
มองช่องว่างระหว่างวัยใช่ว่ากว้าง ต่างเส้นทางเราร่วมเดินเผชิญฝัน ต่างหัวใจแต่ “แรงใจ”ไม่ต่างกัน มีรางวัลคือเส้นชัยอยู่ปลายทาง เส้นทางฝันฉันสรรค์สร้างอย่างเงียบเงียบ ค่อยละเลียบเดินไปไม่เคยห่าง แม้เหนื่อยหนักพักหน่อยไม่ปล่อยวาง มุ่งตรงสู่หนทางอย่างมั่นคง ทุกเส้นทางต่างใช้ ใจ เพื่อไต่ฝัน หากคืนวันผันแปรไปพาใจหลง เพียงหลงผิดชีวิตคงปลิดปลง ก่อนตายลงช้าช้าน่าเศร้าใจ หากถนนสายนี้เป็นเส้นขนาน ปลุกวิญญาณนักสู้กู้วันใหม่ อย่าปล่อยฝันอันพิสุทธิ์หลุดลอยไป ฝันครั้งใหม่อาจยิ่งใหญ่ไม่เท่านี้ ! บนถนนสายนี้มี “ชีวิต” เฝ้าลิขิตกานท์กลอนอักษรศรี ทิพย์สถานวิมานทองของกวี คือใจนี้มีความฝันเกินบรรยาย อนาคตงดงามหรือ? – คือรางวัล ที่เรานั้นไขว่คว้าหาความหมาย ความสุขแท้แน่นอนก่อนความตาย คือความหมายของชีวิตที่ผิดกัน เราต่างเดินคนละทางอย่างอ่อนล้า โปรดอย่ามาขัดขวางทางของฉัน แม้ความสุขของหัวใจไม่ต่างกัน แต่ระหว่างทางนั้นมันต่างนัก เก็บความสุขเล็กเล็กบนหนทางฝัน เติมสีสันแห่งหัวใจให้ตระหนัก เมื่อนิยามความตายมาทายทัก จะประจักษ์เพียงรอยยิ้มยามพริ้มตา

(ในบางมุมของนักแสดง)
ถึงเวลาเข้าฉากประชันบท
วาดลวดลายให้งดงามตามหน้าที่
ทุกทุกฉากจากละครสอนชีวี
ทุกตอนชี้ให้ชนเห็นไว้เป็นครู
บทพระเอกโง่เง่ามีเขางอก
โดนเขาหลอกใส่ร้ายกลายอดสู
แม้นางเอกเป็นดอกฟ้าน่าเชิดชู
กลับต้องอยู่เงียบงันพลันเศร้าใจ
บทบางตอนสอนชีวาน่าขบคิด
พลิกชีวิตดิ้นรนหนทางใหม่
พระเอกสู้กู้ชาติเป็นปราชญ์ไทย
สมองใช้แก้ปัญหาปัญญาชน
แต่งแต้มต่อเติมสีสันวันฟ้าใส
ด้วยตัวร้ายเก่าใหม่ให้สับสน
โยนความผิดคิดปอกลอกหลอกทุกคน
ท้ายก็ทนผลกรรมตามละคร
( ในบางมุมของคนดู )
ในอารมณ์คนดูก็รู้สึก
พร้อมคิดนึกตามแต่ในเรื่องสอน
แม้บางครั้งมีขุ่นใจในบางตอน
คราพอย้อนมองดูตนไม่พ้นทาง
ต่อให้ใจเคืองขุ่นกรุ่นแค่ไหน
เราทำได้เพียงเฝ้าดูอยู่ห่างห่าง
หากหักหลังชิงชังให้ปล่อยวาง
เพราะทุกอย่างนั้นจบบริบูรณ์
.............................................................................
"สวัสดี"