31 มีนาคม 2548 01:44 น.

ถึงเธอ...คนที่ฉันรักอย่างเพื่อน

กวีหน้าหล่อ

เธอจะรู้บ้างไหม วันที่เธอบอกกับฉันว่าเธอจะต้องไปฝึกงานด้านธรรมทูตที่ต่างประเทศ มันคงเป็นสัญญาณว่าเราต้องไกลกันอีกแล้ว ด้วยความนบนอบแล้ว เธอคงต้องไป... หน้าที่ที่เธอต้องทำตามน้ำพระทัยของพระเป็นสิ่งที่เธอต้องเลือกมาก่อนเสมอในชีวิตนักบวช... พระเยซูช่างดีต่อเธอเหลือเกิน ทรงรักเธอมาก สำหรับฉันเองแล้วในตอนนี้พูดไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร ด้านจิตสำนึกแห่งความรู้ดีบอกกับฉันว่า ดีใจกับเธอด้วยกับการเติบโตของเธออีกหนึ่งขั้น ไม่มีสิ่งใดที่เธอจะต้องลังเลอีกแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่เธอควรมั่นใจได้ว่านั่นเป็นกระแสเรียกของเธอ พระมีงานที่ยิ่งใหญ่รอเธอเป็นผู้สานงานอยู่ ชีวิตเธอในอนาคตข้างหน้าจะเป็นของขวัญที่มีค่าแก่เพื่อนมนุษยชาติอีกมากมายหลายคนทีเดียว

แต่ในด้านจิตสำนึกแห่งความเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งที่ยังมี กิเลศตัณหาอยากได้ อยากครอบครองมันคอยบอกเสมอว่า เธอไม่น่าต้องไปไกลเลย ระยะทางเวลาและมิตรภาพที่เราเพาะปลูกมานานกำลังจะร้างราลงแล้วหรือ... เธอยังจำได้ไหมตอนที่เรารู้จักกันใหม่ๆ เราต่างคนต่างมีสิ่งดีๆคอยยื่นแก่กันเสมอ แบ่งปันสรรหาสิ่งที่ดีมีคุณค่าให้แก่กัน เราไม่เคยมีอะไรที่ปิดบังต่อกัน ในตอนนั้นมันอาจจะไม่ใช่ความรัก เป็นเพียงน้ำใจเล็กๆน้อยๆที่เรามีให้แก่กัน อาจมีบ้างบางครั้งที่เรากระทบกระทั่งกันตามประสาลิ้นกับฟัน ไม่นานเริ่มเกิดเป็นความผูกพัน เธอเองก็เคยบอกกับฉันเหมือนกันว่าระหว่างเรามันเป็นความผูกพันที่มีให้แก่กัน โดยที่เราไม่เคยรู้เลยว่ามันนานเท่าใดแล้ว ในระยะแรกที่เรารู้จักกัน เราอยู่ใกล้กัน มีปัญหาเธอคอยช่วยแนะนำ และอะไรหลายอย่างที่เราเคยทำร่วมกัน ดูแล้วเหมือนเป็นน้ำพระทัยของพระที่ทำให้ฉันได้พบเธอในฐานะผู้ฝึกหัด การคบกันระหว่างเราอาจดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่ผิดในสายตาของผู้ใหญ่ที่รักและเป็นห่วงคาดหวังอะไรจากเราผู้ซึ่งต้องรับผิดชอบงานของพระในอนาคต แต่สำหรับเราไม่เป็นปัญหา เพราะทุกครั้งที่เราติดต่อกันผู้ใหญ่รับรู้และเราก็ทำทุกสิ่งด้วยความบริสุทธิ์ใจ ...ภารกิจของการเป็นนายชุมพาบาลรอเธออยู่ เช่นกันภารกิจของพระรอฉันอยู่เช่นกันในเวลานั้น

แต่เมื่อเราต้องพบทางแยก ฉันเองก็มีทางเดินของฉัน ถึงแม้ว่าในตอนนี้ฉันจะเปลี่ยนเส้นทางแล้ว ฉันเลือกที่จะเป็นครูคำสอนซึ่งมันก็ไม่แตกต่างในฐานะเดิมเท่าไหร่นัก อย่างที่ฉันเคยเขียนจดหมายถึงเธอไปว่า หนทางที่จะรับใช้พระมีหลายหนทาง และฉันก็ได้เลือกในสิ่งที่เหมาะสมกับฉัน...ฉันอยากทำงานบนดอย ที่ที่มีความรักและความจริงใจ..อยากใช้ชีวิตเรียบง่ายติดดินที่นั่น... เธอรู้มั้ยว่าภาพความทรงจำของการเคยไปออกค่ายคำสอนหลายค่ายบนดอยเหล่านั้น ถึงแม้ว่าในตอนนี้มันผ่านมานานแสนนาน แต่มันยังไม่เลือนหาย มันยังคงหล่อเลี้ยงจิตใจที่เย็นชาต่อความรักดวงนี้ได้อย่างดีทีเดียว
กับระยะเวลาที่เราต้องจากกัน ที่ผ่านมายังไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับครั้งนี้ที่เธอต้องไปไกลถึงต่างประเทศ เพราะหลายครั้งหลายคราเรายังคงได้เจอได้พบและให้กำลังใจกันได้เสมอ ทางการติดต่อสื่อสารทางต่างๆและความทันสมัยของเทคโนโลยี เหมือนกับการเติมน้ำมันในตะเกียงฉันใด ความสัมพันธ์ของเราก็เป็นเช่นนั้น...เธอเองก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงความหวังดีและความห่วงใยที่เธอเคยมีให้ ในตอนที่เราอยู่ใกล้กันเป็นเช่นไร เธอก็ยังคงมีให้เสมอ สิ่งนั้นแหล่ะที่เป็นแรงจูงใจที่จะสู้กับปัญหาต่างๆเสมอมา เธอคงไม่รู้ซินะว่างบางครั้งที่เราคุยโทรศัพท์กัน น้ำตาแห่งความตื้นตันใจที่มีเพื่อนแสนดีอย่างเธอมันแอบไหลออกมาจากตาฉันอย่างที่ฉันเองไม่เคยเป็นให้กับใครเลย กับช่วงระยะเวลาที่เธอเงียบหายไปนานฉันก็ไม่ได้ที่จะไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะความที่เราอยู่ต่างฐานะกัน บางครั้งการวางตัวที่ถูกต้องเหมาะสม สติปัญญาคอยบอกกับฉันให้รักษาระยะห่างในการติดต่อลงบ้าง แต่ภายในใจฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น...กลับกังวลและคิดถึงเธอเสมอ หลายครั้งที่ฉันได้ร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ ฉันได้ฝากกระแสเรียกของเธอ พร้อมๆกับหวังว่าวันหนึ่งฉันคงได้เห็นเธอบนพระแท่น เป็นนายชุมพาบาลอย่างเต็มตัว... แม้แต่สวดภาวนาฉันเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะฝากเธอไว้กับพระ ขอพระช่วยดูแลเธอ ดูแลกระแสเรียกของเธอ

แล้วครั้งนี้กับการที่เธอจะต้องไปอยู่ถึงต่างประเทศ บอกตามตรงนะว่าเป็นห่วงมากๆ เป็นห่วงว่าจะมีใครมาคอยดูแลเธอ การรับประทานอาหาร การใช้ชีวิต การสื่อสารหรือทำกิจกรรมต่างๆในต่างแดน ...แต่ตอนคุยโทรศัพท์ไม่ได้บอกเธอตามตรงหวังว่าเธอคงไม่น้อยใจนะ

บอกตามตรงว่าฉันไม่เคยมีความรู้สึกดีดีให้กับเพื่อนต่างเพศคนใด มากเท่าเธอเลย ใช่ซินะ ครั้งหนึ่งที่ฉันเคยมีความรักให้ผู้ชายคนหนึ่ง ฉันพยายามทำทุกทางที่จะให้ได้อยู่ใกล้กับเขาคนนั้น รู้จักเขามากที่สุด ฉันทุ่มเทเพื่อเขามาก จำได้ว่าฉันเคยปรึกษาเรื่องนี้กับเธอ เธอเคยบอกว่าสิ่งที่ฉันกำลังทำให้เขาคนนั้นเป็นเหมือนการคว้าลม เหมือนฉันกำลังคว้าน้ำเหลว ใช่แล้วเธอพูดถูก ในตอนนี้ฉันต้องยอมแพ้ให้กับเขาคนนั้น สิ่งที่ฉันพยายามทำให้เขาเห็นคุณค่าของฉัน มีความรักที่แท้จริงกับมาให้ฉันบ้าง ฉันรู้ว่าฉันเห็นแก่ตัวที่อยากได้อยากเป็นเจ้าของ อยากได้ความรักตอบแทนกลับคืนมา ในที่สุดแล้วเขาไม่เคยเห็นคุณค่าของความรักที่ฉันทุ่มเทให้แม้แต่น้อยเลย ถ้าพูดตามประสาวัยรุ่นแล้ว ฉันอกหักอย่างราบคาบ แล้วเป็นเธออีกไม่ใช่หรือที่ได้รับรู้เรื่องราวความเป็นไปตลอด เธอคอยเตือนฉัน แต่ฉันไม่เชื่อ และนี่แหล่ะคือสิ่งที่คอยบอกฉันว่าเธอคือผู้ที่ห่วงใยเข้าใจฉันมากที่สุด ซึ่งไม่เพียงแต่เรื่องนี้เท่านั้น แต่ในหลายๆเรื่องด้วยเช่นกัน ฉันซึ้งใจจริงๆที่มีเพื่อนอย่างเธอ

เมื่อเขียนถึงเธอตรงนี้แล้ว อยากจะขอเป็นกำลังใจให้กับเธอนะ ในฐานะเพื่อนคนหนึ่งที่เธอรู้จัก และในฐานะเพื่อนคนหนึ่งที่ฉันรัก ความรักที่เกิดขึ้นระหว่างเราไม่ได้เป็นความรักแบบคนหนุ่มสาว ไม่เป็นความรักเพื่อการครอบครอง เพราะฉันไม่เคยคิดที่จะครอบครองเธอเอาไว้เป็นของฉันฝ่ายเดียว และก็ไม่ได้หวังว่าจะต้องได้รับอะไรตอบแทนจากเธอ เพียงแค่อยากจะเป็นคนหนึ่งที่พร้อมจะเป็นกำลังใจให้เธอในยามที่เธอท้อแท้ และสนับสนุนให้เธอก้าวต่อไปในหนทางของพระ รักษากระแสเรียกของเธอเอาไว้ให้ดี...

ในอนาคตจะเป็นอย่างไร สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งคนนี้แล้วสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือการสวดภาวนา...สวดภาวนาให้กับเธอที่จะเป็นผู้แทนของพระในวันข้างหน้า เธอยังมีหน้าที่อีกหลายอย่างรออยู่ข้างหน้านะ อย่าลืมล่ะ เธอคงจำได้ที่ฉันเคยเขียนจดหมายถึงเธอก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนเส้นทางดำเนินชีวิต เธอบอกกับฉันว่าจดหมายฉบับนั้นเป็นกำลังใจให้กับเธอเป็นอย่างดีทีเดียว เก็บรักษาเอาไว้นะมิตรภาพที่ดีระหว่างเรา ในยามที่เธอท้อแท้ ขอให้เธออย่าลืมว่ามีเพื่อนคนนี้เป็นกำลังใจให้กับเธอเสมอ รักเธอและเป็นห่วงเธอตลอดเวลา เชื่อได้เลยว่าอย่างไรก็ตามเรายังคงมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบด้วยกันในพระศาสนจักรนี่หล่ะ เพียงแต่ว่าต่างบทบาทกันเท่านั้นเอง ไม่แน่นะฉันอาจจะตัดสินใจไปช่วยงานมิชชันนารี่บนดอยก็ได้ เพราะภาพความประทับใจกับการเคยได้ไปร่วมงานคำสอนบนดอยยังติดใจฉันอยู่ อาจไปใช้บั้นปลายชีวิตกับครอบครัวเล็กๆบนดอยก็ได้ (นี่ยังคงเป็นความฝันเล็กๆของฉันหากยังไม่ขึ้นคานไปเสียก่อน) ถ้าถึงเวลานั้นแล้วขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม อยากให้เธอช่วยหาคนที่เหมาะสมกับฉันซักคนหนึ่งได้หรือเปล่า ขอเป็นหนุ่มชาวดอยผิวขาว แก้มแดง คิ้วหนา หน้าตาดี (อิ อิ นี่ฉันเริ่มขอมากไปหรือป่าวเนี่ย) เพราะอย่างน้อยถ้าใครผ่านสายตาอันแหลมคมของเธอแล้ว ฉันมั่นใจได้เลยว่าคนนั้นคงเป็น soulmate ของฉันแน่ๆ...และวานเธอช่วยเป็นประธานในพิธีแต่งงานของเราด้วย (ล้อเล่นนะแต่ถ้าได้จริงๆก็ดีเพื่อเป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูลของเรา 555)

ยินดีด้วยนะกับความก้าวหน้าในอีกขั้นของเธอ...หวังว่าวันหนึ่งฉันคงได้เห็นเธอในชุดกาซูลาบนพระแท่น...				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีหน้าหล่อ
Lovings  กวีหน้าหล่อ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีหน้าหล่อ
Lovings  กวีหน้าหล่อ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีหน้าหล่อ
Lovings  กวีหน้าหล่อ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกวีหน้าหล่อ