15 มิถุนายน 2549 12:16 น.
				
												
				
								-ร้อยแปดพันเก้า-
		
					
				
หนุนสองมือแทนหมอนนอนดูฟ้า
นับดาราดาษดื่นคืนดึกหนาว
เย็นละอองมองจันทร์คืนฝันพราว
หมอกสีขาวคลุมร่างกลางราตรี
ประกายดาวระยับตาทาบฟ้าโพ้น
แสงอ่อนโยนวาวระยิบกระพริบถี่
ดวงสุกใสส่องสกาวดาวความดี
ดุจเสรีสู่ห้วงจินต์สิ้นอาวรณ์
ดอกดวงดาวบานเต็มฟ้าหากคว้าได้
เด็ดดาวใจกล่อมรักเห่พักผ่อน
ดับอ้างว้างเสน่หาด้วยอาทร
เอื้อนเป็นเพลงเว้าวอนแอบอ้อนจันทร์
อยากอิงแอบแนบสนิทให้นานเนิ่น
ล้าแรงเดินเหนื่อยอ่อนอยากนอนฝัน
ความอบอุ่นฉายกล้าดุจตาวัน
มหัศจรรย์ซึ้งทรวงแห่งดวงดาว
เป็นหนึ่งดาวหนึ่งเดียวในหนึ่งฟ้า
หนึ่งดาวกล้าชิงช่วงทุกท่วงก้าว
พลั้งพลาดไปในระหว่างเส้นทางยาว
ดอกรักร้าวดาวหล่นร่วงบนดิน
คนอ่อนไหวไยหนาวปวดร้าวนัก
คนอกหักร้อนผ่าวแทบด่าวดิ้น
เป็นดาวตกดาวเถื่อนเปื้อนมลทิน
ค่าหมดสิ้นเป็นแค่..ดาว..ประดับดอย				
			 
			
				7 มิถุนายน 2549 07:47 น.
				
												
				
								-ร้อยแปดพันเก้า-
		
					
				
ขุนเขายืนตระหง่าน
ราวจะต้านกาลเวลา
สูงเยี่ยมเทียมนภา
มิโรยล้าท้าสายลม
หนักแน่นสงบนิ่ง
มิไหวติงน่านิยม
เฉกชนคนชื่นชม
ชั่วชีวิตฝ่าเผชิญ
มั่นคงดูปลอดภัย
สูง,ยิ่งใหญ่ยากใครเกิน
ยืนหยัดน่าสรรเสริญ
ดุจเสรีในวิญญาณ
อีก"เขา"ก็ขืนสู้
แสวงรู้มายาวนาน
โลกาภิวัฒน์ผ่าน
ปรับตามการณ์ที่เปลี่ยนไป
แกร่งสู้อยู่บนโลก
แม้นว่าโชคไม่เป็นใจ
ทอดเท้าเพื่อก้าวไกล
สำนึกไว้ทำความดี
ขอเพื่อนผู้แพ้พ่าย
แม้นทุกข์กรายมาย่ำยี
ขุนเขาดั่งชีวี
ค่าศักดิ์ศรีไม่แพ้กัน
..............................
ค่าที่มีไม่แพ้กัน				
			 
			
				1 มิถุนายน 2549 14:57 น.
				
												
				
								-ร้อยแปดพันเก้า-
		
					
				
ร่างทรุดลงซึมเซาซ่อนเงาไม้ 
เสียงสับสนรัวไหวใจโศกศัลย์ 
สายลมเศร้าเหงาโบกโลกรำพัน 
ครุ่นคำนึงถึงคนนั้นในครั้งนี้ 
ชีวิตเคยงดงามดุจความฝัน 
ดั่งใบไม้เปลี่ยนผันพลันเปลี่ยนสี 
สายลมพัดโบยโบกวิโยคทวี 
เหมือนความมีในไม่มีที่รู้ซึ้ง 
เผชิญโลกรายล้อมพร้อมรอยแผล 
มิตรมตรอมยอมแพ้หากแลถึง 
โลกใบนี้มิจีรังควรคำนึง 
ตนนั้นคือที่พึ่งพึงคำนวณ 
ดั่งใบไม้ร่วงหล่นบนโลกแล้ง 
เป็นใบแห้งแปรผันวันมิหวน 
ชีพเปลี่ยนแปลงพร้อมรับความแปรปรวน 
คือคู่ควรหยัดอยู่อย่างรู้ทาง 
เพียงสายลมปลอบข้าอย่าร่ำไห้ 
แม้นมิได้เธออยู่เป็นคู่สร้าง 
ต้องกล้าแกร่งบนโลกกว้างแม้อ้างว้าง 
อบอุ่นกลางโลกภายในไม่อ่อนล้า 
ลมรำเพยพัดใบไหวระริก 
ใบไม้ชราพลิ้วพลิกห่มผืนหล้า 
จากก่อเกิดร่วงโรยจนร้างลา 
คือชีวิตธรรมดาเป็นสามัญ