10 พฤษภาคม 2550 15:44 น.

คำถามโง่ๆของคนที่หมดแรง

ปะการังสีเงิน

เคยเป็นบ้างไหม รักใครคนหนึ่งอย่างไม่มีเหตุผล
ทั้งๆที่เขาไม่ได้ดีหรือเด่นกว่าคนอื่นๆที่คุณเคยเจอเลย
หรือบางที่คนดีที่คุณเจอควรเป็นคนอื่น ...มากกว่าคนๆนี้ของคุณ

ฉันเป็นคนหนึ่งที่พบใครบางคน ที่มองอย่างไรก็ไม่ดีไปกว่าคนอื่นที่ฉันเคยเจอ
และที่สำคัญใจเขายังแบ่งปันไปให้ใครอีกคน
ทั้งๆที่รู้ว่าควรทำอย่างไร ....เลิกกัน....คือสิ่งที่ควรทำกับผู้ชายคนนี้มากที่สุด
และฉันก็ทำไปแล้ว

แต่ทำไมในใจลึกๆกลับยังเป็นห่วง
ยังตัดใจไม่ได้ ทั้งๆที่รู้ว่าเค้ามีใครอีกคน
ทั้งๆที่รู้ว่าเค้าหลอกลวงมาตลอด
ทั้งๆที่รู้ว่าเค้าไม่เคยมีใจให้กับใคร
แต่ทำไมใครคนนี้ถึงไม่เลือนไปจากใจ

ความรัก ความผูกพัน หรืออะไรกันแน่
ทั้งที่รู้ว่ากลับไปก็คงไม่รักเค้าได้เหมือนเดิม
แต่ให้ตัดใจก็ทำใจไม่ได้

เวลาไม่ได้ช่วยอะไร
ไม่เคยเลือนไป ไม่ว่าสิ่งที่ดี หรือสิ่งที่เลว
ทุกอย่างยังคงจำฝังใจ

มันเหนื่อย มันท้อ และล้าเต็มทน
เหมือนคนหมดแรง แม้แต่จะคิดถึงวันดีๆ

ไม่อยากให้เค้าเลือกใคร เพราะรู้ดีว่าอีกคนต้องเจ็บ
และไม่อยากจากไป เพราะหัวใจยังคงรู้สึก
แต่ก้อไม่อยากอยุ่อย่าง สามคนสองทาง มันรับไม่ได้
ฉันควรทำอย่างไร คำถามโง่ๆที่รู้คำตอบดีอยู่
ควรลืม ควรตัดใจ ควรเลิกไป มันคงเป็นคำตอบง่ายๆ

แล้วคุณหละ ทำได้หรือเปล่า................				
3 มิถุนายน 2547 12:21 น.

อะไรคือ....คำว่ารักของเธอ

ปะการังสีเงิน

อยากจะรู้เหลือเกินคำว่ารักของพี่มันคืออะไรกัน

คือความหวังดีให้ฉันนี้ มีความสุข เหมือนที่เคยบอกกัน
หรือว่ามันหมายถึงการครอบครองตัวฉันไว้

พี่บอกว่า จะยอมปล่อยถ้าหากว่าฉันต้องการไป
แล้วทำไมในวันนี้มันกลับไม่เหมือนอย่างที่บอกกัน

ไม่อยากจะโทษที่พี่นั้นโกรธ เพราะเข้าใจ
แต่ทำไมต้องอาฆาตแค้นเคืองกันด้วย  นี่คือสิ่งที่ฉันยังไม่เข้าใจ ว่าคนที่เคยรักกันเค้าต้องอาฆาตแค้นกันด้วยหรอ

ไม่อยากจะโทษว่าความผิดนั้นมันอยู่ที่ฉันหรือว่าพี่
แค่อยากบอกว่าที่เราต้องเลิกกันมันไม่ใช่บุคคลที่สามหรอกน่ะ
ที่เลิก เพราะเราไปกันไม่ได้แล้ว ฉันก็แรง พี่ก็แรงไม่มีใครยอมใคร
จะทำยังงัยมันก็ไม่อาจเป็นเหมือนเดิมได้อีกต่อไป

เรื่องในอดีตพี่มีใครฉันก็ยอมหมด  ใครโทรหาฉันก็ไม่เคยว่า
แล้วทำไม ทีฉันพี่กลับไม่เชื่อใจ  กลับต้องรู้ทุกอย่าง  ทั้งที่มันไม่ได้สำคัญอะไร

ฉันอึดอัด มันเหมือนพี่ต้องการทั้งชีวิตของฉันไว้

ฉันไม่ใช่สิ่งของ หรือสัตว์เลี้ยงที่จะได้เชื่องๆ  ฉันก็มีชีวิตของฉัน 
คนเรามันก็ต้องการความเป็นอิสระกันบ้าง

ก่อนคบกัน ก็เคยตกลงกันแล้ว จะไม่วุ่นวายชีวิตส่วนตัวกันมากเกินไป
นี่อะไร บันทึกไว้พี่ก็อ่าน  โทรศัพท์ก้อตรวจเบอร์ตลอด ข้อความมาก็อยากรู้
พี่เป็นผู้ชายน่ะ เข้มแข็งหน่อย อย่าอ่อนไหวเหมือนผู้หญิงสิ

ฉันไม่เคยนอกใจ  ไม่เคยคิด ไม่เคยมองใคร
ไปไหนมาไหนกันตลอด จะเอาเวลาไหนไปมีใคร
ใกล้สอบยังต้องมาคอยเอาใจ  มันไม่ไหวหรอกน่ะ มันทนไม่ได้หรอก
 
คิดถึงแต่หน้าตาตัวเอง ครอบครัวตัวเอง
แล้วเคยนึกถึงฉันมั้ย

กลัวเสียหน้า กลัวเสียฟอร์ม กลัวมองใครไม่ได้
นี่หรอที่รัก  รักฉันหรือรักตัวเองกันแน่

อย่าเลย...อย่ามาทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นในความเป็นจริง
ในเมื่อเรื่องที่เราสัญญาไว้ พี่ยังทำไม่ได้
บอกเรื่องของเราให้ใครต่อใครรับรู้  รวมถึงบ้านของฉัน
มันก็เกินพอที่ฉันจะต้องอยู่ด้วยแล้ว

เคยสงสาร  เคยคิดว่าจะจากกันอย่างดี  จะไม่ไปกวนใจอีกให้พี่ค่อยทำใจ
แต่ในเมื่อพี่ทำกับฉันอย่างนี้   ก็ดีแล้ว....ต่อไปฉันก็จะได้รู้ว่า ควรวางตัวยังไงกับพี่ดี   คงไม่ต้องคำนึงถึงใจพี่อีกแล้ว

ในเมื่อความรักของเธอมันมีแต่หนาว  คอยทิ่มแทงกันตั้งแต่วันที่คบกันแล้ว
ฉันก็คงจะไม่ขอเอาชีวิตที่เหลือไปให้หนาวนั้นเกี่ยว เป็นรอยบาดแผลอีกต่อไป

ฉันไม่รู้พี่จะอ่านหรือไม่  อย่างไรฉันก็คงไม่รู้สึกอะไรกับพี่อีกต่อไปแล้ว
ฉันเห็นพี่  คงแค่เหมือนคนที่สวนทาง  ไม่มีความสำคัญ  ไม่รู้สึกผูกพันธ์อะไร

คำว่าเสียดาย....มันน่าเป็นคำของฉันมากกว่า ที่เอาชีวิตไปข้องเกี่ยวกับคนแบบพี่  อันที่จริงชีวิตฉันมันก็ดีอยู่แล้ว  มีพี่เข้ามาชีวิตยิ่งตกต่ำลงไปด้วยซ้ำ

สัญญาอะไรก็ไม่เคยทำให้ได้สักที   มีอะไรก็อาศัยแต่ชายกางเกงพ่อ
ไม่มีความมุ่งมั่นในชีวิต  ใครจะไปวางใจใช้ชีวิตด้วยได้

ที่เขียนไม่ได้อยากจะตอกย้ำหรอก  แค่ให้รู้สึกตัวบ้าง  อย่าว่าแต่ใคร  หันกลับไปมองความจริง ในสิ่งที่ตัวเองทำบ้าง  จะได้รู้ไว้ว่า เพราะอะไรใครต่อใครถึงทนไม่ได้				
26 เมษายน 2547 20:35 น.

เรื่องเล่าของความรัก(ตอนจบ)

ปะการังสีเงิน

 รักบทที่ 6 บทสรุปของความรัก 

ฉันตัดสินใจยุติปัญหาทั้งหมดลง
ฉันก็ไม่แน่ใจสักเท่าไร ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะถูกต้องหรือไม่


" ชัย........นี่รินน่ะ" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกังวล

"อื้ม ว่างัยจ๊ะริน" ชัยตอบฉันด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงเหมือนเคย
เค้าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย แต่เค้ากลับเป็นคนที่ได้รับผลยิ่งกว่าใคร

"ชัย...........คือเรา.............."เสียงฉันกระอักกระอ่วนเต็มทน

"มีอะไรหรอริน.......เป็นอะไรไปหรอ" ชัยเริ่มจับน้ำเสียงฉันได้แล้ว

"คือเรา .............อยากหยุดเรื่องของเราเอาไว้    ............เราคิดว่าเราคงไม่ได้รักชัย
  เราไม่อยากจะหลอกชัย............ความรู้สึกมันไม่ใช่"

ทุกอย่างเงียบลง

"ทำไม..ทำไมหละริน ........เราทำอะไรผิดหรอ
    เราผิดอะไรอีกแล้วหรอ ........เราขอโทษๆได้มั้ย  รินอย่าทำอย่างนี้เลยน่ะ"

"ชัย.....จะฝืนทำไม ในเมื่อเราไม่ได้รู้สึกอย่างที่ชัยต้องการ"

"แล้วทำไมหละริน...........รินมีใครหรอ"

"เรา..........เรา............." ฉันไม่สามารถพูดอะไรได้อีก

"ริน  เค้าดีมากเลยหรอ........." ชัยถามฉันด้วยความน้อยใจ มันเป็นคำพูดที่รู้สึกได้ถึงอารมณ์นั้นจริงๆ

"เปล่าชัย.......ตอนนี้เราไม่ต้องการมีใครจริงๆ"

"แล้วรินจะได้เห็นผลของการกระทำครั้งนี้"  ชัยพูดอย่างอาฆาตแค้นแล้ววางสายไป


จะโทษชัยก็ไม่ได้หรอกน่ะ  เพราะฉันทำเค้าเจ็บ
แม้จะกังวลว่าเค้าจะทำอะไรต่อไป  แต่ฉันก็ยังคงยืนยันคำพูดในวันนี้จริงๆ

ฉันประสาทกลับ สับสนอยู่เพียงลำพัง
ฉันไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร ไม่รู้เลยจริงๆ



วันต่อมา  ฉันจึงตัดสินใจโทรหาชัยอีกครั้ง
"มีอะไร" ชัยพูดด้วยน้ำเสียงห้วนๆ

"เราไม่ว่าหรอกน่ะที่ชัยจะโกรธ จะเกลียดเรา เรารู้ว่าเราทำร้ายชัย
  มันก็สมควรแล้วที่ชัยจะเกลียดเรา  เราไม่รู้จะต้องคิดอะไรอีกแล้ว
  สิ่งที่มันคาใจเราก็ทำมันไปแล้ว  เราเองก็เสียใจ ถ้ามันไม่มีทางไปแล้ว เราก็คงจะหายไป"
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เหมือนคนหมดอาลัยในทุกสิ่ง

"หมายความไงริน ........รินจะไปไหน ............รินจะทำอะไร" ฉันรู้สึกตื้นตันมาก 
อย่างไรชัยก็ยังห่วงฉัน แม้ฉันจะทำร้ายเค้าขนาดนั้นก็ตาม

"ริน  .......รินอย่าไปไหนน่ะ  ชัยขอโทษที่พูดแบบนั้น
   ชัยทำร้ายรินไม่ได้หรอก  ชัยทำคนที่รักไม่ลง รินอย่าไปไหนได้มั้ย ขอร้องหละ...."
ทำไมคนที่ฉันรักถึงไม่ใช่ชัยน่ะ

"ขอบใจน่ะชัย  .......ขอโทษกับทุกสิ่ง.......ฉันคงเลวมาก
    หากว่านี่เป็นกรรมเก่าของชัย......ฉันก็ขอให้มันจบไปแค่นี้
    แต่ถ้าไม่ใช่......ฉันขอชดใช้ให้ชาติหน้าน่ะชัย ....." ฉันพูดได้แค่นั้นก็วางสาย และปิดเครื่องไป


ฉันไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันถึงได้พูดแบบนั้น
แต่ที่รู้คือสีหน้าของแตนนั้นไม่ดีเลย
"ทำไมพูดเป็นลางอย่างนั้นหละริน....ไม่ดีเลย" แตนว่าฉันด้วยเสียงที่เป็นห่วง

"คิดมากไปได้แตน.....โบราณหน่า" ฉันขำเพื่อน ที่คิดว่าเป็นคำพูดที่เป็นราง

"เดี๋ยวมาน่ะแตน.....ไปโทร.หานนท์หน่อย"

"ทำไมหรอริน"

"ฉันอยากเห็นหน้านนท์จริงๆ   คงไม่ว่าฉันน่ะแตน......สักครั้งก็ยังดี"



หลังจากที่คุยกับนนท์ ก็ได้บทสรุปว่าพรุ่งนี้นนท์จะลงมาหาฉัน
อื้ม...ดูอะไรก็ดีไปหมด  ดีจังเลย วันนี้คงเป็นวันของฉัน

ฉันกลับไปเลือกชุดที่ดูดีที่สุด  นำมารีดอย่างอารมณ์ดี

"อารมณ์ดีเชียวน่ะริน......มีอะไรเล่าให้ฟังบ้างสิ" แตนแซวฉันอย่างอารมณ์ดีเช่นกัน

"พรุ่งนี้นนท์จะมา...."ฉันพูดพร้อมส่งยิ้มหวานให้แตน

"มิน่า......เลือกชุดสวยมาใส่เชียว  ไปเป็นเพื่อนมั้ย"

"ดีสิ  จะได้ไม่เขินเกินไป  สัญญาน่ะอย่าทิ้งไปหละ"

"จ้า.......พรุ่งนี้จะทำตัวว้าง..ว่าง   ให้เธอคนเดียวเลย"

ฉันกับแตนหัวเราะร่า  เห้อ.....อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆจัง
คืนนี้ช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน     ฮึ.....ทำเป็นใจร้อนไปก็แค่นั้น ยังไง 1ชั่วโมง ก็มี60 นาทีเหมือนเดิม
ไม่ได้เร็วขึ้นตามใจฉันไปหรอกน่า.......



วันรุ่งขึ้นฉันกับแตนไปรอนนท์ที่บขส.
ใกล้แล้ว.....ใกล้แล้ว......จะได้เจอหน้ากันสักที

อ่ะ.......รถมาแล้ว  แล้วนนท์คนไหนหละ
ฉันกดโทรศัพท์เข้าไปหานนท์....
ไม่นานก็มีชายสวมเสื้อสีดำ  กางเกงยีนส์ ยืนโบกมือให้

นนท์เป็นคนสูง ไม่ผอมไม่อ้วน เรียกว่าสมส่วนดีมากเลย
หน้าตาไม่ถึงกับหล่อ  แต่ก็ควงแขนไม่อาย ดีกว่าชัยอีกด้วย

ฉันมองถนนซ้าย-ขวา   เพื่อให้ปลอดภัย แล้วจึงข้ามไปหานนท์
อีกครึ่งทางเอง  ฉันก็จะได้เห็นนนท์ใกล้ๆแล้ว
"ริน.........."
เสียงของชัยนี่  ฉันหันกลับไปมอง
ชัยจริงๆด้วย ชัยยืนอยู่กับแตน ทำไงดีหละนนท์ก็อยู่นี่ด้วย

"ระวัง.........."
มีรถเก๋ง สีทองคันหนึ่ง กำลังพุ่งมาทางฉัน
ทำไมมีรถเก๋งตรงนี้หละ
จริงสิ ฉันกำลังอยู่บนถนนนี่น่ะ

ฉันหันมองหน้านนท์อีกครั้ง  ครั้งนี้สีหน้าของนนท์ผิดจากเมื่อกี้มาก
สีหน้าที่ยิ้มแย้ม กลับเป็นตกใจ และกำลังวิ่งมาทางฉัน

โครม...........ตัวของฉันลอยปะทะกับอะไรก็ไม่รู้ เจ็บจังเลย
ร่างฉันคงหล่นลงบนถนน เหมือนที่เคยเห็นในหนังแน่นอนเลย
จริงด้วย  เจ็บจังเลย

"ริน..........กรี๊ด....." ฉันได้ยินเสียงแตนหวีดดังมาก
จากนั้นหูของฉันก็ค่อยๆอื้อขึ้นเรื่อยๆ

ฉันลืมตาอีกครั้ง  มองไม่ค่อยชัด แต่ก็พอจะรู้ว่าคนที่โอบฉันอยู่คือนนท์
ส่วนคนที่กุมมือฉันแน่นคือชัย และคนที่ร้องไห้จับขาอยู่คือแตน

"ริน .......เป็นงัยบ้าง......ฮือ......ฮือ...รินตอบแตนสิ"

"เจ็บจัง.......หาย.......ใจ........ไม่........ค่อย......ออก" ฉันตอบแตนอย่างยากลำบาก

ฉันรู้ดี เลือดออกมาก มันมากจนฉันหมดแรง
ฉันรู้ดี กว่ารถพยาบาลจะมา ก็ไม่ทันหรอก

แต่ตอนนี้ฉันกลับมีความสุขที่สุด
ฉันได้อยู่ในอ้อมกอดของนนท์ โดยที่ชัยไม่ได้หึงหวงเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ฉันอยู่กับคนที่ฉันรัก ........... และคนที่รักฉันทั้ง 3 คน
ฉันไม่รู้สึกเสียดายต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย

ฉันมองหน้าทีละคน ดูสิทุกคนร้องไห้เหมือนเด็กเลย นนท์หมดหล่อเลย
ชัยกับแตนก็ร้องจนหน้าตาดูไม่ได้เลย......
"อย่า......ร้อง........น่า..อาย........" ฉันพูดพร้อมส่งยิ้มให้ เท่าที่จะยิ้มออกได้
ฉันหายใจถี่ขึ้น .........รู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน........ฉันง่วงแล้วหรอ
รู้สึกเหมือนกับว่าตามันหนักขึ้น มันคอยจะปิดลงทุกขณะ

ฉันรู้ดีว่าฉันง่วงมากแล้ว อีกไม่นานก็จะหลับแล้ว
ฉันพยายามเอามือมาแตะหน้าชัย  ชัยรับมือฉันไปแตะหน้าเค้าเหมือนรู้
ฉันยิ้มให้ชัย ฉันนึกขอโทษชัยในใจ ฉันรู้...รู้ว่าชัยต้องเข้าใจ
ฉันเป็นคนใจร้าย......คนหลายใจที่โชคดีที่สุดในโลกแล้วมั้ง
คนที่ฉันทำร้ายเค้ายังจับมือฉัน ยังยอมให้ฉันแตะหน้าเค้า ยังร้องไห้เมื่อฉันเจ็บ

จากนั้นฉันก็หันมาเพื่อลูบหน้านนท์  คราวนี้มือมันหนักเหลือเกิน 
ฉันได้แต่มองหน้า  นนท์ก็คงรับรู้ นนท์จับมือฉันแน่น ทำไมมือนนท์สั่นอย่างนี้หละ
ฉันมองหน้านนท์ลางลงทุกที......ทุกที........
สิ่งที่ฉันอยากพูดกับนนท์  ฉันต้องพูดให้ได้  ฉันจะไม่ยอมหลับก่อน

แม้จะหายใจยากเต็มที
ฉันพยายามกลั้นใจอีกครั้ง คราวนี้ลำบากมาก เพราะฉันหายใจถี่ขึ้นกว่าเดิม 
และก็หอบมากขึ้น  มากกว่าครั้งที่โดนทำโทษให้วิ่งรอบสนาม3รอบเสียอีก
ฉันเหนื่อยขนาดนี้เลยหรอ 

น้ำตาไหลพราก  ฉันอึดอัดที่พูดอะไรไม่ออกเลย
นนท์......ฉันอยากให้นนท์ได้ยินเหลือเกิน
ฉันพยายามขยับปาก เพื่อให้นนท์เอาหูเข้ามาใกล้
แล้วเค้าก็ทำตามจริงๆ เค้ารู้สิ่งที่ฉันต้องการจริงๆ


"ที่.....รัก............." ประโยคสุดท้ายที่ฉันพูด 
ฉันหลับไปในอ้อมกอดของนนท์
มันช่างอบอุ่น สมกับการรอคอยเพื่อพบเจอมา  ................ตลอดชีวิต.................				
26 เมษายน 2547 15:30 น.

เรื่องเล่าจากความรัก#3

ปะการังสีเงิน

รักบทที่ 4    ความหวังครั้งใหม่

ไม่กี่วันผ่านไป ฉันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ... เพราะมีกำลังใจจากเพื่อน
และฉันก็พยายามหาอะไรทำ เพื่อลบเลือนนนท์ แม้จะยากเต็มที........

แต่แล้วเหตุการณ์ใหม่ที่เหมือนเดิมก็กลับมา
และครั้งนี้ดูมันจะมากกว่าครั้งที่แล้วหลายเท่านัก.


วันนี้เป็นวันเสาร์ ที่ยังคงว่างเปล่าสำหรับฉัน
นนท์ยังคงมีตัวตนอยู่ในความทรงจำของฉัน

แต่ก็มีกิจกรรมคล้ายกับการฆ่าเวลา นั่นคือการไปเดินซื้อของ
อันที่จริงก็ไม่ค่อยได้ซื้อหรอก เพราะเป็นช่วงปลายเดิน
กระเป๋าเริ่มแฟ๊บ (มันก็คงเป็นธรรมดาของเด็กหอทั่วไป)


"เฮ้....ถ่ายสติกเกอร์กันเถอะ" มดชวนเพื่อนๆ

"ไม่ค่อยมีตังค์นี่นะ"  แตนค้าน เพราะกลัวจะไปไม่ถึงปลายเดือน

"ถ่ายหมู่สิ หารๆกัน .....ไม่เคยถ่ายร่วมกันเลยน่ะ.." มดพยายามโน้มน้าว
และมันก็ทำให้ฉันเห็นด้วยกับมด

"อื้มจริง...... คงจ่ายคนละไม่กี่บาทหรอก เอาเหอะน่ะ" ฉันเริ่มชวนบ้าง

ในที่สุดเพื่อนๆก็ถ่ายรูปร่วมกันทั้งหมดก็4 คน
มีฉัน  ,มด ,แตน และไผ่



 "อะ...... มาจนได้น่ะ" เสียงมดทักใครคนหนึ่ง ที่พวกเราไม่เคยเจอมาก่อน

"ใครหรอ ..แตน" ฉันหันไปถามแตน

"ไม่รู้เหมือนกัน... ใครอะไผ่" 

"อ๋อ.... เด็กแชทนังมดหนะ "  ไผ่ตอบได้ในทันที เพราะรู้มาก่อนหน้านี้

"หรอ....." (เด็กแชทอีกแล้วหรอ) ฉันได้แต่คิดในใจ และนึกถึงนนท์ขึ้นมาทันที



การสนทนากับเด็กแชทคนนี้ ฉันไม่ได้ร่วมด้วย
ถึงแม้จะดูเป็นการเสียมารยาท หรือเค้าอาจมองว่าหยิ่ง
หรือจะอะไรก็ช่าง....... เพราะฉันไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย
เรียกว่าเกือบไม่ได้จะมองหน้าตาเค้าด้วยซ้ำไป



เมื่อกลับมาถึงห้อง
"เฮ้อ ......ริน  สงสัยชัยจะชอบเธอ" มดบอกฉัน

"หรอ...ไม่หละขอบใจ" ฉันตอบแบบไม่ใส่ใจ

"สงสัยจะไม่ลืมนายนนท์........" ฉันได้ยินเสียงแตนบอกมดตามหลัง

มันก็จริงของแตน ก็ฉันผูกพันกับนนท์นี่ ............
เราคบกัน แม้จะเป็นทางโทรศัพท์ก็เถอะ แต่ก็เข้าปีที่ 2แล้วในการคบกัน



ผ่านไป3วัน 
กริ้ง ๆๆ   ๆๆ  เสียงโทรศัพท์ปลุกฉันจากการนอนกลางวัน
"หวัดดีค่ะ " ฉันพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงียเต็มที

"สวัสดีครับ  .........ผมชัยนะครับ.... คุณรินใช่มั้ยครับ" 

"ค่ะ เรียกรินเฉยๆก็ได้ ไม่ต้องเรียกคุณหรอก   .....ว่าแต่มีธุระรัยหรอ"

"แหม........ห่างเหินจังนะครับ"

"ก็เราไม่เคยสนิทกันนี่... ความจริงมันก็เป็นอย่างนั้น" ฉันพูดด้วยเสียงที่ค่อนข้างไม่ค่อยพอใจ ......ในการที่จะสนิทสนมกันของตานี่เท่าไรนัก

"คือ......... ผมอยากคุยด้วย........... ออกมาคุยกันได้มั้ยครับ"

ฉันเงียบไปครู่นึง
"น่ะครับ.......... ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย" ชัยขอร้องอีกครั้ง น้ำเสียงอ้อนมากขึ้น

"อื้ม........ เดี๋ยวไป" ฉันคิดแค่เพียงว่า ดีกว่าอยู่ห้องเฉย



"มด.. ไผ่...  อยู่ปล่าว" ฉันตะโกนเรียกเพื่อนหน้าห้อง

"อยู่ ..มัยหรอริน" น้ำเสียงของไผ่ตอบกลับมา อื้ม...ดูงัวเงียพอๆกับฉันเลย

"ชัยมันโทรมาชวนไปข้างนอก ไปปล่าว...."

"จริงดิ.." มดดูท่าทางตื่นเต้นเหมือนเคย

"จริง........ ไปปล่าว ถ้าไม่ไปจะโทรไปเลิก" ฉันถามอย่างรวดเร็ว

"ไปๆๆ" มดรีบตอบทันที

"อื้ม......งั้นเดี๋ยวไปรอข้างล่างน่ะ" ฉันบอกเพื่อนแล้วเดินลงไปทันที

"เอ้อๆ ..เดี๋ยวตามไป" เสียงไผ่และมดดังขึ้นเกือบพร้อมๆกัน



ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
เราก็ไปถึงที่นัดหมาย โดยมดนั่งมากับไผ่ 
ส่วนฉันขับไปคนเดียว

ชัยนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นเค้ารีบลุกขึ้นยืนรับ
(เอ้อ  ยังมีมารยาทอยู่บ้าง....)

จากนั้นเราก็คุยกันไปสักพัก
ฉันยิ้ม หัวเราะ  แต่ไม่ได้มาจากใจเลย มันเป็นเพียงมารยาทเท่านั้น
เพราะในใจฉันตอนนี้ มันยังไม่มีอารมณ์นั้นหรอก
ไม่มีทางจะหัวเราะออกมาจากใจได้จริงๆ..........



หลังจากนั้นมา ชัยก็โทร.มาหาฉันประจำ
(ช่างเหมือนกับนนท์จริงๆ)
ฉันได้แต่คิดอย่างนั้น

ในที่สุด ฉันก็ตัดสินใจคบกับชัย
ด้วยหวังว่า คงลืมนนท์ได้แน่ เมื่อฉันมีใครสักคน..



ฉันไปมาบ้านชัยประจำ ซึ่งก็ได้พบกับพ่อและแม่ของชัยด้วย
พ่อแม่ชัย ดูจะเอ็นดูฉันมาก มันทำให้ฉันยิ่งรู้สึกดีมาก

ซึ่งแตกต่างกับแม่ของฉันโดยสิ้นเชิง..........
แม่ไม่ชอบชัยสักเท่าไหร่เลย ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ

ในตอนนั้น ฉันคัดค้านแม่มาก หาว่าแม่อคติ
ต้องดูไปก่อน ค่อยตัดสินเค้า
แม่จึงไม่ค่อยบ่นเรื่องนี้อีก มีแต่เตือนๆบ้างเท่านั้น......



และวันหนึ่งนนท์ก็โทรหาฉัน......

"ขอโทษน่ะนนท์ .......ตอนนี้เรามีแฟนใหม่แล้ว" ฉันตอบด้วยใจที่เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกเลยจริงๆ 

"รินยังไม่หายโกรธนนท์หรอ ........นนท์ขอโทษน่ะ" 
ดูท่าทางนนท์จะไม่เชื่อฉัน ฉันจึงส่งโทรศัพท์ให้ชัยคุย

ชัยเป็นคนที่ขี้หึง และหวงฉันมาก .............รวมทั้งเป็นคนอารมณ์ร้อนด้วย
ไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงดังในการคุยของชัย
(นึกแล้วว่ามันต้องออกมาเป็นแบบนี้  ช่างเถอะ)
ฉันคิดในใจ และนิ่งเฉยไว้ ..........


จนชัยถาม ฉันถึงเล่าเรื่องของนนท์ให้ฟัง

"ขอน่ะริน.. อย่าคุยกับนนท์อีกได้มั้ย" ดูท่าทางชัยไม่ชอบนนท์เอามากๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ชัยถึงได้โมโหขนาดนั้น

"ก็ไม่คุยแล้วงัย.... เลยส่งให้ชัยคุยแทนงัย" ฉันบอกแบบไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก

"อย่าให้รู้น่ะริน.... ว่ายังติดต่อกัน" ชัยเริ่มแสดงอาการหึงหวง
ซึ่งมันทำให้ฉันรู้สึกแย่ และอึดอัดมาก...

"ทำไมชัย.. บอกไม่คุยก็ไม่คุยสิ.. มีสิทธิ์อะไรมาพูดอย่างนี้
    เราไม่ใช่สิ่งของน่ะ ไม่ต้องมาแสดงความเป็นเจ้าของ....."
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจมาก
ชัยจึงยุติเรื่องนี้ลงทันที...........



ตั้งแต่คบกัน ฉันกับชัยก็มีเรื่องทะเลาะกันประจำ
มันชอบจบด้วยคำที่บอกว่า......... เพราะหวงน่ะ รักน่ะ ถึงได้หึงมาก.........

ฉันคิดว่าชัยคงใช่คนๆนั้นที่ฉันรอ........
คนที่จะอยู่ร่วมกันกับฉันตลอดไป.......
คนที่จะทำให้ฉันมีความสุขและอยากอยู่ใกล้ๆทุกเวลา........
ฉันจึงมีแต่ชัยมาตลอดเวลา.........


เราคบกันเป็นเวลา 8 เดือน ซึ่งความเป็นจริงแล้ว
ฉันนั้นก็ไม่ค่อยแน่ใจตัวเองสักเท่าไหร่ ว่าฉันรักชัยหรือเปล่า........

หรือว่าฉันอยู่เพราะสงสาร เพราะรู้ว่าชัยรักฉันมาก
ชัยอาจดี ดีกับฉันเกินไป จนฉันไม่กล้าทำร้ายเค้า
ฉันก็ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด ที่ทำให้เรื่องร่วงเลยมาถึงขนาดนี้..........

จนชัยขอฉันแต่งงาน เค้าคิดวางแผนอนาคตล่วงหน้าของเรา
ฉันได้แต่บอกว่า ........ขอให้เรียนจบ มีงานทำก่อนน่ะ........

ฉันเองก็ไม่เคยปฏิเสธ และบางครั้งยังให้ความหวังเค้าด้วยซ้ำ
บางครั้ง การตอบตกลงกับชัย ทั้งที่ฉันไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น
แต่ทำเพราะความสบายใจของชัย....... 

ถ้าฉันปฏิเสธ เค้าจะมีคำถามมากมายว่าทำไมต้องปฏิเสธเค้าด้วย
ฉันจึงตัดปัญหา ด้วยการนิ่งหรือตกลงไป เพื่อจบเรื่อง..........

ฉันรู้ว่าชัยอารมณ์ร้อน  มักทำร้ายตัวเอง เพื่อประชดฉัน.......
เค้าเคยทำร้ายฉัน แต่มันก็ไม่ได้รุนแรง เป็นเพียงการผลักออก
หรือไม่ก็แค่เขย่าตัว แต่มันก็ทำให้ฉันตกใจและเสียใจมาก....
และฉันก็เคยบอกเลิกไป  เพราะฉันรับกับพฤติกรรมแบบนั้นไม่ได้

เค้าถึงกับอ้อนวอนและสัญญาว่าจะไม่ทำอีก ให้โอกาสเค้าพิสูจน์
ซึ่งนับจากนั้นมา มันก็ไม่มีจริงๆตามที่เค้าสัญญา.....
และฉันก็คิดว่ามันคงเป็นความหวัง ที่เป็นจริง........
ฉันคงจะลงเอยกับชัยในที่สุด เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป.........





รักบทที่ 5   รักเก่าหวนคืน

ตั้งแต่วันที่ชัยคุยกับนนท์ นนท์ก็ไม่เคยโทรหาฉันอีกเลย.....
ฉันคิดว่าทุกอย่างคงดำเนินไปอย่างนี้ตลอดไป
เพราะเวลาผ่านไปตั้ง 8 เดือน นนท์คงลืมฉันไปแล้ว
เราไม่เคยเจอกัน มันคงลืมกันไม่ยากหรอก........

ฉันคิดอย่างนั้น แต่ความเป็นจริงฉันตะหากที่ไม่ลืมเค้าเอง
มันเหมือนหักหลังชัย แต่นั่นคือความจริง
เป็นความจริงที่ฉันเก็บเงียบเพียงลำพังเท่านั้น
แม้แต่เพื่อนๆรอบข้าง ยังคิดว่าฉันลืมนนท์ไปแล้วจริงๆ........



ปิดเทอมใหญ่ ของปี3
ชัยโทร.หาฉันประจำ เพราะกลัวว่าฉันเหงา

เค้าโทรไม่เคยเกี่ยง....... แม้บัตรเติมเงินจะหมดแล้ว
ก็จะต้องโทรตู้ .......หรือไม่ก็โทรศัพท์ตั้งโต๊ะที่มีข้างบ้าน

กริ้ง.........กริ้ง.............
( เอ.....เบอร์แปลกน่ะ สงสัยโทรโต๊ะแน่เลย)
"ฮัลโล......ว่างัยค่ะ" ฉันทักด้วยความคุ้นเคย เพราะคิดว่าต้องเป็นชัยอย่างแน่นอนทีเดียว

"ริน .......เป็นงัยบ้าง" เสียงชายคนหนึ่งที่คุ้นเคย แม้จะไม่ได้คุยกันมานานก็ตาม

"นนท์ !"   ฉันทักขึ้นมาทันที เพราะจำเจ้าของน้ำเสียงนี้ได้ดีทีเดียว

"อื้ม ......รินอยู่บ้านใช่มั้ย" นนท์ถามด้วยเสียงเอื่อยๆ เหมือนคนทำความผิดร้ายแรงไว้

"อื้ม.. ทำไมถึงโทร.หาหละ" ฉันถามด้วยความสงสัย

"คิดถึงรินจัง.... คิดถึงมากเลย ......คิดถึงจริงๆ"
น้ำตาฉันไหลทันทีที่ได้ยินประโยคนี้

ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง พร้อมทั้งเสียงสะอื้นเบาๆ

"ทำไมนนท์ .......ทำไมถึงเพิ่งบอกรินตอนนี้"
ฉันพูดด้วยเสียงที่ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์

"รินอย่าร้อง..... นนท์ไม่ได้หวังให้รินกลับมา นนท์รู้ว่าริน
    มีพี่เค้าแล้ว...... นนท์แค่อยากได้ยินเสียง......"

"ทำไมนนท์ ......ต้องทำแบบนั้นกับริน ทำไม.."

"รินอย่าร้องน่ะ...... นนท์ขอโทษจริงๆ  รินอย่าร้องสิ..... นนท์จะร้องแล้ว............"
ฉันรู้ว่านนท์พูดจริง เพราะน้ำเสียงของนนท์เปลี่ยนเป็นเบาลง
และมีเสียงสูดลมหายใจบ่อยขึ้น

"นนท์... .....มีใครแล้วหรอ" ฉันถามด้วยความอยากรู้จริงๆ

"ยัง ..ไม่มีใครเลย" นนท์ตอบคำถามนี้ได้อย่างทันทีที่ถามจบ

"นนท์ไม่มีใครหรือปล่าว....จึงกลับมาหาริน"

"ปล่าว..... นนท์เคยมี ........เคยคิดหาใครแทนริน..... แต่สุดท้ายมันก็ไม่ใช่"

"ไม่มีใครเหมือนรินหรอก....... ไม่มีใครแทนใครได้จริงๆนนท์"
ฉันพูดเพราะเริ่มรู้ตัวดีว่ายังงัย ........ชัยก็ไม่สามารถแทนนนท์ได้

"นนท์เคยกดหารินน่ะ ....แต่ไม่ทันให้มันเรียกหรอก ........
    แค่อยากให้มีเบอร์โชว์ในเครื่อง......... เหมือนกับว่าได้โทรหาริน"

"จริงหรอนนท์"

"ริน .....นนท์รู้แล้วหละ ว่านนท์รักรินมากแค่ไหน"

"ทั้งที่ไม่เคยเจอกันนี่นะนนท์"

"อื้ม....มันเป็นความผูกพัน หรือรินไม่มี"

"........................มีสินนท์ มีมากด้วย"

"แค่รินกลับมาคุยด้วยนนท์ก็พอใจแล้ว.... นนท์นึกว่ารินจะเกลียดนนท์แล้ว"

"ไม่มีทางหรอกนนท์........ รินไม่มีทางเกลียดนนท์ได้    หากจะมีมันก็แค่ความน้อยใจ... ที่โดนหลอกแค่นั้นเอง"

"นนท์ปล่าวหลอกน่ะริน....... วันนั้นนนท์ไปเคลียร์กะเค้า"

"เคลียร์.......... เรื่องอะไรนนท์"

"ก็นนท์คบกับริน...... นนท์ก็ไม่อยากให้ผู้หญิงคนอื่นมายุ่งกับนนท์อีก
  เพราะถ้ารินรู้ รินคงเสียใจ........... ถ้ารินไม่เชื่อรินโทร.ถามเค้าได้จริงๆน่ะ"

"ทำไมนนท์ไม่บอก........."

"นนท์ไม่รู้ว่ารินจะรับสายนนท์มั้ย .....แล้วพอนนท์โทรไป รินก็ให้เค้ามา
   พูดกับนนท์ ......นนท์คิดว่ารินคงแคร์เค้ามาก ..........จึงไม่อยากให้รินมีปัญหา 
   จึงไม่โทรไปหารินอีก......"

น้ำตาฉันพร่าพรูออกมา เปียกเสี้อที่สวมอยู่ 
มองเห็นร่องรอยของน้ำตาที่หยดลงสู่เสื้อได้อย่างชัดเจน
"นนท์ .......นนท์รู้มั้ยว่ารินทำอะไรลงไป .........รินคบเค้าเพราะประชดนนท์
   และตอนนี้เค้าก็จริงจังกับรินมากด้วย..... นนท์จะให้รินทำไงหรอ. บอกหน่อยสิ
   รินรักนนท์น่ะ และไม่เคยลืมนนท์เลยสักครั้ง.......... แล้วเค้าหละ รินจะทิ้งเค้า
   ทั้งที่เค้าไม่มีความผิดเลยหรอ ............... รินควรทำงัยดี"

ทุกอย่างเงียบลงอีกครั้ง
คุยกันอีกไม่นานนัก การสนทนาก็ยุติลงไป......

การกลับมาของนนท์มันทำให้ฉันรู้ว่าจริงๆฉันรักใคร......
และใครก็ไม่สามารถมาแทนที่ของนนท์ได้อย่างแท้จริง......


ฉันควรทำงัยดีหรอ  ฉันรักนนท์มากกว่าชัย ฉันรู้ดี........
แต่ชัยคอยดูแลปลอบใจฉันมาตลอด
ที่สำคัญ ฉันรู้สึกผิดต่อพ่อกับแม่ของชัยมาก ทั้งที่ฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
อาจเป็นเพราะความใจดีของท่าน ความเอ็นดูที่ท่านมีต่อฉัน


และวันนี้เมื่อนนท์กลับมา ถ้าฉันกลับไปหานนท์ ชัยคงเสียใจ......
แต่ถ้าฉันทนอยู่กับชัย ความรู้สึกนั้นก็เหมือนกับการหลอกลวง.....

ฉันเหมือนคนเลว .....คนหลายใจ .......ฉันรู้........
แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจในเรื่องนี้.............

ฉันสับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ....... จนไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป
มันยาก........ ยากจริงๆที่จะทำให้เรื่องนี้จบโดยไม่มีใครเจ็บ.....

ทุกๆวัน..... ฉันร้องไห้ และเสียใจในการกระทำของตนเอง
ทำไมฉันไม่เข้มแข็งมากกว่านี้ ...........

กับชัยฉันกลัวเค้าเจ็บ ............แต่ฉันก็ตัดนนท์ไปไม่ได้อยู่ดี
จะมีวิธีไหนบ้างไหม ที่พอจะให้ฉันสามารถจบเรื่องนี้ได้.........				
25 เมษายน 2547 16:03 น.

สัญญาบริสุทธิ์

ปะการังสีเงิน

ลมพัดเบาๆ แต่ก็พอจะทำให้ผมของฉันพริ้วตามสายลมนั้นได้
อื้ม.........สดชื่นจัง  ความรู้สึกฉันเกิดขึ้นทันทีที่ลมพัดผ่านร่างไป
ฉันนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง


ในมือฉันกำผ้าเช็ดหน้าผืนน้อย สีฟ้าหวาน ไว้อย่างแน่น
ที่ตอนนี้แม้สีของมันจะดูจืดจางลงไปบ้างก็ตามที


ฉันยืนขึ้น มือจับชิงช้าไม้ผุๆอันหนึ่ง ที่ผูกโยงอยู่ใต้ต้นไม้นั้น
มันทำให้ความคิดฉัน จดจ่อถึงอดีตได้นานหลายชั่วโมงเลยทีเดียว
ฉันนั่งตรงนี้นานมาก............... นานพอที่จะลืมเรื่องราวของโลกภายนอกได้


นานแล้วสินะ..... ที่ฉันไม่ได้มาที่แห่งนี้........ กี่ปีแล้วน่ะ
ฉันจำไม่ได้แน่นอนเท่าไหร่นักหรอก
แต่สำหรับอดีตที่ผ่านไปนั้น มันกลับไม่ได้ลางเลือนตามวันเวลาเลย..............


	.................................................................


"นี่ไม่ไปเล่นหรอ"  เสียงเด็กผู้ชายอายุประมาณรุ่นเดียวกันทักทายฉัน
เจ้าของเสียงสวมเสื้อสีส้มสดใส  แต่เต็มไปด้วยทรายและดิน เปื้อนไปหมด
ใส่กางเกงยีนส์ขาสั้น  รองเท้ารัดส้นเรียบร้อย 

" ไม่รู้จะเล่นกับใคร........ฉันไม่รู้จักใครเลย" ฉันตอบด้วยเสียงอ่อยๆ

"ไม่เป็นไร .....ไปเล่นกับฉันก็ได้........ มาสิ" ไม่พูดแต่ปากเท่านั้น
มือน้อยๆจับมือของฉัน วิ่งไปที่ลานกองทราย

"นี่ของเล่นฉัน...... ให้เธอเล่นด้วย  เธอชื่ออะไรหรอ ฉันชื่อ..... ดล"

" ฉันชื่อ.... แพร ทำไมของเล่นเธอเยอะจัง" ฉันถามด้วยความสงสัยทันที
มีทั้งรถ 3-4 คัน  และมีหุ่นยนต์อีกมากมายหลายตัว
ในขณะที่ในมือฉันมี.......... ลาล่า แค่ตัวเดียว


ลาล่าเป็นตุ๊กตาผู้หญิง....... สวมชุดลูกไม้สีชมพู ................ผมก็ผูกโบร์สีชมพู
ตัวของลาล่า นุ่มมาก............ ฉันมักกอดลาล่านอนด้วยประจำ 
แต่ตอนนี้ลาล่าสกปรกจัง ถึงกระนั้นฉันก็ยังไม่ยอมปล่อยให้ลาล่าคลาดสายตาอยู่ดี    ไม่เป็นไร เย็นนี้แม่ก็จะพาลาล่าไปอาบน้ำแล้วหละ เดี๋ยวลาล่าก็น่ารักเหมือนเดิม


"อื้ม........เล่นอะไรดีหละแพร" เสียงของดลปลุกฉันออกจากความคิดต่างๆ

"ก่อทรายดีกว่าน่ะ  ดลทำบ้านให้ลาล่าหน่อยสิ" ฉันบอกดล พร้อมยื่นลาล่าให้ดู

"โห .....ตัวโตเหมือนกันน่ะ " ดลพูดทันทีที่เห็นขนาดตัวของลาล่า
อันที่จริงมันก็ไม่ได้ใหญ่มากหรอก ก็พอดีมือฉันโอบกอด

"หรอ....." ฉันหน้าเศร้าลงเล็กน้อย คิดว่าถ้าลาล่าเล็กกว่านี้ ดลคงทำให้ได้

"ไม่เป็นไร............ ค่อยๆสร้างเดี๋ยวก็เสร็จ" ดลพูด  พร้อมรอยยิ้มใสใส

"จริงหรอ........งั้นเดี๋ยวฉันช่วย" ฉันยิ้มแฉ่ง เมื่อดลจะกลับมาสร้างบ้านให้ลาล่าอีกครั้ง
ฉันวางลาล่าไว้ใกล้ๆ และเริ่มลงมือช่วยดลสร้างบ้านของลาล่า


สร้างอยู่นานบ้านของลาล่าก็ยังไม่เสร็จ...............

"สงสัย....เราจะสร้างหลังใหญ่เกินไป" ดลพูดพร้อมเอามือเช็ดกับเสื้อที่มอมแมม

"อื้ม....   เสียดายจัง ลาล่าไม่มีบ้านอยู่เลย" ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเบา แต่ก็ยอมรับความจริง


เรานั่งมองดูทรายที่เป็นเค้าโครงบ้านกองนั้น
เราพยายามกันหลายครั้งแต่มันก็พังลงทุกที  ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร


"แพร ....แพร.....กลับบ้านได้แล้วลูกเย็นมากแล้วจ๊ะ" เสียงแม่เรียก ในมือนั้นถือตะกร้าที่ตอนแรกมีของเต็มไปหมด   ตอนนี้ฉันเห็นเพียงขวดน้ำ2ใบ และก็มองไม่เห็นน้ำแล้วด้วย

"ค่า...."ฉันรีบตอบรับคำแม่ทันที พร้อมกับคว้าลาล่ามากอด

"ดล ไปก่อนน่ะ แล้วพรุ่งนี้มาเล่นกันอีกน่ะ" ฉันหันมาบอกดล ด้วยคำพูดเร็วๆ

"อื้ม  ......แล้วเจอกันน่ะ" ดลรับปากฉัน พร้อมโบกมือบ้ายบายฉัน
ฉันโบกมือตอบกลับ แล้วรีบวิ่งไปหาแม่ทันที



เย็นวันต่อมาฉันก็มาเล่นกับดลอีก เราเล่นด้วยกันเป็นประจำ


และเพราะสวนสาธารณะมีเด็กมากมาย หลายแบบ
บางครั้งฉันโดนเด็กคนอื่นแกล้ง ดลก็จะมาคอยปกป้อง แม้ว่าจะตัวเล็กกว่าก็ตาม


ดลไม่เคยกลัวใครและก็ไม่เคยแกล้งใคร


หรือแม้แต่เวลาที่ฉันร้องไห้ เค้าก็จะคอยแหย่ให้ยิ้มหรือหัวเราะได้อีกครั้ง


ฉันชอบเวลาที่อยู่กับดลมาก ฉันค่อยๆเข้มแข็งขึ้นตามดล
ร้องไห้น้อยลง และรู้จักดูแลตัวเองไม่ให้ถูกแกล้งมากขึ้น..............

	.................................................................

วันนี้ฉันรีบวิ่งไปที่กองทรายเหมือนเคย
 แต่กลับไม่พบอะไรเลย... ไม่เห็นดลเลย

" แพร......แพร..........." เสียงของดลดังแว่วมา

ฉันหันหาเจ้าของเสียงรอบทิศทาง
และก็ไปสะดุดสายตาตรงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่


ใต้ร่มไม้มีร่างเด็กชายตัวน้อย โบกมือให้เห็น
ส่วนมืออีกข้างก็จับชิงช้าไม้ ที่ผูกโยงกับต้นไม้ใหญ่


ฉันรีบวิ่งไปหาดล ในมือก็ยังอุ้มลาล่าเช่นเคย
"โอโห   ไปเอามาจากไหนหรอดล"

"พ่อหาให้   เพิ่งผูกเสร็จเมื่อกี้เอง"

"หรอ   ดีจังเลย "

"แพรนั่งสิ เดี๋ยวดลจะไกวให้เอง"

"จริงน่ะ  งั้นเดี๋ยวเราผลัดกันก็ได้"

"อื้ม จับดีๆน่ะจะไกวให้แล้ว"

"จ๊ะ.." สิ้นเสียงตอบรับ ดลก็มายืนด้านหลัง
และก็เริ่มผลักชิงช้าเบาๆ


ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนล่องลอยไปมา
มองเห็นสวนได้กว้างมากขึ้น สูงๆต่ำๆ 
มีลมเย็นๆ ปะทะตัวให้สบายจริงๆ


"แพร...."เสียงดลเรียก ขณะที่ตัวเองก็ผลักชิงช้าไม่หยุด

"หือ..อะไรหรอ" ฉันตอบแต่ไม่ได้หันไปมองหน้าดล

"แพรยังอยากได้บ้านลาล่าอยู่มั้ย" 

"อื้ม...แต่ว่าไม่เป็นไรหรอก ให้ลาล่าอยู่กับแพรไปก่อนก็ได้"
ฉันบอกดล พร้อมกับจับลาล่าแน่นขึ้น

"งั้นเราจะหาบ้านให้ลาล่าน่ะ" 

"จริงหรอดล  ลาล่าต้องชอบดลมากแน่เลย"ฉันพูดและหันไปยิ้ม

"อื้ม เราสัญญา"  ดลพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูขึงขังจัง

เอ้............สัญญาคืออะไรน่ะ ฉันไม่รู้หรอก
แต่ก็เห็น ถ้าแม่สัญญาแล้ว ฉันก็จะได้ของนั้นมา
แสดงว่าลาล่าก็คงได้บ้านเหมือนกัน
 

ทั้งผมของฉันและลาล่าพริ้วไปตามลม 
บางทีเวลาชิงช้าย้อนกลับ ผมฉันก็ปลิวมาปกหน้า
ฉันต้องเอามือปัดไปปัดมาหลายหน เพื่อให้ผมออกจากหน้า


"ผมเข้าตาหรอ" ดลถามฉันพร้อมกับจับชิงช้าให้หยุดลง

"อื้ม วันนี้ลืมผูกผมมา " ฉันตอบดล ท้งที่มือก็ยังปัดผมที่ยังติดอยู่ที่หน้า

"เอางี้ เดี๋ยวเราผูกผมให้" 

"ดลมียางหรอ เราไม่เอายางรัดของน่ะ เวลาแกะมันเจ็บ" ฉันรีบบอก
เพราะนึกถึงตอนที่มัดผมกับยางรัดของทีไร ต้องร้องไห้ทุกที

"เปล่า ใช้นี่ต่างหาก" ดลล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าอ่อนในกระเป๋าออกมา

"ผูกได้ด้วยหรอ "ฉันถามด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยผูกด้วยผ้าเช็ดหน้า

"ได้สิ ผมแพรยาว ไม่หลุดหรอก" ว่าแล้วดลก็จัดการรวบผมฉัน
แล้วค่อยๆใช้ผ้าเช็ดหน้าผูกผมให้ อื้ม....ว่าไปมันเบากว่าตอนแม่ผูกให้อีก
ไม่รู้สึกเจ็บหรือว่าแสบเลยสักนิดเดียว


ฉันเล่นอยู่กับดลจนเย็น  เราผลัดกันเป็นคนไกวเปล
บางครั้งก็นั่งไปพร้อมกัน บางทีก็ยืนบ้างแต่มักมีผู้ใหญ่มาคอยห้าม


อันที่จริงทั้งฉันและดลก็ไม่รู้จักคนที่มาห้ามหรอก
แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง เพราะนึกถึงที่แม่บอกว่าให้เชื่อฟังผู้ใหญ่ อย่าดื้อ
สงสัยแม่ดลคงบอกเหมือนกัน เพราะดลก็ทำตามเหมือนกับฉัน


"ดล ต้องกลับแล้วน่ะ" ฉันบอกพร้อมกับหยิบลาล่าขึ้นจากชิงช้า

"หรอ    รีบกลับจังเลย เล่นด้วยกันก่อนสิ" ดลพูดเสียงอ่อยๆ

"ไม่ได้หรอก เดี๋ยวโดนดุแล้วแม่จะไม่ให้มาเล่นอีก"ฉันบอกดล
แล้วก็นึกถึงเวลาแม่ดุ  แม่น่ากลัวชะมัดเลยเวลาดุเนี่ย

"หรอ  อื้ม พรุ่งนี้มารอตรงนี้น่ะ"


	.......................................................

วันนี้ฉันมาก่อนดล ฉันนั่งเล่นชิงช้ากับลาล่าไปพลางๆ
นานจัง.......ฉันคิดในใจ เพราะไม่เห็นดลมาสักที


เวลาผ่านไป จนเย็นมากแล้วดลก็ยังไม่มา
ฉันคิดว่าวันนี้ดลคงไม่มาแล้วหละ จึงพาลาล่ากลับบ้าน


3วันแล้วที่ฉันมานั่งรอ แต่ ดลก็ไม่มา
ดลหายไปเลยจากวันนั้น
ดลหายไปไหนกันน่ะ 


ฉันมานั่งรอดลทุกวัน บางวันก็มีเด็กมาเล่นที่ชิงช้า
ฉันก็ต้องวิ่งไปบอกว่าเป็นของเรา
ถ้าดลมาต้องให้ดลเล่นด้วยน่ะ
แต่ยังไงก็ไม่เห็นดล มาทวงชิงช้าคืนสักครั้งนึง


หลายวันผ่านไป วันนี้ฉันยังมานั่งรอที่ชิงช้าพร้อมลาล่าเช่นเคย

"หนู  หนูชื่อแพรรึเปล่าจ๊ะ" ชายแปลกหน้าคนหนึ่งทักฉัน

"ค่ะ" ฉันตอบเพียงสั้นๆ และก็เห็นว่าแม่เดินมาที่ฉันทันที ที่ชายคนนั้นเดินมาทักฉัน

"มีอะไรหรอค่ะ" แม่เอ่ยถามชายคนนั้น ทั้งที่ยังเดินมาไม่ถึง

"อ๋อ เปล่าหรอกครับ คือว่าผมเป็นพ่อของดล"  พ่อของดลหรอ ฉันได้แต่นึกในใจ

"ผมเอาบ้านตุ๊กตามาให้ครับ"  พ่อของดลบอกแม่ฉัน พร้อมกับยื่นบ้านตุ๊กตามาให้ฉัน

มันเป็นบ้านไม้ใหญ่ชั้นเดียว แต่มีลายสลักสวยงามมาก
ฉันไหว้ขอบคุณ

"แล้วดลหละค่ะ ไปไหนหละค่ะ ไม่เห็นหลายวันแล้ว" แม่ถามคำถามที่ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน

"คือว่าเค้า  ................... " พ่อดลพูดกลับแม่พักหนึ่ง แล้วนิ่งไปทั้งคู่

สักพักฉันก็เห็นแม่ตาแดง และพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ
"เสียใจด้วยค่ะ เสียใจด้วยจริง" ฉันเห็นแม่เอามือเช็ดน้ำตา แม่ร้องไห้ทำไมน่ะ

"แม่เป็นอะไรหรอจ๊ะ" ฉันลงจากชิงช้ามาจับมือแม่ไว้

"แพร ไปหาดลกันมั้ยลูก" แม่ถามฉัน ทั้งตาที่แดงกร่ำ

"ไปค่ะ ดีจังเลย ไม่ได้เจอตั้งหลายวันแล้ว" ฉันรีบไปหยิบลาล่ามา



	.............................................................



บ้านดลแปลกๆจัง เป็นลานหญ้ากว้างมาก
มีป้ายหินอะไรเต็มไปหมดเลย แต่ก็ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยดีจัง


พ่อดลพาฉันกับแม่เดินอยู่พักหนึ่ง
แล้วมาหยุดตรงที่หน้าป้ายหินอันหนึ่ง มีรูปดลด้วย
ป้ายหินของดลหรอ เอ้.........แล้วดลหละไม่เห็นมีเลย


"แพร.......ดลนอนอยู่ในนี้น่ะลูก" แม่บอกฉันพร้อมเสียงสะอื้นอีกครั้ง
พ่อของดลก็หันหลบหน้าไปอีกทาง

"ดล  ๆ   อยู่ในนั้นหรอ ไม่อึดอัดหรอ ตื่นสิ มาเล่นกันเถอะ" ฉันตะโกนเรียกดลให้ออกมา
แต่ไม่มีเสียงตอบจากดลเลย ไม่มีเลยสักคำ

"ดลออกมาไม่ได้หรอกลูก"  แม่บอกฉัน  ฉันไม่เห็นเข้าใจเลย

"ดลจะไม่เล่นกับแพร แล้วหรอคะ" ฉันถามเสียงสั่น

"จ๊ะลูก" แม่ตอบพร้อมกับก้มหน้าลง


ฉันวิ่งไปตีป้ายหิน พร้อมทั้งตะโกนเรียกดล

"ดลโกรธอะไรแพรหรอ   แพรไม่เอาบ้านแล้วก็ได้ ดลออกมาเล่นกับแพรน่ะ"
ฉันพูดไปร้องไป ในใจไม่อยากให้ดลโกรธ ไม่อยากให้ดลหายไป

"แพรเล่นชิงช้ากับดลก็ได้ ไม่เล่นบ้านตุ๊กตาก็ได้"   ฉันยังตีป้ายหินนั้นอยู่ ทั้งที่เจ็บมือ แต่ก็ไม่หยุดตี    ฉันอยากให้ดลตื่นมาเล่น ให้ดลหายโกรธ


แต่ที่เห็นคือแม่ยิ่งร้องไห้ และเดินมาดึงฉันออกจากป้ายหินนั้น

"แพร สักวันหนูจะเค้าใจ ว่าทำไมดลไม่ออกมาน่ะลูก"

"แล้วทำไมดล ไม่ออกมาบอกแพรหละคะ  ถ้าโกรธกันก็ต้องดีกันไม่ใช่หรอค่ะ"

"กลับบ้านเถอะลูก"แม่จูงมือฉันเดินกลับ ส่วนพ่อดลก็เดินตามมาห่าง
ฉันยังคงหันมองป้ายหินนั้นจน มองไม่ออกว่ามันคืออันไหนแล้ว

ไม่เห็นเข้าใจเลย ทำไมดลถึงไม่ออกมาบอกฉันว่าโกรธเรื่องอะไร


"หนูแพร ผ้าผูกผมนั้น......" 

"ของดลผูกให้เมื่อวันก่อนค่ะ หนูผูกมาทุกวันกลัวดลจะลืมหนู กลัวดลจำหนูไม่ได้  กลัวว่าจะหาหนูไม่เจอค่ะ"   ฉันตอบพ่อดล พร้อมกับเอามือจับผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าที่ทำเป็นที่ผูกผม  เหมือนกับที่ดลเคยทำให้เมื่อครั้งแรก

"ดลไม่มีทางลืมหรอหนู  เค้าจำหนูได้ตลอดชีวิต
  และเค้าก็ไม่มีทางโกรธหนูหรอก เพียงแต่เค้าออกมาเล่นกับหนูไม่ได้อีกแล้ว"
พ่อดลเงียบไปเล็กน้อย........

"เก็บผ้านี้ไว้ดีๆน่ะจ๊ะ จะได้นึกถึงดลได้" พ่อดลบอกฉันเป็นประโยคสุดท้าย
ก่อนที่จะแยกจากกันไปขึ้นรถของตัวเอง.................



	...............................................................



หลายปีผ่านไป ฉันเข้าใจอะไรมากขึ้น 
รู้แล้วว่าทำไมดลถึงไม่กลับมาเล่นกับฉัน

เค้าไม่ได้โกรธฉัน แต่เค้าจากฉันไป 
จากไปโดยไม่มีคำลาเลยแม้แต่คำเดียว

ทุกปีเมื่อตรงกับวันที่ดลไปจากฉันอย่างตลอดกาล แม่จะพาฉันไปหาดลประจำ
พร้อมกับดอกไม้สีสวยช่อเล็กที่ฉันสามารถถือได้ในตอนนั้น ไปวางไว้หน้าป้ายหิน

ป้ายหิน ที่ปิดทับดลเอาไว้ ไม่ให้ออกมาเจอกับฉันอีกต่อไป
ไม่ให้ดลมาเล่น มาคอยไกวชิงช้าให้กับฉันอีก

เมื่อตอนยังเด็กฉันคิดจะเอาป้ายนั้นออก ดลจะได้ออกมาเจอฉัน

แต่มันหนักมาก ขอร้องพ่อกับพ่อดลให้ช่วย ทั้งคู่ก็บอกเพียงว่าดลนอนอยู่
อย่าไปปลุกเค้าเลย  ทุกครั้งที่มาฉันต้องกลับไปพร้อมกับน้ำตา ที่ดลไม่ออกมาเล่นด้วยสักที


แต่ตอนนี้ ฉันกลับน้ำตาเอ่อเพราะคิดถึงเพื่อนที่แสนดีคนหนึ่ง
แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ แต่ดลเป็นคนเดียวที่ไม่เคยแกล้งฉัน ไม่เคยทำให้ฉันโกรธหรือร้องไห้เลย
เค้ามีแต่มอบรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะให้ฉันมาตลอด

สิ่งที่ฉันไม่ได้ยินวันนั้น วันที่พบพ่อดลครั้งแรก ฉันกลับไปถามแม่อีกครั้ง 
เมื่อผ่านไปหลายปี

แม่จึงเล่าสิ่งที่พ่อดลได้บอกในวันนั้นให้ฉันฟัง

"คือว่าเค้าหลับไปแล้วครับ เมื่อวันก่อนเค้าวิ่งไปซื้อกล่องเพื่อมาทำบ้านตุ๊กตา และโดนรถชน
  ก่อนที่จะโดนรถชนเค้าบอกว่า สัญญากับแพรว่าจะหาบ้านลาล่าให้ เค้าต้องรักษาสัญญาเหมือนที่ผมเคยบอกไว้
  เค้าบอกว่ายังไง แพรต้องรออยู่แน่ๆ  ที่ชิงช้าที่ผมมาผูกให้วันก่อน เค้าต้องรีบทำให้เสร็จ
  ดลมักพูดถึงหนูแพรบ่อยๆ บอกว่าหนูแพรผมยาวน่ารักดี นิสัยดี พูดเพราะ
  หลังที่ดลถูกรถชน เค้าก็หลับไป3วันแล้วก็จากไป ผมจึงตั้งใจทำบ้านตุ๊กตา โดยใช้ไม้แทน
  เพราะมันคงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ดลอยากทำมาก  ผมก็มาหาหลายวันแล้วแต่ไม่เจอ คิดว่าคงมาคนละเวลากัน "

นั่นคือคำพูดที่พ่อดล พูดกับแม่ แม่บอกว่าแม่ไม่เคยลืมเลย ไม่นึกว่าเด็กตัวเล็กจะคิดได้ถึงเพียงนี้

มันเป็นสัญญาที่บริสุทธิ์ สัญญาที่คงมั่นในคำพูด ไม่มีสิ่งใดแฝง มีแต่ความต้องการที่จะเป็นผู้ให้   เพื่อทำให้ใครสักคนมีความสุข


	............................................................................



ลาล่ายังคงอยู่กับฉันตลอดมา   ในบ้านไม้ บ้านที่มีดลอยู่ด้วยในความรู้สึกของฉัน

ผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าอ่อน ที่จางยังผูกอยู่บนผมฉัน ทุกครั้งที่ต้องการกำลังใจ
เพราะฉันรู้ว่าดล จะอยู่ข้างฉันเหมือนตอนเด็กๆตลอดไป

แม้วันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม ความทรงจำนี้ไม่มีวันลางเลือนได้เลย

มันเป็นความอบอุ่นทุกครั้งที่คิดถึงเด็กผู้ชายตัวน้อย ที่ร้องทักฉันในวันนั้น.....................				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปะการังสีเงิน
Lovings  ปะการังสีเงิน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปะการังสีเงิน
Lovings  ปะการังสีเงิน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปะการังสีเงิน
Lovings  ปะการังสีเงิน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงปะการังสีเงิน