30 มิถุนายน 2554 15:37 น.

ความหวังข้างเส้นพรมแดน

พีรเดช นวลสาย

เด็กหญิง	
	พรุ่งนี้ ฉันจะได้กลับบ้าน ทางการประกาศว่าอย่างนั้น เหตุการณ์ตอนนี้เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ไม่มีการยิงปะทะหนักๆ เหมือนเมื่อ 2-3 วันก่อน เขาว่ามันปลอดภัยพอที่เราจะกลับเข้าไปอยู่บ้านของเราได้เป็นปกติ ฉันดีใจมาก ฉันคิดถึงบ้าน แม่ พ่อ ยาย และน้องชายฉัน ทุกคนต่างก็บ่นคิดถึงบ้าน เราทิ้งบ้านของเรามากว่าสองสัปดาห์แล้ว ป่านนี้ ฝุ่นคงเกาะเต็มพื้นเรือน และเครื่องเรือนที่ถูกทิ้งไว้ กลับไปคงต้องปัดกวาดกันขนานใหญ่

	ฉันหวังว่าเจ้าเทาคงจะปลอดภัย มันเป็นแมวหนุ่มขนสีเทาตามชื่อ วันที่เรารีบเร่งเก็บข้าวของออกจากบ้านนั้น เจ้าเทาออกไปเที่ยวเตร่ตั้งแต่กลางคืนและยังไม่กลับกระทั่งเช้า ฉันจึงไม่ได้อุ้มมันมากับเราด้วย ป่านนี้มันคงกลับมาคอยที่บ้าน คงร้องเรียกหาฉันด้วยความหิว

	ฉันได้ยินว่าบ้านหลายหลังถูกลูกปืนใหญ่จนพังราบคาบ ก็ได้แต่นั่งสวดมนต์อ้อนวอนขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองบ้านของฉันให้รอดปลอดภัยด้วยเถิด ครอบครัวเรามีเพียงบ้านหลังเล็กหลังนี้ให้อาศัยหลบแดดฝน แม้จะเก่าโทรมแต่เราก็อยู่กันอย่างผาสุกตลอดมา ฉันสัญญาว่าต่อไปฉันจะไม่ขี้เกียจทำความสะอาด ไม่ขี้เกียจปัดกวาดอีก

	ฉันคิดถึงกับข้าวฝีมือแม่ อยู่ที่นี่ได้กินแต่อาหารที่ทางศูนย์อพยพแจก มันไม่อร่อยเท่าแม่ทำซักอย่าง ป่านนี้ยอดตำลึงริมรั้วคงทอดยอดยาวเต็มไปหมด ดอกแคคงบานสะพรั่งขาวโพลนเต็มต้น กลับไปฉันจะไปเก็บเอามาให้แม่แกงให้กินให้สมอยาก จะแบ่งน้ำแกงคลุกข้าวให้เจ้าเทาด้วย

	น้องชายของฉันร้องไห้กระจองอแงอยากกลับบ้านทุกคืน แม่ได้แต่ปลอบว่าพรุ่งนี้ก็ได้กลับแล้ว แต่เสียงปืนที่ดังสนั่นอยู่เป็นระยะนั้น ทำให้เรายังไม่สามารถกลับบ้านได้ วันแล้ววันเล่า จนกระทั่งวันนี้ ที่ทางการแจ้งว่าเราจะได้กลับบ้านกันแล้ว อย่างช้าก็ไม่เกินวันพรุ่งนี้  ฉันดีใจจนบอกไม่ถูก ช่วยแม่เก็บข้าวของเตรียมพร้อมที่จะเดินทางทันทีที่ได้รับสัญญาณว่าปลอดภัย

	พรุ่งนี้ ฉันจะได้กลับบ้าน แม่ พ่อ ยาย และน้องชายฉัน รวมทั้งเพื่อนบ้านทุกคนที่ต้องมานอนแออัด ด้วยความหวาดผวาอยู่ที่นี่ ก็จะได้กลับบ้านพร้อมๆ กัน คำประกาศของทางการนี้ ทำให้ทุกคนต่างมีสีหน้าสดชื่น เพราะจะได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ แม่บอกว่าจะทำกับข้าวใส่บาตรพระ ฉันอาสาจะเก็บยอดตำลึงและดอกแคให้ ถ้าได้เยอะจะแบ่งไปให้เพื่อนบ้านกินกันด้วย 

	ก่อนเข้านอนคืนนี้ ฉันนั่งสวดมนต์ค่อนข้างนานกว่าทุกวัน ฉันขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองเจ้าเทา คุ้มครองบ้านของฉัน และบ้านของเพื่อนบ้านทุกๆ คน ขอให้พวกเราได้กลับไปอยู่บ้านอย่างปลอดภัย และอย่าให้เราต้องกลับมาอยู่ที่นี่กันอีกเลย

	พ่อเฒ่า
	พ่อเฒ่าทรุดตัวลงตรงหน้าบ้านของแกที่บัดนี้กลายเป็นซากปรักหักพังจนแทบจำไม่ได้ วันที่แกจากไปนั้นมันยังอยู่สมบูรณ์ดีทุกอย่าง บัดนี้กลับต้องมานั่งมองซากบ้านที่แกอาศัยอยู่มาชั่วชีวิตผ่านดวงตาเปียกรื้น ตลอดแปดสิบกว่าปีที่ผ่านมา พ่อเฒ่าจำได้ว่ามีการสู้รบกันเกิดขึ้นหลายครั้งหลายหน แต่ก็ไม่มีครั้งใดที่ส่งผลกระทบต่อแกเท่านี้ แม้แต่ครั้งที่แกต้องเสียขาข้างหนึ่งเมื่อคราวหนุ่มฉกรรจ์แกก็ยังรู้สึกว่าสูญเสียน้อยกว่าครั้งนี้ซะอีก 

	พ่อเฒ่าเป็นชาวนามาทั้งชีวิต ตั้งแต่เกิดความเป็นลูกชาวนาก็ถูกบรรจุไว้ทุกลมหายใจเข้าออก แกครองชีวิตบนความสันโดษและรักสงบมาโดยตลอด จนวันหนึ่งลูกระเบิดก็มาตกใกล้ๆ ตรงที่แกกำลังดำนา พ่อเฒ่าเสียขาข้างหนึ่งตั้งแต่หัวเข่าลงไป แม้จะต้องยืนบนขาเทียม แกก็ยังยืนหยัดต่อสู้มาได้อย่างไม่เคยย่นย่อ พ่อเฒ่าคิดว่าถ้าต้องแลกด้วยขาเพียงข้างเดียวนั้นแล้วเหตุการณ์รุนแรงยุติลงได้แกก็ยินดียิ้มรับในความโชคร้ายไว้แต่เพียงผู้เดียว

                        แต่ครั้งนี้เล่า จะต้องแลกด้วยอันใดบ้างความรุนแรงถึงจะยุติ ตั้งแต่เกิดเหตุปะทะบนความไม่เข้าใจกันนั้น ก่อความเสียหายขึ้นมิใช่น้อยแล้ว ทหารหาญหลายชีวิตต้องหลั่งเลือดแห่งความจงรักภักดีต่อแผ่นดินไว้บนเส้นปักปันเขตแดนอันสับสนแห่งนี้ ประชาชนผู้เคราะห์ร้ายหลายครอบครัวต้องสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เป็นความสูญเสียบนรอยร้าวลึกที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น
พ่อเฒ่ามองซากปรักที่เคยเป็นบ้านให้อาศัยมาชั่วชีวิตของแกผ่านดวงตาเปียกรื้น บัดนี้แกก็แก่หง่อมผมหงอกขาวทั้งหัวแล้ว จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปตัดไม้ตัดจากมาซ่อมแซมก่อร่างสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ ทั้งยุคสมัยก็เปลี่ยนไปจากเก่าก่อน การสร้างบ้านหลังหนึ่งต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย ซึ่งก็เป็นสิ่งที่แกไม่มีและไม่รู้จะไปหยิบหาจากที่ไหนเช่นกัน

	ลูกชายคนเดียวของแกก็บ่ายหน้าหนีความข้นแค้นของชีวิตชาวนาไปทำงานที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่มันเรียนจบมัธยมต้น เป็นตายร้ายดีไม่เคยส่งข่าวกลับมาให้ได้รู้ ใจหนึ่งแกก็อยากให้มันอยู่ด้วยจะได้อาศัยเรี่ยวแรงหนุ่มแน่นช่วยกันสร้างบ้านหลังเล็กขึ้นมาใหม่ แต่อีกใจหนึ่งแกก็นึกดีใจที่มันไปอยู่ซะในที่ปลอดภัยไกลจากผลพวงแห่งความขัดแย้ง

	บรรดาญาติมิตรที่อยู่ตำบลอื่นเคยเอ่ยปากชักชวนแกให้ย้ายไปอยู่ด้วยกันห่างไกลจากพื้นที่อันล่อแหลม พ่อเฒ่าได้แต่ยิ้มและกล่าวขอบคุณในความหวังดีอันนั้น แต่แกยืนยันหนักแน่นว่าถึงแม้จะต้องตายก็จะขอตายบนแผ่นดินที่แกเกิดผืนนี้แหละ แกอยากรักษาแผ่นดินอันเคยซึมซับเอาหยาดเหงื่อและลมหายใจของปู่ย่าตาทวด แผ่นดินที่ตอบแทนความเหน็ดเหนื่อยด้วยผลผลิตอันงอกงามเอาไว้ ด้วยหวังว่าวันหนึ่งหากลูกชายคนเดียวของแกมีอันซมซานกลับมา อย่างน้อยมันจะยังมีที่ให้อาศัยหว่านกล้าเพาะปลูกเลี้ยงปากท้องอย่างที่บรรพบุรุษเคยนำทางไว้
	
	แม่ค้า
	เป็นเวลากว่าปีแล้วนับแต่เธอต้องหอบข้าวของลงจากเขา ซึ่งเคยยึดเอาเป็นที่ทำมาหากิน ด้วยการปักเสาไม้ไผ่ทำเป็นเพิงกันแดด และตั้งแคร่เล็กๆ ขายของกินของกินของใช้เล็กๆ น้อยๆ ให้นักท่องเที่ยวที่เคยเดินทางมาชมความมหัศจรรย์ของปราสาทโบราณที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง อันเป็นรายได้ที่เธอนำไปจุนเจือครอบครัว ทั้งส่งเสียลูกชายและลูกสาวให้ได้เรียนหนังสือ 

	แต่แล้ววันหนึ่งแผ่นดินตรงที่เธอและเพื่อนพ่อค้าแม่ค้าทั้งร่วมและต่างพรมแดนได้อาศัยทำมาหากินสร้างรายได้ประทังความขัดสนกลับลุกเป็นไฟบนเงื่อนปมแห่งความขัดแย้งรุนแรงจนไม่อาจตกลงกันได้ ต่างฝ่ายต่างอ้างกรรมสิทธิ์และนำกำลังทหารติดอาวุธเข้าครอบครองพื้นที่ การปะทะเกิดขึ้นและลุกลามกลายเป็นประเด็นใหญ่โต 

	พื้นที่ที่เคยเป็นแหล่งท่องเที่ยว และเป็นแหล่งทำมาค้าขายของเธอแปรเปลี่ยนเป็นสมรภูมิรบที่เธอหรือใครก็ไม่อาจทัดทานได้ นอกจากรีบหอบข้าวของหนีเอาชีวิตรอด เธอบอกกับเพื่อนแม่ค้าต่างพรมแดนหวังว่าเหตุการณ์คงสงบโดยเร็ว จะได้กลับมาทำมาค้าขายร่วมกันอีก แต่นับวันดูเหมือนความขัดแย้งยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เธอนั่งติดตามข่าวทางทีวีทุกวันพลางถอนหายใจด้วยความทดท้อ
	นอกจากความหวังที่จะได้กลับไปทำมาค้าขาย และพบปะเพื่อนร่วมอาชีพที่มาจากต่างพรมแดนจะมลายไปสิ้น หนำซ้ำความรุนแรงของการสู้รบยังส่งผลให้เธอต้องระเห็จจากบ้าน ไปหลบภัยยังศูนย์อพยพชั่วคราวที่อยู่ไกลออกไปอีกหลายสิบกิโลเมตร ข่าวการเสียชีวิตของทหารและประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อความไม่เข้าใจบนเส้นพรมแดนอันเปราะบางมีให้ได้ยินอยู่ทุกวัน เธอได้แต่เฝ้าภาวนาให้ชื่อที่ได้ยินนั้นเป็นรายสุดท้ายด้วยเถิด เธอไม่อยากได้ยินชื่อคนที่เธอรู้จักถูกประกาศเป็นรายต่อไป

	แม้จะค่อนข้างขัดสน เธอก็เคยตั้งเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ไว้ว่าจะส่งเสียลูกชายและลูกสาวให้ได้ร่ำเรียนจนจบปริญญา นำความภาคภูมิใจมาสู่เธอและวงศ์ตระกูล เธอวาดฝันถึงภาพลูกชายและลูกสาวในชุดข้าราชการอันสง่างาม เป็นเจ้าคนนายคนพ้นจากความยากลำบาก แต่ความฝันของเธอก็มีอันต้องสะดุด และถูกแทนที่ด้วยเสียงปืนแผดลั่น

	ข่าวในทีวีบอกว่ามันเป็นความขัดแย้งระดับประเทศ ก็ด้วยเหตุนี้แล้วทำไมผู้มีความรู้ระดับรับผิดชอบประเทศทั้งสองจึงไม่เจรจากันโดยสันติวิธีเล่า ขนาดคนความรู้น้อยแค่แม่ค้าแม่ขายอย่างเธอยังเจรจาความกับเพื่อนร่วมค้าต่างพรมแดนรู้เรื่องกันได้  เธอได้แต่เก็บความสงสัยและความคับข้องใจเอาไว้อย่างเจียมตนว่าเป็นแค่คนธรรมดาไร้ปากเสียงคนหนึ่งเท่านั้น อดทนรอจนกว่าเสียงปืนจะเงียบลง วันนั้นเธอคงได้สานต่อความฝันอีกครั้ง

	ลูกชาย
	เขาเป็นลูกชายคนเล็กของบ้านชาวนาที่มีโอกาสเรียนหนังสือและสอบเข้ารับราชการทหาร ด้วยความมีวินัย นอบน้อมและขยันขันแข็ง เขาจึงได้รับความเอ็นดูจากผู้บังคับบัญชา เมื่อครั้งแรกที่สวมเครื่องแบบกลับไปเยี่ยมบ้าน เขาเห็นรอยยิ้มปีติของพ่อ และเห็นน้ำตาแม่เอ่อท้นด้วยปลาบปลื้มเช่นกัน เขาลูกชาวนามีโอกาสรับใช้ราชการแผ่นดิน และทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดินอันเป็นเสมือนแม่ผู้ให้กำเนิดด้วยความภาคภูมิใจยิ่ง บนคำปฏิญาณที่หมายมั่นว่า หากแม้นต้องสละชีวิตเพื่อรักษาอธิปไตยแห่งแผ่นดินแม่นี้ไว้ก็ไม่คิดเสียดายเลยแม้แต่น้อย เพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลชาวนา

	ความใฝ่ฝันจะรับใช้ชาตินี้ติดตัวเขามาตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อแรกได้เห็นภาพของพ่อผู้ยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดินทรงฉลองพระองค์ในชุดทหารบุกตะลุยไปในป่าเขาห่างไกลความเจริญ เพื่อช่วยเหลือราษฎรของพระองค์ให้พ้นจากความเดือนร้อนโดยไม่ระย่อต่อความเหน็ดเหนื่อย-ภาพแล้วภาพเล่า นั่นเองทำให้เขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะเป็นข้าแผ่นดินอุทิศชีวิตรับใช้ชาติเพื่อตอบแทนความเหน็ดเหนื่อยของพระองค์ท่าน 
 
	ครั้นเมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้นที่พรมแดนด้านตะวันออก เขาก็ขันอาสามาทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของแผ่นดินอันเป็นที่รักทันที ก่อนมาสู่พรมแดนนั้นเขากลับไปไหว้พ่อกับแม่พร้อมขอชายผ้าถุงมาผูกเป็นตะกรุดห้อยคอ แม่อวยพรให้ลูกชายแคล้วคลาดจากภยันตราย ทั้งที่ในใจอยากทัดทานไว้ แต่ก็รู้ดีถึงหน้าที่อันสำคัญยิ่งของลูกชาย

	พ่อกับแม่นั่งเฝ้าหน้าจอทีวีทุกวันอย่างใจจดใจจ่อ ด้วยความเป็นห่วงลูกชาย เมื่อใดมีข่าวทหารบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แม่ก็ถึงกับลมใส่พับไป กระนั้นก็พอใจชื้นขึ้นมาได้เมื่อรู้ว่าลูกชายของตัวยังปลอดภัย ข่าวคราวการปะทะรบพุ่งดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง บนความสูญเสียที่ถูกติดตามรายงานทุกวัน แม่ได้แต่ภาวนาขอให้การต่อสู้นี้ยุติลงโดยเร็วเถิด ทั้งลูกของแม่และลูกของเพื่อนร่วมแผ่นดินทุกคนจะได้ปลอดภัย

                       เสียงปืนดังระรัวต่อเนื่องหลายคืนหลายวันที่เส้นพรมแดนอันเปราะบาง ทุกครั้งที่มันแผดเสียงคำราม นั่นหมายถึงโอกาสที่มันจะได้ดื่มกินเลือดในกายของทหารหาญไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งที่ต่างก็ดาหน้าเข้าประจัญบานกันตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา  กระทั่งเช้าวันหนึ่งทหารหนุ่มผู้กล้าก็นอนสงบนิ่งบนแผ่นดินที่เขารักและหวงแหน โดยมีธงชาติผืนใหญ่คลุมร่างเป็นพยานแห่งความกล้าหาญและความเสียสละ เขาได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ที่สุดแล้ว

	แม่ผู้ร้องไห้เปี่ยมว่าจะสิ้นใจกับข่าวร้ายในความสูญเสีย ทว่าน้ำตาที่เอ่อท้นนั้นก็อาบด้วยความภาคภูมิใจในเกียรติยศที่ลูกชายแห่งครอบครัวชาวนาได้กอปรไว้    

	เด็กหญิง
	เด็กหญิงสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก เพราะเสียงปืนที่ได้ยินมาแต่ไกล เธอหลับตาซุกหน้าลงกับหมอน และหวังว่ามันจะเป็นแค่ฝันร้าย ทางการแจ้งว่าการต่อสู้ยุติลงแล้ว พรุ่งนี้เธอจะได้กลับบ้าน พรุ่งนี้...				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพีรเดช นวลสาย
Lovings  พีรเดช นวลสาย เลิฟ 0 คน
Lovers  0 คน เลิฟพีรเดช นวลสาย
Lovings  พีรเดช นวลสาย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพีรเดช นวลสาย
Lovings  พีรเดช นวลสาย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพีรเดช นวลสาย