29 พฤษภาคม 2548 14:24 น.

นิยายรักเรื่องหนึ่ง ( 5)

พระจันทร์สีชมพู

 หลังจากทานอาหารเช้าด้วยกันเสร็จนายตำรวจหนุ่มขอตัวกลับไปปฏิบัติหน้าที่ พร้อมกำชับสาวน้อยให้เธออยู่บ้านพักผ่อนด้วยความเป็นห่วง  ทรงวุฒิได้ทราบข่าวว่าสาวน้อยไม่ค่อยสบายจากพ่อของเขาที่ไปร่วมประชุมวางแผนอยู่กับพ่อของเป้ย เขาจึงรีบรุดมาเยี่ยมเธอที่บ้านทันที

น้องเป้ย...เป็นอะไรรึเปล่าครับ..เมื่อเช้าพี่ทราบข่าวจากคุณพ่อว่าเป้ยป่วย..พี่เป็นห่วงนะครับ ทรงวุฒิพูด

ค่ะ...ไม่สบายนิดหน่อย... กินยาแล้ว พี่นุจสั่งให้พักนะค่ะเลยไม่ออกไปไหน

ดีแล้วล่ะ..หักโหมมากๆ เดี๋ยวจะแย่นะ...

	ทรงวุฒิอยู่เฝ้าสาวน้อยจนเที่ยง  ซึ่งเป็นจังหวะที่นายตำรวจหนุ่มแวะเข้ามาหาสาวน้อยเช่นกัน เขาเห็นนายทรงวุฒิอยู่กับสาวน้อยก็รู้สึกไม่พอใจจนเก็บอาการไม่อยู่  เขารีบเดินตรงไปนั่งข้างๆ สาวน้อยก่อนกล่าวทักทายทรงวุฒิด้วยความไม่พอใจนัก

อ้าวคุณทรงวุฒิ...มานานรึยังครับ...ไม่ทำการทำงานหรือครับเนี่ย นายตำรวจหนุ่มกล่าวเหน็บแนม

ผมทำธุรกิจส่วนตัวครับ.เป็นนายตัวเอง..สำหรับน้องเป้ยผมเลยว่างเสมอ..ผิดกับบางคนนะครับที่เบียดบังเวลาราชการมาทำเรื่องส่วนตัวทรงวุฒิสวนกลับ

พอดีว่าคุณชาญชัยท่านไว่วานให้ผมมาดูแลน้องเป้ยนะครับเลยต้องหมั่นมาคอยดูเผื่อพวกแมวขโมย..เอ่ย!!มือปืนจะมาทำร้าย 

	ดูท่าสองหนุ่มจะไม่หยุดเถียงกันง่ายๆ แน่ สาวน้อยจึงรีบหยุดการเถียงกันก่อนจะกลายเป็นการวางมวยระหว่างประชนชนกับผู้พิทักษ์สันติราษฏรไปซะ

  ไปทานข้าวกลางวันกันดีกว่าคะ  สาวน้อยชวนสองหนุ่มทานข้าวด้วยกันที่บ้าน

 น้องเป้ยครับทานดีกว่า..ไข่เจียวดีต่อสุขภาพนะทรงวุฒิพูดพลางตักไข่เจียวใส่จานให้เธอ

นี่ดีกว่าครับเป้ย..ผัดผักรวมมิตร  กินแล้วไม่อ้วนด้วย นายตำรวจหนุ่มไม่ยอมน้อยหน้า
สองหนุ่มแย่งกันเอาอกเอาใจสาวน้อยตักกับข้าวให้เต็มจาน เขาทั้งคู่ยังคงเถียงกันต่อไม่หยุดจนเกือบจะวางมวยกันจริงๆ  สาวน้อยต้องรีบตีระฆังพักยก

โอ้ย...!!!หยุดเถียงกันซะทีได้มั้ยคะ..ไม่ต้องดูแลเป้ยขนาดนี้ก็ได้ค่ะเป้ยแค่ไม่ค่อยสบาย...ไม่ได้เป็นง่อยนะคะ

	หลังจากอาหารกลางวันเป้ยขอร้องให้สองหนุ่มกลับไปทำงานของตนเพราะเธออยากพักผ่อน  และไม่อยากเห็นทั้งคู่โต้เถียงกันอีก

	พี่นุจสังเกตเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของเป้ย เธอจึงเข้ามานั่งพูดคุยกับสาวน้อยให้เธอได้ละบายความในใจบ้าง

น้องเป้ย...จะเลือกใคร

เลือกใคร...?พี่นุจหมายถึงอะไรคะ

ก็ระหว่างคุณวุฒิกับผู้หมวดดลวัฒน์ไงล่ะ

พี่นุชก็ถามเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ซะอย่างนั้น  ผู้หมวดเข้ามีแฟนอยู่แล้วนะ...ส่วนพี่วุฒิเป้ยก็ไม่ได้คิดอะไร

ผู้หมวดเค้ามีแฟนแล้วก็เลิกได้..น้องเป้ยลองถามใจตัวเองดูรึยังว่าชอบเค้ารึเปล่า...อย่าโกหกตัวเองนะ..ไม่งั้นวันหลังจะมานั่งเสียใจร้องไห้ขี้มูกโป่งไม่ได้นะ

ถ้าเป้ยชอบเค้าแล้วจะทำอะไรได้...ในเมื่อเขาไม่ได้ชอบเป้ยซะหน่อย

อย่าแกล้งโงสิจ๊ะ...ถ้าเขาไม่ชอบเป้ยแล้วเค้าจะคอยมาหาเราทำไม่

	สาวน้อยนั่งคิดถึงคำพูดที่พี่นุชเตือนสติเธอ..แต่จะให้เธอทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอยังไม่แน่ใจเลยว่านายตำรวจหนุ่มคิดยังไงกับเธอ..เค้าอาจจะแค่ชอบไม่ได้รักเธอเหมือนอย่างที่เค้ารักน้ำฝนก็เป็นได้
	..............................................................................................

	 วันนี้พี่มุกเจ้าหน้าที่เทศบาลที่เธอสนิทชวนผู้กองกฤษณ์เพื่อนร่วมงานเธอมาแจกการ์ดแต่งงานแต่เช้า
สวัสดีจ๊ะเป้ย...

พี่มุกกับผู้กองมาแต่เช้าเชียวนะคะ..มีข่าวดีมาบอกใช่มั๊ยละ

รู้ดีจริงนะเรา...  ผู้กองกฤษณ์พูด

วันอาทิตย์นี้นะจ๊ะ...ต้องไปให้ได้ละ

แน่นอนอยู่แล้วค่ะ  พี่มุกกับผู้กองจะแต่งงานกันทั้งทีเป้ยหยุดหาเสียงให้คุณพ่อแค่วันเดียว...สบายมาก

	วันอาทิตย์คุณพ่อและคุณแม่ของสาวน้อยกลับมากจากการประชุมลับ..สาวน้อยจึงขออนุญาตไปร่วมแสดงความยินดีกับรุ่นพี่คนสนิททั้งคู่         สาวน้อยรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปร่วมงาน เมื่อเธอลงมาจากห้องก็ต้องประหลาดใจเมื่อเธอเห็นนายตำรวจหนุ่มกำลังนั่งคุยกับคุณพ่อของเธอในห้องรับแขก..แปลกที่วันนี้เขาแต่ตัวหล่อมาที่นี่ผิดกับทุกครั้ง  เธอคิดว่าเขาคงไม่ได้แวะมาปฏิบัติหน้าที่เหมือนเช่นทุกที
อ้าวยัยเป้ย...แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอ คุณพ่อทัก

	นายตำรวจหนุ่มหันมองข้างหลัง   สาวน้อยในชุดแซคสีครีมดูสวยสง่าและเป็นสาวมาก  ทำให้นายตำรวจหนุ่มตะลึงในความสวยจนตาค้าง

พี่หมวดค่ะ...พี่หมวด.. สาวน้อยเรียก

ครับ...ครับ

พี่หมวดมาทำไมคะเนี่ย
คือพ่อเป็นห่วงหนูน่ะ..ไปงานกลางค่ำกลางคืนกลัวว่าจะเกิดอันตรายเลยวานให้ผู้หมวดเขามารับไปด้วยกัน ก็ไหนๆ ก็ไปงานเดียวกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ คงไม่ได้รบกวนหมวดหรอกมั้งครับ....พ่อพูดพลางถามนายตำรวจหนุ่ม

ใช่ครับ...ไม่ได้รบกวนเลย..มันเป็นหน้าที่ครับที่จะต้องดูแลประชาชน นายตำรวจหนุ่มตอบก่อนหันมาส่งยิ้มให้

ดีครับ...งั้นฝากหมวดดูแลยัยเป้ยด้วยละกัน...ผมละไม่ค่อยไว้ใจเลยกลัวพวกไอ้ประสิทธิ์จะเล่นสกปรกกับแก

	นายตำรวจหนุ่มรับคำก่อนขอตัวพาสาวน้อยมาร่วมงานแต่งงานของพี่มุกและผู้กองกฤษณ์  งานแต่งงานถูกจัดขึ้นภายในหอประชุมใหญ่ของอำเภอ..มีแขกเรื่อทั้งนอกและในวงการตำรวจมาร่วมงานกันอย่างคราคั่ง  ที่หน้างานสาวน้อยและนายตำรวจหนุ่มได้พบกับแนนและผู้หมวดศุภกรพอดี  ทั้งหมดถ่ายภาพร่วมกับคู่บ่าวสาวแล้วจึงเข้าไปในงานด้วยกัน  ผู้หมวดศุภกรได้แนะนำแนนให้กับรุ่นพี่นายตำรวจคนอื่นๆ ได้รู้จักในฐานะหวานใจ...ทั้งคู่ดูมีความสุขกันมาก        นายตำรวจหนุ่มมองสาวน้อยที่กำลังคุยกับพี่ๆ ที่เธอรู้จักอยู่ เขาเดินไปจูงมือเธอออกมาจากวงสนทนาเพื่อจะแนะนำเธอให้กับรุ่นพี่ได้รู้จักบ้าง..พี่ๆที่ยืนคุยกับเธอเห็นนายตำรวจหนุ่มและสาวน้อยสนิทสนมกันขนาดนี้ก็ทราบได้ทันทีว่าทั้งคู่คงเป็นแฟนกันแน่ๆ  ทำให้สาวๆ ทั้งงานพากันอิจฉาเธอกันยกใหญ่

 เป้ย..มากับพี่ทางนี้หน่อยสิ

ไปไหนคะ..

เขาจูงมือเธอมายังกลุ่มเพื่อนของเขา

พี่ๆ ครับนี้..น้องเป้ย.. ครับ

ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเป้ย...จะรีบมีข่าวดีตามคู่วันนี้รึเปล่า นายตำรวจรุ่นพี่เอ่ยแซว

เปล่าค่ะ...เปล่า....คือเป้ยไม่ได้เป็น...สาวน้อยพูดอย่างตะกุกตะกักด้วยความเขิน

ก็ไม่แน่นะครับ...แต่ผมว่ารอให้พวกพี่แต่งกันก่อนดีกว่า  นายตำรวจหนุ่มรีบแย่งเธอพูดพลางจับมือเธอขึ้นมากุมไว้แน่น   สาวน้อยเอามือหยิกเข้าที่พุงของนายตำรวจหนุ่มก่อนกระซิบต่อว่าเขา

นี่..คุณ...ใครจะแต่งงานกับคุณไม่ทราบคะ..ฉันไม่ใช่คุณน้ำฝนของคุณนะ
นายตำรวจหนุ่มทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ยียวนสาวน้อยก่อนจะชวนรุ่นพี่คุยเรื่องอื่นๆ ต่อไปโดยไม่ยอมปล่อยเธอให้ห่างตัวเลยตลอดทั้งคืน  

	พิธีลอดซุ้มกระบี่บรรยากาศดูโรแมนติกมาก   สาวน้อยมองพี่มุกเจ้าสาวแล้วก็อดดีใจแทนไม่ได้  เธอกระซิบกระทราบกับแนนว่าอิจฉาเจ้าสาวที่ได้ลอดซุ้มกระบี่แบบนี้

น่าอิจฉาพี่มุกจังเลยเนอะได้ลอดซุ้มกระบี่กับเขาด้วย..นี่ยัยแนนถ้าถึงงานเธอกับพี่กรต้องลอด9คู่แบบนี้เลยนะ

นี่ยัยเป้ย..ฉันแค่กำลังจะจบปี  2  นะยะ..ไม่ใช่กำลังจะจบปริญญาแบบเธอถ้าเธอรีบฉันให้เธอแต่งก่อนแล้วกัน

ผู้หมวดศุภกรได้ยินเป้ยและแนนคุยกันก็ขำ  ก่อนจะพูดแซวสาวน้อยขึ้นว่า

เป้ยเค้าได้ลอดซุ้มกระบี่ก่อนแนนอยู่แล้วละเค้าเรียนอีกแค่เทอมเดียวก็จะจบแล้วแต่แนนยังต้องเรียนอีกตั้ง 3ปี

แล้วพี่ดลคิดว่าจะเตรียมซุ้มกระบี่ไว้ให้ยังเป้ยลอดสักกี่คู่ดีคะ แนนรีบแซวนายตำรวจหนุ่มที่ยืนยิ้มอยู่

พี่ว่าสัก 12 คู่ไปเลยเป็นไง 

เวอร์ซะไม่มี..ใครเข้าจะไปลอดกับคุณด้วย...สาวน้อยรีบตอบแก้เขิน

	เมื่องานเลิกนายตำรวจหนุ่มขับรถพาสาวน้อยไปส่งที่บ้าน ระหว่างที่เขาขับรถไปนั้นเขาหันมามองสาวน้อยด้วยสายตาหวานเยิ้มอยู่ตลอดเวลาจนสาวน้อยรู้สึกเขิน   เขาจอดรถที่ข้างทางก่อนจับมือสาวน้อยขึ้นมาเพื่อจะบอกความรู้สึกในใจกับเธอ

เป้ย...เป้ยมีใครในใจรึยังครับ...

ถามแปลกนะคะวันนี้..เมารึเปล่า..ให้เป้ยช่วยขับมั้ย สาวน้อยพูดนอกประเด็นเป็นการแก้เขิน

กรุณาตอบให้ตรงคำถามด้วยครับ 

ดิฉันมีสิทธิ์ที่จะไม่พูดอะไรก่อนทนายจะมาถึง สาวน้อยเล่นมุก

	นายตำรวจหนุ่มจับมือเธอขึ้นมากุมไว้ที่หน้าอกของเขา...เพื่อจะสารภาพความในใจกับเธอ

เป้ยมีใครรึเปล่าผมไม่สนใจ...ผมโกหกตัวเองมามากแล้ว...ผมอยากบอกเป้ยว่าผม....

ห้าว....ว......ว...ว ง่วงนอนจังเลยค่ะ สาวน้อยหาวฟอดใหญ่ตัดบทก่อนนายตำรวจหนุ่มจะพูด

เจ้าเล่ห์จริงนะเรา   นายตำรวจหนุ่มบ่นพึมพำก่อนขับรถออกไป

	นายตำรวจหนุ่มส่งสาวน้อยถึงบ้านอย่างปลอดภัย..หลังจากเข้าบ้านไปได้สักครู่นายตำรวจหนุ่มก็ส่งข้อความทางโทรศัพท์มาถึงเธอเหมือนกับจะบอกอะไรบางอย่าง

...........หากความคิดถึงของผมลอยไป...ก็ขอให้คุณเก็บมันเอาไว้................

				
25 พฤษภาคม 2548 08:51 น.

นิยายรักเรื่องหนึ่ง

พระจันทร์สีชมพู

อย่าเพิ่งไปสิครับคุณ..คือเรื่องคืนนั้น..ผมขอโทษ..ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ น้ำฝนเธอใจร้อนไปหน่อย..ผมขอโทษแทนเธอด้วย

ไม่เป็นไรหลอกค่ะก็แค่เจ็บตัวแล้วก็อายนิดหน่อย..สาวน้อยประชด

คุณเป้ย..เราสงบศึกกันก่อนได้มั๊ย..ให้โอกาสผมบ้าง..ผมอยากคุยกับคุณดีๆ แบบที่คุณคุยกับคนอื่นๆ 

สาวน้อยรู้สึกเขินอ้ายกับประโยคที่นายตำรวจหนุ่มพูดแม้ว่าเธอจะรู้ว่าเค้ามีแฟนอยู่แล้วแต่เธอก็ห้ามหัวใจของตัวเองไม่ได้...นายตำรวจหนุ่มก็เช่นกัน..เขาจับมือเธอไว้ไม่ปล่อยจนผู้หมวดศุภกรและแนนเข้ามาพอดี

 อะแหม่..ยัยเป้ย.ไปส่งฉันได้แล้วละเดี๋ยวฉันจะกลับไปเรียนไม่ทันนะยะ 
	
               สาวน้อยรู้สึกอายเป็นอย่างมากเธอดึงมือออกจากอุ้มมือของนายตำรวจหนุ่มเขาไม่ยอมปล่อยก่อนทวนคำขอร้องของเขาอีกครั้ง   นะครับคุณเป้ย....
สาวน้อยยิ้มรับไมตรีด้วยใบหน้าแดงกล่ำก่อนรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

	เป้ยไปส่งแนนเพื่อนสาวที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร  สนามจันทร์  ตลอดเวลา 1 ชั่วโมงของการเดินทางแนนพยายามถามถึงความรู้สึกในใจที่เป้ยมีให้กับนายตำรวจหนุ่ม เป้ยสารภาพและปรึกษา      แนน  เธอรู้ดีว่านายตำรวจหนุ่มมีแฟนอยู่แล้วแต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ แนนอาสาสืบความลับเรื่องหัวใจของนายตำรวจหนุ่มจากเพื่อนซื้ของเขาซึ่งก็คือผู้หมวดศุภกรหวานใจของเธอให้  ทำให้สาวน้อยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

	ฝ่ายสองนายตำรวจหนุ่ม  ผู้หมวดศุภกรเห็นเพื่อนซี้ของเขาสนอกสนใจในตัวของสาวน้อยจึงถามเพื่อนในเชิงเตือนสติ

นายชอบน้องเป้ยเหรอ..ไอ้ดล..?

ไม่รู้ว่ะ...จะว่าชอบก็ไม่ใช่..แต่รู้สึกอยากคุยด้วยอยากเห็นหน้า..ก็เท่านั้น

อย่างนั้นน่ะเขาเรียกว่าชอบ...แล้วกับคุณฝนล่ะนายจะเอายังไง

เราว่าเรารักน้ำฝนนะ...

ถ้ารักทำไมนายถึงไม่หมั้นกับเธอจะต้องคิดมากอะไร..

ไม่รู้สิ..รู้สึกยังไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง..

ถ้างั้นนายก็ควรจะถามใจตัวเองให้ดีว่ารักคุณฝนจริงๆ หรือแค่ชอบที่เธอสวย..ก่อนที่นายเองจะเสียใจ

จะเสียใจเรื่องไรวะ..?

ก็เรื่องน้องเป้ยไงล่ะ...

	นายตำรวจหนุ่มฟังคำจากเพื่อนแล้วก็นอนครุ่นคิดอยู่อย่างนั้น  เขายังคงไม่สามารถตัดสินใจจะเลือกคบใครหรือเลือกไม่คบใครได้ทั้งนั้น..เขาคิดในใจแต่เพียงว่าเขารักน้ำฝน..แต่ก็รู้สึกชอบสาวเป้ยอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

      น้ำฝนแฟนสาวของนายตำรวจหนุ่มมาหาที่โรงพักและได้ทราบข่าวว่าเขาถูกยิงเธอจึงรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลทันที

ดล..ฝนรู้ข่าวจากโรงพักก็รีบมาหาดลทันทีเลย..ดลเป็นอะไรมากรึเปล่าคะ..

ไม่เป็นไรมากแล้วล่ะ อีก 2-3 วันก็กลับบ้านได้แล้วครับ..

คุณไม่เป็นไรมากก็ดีแล้วล่ะ..คือ....ดลคะ...ฝนมาทวงคำตอบ...

ฝนครับตอนนี้ผมไม่สบายขอให้ผมได้พักผ่อนก่อนแล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กันวันหลังได้มั้ย..เขาบ่ายเบี่ยง

ก็ได้คะ..แต่อย่าให้ฝนจับได้นะว่าดลกำลังจะเปลี่ยนไปเพราะเด็กบ้านนอกคนนั้น..

ผมหิวข้าวแล้วล่ะ.. นายตำรวจหนุ่มเปลี่ยนประเด็นไปเรื่องอื่น

เดี๋ยวฝนป้อนให้นะคะ...

	ในขณะที่น้ำฝนมาเฝ้าดูแลผู้หมวดดลวัฒน์ อยู่นั้น  ผู้หมวดศุภกรได้ชวนสาวน้อยมาเยี่ยมเพื่อนของเขาพอดีและทันทีที่เปิดประตูเข้าไปทั้งคู่ก็ต้องอึ้งกับภาพที่เห็น สาวไฮโซกำลังป้อนข้าวนายตำรวจหนุ่มทั้งสองคนพะเน้าพะนอราวกับเป็นคู่สามีภรรยากัน..สาวน้อยเห็นภาพบาดตามแบบนี้ก็รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย  แต่เธอก็พยายามเก็บอาการเพราะไม่อยากเสียฟอร์มให้ใครรู้ว่าเธอกำลังแอบชอบนายตำรวจหนุ่มอยู่  สาวไฮโซเห็นสาวน้อยมาเยี่ยมนายตำรวจหนุ่มเธอจึงรีบแสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเอาอกเอาใจนายตำรวจหนุ่มจนออกนอกหน้า  ฝ่ายนายตำรวจหนุ่มแม้จะรู้สึกอึดอัดใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้..ได้แต่ปล่อยให้เป็นไปตามเกมส์ของสาวไฮโซ  ผู้หมวดหนุ่มเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีจึงชวนคุยเพื่อลดความตึงเครียด

คุณฝนนั่นเอง..นึกว่าสาวสวยที่ไหน..พอดีผมชวนน้องเป้ยมาเยี่ยมไอ้ดลเป็นเพื่อนน่ะครับผู้หมวดออกตัว

ไม่ได้สิคะ..แฟนทั้งคนถ้าไม่มาเฝ้ากลัวว่าจะมีแมวขโมยมาคาบไปกินน่ะค่ะ สาวไฮโซตอบแล้วหันมามองสาวน้อยด้วยสายตาดุดัน

หมวดดลดูจะหายเร็วนะคะ..ได้พยาบาลพิเศษมาดูแลใกล้ชิดขนาดนี้ สาวน้อยพูดแกมประชด

นายตำรวจหนุ่มทำสีหน้าเบ้..เพราะรู้สึกไม่สบายใจที่อยู่รถไฟก็มาชนกัน

พี่กรคะเป้ยขอตัวกลับก่อนดีกว่า..เดี๋ยวต้องเขาไปที่สถานีน่ะค่ะ

เออ..งั้นพี่ขอไปด้วยคนนะครับ..เช้านี้พี่ว่าง.....เฮ้ยไอ้ดล..เราไปก่อนนะโว้ย..เอานี่ของเยี่ยม

ผู้หมวดศุภกรวางผลไม้ไว้ที่โต๊ะก่อนเดินตามสาวน้อยออกมาเพราะไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอใครและเพื่อตามมาปลอบใจสาวน้อยที่เขาสังเกตเห็นอาการของเธอที่เก็บไว้ไม่มิด

น้องเป้ย..เป็นอะไรครับดูหงุดหงิดจัง

ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่กร..เป้ยแค่จะรีบไปที่สถานี

แต่นี่เพิ่งจะแปดโมง..น้องเป้ยไปจัดรายการตอนเก้าโมงไม่ใช่หรือครับ

เออ..เอ...อ....อ สาวน้อยตอบไม่ถูกเธอถูกไล่จนมุมซะแล้ว

พี่ว่าไอ้ดลกับคุณฝนเขาเหมาะสมกันดีนะครับนายตำรวจหนุ่มแทงใจดำเพื่อสังเกตอาการของสาวน้อย

ค่ะ...เหมาะสมกันมาจนน่าจะแต่งงานกันไปไวๆ สาวน้อยพูดด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดแล้วขับรถออกไปทำงาน

	ผู้หมวดศุภกรสังเกตสีหน้าท่าทางของสาวน้อยก็พอจะเดาออกว่าเธอเองก็แอบชอบนายตำรวจหนุ่มอยู่ไม่น้อย..นี่คงเป็นปัญหาใหญ่ที่เมื่อต่างฝ่ายต่างปากแข็งและยังโกหกตัวเอง...เขาคิดว่าคงจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ปัญหานี้มีทางออกที่ดีที่สุด     ผู้หมวดหนุ่มย้อนกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งในตอนเที่ยงหลังจากที่น้ำฝนกลับไปแล้ว

เฮ้ยไอ้กร...นายพายัยเป้ยมาทำไมวะ

แล้วเราจะไปรู้ได้ไงว่าคุณน้ำฝนมาอยู่กับนายที่นี่

หมดกันเลยงานนี้..มีหวังคุณฝนตามประกบเราแจ..แล้วยัยเป้ยคงไม่คุยกับเราอีก

แล้วนายจะเอายังไง..พูดแบบนี้มันเหมือนจับปลาสองมือนะโว้ย

ก็ไม่รู้ว่ะ...งงกับตัวเอง..ถ้าเราเลิกกับคุณฝนเพื่อไปจีบยัยเด็กนั่น..แล้วถ้าเขาไม่ได้ชอบเรา..เราก็แห้วหมดดิวะ

เออ..ก็จับปลาสองมือมันก็อย่างนี้แหละ..อดทั้งคู่...

ไม่รู้เว้ย..ไม่อยากคิดว่ะ..ช่างมันเถอะเดี๋ยวค่อยว่ากัน..

เราว่าถ้าช้า..ตาอยู่จะมาคว้าพุงปลาไปกินนะ..

หมายความว่ายังไงวะ

ก็นายทรงวุฒิลูกชายของส.จ.กิจจาไง   เห็นเทียวไปเทียวมาหาน้องเป้ยที่
บ้านอยู่บ่อยๆ.....อย่าฟอร์มจัดนักเดี๋ยวจะเสียของรักไม่รู้ตัว อีกอย่างเราคิดว่านายอาจจะไม่แห้วก็ได้เพราะน้องเป้ยก็ดูจะชอบนายเหมือนกันน้า...แต่ก็วางฟอร์มไปงั้นแหละเพื่อความเหมาะสม....นายลองคิดดูให้ดีว่าใครจะเหมาะมาเป็นคุณนายนายตำรวจจนๆอย่างเรากันแน่

	ผู้หมวดศุภกรเตือนสติเพื่อนที่ปล่อยให้ความสวยมาบังตา..ตัวเขาเองไม่ได้มีอัคติอะไรกับน้ำฝนแฟนสาวของเพื่อนหากแต่เขาคิดว่าฐานะความเป็นอยู่ที่ต่างกันและอุปนิสัยส่วนตัวของสาวไฮโซอย่างน้ำฝนอาจจะทำให้เพื่อนของเขาต้องทุกข์ถนัดก็ได้หากต้องใช้ชีวิตร่วมกันในวันหน้า

	แม้ว่าผู้หมวดดลวัฒน์จะโชคดีในเรื่องหน้าที่การงานมากกว่าผู้หมวดศุภกรแต่เรื่องความรักเขากลับแพ้เพื่อนซี้อย่างหมดรูป เพราะผู้หมวดศุภกรและแนนกำลังมีความรักที่หวานชื่นเมื่อสารวัตรสนอง พ่อของแนนเปิดไฟเขียวให้เขาทั้งคู่คบกันเพราะเห็นว่าผู้หมวดหนุ่มเป็นคนมีความรับผิดชอบดีแม้เรื่องผู้หญิงที่มาติดพันจะมีบ้างแต่เขาก็พยายามเคลียร์ตัวเองให้สะอาดเอี่ยมในสายตาของว่าที่พ่อตาปืนโหดอย่างสารวัตรสนองได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาและแนนมีเวลามากพอที่จะช่วยกันจัดการหัวใจของคนทั้งคู่ให้ออกมายอมรับความเป็นจริงเสียที

	นายตำรวจหนุ่มพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลได้ไม่กี่วันก็ต้องออกมาปฎิบัติหน้าที่และเตรียมการรับมือกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดที่กำลังจะมาถึง  กว่า 2  เดือนก่อนวันเลือกตั้งเป็นช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างหนักทั้งต้องคอยสอดส่องไม่ให้มีการซื้อเสียงแล้วยังต้องคอยระวังและให้ความคุ้มครองกับผู้ลงสมัครรับเลือกในครั้งนี้ให้ปลอดภัยจากมือปืนรับจ้างด้วย

	สาวน้อยก็กำลังวุ่นวายอยู่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านายตำรวจหนุ่มจนไม่มีเวลาที่จะได้ฉลองวันเกิดอายุครบ 20 ปีของตัวเองเพราะคุณพ่อของเธอกำลังเตรียมการหาเสียงในการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ในครั้งนี้ด้วย  แม้ว่าจะมีดีกรีอดีต ส.จ.  4 สมัยซ้อนแต่ก็ไม่ได้ทำให้ทีมของคุณพ่อเธออุ่นใจเลยเพราะคู่แข่งคนสำคัญของคุณพ่อเธอนิยมวิธีการตุกติกและใช้กลโกงสารพัดซึ่งแม้แต่กฏหมายก็เอาผิดกับเขาได้ยาก   สาวน้อยและคุณพ่อจึงต้องคิดกลวิธีในการหาเสียงและป้องกันการเล่นสกปรกจากฝ่ายตรงข้ามอย่างหนัก    

	คุณพ่อไว้วางใจให้สาวน้อยออกรถหาเสียงเพราะรู้ดีว่าเธอเป็นที่รู้จักของชาวอำเภอนี้เป็นอย่างดีในฐานะของเยาวชนดีเด่นแห่งชาติและผู้ประกอบคุณประโยชน์แก่สังคม  สาวน้อยและคุณพ่อจึงขึ้นรถหาเสียงไปรอบๆ เขตการเลือกตั้ง  เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ที่สาวน้อยได้รับบทบาทสำคัญของการเป็นลูกสาวนักการเมืองอย่างจริงจังเธอถึงกับบ่นอุบที่ทั้งเหนื่อยแสนเหนื่อยขนาดนี้ แต่เธอก็ดีใจที่จะมีส่วนช่วยในความสำเร็จของคุณพ่อที่จะมาถึงในวันข้างหน้า

	นายตำรวจหนุ่มได้เห็นบทบาทความสามารถที่มากมายของสาวน้อยจนเขาเองอดชื่นชมไม่ได้  สาวน้อยดูเป็นผู้ใหญ่  มีความคิดและความรับผิดชอบอย่างที่เขาไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน  แม้ว่าทั้งคู่จะไม่ได้มีโอกาสได้พูดคุยกันแต่นายตำรวจหนุ่มก็จะส่งยิ้มทักทายเธอทุกครั้งเมื่อได้พบเธอในขบวนหาเสียงยามที่เขาออกตรวจท้องที่

	การหาเสียงเริ่มขึ้นเพียง 2 สัปดาห์ คู่แข่งคนสำคัญคือนายประสิทธ์  ทรงอิทธิ  ก็เล่นงานนายชาญชัย  อุดมพัฒนกิจ  พ่อของสาวน้อยทั้งการทำลายป้ายหาเสียงและใบปลิวโจมตีและที่ร้ายแรงไปกว่านั้นคือการข่มขู่หัวคะแนนและลอบทำร้ายพ่อเธอ  สาวน้อยรู้สึกเป็นห่วงพ่อและแม่ของเธอเป็นอย่างมาก  เธอจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับท่านผู้กำกับฯ  ทางโรงพักจึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยผลัดเปลี่ยนดูแลความปลอดภัยให้กับครอบครัวของสาวน้อยเป็นพิเศษ  ซึ่งในบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับคำสั่งก็มีนายตำรวจหนุ่มรวมอยู่ด้วย คุณพ่อของเป้ยแสดงความขอบคุณต่อท่านผู้กำกับฯ  และประทับใจในความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก

	สาวน้อยและนายตำรวจหนุ่มมีโอกาสได้พบปะกันมากขึ้นเพราะคุณพ่อของเธอสั่งให้เธออยู่บ้านไม่ต้องออกไปช่วยหาเสียงเพราะเกรงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับลูกสาวเพียงคนเดียว   ในขณะที่นายตำรวจหนุ่มก็ปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมาอย่างเคร่งครัด  เขาเทียวไปเทียวมาที่บ้านของสาวน้อยตลอดเวลา งานนี้นอกจากเขาจะได้ใกล้ชิดกับสาวน้อยมากขึ้นแล้วเขายังได้คะแนนนิยมจาก  นายชาญชัย  พ่อของสาวน้อยด้วย  ในฐานะของนายตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม

	1  เดือนก่อนการเลือกตั้งคุณพ่อและคุณแม่ของสาวน้อยได้จัดเตรียมการประชุมเพื่อปรับเปลี่ยนยุทธการในการหาเสียงและการป้องกันตัว  ทีมงานของคุณพ่อได้ไปประชุมกันที่ต่างจังหวัดเพื่อความปลอดภัย  ส่วนสาวน้อยต้องออกโรงหาเสียงอีกครั้งระหว่างที่คุณพ่อไม่อยู่ 1 สัปดาห์เพื่อกันการถูกโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม  โดยคุณพ่อของเธอได้ฝากฝั่งให้นายตำรวจหนุ่มช่วยดูแลเธอ 

เหนื่อยมั๊ยครับ..คนเก่ง  วันนี้ออกไปหาเสียงมาทั้งวันเลย.. นายตำรวจหนุ่มเข้ามาหาสาวน้อยที่บ้านในตอนเย็น

พอสมควรค่ะ....วันนี้ไม่ค่อยสบายตัว..ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ   สาวน้อยในท่าทางอิดโรยเธอไม่สนทนาอะไรให้ยืดยาวทั้งยังหมดแรงที่จะต่อล้อต่อเถียงกับนายตำรวจหนุ่มเหมือนวันก่อนๆ เธอจึงเดินขึ้นบันไดเพื่อไปยังห้องนอนชั้นบน  แต่ดูเหมือนว่างานนี้จะหนักเกินไปสำหรับสาวน้อย  เดินขึ้นบันได้ไปได้ไม่กี่ขั้นเธอก็เป็นลมหล่นบันไดลงมา...ทำให้นายตำรวจหนุ่มตกใจเป็นอย่างมาก..เขารีบเข้ามาอุ้มเธอแล้ววางเธอลงบนโซฟาในห้องรับแขกก่อนจะเรียกพี่นุจพี่เลี้ยงของเธอให้มาช่วยกันปฐมพยาบาล...

	นายตำรวจหนุ่มนั่งเฝ้าสาวน้อยทั้งคืนเธอมีอาการไข้สูงและสลบยังไม่ฟื้น..พี่นุจหลับไปนานแล้วเพราะก็ทำงานเหนื่อยไม่แพ้สาวน้อยเช่นกัน   นายตำรวจหนุ่มเฝ้าเช็ดตัวให้สาวน้อยทั้งคืนจนเขาเผลอหลับไป..กลางดึกคืนนั้น สาวน้อยฟื้นขึ้นมาเห็นนายตำรวจหนุ่มนอนหลับบนโซฟาข้างๆ เธอรู้สึกดีใจมากที่มีเขามาอยู่ใกล้และคอยดูแลเธอ...สาวน้อยอาการพอจะดีขึ้นบ้างเธอจึงลุกไปหายาทานเพราะกลัวว่าพรุ่งนี้จะไปหาเสียงไม่ไหวจะทำให้เสียงงานเสียการไปกันหมด  จากนั้นเธอก็หยิบผ้าห่มมาห่มให้พี่นุจ..และนายตำรวจหนุ่ม..แล้วเธอก็กลับมานอนพักผ่อนบนโซฟาตัวเดิม

	เช้าวันรุ่งขึ้นสาวน้อยลืมตาขึ้นมาเห็นใบหน้าของนายตำรวจหนุ่มอยู่ใกล้เขาเอามือลูบผมเธอเบาๆ เขามองหน้าสาวน้อยขณะกำลังหลับอย่างเอ็นดู จนสาวน้อยตื่นขึ้น

เอ้า..! ตื่นแล้วเหรอคนเก่ง..เป็นยังไงบ้างเจ็บตรงไหนบ้างรึเปล่า

ไม่เจ็บค่ะ...หายแล้ว...กี่โมงแล้วคะเนี่ย

แปดโมงเช้าแล้วล่ะ..คุณถามทำไมเหรอ..

แปดโมงแล้ว...ไม่ได้แล้วต้องไปหาเสียงแล้วละค่ะ...เดี๋ยวเสียงานกันหมด  สาวน้อยรีบลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อจะไปอาบน้ำแต่งตัว  แต่นายตำรวจหนุ่มฉุดมือเธอแล้วดึงเธอมานั่งบนตักในอ้อมแขนของเขา...

ผมให้พี่นุจโทรไปบอกคุณพ่อคุณแม่คุณแล้วว่าคุณป่วย.ท่านบอกว่าให้คุณพักจนกว่าจะหายแล้วค่อยไปทำงาน
สาวน้อยเขินอายกับท่าทีของนายตำรวจหนุ่มที่มีต่อเธอเช่นนี้ก่อนเอ่ยตอบเขาไปว่า

แต่เป้ยหายแล้วนี่คะ..ไปทำงานไหวแล้ว...

แต่ผมไม่ให้คุณไป... นายตำรวจหนุ่มกอดเธอไว้แน่น  ก่อนที่พี่นุจจะเดินยกข้าวต้มเข้ามาให้ในห้อง

อุ้ย...!!  ขอโทษทีค่ะ พี่วางข้าวต้มไว้ตรงนี้นะคะผู้หมวด..น้องเป้ย.พี่นุจวางถาดข้าวต้มแล้วรีบเดินออกจากห้องรับแขกไปด้วยความเป็นใจ

	สาวน้อยรู้สึกอายจึงต่อว่าต่อขานนายตำรวจหนุ่มยกใหญ่เพราะเธอเกรงว่าพี่นุจจะนำเรื่องนี้ไปบอกกับคุณพ่อและคุณแม่ของเธอ
 หมวด!! เมื่อไหร่หมวดจะปล่อยฉันซะที..เดี๋ยวพี่นุจก็เอาไปฟ้องพ่อจนได้ 
ผมกับพี่นุจเราตกลงกันแล้ว
อ๋อ...เดี๋ยวนี้ฮั๊วกันกระทั้งคนในบ้านฉันเลยเหรอสาวน้อยพูดพลางหยิบหมอนตีนายตำรวจหนุ่ม

	ทั้งสองหยอกล้อเล่นกันโดยต่างใช้หมอนตีกันไปตีกันมาจนบังเอิญเสียหลักล้มลงไปกันทั้งคู่ นายตำรวจหนุ่มรีบฉวยจังหวะบังเอิญจุมพิตเข้าไปที่แก้มของสาวน้อยและตาต่อตาก็มาประสานกันอีกรอบแต่ครั้งนี้ดูจะลึกซึ้งกว่าครั้งที่ผ่านมา.. ทั้งคู่เริ่มรู้ว่าต่างฝ่ายต่างมีความรู้สึกๆให้กัน..แต่แล้วก็มีอุปสรรคเข้ามาขวางเสียแล้วเมื่อเสียโทรศัพท์ของนายตำรวจหนุ่มดังขึ้น  เขาประครองสาวน้อยลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปนอกห้องรับแขกเพื่อรับโทรศัพท์  

	น้ำฝนแฟนสาวของเขาโทรมาต่อว่าที่ยังคงไม่ได้คำตอบเรื่องการหมั้นกับเขา 

ดลคะ..คุณออกจากโรงพยาบาลมาเดือนหนึ่งแล้ว..แต่คุณยังไม่ได้ให้คำตอบฝนเลย

คือ...ฝนตอนนี้ผมงานยุ่งมากเพราะจะมีการเลือกตั้ง...เดี๋ยวเราค่อยคุยกันได้มั๊ย

คงเดี๋ยวไม่ได้แล้วละค่ะดล...คุณใจดำมา 1 เดือนเต็มๆ ที่คุณไม่ติดต่อฝนเลย..นังเด็กบ้านนอกทำคุณเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้..ฝนคงจะไม่มีค่าสำหรับคุณแล้วใช่มั๊ย

ไม่นะฝน..คุณเป็นคนที่ผมรักนะฝน

ฝนชักไม่แน่ใจแล้วว่าดลยังรู้สึกเหมือนกับที่พูดอยู่หรือเปล่า..ฝนจะรอคำตอบจากคุณอีก 1 เดือนเท่านั้นนะคะ  ดลควรจะเลือกได้แล้วระหว่างฝนกับนังเด็กบ้านนอกนั่น

แฟนสาวไฮโซพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับว่าเธอกำลังร้องไห้..ก่อนเธอจะวางสายไป   สาวน้อยซึ่งแอบฟังนายตำรวจหนุ่มคุยโทรศัพท์กับแฟนสาวแล้วก็อดช้ำใจไม่ได้ที่เธอยังคงไม่ได้เป็นคนที่เขารักอย่างที่น้ำฝนเป็น เธอรีบเช็ดน้ำตาแล้วเดินเข้าไปนั่งในห้องเหมือนกับไม่ได้รู้ได้เห็นอะไร   ในขณะที่นายตำรวจหนุ่มเดินกลับเข้ามาด้วยสีหน้าที่เศร้าผิดกับเมื่อสักครู่ที่ทั้งคู่ยังสนุกสนานหยอกล้อกันอยู่

 หมวดเป็นอะไรไปค่ะ..ดูสีหน้าไม่ค่อยดี อย่าเครียดสิคะยิ้มเขาไว้แล้วโลกจะสดใสเอง  สาวน้อยพูดพลางทำหน้าทะเล้นและยิ้มหวานให้กับนายตำรวจหนุ่ม  

ขอบคุณครับ...เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้จริงๆ สาวน้อยเป็นเสมือนยารักษาแผลใจให้กับเขาในตอนนี้   

คุณเป้ย...เรียกผมว่าพี่เหมือนกับที่เรียกไอ้กรได้มั้ย...ดูสนิทสนมกันมากกว่านะ

ได้ค่ะถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่กวนประสาทเป้ยอีก..เราก็จะเป็นพันธมิตรกัน

ได้ครับ..ด้วยเกียรติของตำรวจไทยเลย... 

งั้นมาเกี่ยวก้อยสัญญากัน  

 ตกลง...

หมวดเกี่ยวก้อยสัญญาแล้วนะว่าเราจะเป็นพันธมิตรกัน

คุณเป้ยก็ต้องเรียกผมว่าพี่

ได้เลย....พี่หมวด  สาวน้อยตอบรับด้วยท่าทางทะเล้น..น่ารัก

	นายตำรวจหนุ่มสังเกตเห็นถึงตัวตนในหลายๆ แบบที่สาวน้อยแอบซ่อนไว้เธอเป็นทั้งเด็กน่ารักและผู้ใหญ่ที่รอบคอบในเวลาเดียวกัน นับได้ว่าเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ในตัวอยู่มาก  มันเป็นสิ่งดีๆ ที่เขาไม่เคยสัมผัสได้จากน้ำฝนแฟนสาวไฮโซมาก่อน  ซึ่งสาวน้อยกลายเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจให้คำตอบกับแฟนสาวได้ยากขึ้น
...........................................โปรดติดตามตอนต่อไป....................................
				
25 พฤษภาคม 2548 08:33 น.

นิยายรักเรื่องหนึ่ง

พระจันทร์สีชมพู

สาวน้อยรู้สึกอายและงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก เธอจึงขอตัวกลับบ้านก่อนโดยมีนายตำรวจคนสนิท
ผู้กองกฤษณ์เพื่อนร่วมงานของเธออาสาไปส่งที่บ้าน  สาวน้อยรู้สึกเจ็บในใจไม่น้อยเพราะเธอเองก็เริ่มรู้สึกชอบนายตำรวจหนุ่มอยู่เหมือนกัน..แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเธอก็ได้แต่ทำใจและเก็บงำความรู้สึกไว้ข้างในใจอย่างมิดชิด

	นายตำรวจหนุ่มเคลียร์ปัญหากับแฟนสาวและขอให้เธอกลับไปก่อน แต่สาวเปรี้ยวดื้อรั้นเธอไม่ยอมกลับและจะไปอาละวาดใส่สาวน้อยให้ได้  นายตำรวจหนุ่มอธิบายให้เธอฟังว่าเขาและสาวน้อยไม่ได้เป็นอะไรกันแต่สาวเปรี้ยวดูจะไม่เชื่อนัก..แต่สุดท้ายเธอก็อ่อนข้อลง  ก่อนจากไปเธอยื่นคำขาดเพียงว่าหาก นายตำรวจหนุ่มไม่ยอมตกลงหมั้นหมายกับเธอ  เธอจะเลิกคบกับเขา

	ทันทีที่จัดการปัญหาและส่งแฟนสาวกลับเสร็จสับ นายตำรวจหนุ่มก็รีบกลับเข้ามาในงานเพื่อจะมาขอโทษสาวน้อยหากแต่ว่าตอนนี้เธอไม่อยู่เสียแล้ว  หลังจากงานเลิกเขากลับไปนอนครุ่นคิดอย่างนักว่าจะตัดสินใจอย่างไร ประเด็นสำคัญของการปฏิเสธการหมั้นในครั้งนี้คือเขายังคงรักชีวิตวัยหนุ่มที่เป็นอิสระ  ไม่อยากให้ใครมาผูกมัดหรือจำกัดสิทธิและเสรีภาพทางจิตใจของเขา



	เช้าวันรุ่งขึ้นเหตุการณ์เมื่อคืนกลายเป็นประเด็นสนทนาไปทั่วโรงพัก  งานนี้ผู้กองกฤษณ์กลายเป็นฮีโร่เข้ามาปกป้องสาวน้อย  ส่วนนายตำรวจหนุ่มกลายเป็นคาสโนวาที่เจ้าชู้จนเกิดเรื่อง  ทุกคนต่างพากันเข้าใจว่า
ผู้กองกฤษณ์และสาวน้อยชอบพอกันด้วยความที่ทั้งคู่ทำงานร่วมกันและไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้งทั้งที่จริงแล้วสาวน้อยกำลังทำหน้าที่แม่สื่อผสานรักระหว่างพี่มุกเจ้าหน้าที่เทศบาลคนสวยกับผู้กองกฤษณ์อยู่ต่างหาก   ในขณะที่นายตำรวจหนุ่มไม่ค่อยสบายใจนักที่ทำให้สาวน้อยต้องเดือดร้อนเพราะเขา  

	นายตำรวจหนุ่มพยายามโทรหาสาวน้อยแต่ก็ไม่มีคนรับสายเพราะเธอกำลังโกรธที่เขาปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเธอ  ตลอดทั้งวันนั่งเฝ้ามองหน้าโรงพักเพราะคิดว่าบางทีเธออาจจะมารับงานจากท่านผู้กำกับฯ  เวลาผ่านไปจนบ่ายแต่เธอก็ไม่มา  นายตำรวจหนุ่มตัดใจแล้วรีบกลับไปอาบน้ำที่บ้านพักเพื่อเตรียมตัวมาเข้าเวรตอน 4 โมงเย็น

	เวลา 5 ทุ่มเศษขณะที่เขากำลังนั่งครุ่นคิดปัญหาเดิมๆ อยู่ตลอดเวลาแต่ก็ยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้อยู่นั้น   เสียงวิทยุตำรวจจากสภ.อ.เมือง ก็ดังขึ้นแจ้งว่ามีเหตุลักพาตัวลูกสาวผู้มีอิทธิพลของจังหวัดกำลังมุ่งหน้ามายังเส้นทางในเขตรับผิดชอบของโรงพักนี้  นายตำรวจจึงเรียกลูกน้องตำรวจอีกกว่า 10 นายออกตั้งด่านสกัดจับคนร้าย..ถึงเขตรอยต่อระหว่างท้องที่ของโรงพักเขาและสภ.อ.เมือง นายตำรวจหนุ่มสังเกตเห็นรถยนต์คันที่ก่อเหตุกำลังมุ่งหน้ามาด้วยความเร็วและแหกด่านไป..เขาจึงสั่งให้รถตำรวจขับตามประกบและเบียดให้รถคนร้ายหมดทางหนี  รถคนดังกล่าวเสียหลังพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง  คนร้าย 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที่แต่อีก 2 คนที่นั่งเบาะหลังไม่เป็นอะไรมาก..รวมทั้งตัวประกันยังปลอดภัย  คนร้ายใช้ปืนจี้คอเด็กสาวเป็นตัวประกัน และเรียกร้องให้ตำรวจจัดรถยนต์คนใหม่มาให้ไม่งั้นจะยิงตัวประกันเสีย  นายตำรวจหนุ่มให้ผู้หมวดศุภกรซึ่งเป็นผู้สันทัดด้านการเจรจามาต่อรองกับคนร้าย เพื่อถ่วงเวลาและหาจังหวะเข้าชาร์ท  

 นายต้องการอะไร..พูดกันดีๆ และอย่าทำอะไรตัวประกันนะ

เอารถมาให้กู  ไม่งั้นอีนี่ตายแน่ 

รถจะจัดรถให้นายแต่นายต้องปล่อยตัวประกันไว้ที่นี่..

ปล่อยกูก็ตายนะสิ..ตำรวจอย่างคิดว่าโจรอย่างพวกกูจะโง่นะโว้ย..ไปเอ้ารถมา..เร็ว..

คนร้ายตะโกนแล้วกระชากตัวเด็กสาวให้กระชับเข้ามา  ในขณะที่ผู้หมวดศุภกรกำลังถ่วงเวลาคนร้ายอยู่นั้น  นายตำรวจหนุ่มและลูกน้องได้อ้อมไปทางด้านหลังเพื่อเตรียมเข้าชาร์ท  เขารอจนได้จังหวะก็บุกเข้าชาร์ทคนร้ายทันที  ผู้หมวดศุภกรรีบช่วยตัวประกันออกมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่สองคนร้ายก็ต่อสู้ขัดขืนอย่างสุดกำลัง  ตำรวจเพียง 3 นายกับคนร้าย 2 คน ดูจะเป็นงานที่หนักเกินไป  คนร้ายคนหนึ่งดิ้นหลุดจากมือของนายตำรวจหนุ่มแล้วรีบคว้าปืนอีกกระบอกที่เหน็บอยู่ที่เอวยิงใส่นายตำรวจหนุ่มทันที่  โชคดีที่เขาไหวตัวหลบได้ทันกระซุนจึงถูกเข้าที่แขนขวาเท่านั้น  นายตำรวจหนุ่มยิงตอบโต้คนร้ายจนได้รับบาทเจ็บในขณะที่กำลังเสริมที่เหลือก็เข้ามาช่วยกันจับตัวคนร้ายได้ทัน...

          ในเหตุการณ์ครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบาทเจ็บ 4 นาย คนร้ายบาดเจ็บ 2 คนและเสียชีวิตอีก 2 คน  ส่วนตัวประกันลูกสาวของนักธุรกิจชื่อดังผู้มีอิทธิพลอย่างกว้างขวางในจังหวัดสุพรรณบุรี นายประสิทธิ์  ทรงอิทธิได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัย

	แนนได้ทราบข่าวจากพ่อในคืนนั้นก็รีบโทรศัพท์ไปบอกเป้ยให้ทราบทันที  สาวน้อยรู้สึกเป็นห่วงนายตำรวจหนุ่มอย่างมาก  เธอได้ทราบข่าวเพิ่มเติมว่าหมู่โจพี่ชายบ้านใกล้เรือนเคียงของเธอก็ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ พอรุ่งเช้าเธอรีบรุดไปเยี่ยมนายตำรวจหนุ่มและหมู่โจที่โรงพยาบาลพร้อมกันแนนทันที

สาวน้อยแวะไปเยี่ยมหมู่โจ  เพื่อนบ้านคนสนิทของเธอก่อนจะเดินไปยังห้องของนายตำรวจหนุ่ม  เธอลังเลอยู่นานว่าจะเข้าไปเยี่ยมนายตำรวจหนุ่มดีหรือไม่  แนนซึ่งยืนมองเพื่อนสาวของเธอครุ่นคิดอะไรอยู่จึงพูดขึ้นเตือนสติเพื่อน

เป้ย..ถ้าแกเป็นห่วงเค้าแกก็เข้าไปสิ  มันไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรแค่แกมาเยี่ยมเขาในฐานะคนรู้จัก 

แต่เค้ามีแฟนแล้วนะแนน

แล้วแกเลิกเป็นห่วงเค้าได้มั้ยล่ะ...เอาเถอะน้า..แกบอกว่ามาเป็นเพื่อนฉันก็ได้

	แนนเปิดประตูเข้าไปแล้วกล่าวทักทายนายตำรวจหนุ่มและผู้หมวดศุภกรหวานใจของเธอ

สวัสดีค่ะ...เป็นไงบ้างคะพี่ดล..งานนี้เป็นพระเอกเลยน้า...

ก็ไม่เป็นอะไรมากล่ะครับเจ็บแผลบ้างนิดหน่อย..สงสัยว่าพระเอกจะแย่ซะแล้วเพราะขาดคนดูใจ

นายตำรวจหนุ่มพูดกระเซ้าแล้วมองมายังสาวน้อย

จะตายอยู่แล้วยังจะมาทำปากดีอีก  สาวน้อยบ่นอุบอิบ

อ้าว..คุณ..ไม่เป็นห่วงกันก็อย่างมาแช่งกันอย่างนี้สิครับ..

ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรซะหน่อย 

ฮั่นแหน่..เป็นห่วงผมเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ...

ฉันไม่ใช่แฟนคนสวยของคุณซะหน่อยจะเป็นห่วงคุณเรื่องอะไรนายตำรวจหนุ่มถึงกับอึ้งที่โดนสาวน้อยสวนกลับ  

ฉันกับแนนขอตัวไปซื้อโจ๊กมาให้นายก่อนนะ  ข้าวต้มโรงพยาบาลคงจะไม่อร่อย..นายสองคนคุยกันไปก่อนละกัน  ผู้หมวดศุภกรและแนนรีบขอตัวเพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้คุยกัน

อะไรกันล่ะ..พี่กรแล้วจะให้เป้ยอยู่กับนายหมอเนี่ยนะ..เป้ยไม่ได้มาเยี่ยมเค้าซะหน่อย..ไปด้วยสิ.. สาวน้อยโวยวายก่อนจะเดินออกไป  แต่นายตำรวจหนุ่มเอื้อมมือคว้าข้อมือเธอไว้ก่อน 
..........................โปรดติดตามตอนต่อไป...................................
				
25 พฤษภาคม 2548 08:18 น.

นิยายรักเรื่องหนึ่ง

พระจันทร์สีชมพู

ด้วยความสามารถที่สาวน้อยมีเธอจึงถูกทาบทามจากนายตำรวจรุ่นพี่ที่จัดรายการวิทยุด้วยกันให้มาช่วยสอนศิลปะป้องกันตัวให้กับเด็กๆ ในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่โรงพัก   
         และด้วยบุคลิกที่เธอเป็นคนคุยเก่งอัธยาศัยดีและออกจะลุยไม่เบาทำให้เธอเป็นที่รักของเด็กๆและผู้ที่ได้พบเห็นเธออยู่ไม่น้อย  สาวน้อยต้องมาที่โรงพักอยู่บ่อยครั้งทั้งเรื่องข่าวสารงานตำรวจที่เธอต้องนำเป็นเป็นข้อมูลในการจัดรายการวิทยุและงานสอนศิลปะป้องกันตัว  นายตำรวจหนุ่มจึงหมั่นคอยแกล้งคอยแซวเธออยู่เป็นประจำ  จนทั้งคู่การเป็นคู่กัดประจำโรงพักไปซะแล้ว 

 
 น้องๆ...จะไปไหนจ๊ะ..มาทำบัตรประชาชนใหม่เหรอ... นายตำรวจหนุ่มกล่าวแซวเมื่อเห็นสาวน้อยมาที่โรงพัก

นี่ !! คุณ  ฉันเป็นลูกคนโตค่ะ  ไม่มีพี่แล้วก็ไม่อยากจะมีด้วย..โดยเฉพาะพี่ที่ปากไม่ดีอย่างคุณ 

เอาอีกแล้วนะสองคนนี้เจอกันที่ไรต้องเถียงกันทุกทีเลย  ผู้หมวดศุภกรเข้ามาช่วยสงบศึก

ก็พี่กรดูซิคะว่าเพื่อนพี่เค้ากวนประสาทเป้ยแค่ไหน...

เอ้าไหนบอกว่าเป็นลูกคนโตไง...ทำไมมีไอ้กรเป็นพี่ได้ละครับ.. นายตำรวจหนุ่มพูดด้วยท่าทางที่ยียวน

นี่!!!  ฉันไม่คุยกับคุณแล้ว...กวนประสาทชะมัดเลย... สาวน้อยทำหน้าโกรธ  เชิดใส่นายตำรวจหนุ่มก่อนเดินขึ้นโรงพักไป
..



	เช้าวันเสาร์แม่ของสาวน้อยปลุกเธอขึ้นจากที่นอนอันแสนอบอุ่นแต่เช้าตรู่ เพราะมีงานสำคัญจะให้เธอช่วยเหลือ

 เป้ย..เป้ย...ตื่นเร็วๆลูก  วันนี้ไปที่ กศน. เป็นเพื่อนแม่หน่อย  ชวนแนนไปด้วยนะแม่มีงานให้ช่วยทำ 

 โฮ้..แม่  วันเสาร์ทั้งทีขอนอนต่อไม่ได้เหรอ..

ไม่ได้ต้องลุกเดี๋ยวนี้....  แม่เข้ามาฉุดสาวน้อยออกจากที่นอน

	เป้ยแวะไปรับแนนแล้วตรงไปที่ทำงานของแม่เธอ

แม่มีอะไรให้เราสองคนทำล่ะ 

ก็ผ.อ.สิรี  เขาเป็นคณะกรรมการจัดการประชุมสภาวัฒนธรรมของอำเภอเรา ป้าเขาอยากให้แนนกับเป้ยมาช่วยรำเปิดการประชุมให้หน่อย 

ฮะ..เป้ยกับแนนเนี่ยนะรำเปิดงาน...แม่ให้เราสองคนไปแบกโต๊ะจะเหมาะกว่ามั้ง 

จริงด้วยค่ะ...แนนรำไม่เป็นหรอกค่ะแม่ 


	แม้เธอและแนนจะช่วยกันปฎิเสธแต่ป้าสิริ  ผ.อ. ที่ทำงานของแม่เธอก็จับสาวน้อยทั้งสองมาหัดรำจนได้  งานนี้พวกเธอมีเวลาเพียง 2 สัปดาห์ จึงดูจะเป็นงานหนักสำหรับเธอสองคนไม่น้อย  โดยเฉพาะเป้ยที่ไม่ค่อยจะถนัดเรื่องแบบนี้เอาซะเลย......

          แล้ววันงานก็มาถึง...สองสาวในชุดไทยดูน่ารักและโดดเด่นเป็นอย่างมาก   ในงานของสภาวัฒนธรรมนี้มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานราชการของทุกหน่วยมาร่วมงานรวมทั้ง 2 นายตำรวจหนุ่มด้วย  แนนเดินเข้าไปในงานก่อนเป้ย  เพราะเธอมัวแต่เขินและตื่นเต้นที่จะต้องมาทำอะไรที่เธอไม่ถนัดแบบนี้  ผู้หมวดศุภกรรีบเข้าไปรับเธอมานั่งร่วมโต๊ะก่อนการแสดงจะมาถึง  นายตำรวจหนุ่มชะเง้อมองหาสาวน้อยเพราะทราบดีว่าเธอต้องมาร่วมงานนี้ด้วยแต่ไม่คิดว่าคนห้าวๆ อย่างเธอจะร่วมแสดงด้วย

น้องแนนแล้ววันนี้เพื่อนไม่มาด้วยเหรอคะ..นายตำรวจหนุ่มถาม

เป้ยเค้าเขินน่ะค่ะ  ยังทำใจไม่ได้ ..เค้าไม่ชอบทำอะไรแบบนี้นะค่ะ

น้องแนนสวยจังเลยนะครับ  ผู้หมวดศุภกรเอ่ยชมและมองแนนด้วยสายตามหวานช่ำ

             ยังไม่ทันที่นายตำรวจหนุ่มจะถามว่าเป้ยเขินเรื่องอะไรกับการมางานนี้..สาวน้อยก็เดินเข้ามาในงาน ทุกคนในงานหันมามองที่เธอเป็นสายตาเดียวกัน  นายตำรวจหนุ่มถึงกับตะลึง  เขาจำสาวน้อยเกือบไม่ได้เธอดูสาวสง่าและเป็นสาวผิดตากับที่เขาเคยเห็นเมื่อก่อน   ทรงวุฒิที่ติดตามคุณพ่อของเขามาร่วมงานนี้เห็นสาวน้อยจึงรีบลุกจะไปรับเธอแต่เขาก็ถูกนายตำรวจหนุ่มตัดหน้า  สร้างความไม่พอใจให้เขาเป็นอย่างมาก  นายตำรวจหนุ่มเห็นท่าทีเป็นเดือดเป็นแค้นของนายทรงวุฒิทำให้ทราบว่าเขากำลังจีบสาวน้อยอยู่   นายตำรวจหนุ่มจึงแสดงตัวกันท่าโดยการเดินไปรับสาวน้อยมานั่งร่วมโต๊ะทันที 

...ดูดีแปลกตาไปเยอะนะเรา..เค้ามีการโชว์ควักกะปิด้วยเหรองานนี้... นายตำรวจหนุ่มพูดกับสาวน้อยแบบกวนๆ ทั้งที่เขาอยากจะชมเธอแต่ก็ปากหนัก ไม่ยอมชม

จะถือว่านั่นเป็นคำชมแล้วกันนะคะ สาวน้อยหันมาตอบด้วยสีหน้าบึ้งตึง
	
                  ในขณะที่เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะนั้น  ชายผ้าถุงที่ยาวเกินไปทำให้เธอเดินไม่ถนัดจนสะดุดชายผ้าเข้า  นายตำรวจหนุ่มจึงโผเข้าประคองเธอไว้ในอ้อมแขนในขณะที่เธอกำลังจะล้ม  เมื่อตาต่อตามาประสานกันทั้งนายตำรวจหนุ่มและสาวน้อยก็รู้สึกใจหวิวๆในใจกันทั้งคู่

 ขอบคุณค่ะ..ปล่อยได้แล้วล่ะไม่ล้มแล้ว..สาวน้อยบอกนายตำรวจหนุ่มที่ยังคงตะลึงในความสวยและกอดเธอไว้แน่น

โทษทีครับ  นายตำรวจหนุ่มยิ้มแล้วประครองเธอเดินไปที่โต๊ะ

	ทรงวุฒิเห็นเหตุการณ์บาดตาบาดใจถึงกับทนไม่ได้เขาลุกจากเก้าอี้เดินตรงมาหาสาวน้อยและชักสีหน้าที่ไม่พอใจ..ยังไม่ทันที่สาวน้อยจะทักทายเขา  ทรงวุฒิก็รีบเดินออกไปจากงานทันที  

	งานในค่ำคืนนั้นผ่านไปได้ด้วยดี   การแสดงของทั้งสองสาวเป็นที่ชื่นชมของแขกในงานเป็นอย่างมากแม้จะฝึกมาน้อยแต่เธอทั้งคู่ก็ทำได้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายตาของนายตำรวจหนุ่มทั้งสอง  




	 เป็นเวลา 6 เดือนแล้วที่นายตำรวจหนุ่มมาปฏิบัติหน้าที่ที่โรงพักแห่งนี้และได้รู้จักกับเป้ย ซึ่งเป็นเวลา 6 เดือนเช่นกันที่เขาและแฟนสาวลูกสาวผู้กำกับฯสน.  หนึ่งในกรุงเทพไม่ได้พบหน้ากัน  วันนี้สาวไฮโซแฟนคนสวยของเขาโทรมาหาทำให้เค้ารู้สึกดีใจมาก

 ดล เหรอค่ะ  คุณสบายดีรึเปล่า...ฝนคิดถึงคุณมากเลย..มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย คุณเข้ามาหาฝนได้มั้ย 

ได้สิ..พรุ่งนี้ออกเวรแล้วผมจะไปหาคุณนะ

	นายตำรวจหนุ่มรู้สึกดีใจที่แฟนสาวไฮโซโทรศัพท์มาหาเขา   4 โมงเย็นของวันรุ่งขึ้นหลังจากออกเวรเขารีบขับรถไปกรุงเทพเพื่อไปหาแฟนสาวคนสาวตามนัด

มาแล้วเหรอคะดล 
ผมคิดถึงคุณจัง..คุณสบายดีรึเปล่า...ทำไมไม่แวะไปเที่ยวที่โรงพักผมบ้าง..
ฝนไม่ชอบต่างจังหวัดนี่คะ คุณก็รู้แล้วยังเลือกไปทำงานที่นั่นอีก
ก็ผมเลือกไม่ได้นี่หน่า...นี่ก็ใกล้ที่สุดแล้วนะ..ในกรุงเทพพวกที่เรียนดีๆ.เขาก็เลือกกันไปหมด 
ดลคะ..ฝนมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ
ผมว่าเราสั่งอะไรมาทานกันก่อนดีกว่า

	นายตำรวจหนุ่มสั่งอาหารมาทานกับแฟนสาวอย่างมีความสุข  โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องสำคัญที่แฟนสาวจะพูดด้วยเลยแม้แต่น้อย

ทานข้าวเสร็จแล้วฝนอยากไปไหนต่อ..ผมจะพาไป..เราไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันมานานแล้วนะตั้งแต่ผมฝึกงานจบจากโรงพักที่คุณพ่อคุณเป็นผู้กำกับไป..

ฝนว่าเรามาคุยเรื่องสำคัญของฝนกันก่อนดีกว่านะคะ..คือคุณพ่อของฝนท่านอยากให้เราหมั้นกันไว้นะค่ะ

อะไรนะครับ...หมั้นเหรอ..นายตำรวจหนุ่มถึงกับสำรักน้ำที่ดื่มอยู่เมื่อสักครู่  เขาคิดต่อไปว่าเขาและเธอเพิ่งคบกันได้ไม่นาน..หากมีการหมั้นเกิดขึ้น..ไม่นานคุณพ่อของเธอคงบังคับให้ทั้งคู่รีบแต่งงานกันซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาทำใจรับไม่ได้เพราะเขารู้สึกว่ายังใช้ช่วงชีวิตของวัยหนุ่มเป็นคาสโนวาเนื้อหอมได้ไม่คุ้มนัก

แต่ผมว่า..เราอย่าเพิ่งรีบเลยดีกว่านะครับ..คือผมยังไม่พร้อม 

คุณมีเหตุผลอะไรบอกฝนได้มั๊ย 

	นายตำรวจหนุ่มพยายามบ่ายเบี่ยงไม่อยากตอบคำถามของแฟนสาวเพราะเขายังไม่คิดไปไกลถึงขั้นจะแต่งงานกับเธอ  เขารู้สึกว่าสาวสวยคนนี้ยังมีอะไรให้เขาต้องศึกษาอีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิสัยที่เอาแต่ใจและออกจะมีความมั่นใจในตัวเองมากๆ ของเธอทำให้หลายครั้งที่เขารู้สึกไม่พอใจกับกิริยาที่เธอแสดงออกต่อสาธารณชน  อาจจะเป็นเพราะพื้นฐานทางครอบครัวที่แตกต่างกัน  สาวสวยเป็นลูกสาวนายตำรวจใหญ่ฐานะดีผิดกับเขาที่เป็นเพียงนายร้อยจนๆ เงินเดือนของเขายังไม่ได้ครึ่งของราคาเครื่องสำอางที่เธอใช้ด้วยซ้ำ  นั่นจึงเป็นสิ่งที่เขากลัวกับการใช้ชีวิตคู่ร่วมกับเธอในอนาคตข้างหน้าและทำให้เขาต้องคิดหนักกับการตัดสินใจครั้งนี้

	นายตำรวจหนุ่มไปส่งแฟนสาวที่บ้านก่อนขอตัวกลับโรงพักของเขาที่จังหวัดสุพรรณบุรีโดยที่เขายังไม่ได้ให้คำตอบกับแฟนสาว   ตลอดทางที่กลับสุพรรณฯ  นายตำรวจหนุ่มนึกทบทวนความรู้สึกตัวเองอยู่หลายครั้ง  และอยู่ๆ ก็มีภาพของสาวน้อยปิยพัชร์แวบเข้ามาในความคิดของเขา..เขาคิดว่าสาวน้อยก็เป็นคนที่น่ารักและน่าคบหา  และยังมีสาวๆอีกมากมายที่เข้ามาให้เขาเลือกเขายังไม่อยากจะปิดฉากชีวิตวัยหนุ่มด้วยการหมั้นหมายหรือการแต่งงานแม้ว่าเขาจะรู้สึกรักแฟนสาวอยู่ไม่น้อยก็ตาม
.


	วันที่  13  ตุลาคม ซึ่งเป็นวันตำรวจแห่งชาติ  ที่โรงพักมีการจัดงานเลี้ยงให้กับบรรดาข้าราชการตำรวจได้สนุกสนานหลังจากปฏิบัติหน้าที่กันอย่างแข็งขันมาตลอดทั้งปี  ซึ่งในงานวันนี้มีมอบโล่รางวัลให้กับบุคคลและหน่วยงานที่ช่วยเหลือในกิจการของตำรวจ  ซึ่งแนนและเป้ยก็ได้รับรางวัลนี้ด้วย

	นายตำรวจหนุ่มเฝ้ามองสาวน้อยและยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความชื่นชม..โดยเขาได้เผลอใจหลงรักสาวน้อยคนนี้ไปซะแล้ว ทันทีที่สาวน้อยเสร็จจากการถ่ายภาพที่ระลึกกับท่านผู้กำกับฯ นายตำรวจหนุ่มได้ลุกขึ้นจากโต๊ะของตัวเองเพื่อไปเชิญสาวน้อยมานั่งร่วมโต๊ะด้วย  โดยลืมไปว่าเขาและเธอเป็นพ่อแง่แม่งอนกันอยู่

	สาวน้อยรู้สึกแปลกใจกับท่าทีที่ดูเป็นมิตรของนายตำรวจหนุ่มเป็นอย่างมาก  เพราะที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยจะญาติดีกับเธอสักเท่าไหร่นัก...เจอหน้ากันทีไรก็มักจะแกล้งหรือแซวให้เธอโกรธอยู่เสมอ  แต่สาวน้อยก็ยิ้มรับไมตรีแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่นายตำรวจหนุ่มเลื่อนให้นั่งข้างๆ กับเขา 

น้องเป้ยเก่งจังนะครับนอกจากเป็นครูสอนศิลปะป้องกันตัวแล้วยังเป็นดีเจอีกด้วย ผู้หมวดศุภกรเอ่ยชม

ขอบคุณค่ะ..แนนเขาก็เก่งไม่แพ้กันนะคะคนนี้รำสวยมากๆอีกต่างหากสาวน้อยรีบแซวให้เข้าทาง

ครับ..ข้อนี้พี่รู้ดีว่าแนนทั้งสวยทั้งรำสวย.. แนนถึงกับเขินอายจนหน้าแดงที่ผู้หมวดศุภกรเอ่ยชมเธอ

	.ในค่ำคืนนั้นดูทุกคนจะคุยกันอย่างสนุกสนานผิดกับนายตำรวจหนุ่มที่พูดน้อยผิดปกติจนสาวน้อยเองก็สงสัย..แต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไร  นายตำรวจหนุ่มเขานั่งมองและสังเกตสาวน้อยทุกอิริยาบถ  เขาไม่รู้ว่าตัวเองเริ่มหลงเสน่ห์สาวช่างพูดคนนี้เข้าอย่างจังซะแล้ว และในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกสนานอยู่นั้น  น้ำฝนแฟนสาวของนายตำรวจหนุ่มก็บุกเข้ามาในงานเธอเห็นสาวน้อยและนายตำรวจหนุ่มนั่งคุยกันอย่างถูกคอจึงเขาไปต่อว่าสาวน้อยจนดังลั่นงาน

อ้อ..เธอนี่เองนะที่คิดจะแย่งแฟนชาวบ้าน.. สาวไฮโซเดินเข้ามาผลักสาวน้อยอย่างแรง

เดี๋ยวฝน...มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ... นายตำรวจหนุ่มรีบห้าม

ที่คุณไม่หมั้นกับฝนเพราะเด็กคนนี้ใช่มั๊ยคะ...

ไม่เอาน่าฝน..เราออกไปคุยกันที่อื่นดีกว่า... นายตำรวจหนุ่มรีบพาแฟนสาวออกไปสงบสติอารมณ์นอกงาน
				
24 พฤษภาคม 2548 19:19 น.

นิยายรักเรื่องหนึ่ง

พระจันทร์สีชมพู

เช้าวันจันทร์ที่แสนจะเร่งรีบผู้คนต่างออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อไปทำงาน  ผิดกับสาวน้อยที่กำลังนอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มผืนอุ่นโดยลืมไปสนิทว่าวันนี้เธอมีนัดส่งงานแต่เช้า  เสียงนาฬิกาปลุกดังครั้งแล้วครั้งเล่าแต่สาวน้อยก็เอื้อมมือไปปิด..จนเธอนึกขึ้นมาได้...แล้วหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา
ตายแล้ว...แปดโมงเช้าแล้วเหรอเนี่ย..  สาวน้อยอุทานก่อนรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่ง ด้วยความเร่งรีบเธอคว้าแฟ้มงาน  กุญแจรถและกระเป๋าสตางค์ออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว
	เธอขับรถมาที่สำนักงานเทศบาลเพื่อส่งงานวิจัยที่รุ่นพี่ที่เธอรู้จักว่าจ้างให้เธอช่วยทำให้  สาวน้อยรีบลุกออกจากรถแล้วคว้าแฟ้มงานและข้าวของออกไปโดยลืมสังเกตว่าระหว่างที่เธอรีบวิ่งกระหืดกระหอบเพื่อเอางานไปส่งนั้น  กระเป๋าตังค์ของเธอได้หล่นไประหว่างทาง
มาสายไป 5 นาทีนะจ๊ะเป้ย  เสียงรุ่นพี่ที่เธอนำงานมาส่งเอ่ยแซว
ขอโทษทีค่ะพี่มุกเมื่อคืนตรวจงานวิจัยเนี่ยะดึกไปหน่อย  ไม่อยากให้ผิดพลาดนะค่ะเลยตื่นสาย 
ขยันจริงนะครับ... ทรงวุฒิลูกชายส.จ.กิจจา  เพื่อนสนิทของคุณพ่อเธอเอ่ยทัก
อ้าว...พี่วุฒิมารับงานประมูลเหรอคะ..น่าจะแวะไปรับเป้ยบ้าง เป้ยจะได้ไม่ต้องเปลืองน้ำมันรถสาวน้อยหยอก
	ทั้งคู่สนิทสนมกันมากเพราะพ่อของเขาทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทและมีอุดมการณ์ทางการเมืองในทางเดียวกัน  ทำให้ทรงวุฒิสามารถเทียวไปเทียวมาหาสาวน้อยได้อย่างเปิดเผย  แม้ว่าเขาจะเพียรตามจีบและดีกับสาวน้อยเพียงใด  แต่เธอก็ไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับเค้านอกจากพี่ชายเท่านั้น 
	สาวน้อยได้รับสายเลือดนักการเมืองที่เข้มข้นจากคุณพ่อของเธอทำให้เธอมีความสนใจและชื่นชอบในสาขาวิชารัฐศาสตร์เป็นพิเศษซึ่งส่งผลให้เธอประสบความสำเร็จในการเรียนเป็นอย่างมากนอกจากเธอจะมุ่งมั่นเรียนในมหาวิทยาลัยเปิดชื่อดังแล้วเธอยังมีที่ว่าการอำเภอและสำนักงานเทศบาลของอำเภอนี้เป็นเสมือนกับมหาลัยแห่งที่สองของเธอในการศึกษาหาความรู้  สาวน้อยรู้จักกับผู้คนในหน่วยงานราชการทุกหน่วยงานของอำเภอเป็นอย่างดีเพราะเธอมักจะเข้ามารับจ้างทำงานวิจัยหรืองานเอกสารต่างๆอยู่เสมอ และการที่เธอมาช่วยงานแม่ของเธอที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนหรือ กศน. ยังทำให้เธอได้มีโอกาสรู้จักและได้รับความเอ็นดูจากผู้ใหญ่ในหน่วยงานราชการต่างๆ มากขึ้นอีกด้วย
	  ใกล้กับสำนักงานเทศบาล  นายตำรวจหนุ่มจบใหม่หมาดๆ จากรั้วสามพราน เดินออกมาจากบ้านพักหลังโรงพัก  เขาสังเกตเห็นของสิ่งหนึ่งตกอยู่ที่พื้น  นายตำรวจหนุ่มหยิบขึ้นมาดูทราบว่าเป็นกระเป๋าเงิน  จึงนำขึ้นไปแจ้งความและทำบันทึกประจำวันไว้ที่โรงพัก  เผื่อเจ้าของมาตามคืน  นายตำรวจหนุ่มสำรวจดูกระเป๋าสตางค์เพื่อตรวจหาเอกสารเกี่ยวกับเจ้าของกระเป๋า  เขาหยิบบัตรประจำตัวประชาชนในกระเป๋าใบนั้นออกมาดูแล้วอมยิ้มให้กับรูปบนบัตรที่เห็น 
 ชื่อ ปิยะพัชร์  อุดมพัฒนกิจ ...อายุประมาณ  20 ปี..เอ้ ! ทำไม่พกบัตรเครดิตหลายใบจัง......!! นายตำรวจบึมบำกับตัวเองขนาดตรวจดูกระเป๋าสตางค์
	หลังจากที่สาวน้อยพูดคุยกับพี่ๆ ที่สำนักงานและรับค่าจ้างสำหรับงานวิจัยของเธอเสร็จแล้ว เธอรีบตรงมายังรถเพื่อกลับไปเตรียมสคริปสำหรับจัดรายการวิทยุที่เธอเป็นดีเจอยู่  สาวน้อยมองหากระเป๋าสตางค์เพื่อจะนำเงินที่เพิ่งได้มาเก็บไว้  แต่ก็หาไม่พบ  เธอร้อนใจมากเดินหาจนทั่วบริเวณทั้งในรถและนอกรถก็ไม่เจอ  ด้วยความร้อนใจเพราะในกระเป๋าใบนั้นมีบัตรเครดิตอยู่ถึง  2 ใบ  เธอจึงรีบเดินขึ้นไปที่โรงพักซึ่งอยู่ติดกับสำนักงานเทศบาลเพื่อไปแจ้งความไว้ก่อน
สวัสดีค่ะอาจักร... สาวน้อยกล่าวทักทายนายตำรวจเพื่อนสนิทของคุณพ่อเธอ
เอ้า....ไปยังไงมายังไง  ถึงขึ้นมาโรงพักแต่เช้าเนี่ยะเรา..?
พอดีเป้ยทำกระเป๋าสตางค์หายนะค่ะ..มีบัตรเครดิตอยู่2ในนั้นเป้ยต้องทำยังไงบ้างคะ
	คุณอาจักรพาเป้ยไปทำบันทึกประจำวันและแจ้งอายัตบัตรไว้ แล้วอาสาเป็นธุระคอยตามเรื่องให้เผื่อใครจะเก็บมาคืน  โดยที่เขายังไม่ทันสังเกตเห็นบันทึกประจำวันของนายตำรวจหนุ่มที่แจ้งไว้ก่อนแล้ว   
เป้ยขอบคุณคุณอามากนะคะ  เป้ยขอตัวกลับก่อน.นะคะ
	สาวน้อยกล่าวขอบคุณแล้วรีบกลับบ้านเพื่อไปเตรียมงานดีเจและงานอื่นๆที่เธอรับมาอีกมากมายให้เสร็จทันเวลานัดส่งงาน   ตอนสายของวันเดียวกันคุณอาจักรโทรศัพท์ไปบอกกับเป้ยว่ามีคนเก็บกระเป๋าสตางค์ได้แล้วนำมาส่งไว้ที่โรงพัก  แต่คุณอาสารวัตรจักรินทร์ของเธอต้องออกพื้นที่   จึงอยู่เป็นธุระต่อให้ไม่ได้สาวน้อยจึงถามชื่อและเบอร์โทรของคนที่เก็บกระเป๋าได้เพื่อจะขอบคุณเขา  คุณอาจักรของเธอบอกของพลเมืองดีคนนั้นซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน  เป็นนายตำรวจหนุ่มที่มารับตำแหน่งใหม่ที่สภ.อ.แห่งนี้นี่เอง
เป้ย  เดี๋ยวอาต้องไปธุระ  เป้ยไปหา ร.ต.ต.ดลวัฒน์  พิทักษ์พงษ์  นะ  เค้าเป็นคนเก็บกระเป๋าของเป้ยได้ 
ขอบคุณค่ะอา  เดี๋ยวเป้ยจะรีบไปที่โรงพักนะคะ
......................................................
	สาวน้อยเดินเข้าไปถามหานายตำรวจหนุ่ม  ทราบว่าเขาทำงานอยู่ในห้องร้อยเวรสอบสวนจึงเคาะประตูเพื่อขออนุญาตเข้าไป
ก๊อก ๆๆๆ  ( เสียงเคาะประตู )
เชิญครับ....
เอ้า..สาวน้อยมาทำอะไรจ๊ะเนี่ย.. สารวัตรกิตติพงษ์ กล่าวทักทายเธอในฐานะคนรู้จักมักคุ้น
เป้ยมาหา....ผู้หมวดดลวัฒน์  น่ะคะ....
ผมเองครับ...นายตำรวจหนุ่มแนะนำตัว
คือเป้ยจะมาขอบคุณที่คุณเก็บกระเป๋าเงินของเป้ยได้น่ะคะ
อ้อ....คุณนี่เองคุณ....ปิยพัชร์  ทำไมรูปในบัตรฯกับตัวจริงไม่เห็นเหมือนกันเลยล่ะครับ 
นายตำรวจหนุ่มหลุดปากแซวสาวน้อยออกไปด้วยความไม่ตั้งใจเพราะรูปในบัตรฯกับตัวจริงต่างกันมากจริงๆ 
เอ๊ะ..คุณทำไมถึงมาค้นกระเป๋าคนอื่นอย่างนี้ล่ะ... สาวน้อยต่อว่านายตำรวจหนุ่มด้วยความไม่พอใจ  เพราะเรื่องบัตรฯ  เธออายมากที่ตอนทำบัตรเธอยังดูกะโปโลและขี้แหล่ว่าตอนนี้มาก
เอ้า..ถ้าผมไม่ตรวจดูจะรู้ได้ยังไงละครับว่ากระเป๋าเป็นของใคร....ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ เรา..
ฉันไม่อยากต่อความกับคุณแล้วเป็นอันว่าขอบคุณมากแล้วกันนะคะ...ขอตัว..! 
	สาวน้อยไหว้ลาสารวัตรกิตติพงษ์ แล้วหันมาแลบลิ้นใส่นายตำรวจหนุ่มก่อนจะรีบเดินออกไป  ท่าทางปั้นปึ่งของเธอทำให้ทุกคนในห้องถึงกับออกอาการขำเพราะเข้าใจดีว่าเธอทั้งโกรธทั้งอายที่นายตำรวจหนุ่มไปแซวถึงรูปที่เธอไม่อยากให้มีใครเห็น  
	ตกเย็นนายตำรวจหนุ่มสามทหารเสือ ประกอบด้วยพี่ใหญ่อย่างสารวัตรหนุ่มไฟแรงกิตติพงษ์  กับอีก 2 น้องใหม่ คือ ผู้หมวดศุภกรและผู้หมวดดลวัฒน์  ก็ออกมาเล่นกีฬาและบริหารเสน่ห์ด้วยการแจกยิ้มให้กับสาวๆ ที่มาออกกำลังกายและเดินเล่นที่สวนสาธารณะหน้าศูนย์ราชการแห่งนี้   ในขณะที่ทุกเย็นที่มีโอกาสสาวน้อยและแนนเพื่อนซี้ของเธอจะมาเดินเล่นและช่วยก้อยเพื่อนของเธอขายส้มตำอยู่เป็นประจำ วันนี้เป้ยได้เล่าเรื่องที่โดนนายตำรวจคนใหม่แซวให้แนนฟัง ดูเธอจะไม่พอใจเขาพอสมควร  เธอรีบบรรยายถึงท่าทางที่วางท่า  ของนายตำรวจหนุ่มให้แนนฟัง  แนนพอนึกภาพออกเพราะเธอเป็นลูกสาวนายตำรวจที่โรงพักนี้และเคยเห็นนายตำรวจใหม่ทั้งคู่มาบ้างแล้ว  สองสาวนินทานายตำรวจหนุ่มกันอย่างออกรสออกชาด  และเป็นจังหวะที่นายตำรวจทั้งสามคนมานั่งกินส้มตำที่ร้านของก้อยพอดี..
แนน  เป้ย..ดูโต๊ะพี่กิตติพงษ์ทีสิ..ก้อยยังไม่วางเลย.. เสียงก้อยร้องบอกเป้ยและแนนให้ช่วยดูแลแขก
แนน ฉันว่าแกไปเถอะ..ฉันไม่อยากถูกแซวอีก 
 สวัสดีค่ะอา..วันนี้จะกินอะไรดีคะ  แนนทักทายสารวัตรกิตติพงษ์
เอาเหมือนเดิมแล้วกันนะ...
ได้เลยค่ะ
	แนนจดรายการอาหารเสร็จก็ส่งให้กับก้อย  สักครู่หนึ่งส้มตำ  น้ำตกที่นายตำรวจสั่งก็เสร็จเรียบร้อยและคราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานเสิร์ฟอย่างสาวเป้ยแล้ว  เธอรู้สึกเกร็งๆ ที่ต้องไปเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะของนายตำรวจหนุ่ม
เอ้า..คุณปิยพัชร์...นี่เอง   นายตำรวจหนุ่มกล่าวทัก
เรียกว่าเป้ยก็ได้ค่ะ....
พวกนายเนี่ยโชคดีมากเลยนะที่ได้เยาวชนดีเด่นอย่างน้องเป้ยมาเสิรฟ์อาหารให้กินสารวัตรกิตติพงษ์พูด
คุณเป้ยเป็นเยาวชนดีเด่นเหรอครับ..ทำไมเก่งจัง..แล้วตอนนี้เรียนที่ไหน ปีอะไรแล้วครับ ผู้หมวดศุภกรถาม
สาวแป้งยิ้มอย่างเป็นมิตรเพราะผู้หมวดศุภกรดูไม่วางท่าและขี้แอ็คเหมือนกับผู้หมวดดลวัฒน์เพื่อนของเขา
เป้ยเรียนมหาลัยเปิดน่ะคะ  ปีหน้าก็จบแล้ว..
อะไรนะ..คุณเป้ยอายุเท่าไหร่ครับทำไมถึงจบไวจังเลย..
เป้ยลงทะเบียนเรียนเก็บหน่วยมาตั้งแต่ม.ปลายแล้วล่ะค่ะ  เป้ยอายุ 19 กำลังจะ 20 ปลายปีนี้แล้วค่ะ
เก่งจังเลยนะครับ...
	นายตำรวจทั้งสามชวนเป้ยและแนนนั่งร่วมวงสนทนาด้วยกัน  ตลอดการสนทนานายตำรวจหนุ่มพยายาม  ยียวนกวนประสาทสาวเป้ยอยู่ตลอดเวลาเพราะเขาชอบท่าทางของเธอเวลาโกรธที่ดีน่ารักดีพิกล
คุยกันได้สักพักหนึ่งสาวน้อยก็ขอตัวกลับบ้านเพราะใกล้ค่ำแล้วทิ้งให้สาวแนนและก้อยนั่งคุยกับสามตำรวจต่อ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพระจันทร์สีชมพู
Lovings  พระจันทร์สีชมพู เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพระจันทร์สีชมพู
Lovings  พระจันทร์สีชมพู เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพระจันทร์สีชมพู
Lovings  พระจันทร์สีชมพู เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพระจันทร์สีชมพู