8 เมษายน 2552 16:51 น.

"ดึงจิต...........คิดให้สูง"

ภัทราภา

เกิดชาตินี้  เร่งทำดีกัน  ไว้เถิด
สัตว์ประเสริฐ  มนุษย์เลิศ  กันทั้งหลาย
อย่ามัวคิด  สร้างบุญดี  ก่อนวันตาย
ร่างสลาย  ช้าเร็วไว  ใครรู้ทัน


ไม่อาจสร้าง  บุญดี  ลบกรรมผิด
ที่ลดลิด ความเลว  ให้น้อยนั่น
เรื่องดีชั่ว  ล้วนแยก  ผิดแปลกกัน
คนละชั้น  เหมือนสวรรค์  อเวจี

เมื่อกาลก่อน  คงทำบุญ  อยู่เป็นนิจ
แม้จากจิต  คนละภพ  คนละที่
จึงเกิดมา  เป็นมนุษย์  สุขทวี
โอกาสมี  ทำความดี  นี้กว่าใคร

ให้รู้ซึ้ง  ถึงสิ่งควร  ปฏิบัติ
กฎบัญญัติ  ศีลทั้งห้า  ว่าไฉน
ข้อที่หนึ่ง  ไม่ทำลาย  ชีวิตใคร
สัตว์ใดใด  ก็ล้วนรัก  ชีวิตตน

ข้อที่สอง  ห้ามขโมย  คิดลักทรัพย์
จงสดับ  สร้างจิต  เป็นกุศล
จงพอใจ  ในที่สิ่ง  เป็นของตน
ไม่ฉ้อฉน  คดโกง  ของของใคร

ข้อที่สาม  ข้อนี้  ต้องยิ่งคิด
อย่าหลงผิด  ในกาม  จงจำไว้
อย่าไปหลง  ทำผิด  ลูกเมียใคร
ที่ทำให้  ต้องเศร้าใจ  ขมฤดี


ข้อที่สี่   ยั้งจิต   คิดก่อนพูด
มีหูรูด  ปากจะได้  ไม่มีสี
ไม่พูดเท็จ  เพ้อเจ้อ  เผลอวลี
พูดแต่สิ่ง  ดีดี  นี้มีคุณ


ข้อที่ห้า  ลดสุรา  กันเสียเถิด
เพราะจะเกิด  ความคิด  ที่หันหุน
ไม่ได้สร้าง  ความดี  แถมขาดทุน
จิตหมองขุ่น  ด้วยความเมา  เศร้าชีวิน


ศีลทั้งห้า  เป็นพื้นฐาน  แห่งชีวิต
ใครดึงจิต  ให้ทำได้  สุดถวิล
ปวงผลบุญ  จะเพิ่มพูน  เป็นอาจินต์
มาถือศีล  กันเถิด  เกิดเป็นคน
				
6 เมษายน 2552 22:02 น.

ป่าหิมพานต์

ภัทราภา

บรรพต  สูงตระหง่าน  เสียดทานฟ้า
เหมือนมนต์ตรา  ทาบทา  วังไอศูรย์
กวางเยื้องย่าง  เหยียบย่ำ  ดั่งอาดูร
ทวีคูณ  สรวงสวรรค์  พรรณรายณ์

สัตว์ทั้งหลาย  งามวิจิตร  พิศวง
ดั่งดำรง  เสกสรร  เพื่อมั่นหมาย
มัจฉาเงิน  ธาราทอง  มองพริ้มพราย
หอมกลิ่นอาย  ของพฤกษา นานาพันธุ์

บงกชทอง  น่ามอง  หมายพินิจ
สวยจับจิต  ดวงใจ  หทัยมั่น
กลีบระหงส์  ฝังมณี  สีอำพัน
ใบบัวนั้น  ลงลัก  สลักลาย

หมู่แมลง  โฉบชม  ดมเกสร
หมู่ภมร  หลบเร้น  ดั่งเช่นหาย
ลมพัดโบก  ดอกเอน  ดูพลิ้วพราย
น้ำค้างปราย  หยาดหยด  รดลงบึง

สาลิกา  โผบิน  จับกิ่งเกาะ   
เที่ยวลัดเลาะ  เถาวัลย์  ดั่งเป็นหนึ่ง
ส่งเสียงร้อง  ก้องพนา  เหมือนรำพึง
เปรียบประหนึ่ง  เหมือนบทเพลง  บรรเลงใจ



				
5 เมษายน 2552 11:29 น.

".ไร้ความเคลื่อนไหว!..."

ภัทราภา

ไม่ร้อนรนเร่งเร้ากระเซ้าจิต
ไม่คุ้นคิดเพ้อเจ้อละเมอฝัน
สงบนิ่งเยือกเย็นชะงักงัน

เหม่อมองมั่นห่างไกลสุดนัยต์ตา
เหมือนอาทิตย์หยุดแสงไม่อาจส่อง
ใบไม้ป้องหลีกลมกลัวหล่อนหา
เพียงเคลื่อนไหวน้อยนิดไม่นำพา
ดุจภูผาปักหลักสลักดิน

เงียบสงัด ดุจพับ นภากาศ
วิปลาสไร้ลมโบยบินสิ้น
เงียบสงัดดั่งอยู่ใต้ธรนินทร์
เข็มตกดินยังได้ยินถึงถิ่นไพร

เพียงใบไม้พลิกกายกลัวสนั่น
เพียงมดมั่นขั้นเดินสะเทินไหว
นิ่ง..เงียบ..เชียบ..อยู่ใต้ภายจิตใจ
จิตใครได้ความนิ่งนี้ปรีชาตน				
4 เมษายน 2552 22:20 น.

"..น้ำตาลทราย..ใช่ เพชร.."

ภัทราภา

สุดเจ็บซ้ำรันทดสลดจิต
เพียงคิดผิดลุ่มหลงลิ้มชิมคำหวาน
ฉันปักหลักด้วยรักดั่งวันวาน
คืนวันผ่านมิผันแปรแท้แน่นอน

เธอเปรียบฉันเหมือนเพชรงามเม็ดหนึ่ง
ที่ตราตรึงหัวใจยากถ่ายถอน
ที่มีค่าหาใดเปรียบจะเทียบทอน
ที่รานรอนแสงประดับประทับใจ

เมื่อเวลาผ่านไปใครจะรู้
ใจชายอยู่คิดอย่างไรใครจะเห็น
สลัดทิ้งความรักไม่ยากเย็น
เปรียบฉันเป็นน้ำตาลทรายคลายขมคอ

เพียงรูปลักษณ์ภายนอกว่าคลับคล้าย
หมดประกายยิบระยับกลับมัวหมอง
เคยเป็นเครื่องประดับประทับทอง
กลับลิ้มลองเพียงรสชาติที่ขาดไป

ไม่คมกริบแข็งกร้าวราวกับเพชร
ไม่สวยเสร็จน่ามองเหมือนเพชรใหม่
โดนความร้อนก็ละลายสลายไป
เศร้าฤทัยไม่ใข่เพชร....เกร็ดน้ำตาล				
4 เมษายน 2552 21:53 น.

กองทัพฝน

ภัทราภา

จะเปิดศึกครั้งใหญ่ในครานี้
ด้วยท่าทีดุเดือดเฮือดกระหาย
เสียงกองทัพเคลื่อนนภาดังคลึ้มคลาย
สัตว์ทั้งหลายต่างหลบหนีหลี้ไพร่พล

เหมือนมีมารมาผจญยลยังถิ่น
นกโผบินรีบถลาลงเวหน
ลมกระโชกโบกสะบัดจัดเตรียมพล
ด้วยร้อนรนเร่งเร้าเข้ากระบวน

เสียงระเบิดเปรี้ยงป้างลางจากฟ้า
ฝ่าลงมาสู่พิภพไม่อาจสวน
ไฟรุกโหมโรมกระหน่ำจนเรรวน
มนุษย์ป่วนร้อนเล่นเร้นกายา

ธนูฝนซัดซาดฟาดกระหน่ำ
สุดบอบช้ำคืนเก่าเท่าจะหา
ต้นไม้ถอนรากเหง้าเศร้าชีวา
สัตว์โลกหล้าหลบเร้นเค้นซ่อนกาย

สรรพสิ่งบนโลกล้วนย่อยยับ
ไม่สดับดั่งเดิมจะทนได้
ธรรมชาติลงโทษมิวางวาย
สิ้นสลายมวลมนุษย์สุดชีวิน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภัทราภา
Lovings  ภัทราภา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภัทราภา
Lovings  ภัทราภา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟภัทราภา
Lovings  ภัทราภา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงภัทราภา