30 พฤศจิกายน 2550 14:58 น.

ยายมีรำพึง

คนบนเกาะ

    เที่ยงแล้ว...ยายมีขึ้นจากนาเพื่อทานข้าวกลางวัน  หลังจากถอนหญ้าและกำจัดศัตรูในนาข้าวของแก   ลมหนาวพัดมาแล้ว  แม้แสงอาทิตย์จะเจิดจ้า  แต่หาได้เกิดความร้อนต่อยายมีไม่   อายุ 70 กว่าปีของยายมี  ผ่านร้อนผ่านหนาวเสียจนชาชิน   หลังจากสามีแกตาย  แกก็ต้องทำงานสู้ชีวิตต่อไป   ลูก ๆ เข้าทำงานในเมืองกันหมด  นานๆถึงจะมาเยี่ยมสักครั้ง   เค้าก็อยากพาแกไปอยู่ด้วยนั่นแหละ  แต่แกปฏิเสธ
     ให้แม่อยู่ที่นี่เถอะ  แม่พอมีกำลังพอจะอยู่ได้  แม่ไม่อยากอยู่ในเมือง   ยายมีเคยบอกกับลูก ๆ
    ยายมีทานข้าวกลางวันเสร็จแล้ว ก็ยังนั่งทอดสายตามองดูรวงข้าวเหลืองอร่าม  ปีนี้ข้าวสวยเสียจริงๆ  ถ้าราคาดีคงจะได้เก็บเงินไว้ใช้บ้างยามทำงานไม่ไหว   ใกล้ๆนาของยายมีติดกับถนนใหญ่  เสียรถโดยสารเหยียบคันเร่งดังสนั่น   เหมือนกลัวว่ายมบาลจะไม่รอ
คนโดยสารเกาะรถกันแน่น  เพราะกลัวจะตกเสียตามทาง  หากตกเจ็บตัวก็เจ็บ  ค่าโดยสารที่เสียไปก็ไม่คุ้ม    ยายมีมองดูรถคันนั้นอย่างเขม็ง พอผ่านยายมี  หนังสือพิมพ์กระเด็นปลิวว่อน  มาปิดหน้ายายมีพอดี
    เออ..ก็ดีเหมือนกัน  ได้หนังสือพิมพ์ฟรี ไม่ต้องซื้อ    ยายมีหัวเราะในลำคอ  จับหนังสือพิมพ์มาอ่าน   วัยเจ็ดสิบกว่าของแกไม่จำเป็นต้องใช้แว่นตา  คนโบราณเขาว่า  พอแก่แล้วจะกลับหนุ่มขึ้นมาอีก  คงจะจริงมั๊ง  ตอนอายุสี่สิบกว่าๆ  ยายมีสายตาเริ่มยาว  อ่านหนังสือก็ต้องใช้แว่นตา  แต่เดี๋ยวนี้สบาย
    ยายมีพลิกหน้าหนึ่งดู  มีข่าวน่ากลัวทั้งนั้น
      ปล้นธนาคาร 
     ก้อนหินปารถ 
     ข้าราชการค้ายาบ้า    
    หลานรองอบต.  พ่อหัวหน้าวิน  ฟันชาวบ้าน 
 โถ ๆๆๆๆๆ  สังคมเดี๋ยวนี้น่ากลัวจัง  

     ยายมีนึกถึงคำคนบนเกาะเคยบอก  ตั้งแต่หลายปีมาแล้วที่นักปกครอง  ห้ามเฆี่ยนตีเด็ก  ห้ามประจานเด็ก  เขาบอกว่า   คอยดูเถอะระเบียบนี้ออกมาไม่นานหรอก  สังคมจะเละเฟะ   ปล่อยให้เด็กคิดตามเสรี  แล้วมันจะมีผลดีมากกว่าผลเสียได้อย่างไร 

    ยายมีนั่งนึกทวนความจำต่อไป   นักจิตวิทยาชื่ออะไรน๊า  ยายมีจำไม่ได้  เค้าบอกว่า  การเสริมแรง  จะต้องมีทั้งด้านบวกด้านลบ   ด้านบวกก็คือ  การให้รางวัล  การยกย่องชมเชย  ด้านลบก็ได้แก่  การเฆี่ยนตีการประจาน การตัดคะแนน  ยายมีก็คิดว่าดีแล้วน๊าที่นักจิตวิทยาเขาคิด
      คนเรามันก็เหมือนกับสัตว์นั่นแหละ  แต่จิตใจด้านต่ำมันจะถูกกลบเกลื่อนไปเพราะคนเรามีความรู้สึกนึกคิดดีกว่าสัตว์   แต่หากให้เด็กคิดเอง  ทำเอง  ไม่ต้องมีแบบอย่าง  ความคิดทางด้านต่ำมันก็จะเกิดขึ้นเป็นธรรมดา  ยายมีหยิบหมากใส่ปากตามไปด้วยใบพลูทาปูนแดงเคี้ยวต่อไป

   ID     Ego   Super-Ego

ยายมีนึกเปรียบเทียบสามคำนี้  ที่เคยแอบฟังจาก ว.ค.
ID  ถ้าจะเปรียบก็เหมือนสัตว์เดรัจฉานทั่วไป  ความคิดที่จะอยู่รอด  ความเอาแต่ใจตัวเอง
      ความต้องการที่จะเป็นใหญ่   ไม่ได้คิดถึงสังคมส่วนรวม
Ego   ยายมีคิด  อันนี้น่าจะเป็นมนุษย์ขึ้นบ้างแล้ว  รู้จักการอยู่ในสังคม  รู้จักบทบาทหน้าที่  มีการช่วยเหลือกันตามอัตภาพ
Super-Ego  คือบุคคลอัฉริยะ  น้อยคนนักที่จะได้เป็น   ยายมีนึกถึง  พระเวสสันดร  นึกถึงพระมหากษัตริย์ไทย  ที่ทรงปกครองดูแลราษฏร์ให้อยู่ดีกินดีตลอดมา   
    ยายมียกมือพนมท่วมหัว  พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันของเราก็ทรงเป็น  Super-Ego
พระองค์ทรงยอมลำบากเพื่อให้ราษฎร์อยู่ดีมีสุขตลอดมา  ตั้งแต่ยายมีจำความได้
       ขอพระองค์ทรงพระเจริญ  ขอพระองค์ทรงพระเจริญ  ขอพระองค์ทรงพระเจริญ     ยายมีส่งเสียงออกมาดังๆก้องไปทั่วท้องนา
				
4 กันยายน 2550 11:56 น.

ไม่น่าเล้ยยย

คนบนเกาะ

        หายหน้าไปเสียนาน  ยอมรับว่าช่วงนี้ชีวิตมันเบื่อ ๆ มากเลยครับ  พระก็ไม่ได้มาเดินบิณฑบาตรหลายวันแล้ว  เนื่องจากติดนิมนต์ทำบุญที่วัด   

       ก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ  ช่วงเข้าพรรษาในชนบท ผู้นับถือพุทธมักจะจัดข้าวปลาอาหารไปทำบุญกันที่วัดเสียเลย  ยึดคติพระไม่ต้องออกไปนอกวัด 
 
       คนบนเกาะนึกถึง ศีลห้า  เรื่องการพูดปด ขึ้นมาจับใจ   อยากจะเล่าให้ใครที่อยากฟังได้ฟัง ( เอ้อ...ได้อ่าน )

      กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว ( ผมยังไม่ได้เกิดมาในแผ่นดินนี้ )  ขอสมมุติชื่อ ดีกว่านะครับ  เอาชื่อจริงคงไม่ดีหรอก   
 
     ลุงแม้น  แกเป็นคนขี้ตลก  และชอบโกหกเป็นที่สุด  โกหกใคร คน ๆ นั้นเป็นต้องเชื่อทุกที  ( ลุงแกแน่ไหมล่ะครับ )

     ตาแจ่มเป็นคนทันสมัย ชอบการบ้านการเมือง  เป็นคนหัวใหม่ ติดตามข่าวสารบ้านเมืองเสมอ  ( น่าจะเป็นฝ่ายค้านนะครับ ) ใครที่ว่าแน่ ๆ มักจะเถียงตาแจ่มไม่ได้เลย

    อยู่มาวันหนึ่ง  ลุงแม้นดูท่าทางเดินอย่างเร่งรีบ  ผ่านหน้าบ้านตาแจ่มมาพอดี   ตาแจ่มแกก็รู้ถึงสรรพคุณ  การโกหก ของลุงแม้นจึงอยากลองดี

      ไอ้แม้น  จะรีบไปไหนว๊ะ  ช่วยโกหกให้กูเชื่อสักทีสิ    ตาแจ่มท้าอย่างเย้ยหยัน
     สวัสดีครับ  ตาแจ่ม  แหมจะให้ผมโกหกแต่เช้าเลยเหรอครับเนี่ย  วันนี้ผมไม่ว่างครับตา    ลุงแม้นกล่าวทักทายตาแจ่ม พร้อมทั้งอ้างเหตุผล
      เอ็งจะรีบไปไหน  ก็ช่วยโกหกกูแค่เนี๊ยไม่ได้เชียวรึ    ตาแจ่มยังตื้ออีก
      ผมจะไปซื้อเนื้อครับ  ที่หมู่บ้านโน้น  เค้าล้มควายขาย   เห็นเค้าว่าโลละ 80.- บาทเอง  ขืนช้าเดี๋ยวหมดครับตา     ลุงแม้นบอกถึงเหตุผล   
    ในเกาะพะงันคนในสมัยนั้นชอบกินเนื้อควายมากกว่าเนื้อวัว   ว่ากันว่าเนื้อควายรสเข้มข้นกว่าเนื้อวัวมาก
       จริงหรือว๊ะ  เอองั้นตามใจเอ็ง  เอ้อ ข้าฝากเงินให้เอ็งช่วยซื้อมาให้ข้าด้วยนะ  เดี๋ยวเอ็งกลับมาทางนี้ใช่หรือเปล่า    ตาแจ่มเลยเปลี่ยนความคิด  พร้อมทั้งฝากเงิน  100.- บาทให้ลุงแม้นไป
       ได้เลยครับลุง  ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวผมก็ต้องกลับมาทางนี้อยู่แล้ว  จะรีบเอาเนื้อมาแกงเหมือนกัน    

    ตาแจ่มยิ้มออกอย่างอารมณ์ดี  นาน ๆจะได้กินแกงควายสักทีหนึ่ง   แกละจากการกวาดลานบ้าน  แล้วกุลีกุจอ  ขุดข่า  ขมิ้น  ตัดตะไคร้  แล้วเอามานั่งหั่นเพื่อทำน้ำพริกแกง
ตำน้ำพริกจนละเอียดแล้ว   ก็ไปปอกมะพร้าว มาขูดคั้นกะทิตั้งไว้     ยายมีภรรยาของตาแจ่มนั่งสงสัยนานแล้ว  ว่าทำไมตาแจ่มถึงขยันเป็นพิเศษวันนี้   เรียกให้กินข้าวก็ไม่ยอมกิน  บอกว่าเดี๋ยวค่อยกิน  ยายกินไปก่อนเถอะ
    สาย........สายแล้วก็เที่ยง......เที่ยง.....เที่ยงแล้วก็บ่าย.......บ่าย.......บ่ายแล้วก็เย็น   ตาแจ่มนั่งคอตกด้วยความหิว  และหมดหวัง

    เช้าวันรุ่งขึ้น  ตาแจ่มกวาดขยะที่ลานบ้านเช่นเคย  พลันสายตามองเห็นลุงแม้นเดินอย่างเร่งรีบมาทางที่ตาแจ่มยืนอยู่
       ไอ้แม้นมึงจะรีบไปไหนว๊ะ  แล้วไหนเนื้อควายที่กูสั่ง     ตาแจ่มถามแกมตะคอก
       สวัสดีครับตา  ผมเอาเงินของตามาคืนครับ  เมื่อวานผมไปเลี้ยงควายในนา  พอดีผ่านมา  ตาให้ผมโกหกให้ฟัง  ผมเกรงใจแต่ก็ขัดตาไม่ได้หรอกครับ  เอ้านี่เงินผมคืนให้แล้วนะครับ     ลุงแม้นยื่นเงินให้แล้วก็รีบไปเลี้ยงควายตามปรกติ
     ตาแจ่ม ???????.................??????
				
27 มิถุนายน 2550 12:07 น.

ความรักของก้องฟ้า

คนบนเกาะ


                                               - มนต์ดลใจ  -

ผมชื่อก้องฟ้า  ชื่อโก้มากใช่ไหมครับ  ผมยังแอบชื่นชอบในชื่อของตัวเองเลย
แค่อยากแนะนำครับ  ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้นักหรอก   อาชีพผมเป็นแค่เด็กเรือ  
รับผู้โดยสาร จากเกาะสมุย  เกาะพะงัน  เกาะเต่า  ชุมพร  และ มีรถรับส่งต่อไปถึงตรอกข้าวสาร ที่กรุงเทพฯ อีกที
	เมื่อสามปีที่ผ่านมา  มันเป็นเหตุการณ์ที่ ก้องฟ้าไม่เคยลืมเลย
 พี่คะ ขอช่วยยกกระเป๋าให้หน่อยได้ไหมคะ  มันหนักมากค่ะ   หญิงรูปร่างเพรียวลม หน้าตาสะสวย  พูดเชิงร้องขอ จริง ๆ มันก็เป็นหน้าที่ของก้องฟ้าอยู่แล้ว
 ได้ครับส่งมาเลย  จะไปไหนหรือครับนี่  ผมพูดพลางก็หยิบกระเป๋าของเธอ ลงในใส่ในเรือ  
  ขอบคุณมากค่ะ  หนูจะไปทำงานในกรุงเทพฯค่ะ  สมัครไว้นานแล้ว  เพิ่งได้รับหนังสือเรียกตัวนี่แหละค่ะ    อัธยาศัยเธอดีมาก  รอยยิ้มของเธอผมไม่เคยลืมเลือนเลย
 
	ผมนั่งในเรือวันนั้น หูแว่วยินเสียงเธอตลอด  หลับตาก็เห็นรอยยิ้มที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว   เรือผ่านเกาะพะงัน  ผ่านเกาะเต่า  แล้วก็เข้าปากน้ำชุมพร  ผมไม่รอช้าที่จะให้เธอร้องขออีกต่อไป  ผมรีบไปหยิบกระเป๋าใบนั้นทันที  และถือไปส่งให้จนถึงรถโดยสาร
 ขอบคุณพี่มากนะคะ  เราคงได้เจอกันอีกค่ะ    หล่อนยกมือไหว้   โห...หนุ่มก้องฟ้าคนนี้ได้รับเกียรติขนาดนี้เชียวเหรอ  ก้องฟ้ายืนอึ้งอยู่กับที่  จนนายหัวเรียกให้รีบขนสัมภาระให้ผู้ใช้บริการ  ก้องฟ้าถึงได้ตื่นจากภวังค์
	ก้องฟ้าได้เจอกับผู้หญิงคนนั้น ไม่บ่อยนัก  นาน ๆ ครั้งหล่อนถึงได้กลับมาเยี่ยมบ้านสักหนหนึ่ง   ก้องฟ้าแอบรักหล่อนอยู่ในใจ  ตลอดสามปี  โดยเขาลืมทุกครั้งที่จะถามว่าเธอชื่ออะไร   ได้เจอทีไรเหมือนโดนมนต์สะกดทุกครั้ง

                                               - ข่าวร้ายมาถึง -
	
          27 มิถุนายน  เรือได้แล่นออกจากเกาะพะงัน ส่งผู้โดยสารไปเกาะสมุย  เพื่อจะรับผู้โดยสารจากเกาะสมุย ไปยังชุมพรตามปกติ   เรือแล่นออกไป ก้องฟ้ามีเวลาที่จะได้ดูข่าวจากหน้าจอโทรทัศน์   ผู้หญิงคนหนึ่ง โดนคนที่หลายคนบอกว่าแฟน  ตบตี เตะ ถีบ อยู่หน้าโรงงาน   ก้องฟ้าเห็นเนื่องจากมีคนถ่ายคลิ๊ปวิดิโอไว้ได้   เขาจำได้ทันที  ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใคร  คนที่เขารักมากที่สุด  ผู้หญิงคนนั้นไง  ก้องฟ้าช็อคอยู่กับที่  น้ำตาไหลรินนองแก้ม  หล่อนโดนทารุณเหมือนกับสัตว์ตัวหนึ่ง   ในคลิปเห็นผู้คนเดินผ่านไปมา  โดยไม่มีใครสักคนที่จะช่วยเหลือ  แม้แต่  รปภ. ของบริษัท   
ทำไมมนุษย์เราเป็นเช่นนี้หนอ ?
 ความเป็นมนุษย์มันอยู่ที่ไหนกัน  ?
ทำไมผู้ชายถึงชอบรังแกผู้อ่อนแอกว่า ?
ทำไมกฏหมายไม่เอาผิด ผู้ทำชั่วให้ได้รับโทษอย่างสาสม ?
ทำไมกฎหมายถึงต้องสมานฉันฑ์กับคนชั่ว ?
         ก้องฟ้าน้ำตาไหลพราก   ตอนสุดท้ายทราบว่าหล่อนโดนกระสุนปืน จากไหนก็ไม่ทราบ  หล่อนเสียชีวิตทันที   ก้องฟ้าไม่ได้ยินเสียงเรือ  เขาได้ยินแต่เสียงของหล่อน

 พี่คะ ขอช่วยยกกระเป๋าให้หน่อยได้ไหมคะ  มันหนักมากค่ะ   

  ขอบคุณมากค่ะ  หนูจะไปทำงานในกรุงเทพฯค่ะ  สมัครไว้นานแล้ว  เพิ่งได้รับหนังสือเรียกตัวนี่แหละค่ะ    

 ขอบคุณพี่มากนะคะ  เราคงได้เจอกันอีกค่ะ    


 พี่คะ ขอช่วยยกกระเป๋าให้หน่อยได้ไหมคะ  มันหนักมากค่ะ   

  ขอบคุณมากค่ะ  หนูจะไปทำงานในกรุงเทพฯค่ะ  สมัครไว้นานแล้ว  เพิ่งได้รับหนังสือเรียกตัวนี่แหละค่ะ    

 ขอบคุณพี่มากนะคะ  เราคงได้เจอกันอีกค่ะ    



				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนบนเกาะ
Lovings  คนบนเกาะ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนบนเกาะ
Lovings  คนบนเกาะ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนบนเกาะ
Lovings  คนบนเกาะ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนบนเกาะ