วันฝนพรำ..กับเสียงร่ำไห้..มิอายฟ้าดิน..!

พุด


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1931.html
...................


ผม...กำลังพายเรือ
อยู่ในท่ามกลางสายฝนพรำกับบึงบัวสีขาว
พราวดอกยังมิคลี่แย้ม 
ในวันที่ริ้วฝนฟ้าฉ่ำด้วยม่านหมอกสลัวมัวหม่น
เป็นสีขาวพราวพร่าง..มาทุกทิศทาง


และ...
ที่นี่คือริมลำน้ำโขง
*สายน้ำรักนิรันดร์*
ที่เชื่อมโยงหัวใจไทยลาวมานับนานวันอนันต์ปี
วันที่เรียวฟ้าไร้กระจ่างมาตั้งแต่เช้า จนถึงยามนี้
ยามที่
ฟ้าใกล้ค่ำ..ตะวันลา ใกล้โพล้เพล้เหว่ว้าเต็มทีแล้ว


ใจดวงแก้วดวงแหลกรานร้าวเศร้าสุดแสนทานทน
กำลังหลงทาง.... 
กำลังหนีห่างร้างเมืองมาแรมไกล
พาใจดวงบอบช้ำร่ำไห้ 
ยิ่งกว่าสายฝนตกต้อง ณ ภายใน
ให้หนีไกลมาถึงที่นี่


ที่ที่เพื่อนคนดี บอกว่า
*เผื่อบางทีอาการผมจะดีขึ้น*
ให้สายน้ำโขงที่ทอดยาวไกล อย่างเงียบงามสงบใจ
ได้พลีปลอบประโลม
ให้ลำน้ำโล่งลิ่ว 
ได้ทอดทอก่อความสุขสงบ ขึ้นบ้าง
ณ.. กลางใจผม...
ให้สายฝนพรมพรำราวพร่างพร
ให้หัวใจอ่อนแอแพ้พ่าย ได้ยอมลุกขึ้นมาสู้ใหม่อีกคราครั้ง


ผม..จึงได้มานอนฝากฝันปันพลีใจ 
ใน..*กระท่อมไพรสไตล์ลาวโซ่งกึ่งบาหลี..*นิดนิด
ที่มีหลังคาจาก 
ให้ฝากชีวิต  พักพิง อิงใจไปสักสัปดาห์ 
จนกว่า
ดวงชีวาชีวีผมจะเข้าที่เข้าทาง
ให้กลับมาเหมือนเดิม 
ให้มิหวังเพิ่มรัก..รอหวังหวาน..จากร่างและดวงใจใคร
ที่ช่างไม่แน่ไม่นอนเอาเสียเลย


ฉะนั้น...
จึงเป็นเช่นฉะนี้...!
ที่ผม..คนหัวใจไม่รักดี
ต้องมานอนคะนึงครวญ
รัญจวนจิต
ไปกับชีวาชีวิต...ที่แสนดายเดียวเปลี่ยวเหงาเหว่ว้าสิ้นดี
กับวันที่ฟ้าฉ่ำไปด้วยไอฝนพรำพราว
กับหนาวในเนื้อใจ
ราวปีศาจวสันต์มาร่ำไห้อย่างโศกสะเทือนแทน


ราวกับมาตกตี  ณ..กลางใจผม 
ให้ระบมระทมด้วยพิษรัก
ทั้งๆที่ผมหักใจตัดใจหนีภักดิ์รักใคร 
ก็ยังมิวายได้มาได้มีวิบากกรรม
มาตอกย้ำซ้ำเจ็บให้ยอมชดใช้ แด่คุณ


คนดี ..ในดวงใจ
ที่ถึงวันนี้คุณจะทำให้หัวใจผมแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี
ผมก็ยังฝังใจจะเรียกคุณ 
ว่า..*คนดี..*ไปตราบจนชั่วนิจนิรันดร์
ระหว่างเรานั้น
ผมไม่โทษคุณ โทษใคร
ที่ฟ้าดินอินทร์พรหม
มิพากันเสริมส่งดวงชะตา
จัดสรรให้เรามาพบกันช้าไป
ราวบทเพลง


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song6727.html
บอกอะไรป่านนี้...
ฉัน นั้นเคยรัก
ทุ่มเท ให้กับเธอ
รอ คอยให้เธอ ใส่ใจ
เธอ เคยตอบแทน
ด้วยการ มองผ่านไป
เหมือน ว่าโลกนี้ ไม่มีฉัน
แล้ว ถึงวันหนึ่ง
เธอนั้น ก็เดินมา
พูด ว่ามีใจ ให้กัน
รู้ ว่ามันจริง
แต่ฉัน ก็ไม่ดี ใจ
เพราะ มันสายไป สำหรับฉัน
มาบอก อะไร ป่านนี้
รู้ไหม ว่านาน เท่าไหร่
ที่ เธอเคย ละเลย
ปล่อย ใจฉัน ให้ตาย
ตายด้าน จนเกิน จะรัก ใคร
เธอ จะเปลี่ยนใจ
มารัก ฉันวันนี้
ทำ ดีต่อกัน เพียงไหน
คง มีให้เธอ แค่คำ ว่าขอบใจ
คง ไม่มากมาย ไปกว่านั้น
ฉัน ก็ต้องการ
อยากรัก และให้ใจ
เหมือน เคยให้ไป ในวันก่อน
แต่ฉัน รู้ตัวดี
ตอบได้ชัด เจนและแน่ นอน
ว่า มันสายเกิน จะกลับไป
มาบอก อะไร ป่านนี้
รู้ไหม ว่านาน เท่าไหร่
ที่ เธอเคย ละเลย
ปล่อย ใจฉัน ให้ตาย
ตายด้าน จนเกิน จะรัก ใคร
โฮ่ โฮ๊ โฮโฮ่โฮ๊ โฮ
มาบอก อะไร ป่านนี้
รู้ไหม ว่านาน เท่าไหร่
ที่ เธอเคย ละเลย
ปล่อย ใจฉัน ให้ตาย
ตายด้าน จนเกิน จะรัก ใคร
บอก อะไร ป่านนี้
มาบอก อะไร เมื่อสาย
ที่ เธอเคย ละเลย
ปล่อย ใจฉัน ให้ตาย
จนไม่ มีทาง จะเหมือน เดิม
รู้ ไว้เลย ว่าสาย ไป
ไร้ อารมณ์ จะรัก เธอ...
................


ราวหนึ่งหญิงสองชายหมายใจ
ที่ไม่ก็ใครคนใดคนหนึ่งต้องจำบอกลา
ที่คุณละล้าละลังทำใจมิได้ว่าจะหันไปหาใครดี
คนนี้ก็ใช่คนนั้นก็รัก...
ช่างแสนวายวุ่นนักเจ้าคำว่ารัก..รักเอย


 ไม่เป็นไรครับผม
คนดี ผม..เข้าใจ 
เข้าใจครับว่า....
ในความรักนี้
จักไม่มีคำว่าเสียใจไม่มีใครถูก..ผิด
แม้นดวงใจและดวงชีวิตผม
จะแสนปวดร้าวราวกับกลัดหนอง


ผมก็จะบ่มร้าว คัดเลือดคัดหนองเอง  
อย่างมิเกรงกลัวเจ็บใดใดทั้งสิ้น
จนกว่า.....
จะสิ้นถวิลโหยหา 
สลัดตราแอกแบกรักอันหนักแสนหนักออกไปได้
ให้ผมได้พบเส้นทางธรรม 
นำเอาน้ำอมฤตธรรมอันแสนใสฉ่ำเย็น
มาเป็นดั่งยารักษาใจ 
ให้เดินตามรอยบาทพระศาสดาไป 
อย่างประจักษ์แจ้งแทงตลอด
ถึงค่าคำว่า*ที่ไหนมีรักที่นั่นมีทุกข์*


ผม..จึงรอเวลาให้หัวใจหยุดรักได้ด้วยตัวมันเอง
หากถึงเวลา
ที่ฟ้าเลิกลงฑัณท์ สวรรค์เริ่มปรานี
ให้ผม..ได้หมดเคราะห์กรรมสิ้นทุกข์เทวษเสียที
ผม..
คนที่หัวใจล้วนล้วนยามนี้ราวกับมีเข็มคอยทิ่มแทง
ราวกับแกล้งลวงหลอนหลอกใจ
ในยามที่ใจไหวหวั่นวอกแวกแหกสติสมาธิ 
ให้มีเพียงเสี้ยวหน้าคุณมาลอยคว้าง
มาแย้มหัวระรัวยิ้มพริ้มเพรา 
ราวกับวันแรกที่เราได้พบรัก


คนดี
ฝนยังพรำสาย ในท่าม..*สวนสีขาว*
ริมสายน้ำโขง
สวนไม้ดอกที่มีแต่ดวงดอกสีขาว ขาว ขาว
ไม่ก็พราวนวล นวล นวลพร่าง
กลีบหวานบานสะพรั่งพรึบไปหมด
สวน...ที่มีลั่นทม แก้วแพรวดอกพร่างกระจ่างงาม
จำปีนวล พุดซ้อนอวลกลิ่น ระรินด้วยมะลินานาพรรณ
กับ  กุหลาบพันธุ์นอก 
โมกที่ยังสะพรั่งดอกค้อมดวงลงสู่ดิน


และอีกหลายๆขาว
ที่ระรินปลอบใจให้แสนไหวหวาม 
แวววาวพราวด้วยเกสรงาม
และ
ที่แสนทำให้โลกในนิยามคนเศร้าหนาวใจอย่างผม
ได้หยุดระทมทับชั่วคราวคือ
บึงบัวพราวด้วยดอกขาวล้วนล้วน


ที่เพื่อนผมเจตนาขุดเป็นบึงกว้าง
ให้ได้คลี่กลีบแย้มหวานไหวสล้างหลายไร่
ให้หอมชื่นใจ ในยามฝนพรำพรม 
ที่พรายอวลอบมากับสายลมในยามค่ำ
ที่ราวกับภาพฝันของจิตรกรเอกของโลก
.............


ฝนพรำสายหนักหน่วงขึ้น 
ให้ผมนอนมองดูรวงฝนด้วยเรียวฝันอันแสนบางเบา
ในเหงางามเงียบเฉียบเย็นรายรอบ
ผมเห็นสายฝน
ราวสายฝันสวรรค์พลีในนาทีนั้น
ราวดวงดอกน้ำค้างจากสวรรค์
จากฟ้ากว้างพร่างใสสด 
หยดแตะแต้มให้โลกหล้าได้แย้มยิ้มปรีเปรมด์เกษมสุข
ให้ลบโศกรานในทุกถิ่นฐาน 
ที่หว่านหวังเพาะพันธุ์ข้าวกล้า
ให้ หัวใจชาวนาไทยแสนเอิบงาม


ให้ดวงดอกไม้ได้คลี่กลีบแย้มบาน...
รอมวลหมู่ภู่ผึ้งภุมรินทร์
ให้ชาวดินได้มีน้ำมิสิ้นแล้ง 
ให้แรงน้ำค้างจากฟ้า..กรายพร่างลงณ..กลางใบบัว
กลอกกลิ้งพริ้งพราวราวหยาดเพชร
และ...


ทันทีนั้น 
พลันผมก็ตัดสินใจ 
ที่ใครๆอาจจะคิดว่าผมบ้า
ที่พยายามพายพาเรือมาดลำน้อย
ออกมาค่อยๆไกลจากฝั่งแลละลิบ
และ...
ลอยละลิ่วปลิวไปท่ามกลางสายฝนพรำ
ไปลอยลำในท่ามกลางบึงบัวอ้างว้าง


ที่ผมรู้สึกดีกับความหนาวเหน็บในยามนี้ 
ยามที่
แหงนเงยใบหน้าทายท้า
ชะตาทั้งกับพสุธาฟ้าดินสิ้นอินทร์พรหมยมพญา
ให้สายฝนพรายพร่าพร่างพราวลงกราวกรายฝากเจ็บ
ให้ใจดวงหนาวเหน็บเจ็บร้าว
ราวได้ยินบทเพลง*เย้ยฟ้าท้าดิน*ขึ้นมาทันที


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song175.html
เย้ยฟ้าท้าดิน
ฟ้าหัวเราะเยาะข้า ชะตาหรือ
ดินนั้นถือ อภิสิทธิ์ ชีวิต ข้า
พรหมลิขิต ขีด เส้น เกณฑ์ชะตา
ฟ้า อินทร์ พรหม ยมพญา ข้า หรือเกรง
ฟ้า หัวเราะ เยาะเย้ย เหวยเหวยฟ้า
พสุธา อย่าครวญว่า ข้า ข่มเหง
เย้ย ทั้งฟ้า ท้าทั้งดิน สิ้น ยำเกรง
หรือใคร เก่ง เกิน ข้า ฟ้า ดินกลัว
ข้า ขอ ลิขิต ชีวิตข้าเอง ไม่เกรง ดิน ฟ้า
อีก พื้นพสุธา พญายม พรหมอินทร์ ทั่ว
ข้า กระทำ แต่กรรมดี มีหรือจะกลัว
มิใช่ใจชั่ว ลืม ตัว หลง ลำพอง
อัน สวรรค์ อยู่ในอก นรก นั่น หรือ
ข้า ก็ถือ อยู่ในใจ ไม่ หม่น หมอง
ละ การ ทำ ชั่ว ควรหรือจะกลัว นรก มั่นปอง
หาก ทำดี ฟ้าดินต้อง คุ้ม ครอง เอย...
......................


ผมรู้สึกชาชิน
จนความหนาวเหน็บเจ็บที่ไหนไม่ว่าร่างรานหรือใจร้าง
กลับชาเฉยไปกับความอ้างว้าง เปลี่ยวเหงา ลำพัง
ที่พังสิ้นแล้วทั้งหวังหวาน
ไปกับม่านฝน ม่านฝัน
ไร้ใครมาปันพลีหัวใจ มาคอยห่วงใยโอบเอื้อให้อ้อมอุ่นไอรัก
ผมตระหนัก..ในนาทีนั้น 
ถึงความหมดทุกข์ สิ้นทุกไฟฝัน
เหลือเพียงความว่าง อันคือ*ความหนาวนิรันดร์สำหรับผม*
 

ผม..นอนพาดตัวไปกับลำเรือ
เกลือกตัวไปมาราวสัตว์บาดเจ็บ ราวกับเด็กสิ้นไร้ อ้อมอกแม่
และ
กับพรายพร่าแห่งสายฝนพรำ
ที่พาให้ผมร่ำไห้ อย่างมิอายฟ้าดิน...!!!!!!!
.........................................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song1931.html
อายฟ้าดิน
จะบอกรักใครก็อายฟ้าดิน
ความหวังพังสิ้น ทางรัก มืดมน
เกิด มา ร่างกายเท่านั้นเป็นคน
แต่หัวใจปี้ป่น โดนรักขยี้แหลกราญ
จะเอ่ยรักใครให้เอือมระอา
เมื่อไร้คุณค่า จนมิ ต้องการ
ตราบ จน สิ้นคนมั่นรักยืนนาน
ต้องทุกข์ทรมาน ร้าวราน ฤดี
ชีวิตต้องสิ้น ความหมาย วิง วอน ไหว้
ฟ้าดินก็ไม่ปราณี เจ็บ ปวด รวดร้าว ชีวี
ดวงฤดี มีแต่ ชอกช้ำเรื่อยมา
ไม่อยากรักใครให้อายฟ้าดิน
กลัวเขาจะสิ้น ความรัก เมตตา
สู้ กลืน เก็บความชอกช้ำอุรา
ไม่รักใครดีกว่า เดี๋ยวเขาจะอาย ฟ้าดิน
ชีวิตต้องสิ้น ความหมาย วิง วอน ไหว้
ฟ้าดินก็ไม่ปราณี เจ็บ ปวด รวดร้าว ชีวี
ดวงฤดี มีแต่ ชอกช้ำเรื่อยมา
ไม่อยากรักใครให้อายฟ้าดิน
กลัวเขาจะสิ้น ความรัก เมตตา
สู้ กลืน เก็บความชอกช้ำอุรา
ไม่รักใครดีกว่า เดี๋ยวเขาจะอาย ฟ้าดิน...
				
comments powered by Disqus
  • ภู ตะ วัน

    13 สิงหาคม 2548 19:01 น. - comment id 503442

    พุด
    
    เช่นเดิม..
     
    ภาพสวย..
    
    งานงาม...
    
    แวะมาอินกับงาน..จ้า
    
    
    
    41.gif36.gif41.gif
  • ลำน้ำน่าน

    13 สิงหาคม 2548 19:08 น. - comment id 503445

    แม่น้ำของแผ่นดิน \"โขง\"
    แค่ชื่อก็มีมนตร์ขลังสำหรับผมแล้วครับ
    เคยเขียนงานไว้สองเรื่อง ชื่อ
    ฝากรักริมโขง และ เอาความขมขื่นไปทิ้งแม่โขง นานมาแล้วที่ไม่ได้ไปเปิดอ่านอีก
    
    เพลง \"สาวฝั่งโขง\" ของสายัณห์ สัญญา หรือแม้แต่ สองฝั่งโขง ที่ขับร้องโดยพุ่มพวงดวงจันทร์ ทุกครั้งที่ได้ฟัง ก็พาลน้ำตาไหลทุกครั้งครับ
    
    สายนทีที่รินจากฟ้า
    แบ่งพสุธาเป็นซ้ายและขวาสองฝั่ง
    
    ในเรื่องจริงคงจะหาโอกาสไปจับจองที่ดินแถวริมแม่น้ำโขงยากมากครับ หากเป็นไปได้คงจะต้องซื้อด้วยราคาแพงมาก
    
    ฝากแม่น้ำสายนี้ที่เฝ้าฝัน
    ไปหมุนวันโบราณผ่านมาใหม่
    อยากไปชมไออุ่นละมุนละไม
    ของหญิงไพรหญิงเมืองเรืองบุรี
    
    ฝากแม่น้ำสายนี้ที่เฝ้าหลง
    หมุนป่าดงอารัญญวาสี
    ให้กลับคืนเหมือนก่อนโลกร้อนนี้
    เพื่อสืบศรีสะอาดชาติแผ่นดิน
  • ท่องเมฆา

    13 สิงหาคม 2548 20:36 น. - comment id 503457

    36.gif
    ขออนุญาต..ตู่..ว่าเขียนให้ผมนะครับ
    
    งานงามเช่นนี้ไม่อยากจะเติมอะไรอีก...
    ได้แต่บอกว่าชื่นชมคุณพุดมาก...
    
    คงมีสักวันจะขอไปเยี่ยม \" วิมานวนา \"
    
  • แก้วประเสริฐ

    13 สิงหาคม 2548 22:01 น. - comment id 503478

    36.gif46.gif36.gif  มาอ่านงานซึ่งให้สาระครับ  รับฟังเสียงเสนาะของเพลง บางครั้งก็ได้บางครั้งก็ไม่ได้
    แต่เนื้อความเยี่ยม
    
                16.gifแก้วประเสริฐ16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    13 สิงหาคม 2548 22:03 น. - comment id 503479

    36.gif46.gif36.gif   มาอ่านงานงามติดตามเนื้อหาสาระ
    ที่ไม่รู้ประดับความรู้ไว้
    ตลอดจนรับฟังเพลงบางครั้งร้องได้บางครั้งร้องไม่ได้ครับ
    
                16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • ผู้ ห ญิ ง ช่ า ง ฝั น

    13 สิงหาคม 2548 22:10 น. - comment id 503480

    พี่พุดคะ
    
    อายฟ้าดิน  เป็นเพลงที่ชอบนำมาซ้ำเติมตัวเองมาก ๆ  โดยเฉพาะในยามอ่อนแอค่ะ
    ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง. . . แต่รักในความหมายนักค่ะ
    
    งานพี่พุด เป็นความเจ็บปวดที่อบอุ่นนัก
    ให้รักความรู้สึกนี้ และไม่อยากหลุดจากวังวนนี้เลย... 36.gif
  • ที่รักของฉัน

    13 สิงหาคม 2548 23:08 น. - comment id 503503

    ...อ่านจนอิ่มใจเลยครับ..พี่พุด..
    
    ...กลางสายฝน คนนั้น มันคงบ้า
    ที่ยืนท้า ทายฝน ที่หล่นไหล
    แต่ความจริง สิ่งหนึ่ง บึ้งก้นใจ
    เขาร้องไห้ เจียนบ้า กับฟ้าดิน...
    
                  สวัสดีครับ
            29.gif29.gif29.gif
  • แมงกุ๊ดจี่

    14 สิงหาคม 2548 13:44 น. - comment id 503617

    คิดถึงพี่พุดสุดรัก...
    
    จะร้องโดยไม่อายฟ้า....เพียงว่าเป็นวันที่ฝนมาเท่านั้นนะคะ...
    
    คิดถึงพี่พุดสุดรัก...
  • plaing_piu

    14 สิงหาคม 2548 19:54 น. - comment id 503707

    อ่านลำนำรักแล้วนิ่งขึง.....
    
    คิดถึงลำน้ำโขงที่เคยเห็นทั้งทางเหนือและอีสาน...อ.เชียงคาน จ.เลย เลาะเลียบทางเลียบแม่น้ำไม่รุ้เหนือใต้ออกตก ตะวันอยู่ตรงไหนแน่  ผ่านไป อ.ศรีเชียงใหม่ ไปหนองคาย และนครพนม.....
    คือความสุนทรีย์แห่งชีวิตหนึ่ง ไม่อาจลืม บรรยากาศความรู้สึกที่ได้รับรู้ ธรรมชาติแสนงาม แปลกไปจากทะเลและภูผาดงพฤกษ์....
    
    ทวนความจำ ความรู้สึกเก่า ๆดีเหมือนกันนะครับ คุณพุด.........บางคนหรือหลายคนอาจคิดว่าคนสูงวัยมารำพึงความหลัง คิดเช่นนั้น แสดงว่าคนยังไม่เข้าถึงสิ่งที่เรียกว่าศิลปะแห่งชีวิต ...สัจจธรรมแห่งวันวัย....
    
    ผมยังไม่แก่สูงวัยอะไรหรอกครับ  เพียงอาจแก่กล้าวิชาที่ไปแลไปเห็นมามากไปก็เป็นได้.....บางคนอาจว่าคำบ่น ..ไม่ถือ ๆๆๆๆ
    
    มาเยี่ยมเยือนคุณพุดยามว่างครับ....
    วันนี้อารมณ์ดี  จึงถือโอกาสลำเลิกความหลังบ้างนิดๆ .....อย่าถือสาเลย   29.gif20.gif41.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน