3 มกราคม 2551 08:04 น.

รถบดถนน

ลุงแทน

***************รถบดถนน**************
ทุกคนอยากเกิดมาร่ำรวย หล่อ/สวย มีรถขับไปอวดเพื่อนฝูง มีคฤหาสน์ใหญ่ๆอยู่สักหลัง    บางคนก็บอกอยากเกิดเป็นนก  แต่นกพิราบก็เป็นตัวแพร่เชื้อไข้หวัดนก หรือนกนางนวล ไม่ย่อท้อและท้อถอยต่ออุปสรรคที่เกิดขึ้น แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นนกอย่างเดียวหรอกครับ ผมว่าอาจจะยังมีสิ่งอื่นอีก   ผมก็อยากเกิดเป็นงู เหมือนกันเพราะเกิดปีงู (มะเส็ง) เพราะงูมันคงไม่ต้องมีอะไรมาก เช้าๆก็หลบๆซ่อนๆใครไปกวนประสาทมัน มันก็ทั้งรักทั้งกินเอาเรื่อง ดึกๆก็ไปหาของกิน แต่ไม่เอาอะ คงเป็นคนที่ขี้โมโหและเอาแต่ใจเกินไป  ผมเป็นคนที่ขี้กังวล  หัวเราะง่าย  บางครั้งจริงจังก็จริงจังไปเลย และผมคิดว่านะ รถบดถนน คงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ผมจะต้องเลือกเป็นมัน ถึงแม้ผมจะไม่ได้กำจัดอะไรที่เป็นอุปสรรคออกทั้งหมด แต่ผมคงทำอะไรแบบที่เป็นรถบดถนน แบบนั้นยาก เพราะผมเป็นคนที่ทำผิดแล้วฝังใจง่ายมากๆ  กว่าจะลืมก็ใช้เวลานานพอสมควร ถ้าถามว่าผมอยากเกิดเป็นรถบดถนนเพราะอะไร ก็เพราะว่า มันสามารถทำลาย อุปสรรคทุกอย่างที่อยู่รอบๆกายเราให้ได้ เพราะรถบดถนนเวลาทำงานมันสามารถบดให้มันเรียบ เวลาขับบนถนนให้มันนุ่ม ให้ถนนมันเรียบเนียนที่สุด     สักวันผมจะเป็นแบบนั้นให้ได้ครับ โดยการที่จะทำลายอุปสรรคร้ายๆที่ผ่านมาในชีวิต หาอะไรฮาๆบ้าๆ อย่าเครียด ไม่ทำอะไรที่ผิดๆ และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี แค่นี้ก็จะสามารถเป็นรถบดถนนในใจตัวเองได้แล้ว

********มีใครอยากเป็นรถบดถนนกับลุงแทนบ้างใหม ????????				
3 มกราคม 2551 07:58 น.

ดวงเมืองปี”51 โคตรโหด ปีแห่ง “เศรษฐกิจเลือด”

ลุงแทน

*****************อย่าเชื่อที่อ่าน ใช้วิจารณญาณ*******************

        ชั่ววโมงนี้ คนไทยจำนวนมากหันมาสนใจในเรื่องศาสตร์แห่งโหรอย่างเป็นจริงเป็นจังอีกครั้ง หลังช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เกิดเหตุด่วนเหตุร้ายผู้คน ล้มตายอย่างคาดไม่ถึงทั้งจากอุบัติเหตุและภัยธรรมชาติ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการโคจรของดวงดาวก็ทยอยออกมาให้คำปรึกษาแนะนำ ทำนายดวงเมืองอย่างต่อเนื่อง ยิ่งใกล้ปีใหม่จะมีคำทำนายใหม่จากหมอดูชื่อดังมากมาย

ล่าสุด ก่อนมีการพิเคราะห์ดวงเมืองไทย ปีชวด 2551 หมอดู “โสรัจจะ นวลอยู่” จากหนังสือ “ศาสตร์แห่งโหร” สำนักพิมพ์มติชน ออกมาทำนายดวงเมืองปีชวด ไว้ล่วงหน้าว่า อาจเลวร้ายยิ่งกว่า กว่าปี 2550

ก่อนหน้านี้ หมอดูผู้นี้สร้างความฮือฮาด้วย การทำนายเหตุการณ์ปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 ไว้ล่วงหน้าจนได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคม เช่นเดียวกับการทำนายเหตุการณ์ 9-11 เมื่อ 6 ปีก่อน จนได้รับสมญานามให้เป็น “นอสตราดามุสเมืองไทย” รวมถึงเหตุการณ์โศกนาฏกรรมสึนามิ เมื่อ 26 ธันวาคม 2547

หมอดู “โสรัจจะ” ทำนายว่า ดวงเมืองปี 2551 ว่า จะเป็นปีแห่งความอาเพศ ช่วงต้นปีบ้านเมือง จะมีการปฏิรูปเป็นการใหญ่ ธนาคารแห่งประเทศไทยคงถอยหลังอย่างกู่ไม่กลับ คนงาน ข้าราชการ ถูกปลดออกจากงานจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ผู้คนแห่ถอนเงิน รัฐบาลจะล้มลุกคลุกคลาน เพราะเจออุปสรรคยุ่งยากเหลือประมาณ หุ้นตกแบบท้องร่วง กรุงเทพฯจะถูกก่อวินาศกรรม ครั้งใหญ่ สถานทูตและตึกรามบ้านช่องถูกทำลาย

เมืองไทยจะตกอยู่ในภาวะคับขันรอบด้าน บุคคลในเครื่องแบบผู้ถืออาวุธที่ไม่อยู่ในศีลธรรมจะต้องเข้ามามีบทบาท แทรกเป็นยาดำใน คณะรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น

นอกจากนี้ ดาวเสาร์และราหูในทางโหราศาสตร์ไม่สัมพันธ์กับดวงของโลกและดวงของเมืองไทย ซึ่งเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง เกาะเล็กเกาะน้อยในอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น จีน และไทย บางส่วนอาจจมหายไปเนื่องจากภาวะโลกร้อน ทำให้ระบบน้ำทะเลสูงขึ้นเรื่อยๆ จนท่วมเกาะ อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้ผู้คนของโลกหลายล้านคนหิวโหย

ชาวโลกและประเทศไทยยังเดือดร้อนเรื่องน้ำมันแพง อันเป็นผลจากกลุ่มชาติอาหรับได้รวมหัวกันขึ้นราคาน้ำมัน และเพิ่มราคาน้ำมันขึ้นทุกปีโดยไม่หยุดยั้ง ทำให้ชาติต่างๆ เดือดร้อน ตลอดทั้งปีน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นราคารวมทั้งแก๊ส หุงต้ม ทำให้ประชาชนปั่นป่วนเดือดร้อนอย่างมาก

นอกจากนี้ยังเป็นปีแห่งการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติและชีวิตมนุษย์ครั้งใหญ่ของประเทศ กรุงเทพฯ บางส่วนเริ่มถูกน้ำทะเลท่วมเข้ามาถึง อาจจะจมน้ำหายไปและจะเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปอีกหลายปี ดังนั้นภาครัฐต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ โดยควรหาทางป้องกันเอาไว้ก่อน

โลกจะเข้าสู่ยุคเข็ญ สหรัฐอเมริกาและตะวันออกกลางเริ่มเปิดฉากสงครามล้างเผ่าพันธุ์ เป็นสงครามปรมาณู มีการใช้ขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์หรือสงครามไฮเทคนำมาใช้กัน ทำให้เกิดจุดวิกฤตการณ์ของโลกเขม็งเกลียว เป็นสงครามครั้งใหญ่ ผู้คนล้มตายเป็นผักเป็นปลาจำนวนมหาศาล และสงครามจะยืดเยื้อไปอีกหลายปี ส่วนประเทศไทยจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งนี้ด้วย

ราวกลางปี เกาะภูเก็ต กระบี่ พังงา จะถูกคลื่นสึนามิเหมือนกำแพงยักษ์ถล่มหนักกว่าครั้งแรก นอกจากนี้เชื้อโรคที่รุนแรงจะระบาดเหมือนไข้หวัดนกจะเข้ามาทำลายล้างชีวิตมนุษย์และสัตว์ หรือเป็นเชื้อไข้หวัดนกที่กลายพันธุ์ติดต่อมาถึงคน

ส่วนปัญหาทางภาคใต้อิทธิพลของดาวเสาร์ให้เป็นปีแห่งการก่อการร้ายและการก่อวินาศกรรมทั้งปี มีการเคลื่อนไหวของผู้คนที่ไม่สามารถจะควบคุมได้ใน 3 จังหวัดภาคใต้ ทำให้ผู้มีอำนาจขาดความเชื่อถือที่จะเหนี่ยวรั้งให้ผู้คนเหล่านั้นยุติความคิดของเขาได้ แต่ตามดวงเมืองแล้วไม่บ่งบอกว่าเราจะเสียดินแดน 3 จังหวัดภาคใต้ไป เนื่องจากดาวอังคารเดินแบบวิกล จะส่งผลให้ความร้อนแรงเกิดขึ้นไม่สิ้นสุด เพราะดวงผู้นำประเทศไม่สัมพันธ์กับดวงเมืองปี 2551

ในปลายปีจะเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่น่าแปลกมหัศจรรย์ จะเกิด “หิมะตก” ในเมืองไทยไปทั่วทางภาคเหนือและอีสานบางส่วน ประชาชนทั้งคนไทยและทั่วโลกตื่นตกใจแทบช็อก แต่จริงๆ ในทางโหราศาสตร์ไทยถือว่าอาเพศ เป็นลางร้ายที่จะเกิดมหันตภัยตามมาไม่หยุดหย่อน ทั้งทางธรรมชาติ บุคคล การเมือง การปกครอง วัฒนธรรมประเพณี

ส่วนตำราทางฮินดูทายไว้อีกนัยหนึ่งว่า ประเทศไทยจะประสบปัญหาภัยแล้งขาดแคลนน้ำอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน ภาคตะวันออกของประเทศมีสภาพแห้งแล้งทำให้ผู้คน และสัตว์เลี้ยงขาดน้ำ ภัยพิบัติทางธรรมชาติยัง ไม่หยุดยั้ง จะมีการสูญเสียแผ่นดินทางภาคใต้แถบฝั่งทะเลอันดามันตั้งแต่จังหวัดระนองลงมา

ด้านเศรษฐกิจ “โสรัจจะ” ทำนายว่า เศรษฐกิจจะตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ก็ว่าได้ เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปคลอนแคลน ส่วนประเทศไทยจะเป็นปีแห่งความล้มละลายทางเศรษฐกิจ ธุรกิจสับสน คนว่างงานหรือถูกปลดออกจากงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับ เกิดสงครามไปทั่วโลก ธนาคารทั้งเล็กและใหญ่เริ่มล้มและปิดตัวเองลง ตลาดหุ้นถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก มีคนฆ่าตัวตายจำนวนมาก ถือได้ว่าเป็นปีแห่ง “เศรษฐกิจเลือด” ก็เป็นได้

ประมาณปลายเดือนเมษายน ผู้บริหารบ้านเมืองควรจะระมัดระวังอย่างรอบคอบ เพราะจะเกิดความวุ่นวายปั่นป่วน บุคคลในเครื่องแบบจะมีบทบาททันที เกิดการจลาจล รัฐประหารครั้งใหญ่ เกิดการนองเลือด ผู้คนล้มตายเป็นเบือ ผู้มีอำนาจในแผ่นดินจากไปอยู่ยังแดนไกล ไร้ที่อยู่ หรือมิฉะนั้นจะหายหน้าไป ไม่ปรากฏในวงสังคมอีกต่อไป เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในกรุงเทพฯ

นอกจากนี้กลางปีราวปลายเดือนพฤษภาคม จะมีคลื่นยักษ์เป็นกำแพง อันเนื่องมาจากแผ่นดินไหวในหมู่เกาะสุมาตราพัดเข้าถล่มหมู่เกาะและชายฝั่งด้านอันดามันอีกครั้ง

ถัดมา ปลายเดือนมิถุนายนบุคคลสำคัญของแผ่นดินจักเจ็บไข้ได้ป่วย และอาการจะรุนแรงอย่างคาดไม่ถึง และอาจสูญเสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบของ “ประชาชาติธุรกิจ” พบว่า ตลอด 9 เดือน ที่ผ่านมา นับจากมกราคมถึงกันยายน 2550 หากบ้านเมืองเป็นไปตามคำทำนายของโหรใหญ่ บัดนี้ เดือนตุลาคม สังคมไทยได้ล่มสลายไปแล้ว

แต่เหตุที่ทุกอย่างยังดำรงอยู่อย่างปกติ ก็เพราะคำทำนายของหมอดูมากกว่าร้อยละ 90 …ผิด (นั่นเอง) !!!!!

จาก นสพ.ประชาชาติธุรกิจ 4-10-50 หน้า 4				
2 มกราคม 2551 16:18 น.

ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม

ลุงแทน

ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม (11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2488 — ) พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และพันเอกอร่าม รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2488 ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่ออายุ 6 ขวบ
ได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์เดินทางกลับประเทศไทยโดยทางเรือ จากนั้นได้ศึกษาต่อที่โรงเรียนมาแตร์เดอี โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

คุณทัศนาวลัย รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ เดินทางไปศึกษาต่อที่สวิตเซอร์แลนด์ และได้พบกับนายสินธู ศรสงคราม ซึ่งรับราชการอยู่ที่สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเบิร์น ได้รับพระราชทานสมรสกับนายสินธู ศรสงคราม เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2516 มีบุตรชาย 1 คน คือ ร้อยโทจิทัศ ศรสงคราม

ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม เคยเป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ที่ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ เป็นท่านผู้หญิง เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2529

ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม เป็นพระราชนัดดาที่ใกล้ชิดกับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มากที่สุด เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2538 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชกระแสรับสั่ง ถึงวันที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สวรรคต ความตอนหนึ่งว่า

    .........เมื่อสวรรคตก็ดีใจอยู่อย่างที่ลูกของท่านทั้งสองคนอยู่ด้วย จับพระหัตถ์อยู่ และหลานที่ท่านรักที่สุดเพราะท่านเลี้ยงมาก็จับพระหัตถ์ทั้งสามคน......				
2 มกราคม 2551 15:58 น.

พระประวัติสมเด็จพระพี่นางฯ

ลุงแทน

*****พระประวัติ
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์*****

*****สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
คือพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ประสูติเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๖๖ ณ เมืองเอดินเบอระ สก๊อตแลนด์ ประเทศอังกฤษ พระองค์คือสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลฯ รัชกาลที่ ๘ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ ๙
พระราชบิดาสิ้นพระชนม์ เมื่อยังทรงพระเยาว์
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงย้ายครอบครัวไปพำนัก ณ เมืองโลซาน
ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อการศึกษาของพระราชโอรสและพระราชธิดา
ทรงสำเร็จการศึกษา วิทยาศาสตร์ด้านวิชาเคมี ควบคู่กับวิชาการศึกษา วรรณคดี ปรัชญา และจิตวิทยา แล้วเสด็จนิวัตประเทศไทย
ระหว่างพุทธศักราช ๒๔๙๓ - ๒๕๐๑ ทรงเป็นพระอาจารย์ในคณะอักษรศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทรงสอนวิชาสนทนาภาษาฝรั่งเศส และวรรณคดีฝรั่งเศส
พุทธศักราช ๒๕๑๒ ทรงรับเป็นอาจารย์ประจำที่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ทรงสอนและทรงงานด้านการบริหารในหน้าที่หัวหน้าสาขาวิชาภาษาต่างประเทศ
ซึ่งประกอบด้วย ภาษาฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ป่น จีนและรัสเซีย ทรงเป็นผู้ดูแลและจัดทำหลักสูตร
ดูแลการสอนของอาจารย์ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ในพุทธศักราช ๒๕๑๖ ทรงจัดทำหลักสูตรปริญญาตรีสาขาภาษาและวรรณคดีฝรั่งเศสสำเร็จ
ด้วยการผสมผสานความรู้ด้านภาษาและวรรณคดีให้เข้ากันอย่างเหมาะสม
ทรงเป็นอาจารย์ประจำอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ๘ ปี
จากนั้น จึงทรงขอเป็นอาจารย์พิเศษอย่างเดียว
ด้วยต้องทรงติดตามพระราชภารกิจในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ด้านหน่วยแพทย์เคลื่อนที่
 อย่างไรก็ตาม น้ำพระหฤทัยในความเป็นครูนั้นเปี่ยมล้นมิเหือดหาย
ทรงรับเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยอื่นๆ ที่ขอมาตลอด
ได้แก่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เชียงใหม่ สงขลานครินร์ วิทยาเขตปัตตานี หลายรุ่น
ด้วยประสบการณ์และพระปรีชาญาณในการสอนภาษาฝรั่งเศสเป็นเวลาอันยาวนาน
พุทธศักราช ๒๕๒๐ จึงทรงก่อตั้ง "สมาคมครูสอนภาษาฝรั่งเศสแห่งประเทศไทย"
เพื่อเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนความรู้ในการแก้ไขการสอนให้กับบรรดาครูทั้งหลาย
ทรงได้รับการถวายพระเกียรติจากรัฐบาลฝรั่งเศส ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญตราชั้นสูงสุด ด้านศิลปะและอักษรศาสตร์ เมื่อพุทธศักราช ๒๕๒๒

ทรงสนพระทัยการศึกษาของเยาวชน ได้อุปถัมภ์โครงการ "โอลิมปิควิชาการ"
เพื่อการแข่งขันและพัฒนาวิชาการวิทยาศาสตร์ในประเทศให้ก้าวทันสากล
ทรงสร้างสื่อการเรียนให้แก่เด็กเล็กในโรงเรียนชายแดน ที่มิได้มีโอกาสเรียนชั้นอนุบาล
เพื่อสามารถอ่านเขียนทันเด็กที่เรียนล่วงหน้าไปก่อนเกณฑ์
และร่วมสร้างโรงเรียนในความดูแลของตำรวจตระเวนชายแดน ส่วนเด็กในกรุงเทพมหานครนั้น
ทรงให้ความอนุเคราะห์เด็กเล็กในสลัมต่างๆ

เมื่อทรงหยุดการสอน พระกรณียกิจส่วนใหญ่ จึงเป็นงานสังคมสงเคราะห์
ทั้งด้านการแพทย์ สาธารณสุข สิ่งแวดล้อม
นอกจากช่วยโครงการแพทย์อาสาในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พอ.สว แล้ว
มีมูลนิธิ กองทุน สมาคม ศูนย์สงเคราะห์ อีกจำนวนมากกว่า ๓๐ รายการ
ที่พระองค์ทรงมีภาระในการบริหาร เช่น มูลนิธิโรคไต มูลนิธิเด็กโรคหัวใจ มูลนิธิขาเทียม
มูลนิธิสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม มูลนิธิโลกสีเขียว
กองทุน "หมอเจ้าฟ้า" กองทุนการกุศล กว. กองทุนการกุศล "สมเด็จย่า"
สมาคมปราบวัณโรคเชียงใหม่ สมาคมพยาบาลสาธารณสุขไทย
ศูนย์เด็กอ่อนวัยก่อนเรียน ณ ศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ศูนย์เนื้อเยื่อชีวภาพกรุงเทพฯ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เป็นต้น

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ทรงได้รับการอภิบาลให้ทรงมีพระจริยวัตรโปรดการอ่าน การศึกษามาตั้งแต่ทรงพระเยาว์สั่งสมประสบการณ์ทางด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ โบราณคดี สิ่งแวดล้อม
และทรงนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองตลอดเวลา
ด้วยความสนพระทัยในศาสตร์ทั้งหลาย จึงทรงเป็นทั้งเจ้าฟ้านักประพันธ์ และเจ้าฟ้านักวิชาการ
มีหนังสือพระนิพนธ์จำนวนมาก ที่จัดพิมพ์ขึ้นให้ได้ศึกษาหาความรู้อย่างกว้างขวางโดยเฉพาะเรื่อง แม่เล่าให้ฟัง หรือ ยุวกษัตริย์ มิใช่เป็นเรื่องประวัติบุคคลด้านเดียวหากแต่ให้ความเข้าใจทั้งประวัติศาสตร์ ประเพณี การเมือง อันเป็นวัฒนธรรมของชาติซึ่งมีความสนุกสนานสอดแทรกไว้อย่างกลมกลืน
หรือสารคดีข่าวเกี่ยวกับการเสด็จไปทัศนศึกษาในต่างถิ่น
เป็นสิ่งที่ชาวไทยโชคดีได้มีโอกาสเห็น เสมือนร่วมเดินทางไปกับพระองค์ด้วย
โดยจะทรงพิถีพิถันให้จัดทำเป็นสารคดีท่องเที่ยวสั้นๆ ที่มากด้วยความรู้ นำเผยแพร่เกือบทุกครั้งทำให้ผู้ที่ไม่มีโอกาสไปถึง หูกว้างตากว้างไปด้วย
พุทธศักราช ๒๕๔๔



สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ทรงพระกรุณารับกิจกรรมของมูลนิธิไว้ในพระอุปถัมภ์				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงแทน
Lovings  ลุงแทน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงแทน
Lovings  ลุงแทน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลุงแทน
Lovings  ลุงแทน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลุงแทน