29 พฤษภาคม 2548 15:42 น.

สื่อแชท...สื่อรัก

วลีฝัน

     
     หวัดดีคับ
      ซาหวัดดีจ๊ะ ชื่อรัย
     ผม เต้อคับ คุณล่ะ
      เจ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักน่ะ
      เช่นกันคับ 
      อายุเท่าไหร่
     26 คุยมั้ย
      อ้าว คุยสิค่ะ
     เจ อายุเท่าไหร่อ่ะ
      21 ค่ะ
      คับ 
      แล้วนี่เล่นที่หนายล่ะ
     ร้านแถวรังสิตอ่ะ
      อ๋อ ค่ะ
     คุณเจ เรียนหรือทามงานอ่ะ
      ยังเรียนอยู่ค่ะ
      ..............................
      ..............................
      .............................
      ..............................
      .............................

     โปรแกรม PRICH
     แว๊บบบบ......
     แว๊บบบบ.......
 บนหน้าจอสี่เหลี่ยม จากการสนทาของบุคคล 2 คน

     นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สาวนักศึกษาผู้ชอบซุกซนอย่างฉันได้รู้จักกับโลกไซเบอร์ เริ่มก้าวสู้สังคม IRC ที่รู้สึกว่ามันกว้างไกลอย่างไม่มีขอบเขต ไม่มีพรมแดน และก็บ่อยครั้งในยามที่ต้องการพักผ่อนสมอง ได้มานั่งคุยกับคนแปลกหน้า ไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้เห็นหน้าแต่ผ่านตัวอักษร และฉันก็เชื่อว่ามีคนส่วนใหญ่ที่หลงใหลไปกับอาหารไซเบอร์จานที่น่าค้นหา น่าลิ้มลองเช่นกัน

     "อ้าว! ยัยจูนรายงานที่อาจารย์สั่งให้ทำเสร็จยัง" เพื่อนสนิทของฉันซึ่งพักอยู่ที่เดียวกัน ส่งเสียงทักทายมาแต่ไกล
     "เสร็จแล้วย่ะยัยฝน ดับไหนแล้ว" ฉันตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ
     "เหรอ แล้วทำไรอยู่ฉันเห็นเธอนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่หน้าจอคอมฯ"
     "อ๋อ คุยกับเพื่อนน่ะ"
     "เฮ่อ!....แชทกับเพื่อนอีกแล้ว"
     "เออน่า...คุยไปงั้น ๆ แหละแก" ฉันตอบเพื่อตัดปัญหาอ้ายเพื่อนช่างถาม

     หลังจากวันนั้นฉันก็ได้คุยกับผู้ชายที่ชื่อ "เต้อ" ผ่านโปรแกรม PRICH ทำให้ฉันรู้สึกว่าเราคุยกันถูกคอ คุยสนุก จากการได้คุยกันหลายครั้ง บ่อย...บ่อย เข้า ก็ได้แลก E-MAIL กัน ซึ่งเต้อรู้จักฉันในนาม "เจ" ครั้งที่ได้ใช้นิกเนมตอนคุยกันครั้งแรก ยิ่งนานวัน ยิ่งคุยกันบ่อยก็เปลี่ยนจาก PIRCH มาเป็น MSN ช่วงหลังคุยกันสนิทสนม เล่าเรื่องต่างๆ ผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมซึ่งกันและกัน มาครั้งหลังสุดที่ได้คุยกัน เขาก็ได้บอกว่าลองคบกันดูก่อนมั้ย ฉันก็ตอบตกลงไปโดยไม่ต้องมีอะไรมาเบรคต่อมความคิด อาจจะเป็นเพราะความเหงาบวกกับความที่เพิ่งอกหักมาจากแฟนเก่าด้วยมั้ง

     "ฮัลโหลลล เจเหรอ ผมเต้อนะ"  ความรู้สึกของฉันตอนนั้นบอกไม่ถูกว่าอารมณ์ไหนดีที่ได้ยินเสียงเค้าเป็นครั้งแรก บอกไม่ถูกเลยแฮะ
     "ค่ะ เจเองค่ะ อืมว่างัยไม่เห็นคุณออน สามสี่วันแล้ว"
     "อ๋อ คับ คือช่วงนี้มีงานยุ่งนิดหน่อยอ่ะ พอดีวันนี้ผมมีโอกาสได้ไปพบลูกค้าแถวบ้านคุณ ก็เลยจะชวนคุณออกไปกินข้าวด้วยกัน ทานเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับ"
     "อ้าว เล่นมัดมือชกเลยน่ะคุณ ก็ได้ค่ะ"
     "ขอบคุณครับ งั้นเดี๋ยวเสร็จธุระผมไปรับ คงประมาณ 1 ชั่วโมง เจอกันนะ"
     "โอเคค่ะ หวัดดีค่ะ"

     ฉันยังอึ้ง งง...งง อยู่ ที่อยู่ๆ ได้ยินเสียงเเค้จากโทรศัพท์ ช่วงเวลาที่ได้คุย ได้รู้จักเค้าผ่านอักษรด้วยสื่อไอที ก็ประมาณ 4 เดือนได้แล้วมั้ง ก็เลยแลกเบอร์กัน อยู่ ๆ ก็โทรมานัดทานข้าวเป็นครั้งแรก
    "เอาน่ายัยจูนเอ๊ย...ลองดูสักตั้งเหอะว่าเค้าเป็นคนยังไง" ฉันบ่นพึมพำกับตัวเอง

     หลังจากที่ได้นัดแนะกันเรียบร้อยแล้วฉันก็อาบน้ำแต่งตัว เสร็จแล้วก็เปิดเพลงฟังรอเวลาที่ได้นัดกัน

...........ปี้นนน........
...........ปี๊นนน.........
............ปี๊นนน..............

     เสียงแตรรถเป็นสัญญาณบอกว่าเวลาแห่งการนัดเจอชายทางอินเตอร์เน็ตได้เริ่มขึ้นแล้ว....

           ....................โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ..............				
19 มีนาคม 2547 18:58 น.

"เก่งจริงน่ะตัวแค่เนี่ย"

วลีฝัน

.....เสื้อคลุมแห่งรัตกาล.ค่อยๆ คลี่แผ่กระจายโอบล้อมโลกใบนี้ ที่เปรียบเสมือนบ้านหลังใหญ่ของมนุษย์ที่ได้อาศัยอยู่ เสื้อคลุมผืนนี้ได้มาเยือนพร้อมกับสายฝนอันชุ่มฉ่ำ หลังจากเลิกงานแล้วข้าพเจ้าก็มุ่งหน้าไปที่ร้านขายอาหารตามสั่งทันที ตั้งแต่เที่ยงแล้วยังไม่มีอะไรส่งไปให้สหายที่เติบโตมาพร้อมกัน ป่านนี้กำลังอ้าปากรออยู่มั้ง
	เฮ่อบรรยากาศน่าซุกอยู่ใต้ผ้าห่มจังเลย ข้าพเจ้าคิดในใจ และก็เชื่อว่าหลายคนคงคิดแบบนี้เหมือนกัน หรือว่าไม่ใช่คะ?
	วันนี้จะเอาอะไรดีคับ พ่อค้าร้านอาหารตามสั่งถามข้าพเจ้าทันทีเมื่อเห็น กลายเป็นลูกค้าขาประจำของร้านนี้แล้ว เพราะอาหารอร่อย ทำสะอาด และปริมาณก็เยอะกว่าร้านอาหารแถวนี้ก็ข้อนี้แหละที่ข้าพเจ้าติดหนึบยังกะตังเมเลย แหมก็คนเดินดินกินข้าวแกงจะเอาอะไรกับร้านแพงๆ หรูหราล่ะ ขอให้ได้อิ่มท้องไว้ก่อนเป็นใช้ได้ แต่ไม่ใช่อยู่เพื่อกินนะ อย่าเข้าใจผิด
	ข้าวหมูทอดค่ะ เหมือนเดิม 
	ข้าวหมูทอดไม่ใส่ผงชูรส พ่อค้าทวนคำสั่งซ้ำอีกครั้ง เป็นที่รู้กันอยู่ นี่ดีน่ะที่ได้นั่งดูอยู่แต่ละร้านเห็นปรุงให้ลูกค้าแต่ละรายตักผงชูรสยังกะเค้าผลิตเองเลย
	วันนี้ดูแล้วตลาดสดแห่งนี้ไม่ค่อยจะมีผู้คนพลุกพล่านเท่าไหร่ เพราะมีสายฝนโปรยปรายมาตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว แต่ก็ยังมีร้านขายอาหารให้ข้าพเจ้าได้บรรเทาความหิวลงได้ ถึงแม้จะเป็นร้านตามริมฟุตบาท เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งว่าวันนี้ข้าพเจ้าไม่ได้ทานบรรยากาศแห่งราตรีไปพร้อมกับอาหารมือนี้ ยิ่งวันไหนที่อากาศดีๆ นะ ทั้งพระจันทร์ ทั้งดวงดาว เพียบเลยแต่ข้าพเจ้าชอบนั่งมองดวงดาวที่มันกระพริบมากกว่าดูแล้วเขาไม่หยิ่งเหมือนกับว่ากำลังพูดกับเรา แต่ดูดวงที่ไม่กระพริบซิหยิ่งชะมัดเลยก็ไม่อยากคบกับมัน
	น้าครับขอตังค์กินข้าวหน่อยครับ
	ข้าพเจ้าซึ่งกำลังนั่งรออาหารอยู่อย่างใจจดใจจ่อ พลันก็หันไปตามเสียงที่มาสัมผัสกับโสตประสาทหูเข้าอย่างจัง เด็กผู้ชายสวมเสื้อยืด กางเกงขาสั้น เท้าปราศสิ่งรองรับ ยืนทำตาละห้อยที่โต๊ะถัดไป ดู..ดูแล้วอายุประมาณ 8 ขวบ เสื้อและกางเกงโดนแต่งแต้มให้มีสีสันด้วยอะไรก็ไม่ทราบสาเหตุ คนที่โดนขอกลับส่ายหน้า
	พี่ครับขอตังค์กินข้าวครับ ข้าพเจ้าเปิดกระเป๋าหยิบเหรียญสิบยื่นให้ตามประสาคนใจโอบอ้อมอารีคะ
	ขอบคุณครับ เค้ายกมือไหว้แล้วก็เดินจากไป ยังไม่ทันที่ข้าพเจ้าจะเอ่ยปากถามอะไรตามธรรมดาของคนชอบถามคะ
	ขณะที่กำลังลิ้มรสอาหารอย่างเอร็ดอร่อยกับสหายที่เป็นชาวเกาะอยู่นั่นเอง
	พี่คะหนูขอตังค์กินข้าวหน่อยนะ วันนี้หนูยังไม่ได้ทานข้าวเลย เด็กผู้หญิงพูดพร้อมกับยกมือไหว้
	อ้าวแล้วพ่อกับแม่หนูล่ะ? ข้าพเจ้าถามกลับด้วยความสงสัย
	ไม่มีค่ะ หนูอยู่กับป้า
	เหรอคะ แล้วน้องเป็นคนแถวนี้เปล่าล่ะ
	ใช่ค่ะพี่
	ข้าพเจ้าหยิบเหรียญสิบให้ไป และก็ยังไม่ทันจะถามต่อเด็กผู้หญิงก็รีบยกมือไหว้กล่าวขอบคุณแล้วก็เดินจากไป ทั้ง.ทั้ง ที่ข้าพเจ้าอ้าปากและมีคำถามค้างอยู่ในปากก็ตาม
	โอ้โหเด็กเร่ร่อนเหล่านี้ยังมีอยู่มากมายในสังคมเมือง ข้าพเจ้าอดสงสารไม่ได้แต่ก็แน่ล่ะเด็กพวกนี้ต่างถูกสังคมพากันรังเกียจหาว่าเป็นขยะของสังคม สายตาที่ดูถูกดูแคลนเหยียดหยาม และนี่แหละก็ทำให้เกิดช่องว่างการแบ่งชนชั้นของสังคมที่เห็นได้ชัด ทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นเยาวชนของชาติ เป็นกำลังหลักของชาติและปัญหาทั้งหมดก็ไม่ได้มาจากพวกเค้า
	หลังจากข้าพเจ้าและสหายต่างก็อิ่มแปล้กันแล้ว สายฝนก็ขาดเม็ดพอดี จึงรีบเดินกลับบ้านพักทันทีแต่ก็มิวายที่จะกวาดสายตาไปรอบๆ ตามวิสัยทัศน์ของคนช่างสังเกต สังเกตเรื่องของชาวบ้านเค้าคะ ภาพที่เห็นก็คือเด็กเร่ร่อนที่กำลังยกมือไหว้ขอเงิน และตามทำเนียมของผู้ที่ถูกขอจะปฏิเสธบ้างให้บ้าง แล้วแต่จิตใจของแต่ละคน
	แต่ที่ข้าพเจ้าสงสัยอีกประการหนึ่งก็คือ ทำไมเด็กเร่ร่อนเหล่านี้น้อยคนนักที่ใส่รองเท้า ปล่อยให้เท้าสัมผัสกับสิ่งต่างๆ น่าสงสารเท้าเป็นยิ่งนัก จะเป็นเพราะพวกเค้าไม่มีเงินซื้อ หรือเป็นนิสัยของเค้ากันน๊าา..
	กริ๊งงงงงงงง..
	ฮัลโหลโอนเงินให้ด้วยคร๊าบบบ
	อืม..เออลืมไปเลยเดี๋ยววันนี้โอนให้นะ
	ขณะที่ข้าพเจ้าอาบน้ำเสร็จ และกำลังแต่งตัวจะออกไปทำงานตามปกติ น้องคนกลางตัวดีของข้าพเจ้าจากกรุงเทพฯ ได้โทรศัพท์มาทวงเงินตามเคย เพื่อเอาไปลงทะเบียนเรียนซึ่งกำหนดโอนให้มันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ลืมสนิทเลย
	ในขณะที่กำลังกดบัตรคิวเพื่อรอพนักงานเรียกนั้น พลันเจ้าสายตา (ที่ชอบมองหาแต่ปัญหา) ก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งเข้าอย่างบังเอิญ
เอ๊ะ..นั่นน้องผู้หญิงคนเมื่อวานนี่น่า 
	หมายเลข 11 เชิญที่ช่อง 3 คะ ยังไม่ทันจะเข้าไปถามอะไรก็ถึงคิวของข้าพเจ้าพอดี
	พี่คะ..พี่ เมื่อกี้เด็กผู้หญิงคนนั้นเค้ามาทำอะไรคะ ข้าพเจ้าถามพนักงานของธนาคารขณะที่ยืนรอรับหลักฐานการโอนเงิน
	อ๋อน้องเค้าเอาเงินมาฝากคะ เก่งนะรู้จักเก็บหอมรอมริบน้องเค้ามาฝากทุกอาทิตย์คะ
	ค๊าาามาฝากทุกอาทิตย์? คะ..คะ เก่งมากเลย ขอบคุณมากนะค่ะ และทุกคำถามที่ข้าพเจ้าสงสัยก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์อย่างแจ่มชัดและก็แจ่มแจ้งก็คราวนี้แหละ
	เจ๋งจริง จิ๊งงงนะอ้ายน้อง??? 

                                                           ..วลีฝัน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวลีฝัน
Lovings  วลีฝัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวลีฝัน
Lovings  วลีฝัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวลีฝัน
Lovings  วลีฝัน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงวลีฝัน