21 กันยายน 2557 16:42 น.

ประวัติไทยลื้อ เชียงคำ

ปติ ตันขุนทด

         
ชาวไทยลือเชียงคำ    มีกลุ่มหนึ่งอพยพมาจากเมืองฮาย   แคว้นสิบสองปันนา    ก่อนนั้นแก็มีชาว
ไทยลื้อกลุ่มเก่าที่อพยพมาก่อน  ราว พ.ศ.๒๓๒๘  คือ  ไทยลื้อเมืองหย่วน  เมือง มาง  เป็นต้น
เมืองฮาย  มีเจ้าเมืองเรียกว่า  "อาชญา"    มีหน้าที่รักษากฏหมาย  และให้ความยุติธรรมแก่ราษฎร
รองเจ้าเมืองเรียกว่า  "พญาเก๊า"   รองพญาเก๊าเรียกว่า   "พญากวาน"
ราว  พ.ศ.  ๒๔๓๐  ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่  ๕   เจาเมืองเมืองฮาย  คือ  เจ้าสุริยวงศ์     เมื่อถึง  พ.ศ.
๒๔๔๐   เจ้าสุริยวงศ์ได้ถึงแก่กรรม  เจ้าอิ่นน้องชายได้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองแทน
เจ้าอิ่นมีลูกชายชื่อเจ้าหล้า    มีน้องชายชื่อ  เจ้าอุ่น   มีศักดิ์เป็นอาเจ้าหล้า
เมื่อเจ้าอิ่นถึงแก่กรรม   เกิดแย่งชิงตำแหน่งกันระหว่างอากับหลาน
เจ้าหล้าเล่าว่า......
เมื่อเจ้าอิ่นผู้เป็นบิดาถึงแก่กรรม   เจ้าหล้ามีอายุ  ๒๐  ปี   ตรงกับสมัยเจ้าหม่อมหลวงซึ่งเป็นเจ้าแผ่นดิน
เมืองเชียงรุ้ง
ชาวเมืองต้องการจะเอาเจ้าหล้าเป็นเจ้าเมืองฮาย   เจ้าอุ่นผู้เป็นอาไม่ยอม   บอกว่าหลานอายุยังน้อย   
บ่สมควรเป็นเจ้า  ให้เจ้าอาเป็นก่อน  จึงเกิดรบแย่งชิงกันเป็นเจ้า
เจ้าหัวเมืองทางตะวันตกลำน้ำโขง   มีเมืองต่าง  ๆ  สนับสนุนเจ้าหล้า  เช่น  เจียงลอ  ฮุน  ลวง  
เชียงรุ้ง  สูง  แจ   เจียงเจิง  ขวาง  วัง  หวาด  เจียงฮ้า  ปาน  มาง   ตลอดจนชาวเมืองฮายเอง  
เข้าข้างฝ่ายเจ้าหล้า   รบกันอยู่  ๒  ปี  เจ้าอุ่นนำเอาพวกทหารจีนฮ่อ      เจ้าหล้าเห็นเหลือกำลัง
ที่่จะขับสู้  จึงพาพวกพ้องเผ่าพงศ์
ของตนหลบหนีเข้ามาอยู่เมืองเชียงใหม่  ราวปี  พ.ศ.  ๒๔๕๓  (ร.๕  สวรรคตปีนี้)
ต่อมาก็อพยพมาอยู่บ้านหัวแคร่  อำเภอเมืองจังหวัดเชียงราย  และย้ายมาอยู่บ้านหย่วน  
อำเภอเชียงคำตราบจนปัจจุบันนี้   
ที่เมืองฮายหลังจากนั้น  ทหารจีนก็อยู่ประจำเมืองฮาย  เจ้าอุ่นเป็นเจ้าเมืองได้  ๗  ปีก็ได้ถึงแก่กรรม  บุตรชายเจ้าเสียชีวิตหมด  ยกเว้นบุตรชายที่เป็นใบ้คนเดียว  กับบุตรหญิงอีก  ๒  คน
บราดาเจ้าเมืองและชาวไทยลื้อเมืองฮาย   มีหนังสือมาเชิญเจ้าหล้าให้กลับไปเป็นเจ้าเมือง   
ในระหว่างนั้นให้ทหารจีนฮ่อรักษาเมืองไว้ก่อน   หากเจ้าหล้ายไปจะมอบตำแหน่งเจ้าเมืองฮาย
ให้เหมือนเก่าเหมือนหลัง
ถ้ากลับไปก็จะจัดให้เอาม้ามารับ   เจ้าหล้าเห็นว่า  สิบสองปันนา  มีแต่เหตุการณ์ยุ่งยาก  
จึงตอบหนังสือไปว่า  "ไม่ไปแล้ว  จะขอตายอยู่กับแผ่นดินไทย"
ที่อำเภอเชียงคำ  ชาวไทยลื้อได้เอาชื่อบ้  ดังนี้านเก่าเมืองเก่าของตน  มาตั้งชื่อหมู่บ้าน  เช่นบ้าหย่วน  
บ้านมาง   บ้าแวน  บ้าแพด  เป็นต้น
**บุญช่วย   ศรีสวัสดิ์   ไทยสิบสองปันนา  พิมพ์ครั้งที่  ๓  กรุงเทพ  สยาม   ๒๕๔๗
18 กันยายน 2557 14:57 น.

ทำไม จึงได้พระนามว่า พระเจ้าทรงธรรม

ปติ ตันขุนทด


พระเจ้าทรงธรรม   ทรงเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระเอกาทศรถ   ประสูติแต่พระสนม
ผู้เป็นน้องสาวของออกญาศรีธรรมาธิราช
ก่อนเสด็จเสวยราชสมบัติ   ทรงมีหน้าที่กำกับการกรมท่า   จึงเป็นที่รู้จักดีในระหว่างพ่อค้า
และรัฐบาลต่างประเทศยิ่งกว่าพระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีรัชกาลก่อน  ๆ
ในราวกลางเดือนพฤศจิกายน  พ.ศ.  ๒๑๕๓   เมื่อสมเด็จพระศรีเสาวภาคย์ทรงถูกสำเร็จ
โทษแล้ว   พวกขุนนางจึงพร้อมใจกันทูลเชิญพระอินทราชาขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระเจ้า
แผ่นดินกรุงศรีอยุธยาพพระองค์ที่  ๒๑   ทรงพระนามว่า  "สมเด็จพระอินทราชาธิราช"
และเนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภเษกว่า   "พระเจ้าติโลกนาถ"  
แต่พระนามที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในวงกาประวัติศาสตร์ไทย่า   "สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม"
พระองค์ทรงมีพระมเหสีและพระสนมหลายองค์   มีพระราชโอรส   ๙  พระองค์  
พระราชธิดา  ๘  พระองค์   
พระราชโอรสองค์สำคัญคือ  พระเชษฐษ  อันประสูติแต่พระมเหสี  อมริต   และพระพันปี
ศรีศิลป์กับพระอาทิตย์วงศ์   อันประสูติแต่พระสนม
พระเจ้าทรงธรรมทรงทะนุบำรุงพระพุุทธศาสนามากมายหลายประการ  เช่น  โปรดให้
ชักชะลอพระมงคลบพิตรซึ่งอยู่ริมบึงพระราม(หนองโสน)  มาทางตะวันตก  
หลังพระราชวัง   แล้วสร้างพระมณฑปครอบไว้
ทรงทราบจากพระภิกษุซึ่งกลับจากลังกา  ว่าในประเทศไทยมีรอยพระทุทธบาทอยู่ที่บนเขา
สุวรรณบรรพต    จึงโปรดให้มีการค้นหากันขึ้น  เมื่อได้พบรอยพระพุทธบาทอยู่บน
ไหล่เขาในเมืองสระบุรี   ก็โปรดให้สร้างพระมณฑปครอบไว้      สร้างวัด  และพระราชทาน
ครัวไว้ในที่ใกล้  ๆ  เพื่อให้พระภกษุในวัดนั้น   และข้าวัดช่วยกันรักษาดูแล   โปรดให้ตัด
ทางจากบ้านท่าเรือไปยังพระพุทธบาท   ทรงสร้างพระไตรปิฎกขึ้นจบบริบูรณ์  
 ทรงแต่งมหาชาติคำหลวงไว้สำหรับพระพุทธศาสนา  ปละได้เสด็จออกไปทรงปฏิบัติ
พระสงฆ์ซื่งมาประชุมศึกษาพระธรรมณ  พระที่นั่งจอมทองเป็นประจำ   โดยเหตุนี้  
ประชาชนจึงถวายพระนามพระองค์ว่า  "สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม"   ซึ่งเป็นที่รู้จักกันกว้างขวางในหมู่ชาวต่างประเทศ  
24 กันยายน 2557 13:39 น.

กินนมแม่ที่ตาย

ปติ ตันขุนทด

พ.ศ.  ๒๓๑๐   เมื่อได้เสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าข้าศึก   บรรดาหัวเมืองรอบนอกน้อยใหญ่ก็
พลอยยับเยินไปด้วยพม่า
เมืองเพชรบุรี  แม้ห่างจากกรุงศรีอยุธยา   ก็ยังถูกหน่วยลาดตรเวนพม่าเที่ยวกวาดต้อน
ผู้คนเอาไปเป็นเชลย   และเที่ยวริบทรัพย์สินเยี่ยงโจร    ชาวเพชรบุรีระส่ำระสาย  เที่ยวซอกซอนซ่อนเร้นหนีภัยพม่า
มีแม่คนหนึ่งอุ้มลูกสองสามเดือนไว้ในอ้อมแขนซ้าย   จูงลูกหญิง  ๕  -  ๖  ขวบไว้ด้วยมือขวา   
ข้างหลังมีลูกชายคนโตอายุ  ๕  -  ต  ขวบ  วิ่งตามแม่และน้อง  ๆ  มา
ทั้งสี่คนนี้ไม่มีทรัพย์สินใด   ๆ  ติดตัวมา   แต่พม่าเห็นเด็กหญิง  จึงมุ่งเอาเด็กหญิง    ๕ - ๖  ขวบนี้ไปเป็นเชลย    แต่สัญชาตญาณแห่งความเป็นแม่ได้ต่อสูขัดขืน  ขัดขวางทหารพม่าไว้  ไม่ให้
เอาลูกของตนไป  ทหารพม่าได้เอาหอกแทงหญิงผู้เป็นแม่ล้มลงขาดใจตาย   ลูกใน
อ้อมแขนกระเด็น  
พี่ชายคนโต  หนีโดดข้ามกำแพงโบสถ์ไปซุ่มซ่อนตัีวอยู่ที่ซุ้มข่อย   ลูกคนเล็กของแม่รอดร้องไห้จ้าหาแม่  แม่เท่านั้นเป็นที่พึ่ง    คลานหาแม่  เห็นแม่น้อนอยู่บนพื้นดิน  คิดว่าปลอดภัยแล้ว  
ก็เข้าไปกอด  แต่ก็ยังร้องไห้ขอความคุ้มครองจากแม่    และอ่อนแรงแล้วก็หิว  จึงดูดนมแม่ที่ตาย
จนอิ่ม     นั้นเป็นน้ำนมมื้อสุดท้าย  อิ่มสุดท้าย   ของลูก
พี่สาวของเธอ  ๕ -๖  ขวบพม่าฉุดเอาไปเป็นเชลยไม่ทราบชตากรรม      พี่ชายคนโตเมื่อหทารพม่าไปแล้วก็ออกมาจากที่ซ่อน  มาอุ้มน้องที่รอดจากพม่าไปหาพระ  ขอพึ่งใบบุญพระ  พระตั้ง
ชื่อให้ว่า  "รอด"  เพราะรอดตายจากหทารพมา  เมื่อโตเป็นสาวก็ได้แต่งงาน   มีลูกชายคนหนึ่งชื่อเกษ    ทำงานราชการได้เป็นพระยา
**วชีระ   สมาคมสหภูมิเพชรบุรี  "มหาตาลวันปเทโศ" **
19 กันยายน 2557 14:54 น.

ประวัติศาสตร์สอนอะไร

ปติ ตันขุนทด

ประวัติศาสตร์สอนให้เรารู้ว่า  เราเป็นใคร  มาจากไหน  ทำอะไรผิดพลาด  บกพร่องอย่างไร  ข้าศึกทำลายได้อย่างไร  คนทรยศเป็นอย่างไร  ความซื่อสัตย์เป็นอย่างไร  ใครเป็นคนกู้ชาติ  ใครเป็นคนทำลายชาติ  เรื่องในประวัติศาสตร์  ไม่ควรถูกลบเลือน   กลบเกลื่อน  คนให้คนทุกหมู่เหล่าเรียนรู้  เพราะเป็นคนไทย  ต้อง  รู้จักตัวเอง  รู้จักรักษาตัวเอง  รักษาชาติบ้านเมือง  ถ้าไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทย  ก็เหมือนกับเด็กอาข่า  ถามเราว่า  ประเทศเขาอยู่ที่ไหน
ถ้าเราลบประวัติศาสตร์ออกจากบทเรียนของนักเรียนตอนกรุงสุโขทัย  ตอนกรุงศรีอยุธยา   
ตอนคณะราษฎร  ๒๔๗๕   ตอนทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี   นักเรียนไทยก็ถูกทำให้ตกอยู่ในความโง่และงงงัน  ไม่ทำให้ได้ผลดีแก่ปัญญาเด็กไทยเลย
16 กันยายน 2557 15:58 น.

เจ้าตากสินตีค่ายพม่า ที่ค่ายโพธิ์สามต้น

ปติ ตันขุนทด

กองทัพพม่าได้กรุงศรีอยุธยาแล้ว พักอยู่ประมาณเก้าสิบวัน รวบรวมเชลย และทรัพย์สิ่งของเสร็จแล้ว เมื่อจะเลิกทัพกลับ เนเมียวสีหบดี จึงตั้งสุกี้ มอญ ผู้มีความชอบครั้งตีค่ายบางระจันเป็นนายทัพ ให้มองญ่า เป็นปลัดทัพ คุมทัพมอญรวม ๓๐๐๐ คนตั้งอยู่ที่ค่ายโพธิ์สามต้น คอยสืบจับผู้คน และเก็บทรัพย์สิ่งของตามส่งตอไป และตั้งนายทองอินคนหนึ่ง ซึ่งเป็นไทยไปเข้าด้วยพม่า ให้เป็นเจ้าเมืองธนบุรี เดือน ๗ ปีกุน พ.ศ. ๒๓๑๐ เจ้าตากตีเมืองจันทบุรีได้ เจ้าตากยกกองทัพเรือออกจากจันทบุรีข้างขึ้นเดือน ๑๒ ฝ่ายนายทองอินก็ให้รีบขึ้นไปบอกสุกี้แม่ทัพพม่าที่ค่ายโพธิ์สามต้น และเรียกคนข้นรักษาาที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์พวกรี้พลไม่เป็นใจจะต่อสู้ รบพุ่งกันหน่อย เจ้าตากก็ตีเมืองธนบุรีได้ จับตัวนายทองอินได้ให้ประหารชีวิตเสีย เจ้าตากขึ้นไปถึงกรุงศรีอยุธยาในค่ำวันนั้น ครั้นรุ่งเช้า เจ้าตากทราบความจกพวกไทยที่หนีพม่ามาเข้าด้วย ว่าพม่าข้าศึกถอยหนีจากเพนียดไปอยู่ที่ค่ายโพธิ์สามต้นกับสุกี้หมดแล้ว ค่ายพม่าที่โพธิ์สามต้น มีสองค่าย ตั้งข้างฟากตะวันออกค่าย ๑ ตั้งฟากตะวันตกค่าย ๑ ตัวสุกี้แม่ทัพอยู่ค่ายฟากตะวันตก เจ้าตากตามมองญ่าที่หนีจากเมืองธนบุรีขึ้นไปถึงโพธิ์สามต้นในเวลเช้า สั่งให้ทหารระดมตีค่ายพม่าข้างฟากตะวันออก พอเวลา ๙ นาฬิกาก็ได้ค่ายนั้น  เวลาค่ำ พระเจ้าตากให้พระยาพิพิธ พระยาพิชัยทหารจีน คุมกองทหารจีนไปตั้งประชิดค่ายสุกี้ ด้านวัดกลาง พอรุ่งเช้าก็ให้ทหารไทยจีนเข้าระดมตีค่ายสุกี้ พร้อมกัน รบกันแต่เช้าถึงเที่ยง เจ้าตากก็เข้าค่ายพม่าได้ ฆ่าสุกี้แม่ทัพพม่าตายในที่รบ เจ้าตากตีได้ค่ายพม่าที่โพธิ์สามต้น ก็ได้กรุงศรีอยุธยากลับมาเป็นของไทย เสียกรุงเมื่อวันอังคาร เดือน ๕ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีกุน พ.ศ.๒๓๑๐ เป็นวันเนาสงกรานต์เพลาบ่าย ๓ โมง เจ้าตากหนีออกจากรุงศรีอยุธยาก่อนเสียกรุง เพราะวิเคราะห์แล้วเห็นว่าไม่รอด กรุงศรีจะต้องแตกแน่ไม่ช้าก็เร็ว ครั้นถึงเดือน ๑๒ ข้างขึ้น พระเจ้าตาก  ก็ตีค่ายโพธิ์สามต้นได้ รวมเวลาเสียกรุงฯ ๓ เดือน **ไทยรบพม่า กรมพระยาดำรงราชานุภาพ บรรณาคาร ๒๕๔๓**
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปติ ตันขุนทด
Lovings  ปติ ตันขุนทด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปติ ตันขุนทด
Lovings  ปติ ตันขุนทด เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปติ ตันขุนทด
Lovings  ปติ ตันขุนทด เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงปติ ตันขุนทด