หิมพานต์วิมานแมนวิมานเมือง!

พุด


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=100
(แต่ปางก่อน)
รจนาด้วยน้ำตา
จากแรงบันดาลใจจากภาพด้านบนค่ะ
ลองขยายภาพแล้วนั่งพินิจนิ่งด้วยใจดวงสงบงามนะคะ
จะพบความงามความดีความล้ำค่าที่ราวแก้วประพาฬ
ฉายฉานรัศมีแก้วเพชรแพร้วพร่างพราย
วะแวววับจับดวงจิตเลยค่ะ..
ให้พบนิมิตหมาย..สุขสงบคล้ายไร้ร่างเหลือเพียงว่างเปล่าลำพัง
ราวฝั่งฝันอัน..รอเราเพียร
ค้นหาทาง
พายพาจิตวิญญาณ
ละทิ้ง
วิมานเมืองเปลืองเปล่า
ไปสู่แดนดินแห่งหิมพานต์วิมานนี้ที่เป็นนิรันดร์ว่างค่ะ
...........................


ราตรีนี้
สายฝนยังคงโปรยสายฝันสายเศร้า
สายสดชื่นอีกเช่นเคย..


หัวใจผม..คนเฉยเฉย..ดวงงามเงียบ
ยังคงเงียบงาม ไปตามธรรมชาติ..
กับโลกภายนอกและกับโลกภายใน..บ้านภายใน
ที่ไม่ว่า..
จะร้อนจะหนาวจะเศร้าจะสุข
ที่จะพากันมาคลุกเคล้า
โหมประดังมา สักเท่าไร
หัวใจผม ก็แค่ยังคง วางเฉยวางนิ่ง
 

ผม..เพียงเพียรจะดำรงร่างอย่างดีงาม
คิดดี พูดดี ทำดี อย่างมนุษย์คนหนึ่ง
เพื่อทำหน้าที่อย่างมิบกพร่อง
และเติมเต็มพลังแห่งจิตเกษมภายใน
ให้งามกระจ่างใสสว่างราวแก้ววิเศษ


คืนนี้...
ผมอ่านเรื่องที่คุณพุดพัดชาเพียรหามาฝาก
*หิมพานต์*และตามเธอเข้าไปดูภาพในเวบนี้
หัวใจดวงดีดวงเฉยพลันก็เกิดปิติ


ผมปิติใจ..
ปิติจนน้ำตาผมไหลละหลั่งรินไปกับดินและฟ้า
ไปกับหยาดฝนพรำในคืนอันงามเงียบเยียบเย็นอย่างเช่นราตรีนี้


ปิติในทุกเรื่องราวเกี่ยวกับความงาม
ความละมุนละเมียดละเอียดละออในความเป็นไทย
ในวัฒนธรรมประเพณี 
ในรสวรรณคดี
ในเรื่องราวหนหลังแห่งอดีตกาล
ในงามเงาแห่งพระบรมโพธิสมภาร


และ
ในทุกเรื่องราวทุกสิ่งละอันพันละน้อย
ที่เกี่ยวพัน
ทุกความฝันทุกความดี
ทุกทุกสิ่ง
ที่บรรพบุรุษเราแต่เก่าก่อนกาลได้พลีได้ฝากไว้
ด้วยความกล้าหาญเสียสละ
สู้รักษาบ้านเมืองผืนดินไว้ให้เราลูกหลาน
ได้สืบสานความเป็นไทยในทุกอณูเลือดเนื้อ
ให้เรายังได้มีปฐพีไทยไว้หยัดยืน
สืบสานความภาคภูมิความเป็นไทย
ด้วยความปลื้มใจด้วยความเคารพนบนอบรู้คุณ


ที่นะบัดนี้คนทั่วโลก... โลกวัตถุนิยม..ที่ระทมทับทุกข์
ต่างพากันประหลาดใจ
หันมาเอาเยี่ยงอย่าง
ในน้ำจิตน้ำใจ 
ในงานศิลปะไทย ในประเพณี 
ที่นับวันจะหายากยิ่ง


และ
สำหรับสิ่งสำคัญ..
*ความเป็นคน คนไทย*
ผู้หญิงไทยที่ดวงใจยังงดงาม
มากความละมุนใจละไมฝันละเมียดในกิริยา
ที่บางครั้งเราหาได้ตระหนักค่าไม่
ต่างพากันไปรับยวงยางมิอายไร้วัฒนธรรม
ที่มิจำต้องสงวนเนื้อสงวนตัว
มาไว้ในเรือนใจเรือนกาย
ด้วยความกระหายใคร่เสพ
ความเจริญความทันสมัยศิวิไลซ์แบบผิดผิด


หากความทันสมัยนั้น
เป็นความหยาบ ความกระด้าง 
ความไม่งามนวลความฉาบฉวย 
ล้วนแล้วแต่เป็นสุขลวง ให้ทุกข์ใหญ่หลวงตามมา
เป็นบ่อลวง ให้หล่นลึกในผนึกตมแห่งความว่ายวน*คนคำบ้าวัตถุ*
ความหรู ความรวย อวดดีอวดได้เพียงเปลือกนอก


ที่พอกฉาบไว้ทุกนาที
ทุกคลื่นถี่โฆษณา
ทุกลีลาคนเมืองเรืองรุ่งริ่งร้อยรัดพันธนาการ
งามเงินผ่อน..ว่อนไปทั้งเมืองไทย
ไปถึงท้องทุ่งนาป่าเขา
ให้เงินเงาเงี้อมครอบงำ..
จนใจดำมืดใจมองไม่เห็นอะไรๆ
ในงามจริงสิ่งสัจจธรรม ธรรม ธรรมชาติ 
ที่เฝ้าเคียงประคองให้มองมา


นอกจากใจทุรนทุรายเหว่ว้าใกล้บ้า ใกล้บอ
ขอแค่ทะยานอยาก..คว้าไขว่เพียงสิ่งภายนอกนอกใจนอกกาย
คล้าย...เดินตามๆกันไป ไม่หยุดนิ่งทบทวน


และ
แท้ที่จริงแล้วไซร้ ...
ความรวยหรือเงินมิอาจขนขึ้นไปบนสวรรค์ได้
นอกจากงามจิตวิญญาณ งามตระการดั่งแก้วมณี 
ไร้สี ไร้เศร้า ไร้เหงาไร้ทุกข์ 
ปลดปล่อยทุกสิ่ง
หยุดคิด วางนิ่งว่างเปล่า
ให้จิตเกษมงามเงาเพียงนั้น
เป็นดั่งพลังประกายฉายแสง..นำทาง..


ทุกๆคนในวันนี้
ราวเพียรวิ่งหนี
ลบเลือนความขาวงามกระจ่างใสแห่งจิตภายในอันเป็นของเดิม
ตั้งเริ่มแรกเกิด ราวทารก ราวผ้าขาวบริสุทธิ์ใส
ที่ขาวงามกระจ่างยิ่งกว่า
ก่อนที่จะหาสิ่งใดมาหุ้มคลุม


คือกระพี้ที่แสนงามเลิศแสนงามดี 
ที่เป็นเนื้อจิตเนื้อชีวิตวิถีจิตวิญญาณไทย
ที่เราได้มาจากเลือดเนื้อบรรพบุรุษอันแสนยิ่งใหญ่
ที่มีใจรักศรัทธา ปสาทะในพระพุทธศาสนา
หล่อหลอมมาจากวิถีธรรมวิถีทองวิถีแห่งท้องทุ่งนาชนบท
อันแสนงดงาม 


ให้เราใช้ชีวิตติดดินเรียบง่าย 
ราวได้ย้อนคืนสู่อดีต สมัยสุโขทัย 
ในยามก่อนเก่า 
นาข้าว เขียวชะอุ่ม..... 
พลิ้วรวงเรียว ล้อลมทายทัก แสงอาทิตย์สีทอง ในยามเช้า 
ให้น้ำค้างพราว เกาะก้านกอ กิ่งใบ หายวับไปกับ แสงแรก 
ของอรุณรุ่ง อุ่นรวงเรียว 


ตื่นเช้ามาฟังเสียงธรรมชาติสะอาดหอม
กับบทบรรเลงเพลงแห่งกอไผ่ใบกล้วยไหวซัดส่าย
เพลงใบไม้
เพลงลมพัดตึงเคล้าคลึงยอดตาล
เพลงหอมหวานแห่งลอมฟางท้องทุ่ง
เพลงทุ่งนาระบัดรวงกับปวงดวงดอกไม้ป่าพรั่ง
ทั่วทั้งป่าเขาลำเนาไพร 
เพลงสายธารระรินไหลร่ำ 
เฝ้าพร่ำกระซิบฝากดนตรีแห่งพฤกษ์ไพร
ให้ทุกหอมห้วงหัวใจลืมดนตรีเมือง


ภาพ พระสงฆ์ เดินเรียงมา แสนประเทืองประทับใจ
เป็นทิวแถว ท่ามดงตาล 
ยิ่งพาให้ใจเรานี้อิ่มเอิบงามล้ำ 
ไปกับความสงบงาม
ที่ได้ทำบุญตักบาตร 
และไหว้วาดอธิษฐานให้เกิดสิ่งดีมีมงคล..แก่ดวงชีวีนี้ 
ที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา....
พาใจให้ยิ่งสว่างไสว ร่มเย็น เป็นสุข..เป็นยิ่งนัก


ให้เรามีใจดวงใสดวงไม่ทะยานอยาก
หากรู้รักความงามเงียบเรียบง่ายใช้ชีวิตในวิถีสมถะ
รู้เพียงพอพอเพียง
ใช้วิธีแลกเปลี่ยนด้วยน้ำใจ 
มิใช่น้ำเงินเป็นใหญ่จนบดบังให้เกิดอัตตา
หลงว่าข้า..สามารถซื้อโลกไว้ได้ทั้งใบ


ไม่หยุดคิด ว่าโลกนี้หนอ 
คือการแบ่งปันคือขวัญเอื้อโอบ
คือการมาใช้ชีวิตแค่ช่วงสั้นมิยาวยืน
มิอาจฝืนชะตา ไม่ว่าจะรวยล้นฟ้าหรือยาจก
สักวันไม่ว่าเยาว์ว่าเฒ่า ไม่ว่าร่างสาวร่างแก่
พญามัจจุราชก็มีความเที่ยงแท้เที่ยงธรรม..
มาพรากทุกชีวีชีวิตนิจนิรันดร์เป็นสิ่งจีรัง อนิจจังอนัตตา
มิทันได้วิ่งหนีสุดหล้าหาที่หลบทัน


ฉะนั้น และฉะนี้ นะคนดีนะดวงใจของผม
ทำไมต้องรวยไม่หยุดยั้ง
ไว้ซื้อ ทั้งทุกสรรพสิ่ง 
ยึดมั่นไว้เพียงตัวตน ของตน 
ทนรอให้ใกล้ผืนดินกลบหน้า
ถึงกว่าจะสำนึกได้ฉะนั้นละหรือ


คนดี..ดวงใจ
อย่าเบื่อผม เลยนะ 
ที่ราวกับมานั่งบ่นว่าให้ฟัง
เพราะผมนั้นยังประทับใจ
กับทุกวิถีไทยทำ ไทยธรรม ไทยทองทั่วผองแผ่นดินไทย


ที่เรายังมีน้ำใจมีวัฒนธรรมอันดีงามมาช้านาน
เรามีการไหว้การอ่อนน้อมต่อผู้อาวุโสมิโอหังมิรู้ที่ต่ำที่สูง
เรามีอ่อนโยนน่ารักรู้จักถ่อมตนต่อทุกสรรพสิ่ง
เรามีความนิ่ง ความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อกรุณา
เรามีการไปวัดทำบุญทุกวันพระ
เรามีการถวายดวงดอกไม้ถวายมาลัยพระ


เรามีดอกบัวเป็นพุทธบูชากราบไหว้
รู้วางไว้ให้สอนดวงใจสงบสบาย
คล้ายที่พึ่งทางใจที่แสนสวยใสงาม


เป็นนวลใจ
ที่หล่อหลอมมาจาก..
เนื้อดินไทยเนื้อใจชาวพุทธพิสุทธิธรรมพิสุทธิ์ทอง
ความงดงามอันหวานหอม
น่าประเทืองประทับใจ
จนให้ทั่วโลกยอมรับ
หันกลับมาฝึกจิตสมาธิภาวนามาเอาเยี่ยงอย่าง


เพราะต่างก็พากันเหน็ดหนื่อยเมื่อยล้า
กับโลกหล้าที่พาหมุนเร็วจนตามไม่ทันเทคโนโลยี่
เกิดกระแสความหยาบไร้ 
คล้ายชีวิตเหมือนหุ่นยนต์เข้าไปทุกวันทุกวัน


หาความนิ่งสนิท
ความสงบใจไม่มี 
มีก็แต่ความเครียดเฉียดโรคจิตใกล้บ้า
ด้วยความที่ไม่หยุด ไม่คิดทบทวน 
ไม่มองย้อนหวนไปถึงจิตภายใน


มองออกไปคว้าไขว่งามเพียงภายนอก
ที่หลอกหลอนลวงหุ้มใจจนเคยชินไปวันๆ
จนใช้*ใจเป็นนายจิตเดิม*
ที่เคยผ่องใสให้มองไม่เห็นด้วยกิเลสแห่งความเคยชิน
ที่วิ่งนำมาจับพอกไว้
ให้หางามจิตมิพบเจอ 


จนกว่าจะวัน..
ที่วิญญาณฝันจะพลันโผผินบินออกจากร่าง
ก็ยังมิวางลง มิว่างขาว
หากเหินเคล้าไปจุติที่มืดหม่นสลัวพอกัน
และนั่นก็คือคำว่าสายเกินการณ์เกินแก้ 
..

ผม..
เพียงอยากให้ทุกดวงใจ
หันมาแลมาพิจารณา..
*ความจริงแท้แห่งจิตเดิม*
ก่อนที่เราจะมาเพิ่มกิเลสกามลามวัตถุทับ


ให้ระลึกรู้ให้ตระหนักให้หยุด ให้เพียรใช้สติ สมาธิ มีปัญญา 
มาค่อยๆแกะเปลือกนอกออกไปทีละนิดละนิด
ที่มาหลอกให้เรารับไว้ด้วยความเคยชินมายาวนาน
มาบดบังจิตงามกระจ่างพลังจิตเกษม..ไว้ให้ทันท่วงที


ก่อนวันแห่งแสงตะวันชีวีจะอำลา 
พาเราไปเยือนดินแดนแห่งความมืดมน 
อนธกาลนานนับอสงไขยชาติ


ผม...
เอง..ก็แค่คนเหมือนทุกดวงใจนะครับ
ที่ชีวิตมีวันผิดพลาดเศร้าหมอง 
แต่ทุกนาทีใจทุกอุทัยโลกหมุน 


ไม่เคยเลยที่ผมจะลืมความจริง
ผมอาจจะมีเนื้อใจดวงละมุน
แต่เชื่อเถอะ ..
นอกจากใจ
ที่ผมแค่มักจะไหวรับกับคนดี..ความดี
ที่วูบวับผ่านมาสอนสั่งให้รำงับทัน


จิตผมยังแจ่มใสพอที่จะรับความเกษมสานต์
พลังงามแห่งปัญญา และรู้มันเท่าทันความคิด
รู้ผิดรู้ถูก รู้ดีรู้ชั่ว มิมีคนและสิ่งใดมาทำให้หมองมัวได้นาน
จิตผมดั่งดอกไม้แก้ว ดอกไม้เพชรแตกพร่างอยู่นะภายใน
ที่ยากยิ่งที่ใครจะหยั่งถึง 


ที่ซึ่งไม่มีคำว่าเสียใจกับคำคนคำใครนาน
ที่ผ่านมากระทบเพียงก็แค่ภายนอก
 

จิตภายในที่ผมเพียรสร้างกุศลรองรับให้
ผมคิดว่าผมมาไม่ผิดทาง
ให้ผมได้พบแสงสว่างสุกใสจากพระเมตตา
พระบารมีอันแผ่ไพศาลมานับพันปี 
จากพระบรมศาสดา 


ที่ผมเชื่อมั่นศรัทธาปสาทะแก่กล้า
และหวังจะเป็นเทียนทองส่องนำทางใจ
ไปจนกว่าจะถึงวันที่ผมจะหลับตาด้วยพลังแห่งจิตแจ่มใส
มิกลัวความตาย อย่างผู้ถึงพร้อม
รู้เพียรฝึกสอนใจให้รู้จักคำว่าตายก่อนตาย
ฝึกเอาไว้มาอย่างช้านาน

และ
ในนาทีสุดท้ายนั้น.....
หากถึงวันอำลาแสงสุริยาจริง
ผมขอแย้มยิ้ม อำลาโลก...
ด้วยพลังแห่งแสงสุริยาใจ
ที่จะสว่างไสวพร่างพราย
มิได้อาลัยโศกสุขและผู้ใด 
ขอหลับตาลาไกล  ไปตราบชั่วนิจนิรันดร
ด้วยพลังจิตพร้อม แห่งปิติเกษม!...
***********


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=100
แต่ปางก่อน....   รณชัย-อัจฉพรรณี : : Key Eb  
ช...รอ คอย เธอมา แสน นาน
ทรมาน วิญญาณ หนักหนา
ระ ทม อยู่ใน อุ รา
แก้วกานดา ฉันปองเธอผู้ เดียว
ญ....เธอเอย แม้เราห่างกันแสนไกล
ชาย ใด ดวงใจฉันไม่แลเหลียว
รัก เธอ แน่ใจจริงเชียว
รัก เธอ รักเดียว นิรันดร์
ช...แม้ มี อุปสรรค ขวาก หนาม
ญ...ขอ ตาม มิยอมพลัดพรากจากกัน
ช...จะชาติไหน ไหน ไม่ยอมห่างไกล กัน
ญ...ดวงจิตผูกพัน รักมั่นมีไว้เพียงเธอ
ช-ญ...คง เป็น รอยบุญมาหนุน นำ
รอย กรรม รอยเกวียนหมุนเปลี่ยนเสมอ
ให้ เรา ได้มา เจอะ เจอ
ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย
ช...แม้ มี อุปสรรค ขวาก หนาม
ญ...ขอ ตาม มิยอมพลัดพรากจากกัน
ช...จะชาติไหน ไหน ไม่ยอมห่างไกล กัน
ญ...ดวงจิตผูกพัน รักมั่นมีไว้เพียงเธอ
ช-ญ ..คง เป็น รอยบุญมา หนุน นำ
รอย กรรม รอยเกวียนหมุนเปลี่ยนเสมอ
ให้ เรา ได้มา เจอะ เจอ
ฉันและเธอพบกันร่วมสุขสมดังรอคอย...
 
  
				
comments powered by Disqus
  • พุด

    10 กันยายน 2547 12:42 น. - comment id 328285

    
    วอนอ่านนะคะทุกดวงใจ
    
    http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_40675.php
    http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_43230.php
    http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_42257.php>
    
    *********
    
    และกับงานงามนี้ที่รักดั่งดวงใจรจนาด้วยดวงตาพรายพราวด้วยสำนึกในน้ำพระราชหฤทัยค่ะ
    น้ำพระทัยสู่รวงข้าวราวรวงเพชร พุดพัดชา 
    url=http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=314
    น้ำพระทัยสู่รวงข้าวราวรวงเพชร
    
    เพชรคือ อัญมณี ที่ทุกคนยอมรับว่า เป็นสิ่งงดงาม 
    ที่ธรรมชาติ ได้หยิบยื่น ให้แก่มนุษยชาติ 
    เพื่อนำมาใช้เป็นสื่อแทน สิ่งที่มากค่า สูงส่ง 
    งามเลิศล้ำ มากความหมาย ในทุกสรรพสิ่ง บนผืนโลกนี้
    
     เหตุด้วยเพชรเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติมากล้น....... 
    เพชรมีความแข็งแกร่ง มีน้ำงาม มีเหลี่ยมมุม 
    ที่เมื่อมนุษย์ ได้ใช้ใจที่สูงด้วยอารมณ์สุนทรีย์ 
    มีศิลป นำมาเจียรนัย ให้สัมผัสแลเห็นงาม
     เกิดประกายวาววับ เจิดจรัส บาดจิต บาดใจ 
    งามจนน่าไหลหลง ยามเมื่อต้องแสงสวย........ 
    และที่สำคัญ มีกรรมวิธีสลับซับซ้อน 
    ยากลำบากกว่าจะได้มา ดังคำว่าเพชรในตม 
    ที่กว่าจะขุดพบ และเลือกคัดสรร 
    จนสามารถนำมาเจียรนัย และแปรรูปเป็นอัญมณีนั้น 
    เป็นขั้นตอนที่ยิ่งเพิ่มความมากค่าของ หิน 
    ที่เรียกกันใหม่ว่า เพชร ให้มากยิ่งขึ้น......... 
    
    มนุษย์.....คือผู้กำหนด ในบางสิ่งบนผืนโลกนี้ 
    ยกเว้นธรรมชาติยามพิโรธที่เรายังมิอาจหยุดยั้งได้ 
    แต่ไม่ว่าค่านับของเงิน ทอง หรือสิ่งใดๆ เกิดจากน้ำมือ...น้ำใจ 
    ด้วยมันสมองอันเลอเลิศของมนุษย์ ทั้งสิ้นทั้งนั้น มิใช่ดอกหรือ....... 
    เพชร....จึงถูกนำมาเพื่อใช้เป็นสิ่งแทนค่า แลกเปลี่ยน
     และเป็นดังเช่นสัญญลักษณ์ของความสูงส่ง 
    ในทุกๆด้าน ของชีวิตมนุษย์เฉกเช่นกัน....... 
    นอกจากสัญญลักษณ์ที่เห็นได้ด้วยตา 
    และจับต้องได้ หลังจากนำมาประดิษฐ์ประดอย
    เป็นเครื่องประดับงามบนร่างของมนุษย์นี้แล้ว เรายังได้นำเพชรมาเปรียบกับ...... 
    
    คุณงาม ความดี ความยิ่งใหญ่ เกียรติยศ ความสำเร็จ
     และความภาคภูมิใจของชีวิตคนบนผืนโลกนี้ 
    มิใช่เพียงเฉพาะที่ซื้อหามาได้ด้วยเงินเพียงนั้น....
    เพราะเพชรในที่นี้ เปรียบประดุจดังความดีมีค่า 
    ที่เงินก็ไม่สามารถ นำมาซื้อ ขาย หรือแลกเปลี่ยนให้ได้มา......... 
    
    ถ้าจะเปรียบ....ความสูงส่ง...ยิ่งใหญ่ของเพชรล้ำค่า ต่อ ผู้คนที่ล้ำเลิศ คงได้ดังนี้............. 
    
    เพชร........ของโลก คือระดับผู้นำของประเทศ 
    ที่กุมบังเหียน บริหารบ้านเมือง ลิขิตโชคชะตาผู้คนได้ 
    และจะเป็นเพชรแท้ หรือเพชรเทียม หรือไม่นั้น 
    ขึ้นอยู่กับจิตวิญญาณของผู้นำนั้นเอง...... 
    
    เพชร.....ที่ประดับโลก ประดับไทย ประดับใจ
    ของคนไทยเราทุกดวง คือองค์พระประมุขของชาติ 
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
    และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ....
    ผู้เป็นยิ่งกว่าเพชรแท้มากมีมารวมกัน....ก่อเกิดเป็นพลังแผ่นดิน 
    รวมดวงใจไทยทุกดวงให้ หลอมเป็นดวงเดียวกัน 
    ด้วยน้ำพระทัย ใสเย็น ดังหยาดเพชรที่หยดหยาด 
    ให้พสกนิกรด้วยรัก..เมตตา เสมอมายาวนาน.มิรู้สิ้น 
    
    เพชร......ที่แท้จริงอีกอย่าง คือแก่นธรรมมะ 
    แก่นแท้ของศาสนา แม้คนในโลกนี้มีเพชรงามหลาย 
    รูปแบบ หลายศาสนา เราคนไทยมีพระพุทธศาสนา 
    ที่เปรียบประดุจดังเพชรเม็ดงามเรืองรุจี......... 
    ที่เราทุกคนโชคดีนักที่มีโอกาสเกิดมาพานพบ 
    และเลือกมา...ประดับใจของเรา...ให้มีคุณค่า 
    มากล้นด้วยคุณงามความดี ด้วยน้ำใจ
    ที่ใสสะอาดราวเพชรงามน้ำดี 
    เพื่อส่องสว่างนำทางให้ จิตวิญญาณ สงบงาม.
    .และยังประโยชน์ เพื่อนำ..เส้นทางใจ
    ให้แก่ผู้ที่ยังทุกข์ทน มืดบอด หาแสงสว่าง 
    ไม่พบเจอ......... 
    
    เพชร.......ของมนุษย์เรา นอกจากประดับที่ร่างกายแล้ว 
    ทุกคนจะมีเพชรส่องประกาย...ภายในใจ 
    ให้งามงดเฉพาะรูปเฉพาะนาม ตามทางแห่งการระลึกรู้ 
    ด้วยความเพียรและกุศลผลบุญที่ได้สร้างสม 
    บ่มเพาะ แตกต่างกันไป แล้วแต่ใจใครจะไขว่คว้า.......... 
    
    เพชร.........ของพระราชินีทุกๆองค์ 
    คือมงกุฏเพชร ดังเช่นมงกุฏงามของพระราชินีเอลิซาเบธ...
    ที่คงมากล้นค่าแห่งเกียรติยศ ในดินแดน
    ที่เคยกล่าวว่าพระอาทิตย์ไม่เคยตก.......... 
    มงกุฏงามที่...สวมใส่ประดับให้แก่หญิงงามพร้อมยอมรับ 
    จากผู้คน ที่เราเรียกว่านางงามต่างๆ....... 
    
    เพชรของชีวิต......คือความสำเร็จ ในทางที่ถูกที่ดีงาม 
    ในหน้าที่การงาน ต่อครอบครัว และต่อสังคมส่วนรวม....... 
    
    เพชรของคนตาบอด.....คือความหวังเรืองรอง
    ที่ต้องการมีดวงตาสว่างไสว 
    มองเห็นโลกนี้ที่สวยงามสดชื่น มีสีสรร ราวดวงตาสวรรค์
    ที่ฟ้าประทานให้ทุกผู้ที่โชคดี..มีวาสนา สัมผัสเห็นงามตามใจนึก.... 
    
    เพชรในใจแม่..พ่อ..ผู้ก่อกำเนิด..คือลูกรัก...ปานดวงใจ......... 
    
    เพชรในใจหนุ่มสาว.....
    คือความรัก ความสมหวัง การได้ครองคู่อย่างอบอุ่นเป็นสุข 
    ด้วยความเข้าใจ อภัย กรุณา ตราบจนชีวีนี้จะหาไม่....
    และเมื่อรัก สิ่งสูงค่าที่อยากนำมาแทนใจ คือเพชร 
    รักมาก เงินมาก ไม่เดือดร้อน 
    ก็แสดงออกบอกรักด้วยค่าของเพชรมาก กะรัต......... 
    รักมาก เงินน้อย ไม่พึ่งพาเพชรพลอย ก็...ไม่ผิดอันใด......
    เพราะ. 
    ใจดวงดีที่มั่นคงจงรัก และเปี่ยมล้นด้วยเข้าใจกันและกัน 
    ย่อมมากค่าเท่าเพชรได้เฉกเช่นเดียวกัน 
    สำคัญที่ใจ....และตัวใครตัวคนนั้น 
    ที่มีสิทธิ์จะแสดงออกในรูปแบบต่างกัน.....ดังฝัน ที่มิอาจ 
    เหมือนกับชาย..อย่าง ริชาร์ด เบอร์ตัน 
    ที่แสดงออกบอกรักหญิงงามนามเอลิซาเบธ เทย์เลอร์ 
    ดาวค้างฟ้า ด้วยเพชรมากค่า.....
    แต่ก็ยังมิอาจฉุดรั้งให้รักราร้าง ในวันหนึ่ง........ 
    
    เพชร........ในใจของนักเขียนคือ.....
    กำลังใจจากผู้อ่าน ที่ยามได้รับคำ ติชม ราวหยาดรุ้งงาม 
    เพชร........ในใจของเจ้าของร้านเพชร คือผู้ซื้อ..
    ที่รู้คุณค่ามิเกี่ยงราคา ด้วยซึ้งค่าในการออกแบบ 
    ให้งามงด...เป็นมรดกฝากไว้ไม่สูญสลาย.......... 
    เพชร..........ในใจที่สว่างไสวของเด็กเร่ร่อนจรจัด 
    คือ ครูวัลลภ และครูทุกๆคนที่ร่วมด้วยช่วยกัน 
    ให้ความสำคัญของอนาคตของชาติ ที่ถูกเมินเฉย ทอดทิ้ง ................ 
    
    เพชรยังมีอีกมากมายหลายสาขาอาชีพ......
    ในจิต ในวิญญาณของผู้คนที่ทุกข์ทนยาก คือคนดีมีน้ำใจงาม 
    ผู้ถือโคมเพชรพราวราวแสงไฟ นำทางชีวิตให้สว่างไสว....ไม่ย่อท้อ...แพ้พ่าย.......... 
    
    และ
    เพชรใดใด ที่เลอล้ำค่าที่สุด 
    ก็มิอาจเปรียบเพชรนี้ที่ให้ด้วยรัก....ด้วยเมตตาบารมี......คือ......... 
    เพชร......ในใจของชาวนา..เกษตรกรผู้ยากไร้..
    ที่เพียรพลิกฟื้นผืนดิน.....ด้วยน้ำพระทัยจาก.... 
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
    ที่มีโครงการในพระราชดำริมากมายเกี่ยวกับการหาแหล่งน้ำ..... 
    เพื่อนำมารินรด...ให้ใจทุกดวงที่รอคอย...น้ำจากฟ้า 
    จากพระบารมี ให้ดวงใจทุกดวงอาบชื่น 
    ให้มีความหวัง....มีพลังแห่งใจ....ดังคำที่ว่า.......... 
    
    มีน้ำ....มีนา....มีชีพชอบ....ได้ปลูกข้าว....
    ให้ออก...รวงเรียวงาม...ราวรวงเพชรพลอยพราว........ 
    คราวได้รับหยดน้ำค้าง ราวหยดน้ำเพชรพราวพร่าง....แห่งชีวิต......... 
    ที่จะนำมาหล่อเลี้ยงพืชพรรณ...และชีวิตผู้คน...
    บนผืนดินทอง แผ่นดินไทย นับล้านๆ 
    ให้ดำรงรอด......เพื่อมีร่างงาม...ประดับเพชร เพียงสวย....แต่มิใช่เพื่อชีวิต......นี้ที่จำเป็น.......
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    
    
  • Robert TingNongNoi

    10 กันยายน 2547 12:47 น. - comment id 328291

     
    งดงามในความหมาย   ที่ร้อยหลาก
    หลายความสำนึก.ที่ใสบริสุทธิ์ออก
    มาให้ชื่นชม มีทั้งความเริงรมณ์และ
    แง่คืด เพื่อให้เกิดสัมฤทธิ์ในมโนมัย ๚ะ๛
    
    size> 
  • พุด

    10 กันยายน 2547 13:10 น. - comment id 328310

    
    http://f405.tripod.com/html/home.htm
    
    หากจะถามว่าทำไมต้องเป็นเวบหิมพานต์ก็เพราะว่าเป็นความสงสัยว่าทำไมในวรรณคดีหลาย ๆ เรื่องทั้งที่เรียนและไม่ได้เรียนมักกล่าวถึงแล้วไม่ได้อธิบายว่าที่ตั้งอยู่ตรงไหน มักจะพูดถึงสิ่งที่อยู่ในป่าหิมพานต์
    ์มากว่า ที่จะกล่าวถึงป่าหิมพานต์แล้วอธิบายให้เห็นถึงภาพได้ก็จะมีแต่เรื่องพระสุธนมโนราห์ แต่ที่แน่ ๆ เรามาดูกันดีกว่า ว่าในป่าหิมพานต์เป็นอย่างไร
    
    ป่าหิมพานต์ตั้งอยู่บริเวณโดยรอบของเขาพระสุเมรุมีความกว้าง 3,000 โยชน์ (1 โยชน์ เท่ากับ 8,000 วา) มีความสูงจากเนินเขาจรดยอดเขาสูง 500 โยชน์ หากวัดความกว้างจากทิศตะวันออกจรดทิศตะวันตกเท่ากับ 3,000 โยชน์ หากวัดโดยรอบเขาหิมพานต์เท่ากับ 9,000 โยชน์
    ........จะว่ากันไปแล้วจะเห็นได้ว่าหิมพานต์ เป็นดินแดนที่ขั้นระหว่างดินแดนของมนุษย์และดินแดนของสวรรค์เพราะว่า
    ยอดเขาต่อไปนี้เหนือยอดเขาทั้งหลายขี้นไปก็จะเป็นดินแดนของเหล่าเทพพยาดาทั้งหลายที่เรารู้จัก...........
    ยอดเขาที่อยู่รอบป่าหิมพานต์มีทั้งหมด 84,000 ยอด มีเขาที่เป็นหลัก มี 5ยอดเขาได้แก่
    เขาสุทัสสะนากูฎ เขาจตรกูฎ เขากาฬกูฎ เขาคันธมาทกูฎ และเขาไกรลาสกูฎ ที่ได้ชื่อว่าหิมพานต์เพราะมีน้ำค้างตกหนักมาก
    แม่น้ำที่ไหลผ่านป่าหิมพานต์มีทั้งหมด 5 สาย ได้แก่ แม่น้ำคงคามหานที แม่น้ำยมนามหานที แม่น้ำอจิรวดีมหานที แม่น้ำสรภูมมหานที แม่น้ำมหิมหานที ไหลผ่านโดยรอบเขา เป็นวงกลม ได้ 9,000 โยชน์ และมีแม่น้ำสาขาอีกจำนวนมาก 
    
    สระน้ำขนาดใหญ่ในป่าหิมพานต์มีอยู่ 7 แห่ง แต่ละสระมีความยาว ความกว้างและความลึก 50 โยชน์ 
    .............สระน้ำในป่าหิมพานต์ที่เรารู้จักกันดีละก้อไม่พ้นสระนี้แหละ
    ....สระอโนดาต รอบ ๆ สระล้อมไปด้วยภูเขาที่จัดเป็นยอดเขาของยอดเขาหิมพานต์ คือ สุทัสสนกูฏ มียอดเขาเป็นทองแท่ง สูงได้ 200 โยชน์ เขาจิตตกูฏเป็นเขาที่เต็มไปด้วยแก้วที่มีค่าทุกชนิดสูง 250 โยชน์ เขากาฬกูฏเป็นนิลสูง 250 โยชน์ เขาคันธมาสกูฏสูง 250 โยชน์ เต็มไปด้วยแก้วลายภายในเขาเต็มไปด้วยแก้วมุกดาและว่านยาไม้หอม 10 ประการคือ รากหอม แก่นหอม กระพี้หอม สะเก็ดหอม เปลือกหอม ยางหอม ใบหอม ดอกหอม และผลหอมภายในเขาคันธมาทน์มีถ้ำบนยอดเขาชื่อว่าถ้ำนันทมูล เป็นที่อยู่ของพระปัจเจกโพธิเจ้า ประกอบไปด้วยถ้ำทอง ถ้ำแก้ว และถ้ำเงิน`และไม้หอม ยอดเขาสุดท้ายที่ล้อมสระอโนดาตคือเขาไกรลาส`เป็นเขาเงินสูง 250 โยชน์ ยอดเขาทุกยอดเขารอบสระอโนดาตคดโค้งเหมือนปากกาเข้าปกปิดอโนดาตสระไว้ มีความกว้าง 50 โยชน์ และมีเชิงเขาที่ติดต่อกัน ภายในสระอโนดาตมีท่าน้ำ 4 ท่า สำหรับนางเทพอัปสร เทพบุตร คนธรรพ์ วิทยาธร และยักษ์ น้ำในสระอโนดาตนั้นใสเหมือนแก้วผลึก ปราศจากเต่าและปลา น้ำที่ไหลลงในสระอโนดาต 4 ด้านคือ ด้านตะวันออกไหลออกมาจากช่องที่มีสัณฐานเหมือนปากราชสีห์และเป็นที่ชุมนุมของราชสีห์ น้ำจะไหลวนขวารอบสระอโนดาต 3 รอบแล้วไหลไปลงคลองไปสู่ที่อยู่ของอมนุษย์ในป่าหิมพานต์ ด้านตะวันตกไหลออกมาจากช่องที่มีสัณฐานเหมือนปากช้างและเป็นที่ชุมนุมของช้าง น้ำจะไหลวนขวารอบสระอโนดาต 3 รอบแล้วไหลไปลงคลองไปสู่ที่อยู่ของยักษ์และปิศาจทั้งหลายในป่าหิมพานต์ ด้านทิศเหนือไหลออกมาจากช่องที่มีสัณฐานเหมือนปากม้าและเป็นที่ชุมนุมของม้า
    น้ำจะไหลวนขวารอบสระอโนดาต 3 รอบแล้วไหลไปสู่มหาสมุทร ด้านทิศใต้ไหลออกมาจากช่องที่มีสัณฐานเหมือนปากโคและเป็นที่ชุมนุมของโคและมหิสร(ควาย) น้ำจะไหลวนขวารอบสระอโนดาต 3 รอบแล้วไหลไปลงสระโบกขรณีชื่อว่าติยังคฬโบกขรณี ด้วยความเชี่ยวของน้ำทำให้น้ำเซาะตลิ่งกว้าง 500 โยชน์ และทำให้เกิดช่องอุโมงค์ใต้เขา เมื่อน้ำไหลออกจากเขาไปกระทบกับเขาที่ชื่อติรัจฉานบรรพต แยกออกเป็น 5 สายเป็นปัญจ มหานที คือ คงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหิและน้ำเหล่านั้นจะไหลลงสู่ทะเล และ มหาสมุทรเรามักเรียกกันติดปากว่า สีทันดร
    .........เห็นมั้ยว่าทำไมหิมพานต์เป็นดินแดนแห่งจินตนาการ อันนี้เป็นเพียงอณาเขตเพียงย่อ ๆ เป็นน้ำจิ้มเล็กน้อยเท่านั้น และยังมีสระน้ำอีก 6 สระที่ยังไม่ได้เอ่ยถึงก็คือ
    กันนมุนดาสระ รถการกา สระ สกุณาสระ มันทากินีสระ สีหปตาสระ หากสนใจค้นคว้าเป็นความรู้ต่อละก็ หาได้จากหนังสือ พฤษานิยาย, อมนุษยนิยาย,ของ ส. พลายน้อย และหนังสือไตรภูมิพระร่วง ฉบับหลวง(ปรับปรุง) และฉบับพระยาลิไท 
    
  • แก้วประเสริฐ

    10 กันยายน 2547 15:12 น. - comment id 328398

    มาอ่านงานขวัญทะเลไม่เหกลับ
    ช่างกระชับรับขานงานผ่องใส
    หลายเรื่องรสหมดจดงามวิไล
    แสนสดใสได้รู้เป็นครูเรา
    
                      แก้วประเสริฐ.
  • แม่ดวงดอกไม้ไพร แม่ดวงดอกพุดหอมพุดซ้อนค่ะ

    10 กันยายน 2547 16:13 น. - comment id 328461

    
    *******
    ฝากไว้ให้คุณแสนย์..
    ในงาน*สไบนาง*สไบนวลค่ะ
    พุดรัก*สไบ*มาก
    กำลังจะรจนาเรื่องสไบแพรค่ะ
    และพุดเคยฝากสไบให้กับใครบางคน
    ที่ไม่ซึ้งค่า เขาคงเก็บซุกไว้ก้นตู้มิได้ดูดำดูดี
    เหลือแต่จะนำมาขยี้เป็นผ้าขี้ริ้วเช็ดรองเท้าค่ะ
    พุด..ทราบดี 
    แต่พุดก็มีความสุข
    ที่ได้ทำสิ่งงดงามมากละมุน
    มิได้คาดหวังให้เขานำมาดอมดมหอมกรุ่น
    ห่มอกห่มใจเอาอุ่น
    เพราะเขาย้ำมิมีวัน..วันไม่มี
    มันมิใช่เสน่หาค่ะ ระหว่างเรา..
    และพุด..ก็ไม่เสียใจดอกค่ะ
    หากว่าเราได้ทำสิ่งงดงามหวานหอมที่สุดแล้ว
    ไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจเสียดายค่ะนะคะ
    ******
    
    สไบนวลสไบนางวางแนบอก
    ก่อนหยิยยกอบร่ำดอกไม้หอม
    แทนดวงใจไหวหวั่นขวัญเจ้าจอม
    แทนหวานหอมจากหอมห้วงแห่งดวงใจ
    
    ด้วยฤทัยไหวหวั่นขวัญผวา
    ยามพี่ยาจากเรือนเหมือนหวั่นไหว
    ถึงร่างแยกออกห่างเจ้าจอมใจ
    วิญญาณรักไม่มีวันผันพรากลา
    
    จะตามติดพิสวาททุกชาติภพ
    ถึงดินกลบเลือดหลั่งชะโลมหล้า
    ถึงเหน็บหนาวร้าวรวดดวงชีวา
    มิพรากลากี่กัป์ปกัลป์ขวัญเฝ้าภักดิ์
    
    รักยิ่งใหญ่กว่าเมียขวัญคือผืนดิน
    มอบมิสิ้นเลือดสุดท้ายหมายพลีรัก
    เกียรติศักดิ์ลูกผู้ชายหมายป้องปัก
    ผืนดินรักยิ่งตะวันตราบวันตาย..
    
    อย่าร้องไห้นะสายใจแม้นไป่สิ้น
    ฟ้าฤาดินสดุดีมิสลาย
    ฝากความดีพลีน้ำตารดผืนทราย
    สวาทวายเพียงวิญญาณจะตามไป
    
    ทางช้างเผือกเลือกรอราวรุ้งฟ้า
    อย่าเหว่ว้าแม้นหนาวสักแค่ไหน
    รักเราสองจะประคองหอมงามแห่งภูมิใจ
    จูบสไบนะคนดีพลีเช็ดหยาดน้ำตา
    
    น้องจะตามไปเคียงข้างหมดหน้าที่
    ชีพเหลือนี้ไปถวายวัดแทนโหยหา
    เมื่อถึงวันตะวันดวงล่วงเลยลา
    ให้พี่ยารอสายขวัญสวรรค์รอ..
    ******
    น้องจะรอพี่ที่เรือนรัก
    ทุกวันพระน้องจะเก็บมะลิลามะลิฉัตร
    ร้อยมาลัยถวายพระ
    อย่าร้องไห้นะสายใจนะยอดวงหฤทัย
    น้องภูมิใจในทุกสิ่ง...
    
    และ
    ยิ่งกว่ารักเรา
    คือรักผืนแผ่นดินอันต้องยิ่งใหญ่กว่า..สิ่งใดในหล้าโลกจ๊ะคนดีนะดวงใจ
    ******
    http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_42257.php
    
    
    
    
    
    
    
  • ตะวันลับฟ้า

    10 กันยายน 2547 16:35 น. - comment id 328484

    มาเยี่ยมครับ
    
  • หมึกมรกต

    10 กันยายน 2547 18:58 น. - comment id 328614

    งามครับ
    
    :)
    
    สวัสดีครับ พี่พุด
  • อัลมิตรา

    10 กันยายน 2547 23:17 น. - comment id 328775

    อัลมิตราไม่เคยมีสไบเลยค่ะ อยากได้บ้างจัง
    และอัลมิตราชอบสระอโนดาตนะคะ ชอบละครไทยๆด้วยค่ะ
    
    
  • พี่ดอกแก้ว

    11 กันยายน 2547 12:32 น. - comment id 328973

    นครางดงามทุกยามมอง
    ทั่วทั้งท้องถิ่นสุขปลุกเกษม
    ถึงแดนไพรเวียงวังล้วนปรีดิ์เปรม
    และอิ่มเอมวัฒนศิลป์บนดินไทย
    
    ด้วยแสงธรรมนำทางสว่างจิต
    ประดอยประดิดประเพณีที่พิศมัย
    หล่อหลอมเมตตาธรรมนำจิตใจ
    ประสานไว้บนเสรีที่นานเนาว์
    
    สวัสดีค่ะน้องพุด ...ขอบคุณมากนะคะในความห่วงใย...ขอบคุณจริงๆค่ะ
    
  • ชัยชนะ

    11 กันยายน 2547 14:05 น. - comment id 329054

    จินตนาการหวานในนิยายเทพ
    ที่ชวนเสพสุขสมภิรมณ์ฝัน
    ช่างอยู่ไกลเกินไขว่คว้าวิมานพลัน
    ขอรับปันสวรรค์ฟ้าอุราครวญ
    
    
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน