราบดีทุกๆโอกาส 
    ที่หวันเดินทางกลับบ้านเกาะของเรา 
    หวันจะออกจากบ้าน ตอนตีสาม ตีสี่ 
    หวันจะเตรียมของใส่ท้ายรถเอาไว้ 
    และไม่ลืมเลยที่จะเตรียมของพร้อมที่จะใส่บาตร 
    ไปด้วยทุกครั้งครา.......
    
    
    หวันจะชงกาแฟหอมอ่อนๆ 
    มีกลิ่นช่อเล็บมือนางจากประตูรั้วบ้านแกล้มกลิ่นกาแฟ 
    ในรถ เพื่อรับอรุณรุ่งแสนงามของชีวิต
     และจะเปิดเพลงเย็นๆคลอเคล้า......
    
    
    
    ยามอุษาฟ้ากระจ่าง ทั่วนภางค์สว่างแล้ว....
    ตื่นนิทราเสียเถิดน้องแก้ว 
    สว่างแล้วนะแก้วตา.....
    แจ้วจำเรียง เสียงกระซิบสั่งดังสัญญา 
    กระซิบคำรักว่าอุษาสวาทวอน 
    อย่าข้องใจมอบฤทัยไว้ด้วยกัน 
    ยามน้องหนาวตัก 
    พี่ซบดวงพักตร์อบไอรักให้อุ่นพลัน.... 
    อย่าโศกสันต์ ขวัญตา 
    เจ้าอย่าลืมสัมพันธุ์ปองรักกันจนวันตาย.........
    
    
    
    
    
    และเมื่อพ้นจากกรุงเทพ.....
    แหงนมองออกไปยังฟากฟ้ายามเรื่อเรือง 
    ดาวดวงโตที่ระยิบระยับ 
    จันทร์สีทองสุกปลั่งค้างฟ้า 
    จะทำให้ใจเรา มีพลังรับความเบิกบานในเช้า วันใหม่ของโลก 
    
    
    เมื่อเข้าเขตเพชรบุรีเมืองน้ำตาล....
    พี่ที่รักจะเห็นสองข้างทางที่จะทำให้ ต้องตื่นจาก ภวังค์....
    
    พระอาทิตย์จะค่อยๆชักรถโผล่พ้นดงตาลออกมาเยี่ยม 
    เยือนทายทักโลก ....
    ลำแสงสีทองจะค่อยๆ ทาบทา โลมไล้นาข้าว ราวกับจะค่อยๆ 
    พรมจูบลูบไล้ทุกรวงเรียวเพื่อเผยอแย้มบานรับพลังแห่งชีวิต 
    
    
    
    นกกา..ผีเสื้อบินว่อน..
    นกกระยางขาวราวภาพวาดสลับกับความเขียวขจี 
    ของพืชพรรณทุกกิ่งใบ 
    ทุกสรรพสัตว์ตื่นมาอย่างเริงร่าเพื่อสู้ฝัน สู้วันใหม่ 
    ทิวเขาสลับสล้าง....
    .เป็นฉากงามตระการตาตระการใจจนตื่นตาตื่นใจ.......
    
    
    เบื้องหน้านั้นคือโลกแห่งความฝัน..หรือโลกแห่งความจริง.....
    ใกล้ตาใกล้ใจจน เราสัมผัสได้ .....
    .และที่นั่นจะมีพระภิกษุเดินเป็นแถวยาวเพื่อให้ชาวบ้านใส่บาตร 
    
    หวันพรรณนาความงามที่ธรรมชาติเมตตา
    ให้แก่มวลมนุษย์ออกมาเป็นภาษา เขียนยากลำบากยิ่ง 
    
    
    นาทีนั้น 
    หวันอยากเกิดมาเป็นกวี 
    อยากเกิดมาเป็นนักประพันธ์ เอก 
    อยากเกิดมาเป็นนักวาดรูป......
    ที่จะได้สะท้อนใจ ....สะท้อนความงามออกมา 
    ให้โลกรับรู้ได้อย่างหมดจด
     เท่าที่ใจของหวันได้สัมผัสเห็นงามละเมียดละไมนี้ 
    จากใจที่อ่อนโยนดวงนี้ 
    
    
    พี่คะ.......หวันเล่าไปยาวเลย
     เพราะอยากจะบอกผู้ชายคนดีคนพิเศษสุด 
    ของชีวิตหวันให้ได้รับรู้ถึงความคิด.
    .ความรู้สึกของหวันที่ยากนักที่ใครจะได้สัมผัสและ หยั่งถึง ดังเฉกเช่นพี่
     ซึ่งพร้อมเปิดห้องหัวใจที่จะเข้าใจเสมอมา..
    และคงตลอดไปนะคะ 
    
    
    
    หวันกลับจากวัดก็มาเขียนจดหมายนี้ต่อ 
    คงเป็นจดหมายที่ยาวมาก เพราะหวัน 
    ใช้ใจทั้งดวงของหวันเขียนทุกสิ่งถึงพี่.... 
    
    ไปวัดวันนี้ หวันมีความสุขมากล้น 
    ลั่นทมขาวคู่ใจหวันยังบานอวดดอกสะพรั่ง 
    หวันทรุดตัวนั่ง..และเก็บดอกร่วงหล่นมาทัดหู 
    ใจหวังจะให้หอมไปถึงเส้นผม โลมไล้แทรกซึม 
    ไปประโลมใจดวงร้าวให้สร่างซาจากคิดถึงพี่...... 
    
    
    หวันชอบวัดนี้ 
    เพราะเป็นวัดที่มีต้นไม้มากมายราวจำลองป่ามา 
    หวันชอบเดินทอดน่องชมนกชมไม้......
    .และคิดไปว่านี่คือสวนแห่งธรรม.......... 
    ธรรมชาติจริงๆ........
    
    
    ที่นี่มีหนังสือธรรมมะมากมายให้อ่าน เพื่อกล่อมเกลาจิตใจ 
    และค้นหาแสงธรรมแห่งจิตวิญญาน 
    เหล่าพระสงฆ์ที่เป็นตัวแทนของพระบรมศาสดา 
    ได้เขียนชี้ทาง นำทาง หลวงพ่อพุทธทาส....หลวงพ่อปัญญา.....หลวงพ่อเทียน... 
    หลวงพ่อชา ....หลวงพ่อจรัญ.........และอีกนับไม่ถ้วน..............
    ในเส้นทางสายจิตนี้ 
    อยู่ที่เราจะมีดวงตามองเห็นธรรมหรือไม่......
    
    
    และค่ำคืนนี้......
    หวันก็ไปที่ศูนย์เมืองทองใกล้บ้าน 
    ซึ่งกำลังมีงานค่ะ....เพื่อไปจุดเทียนถวาย 
    พระพรแด่พระองค์ท่าน.
    .มิ่งขวัญของใจปวงชนชาวไทยทุกๆดวง..... 
    
    
    
    หวันน้ำตาซึม.....
    เมื่อมองเห็นแสงเทียนพริบพราว สว่างไสว ตอกย้ำใจให้รู้ว่า 
    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น.. 
    ใจของคนไทยทุกดวงก็ยังมีที่ยึดเหนี่ยว แน่นเหนียวเป็นหนึ่งเดียว 
    ด้วยพระเมตตา บารมีจากน้ำพระทัย 
    ที่ปกเกล้า..ปกกระหม่อมมานานนับหลายทศวรรษ 
    
    
    
    หยดน้ำตาเทียน ทำให้นึกถึงพระเสโทจากพระวรกายของพระองค์...... 
    ที่ยอมทุ่มเทจนแทบทานทนไม่ไหว เพื่อพลีให้แผ่นดินนี้ มีสุข สงบ ร่มเย็น 
    เป็นแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง เพื่อลูกหลานชาวไทย......... 
    หากแฝงไว้ด้วยความละเมียดละไม 
    
    
    
    หวันน้ำตาซึมด้วยปลื้มปิติ ด้วยสำนึก ด้วยใจที่ตั้งมั่น....
    ว่าแม้เราจะเป็นเพียงธุลี แต่ทุกธุลีนี้
    คือส่วนหนึ่งที่จะหลอมรวมให้ไทยนี้ มีแผ่นดิน
    ที่เราจะเชิดหน้าบอกใครได้อย่างภาคภูมิ 
    ว่า......เราคือคนไทย ..เรามีแผ่นดินของเรา .....
    เรามีพระมหากษัตริย์ไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 
    เกินจะเปรียบปาน.....
    
    
    พี่ที่รัก.....
    หวันหวังว่าพี่ซึ่งเป็นข้าราชการ.
    ข้าของแผ่นดินนี้ คงทำหน้าที่ได้มากกว่าหวัน 
    งานของพี่ปกป้องแผ่นดินนี้โดยตรง...
    หวังว่าพี่คงรู้ว่าหน้าที่ของมนุษย์นั้นคืออะไร โดยเฉพาะหน้าที่ 
    ของลูกผู้ชายคนดี ต่อแผ่นดิน ต่อชาติ 
    และเพื่อให้ผู้หญิงคนนี้ของพี่ภูมิใจ........ 
    
    
    หวันคิดถึงพี่มากล้น 
    มากเกินกว่าจะบอก มากเกินกว่าจะนำสิ่งใดๆมาเปรียบเปรย 
    แผ่นฟ้า แผ่นดิน แผ่นน้ำ น้อยไป
    เมื่อเทียบกับใจดวงนี้ที่รักพี่แน่นหนักนัก 
    
    
    
    หวันขอฝากบอกเพียงว่า
    เหนือความรักระหว่างเราสอง 
    หวันอยากให้พี่รักแผ่นดิน 
    ของเรา เพราะเราได้เกิดมาเพื่อพบ.....
    และรักกันก็เพราะผืนดินไทยแห่งนี้......นะคะคนดี 
    ...........................
    
    
    บทเพลงพระราชนิพนธ์
    ความฝันอันสูงสุด........ 
    
    ขอฝันใฝ่ ในฝัน อันเหลือเชื่อ 
    ขอสู้ศึก ทุกเมื่อ ไม่หวั่นไหว 
    ขอทนทุกข์ รุกโรม โหมกายใจ 
    ขอฝ่าฟัน ผองภัย ด้วยใจทะนง 
    
    จะแน่วแน่ แก้ไข ในสิ่งผิด 
    จะรักชาติ จนชีวิต เป็นผุยผง 
    จะยอมตาย หมายให้เกียรติดำรง 
    จะปิดทอง หลังองค์ พระปฏิมา 
    
    ไม่ท้อถอย คอยสร้างสิ่ง ที่ควร 
    ไม่เรรวน พะว้าพะวัง คิดกังขา 
    ไม่เคืองแค้น น้อยใจ ในโชคชะตา 
    ไม่เสียดาย ชีวา ถ้าสิ้นไป 
    
    นี่คือ ปณิธาน ที่หาญมุ่ง 
    หมายผดุง ยุติธรรมอันสดใส 
    ถึงทนทุกข์ ทรมาน นานเท่าใด 
    ยังมั่นใจ รักชาติ องอาจครัน 
    
    โลกมนุษย์ ย่อมจะดี กว่านี้แน่ 
    เมื่อมีผู้ ไม่ยอมแพ้ แม้ถูกหยัน 
    ยังยืนหยัด สู้ไป ใฝ่ประจัญ 
    ยอมอาสัญ ก็เพราะปอง เทอดผองไทย ..
    ...........................
    
    
    
    LotusFlower.jpeg
  • พุด

    4 ธันวาคม 2550 11:18 น. - comment id 796486

    attachment.php?attachmentid=130684&stc=1lotus%20flower%20yellow.jpgดั่งดวงมณีทองผ่องพรายทั้งแผ่นดิน..!
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html
    (สี่แผ่นดิน)
    
    
    ดวง...
    กำลังทอดตานิ่งนิ่ง...
    ในท่าม..
    ความสับสนวุ่นวายรายรอบของผู้คน 
    
    *พสกนิกรไทย*ในวันนี้
    ที่..
    ดวงแสนโชคดี...ได้มีโอกาส
    มายืนอยู่ตรงนี้ ที่มีทัศนียภาพแสนงาม
    *คอนโดหรู ริมฝั่งฝันแม่น้ำเจ้าพระยา*
    เพื่อ..
    มาทอดทัศนา*ขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค*
    
    
    ดวง...หนีความวายวุ่น..
    ไปนั่งปลีกวิเวกริมสระน้ำ
    ใกล้กอโมกและ...พวงดวงดอกลีลาวดี
    ที่...กำลังพลีพรมให้...หอมพร่าง
    
    ทอดตา....อ้างว้าง...ไปยังตึกโบราณ
    ที่...เคียงขนานริมชายชล
    *สายน้ำใจเจ้าพระยา*
    ที่ณ..บัดนี้...
    คราคร่ำไปด้วยผู้คน
    
    หากทว่า..
    ยิ่งพิศดู..ยิ่ง..แสนงามกมล..
    ให้ดวงแสนประทับใจ
    เมื่อ..
    ต่างพากันมาพลีพร้อมน้อมดวงใจ
    หลอมรวมใจรวมพลังใจ
    *มาถวายความจงรักภักดีที่แสนยิ่งใหญ่*..
    อย่าง..พร้อมเพรียงกัน....
    
    
    ใน...
    เสื้อสีหลืองผ่องพรรณ...
    ที่มีตราสัญญลักษณ์..เฉลิมฉลอง...
    ครองราชครบ60ปี..
    
    สีเหลือง...ทอง
    ที่ดูผุดผลิผ่องพราว ราวแก้วมณีโกเมน
    ราว..
    เหลือง...ข้าวกล้า ในผืนนา 
    ที่..
    ยามลมล่องข้าวเบา
    พรายพรมพัดพามาระบัดโบก
    โยกไกว..ก็ยิ่งพาให้งามไสว
    ดั่ง..
    พรมแพรทองอาบไล้ไปทั่วทั้งผืนพสุธานี้
    ที่ยังมีผืนดิน..อุดม...
    ให้เราชาวนา..
    ยังได้พรมพร่างหว่านโปรยข้าวกล้า
    พาให้ผลิเรียวรวงระย้าระยับ
    งามจับตาดั่งอัญมณีสีทองสุกปลั่ง
    ไปทั้งแผ่นดินอันแสนเงียบงามสงบสุข...ไร้ทุกข์ร้อนใดใด
    เพราะ..
    มีหัวใจดวงทองวิถีไท
    ให้ห่มหอมนวลพร่างสว่างไสวเฉกเช่นกัน..
    
    
    เหลือง...
    ใน..สีจีวรสงฆ์..จัดจ้าแจ่มจรัส
    ที่สดใสสว่าง กระจ่างแจ่มชัดในยามอรุณรุ่ง 
    ยาม..
    สายแสงสีดั่งมณีรุ้งสาดส่องมาทอทอดโอบกอดรวงเรียวไว้
    ไล้โลมไปทั่วทั้งผืนนาผืนหล้าฟ้าไกล
    ไปจนทั่วถึง..
    *ไพรพงพนาป่าใหญ่*
    ที่ยังหลับไหล..
    
    
    ให้ลุกฟื้นตื่นขึ้นมารับพลังหวานชื่นสดฉ่ำ
    *พลังแห่งธรรมชาติ*
    อันอ่อนเอื้อโอบอุ่นหมุนวนวงเป็นวัฏจักร
    อัน..
    คือความเป็นธรรมดานิรันดร์เช่นนั้นเอง...
    
    
    สายแสงแดด
    ที่มา..
    พ้อเพลงบรรเลงพร่างพรายดั่งมนต์รักลูกทุ่ง
    ได้มาทายทัก
    เขียวข้าวเขียวไพลเขียวละออละอ่อนใสใส
    ในท้องทุ่ง เคียงเถียงนาขนำนา
    ที่...
    กบเขียดจิ้งหรีด
    ยังต่างพากันร้องประลองเสียงเถียงกันสนั่นก้อง
    ไปทั่วทั้งท้องร่องโค้งคุ้ง
    
    
    กับ..
    ฟ้าเริ่มรุ่ง รำไรรำไร
    ด้วยดวงดอกแดดระยิบๆ
    ที่..
    พากันพริบพรายทายทักน้ำค้างฟ้าน้ำค้างแก้ว
    ที่หยาดแพร้วระยิบจับเรียวรวงพริบพราย
    จับตามยอดไม้ใบหญ้าใบบัว
    ดั่งเกร็ดเพชรกลมกลิ้งวะวับวาว
    ราวรอเวลาทิ้งรอยระเหยหาย...
    
    
    แล้ว...
    ค่อยวนกลับมาใหม่ ....
    มิมีวันสิ้นสุดหยุดสัจจธรรม ธรรมชาติ
    อันแสนพิลาสพิไลแสนบริสุทธิ์ยิ่งใหญ่เกินสิ่งใดทัดทาน...
    ในการ*ให้*อย่างไร้ร้องขอ 
    พ้อ..
    เพียง...บางครั้ง
    ด้วยพลังสายน้ำท่วมพายุกล้าสึนามี
    ให้มวลมนุษย์ได้รู้หยุดทำลาย
    หมายรู้พิทักษ์ธรรมดำรงค่า..
    ให้แสนยั่งยืนนานเพื่อตามต่อลมหายใจให้..ยังชื่น...
    
    
    
    เหลือง..
    ยามเช้า...
    ที่พระสงฆ์...
    ต่างพากันเดินเรียงไปตามดงตาลคันนา
    เพื่อไปบำเพ็ญศาสนกิจ
    ให้ทุกชีวาชีวิตได้ต่อยอดบุญ 
    *ใส่บาตรเป็นเสบียงบุญทุนธรรมทาน*
    ให้..
    ดวงชีวีได้พบหวังหวานเบ่งบานตระการ 
    *ราวกับบัวน้อยลอยชูช่อรออรุณ
    *รับสายแสงทองแสงธรรม*
    เพื่อได้ ธำรงรักษ์ศาสนา 
    และ...
    ได้ฝากดวงชีวาชีวีไว้ใต้ร่มรัตน์ร่มฉัตรเพชร
    ใต้..
    ผืนหล้าร่มธงไท ที่ยังโบกปลิวไสวด้วยความอิสระเสรี
    
    
    เหลือง....
    แห่งจันทร์งามในท่ามราตรี
    ที่เหนือนภาช่างแสนกระจ่างสว่างเย็น
    ยาม..
    พรายแสงพร่าง ทอไล้ลงมาอาบ
    *ยอดพระปรางค์ปราเจดีย์ *
    ให้เกิดแสงงามล้ำ
    *ดั่งมณีเพชรพราวระยิบระยับ*งามจับจิตจับตา
    
    
    และ
    แสงนวลจากพรายพระจันทรา
    ยังพร่างมาต้องจับ.งามพักตราน้อง
    สะท้อนนวล..
    สะท้อนหวาน..ให้แสนสะท้านใจ
    ให้งามยิ่งเกินกว่าหญิงใดในพื้นปฐพี
    ยามคนดี..ไปวัดเวียนเทียน
    ให้..
    พี่ชายที่แสนภักดิ์ได้หลงรักหลงรอ
    ได้เฝ้าพ้อวนเวียนเพียรคอยเหลือบแลชะแง้หมาย
    ดั่ง
    *กระต่ายน้อยหลงคอยจันทร์*
    ราวกับ
    มนต์ขลังพลังจากสายแสงจันทร์ที่ทอดทอทับ
    จับสไบนวลสไบนางนั้น
    ยิ่ง..พร่างงาม
    จนต้องเพ้อครางครวญ
    หวนหาเพียงสไบแพรแทนใจกาย
    ดั่ง..
    ชายชาญโบราณ ยามพบรักภักดิ์พลี
    ที่หามีไม่แล้ว..
    
    ไหน...
    ดวงทุติยมณี
    ยังมิสิ้นเมตตาได้กรุณาสาดส่อง
    ผ่านม่านมวลเมฆนวลนุ่มราวกลุ่มสายไหมแสนหวาน
    สู่บานพระบัญชรประตูโบสถ์
    มาโปรดตกต้องจับจีวรทองแห่งพระสงฆ์
    ที่..
    กำลังนั่งสวดมนต์สมาธิภาวนาในโบสถ์คร่ำ
    ท่าม..
    แสงเทียนทองทอมลังเมลืองเจรืองจรัสงามชัชวาลย์
    
    
    แสงแห่งสงฆ์..
    ที่ผ่องพราวพรรณรายฉายฉานโชติช่วง
    ดั่งรวงแสงดาวเดือนในคืนเพ็ญ
    ที่เป็นมณีโรจน์รัตน์
    อัน..
    จักนำทางทุกดวงใจ
    ที่มีจิตดวงใสศรัทธามั่นในคำสอนแห่งพระบรมศาสดา
    ที่..
    พระองค์ทรงดำเนินรอยพระบาทยุรยาตรไปรอล่วงหน้าแล้ว
    ให้ไป..พบ
    *แดนขวัญแก้วสวรรค์สรวง..*
    ล่วงพ้นพาพบบานประตูพระนิพพานไสว
    หากจิตดวงใสใสเพียรมิพ่าย
    
    
    ให้..ใจรู้วางว่าง ไว้
     ก็จักมิมีวันพบมืดบอดใด
    หาก..
    ตั้งมั่นในศรัทธา
    ยึดยอดแห่งคำสอนจากพระศาสนายอดพระรัตนตรัย
    ที่กำลังก้องหู
    ที่...
    กำลังคลอคู่แสงเทียน
    เสียงธรรม มาน้อมพลี..ที่*ดั่งทางทองทอดรอ*
    .....................
    
    
    พบพุทธบุญเพรงสยาม..ลำน้ำน่าน
     
    เหลือง...รวงพวงพุ่มข้าว            โพสพสรม
    เหลือง...พัสตร์สงฆ์รงค์ลม         รุ่งคุ้ง
    เหลือง...อรุณแรกขานขรม        ขมิ้นเพรียก 
    เหลือง...บุปผาร่วงรุ้ง                 เรื่อแล้วลานสยามฯ
    ..................................
    
    
    ดวง...
    หลับตาลงช้าช้า..ช้าช้า...
    แล้ว...
    ราวกับได้ยินเสียงมโหรี
    และ..
    ภาพตรงหน้าย้อนรอยอาลัย..ให้จิตดวงไหวอาวรณ์
    เสมือน..
    เห็นร่างอรชรในมโนนึก
    นั่งทอดร่างอยู่ตรงศาลาไทยท่าน้ำ
    ในท่ามบ้านเรือนแสนสงบสุขสองฟากฝั่งคลอง
    
    
    เพราะ...
    ตรงข้าม
    ที่*ดวง*นั่งนิ่งเงียบงามนั้น 
    จะมีตึกโบราณ หลังหนึ่ง 
    ราว..
    คฤหาสน์ในฝันในจินตนาการอันงามตระการ 
    ต้องตาต้องใจ ดวงอย่างที่สุด 
    
    อดีตที่ผ่านมา...คงเรืองรุ่ง 
    มีมโหรีขับกล่อมระทึก
    ไปกับลำนำเจ้าพระยา ในยามค่ำ ที่มีงานเฉลิมฉลอง...
    
    
    ดวง..
    จึ่งหลับตาฝันว่า 
    คงสุขนัก ถ้าได้เยือนย้อน หวนกลับไป
    และ..
    คงสุขล้ำ ถ้าดวงได้เป็นหนึ่งในนั้น 
    นุ่งผ้าซิ่นไหมกรอมเท้า
    ใส่เสื้อแขนกระบอก ปล่อยผมสยายยาว 
    ทัดด้วยดอกไม้หอม เคลียแก้ม
    ยามนั้น..
    คงมีท่าเทียบเรือ ให้นั่งผ่อนพัก 
    ทอดตาดูเรือพาย ดูสายน้ำใสไหลเย็น
    ที่คงยังชื่นฉ่ำ สะอาดงาม 
    และ..
    อาจจะมีพระเอกในฝันก้าวขึ้นมาจากเรือเพื่อจุมพิต.....
    
    
    หาก...
    ลืมตาพลัน...
    ฝันทั้งหลาย ก็แค่ฝัน ยากเป็นจริง 
    
    ฝันทุกเรื่องราว 
    มาบัดนี้...ทุกสรรพสิ่งแสนงาม
    ถูกกาลเวลา กลืนหาย ให้มลายหายลับไปกับตา 
    เหลือไว้..
    เพียงตำนานใจตำนานตึกร้างราไร้ผู้คน
    และ..
    กับสายน้ำ เจ้าพระยาในวันนี้
    ที่คงเคยเห็นความทรงจำอันหวานหอม..
    และ
    ในยามนี้...
    มาตรแม้น..
     เจ้าพระยาเอง ยังครวญ คร่ำ ร่ำไห้ ขอรัก(รักษ์)..คืน
    ........................
    
    
    น้ำตาดวงปริ่มๆริมเรียวตาตลอดเวลา
    เมื่อ...
    ดวง..รำลึกว่า.....
    เหตุการณ์แห่งความงามงดนี้ 
    เป็นความปลาบปลื้มปิติในดวงชีวี
    ที่ยากยิ่งจะย้อนหวนคืน
    เสมอเสมือน...
     สายน้ำใจเจ้าพระยาตรงหน้าดวง
    ที่จำต้องไหลบ่าล่วง
    ทิ้ง...
    เพียงความทรงจำอันแสนฉายฉาน..
    
    
    ฝากให้..
    ผู้คนทั้งสองฟากฝั่งและที่ผ่านไปมา
    ได้พึงรำลึกสำนึกค่าแลจดจำ
    *สายน้ำรักนิรันดร์ *
    ที่มาปันพลี แด่ผืนพสุธา
    มา..
    หล่อเลี้ยงข้าวกล้าพืชพรรณและผองชน
    ให้ได้อาบดื่มกิน 
    มาทายทักทุกสรรพสิ่ง 
    แล้ว..
    ลาลับไปกับกาลเวลา
    แม้นกระทั่งร่างเรา
    ก็...
    จักมลายลาหายไปกับกระแสกาลใช่นาน เลย
    ณ..ทุกคนดีที่รักแสนรักในกมล
    
    
    และ....
    ในงามเงียบกมลแห่งภวังค์ฝัน
    ดวง..ราวได้ยินเสียง..
    *ฟ้าดินแลสวรรค์กำลังกระซิบ...กันเหนือชั้นฟ้า..*
    
    ปวงเหล่าทวยเทพเทวาอินทร์พรหม
    ต่างพากัน
    อธิษฐานจิตดั่งทิพยนิรมิต..
    พลีพร้อมแสดงพลังพลานุภาพ
    ที่อาบเอิบไปด้วยความปลาบปลื้มปิติเกษมโสมนัสยินดี
    ที่ทรงมี..
    แด่พระผู้ผ่านภพผ่านหล้าเหนือฟ้าไทย...
    สำแดง...
    ปาฏิหารย์ยิ่งใหญ่ประสิทธิ์ประสาทพร
    ให้พลเมืองโลก ได้ประจักษ์..
    
    
    จึ่ง..
    พากันบันดาลบันดลพลัน..!
    ให้เกิดพายุกล้า พัดแรง
    แล้ว...
    หลั่งสายพระสิโนทก
    ให้ตกต้องปรายโปรยอวยพร
    อาบไปทั่วทั้งผืนน้ำเจ้าพระยามหานทีทอง
    
    
    ที่..
    กำลังจะรองรับ*ขบวนเรือพยุหยาตรา 
    ที่จักลีลามาอย่างพญาหงส์..
    อันแสนทรงเกริกเกียรติเกรียงไกรยิ่งใหญ่อลังการ..
    ให้...
    ผองชนคนในสุวรรณภูมิพุทธิ์ไทย
    ที่ณ..วันนี้ ต่างมีดวงจิตแสนพิสุทธิ์ใส
    ได้มา..
    นั่งน้อมสำนึกรำลึกรู้ ในพระมหากรุณาบุญญาธิคุณ
    แห่งพระพ่อหลวง
    พระในดวงใจแห่งกมลทุกคนไทยมาแสนยาวนานนัก
    แลจักเป็นเช่นนี้..
    ตราบชั่วนิจนิรันดร์...ตราบชั่ววันฟ้าดินสลาย
    ......................
    
    
    หยาดน้ำค้างแก้วน้ำค้างฟ้า
    จึง..
    พรายพัดมากับพายุกล้าจากพยับโพยมบน
    ที่ต่างพากันมาพัดสรรเสริญพระบารมี 
    อย่างเป็นที่..
    *มหัศจรรย์บันดาลบันดล..*
    ไปทั่วเวหน..หาว..
    ให้..
    พราวฉ่ำราวหยาดน้ำทิพย์
    น้ำทองจากคลองใจแห่งพระองค์ท่าน
    ที่ทรงประทานแด่คนไทย
    ให้วักจิบดื่มกิน มิสิ้นหยาดน้ำทิพย์จากจิตเกษมใส
    อย่างมิมีวันสิ้นสุด..
    
    
    แล..
    ไม่นาน...
    ม่านฟ้าสลัวที่มัวหม่นก็..พลันเปิด 
    ให้ฟ้าไทยยิ่งใสว่างสว่างเย็น
    ดั่ง..
    สายน้ำใจเจ้าพระยาที่ยังคงไหลเย็นไหลละล่อง
    พาไทยท่องผ่านทุกข์ทุกวิปโยค
    มาสอนโศกสุข...
    ที่ผ่านมาคลุกเคล้าหนาวร้อนทุกหย่อมหญ้า
    
    
    ให้รู้ว่า...
    ความรักแผ่นดินและการเสียสละ 
    รู้หันหน้ามาปรองดองสมานฉันท์กัน
    ให้รู้ยอมรับ รู้จักรู้จำทำใจ
    เพียรแก้ไขในสิ่งผิด และรู้คิดดี พูดดี ทำดี
    พลีให้กับ..
    บ้านกับเมือง..ที่แสนสุขสงบร่มเย็น
    จน..
    ทั่วหล้าโลกต่างพากันอิจฉา
    ที่เราคนไทยต่างได้พากันมาเกิด
    ในผืนดินอุดม..
    ใต้ร่มฟ้าร่มรัตน์ร่มเศวตรฉัตรเพชรกางกั้นเกศ
    ที่ช่างแสนหายากเย็นในพื้นปฐพี
    ที่จัก..
    ได้พบสิ่งแสนดีแสนยิ่งใหญ่ในเวลาเดียวกัน
    
    
    ราวกับ..
    จักมาปันพลีมาสอนสัจจะใจ
    ให้มวลมนุษย์ได้พบบทเรียนใจ
    ว่าแท้เที่ยงแล้วไซร้
    ความยิ่งใหญ่ที่จริงแท้
    ก็คือ..
    พลังแห่งธรรม ธรรมชาติ ที่จักสถิตสถาวร
    พลังแห่งความรัก สามัคคี 
    พลังแห่งความดีความงาม
    เพื่อ..
    พลีพร้อมรู้รักษ์ให้*โลกนี้จักเป็นหนึ่งเดียว*
    ไม่เกี่ยวไม่เก่าไปกับกาลเวลา
    และ..
    ถึงมาตรแม้นว่า...
    โลกอาจจะหมุนช้าลงก็คงจักดีกว่าขาดเกรียว
    แลเหลียวไปพบเพียงความวิปโยค..โศกสะเทือน
    .....................
    
    
    
    สายน้ำใจเจ้าพระยาที่ดั่งมหานทีทอง
    ไหลล่องผ่านครรลองบ้านเมือง
    ย้อนยุคมาทุกสมัยรัชกาล
    
    *อยุธยาโบราณ*
    ยามบุญมาหนีทัพพม่า
    ในคืนที่ฟ้าไทในกรุงศรีอยุธยาแดงโชติช่วงฉายฉาน
    ปานประหนึ่งอาบท่วมไปด้วยเลือด เลือด..และเลือด..!!!!!
    
    มีเพียงม่านควันไฟลุกโพลงโหมไหม้
    ทำลายบ้านเรือนวัดวาอาราม
    ที่แสนมลังเมลืองอลังการ
    ปานทิพยวิมานสวรรค์สรวงมาเยือนหล้า...อย่างย่อยยับ..!!!!!
    เหลือ...
    เพียงทรากปรักหักพังในชั่วพริบตา.....!!!!
    
    
    ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง
    อันโหยหวน เสียงอาวุธ กระทบกัน ทั้ง  หอก ดาบ ปีนคาบศิลา
    
    และ..
    ที่ตามมา...คือ...กลิ่นคาวเลือด...และซากศพนับหมื่นพัน
    ทั้งไทยพม่าที่ฟาดฟันกันอย่างไร้ปรานี..ปล่อยให้ชีวีหลุดลอยปลิดปลิว
    ตายไปในสมรภูมิรบ..ราวใบไม้ร่วง
    ถมซ้อนทับกัน..จนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร..!!!!! 
    
    
    ไหนจะเสียงร้องระงม...ตามหากันจ้าละหวั่น
    เพื่อให้หนีภยันตรายอันหมายถึงชีวิตให้พ้นผองภัย
    
    ทั้งเด็กผู้หญิงที่จักถูกเข่นฆ่าอย่างไร้ความปรานี 
    อย่างที่มิสามารถจะปกป้องตนเองได้
    
    ความโหดร้ายเหี้ยมเกรียม  ทารุณในสนามรบ .!
    ไฟที่กำลังคุโพลง..!สว่างจ้า  ราวกลางวัน
    
     หากทว่าในดวงใจไททุกดวงราววัน*แห่งอาทิตย์อับแสง..!!! *
    แฝงด้วยความโศกาอาดูรพูนเทวษ 
    
    จนน้ำตาก็ไร้ค่ามิพอที่จะหลั่งรินสังเวย..ทั่วทั้งปฐพี!!!!
    
    
    มีเพียงใจดวงหนาวร้าวระกำช้ำลึกอย่างยากที่จะเยียวยา..!!!!
    
    ราวกับสิ้นทั้งโลกหล้า 
    ฟ้า แล ดิน..สิ้นอินทร์พรหม ยมพญา
    พลอยพากันวิปโยคโศกสะเทือน...โหยไห้..ร่ำหา..ครางครวญ
    อวลกลบกลืนไปทั้งผืนฟ้า........อยุธยาธานี 
    
    ที่ ณ..บัดนี้..ร้างไร้...
    คล้ายเหลือเพียงจิตวิญญาณ
    
    ที่ลอยล่อง อย่าง...เจ็บช้ำ เจ็บแปลบ แสบแสน ในโศกนาฎกรรมนี้
    
    ที่มิอาจพลี จิตร่างรักษาเมืองไว้ให้ลูกหลานได้.....!!!!!
    ....................
    ..............................
    และ
    ใครอยากติดตามต่อก็ไปอ่านต่อที่ดวงได้พลีรจนาฝากไว้นะ
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem76049.html
    (แผ่นดินของเรา)
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem38124.html
    (ฝันเศร้ากับเจ้าพระยา)
    
    
    
    
    กลับมา....นาทีนี้....
    ที่ดวงกำลังมีเวลาทอดทัศนา รายรอบ ..
    จะมองเห็น วิวทิวทัศน์ วัดวา
    ยอดหลังคาโบสถ์อร่ามเรือง เลื่อมพรายพราวดั่งทองทา
    
    โน่น พระบรมมหาราชวัง 
    และ....นั่น....
    วัดพระแก้ว ในยามค่ำ จะมลังเมลือง
    พราวพร่าง งามระยับจับนัยน์ตา 
    ราวเมืองฟ้า เมืองสวรรค์ ที่ฟ้านี้ประทานให้
    ...................
    
    
    ตะวันนวลด้วยพรายแดดอ่อนอุ่น ในทิวา 
    รอนรอนล้าอ่อนอ่อนแสง 
    ที่ใกล้ลาลับไปกับผืนน้ำสีทองของเจ้าพระยา..
    
    
    และแล้ว..
    พลัน...
    นาทีแห่งปาฏิหารย์รักมหัศจรรย์รอ
    อันคือ..
    ความยิ่งใหญ่เหนือชีวิตจิตใจแห่งปวงพสกนิกรไทย
    ที่ได้มารอเฝ้าดู
    *ขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค*
    ก็ได้เริ่มต้น....
    
    เรือพระที่นั่งลำแล้วลำเล่า..ที่ผ่านตาดวงไป
    ความอลังการอันแสนงดงาม
    เกินหาค่าคำใดมาเทียบเทียมได้
    นอกจาก..
    ต้องอัญเชิญบทกวีของบรมยอดกวีศรีแผ่นดินอยุธยา
    *เจ้าฟ้ากุ้ง*มาบันทึกไว้ณ..ที่นี้
    
    
       ปางเสด็จประเวศด้าว           ชลาไลย
    ทรงรัตนพิมานไชย                 กิ่งแก้ว 
        พรั่งพร้อมพวกพลไกร         แหนแห่ 
    เรือกระบวนต้นแพร้ว             เพริศพริ้งพายทอง ฯ 
    
           ช้าลวะเห่ 
       พระเสด็จโดยแดนชล          ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย 
    กิ่งแก้วแพร้วพรรณราย          พายอ่อนหยับจับงามงอน ค 
        นาวาแน่นเป็นขนัด            ล้วนรูปสัตว์แสนยากร 
     เรือลิ่วปลิวธงสลอน                 สาครสั่นครั้นครื้นฟอง
        เรือครุฑยุดนาคหิ้ว              ลิ่วลอยมาพาผันผยอง 
    พลพายกรายพายทอง              ร้องโห่เห่โอ้เห่มา 
          สรมุขมุขสี่ด้าน                   เพียงพิมานผ่านเมฆา 
    ม่านกรองทองรจนา                 หลังคาแดงแย่งมังกร 
         สมรรถไชยไกรกาบแก้ว    แสงแวววับจับสาคร
    เรียบเรียงเคียงคู่จร                ดังร่อนฟ้ามาแดนดิน
    
         สุวรรณหงส์ทรงภู่ห้อย         งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์ 
    เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์          ลินลาศเลือนเตือนตาชม
               เรือไชยไวว่องวิ่ง          รวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม 
    เสียงเส้าเร้าระดม                    ห่มท้ายเยิ่นเดินคู่กัน ฯ 
                
    มูละเห่
          คชสีทีผาดเผ่น                   ดูดังเป็นเห็นขบขัน 
     ราชสีห์ทียืนยัน                       คั่นสองคู่ดูยิ่งยง
           เรือม้าหน้ามุ่งน้ำ               แล่นเฉื่อยฉ่ำลำระหง 
     เพียงม้าอาชาทรง                    องค์พระพายผายผันผยอง
            เรือสิงห์วิ่งเผ่นโผน          โจนตามคลื่นฝืนฝาฟอง 
    ดูยิ่งสิงห์ลำพอง                         เป็นแถวท่องล่องตามกัน 
           นาคาหน้าดังเป็น               ดูขะเม่นเห็นขบขัน 
    มังกรถอนพายพัน                    ทันแข่งหน้าวาสุกรี 
            เลียงผาง่าเท้าโผน            เพียงโจนไปในวารี 
    นาวาหน้าอินทรีย์                     ที่ปีกเหมือนเลื่อนลอยโพยม 
             ดนตรีมี่อึงอล                   ก้องกาหลพลแห่โหม 
    โห่ฮึกครึกครื้นโครม                 โสมนัสชื่นรื่นเริงพล 
            กรีฑาหมู่นาเวศ                จากนคเรศโดยสาชล 
    เหิมหื่นชื่นกระมล                     ยลมัจฉาสารพันมี ฯ 
    .........................
    
    
    
    หันมาอีกที..
    เมื่อ..
    *ขบวนเรือแห่งความงามยิ่งใหญ่*
    ที่ทำให้น้ำตาดวงซึมซึ้งด้วยตื้นตัน
    อย่างแสนเกษมปลาบปลื้มปิติใจ
    อย่างคน..
    ที่มีนวลใจ..รักแสนรักซึ้งแสนซึ้ง..เข้าถึงแสนเข้าถึง
    ในทุกวัฒนธรรมประเพณี 
    ทุกราวเรื่องแสนงามแสนดี
    ที่..
    บรรพบุรุษไทยเราได้พลีมอบไว้
    *ให้เป็นมรดกทางจิตวิญญาณ*
    ผ่านกาลกัปป์สมัยมาหลายยุคสมัย
    
    
    อัน..
    คือวิถีไทยวิถีทองครรลอง
    ให้สายเลือด
    ที่หล่อหลอมให้เรายังมีดวงใจละไมละมุนละเมียด
    รักความประณีตความสงบสุข
    ไม่รุกเร้าเร่งร้อน
    ไปด้วย..ไฟฟอนแห่งโลกโลกาภิวัฒน์
    ที่..
    กำลังลุกพร่างไหม้โหม
    ให้มวลมนุษย์มนามากมาย
    ต่างพากันเวียนว่ายพบทุกข์ 
    ไร้สุขเกษมสมถะ รู้รักความพอดี 
    พอใจ  พอเพียง เงียบงามอย่างในอดีต
    เสียง..
    เสภาบทเห่ชมเรือและพระบารมี
    ยังก้องไพเราะ
    พร้อม..
    กรับบัณเฑาะว์เคาะขยับตาม
    ยิ่ง..ให้งามเย็นงามฉ่ำงามล้ำลึกดื่มด่ำ
    ด้วย..
    พลังแห่งความรักชาติรักแผ่นดิน
    ยิ่งแสนซาบซึ้งตระหนักสำนึกนักในนึกนวลใจ
    ในค่าคำคนไทย ข้าแผ่นดิน..
    อัน..แสนภาคภูมิใจเกินกล่าว..คำใดอธิบายได้แล้ว
    นอกจาก..
    พลีแพรวหยาดน้ำตาพร่างพรู
    ให้ฟ้าดินรับรู้อย่างดายเดียว..
    
    
    
    และ....
    ในยามนี้...
    ราตรีนี้ของเจ้าพระยา 
    จะมีไฟพริบพริบ ระยิบระยับ
    งามจับตา จากเรือลำน้อยลำใหญ่ 
    และ..
    มี*กระทงสายพรายพร้อย*นับพัน
    พร้อมด้วยแสงเทียนทองทอ
    ท่องเหนือสายน้ำสีทองงามพราวแพรวแจ่มจรัส
    งามชัดบรรจงจิตดั่งทิพยนิรมิต
    ในหอมห้วงแห่งหัวใจนิรันดร์กาล
    
    
    และ
    พร้อม*โคมลอย*นับร้อยพร่างแสงจะพากัน
    แข่งขึ้นเหนือราวฟ้า 
    ระบัดโบกวะวูบไหวไปตามแรงลมบน..ส่ง..
    .................
    
    
    
    ดวงตะวัน...กำลัง...จะลับลา 
    ก็คงแค่ชั่วคืน ก็คงหวนกลับ มาชื่นฟ้าใหม่
    มาทายทักปลอบประโลมใจพสกนิกรไทยทั่วหล้า
    พร้อม..
    สายน้ำใจเจ้าพระยา
    ว่า ...
    อย่าได้หวั่นไหว ให้กำลังใจ 
    อย่าอ่อนแอ อย่ารอรา ด้วยยังไม่สิ้นหวัง
    ว่า..
     สักวันหนึ่งคงมีคนรู้รักษ์ รู้คุณค่าเพิ่มมากขึ้น 
    ของลำนำลำน้ำแห่งชีวิตนี้ 
    ที่ชื่อเจ้าพระยา......
    
    
    และ...
    สำหรับดวงขอฝากบทเพลงแสนดี นี้
    ไว้ในใจของทุกคนดีในดวงใจดวงด้วยนะคะ 
    หวังว่า...
    จะรู้รักสามัคคีสมานฉันท์
    รู้คิดดี พูดดี ทำดี พลีเพื่อแผ่นดินไท
    และ..
    รู้รักกันไปไม่มีวันเสื่อมคลาย..
    ดั่ง..
    พระบรมราโชวาทที่ทรงฝากไว้
    เพื่อ..เป็นดั่งมิ่งขวัญกำลังใจ
    
    
    ดวงกราบวอนไหว้
    เทพยดาฟ้าดิน
    องค์พระบุรพกษัตริย์เจ้า
    และ..
    ทุกดวงวิญญาณบรรพชนคนไทยของชาติ
    วีรบุรุษผู้กล้า
    ผู้ยอมทอดร่างสละเลือดแลดวงชีวา
    และ เพื่อพิทักษ์ปกป้อง
    ให้เราลูกหลานไทย
    ยังได้มีแผ่นดินธรรมผืนดินทอง
    ได้หยัดยืน อย่างทรนงแลภาคภูมิในอิสราธำรง
    ให้..
    เรายังมีค่าคน ..ได้ดำรงลมหายใจไว้
    เพื่อสร้างสรรเสียสละ
    และ..
    พร้อมพลีจะเป็น*ผู้ให้*
    แด่ผองเพื่อนไทยผู้ยากไร้เสียยิ่งกว่า..
    ที่เกิดมาร่วมแผ่นดินเดียวกันอย่างพร้อมปันพลี
    
    
    และ..
    ดวงขออธิษฐาน
    ให้ทุกดวงใจสวยใสดั่ง
    *สายน้ำใจแห่งเจ้าพระยา..*
    ที่แสนมีมนต์ขลัง
    ที่ประดุจดังคู่ใจ คู่ไทย เรามาเนิ่นนาน 
    ให้ใจเรากล้าหาญ
    ที่จะปองมั่นดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท
    *ดั่งความฝันอันสูงสุด*
    อย่างมิคลาดคลา นะทุกดวงใจที่รัก
    แล..
    จักเป็นปิติศรัทธาภักดิ์..ตราบชั่วนิจนิรันดร์...!
    ..........................
    
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song774.html
    (สี่แผ่นดิน)
    คนมี ชีวิตและกายา
    ถือ กำเนิดเกิดมา
    เป็นหญิง หรือว่าเป็นชาย
    ผู้มี พระคุณอันแสนยิ่งใหญ่
    กว่า สิ่งใด ก็คือแผ่นดิน
    เป็นแดน ที่ให้ชีวา
    พึ่งพา อาศัยและอยู่กิน
    คุณใด จะเปรียบแผ่นดิน
    เอื้อชีวิน จากวันที่เกิด จนตาย
    ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน
    ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน
    ความทุกข์เยือน เรือนกาย
    หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้
    สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา
    ยามดี เราดีตาม
    ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา
    บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์
    หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน
    
    ยามใด ความทุกข์กรายมาเยือน
    ทุกข์ใดเล่าจะเหมือน
    ความทุกข์เยือน เรือนกาย
    หากเรือน ของเรามีทุกข์ กรายใกล้
    สุขอย่างไร อย่างไรตัวเรา
    ยามดี เราดีตาม
    ในยาม มีทุกข์ควรแบ่งเบา
    บุญคุณ ยิ่งใหญ่นานเนาว์
    หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน
    หน้าที่เรา ตอบแทนพระคุณแผ่นดิน...
    .............
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song25.html
    (ลุ่มเจ้าพระยา)
    
    ลุ่มเจ้าพระยา เห็นสายธาราไหลล่อง
    เพียงแต่มอง หัวใจให้ป่วน
    น้ำไหลไป มักไม่ ไหลทวน
    ชีวิตเรา ไม่มีหวน ไม่กลับทวนเหมือนกัน
    เราเกิดมา ผูกใจรักกัน ดีกว่า
    เพราะว่าชีวาแสนสั้น
    เราอย่าได้กระเทือนหัวใจต่อกัน
    ทิ้งชีวิตอันสุขใจ
    อย่าแตกกันเลยรักไว้ชมเชยชิดมั่น
    จงผูกพันรักกันด้วยใจ
    ขอจงเป็นเหมือนเช่นนกไพร
    ที่เหินบินคู่กันไป
    หัวใจ....คู่กัน
    
    
    
    
  • สาวบ้านนา

    4 ธันวาคม 2550 11:58 น. - comment id 796504

    b_138.jpg
    เทิดพระเกียรติโครงการในพระราชดำริ
    เกี่ยวกับหญ้าแฝก..
    
    ในอีกนามปากกา สาวบ้านนา..ค่ะ
    
    
    แฝกฝันฝากหอม...
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song283.html
    (ลาสาวแม่กลอง)
    
    
    
    ฝนตกหนักติดต่อกันมาหลายวันแล้ว
    น้ำเริ่มเจิ่งนองไปทั่วทุ่ง
    เสียงกบเขียดพากันร้องระงมด้วยความเบิกบานสราญใจ
    ข้าวในนาก็ระบัดใบเขียวใสระย้าย้อยห้อยรวงเริ่มผลิที่รอเกี่ยว...
    
    
    
    สาวนา 
    ตั้งใจจะปลูกกระท่อมใหม่สักหลัง
    ที่เปิดโล่งเป็นโถงเรือนว่างๆ
    
    ไว้สำหรับสอนเด็กๆแถวบ้าน
    ให้อ่านเขียนและวาดภาพ
    พร้อมทั้งเป็นโรงเล่านิทาน
    
    มีหนังสือที่รับบริจาคมา
    เพื่อจะพัฒนาให้เยาวชนคนที่ขาดการศึกษา 
    ได้มีเวลาค้นคว้า
    และ...
    เรียนรู้โลกกว้างทางไกลที่ไปไม่ถึง
    ด้วยการปลูกฝังให้รักการอ่าน 
    ที่คือหน้าต่างโลก ประตูโลก
    จะทำให้คนเต็มคน มีปัญญา 
    พารู้ทันเท่ามิเฝ้าตกเป็นเหยื่อโศก..สิ้นสุขทุกข์วนในสังคมเทียมเทียม...
    
    
    
    และ...
    สาวนาเตรียมสอนธรรมะพื้นฐานแบบง่ายๆ
    ที่คงยังดีกว่าหายใจไปวันวัน
    ได้สร้างสรรสังคมชนบท
    ให้แสนงดงาม...ตามแบบอย่างพุทธศาสนิกชนที่ดี
    
    ที่จักเป็นผู้ให้ ไร้ร้องขอ
    อย่างมีเมตตาธรรม
    แด่เพื่อนมนุษย์ที่ร่วมเกิดเจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
    
    อย่างรู้ว่าวันเวลาแห่งชีวิตนั้นแสนสั้นนัก
    จะทำอะไรที่ประเสริฐแสนดีพลีได้เพื่อผองชน...ก็จงรีบทำ
    
    ไม่เว้นแม้กระทั่งกับสัตว์
    ที่เปรียบประดุจดั่งเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยาก
    ที่ยอมเหนื่อยยาก...ลากแอกแบกคันไถ..คู่ใจมาแสนนานวัน
    
    
    และ
    ในดวงใจใสใสของสาวนานั้น...
    ก็แสนสงสาร..*เจ้าวัวควายเพื่อนยาก*
    ตั้งใจว่าจะเปลี่ยนหลังคาจากที่ผุพังให้เสียทีเดียวพร้อมกันเลย
    
    เพราะฝนตกทีไรก็รั่วซึม
    สาวนา..
    จึงคิดจะมุงด้วยหญ้าแฝก 
    
    เป็นหญ้าแฝกหอม
    หรือที่เรียกว่าหญ้าแฝกลุ่ม หญ้าแฝกบ้าน
    สาวนาขอแรงเพื่อนๆมาช่วยกันเกี่ยวหญ้าแฝก
    ที่ขึ้นอยู่ริมคันนา
    กันดินทะลายที่สาวนาตั้งใจปลูกไว้รายรอบ
    
    
    
    ตามกระแสพระราชดำริ
    *ของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...*
    
    ที่สาวนาเคยอ่านพบ
    และ..
    เพียรนำมาลองปฎิบัติจนได้ผลตาม
    อย่างแสนน่าภาคภูมิใจ...
    ตามที่พระองค์ท่านได้ทรงพระราชดำรัสเอาไว้ว่า...
    
    "เราจะสร้างของดีซ้อนบนของเลวนั้น 
    ต้องสร้างผิวดินใหม่ขึ้นมา 
    เมื่อหญ้าแฝกเจาะดินลงไปแล้ว
    จะนำดินที่มีอาหารลงไป
     เวลาน้ำฝนชะมาจากภูเขา ชะใบไม้มาติดหญ้าแฝก 
    ดินจะเพิ่มขึ้น แล้วก็ดินเลวจะเป็นดินดี" 
    
    
    
    *พระองค์ท่านหวังเห็นภาพอนาคตธรรมชาติอยู่รอด 
    ปวงประชาพึ่งพาตนเองได้ *
    
    และด้วยพระปรีชาญาณและพระวิสัยทัศน์
    ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
    ที่ทรงริเริ่มพัฒนาพื้นที่ห้วยทราย
    จนปรากฏผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในปัจจุบัน 
    
    รวมทั้งแนวพระราชดำริทั้งปวง
    ที่ได้พระราชทานไว้ 
    
    ซึ่งมีใจความสำคัญ
    ในการสร้างความรู้รัก สามัคคี 
    และ
    การร่วมมือร่วมใจกันของหน่วยงานต่างๆ 
    โดยมีผลประโยชน์สูงสุดตกอยู่แก่ประชาชนเป็นสำคัญ 
    
    ส่งผลทำให้ประชาชนมีความ 
    "พออยู่ พอกิน" สามารถ "พึ่งพาตนเองได้" 
    มีชีวิตความเป็นอยู่ 
    ที่สอดคล้องสัมพันธ์กับทรัพยากรธรรมชาติ 
    และสิ่งแวดล้อมในลักษณะที่
     "ประชาชนอยู่รอดและธรรมชาติอยู่รอดด้วย" 
    
    
    
    ซึ่งการดำเนินงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาแห่งนี้ 
    ถือได้ว่าเป็นมิติใหม่ของรูปแบบการบริหารจัดการ 
    
    ที่สมควรจะนำไปประยุกต์ใช้ปฏิบัติ
    ในการพัฒนาพื้นที่ชนบทอื่นๆ ของประเทศต่อไปได้อย่างดียิ่ง 
    และ
    ความสำเร็จดังกล่าว
    ได้สร้างความปลาบปลื้ม
     และพอพระราชหฤทัยเป็นอย่างมาก 
    
    ดังจะเห็นได้
    จากก่อนที่จะเสด็จพระราชดำเนิน กลับกรุงเทพมหานคร
     
    ได้มีพระราชกระแสกับเจ้าหน้าที่ 
    ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายฯ 
    ที่ส่งเสด็จ ณ พระราชราชวังไกลกังวล ความตอนหนึ่งว่า 
    "สิ่งที่ทำไว้ที่ห้วยทราย 
    นับว่าประสบความสำเร็จดีมาก 
    ต้องบันทึกเอาไว้เป็นทฤษฎีหรือตำรา...ฉันปลื้มใจมาก*
    
    
    
    
    *ทฤษฎีใหม่นี่ หลักสำคัญอย่างหนึ่ง
     คือหน้าฝน หน้าทำนา น้ำฝนจะทิ้งช่วง
    ไม่มีที่ไหนฝนไม่ทิ้งช่วง ฝนทิ้งช่วงเสมอ 
    
    ฝนทิ้งช่วงทำให้เกษตรกรเดือดร้อน 
    น้ำที่เก็บตุนเอาไว้ให้เป็นการสม่ำเสมอ
     regulate แปลว่าทำให้สม่ำเสมอ ได้น้ำสม่ำเสมอไม่ล่มจม'' 
    
    
    
    เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของดินในแปลงไม้ผลและไม้ยืนต้น 
    ปัจจุบันแม้ว่าปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยที่ตกในแต่ละปี 
    จะมีปริมาณเท่าๆ หรือใกล้เคียงกัน
    
     แต่
    เกษตรกรก็มักประสบปัญหาภัยแล้ง
    หรือภาวะพืชที่เพาะปลูกขาดแคลนน้ำเป็นประจำ
    ก่อความเสียหายแก่เกษตรกร 
    และเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก*
    
    
     *การแก้ไขปัญหา
    ภาวะพืชขาดแคลนน้ำในพื้นที่เกษตรน้ำฝน 
    จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการ
    ในการเก็บรักษาความ ชุ่มชื้นไว้ในดินได้อย่างยาวนาน
     แต่
    เท่าที่ผ่านมาตราบปัจจุบัน
    ความชุ่มชื้นเกษตรกรส่วนใหญ่ในเขตพื้นที่เกษตรน้ำฝน
    ยังคงเพาะปลูกติดต่อกันมาโดยมิให้ได้มีมาตรการ
    ในการช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นในดินเลย..*
    
    
    
     *ดังจะเห็นได้จากการที่ฝนตกลงมา
    ก็ปล่อยน้ำฝนเป็นจำนวนมาก
    ไหลบ่าออกจากพื้นที่ลงสู่แม่น้ำลำคลอง 
    ซึ่ง
    นอกจากจะเป็นการสูญเสียน้ำโดยเปล่าประโยชน์แล้ว 
    
    น้ำฝนที่ไหลบ่า
    ยังจะกัดเซาะและพัดพาหน้าดิน
    ซึ่งมีปุ๋ยและธาตุอาหารพืชที่สำคัญให้สูญเสียไปอีกด้วย 
    
    การปลูกหญ้าแฝกเพื่อรักษาความชุ่มชื้นในดิน
    สำหรับปลูกไม้ผลก็ใช้หลักการเดียวกัน 
    ทั้งนี้วิธีการและรูปแบบการปลูกหญ้าแฝก
    ขึ้นอยู่กับลักษณะของพื้นที่
    ที่เกษตรกรสามารถเลือกใช้รูปแบบหนึ่งตามความ เหมาะสม.*
    
    
    (http://www.chaipat.or.th/journal/dec98/thai/huaysai.html)
    
    ***********************************
    
    
    
    สาวนา...
    จึงเตรียมหุงหาอาหารแต่เช้า
    เพราะวันนี้คงยุ่งทั้งวัน 
    
    ต้องเตรียมการณ์ให้พร้อม
    สาวนาต้องการให้หลังเสร็จงาน
    ที่ทุกคนต่างมีน้ำใจ
    จะได้มีเวลาพบปะสังสรรค์กัน
    
    สาวนาจะได้แสดงฝืมือทำกับข้าวอันแสนลือลั่น
    ว่าฝืมือสาวนานั้น..*ราวแม่ครัวหัวป่าก์*
    ที่ใครไปใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ 
    อย่างให้จำจดไปเลยทีเดียวและรับรองจะ
    *ไม่ผิดหวังในรสชาติอย่างแน่นอน...*
    
    
    
    สาวนา...ผู้หญิงหัวใจสะออน
    จึงเปิดเพลงจากวิทยุฟังยามอยู่ในกระท่อมครัว
    กับฟ้าสลัวเลือนลาง
    กับใจดวงดายเดียวอ้างว้าง
    และ
    น้ำตาสาวนาก็พร้อมจะพร่างจะรินทันที
    เมื่อได้ยินเสียงเพลง..
    *มหาอมตะนิรันดร์กาล*นี้ที่หวานแว่วมาจากลำโพง
    .................
    
    
    
    
    http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song283.html
    ลาสาวแม่กลอง....พนม นพพร-โอภาส ทศพรอ๊อด
    
    
    สิ้น แสงดาว ดุเหว่าเร่าร้อง
    จากสุมทุมลุ่มน้ำแม่กลอง
    พี่จำจากน้องคนงาม
    แว่วหวูดรถไฟ พี่แสนอาลัย สมุทรสงคราม
    คงละเมอเพ้อพร่ำ คิดถึงคนงามที่อยู่แม่กลอง
    ราช การทหารเรียกใช้
    ลูกน้ำเค็มโอ้ทัพเรือไทย
    ฝึกเตรียมเอาไว้คุ้มครอง
    พี่ต้องขอลาจากแล้วแก้วตาลาถิ่นแม่กลอง
    คงหวนมาหาน้อง คนสวยแม่กลองคอยพี่กลับมา
    เมื่อ สงกรานต์งานวัดบ้านแหลม
    เคยเที่ยวชมกับโฉมแฉล้ม เมื่อคืน ค่ำแรมเมษา
    สรงน้ำร่วมน้อง ปิดทองพระ ปฎิมา
    อธิษฐานรักอยู่คู่ฟ้า หวังเกิดมา ร่วม ใจ
    ป้อม พระจุลไกลบ้านห่างน้อง
    เมื่อฝนมาฟากฟ้าคะนอง ได้ยินถึงน้องหรือไม่
    พี่ส่งสัญญาฝากฟ้าครวญมาจากห้วงหัวใจ
    คือเสียงครวญหวนไห้
    ทหารเรือไทยยังห่วงแม่กลอง...
    ...........
    
    
    
    เพลงนี้
    อ้ายร้องให้สาวนาฟังยามฟ้าสาง
    
    ยามที่ฟ้า....
    ยังพรายพร่างด้วยสายหมอกหยอกรวงข้าวใหม่ในนาหอม
    กับพวงพะยอมคลี่กลีบกรายกลิ่นเกสร
    กับเสียงอ้อนวอนเว้า...ขอรักรักรัก
    กับแสงดาวเดือนรำไรที่เป็นประจักษ์พยาน
    ในท่ามเลือนลางม่านเมฆ
    กับมวลดอกไม้ไทยร่ายเสกมนต์หวาน
    
    กับเสียงม่านฝนพร่าง..พรมพรำสร้างบรรยากาศให้แสนรัญจวนใจ
    และกับในยามที่พงไพรแว่วหวานด้วยเสียงดุเหว่าร้อง
    
    เพียงไม่มีเสียงหวูดรถไฟประกอบก็เพียงนั้น
    แต่....
    ก็ทำให้หัวอกหัวใจสาวนากระจุยกระเจิง
    ระเริงไปด้วยความสุขซ่านหวานซึ้งในอ้อมอกอุ่นของอ้าย
    ผู้ที่สาวนารักแสนรัก
    ที่ชอบขอหนุนตักสาวนา
    และรักเสียงเพลงสาวนาเป็นชีวิตจิตใจ...
    
    
    
    ยามนั้น
    อ้ายจะเชยปรางสาวนาหอมหอมหอมแบบบในหนัง
    แล้วจะกระซิบรำพันคำรักออดอ้อน
    ให้สาวนาระทวยอ่อนในวงแขน
    
    ที่ยินดีพลีทุกสิ่งแสนหวงให้อ้ายได้ด้วยภักดีอย่างมิต้องลังเล
    เพราะ
    อ้ายคือผู้ชายคนดีคนเดียวในชีวิต
    ที่เข้ามาเกี่ยวจิตเกี่ยวใจเกี่ยวชีวิตสาวนา
    ที่
    สาวนายินดีพลีร่างใจให้ตราบจนชั่วฟ้าดิน
    และจะถวิลไปตราบชั่วฟ้า..กัลปาวสานต์เลยทีเดียวเชียว..
    
    ..............
    
    
    สาวนาลงไปเด็ดพริกสวน กระเพราป่า มะเขือพวง
    ตั้งใจจะแกงให้หอมเลย
    และ
    เด็ดผักบุ้ง ตำลึง ฟักแฟงแตงกวาใส่ตะกร้ามาพร้อมกัน
    เผื่อจะทำแกงจืด และน้ำพริกไว้สำหรับอีกมื้อ
    
    
    ไหนจะผลไม้สารพัน
    ที่กำลังห้อยย้อยผลดกไปทั่วทั้งสวนริมท้องร่อง
    
    
    ที่สาวนาแบ่งพื้นที่ตามทฤษีใหม่
    ที่ให้มีทั้งสวนสมุนไพร 
    และขุดบึงเลี้ยงปลา
    ไว้ได้ทำอาหารกิน และประทังชีวินแต่พอเพียงเพียงพอ
    แบบชาตินี้
    จะไม่มีวันเสี่ยงกับการจะต้องอดตายอีกแล้ว
    
    เพียงคนไทยทุกคนมี
    *พระขวัญแก้ว
    *พระเจ้าแผ่นดินภูมินทร์ภูมิพลมหาราชา*
    คอยชี้แนวทางให้เกษตรไทยทั่วฟ้าดิน 
    ในแผ่นดินธรรมผืนดินทองนี้
    
    ที่พระนามของพระองค์ราวกับสวรรค์เสกลงมา
    ให้ธำรงพระปรีชาเป็นดั่งขวัญหล้าพระขวัญเกล้าแห่งผองชนชาวไทย
    พระผู้มากพระเมตตาล้นน้ำพระทัย
    ผู้มีพระการุณยคุณยิ่งใหญ่แด่ผู้ทนทุกข์ยาก
    ที่..
    ธ..ทรงเป็นดั่ง*พลังแห่งแผ่นดิน*ดั่งพระสมญานาม
    อย่างยากยิ่ง
    ที่จะหาพระมหากษัตริย์พระองค์ใดในหล้าโลกได้เทียมเท่า..
    ..............
    
    
    
    สาวนา..
    เก็บเงาะพวงแดงลูกโต แตงโมกลมเขียว  
    แตงไทย...ที่ตั้งใจจะทำน้ำกะทิหอมมันราดให้อร่อยเป็นของหวาน มื้อเย็น
    
    แล้วไหน...จะยังมีมะละกอสุก กล้วยหักมุก 
    กล้วยเล็บมือนางที่กำลังกางฟ้อนอ่อนละออจากเครือเหลืองละมุน
    
    ไหนจะยังไม่พอ
    ยังมี...*ชมพู่เพชร*
    ที่หวานแสนหวาน
    เพิ่งเด็ดสดฉ่ำ
    ที่ได้พันธุ์มาจากเมืองน้ำตาลเพชรบุรี
    และ..
    นานหลายปีถึงสูงใหญ่ใบดกเขียวและได้เด็ดชิม
    
    มีมะม่วงมันส์พันธุ์...เขียวเสวยแสนอร่อยหลายร้อยลูก
    ห้อยย้อยเขียวเรียวพวงพราว ที่สาวนาเด็ดมาจนเต้มตะกร้าเลย
    
    
    
    และนั่น...
    สาวนาเห็นพี่ทอง...ค่อยๆย่องมาคนแรก แหวกกอข้าวมาแต่เช้า
    
    พี่ทองบอก
    *ขอมาฝากท้อง*กับฝืมือสาวนา
    และจะได้มาปรับเตรียมพื้นที่รอเพื่อนๆ
    ที่จะพากันมาร่วมแรงสามัคคีชุมนุม
    
    
    
    สาวนาจึงดีใจ
    รีบเข้าครัวไปจุดไฟก่อฟืนหุงข้าวหอมใหม่
    และ
    ปล่อยให้พี่ทองและเพื่อนพ้องที่กำลังจะตามมา
    ได้พากัน
    ทักทายกันเสียงขรม...
    
    ก่อนที่
    จะช่วยกันคนละไม้ละมือรื้อเรือนเก่า
    และมุงหลังคาด้วย แฝกตับ 
    ที่สักพักสาวนาจะเป็นลูกมือคอยช่วย
    ด้วยความลุ้นระทึก
    ที่จะได้เห็นผลงานอันแสนน่าชื่นใจเสียไม่มีแล้ว...
    
    
    
    ใจดวงแก้วดวงทองดวงธรรมอันผ่องผุด
    จึงแสนสุขพิเศษในยามนี้
    
    ที่จำต้องแอบคลี่ยิ้มหวานหวาน
    อย่างบานเบิกใจอย่างสราญใจ....ไปกับสายลมแสงแดด
    และ.ให้
    ใจดวงดีที่ระทมตรมตรอมเพราะคิดถึงอ้าย..
    ค่อยทุเลามิเหงาเงียบ..อีกต่อไป.....
    ................................
    
    
  • แสงเหนือ

    4 ธันวาคม 2550 15:05 น. - comment id 796557

    ไพเราะ งดงาม เกินจะกล่าว
    
    16.gif36.gif
  • โคลอน

    4 ธันวาคม 2550 16:03 น. - comment id 796586

    29.gif29.gif29.gif
    
    ทรงพระเจริญ
    
    ซาบซึ้งใจจัง
  • ซาวแดนดุด

    5 ธันวาคม 2550 02:36 น. - comment id 796831

    12.gif16.gif36.gif
    เป็นยอดบทกวี ถวายพระพร แด่องค์พ่อ คุณพุดคงเขียนด้วยหัวใจ
    พระผู้ทรงเป็นยอดคนด้วยความรู้สึกจากหัวใจ เป็นดั่งโพธิสัตว์ที่ยังมีชีวิต แด่ มนุษยชาติทั่วทุกประเทศให้เห็นเป็นแบบอย่าง ขออนุโมทนาในจริยวัตรอันงดงามของพระองค์ ผลงานของพระองต์ อยู่เหนือมนุษย์ใดๆในโลกที่เคยเกิดมา
  • T....

    5 ธันวาคม 2550 16:01 น. - comment id 797011

    โอโห สุดยอดเลยค่ะ คุณพุด
    ขนาดภาพยังหามาได้แบบน่ารัก
    และอลังการด้วยบทกลอนที่หลากหลาย สุดยอดเลยค่ะ
    ขอคารวะ 29.gif29.gif29.gif17.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน