27 กันยายน 2552 15:12 น.

คลื่นใจ

วาวเดือน

คลื่นซัดสาดหาดทรายหลายคำรบ
สาดกระทบไม่ซบซาธาราไหว
เสียงซาบซ่าคราเงียบงันตันหัวใจ
ซัดเพียงใดใจก็เหงาเศร้าเดียวดาย

คลื่นหัวใจไหวยวบจวบจะสิ้น
น้ำตารินถวิลหามาเป็นสาย
ความเงียบเหงาเข้าครอบงำน้ำซัดทราย
สุดบรรยายไม่วายวางสร่างซบซา

ลมทะเลเห่พัดสะบัดพริ้ว
ไร้ระผิวดูหวิวใจให้กังขา
เหตุไฉนใยจึงเศร้าเหงาอุรา
จะเยียวยาก็ชาเจ็บเหน็บกมล

มองดูดาวก็วาววับระยับฟ้า
ระยิบตาวาวาวพราวเวหน
แต่ใจเราไม่วาววามตามเบื้องบน
สุดจะทนกมลโศกโลกเงียบงัน

ฟังเสียงคลื่นก็กลืนกล้ำระกำจิต
มันสะกิดริดอารมณ์ตรมเสียงหยัน
คล้ายเสียงเยาะเลาะหัวใจให้ตีบตัน
สุดจะกลั้นหวั่นในทรวงถ่วงอุรา

มองรอบตัวก็มัวหม่นดูล้นหลาม
ลมก็หยามขามใจอันใดหนา
ไร้ระผิวริ้วระลอกนอกกายา
แต่เจ็บชาเข้าหาใจให้ไหวทรวง

ค่ำคืนนี้มีแต่เราที่เฝ้าหาด
ดาวก็ดาษกลาดเกลื่อนเหมือนเเดนสรวง
ทุกสิ่งอย่างก้าวย่างไปไม่มีลวง
สิ่งทั้งปวงดวงใจเจ้าเข้าใจเอง

จะมัวนั่งฟังเสียงลมตรมถึงไหน
ควรกลับไปอย่าให้จิตคิดข่มเหง
พินิจดูให้รู้ถึงซึ่งตัวเอง
อย่าหวั่นเกรงควรเร่งรู้ดูแลตน				
15 กันยายน 2552 00:37 น.

เวี่ยแว่ว แผ่วแดนไกล

วาวเดือน

การเวกแว่ว แผ่วสำเนียง เสียงขับขาน
ในวิมาน สถานฟ้า ปักษาสรวง 
เสียงไพเราะ เสนาะซึ้ง ตราตรึงทรวง
แสนโชติช่วง เหมือนลวงโศต เขาโจษจัน

สำเนียงแว่ว เจื้อยแจ้วดัง ฟังระรื่น 
ฟ้าก็ตื่น ดูชื่นฉ่ำ ลำนำขัน
หาเจ้าของ แห่งเสียงแว่ว ในแววจันทร์
ที่ขานขัน ก็พลันหาย มลายไป

ไม่เห็นตัว ดูมัวหม่น บนท้องฟ้า
เหนือเมฆา ถลาร่อน ว่อนไปไหน
หรือว่าเสียง เป็นเพียงแว่ว แผ่วแสนไกล
สุราลัย ในความฝัน หรือฉันใด

เหมือนเสียงเรียก เพรียกรัก สมัครมั่น
มันเฟือนฟั่น ลั่นในหู ดูหวั่นไหว
เสียงผะแผ่ว แว่วหาย พายพัดไป
ฟังรำไร คล้ายไกลลิบ กระซิบมา

เมื่อเงี่ยฟัง ก็วังเวง ดังเพลงเศร้า
คล้ายเรียกเรา แต่เบาบาง กลางเวหา
มันลางเลือน เหมือนห่างหาย กำจายมา
เมื่อมองหา กลับซาเสียง เป็นเพียงลม

เสียงการเวก ก็เฉกกัน ฉะนั้นหนอ
ดุจเสียงคลอ พะนอรัก มักขื่นขม
คล้ายได้ยิน แต่ภิณท์พัง นั่งตรอมตรม
เป็นเพียงลม ห่มไอเหงา เคล้าน้ำตา

เหตุไฉน ใยโศตลวง ดวงถวิล
ดุจเศษดิน ที่สิ้นหวัง ดังที่หา
เหมือนหนึ่งเรา หลงเงาเสียง เยี่ยงพสุธา
คอยวาจา แต่หาไม่ ในแดนดิน				
9 กันยายน 2552 12:01 น.

ฟ้าหลังฝน

วาวเดือน

พิรุณโรย โปรยปราย สายฟ้าแลบ
แสงปลาบแปลบ แวบวาบ เหมือนภาพหลอน
เสียงสะเทือน เลื่อนลั่นมา ดุจฟ้าคลอน
ทิฆัมพร ก็ร้อนรน เพราะฝนแรง

ฟ้าสว่าง ก็พร่างพราย ด้วยลายเมฆ
ดุจปั้นเสก ด้วยเมฆครึ้ม อึมครึมแสง
หวาดผวา นภากาศ หวาดระแวง
ด้วยเสียงแสง แห่งฟ้าโกรธ พิโรธมา

แต่เมื่อสิ้น ดินฟ้า โกรธานั้น
ฟ้าก็พลัน เหมือนวันใหม่ ให้หรรษา
ไร้พยับ เมฆหมอกฝน บนนภา
แสงทิวา ฟ้ากระจ่าง สว่างวัน

เหมือนชีวิต ที่ผิดหวัง พังพินาศ
มีทั้งขลาด หวาดไหว ไร้สุขสันต์
ทางดำเนิน เกินจะย่าง เหมือนทางตัน
อีกพลิกผัน หันชีวิต บิดเบือนไป

อุปสรรค ที่กักกั้น นั้นถาโถม
พือพัดโหม โรมรัน ให้หวั่นไหว
แต่หากสู้ กู้ชีวิต พิชิตใจ
ก็แก้ไข ให้สว่าง ในทางตัน

ฟ้าหลังฝน ย่อมใสสด งดงามยิ่ง
เหมือนละทิ้ง สิ่งมัวหมอง ไม่ปองขวัญ
ชีวิตคน ก็วนเวียน ไม่เพี้ยนกัน 
ทุกข์มหันต์ ก็พลันสุข สนุกใจ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวาวเดือน
Lovings  วาวเดือน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวาวเดือน
Lovings  วาวเดือน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวาวเดือน
Lovings  วาวเดือน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงวาวเดือน