12 ตุลาคม 2553 17:19 น.

มิติรัก...ใต้เงาจันทรา ฉบับปรับปรุง ตอนที่2

ส.ธนาศิษฏ์

งานตัดจุกบ้านคุณท้าวนางเยาวลักษณ์จัดขึ้นอย่างเอิกเลิกไม่แพ้ลูกเจ้านายชั้นสูง  ไม่ว่าจะเป็นขุนนางใหญ่น้อยต่างก็มาร่วมงานนี้กันอย่างคับคั่ง  และเห็นจะขาดเสียไม่ได้เลยคือคุณท้าวทองกีบม้าภรรยาของท่านเจ้าพระยาวิชาเยนต์ซึ่งเป็นสหายชาวต่างชาติของเจ้าคุณย่า
	เป็นอย่างไรบ้างลูกโตเป็นสาวแล้วนะเจ้า  อีกสองสามเดือนย่าจะส่งเจ้าไปอยู่กับแม่เจ้าในตำหนักหลวง  เป็นข้ารองบาทพระเดชพระคุณสมเด็จฯท่าน  หรือไม่ก็ไปอยู่ตำหนักหม่อมห้ามท่านข้างในจะได้เรียนรู้วิถี ขนบชาววัง
	ฉันรู้สึกใจคอไม่ดีเลย  ฉันไม่อยากจะเติบโตเป็นสาวเลยจริง ๆ เพราะฉันจะไม่มีโอกาสได้มาวิ่งเล่นเป็นเด็ก ๆ แบบนี้อีกแล้วน่ะสิ น้ำผึ้งแก้วเอ่ยเบา ๆ กับแม่อิ่มพี่เลี้ยงของหล่อน  ในขณะที่นั่งก้มมองผ้าผ่อนที่สวมใส่ด้วยความเบื่อหน่าย
	เจ้าคุณย่ายืนคุยอยู่กับแขกเหลื่อที่มาในงาน  น้ำผึ้งแก้วแอบมองทุกคนทางหน้าต่างห้องด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายตามประสาเด็ก
	เมื่อถึงเวลาพระสวดน้ำผึ้งแก้วก็นั่งพับเพียบประนมมือรอการตัดจุก  สีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความทุกข์อันแสนสาหัสจนกระทั่ง
	เดี๋ยวขอรับ
	เจ้าคุณพ่อ!!!! น้ำผึ้งแก้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีใจมาก ลูกนึกว่าเจ้าคุณพ่อจะไม่มาเสียแล้ว
	มาสิลูกพ่อต้องมาให้ทันเจ้าตัดจุกเรื่องสำคัญแบบนี้เป็นอะไรพ่อจะไม่มาเล่า
	น้ำผึ้งแก้วกอดเจ้าคุณพ่อไว้แน่น  เธอเหลือบไปเห็นคุณมาลีเมียรองของเจ้าคุณพ่อพร้อมด้วยเด็กผู้ชายหัวจุกสามคน และเด็กผู้หญิงผมแกละอีกหนึ่งคน  รุ่นราวห่างจากเธอไม่มากนัก  ราว ๆ สามถึงสี่ปี  ลักษณะเด็กทั้งสี่คนนี้น่าจะเป็นลูกหัวปีท้ายปีเป็นแน่แท้  เมื่อเธอเห็นดังนั้นจึงละแขนออกจากเอวของท่านแล้วก็จ้องหน้าท่านด้วยความรู้สึกที่เจ็บใจ
	เจ้าคุณแม่ของลูกไปอยู่เสียที่ไหนทำไมเจ้าคุณพ่อถึงทำเยี่ยงนี้
	น้าเขาอยากจะมาดูลูกน่ะพ่อก็เลย
	น้ำผึ้งแก้วไม่ยอมตอบอะไรทั้งนั้น  หล่อนนั่งนิ่งจนพิธีตัดจุกเป็นอันว่าเสร็จสิ้น  หล่อนเดินกลับไปยังห้องของหล่อนจากนั้นก็ไม่ยอมออกมาเลย  หล่อนนอฟุบอยู่ที่เตียงแล้วก็ร้องไห้  ไม่มีใครตอบได้ว่าหล่อนเป็นอะไร  ไม่ว่าเจ้าคุณพ่อของหล่อนจะถามบ่าวไพร่กี่คนก็ไม่มีใครรู้ว่าหล่อนทำไมถึงไม่ยอมออกมาจากห้อง  เจ้าคุณพ่อรู้สึกผิดหวังมากที่ลูกสาวทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย
	รุ่งสาง  น้ำผึ้งแก้วห่มผ้าแถบสีไพรนุ่งผ้าจีบสีกลักคลานเข่าเข้ามานั่งใกล้ ๆ คุณท้าวนางเยาวลักษณ์พร้อมกับช่วยจีบหมากจีบพลูอย่างละเอียดลออ  คุณย่าของหล่อนหยิบหมากเจี๋ยนบาง ๆ ขึ้นมาดม
	เจ้าคุณย่าเจ้าคะ  หลานอยากจะไปอยู่ในวังกับเจ้าคุณแม่เสียวันนี้เลย คุณย่าวางหมากลง  ชำเรืองมองหลานรักด้วยความแปลกใจ
	ทำไมมารบย่าแต่เช้าล่ะลูกทุกทีเจ้าบอกเองไม่ใช่รึว่าไม่อยากไปอยู่ในวัง  เจ้ากลัวว่าจะไม่มีเพื่อนไม่ใช่รึ
	หลานโตแล้วนะเจ้าคะ  ไม่ต้องมีเพื่อนก็ได้เพียงแต่หลานไม่อยากจะอยู่ที่นี่อีกแล้ว  หลานอยากจะไปเป็นข้าหลวงของสมเด็จฯ ท่าน  เจ้าคุณย่าจะให้หลานไปไหมเจ้าคะ
	เอาก็เอา  รีบไปเปลี่ยนผ้านุ่งแล้วตามย่ามา
	เจ้าคุณย่านั่งกรองดอกไม้ใส่พานพร้อมธูปเทียนแพ  เมื่อน้ำผึ้งแก้วแต่งตัวเสร็จ  เจ้าคุณย่าก็นำสังวาลเส้นโตมาคล้อง  จากนั้นก็ส่งพานให้หล่อนและเดินนำไปยังท่าน้ำเพื่อลงเรือเก๋งที่จอดเทียบท่าอยู่
	เจ้าคิดดีแล้วรึ
	เจ้าค่ะ
	รู้จักโตสักทีถ้าไปถึงก็อย่าร้องโยเยกลับบ้านล่ะ  น้ำผึ้งแก้วลงเรือไปพร้อมกับคุณย่า  หล่อนรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่พบเห็น 
	นี่เป็นครั้งแรกที่น้ำผึ้งแก้วจะได้เข้าวังไปถวายตัวเพื่อเป็นข้ารองพระบาทสมเด็จฯท่าน  หล่อนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ชั่วข้ามคืนหลังจากที่หล่อนรู้สึกได้ว่าเหตุใดเจ้าคุณแม่ของหล่อนจึงไม่ยอมกลับมาใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าคุณพ่ออีก
	เจ้าคุณย่าพาหล่อนขึ้นจากเรือที่ท่าขุนนาง  หล่อนเดินตามหลังเจ้าคุณย่าไปติด ๆ พร้อมทั้งแม่อิ่มพี่เลี้ยง  นางม้วน  และนางไลบ่าวรับใช้คอยติดตามเดินถือสัมภาระตามไปด้วย  หล่อนเดินเลาะกำแพงวังตามเจ้าคุณย่าทางด้านหลังซึ่งเจ้าคุณย่าบอกว่านี่เป็นที่ประทับของเจ้าจอมหม่อมห้าม  และเป็นที่อยู่ของนางในพร้อมทั้งชี้ให้มองตึกที่ตั้งตระหง่านอยู่ไกล ๆ  สักครู่หนึ่งก็เลี้ยวเข้าประตูชั้นนอก หล่อนยิ่งรู้สึกตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น เพราะภายในบริเวณวังนั้นเต็มไปด้วยตึกใหญ่โตมโหฬาร และอาคารไม้แปลกตา  ผู้คนเบียดเสียดเยียดยักกันตลอด เจ้าคุณย่าพาเดินเลาะกำแพงวังไปผ่านของที่วางขายมีมากมายเหลือเกิน หล่อนมองซ้ายมองขวาเห็นแต่ผู้คนเรียงรายจับจ่ายซื้อของกันให้จ้าละหวั่น  ดูแออัดเสียด้วยซ้ำ  มีทั้งฝรั่ง  คนญวนและชาวอยุธยา  พอมาถึงกำแพงสูงทึบอีกชั้นหนึ่ง จะมีประตูบานใหญ่เปิดกว้างอยู่ คนที่เดินเข้าออกประตูล้วนเป็นผู้หญิงทั้งสิ้น  หล่อนเดินข้ามธรณีประตูที่สองมาก็เห็นมีแต่ผู้หญิงร่างใหญ่ยืนเฝ้าประตูท่าทางขึงขัง  หล่อนรู้สึกหวาดหวั่นใจอย่างไรบอกไม่ถูก  โขลนนั่งเรียงลำดับชั้นตามบรรดาศักดิ์  พวกเขาจ้องมองหล่อนด้วยสายตาอันน่ากลัว หล่อนรีบเดินตามติดเจ้าคุณย่าเพื่อที่จะได้หาคนปกป้อง  เจ้าคุณย่าเจ้าขา  ทำไมเราถึงต้องเข้าประตูหลังล่ะเจ้าคะ หล่อนเอ่ยถาม
ประตูนี้เป็นทางผ่านของนางในเท่านั้น เสียงของเจ้าคุณย่าแผ่วเบา  
คุณแม่อยู่ใกล้ ๆ อีกฟากประตูเท่านั้นเอง...หล่อนนึก  คุณย่าพาหล่อนเลาะเลี้ยวผ่านตำหนักน้อยใหญ่  ท่านชี้ให้ดูตำหนักแต่ละตำหนักที่มีทั้งโอ่โถงสวยงาม  และตำหนักเล็ก ๆ อีกหลายหลัง  ตำหนักแต่ละตำหนักล้วนแล้วแต่งกายไม่เหมือนกัน  ตำหนักไหนเป็นชาวเหนือก็จะแต่งกายอย่างชาวเหนือ  บางตำหนักเป็นชาวมอญ  บางตำหนักเป็นหญิงงามที่มาจากชวา  ตำหนักเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นตำหนักของเจ้าจอมหม่อมห้ามทั้งนั้น  แต่ตำหนักที่เจ้าคุณย่าพามานี้คนที่ยืนอยู่หน้าประตูกลับแต่งกายอย่างชาวกรุงศรีโดยแท้  กิริยามารยาทผิดกับคนข้างนอกราวฟ้าดิน
	คุณย่าคลานเข่าเข้าไปด้านในตึกหลังเล็กซึ่งอยู่หน้าพระตำหนักใหญ่ซึ่งมองเห็นยอดพระมณฑปได้ชัดเจน  แม่นิ่ม เจ้าคุณย่าเรียกผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังนั่งหันหลังกรองมาลัยอยู่ภายในห้องโถงขนาดใหญ่  ผู้หญิงคนนั้นค่อย ๆ หันมาแล้วยิ้มละไมจากนั้นก็กราบเจ้าคุณย่าด้วยท่าทางที่อ่อนน้อม
	ทายสิใครมาด้วย คุณย่าเอ่ยพร้อมทั้งแอบกวักมือเรียก ฉันจึงเดินออกจากข้างหลังของเจ้าคุณย่า  คุณแม่ถึงกับยิ้มด้วยความดีใจ  น้ำผึ้งแก้วจึงเดินเข้าไปกอดด้วยความคิดถึงหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานเกือบ 2 ปี
	เอาละอย่ามัวดีใจอยู่เลยข้าหลวงตัวน้อยกำลังจะเข้าเฝ้าถวายตัวไปน้ำผึ้งแก้วเอาพานนั่นถือตามมาและอย่าลืมทำตามที่ย่าบอกล่ะ
	น้ำผึ้งแก้วถือพานธูปเทียนแพเดินตามไปยังพระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาทหล่อนค่อย ๆ หมอบคลานมายังหน้าพระที่นั่งท่ามกลางขุนนางใหญ่น้อยที่มาเข้าเฝ้ายามออกว่าราชการ
	นั่นคุณท้าวนางเยาวลักษณ์ใช่หรือไม่
	เพคะหม่อมฉันพาข้าหลวงคนใหม่เข้าเฝ้าถวายการรับใช้เพคะ
	เด็กนั่นน่ะหรือบะ!!!ยังเด็กอยู่เลยจะใช้การได้รึ
	ได้เพคะ  หม่อมฉันสั่งสอนมาเป็นอย่างดี คุณย่าเอ่ยพร้อมกับหมอบราบอยู่อย่างนั้น
	หลานสาวเจ้ารึ
	เพคะ
	ดีมาใกล้ ๆ ข้า ส่งพานนั่นมา
	เสียงเสด็จฯ พระองค์ทรงสรวญดังลั่น  น้ำผึ้งแก้วค่อย ๆ คลานเข่าพร้อมทั้งยกพานขึ้นไว้เหนือหัวใบหน้าก้มมองพื้นตลอดเวลา  หล่อนชำเลืองไปเห็นคุณหลวงบดินทร์นฤนาถซึ่งนั่งมองมายังหล่อนพร้อมกับยิ้มหวาน ๆ ให้  หล่อนหันกลับมายังพระที่นั่งและยกพานยื่นให้มหาดเล็กรักษาพระองค์  มหาดเล็กนำพานนั้นทูลเกล้าถวายให้กับสมเด็จฯ ท่าน  พระองค์ทรงสรวญดังเข้าไปอีกแล้วก็ตรัสรับสั่งถามต่าง ๆ นานา
	มาลัยนี่กรองเองหรือไม่
	เจ้าคุณย่าท่านกรองเพคะฝ่าบาท
	รู้จักพูดเพคะเพขา  หัดจากใครเล่าเจ้า
	ไม่ได้หัดจากใครเพคะ  หม่อมฉันฟังจากเจ้าคุณย่าท่านพูดเจ้าค่า หล่อนเอ่ย
	ทำอะไรเป็นบ้างเล่าเจ้า
	ทำเป็นหลายอย่างเพคะ
	หลายอย่างน่ะอะไรบ้าง
	ก็สุดแล้วแต่จะรับสั่งเพคะ  หากทำไม่ได้ก็หัดทำได้เพคะ
	อืมหลานเจ้าคนนี้ช่างพูดช่างจาผิดกับแม่ของมัน
	เจ้าคุณย่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นสมเด็จฯ ท่านทรงพอพระทัยจากนั้นก็คลานหลบไปทางอื่นปล่อยให้หลานสาวนั่งหมอบกราบอยู่ที่หน้าท้องพระโรงจนกว่าสมเด็จฯ ท่านจะตรัสสั่งให้ไป
	ชื่ออะไรเล่าเจ้า
	น้ำผึ้งแก้วเพคะ
	อายุเท่าไรกัน  นี่เพิ่งตัดจุกใช่ไหมเจ้า
	เพคะ
	น้ำผึ้งแก้วข้าหลวงที่อายุน้อยที่สุดของข้า  ข้าจะให้เจ้ามีหน้าที่ล้างพระบาทข้ายามตื่นนอน  และก่อนนอนจะได้หรือไม่  ทำเป็นหรือไม่เจ้า
	เป็นพระมหากรุณาธิคุณเพคะ  น้ำผึ้งแก้วรับคำพร้อมทั้งยกปลายมือกระดกขึ้น
	เอาอย่างนี้เจ้าตามคุณเท้านางเยาวลักษณ์ไปแล้วไปฝึกซ้อมมา  ข้าจะให้เจ้าทำงานวันนี้แหละ  หวังว่าเจ้าคงไม่ทำข้าวของเสียหายอย่างนางรื่นข้ารองบาทคนก่อนของข้าหรอกนะ
	น้ำผึ้งแก้วค่อย ๆ คลานกลับมาหาเจ้าคุณย่าของหล่อน  จากนั้นก็เดินออกจากท้องพระโรงไปท่ามกลางขุนนางใหญ่น้อยที่แอบอมยิ้มอยู่  หล่อนหันกลับมามองคุณหลวงบดินทร์นฤนาถแล้วก็อมยิ้มจากนั้นก็หันกลับไป
	
	ผึ้งผึ้งผึ้งตื่นได้แล้ว!!!! ส้มเอ่ย สายแล้วนะเดี๋ยวก็ทำงานไม่ทันหรอก
	เออ ๆ รอก่อนละกันเดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อน
	เร็ว ๆ นะ ส้มเอ่ยพร้อมกับเตรียมข้าวของให้กับผึ้งอย่างรวดเร็ว เฮ้ย...เสร็จหรือยัง  เดี๋ยวสายจริง ๆ นะนี่มันจะเก้าโมงแล้ว ส้มเร่ง
	ขณะที่ขับรถทำงานผึ้งก็เล่าเรื่องในความฝันให้ฟัง  ฉันว่าเธออยากได้บ้านหลังนั้นจนเก็บมาฝันซะมากกว่า ส้มเอ่ยขึ้น
	ท่าจะจริง... ผึ้งเปรย  ทำไมเราต้องฝันเห็นเด็กคนนั้นด้วย  โกนหัวเสียมันแผล็บเลย  หากเป็นเด็กสมัยนี้คงอายแย่  อายุอานาน่าจะ 11 ได้มั้ง...เธอนึกไปยิ้มไป
งานแรกทั้งคู่ทำนั้นเป็นงานไม่ยากนักสำหรับไกด์ที่เชี่ยวชาญเรื่องประวัติศาสตร์  อีกทั้งช่วงนี้พวกเธอต้องทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับสมเด็จพระนารายณ์มหาราชอีกด้วย   ทำให้มีความสนใจและเชี่ยวชาญเป็นพิเศษอย่างแน่นอน  แต่งานนี้ก็ดูจะต้องใช้คำพูดอย่างระมัดระวังสักหน่อย  เพราะคนที่พวกเธอจะพาเที่ยวนั้นเป็นคณะตำรวจที่มาจากกรุงเทพฯ และต้องการรู้เรื่องของพระราชวังทั้งสองแห่งในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสรรเพชญเป็นอย่างดี  อีกอย่างพวกเธอได้ทราบถึงข่าวแว่วที่ว่ามีนายตำรวจคนหนึ่งเป็นโรคช่างถาม  ช่างติ  อวดภูมิรวมกลุ่มมาด้วยแล้วต้องยิ่งระวังใหญ่
กลุ่มนายตำรวจใหม่ยืนเข้าแถวฟังมัคคุเทศก์สาวบรรยายเรื่องราวของพระราชวัง  และประวัติของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชตรงบริเวณแนวทางเดิน  ซึ่งอยู่ระหว่างประตูชั้นนอกและประตูชั้นกลางของวังนารายณ์ราชนิเวศน์
วังนารายณ์คู่บ้าน ศาลพระกาฬคู่เมือง ปรางค์สามยอดลือเลื่อง เมืองแห่งดินสอพอง แผ่นดินทองสมเด็จพระนารายณ์  ส้มเอ่ยขึ้น นี่เป็นคำขวัญประจำจังหวัดลพบุรีนะคะ  แต่เอ...มีใครทราบมั๊ยคะว่าคำขวัญส่วนที่เพิ่มเข้ามาคืออะไร? ส้มถาม  นายตำรวจคนหนึ่งยกมือขึ้น
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ไงครับ 
เก่งมากค่ะ  ผู้หมวดธรรม์ เธอเหลือบไปมองป้ายชื่อของเขา  ทำการบ้านมาดีมากค่ะ เธอเอ่ยชมอีกครั้ง วังนารายณ์คู่บ้าน ศาลพระกาฬคู่เมือง ปรางค์สามยอดลือเลื่อง เมืองแห่งดินสอพอง  เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เกริกก้อง  แผ่นดินทองสมเด็จพระนารายณ์...ขอต้อนรับสู่จังหวัดลพบุรีค่ะ ทุกคนปรบมือกันดังลั่น
ขอเกริ่นประวัติคร่าว ๆ ของลพบุรีก่อนนะคะ  ลพบุรีเป็นเมืองแห่งความหลากหลายและต่อเนื่องทางวัฒนธรรมยาวนานกว่า 3,000 ปี ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน นักโบราณคดีค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ตั้งแต่สมัยทวาราวดี ราว ๆ พุทธศตวรรษที่ 11-16 นะคะ  ลพบุรีอยู่ใต้อำนาจมอญและขอมจนกระทั่งในตอนต้นของพุทธศตวรรษที่ 19 คนไทยจึงเริ่มมีอำนาจขึ้นในดินแดนแถบนี้ ในรัชสมัยของพระเจ้าอู่ทองปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ลพบุรีนั้นมีฐานะเป็นเมืองลูกหลวง เพราะพระเจ้าอู่ทองได้โปรดให้พระราเมศวรพระราชโอรสองค์โตเสด็จมาครองเมืองลพบุรี  เมื่อปีพุทธศักราช 1893 พระราเมศวรโปรดให้สร้างป้อม  ขุดคู  และสร้างกำแพงเมืองอย่างมั่นคง เมื่อพระเจ้าอู่ทองสวรรคตในปีพุทธศักราช 1912 พระราเมศวรถวายพระราชบัลลังก์ให้แก่พระปิตุลาของพระองค์  ซึ่งได้ขึ้นครองราชย์พระนามว่าพระบรมราชาธิราชที่ 1 ส่วนพระราเมศวรครองเมืองลพบุรีสืบต่อไป จนถึงปีพุทธศักราช 1931 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 สวรรคต พระราเมศวรจึงเสด็จขึ้นครองราชย์ ณ กรุงศรีอยุธยาค่ะ ผึ้งเอ่ยขึ้นพร้อมกับแจกเอกสาร
หลังจากนั้นมาเมืองลพบุรีได้ลดความสำคัญลงไป ส้มเอ่ย จนกระทั่งมาถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พ.ศ. 2199-2231 ลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงครั้งใหญ่ สืบเนื่องมาจากการคุกคามของชนชาติฮอลันดาที่ติดต่อค้าขายกับไทย ทำให้สมเด็จพระนารายณ์ทรงเห็นว่ากรุงศรีอยุธยานั้นไม่สู้ปลอดภัยจากการปิดล้อมระดมยิงของข้าศึกหากเกิดสงคราม ทรงดำริให้สร้างเมืองลพบุรีเป็นราชธานีแห่งที่สองขึ้น เพราะลพบุรีมีลักษณะทางยุทธศาสตร์เหมาะสม ในการสร้างลพบุรีขึ้นใหม่ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงได้รับความช่วยเหลือจากช่างชาวฝรั่งเศสและอิตาเลียน และได้สร้างพระราชวังและป้อมปราการเป็นแนวป้องกันอย่างแข็งแรง สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้ประทับอยู่ที่ลพบุรีเป็นส่วนใหญ่ และโปรดให้ทูตและชาวต่างประเทศเข้าเฝ้าพระองค์ที่เมืองนี้หลายครั้ง  แต่น่าเสียดายค่ะเมื่อสิ้นรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ฯ แล้ว ส้มทอดถอนใจ ลพบุรีก็หมดความสำคัญลง  ครั้นสมเด็จพระเพทราชาครองราชย์ทรงย้ายหน่วยราชการทั้งหมดกลับกรุงศรีอยุธยา ในรัชกาลต่อ ๆ มา ก็ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดเสด็จมาประทับที่เมืองนี้อีก จนกระทั่งถึงรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในปีพ.ศ. 2406 โปรดฯ ให้บูรณะเมืองลพบุรี ซ่อมกำแพง ป้อม และประตูพระราชวังที่ชำรุดทรุดโทรม และสร้างพระที่นั่งพิมานมงกุฎขึ้นในพระราชวังเป็นที่ประทับ และพระราชทานนามว่าพระนารายณ์ราชนิเวศน์ลพบุรีจึงแปรสภาพเป็นเมืองสำคัญอีกวาระหนึ่ง ส้มเล่าต่อ
ได้เอกสารกันครบแล้วใช่มั๊ยคะ ผึ้งเอ่ยถาม  ทุกคนพยักหน้า  ต่อกันเลยนะคะ  ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงอีกครั้งหนึ่งในสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งได้สร้างเมืองลพบุรีใหม่อันเป็นเมืองทหารอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของทางรถไฟ มีอาณาเขตกว้างขวาง ส่วนเมืองเก่านั้นอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของทางรถไฟ เมืองลพบุรีจึงเป็นศูนย์กลางสำคัญทางยุทธศาสตร์เมืองหนึ่งในปัจจุบันนี้ ลพบุรีอยู่ห่างจากกรุงเทพฯประมาณ 153 กิโลเมตร มีเนื้อที่ทั้งหมด 6,586.67 ตารางกิโลเมตร   ทิศเหนือ  ติดต่อกับจังหวัดเพชรบูรณ์ และนครสวรรค์ ทิศใต้  ติดต่อกับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสระบุรี  ทิศตะวันออก  ติดต่อกับจังหวัดนครราชสีมา และชัยภูมิ  ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดสิงห์บุรีอ่างทอง และนครสวรรค์ค่ะ
คุณสองคนจำแม่นจังเลยครับ นายตำรวจคนหนึ่งเอ่ย
เป็นหน้าที่ของพวกเราค่ะที่ต้องจดจำเรื่องราวต่าง ๆ ให้ได้ค่ะ ส้มตอบ
เงาดำทะมึนยืนเท้าสะเอวอยู่ทางด้านหลังของน้ำผึ้ง  ใบไม้สั่นไหวไปหมดราวกับจะเกิดพายุ  ไอ้เพื่อนทรยศ! เสียงใครคนนั้นดังขึ้นก้องหูนายตำรวจหนุ่ม  เขาแหงะมองอยู่หลายครั้งแต่กลับไม่พบอะไร  มีเพียงเพื่อน ๆ ที่ใจจดใจจ่อฟังมัคคุเทศก์สาวพราวเสน่ห์สองคนพูด
สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสรรเพชญ  หรืออีกพระนามนึงคือสมเด็จพระนารายมหาราชย์นั้นทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีความสำคัญมากในหลาย ๆ เรื่อง  ทั้งเรื่องกวี  เรื่องการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ  เรื่องการทูต  เรื่องการรบ  เรื่องของศาสนาก็ตาม  แต่สิ่งที่สำคัญที่ทำให้คนไทยอ่านออกเขียนได้ในสมัยนี้คือการมีแบบเรียนเล่มแรกของประเทศไทย  ทราบมั๊ยคะว่าแบบเรียนเล่มแรกคือหนังสืออะไร ผึ้งเอ่ยขึ้นในขณะที่ทุกคนดูเงียบงันและตั้งอกจั้งใจฟังโดยไม่ตอบปัญหาอะไรเลย แบบเรียนเล่มแรกคือหนังสือจินดามณีค่ะ  ที่มีการสอนผันอักษร  การเขียนกาพย์  โครง  กลอน  ร่าย  ฉันท์  หรืออื่น ๆ อีกน่ะค่ะ
เหมือนมานะมานีหรือเปล่าครับ นายตำรวจคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
ค่ะ  แต่ว่าจะมีเนื้อหามุ่งเรียนอย่างเดียว  ไม่เหมือนมานะมานีที่เราเรียนกันตอนเด็ก ๆ หรอกค่ะ ผึ้งเอ่ยขึ้นก่อนที่จะเดินพาชมเขตพระราชฐาน
เดี๋ยวครับ...! นายตำรวจคนนั้นเอ่ยขึ้นส้มและผึ้งจึงหันมา เท่าที่จำได้สมเด็จพระนารายณ์ทรงชิงบัลลังก์จากอาไม่ใช่หรือครับ  ทำไมคุณไม่เห็นเล่าเหตุการณ์ก่อนที่จะขึ้นครองราชย์ล่ะ
อ๋อ...ผู้หมวดอยากให้เล่าส่วนนี้ด้วยหรือคะ
ครับ
เหตุเกิดจากที่ว่าพระศรีสุธรรมราชาธิราช  กษัตริย์องค์ที่ 26 แห่งกรุงศรีอยุธยานั้นปรารถนาใคร่สิเหน่หาพระราชกัลยาณีพระขนิษฐาของสมเด็จพระนารายณ์  และสั่งให้ถวายตัวแต่พระราชกัลยาณีไม่ยอม  เมื่อความรู้ถึงสมเด็จพระนารายณ์จึงทรงกริ้วมาก  เพราะพระขนิษฐาองค์นี้เป็นที่รักของพระองค์จึงทำให้เกิดการชิงบัลลังก์กันขึ้นอีกครั้ง  และการปฏิวัติครั้งนี้ก็สำเร็จทำให้พระองค์สถาปนาองค์เองขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ค่ะ  เสียงปรบมือดังขึ้นทำให้ส้มและผึ้งยิ้มและหันมามองหน้ากัน แต่ก่อนที่จะปฏิวัตินั้นทรงตรัสกับคนสนิทว่า  อนิจจา พระเจ้าอา ... ควรหรือมาเป็นดังนี้ พระองค์ปราศจากหิริโอตัปปะแล้ว ไหนจะครองราชสมบัติเป็นยุติธรรมเล่า น่าที่จะร้อนอกสมณชีพราหมณ์  อาณาประชาราษฎร ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินเป็นแน่แท้ จะละไว้มิได้ ด้วยพระองค์ก่อแล้วจำจะสานตาม ผึ้งเอ่ยขึ้นพร้อมกับหันมามองทุกคน  แต่ทว่าทุกคนกลับพลันหายไปชั่วพริบตา  สิ่งที่เห็นโดยรอบคือผู้คนขวักไขว่  แต่งกายย้อนยุค  ประตูที่เคยเก่ากลับดูใหม่และงดงามยิ่ง  ชาวฝรั่งจับจ่ายใช้สอยบริเวณสิบสองท้องพระคลังหลวง  เกวียนหลายเล่มทยอยขนงาช้างออกมามากมายและค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปยังประตูวัง  ทำให้รู้สึกน่าตกใจยิ่งนัก  นี่เราตาฝาดไปหรือนี่  ทำไมมันดูเหมือนจริงขนาดนี้ล่ะ... เธอนึกพร้อมกับขยี้ตา
ชิชะ...เจ้านั้นอยากจะหัวขาดหรือ  ช่างกล้าเอาเรื่องเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินมาเล่าให้ขบขัน  ระวังเสียจักไม่มีหัวตั้งบนบ่าเสียกระมัง! เสียงหญิงวัยกลางคนตวาดดังขึ้นทำให้ผึ้งถึงกับสะดุ้งสุดตัว  เธอหันมามองต้นเสียงนั้นด้วยความประหลาดใจยิ่งนัก  อีกทั้งเด็ก ๆ ผมโก๊ะ  แกละ  ผมเปีย  ผมจุกกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังของเธอต่างวิ่งกันให้จ้าระหวั่นไปคนละทิศคนละทาง  แม่หญิงเจ้าคะ  มิบังควรนะเจ้าคะที่จะนำความเบื้องพระยุคลฯ มาเล่าให้เด็ก ๆ ฟังเป็นเรื่องขบขัน  หาไม่แล้วจักหัวขาดนะเจ้าคะ
ป้าเป็นใครน่ะ...  ฉันกำลังเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ให้กับคณะตำรวจฟังอยู่นี่...ป้าอย่ามาอำดีกว่า  ฉันไม่ขำด้วยหรอกนะ ผึ้งเอ่ยขึ้น
ตำรวจตำเริดอะไร  ไม่เคยได้ยิน!  แม่หญิงเจ้าคะเชิญด้านในเถอะค่ะ  เสด็จฯรออยู่ หญิงคนนั้นชี้ชวนให้เข้าไปในเขตพระราชฐานชั้นในเธอจึงหัวเราะดังขึ้น  สำรวมกิริยาด้วยเจ้าค่ะ หญิงคนนั้นเอ่ย แล้วแต่งตัวอะไรอย่างนี้ล่ะเจ้าคะ หญิงคนนั้นตำหนิพร้อมกับหยิกต้นแขนของเธอทันที
โอ๊ย...ป้า! นี่จะมากไปแล้วนะ  ฉันอยู่ของฉันดี ๆ แล้วมาหยิกกันทำไมเนี่ย  ฉันเป็นมัคคุเทศก์  และไม่เคยรู้จักเสด็จฯอะไรของป้าด้วย  แล้วนี่ลูกทัวร์ฉันไปไหนหมดแล้วเนี่ย  ป้านี่...! ผึ้งเอ่ยดังขึ้นพร้อมกับหันกลับมาฝั่งทางออกของประตูวังทันที อ้าว...ไปไหนมาน่ะ  ปล่อยให้ใครไม่รู้มาดุฉันใหญ่เลย ผึ้งเอ่ยขึ้นเมื่อหันมาเห็นส้ม
ฉันน่าจะถามเธอมากกว่านะว่าเธอบ่นอะไรของเธอ  จู่ ๆ ก็หายไป  แล้วจู่ ๆ ก็บ่นบ้าอะไรเนี่ย  ดูสีหน้าพวกเขาสิ  เขาคงนึกว่าเธอบ้าแล้วมั้ง ส้มเอ่ย  นั่นแน่...หรือว่าเธอหัวเสียตาผู้หมวดช่างลองภูมินั่นหะ...
เปล่าซะหน่อย  อย่ามาแหย่ฉันเลย  สงสัยฉันจะตาฝาดไป ผึ้งเอ่ยพร้อมกับพาทุกคนเดินเข้าไปดูบริเวณอ่างเก็บน้ำสมัยโบราณทันที
อ่างเก็บน้ำนี้  เป็นที่กักเก็บน้ำ ตรงพื้นที่จะมีท่อดินเผาฝังอยู่เป็นจำนวนมาก เพื่อจ่ายน้ำไปทั่วเขตพระราชฐาน  คือการมีน้ำประปาใช้ครั้งแรกในสมัยนี้นี่เองค่ะ น้ำที่นำมาเก็บกักไว้ในอ่างน้ำนี้เป็นน้ำที่ไหลมาตามท่อดินเผาจากอ่างซับเหล็ก  จากบันทึกของชาวฝรั่งเศสกล่าวว่าระบบการจ่ายทดน้ำ ส้มเอ่ยพร้อมกับชี้ให้ทุกคนดูซากอ่างเก็บน้ำ  เป็นผลงานของชาวฝรั่งเศสและอิตาลี  น้ำที่เก็บในบริเวณอ่างนี้จึงเป็นน้ำที่ไหลมาจากอ่างซับเหล็กค่ะ ส้มและผึ้งจึงพาทุกคนเดินตรงไปยังสิบสองท้องพระคลังซึ่งอยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำต่อ
ส่วนตึกทางด้านนี้ที่เห็นอยู่นี่นะคะ  เรียกว่าหมู่ตึกสิบสองท้องพระคลังค่ะ มีลักษณะเป็นอาคารทึบเรียงชิดติดกันเป็น 2 แถวยาวอย่างที่เห็นนะคะ ผึ้งเอ่ยพร้อมกับชี้ให้ดูตึกทั้งสองแถวที่ตั้งตระหง่าอยู่ทั้งทางซ้ายมือและขวามือของทุก ๆ คน โดยมีถนนผ่ากลาง มีจำนวน 12 หลัง สันนิษฐานว่า เป็นคลังเพื่อใช้เก็บสินค้า  เก็บสิ่งของของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  ซึ่งพระองค์โปรดมาประทับที่ลพบุรี เป็นระยะเวลาหลายๆเดือน พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเมืองลพบุรีจนเจริญก้าวหน้า  โดยมีวิทยาการใหม่ๆ เช่น การต่อท่อประปาอย่างที่พาไปดูเมื่อกี้นะคะตรงอ่างเก็บน้ำน่ะค่ะ ผึ้งเอ่ยต่อพร้อมกับชี้ไปที่อ่างเก็บน้ำที่เดิมก่อนที่จะพูดต่อ และในสมัยนั้นเราก็มีน้ำพุเป็นแห่งแรกของประเทศด้วยค่ะ  เดี๋ยวดิชั้นจะพาไปอีกที่นะคะ  เดี๋ยวขอบรรยายตรงนี้ก่อนค่ะ ผึ้งเอ่ยขึ้นเพราะเกรงว่านายตำรวจคนนั้นจะเอ่ยขัดขึ้นมา  ต่อมาเมื่อสิ้นยุคของสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแล้ว  เมืองลพบุรีก็ซบเซา พระราชวังถูกทิ้งรกร้าง มีการรื้อศิลาแลงของพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ไปก่อสร้างวัดสระเกศ ราษฎรเข้าไปอยู่อาศัย ทำลายตึกสิ่งก่อสร้างเสียหาย ชำรุดทรุดโทรมอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ  และได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 4 ค่ะทำให้พระราชวังแห่งนี้กลับมามีความสำคัญอีกครั้ง  และมีการบูรณะฯอีกครั้งในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงครามค่ะ  หันกลับไปดูอาคารไม้สีเขียวตรงทางออกที่เรายืนเมื่อกี้กันนะคะ เธอชี้ลอดช่องลมไปให้เห็นอาคารไม้สีเขียวหลังนั้นทันที นั่นแหละค่ะคือเครื่องแสดงถึงการมาบูรณะฯในครั้งนั้น  ซึ่งอาคารหลังนั้นใช้สำหรับพ่อเมืองนั่นเอง
ผู้ว่าราชการน่ะค่ะ ส้มแทรกขึ้น สงสัยเรื่องน้ำพุใช่มั๊ยคะ  เอาละดิชั้นจะไขปริศนาตรงนี้ให้ค่ะ ส้มเอ่ยพร้อมกับเดินพาทุกคนไปยังตึกใกล้ ๆ ทันที ตึกที่เห็นตรงนี้นะคะ  เรียกว่าตึกเลี้ยงรับรองแขกเมือง เป็นสถานที่ที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงใช้การพระราชทานเลี้ยงแก่คณะทูตฝรั่งเศส ในปีพ.ศ.2228 ตามบันทึกของชาวฝรั่งเศสกล่าวว่า ตึกหลังนี้อยู่กลางอุทยานซึ่งแบ่งเป็นช่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสรอบตึกมีคูน้ำล้อมรอบภายในคูน้ำมีน้ำพุพุ่งเรียงรายได้ ระยะยาว 20 แห่งเชียวค่ะ ส้มเอ่ยพร้อมกับชี้ไปที่อ่างบัวที่อยู่รอบ ๆ บริเวณตึกทันที
แล้วเอาอะไรมาเป็นแรงดันน้ำครับ ผู้หมวดคนเดิมเอ่ย
เป็นคำถามที่ดีค่ะ  ผู้หมวด...เอ่อ  ส้มเอ่ย
ผมสุเมธครับ
ค่ะผู้หมวดสุเมธ  จริง ๆ แล้วการที่วิศวะ  น่าจะเรียกว่าอย่างนั้นนะคะ  วิศวะชาวฝรั่งเศสทำท่อส่งน้ำนั้นผ่านหลาย ๆ ที่โดยใช้วิธีกาลักน้ำ  คือน้ำจากที่สูงไหลลงที่ต่ำน่ะค่ะแล้วเกิดปัญหา  ท่อแตกตลอด  ทั้ง ๆ ที่ทำที่ฝรั่งเศสแล้วไม่มีปัญหาแบบนี้เลย  นั่นอาจจะเกิดจากอากาศที่นั่นหนาวเย็น  แต่ที่เมืองไทยอากาศในยามกลางวันหรือเที่ยงนั้นร้อนจัด  โดยเพาะช่วงเดือนเมษา  ทำให้ท่อดินเผาแตก  คนไทยนี่แหละค่ะที่คิดปั้นท่อให้เป็นรูกว้างประมาณนี้นะคะ ส้มเอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นทั้งสองข้างและประกบเป็นรูปวงกลมทันที  ทำให้การส่งน้ำในครั้งนั้นดีขึ้น  ท่อไม่แตก  อีกทั้งเกิดน้ำพุขึ้นครั้งแรกที่นี่อีกด้วยค่ะ ส้มเอ่ยพร้อมกับเดินพาไปตึกสุดท้ายซึ่งอยู่ตรงเขตพระราชฐานชั้นนอก
เหนื่อยหรือยังคะ  อย่าเพิ่งเหนื่อยนะคะ  ตึกนี้ตึกสุดท้ายในบริเวณเขตพระราชฐานชั้นนอกแล้วค่ะ  เดี๋ยวเราจะพักเบรกกันค่ะ ผึ้งเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินไปด้วยกันกับทุกคน  ท่าทางของทุกคนดูมุ่งมั่น  ต่างคนต่างจดบันทึก  บ้างก็ถ่ายรูป  บ้างก็ชวนกันคุย  ตึกตรงนี้นะคะเรียกว่าตึกพระเจ้าเหาค่ะ  เป็นหอพระประจำพระราชวัง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปที่ชื่อว่า พระเจ้าเหา หรือพระเจ้าหาวค่ะ  ซึ่งหาวแปลว่าท้องฟ้า  ที่นี่ก็เหมือนกับบ้านเรานี่แหละค่ะที่ต้องมีห้องพระใช่มั๊ยคะ  ผึ้งเอ่ยพร้อมกับอมยิ้ม  เอาละค่ะ  ของว่างรออยู่ที่ซุ้มแป๊บซี่นะคะ  เดี๋ยวเราเดินย้อนกลับไปจุดเดิมนะคะ
คุณผึ้งครับ ผู้หมวดรูปร่างท้วมคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินมาใกล้ ๆ ผมชอบที่คุณพูดมากเลย  แต่คุณผึ้งช่วยพูดให้ช้าลงนิดนึงได้มั๊ยครับ  ผมจดไม่ทันครับ
ไม่ต้องห่วงค่ะ  เดี๋ยวเราจะแจกเอกสารให้ภายหลังที่บรรยายเสร็จนะคะ  ผู้หมวด ผึ้งเหลือบไปมองป้ายชื่อที่คล้องคอ  ผู้หมวดณรงค์
ขอบคุณครับ  เขาเอ่ยพร้อมกับเดินเร่งไปยังกลุ่มเพื่อนซึ่งกำลังยืนเข้าแถวรับของว่าง
....................................2....................................				
10 ตุลาคม 2553 21:31 น.

มิติรัก...ใต้เงาจันทรา ฉบับปรับปรุง ตอนแรก

ส.ธนาศิษฏ์

ท่ามกลางความเงียบสงัด  เรือลำหนึ่งจอดอยู่กลางน้ำ  ในขณะที่เรืออีกลำหนึ่งค่อย ๆ แล่นมาจากอีกฟากหนึ่ง  เสียงขลุ่ยแว่วดังมาแต่ไกล  ผู้ชายแต่งกายโบราณสมัยอยุธยา  นุ่งโจงสวมเสื้อเนื้อต่วนปักดิ้นทองน้อยใหญ่  นั่งผิวขลุ่ยบนเรือกลางคลองเลือก  สายตาของเขาละห้อยหาจ้องมองแต่แสงนวลบนท้องนภา  เสียงขลุ่ยยังคงกังวานท่ามกลางความมืด  และความสงบบนท้องน้ำ  ฤารักเราจักเป็นเพียงความฝัน  ไม่มีวันนั้นวันที่ใจเต็มดวง...  ชายคนนั้นนึก  พลันหลบสายตาจากแสงจันทร์  เขาเหลือบไปเห็นเรือลำน้อยเป็นเงาตะคุ่ม ๆ มาจากที่ไกล  สายลมยะเยือก  หมอกลงปกคลุมผืนน้ำ  เห็นเพียงแสงจันทรานวลผ่องบนนภาเงากระทบจับต้องผืนน้ำ  ครู่หนึ่งเสียงฟ้าร้องครืน ๆ ชวนขนลุก  เสียงสะอื้นให้ของหญิงสาวคนหนึ่งดังแว่วมาจากเรือลำนั้น  เขาหยุดผิวขลุ่ยทันที
	แม่หญิง!!! เขาเปรยขึ้นพร้อมสั่งบ่าวให้รีบพายเรือเข้าไปใกล้ ๆ  เป็นอะไรหรือแม่
	คุณหลวง!!! หล่อนแปลกใจเมื่อเห็นเขา  หล่อนร้องสะอื้นอื้ออึงดังก้องคุ้งน้ำ  คุณพี่ผิดคำสาบานเป็นเหตุให้มีอันเป็นไป  วันพรุ่งเสด็จรับสั่ง  วันพรุ่ง หล่อนพูดตะกุกตะกัก
	วันพรุ่งอะไร  พูดสิวันพรุ่งอะไร! เขาเอ่ยพร้อมกับให้กระโดดข้ามเรือไปหาหล่อน  เกิดอะไรขึ้น  คุณพระบดินทร์เป็นอะไร
	เสด็จฯรับสั่งประหารวันพรุ่งเพลาเที่ยงเจ้าค่ะ
	หา!!!! เขาตกใจเป็นอย่างมากที่ได้ยินคำของแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วว่าเพื่อนรักจะถูกประหาร  มีเรื่องใดรึแม่  เหตุใดทรงรับสั่งประหารเขา
	เรื่องแม่หญิงทิมนั่นแหละค่ะ  จมื่นเสนาบริรักษ์ยกโทษให้  แต่ท่านเจ้าพระยาศรีหยุทธนาคุณพ่อของเขาไม่ยอมความ  ไปกราบบังคมทูล  เสด็จฯทรงกริ้วมากก็เลย... หล่อนพูดเสียงสั่นสะอึกสะอื้น
	แล้วแม่จะร้องไห้ไปใย  ในเมื่อแม่กับคุณหลวงก็หย่าขาดกันไปนมนานแล้ว เขาปลอบใจหล่อนพร้อมกับกอดเอาไว้แน่น
	แต่ถึงอย่างไรคุณพี่ก็เคยเป็นผัวน้อง  น้องจะใจจืดใจดำได้อย่างไรคะคุณหลวง
	เอาไว้เป็นธุระของพี่เอง เขาเอ่ยพร้อมคิดหาวิธีช่วยเหลือ
	รุ่งสาง  ณ  ลานประหาร  ผู้คนมากันเนืองแน่น  น้ำผึ้งแก้วประคองคุณทิมซึ่งท้องแก่มา  พร้อมกับคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรี  หล่อนสองคนกอดเขาแน่น  พี่ฝากดูแลแม่ทิมกับลูกในท้องด้วยนะ เขาเอ่ยพร้อมกับเหลือบมามองหน้าคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรี
	มึง! ไอ้เพื่อนทรยศ  กูไม่มีวันให้อภัยมึง เขาเอ่ยพร้อมกับดิ้นรนสุดตัวเพื่อจะออกจากพันธนาการที่ผูกตรึงไว้
	คุณพี่คะ  พี่ชายของอิฉันมิได้ทำอันใดที่ทำให้คุณพี่ต้องตายดอก  หากแต่เป็น... คุณทิมยังไม่ทันพูดจบ  ท่านเจ้าพระยาศรีหยุทธนาขึ้นนั่ง  เขามองพระอาทิตย์ที่ขึ้นตรงหัวนักโทษประหารและชี้บอกเพชฌฆาตให้กระทำการประหารทันที  เพชฌฆาตสองคนพาทั้งสามคนออกจากลานประหาร  เสียงปี่ดังขึ้น  เพชฌฆาตปิดตาคุณพระบดินทร์เดชาฤทธิไกร  จากนั้นเพชฌฆาตสามคนร่ายรำ  ดาบแรกลงที่คอของเขาแต่กลับไม่เป็นอะไร  เพชฌฆาตจึงนั่งลงกราบเขา
อโหสิกรรมเถอะ  หากท่านไม่ถอดของเราจะไม่สามารถทำภยันตรายท่านได้  และถ้าท่านไม่ถอดของเราคงต้องใช้กงกำกงเวียนสวนทวาร  เราไม่อยากทำเยี่ยงนั้นเพชฌฆาตพูดขึ้น  คุณพระบดินทร์ตั้งจิตอธิฐาน  เขาสวดพึมพำ  นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ  นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ  นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ  อิปิภะวา ระสัมสัมโธ ชาระสัมโห ตะโลวิหะ ตะปุสะมะระสัต  เทมะสาพุทภะวา วาภะพุทสามะเท สัตระมะสะปุตะอิวิโล  คะโนสัมระชา โธสัมสัมระวาภะปิอิ ติโสคะอะหังมาพุท  วิชจะณะปัน สุโตกะทู นุตโลริทัมสาถิถาวะนุสนัง โธคะติ  ติคะโธนัง นุสวะถาถิ สาทัมริโล นุตทูกะโต สุปัณณะจะวิช  พุทมาหัง อะคะโสติ
กูอโหสิให้มึงเพราะกูรู้ว่ามึงทำตามพระกระแสรับสั่ง  แต่กูขอร้อง  กูขอเห็นหน้าไอ้เพื่อนทรยศจนดาบสุดท้ายที่กูจะสิ้นลม เขาเอ่ย  เพชฌฆาตจึงแก้ผ้าปิดตาออก  หันหน้าเขามาทางคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรี เพชฌฆาตร่ายรำอีกครั้ง  เจ้าพระยาธรรมรัตน์ควบม้ามาพร้อมไพร่พล  เขาถือธงพระราชทานอภัยโทษมา  ในขณะที่เพชฌฆาตเงื้อดาบนั้นฟาดฟันลงที่คอของเขา
กรี๊ด!!!! คุณทิมและน้ำผึ้งแก้วกรีดร้องขึ้น  คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีประคองทั้งคู่ไว้
เดี๋ยวก่อน!!! เจ้าพระยาธรรมรัตน์ลงจากม้าโดยเร็ววิ่งฝ่าผู้คนมาที่ลานประหาร
คุณพ่อ!!! คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีเอ่ย
ทรงพระราชทานอภัยโทษแล้ว เจ้าพระยาธรรมรัตน์ตะโกนขึ้น  เสียงบ่าวไพร่ร่ำไห้ก้มลงกราบแทบพื้น  เจ้าพระยาธรรมรัตน์หันไปมองบนลานประหาร  หัวของคุณพระบดินทร์เดชาฤทธิไกรกลิ้งลงบนใบตอง  ไม่!!!!  เขาร้องขึ้น  ท่านเจ้าพระยาศรีหยุทธนา  นี่ยังไม่ถึงเพลาประหาร  ใยประหารก่อนเวลา  กาลนี้กูจักทูลเสด็จฯให้ลงพระราชอาญาแก่ท่าน เจ้าพระยาธรรมรัตน์ลั่นวาจาเสียงเขียวพร้อมกับวิ่งไปประคองคุณทิมบุตรสาวทันที  พ่อหวังให้ลูกของเจ้ามีพ่อ  แต่พ่อทำไม่สำเร็จ  เจ้าพระยาธรรมรัตน์กอดลูกสาวแน่น  น้ำตาของเขาพรั่งพลูลงมา
.................................................
พ.ศ.2553  กรุงเทพมหานคร
นายตำรวจหนุ่มสะดุ้งสุดตัว  เสียงของคุณพระบดินทร์เดชาฤทธิไกรดังก้องหู  เหงื่อกาฬผุดขึ้นทั่วหน้า  ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ...เขานึกพลันมองไปที่มุมห้องเขาเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่  เมื่อขยี้ตาเด็กหัวจุกคนนั้นก็หายไป  ...ตั้งแต่รับคำสั่งให้ไปประจำลพบุรีเราก็ฝันร้ายแบบนี้ทุกคืน ๆ ที่นั่นต้องมีอะไรสักอย่างที่เราต้องค้นหาแน่ ๆ  เขานึก
	เสียงรถที่สัญจรบนท้องถนนขวักไขว่วุ่นวาย  กลิ่นควันไอเสียฟุ้งไปทั่ว  ผู้คนวิ่งแย่งกันขึ้นรถเมล์อย่างขาดสติ  ไม่แบ่งปันที่นั่งให้กับใครถึงแม้ว่าภายในรถนั้นจะมีป้ายขึ้นหราว่า กรุณาเสียสละที่นั่งให้เด็ก  สตรีมีครรภ์  และคนชรา ก็ตาม...
โอย...จะได้ขึ้นมั๊ยเนี่ย  คนเยอะแบบนี้
ได้สิส้ม  ใจเย็น ๆ ก่อน  เดี๋ยวรถอีกคันก็มา 
ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว! ร้อนก็ร้อน ส้มฟาดหัวฟาดหางตีโพยตีพายยกใหญ่ บอกแล้วว่าอย่าซื้อรถมือสองก็ไม่เชื่อ  เป็นไงวันนี้จะไปทันประชุมมั๊ยย๊ะ! ส้มเอ่ย
นั่นไงรถมาแล้ว...
ไม่ต้องมาเฉเปลี่ยนเรื่องเลยนะแม่ตัวดี  เอาไว้เข้าประชุมเสร็จเธอเจ็บแน่ยัยผึ้ง
โธ่...ทำเป็นโกรธไปได้น่า  ใจเย็น ๆ นะเพื่อน  แป๊บเดียวเดี๋ยวก็ถึงแล้วละ
ส้มและผึ้งยืนโหนรถเมล์เป็นเวลา 2 ชั่วโมงเศษ ๆ จนกระทั่งถึงบริษัททัวร์ย่านสุขุมวิท  ทั้งสองคนรีบเข้าไปเซ็นชื่อและเข้าห้องประชุมทันที  ความเงียบสงบในห้องประชุมนั้นทำให้ทั้งสองคนสำรวมกิริยา  พยายามไม่ให้เสียงของรองเท้าคู่สวยกระทบพื้นปาเก้สีเบสให้เกิดเสียงดังรบกวนใคร  แต่ก็ไม่แคล้วสายตาอีกหลายคนที่จับจ้องว่าเธอทั้งคู่นั้นมาสาย  
นั่นไงแป้งกับต่ายน่ะ ส้มเอ่ยพร้อมกับรีบย่องเข้าไปนั่งใกล้ ๆ เพื่อนซี้ของเธอทันที ฉันมาสายเพราะแม่ผึ้งตัวแสบนี่แหละ  หนอย...บอกให้ฉันลองนั่งรถคันใหม่ขับมาบริษัท  ฉันนึกแล้วเชียวว่ารถมือสองมันต้องเป็นแบบนี้ ส้มเปรยขึ้นเบา ๆ ต่อหน้าแป้งและต่าย
เอาน่าส้มเราก็ไม่ได้สายซักหน่อยน่า  ยังมีคนสายกว่าเราอีกนะ ผึ้งเอ่ยขึ้นพร้อมกับใช้สายตาบอกส้มเป็นนัยให้มองคนที่กำลังเปิดประตูเข้ามา
ยัยนานี่นา... ส้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับกวักมือให้หนูนาเข้ามานั่งใกล้ ๆ
การประชุมเรื่องโครงการพัฒนาและปรับปรุงการแบ่งเขตการเดินสายทัวร์นั้นดำเนินไปด้วยดี  เพื่อน ๆ หลายคนต้องทำงานกันเป็นทีม  แต่สำหรับส้มและผึ้งนั้นถูกโยกย้ายตำแหน่งให้ไปทำเอกสารประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของบริษัท  ซึ่งไม่ใช่งานที่เธอทั้งคู่ถนัดเลยสักนิด
ช่วยไม่ได้นะ  เธอต้องทำ...มันเป็นคำสั่ง  เปลี่ยนแปลงไม่ได้ รัตน์เอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มเยาะก่อนที่จะวางเอกสารให้กับเธอทั้งคู่
นังนี่มันน่าเนาะ...! แป้งกัดฟันพูดในขณะที่เพื่อน ๆ ช่วยกันรั้งแขนไว้เพราะกลัวว่าแป้งจะทำอย่างที่คิด...
เอาเถอะ  ถือว่าเรียนรู้งานใหม่ละกัน  แต่ถ้างานนี้มันจะบัล...ละก็  มันก็ช่วยไม่ได้ใช่ปะ? ส้มเอ่ยพร้อมกับเซ็นเอกสารรับทราบในคำสั่ง  ทำให้เพื่อน ๆ หัวเราะชอบใจ งานนี้แม่รัตน์อะไรเนี่ยเป็นหัวหน้าใช่มั๊ย ทุกคนพยักหน้า ก็ดี...อยากเอาหน้านัก  ฉันก็จะให้สมใจอยากไปเลย...คอยดูสิ  ส้มเอ่ยพร้อมกับหันมามองผึ้ง แต่เธอต้องร่วมมือกับฉันนะ  ไม่งั้นเราจะไม่ได้กลับมาทำงานที่เรารักเหมือนเดิม  เข้าใจใช่มั๊ย
จ้า... น้ำผึ้งรับคำ แล้วเธอมีแผนอะไรล่ะ ผึ้งเอ่ยขึ้นส้มชวนเธอไปคุยในที่ลับตาคนจนกระทั่งผึ้งเข้าใจว่าจะต้องทำอะไรบ้าง
เมื่อได้รับมอบหมายให้ทำงานชิ้นนี้ได้ไม่ถึงสัปดาห์  ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทีมงานทำก็ล้วนแล้วแต่วุ่นวายไปหมด  ไหนจะเรื่องข้าวของวางไม่เป็นที่  เอกสารคำสั่งสูญหาย  ชิ้นงานออกมาไม่ได้เรื่อง  จึงทำให้ส้มและผึ้งถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ  และในที่สุดคำสั่งสุดท้ายท่านประธานสั่งมาคือให้ทั้งคู่กลับไปเป็นไกด์เหมือนเดิม  แต่ต้องประจำสายรถในเขตภาคกลางตอนบนเท่านั้น
มันก็ดีกว่าเราทำงานที่ไม่ถนัดไม่ใช่เหรอ? ส้มเอ่ยขึ้น
หลังจากที่เพื่อน ๆ กระจัดกระจายกันแยกส่วนทำงานไปคนละทิศคนละทาง  ส้มและผึ้งยังคงจับคู่กันเหนียวแน่น  ทั้งคู่ต้องไปประจำอยู่ที่เขตลพบุรีทำให้ต้องขนข้าวขนของไปอยู่ที่นั่น
เมื่อไหร่เธอจะขายอีแก่คันนี้ซะทีนะ  ฉันนะสุดเซ็งจังเลย
เอาน่า  ก็ยังขับดีกว่าคันใหม่ของฉันไม่ใช่เหรอ ผึ้งเปรยขึ้น คันนี้น่ะถึงจะเก่าและโบราณแต่ประสิทธิภาพมันเริศ!ไม่ใช่เหรอ  ถังน้ำมันเอย  เครื่องยนต์เอยล้วนแล้วแต่เป็นเหล็กทั้งหมด
เสียอย่างเดียวมันไม่มีอะไหล่ ส้มแทรกขึ้นเบา ๆ พร้อมกับเบ้หน้า
เอาน่า  ก็ดีกว่าคันใหม่ของฉันไม่ใช่เหรอ ผึ้งเอ่ยย้ำ
จ้า...แม่เจ้าประคุณรุนช่อง  ชอบแต่ของเก่าของมือสอง ส้มเอ่ยประชดขึ้น
ออกจะคลาสสิกจะตายไป  วันไหนมีคนมายืมไปถ่ายหนังละก็...
คงจะมีใครเอาไปถ่ายหรอก...เชอะ! ถ้าหนังอย่างที่เธอว่านะฉันว่าคงไม่แคล้วยุคคุณพระ  คุณหลวงกระมังคะ  ส้มเอ่ยแทรกขึ้นพร้อมกับหัวเราะชอบใจ
อย่าว่าไปนี่มัน VOLKSWAGEN CLASSIC CAR KARMANN GHIA สีแดงคลาสสิกที่สุดในยุคปี 1972 เลยนะ เธอหัวเราะดังลั่น
ผึ้งขับรถมาจอดที่หน้าบ้านเรือนไทยหลังใหญ่บนถนนสายศรีอินทราทิตย์  เธอเหลือบไปเห็นป้ายที่หน้าบ้านประกาศขายหรือเช่าพร้อมมีเบอร์ติดต่อด้วย  ทำให้เธอรู้สึกชอบและอยากได้บ้านหลังนี้มาก ๆ
เงาดำทะมึนยืนจ้องมองพวกเธออยู่บนบ้านเรือนไทย  สายลมกระโชกแรง  ใบไม้ผลิใบปลิวว่อน  แซ่ก  แซ่ก  แซ่ก  เสียงนกร้องวิเวกวังเวง  ฟังดูอื้ออึงไปหมด  ท้องฟ้าเริ่มปิด  พลันมืดขึ้นมาชั่วพริบตา  สายลมเย็นยะเยือก  ละอองหมอกปกคลุมพื้นหญ้า  ประตูรั้วไม้สักลายเทพนมบานใหญ่ค่อย ๆ เปิดออก  ใบไม้จากภายในปลิวไหวออกมานอกประตูบานนั้นพร้อมกับหมอกไอจาง ๆ อันน่าสะพรึงกลัว  มาแล้วรึ...? เสียงใครคนนั้นเอ่ยพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ 
ส้มเดินตามน้ำผึ้งลงมาจากรถ  เฮ้ย...อย่าบอกนะว่าเธอ  เสียงของเธอสั่นเครือ  น้ำผึ้งหยุดชะงัก
ใช่...ฉันชอบมากเลย  ดูขลังดี ผึ้งเอ่ยพร้อมกับกดเบอร์โทรศัพท์เพื่อเมมเบอร์ทันที
มันคงแพงน่าดูเลย  อย่างเราคงไม่มีปัญญาซื้อหรอก ส้มเอ่ยขึ้น  รีบไปกันเถอะเดี๋ยวไม่มีใครพาไปกินข้าวนะเฟ้ย!  คำพูดของส้มทำให้ผึ้งต้องละสายตา  ประตูบานใหญ่ค่อย ๆ ปิดช้า ๆ  ลมค่อย ๆ สงบลง  เธอรีบขับรถให้ถึงที่หมายโดยเร็ว
บ้านอะไรก็ไม่รู้น่ากลัวจริง ๆ  ไม่อยากจะคิดเล้ย!...ส้มนึก
......................................................................
และในค่ำคืนนั้นเอง  ภาพต่าง ๆ เริ่มชัดขึ้นในนิมิต...
เรือนไทยขุนนางหลังใหญ่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบชุบศรตรงส่วนท้ายของกำแพงซึ่งมีทางระบายน้ำที่ไหลผ่านออกมาจากพระที่นั่งไกรสรสีหราช  เรือใหญ่น้อยจอดเทียบท่ามากมาย  ผู้คนสัญจรกันขวักไขว่  บ้างก็ค้าขายบ้างก็จับจ่ายใช้สอยกันตามประสา  เด็กน้อยนั่งเล่นอยู่ที่ท่าน้ำคนเดียวแต่งกายดูมีราศีสมกับที่เป็นลูกของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์ราชนฤบาล  เจ้ากรมวัง
	เรือเก๋งคันหนึ่งจอดเทียบท่าน้ำหน้าบ้านของคุณท้าวเยาวลักษณ์  เด็กน้อยหันไปมองแล้วก็ลุกขึ้นเตรียมที่จะเดินหนีไปเล่นที่อื่น
	จะไปไหนเล่าเจ้า  มาหาพี่หน่อยเป็นไร
	เสียงของชายหนุ่มรูปงาม  รูปร่างสูงใหญ่ท่าทางทะมัดทะแมนเดินมาจูงแขนเด็กน้อย  แต่หล่อนสะบัดมือแล้วก็เดินนำหน้าไปยังเรือนของเจ้าคุณย่าซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเรือนของคุณพ่อหล่อนไม่มากนัก
	เป็นกระไรไปเจ้าทุกทีพี่ก็จูงแขนเจ้าได้วันนี้เป็นอะไรไป
	มันไม่งามเจ้าค่ะอิฉันเดินเองได้
	แก่แดดนักนะเราคุณแม่ของพี่ก็มาด้วย
	เด็กน้อยหันไปไหว้คุณหญิงแล้วก็ไหว้ชายหนุ่ม  จากนั้นก็เดินขึ้นเรือนไปอย่างระมัดระวังกิริยา  หล่อนนั่งลงใกล้ ๆ เจ้าคุณย่าแล้วก็กระซิบกระซาบอะไรบางอย่างก่อนที่ชายหนุ่มและแม่ของเธอจะขึ้นเรือนมา
	เด็กน้อยคลานห่างออกไปจากนั้นก็ยกน้ำลอยดอกมะลิมายื่นให้ชายหนุ่มแล้วก็คลานห่างออกไปอีก  ผู้ใหญ่คุยกันจนออกรสเด็กน้อยนั่งพับเพียบทำหน้าเบ้เพราะไม่อยากจะนั่งอยู่ตรงนี้  หล่อนรู้สึกเบื่อมากที่ต้องมานั่งฟังผู้ใหญ่เขาคุยกัน
น้ำผึ้งแก้วเอ๊ยมานี่สิลูก
	เจ้าค่ะคุณย่า
	เสียงคุณย่าซึ่งเป็นคุณท้าวนางในตำหนักของสมเด็จฯ เรียกตัวหลานสาวให้คลานเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อรับหมากพลูตรงหน้าระเบียงจากคุณหลวงบดินทร์นฤนาถทหารราชองครักษ์ซึ่งมีหน้าที่ติดตามรับใช้ใกล้ชิดสมเด็จฯ
	อุ๊บ๊ะ!!!!  ไอ้หลานสาวคนนี้ของคุณท้าวช่างงามเหลือเกิน คุณหญิงเอ่ยพร้อมกับหันมาถามหล่อน  เมื่อไรจะตัดจุกล่ะเจ้า
	นี่ลูกคุณหญิงท่านถามทำไมไม่ตอบเล่า คุณย่าทักท้วงน้ำผึ้งแก้วขึ้น  หล่อนจึงตอบด้วยน้ำเสียงอ่อย ๆ เพราะไม่อยากจะตอบเนื่องจากหล่อนไม่ค่อยชอบคุณหลวงกับแม่ของเธอเพราะทั้งคู่ชอบมาเยี่ยมเยียนบ่อย ๆ ซึ่งตามประสาเด็กแล้วก็ไม่อยากจะมาอยู่ตรงที่ผู้ใหญ่เขาคุยกันหรอกใคร ๆ ก็อยากจะไปวิ่งเล่นทั้งนั้น
	อีก 3 เดือนเจ้าค่ะ
	อืมโตไวจริงเจ้า  เห็นทีพี่คงพาเจ้าขี่คอเหมือนแต่ก่อนมิได้เสียแล้ว คุณหลวงบดินทร์ฯเอ่ยพร้อมกับอมยิ้มน้อย ๆ
	เมื่อก่อนก็ไม่เห็นจะได้ขี่เลย น้ำผึ้งแก้วบ่นอุบอิบจนคุณย่าค้อนหล่อนจึงค่อย ๆ คลานออกมาห่าง ๆ ผู้ใหญ่  และนำหมากพลูที่คุณหลวงบดินทร์นฤนาถนำมาฝากนั้นวางไว้ใกล้ ๆ เจ้าคุณย่า
	กระผมขออนุญาตพาน้องไปเที่ยวตลาดได้ไหมขอรับ
	เอาสินี่คงเบื่อแย่เลยเพราะวันนี้เจ้าพวกเพื่อนเล่นก็ตัดจุกกันหมดแล้ว  ไม่มีใครจะเล่นด้วย  ป้าก็ฝากน้องด้วยก็แล้วกันนะพ่อบดินทร์
	น้ำผึ้งแก้วได้ยินแล้วก็ดีใจถึงกับแสดงสีหน้าที่เบิกบานทันที  หล่อนคลานถอยหลังอย่างรวดเร็ว  หล่อนหันมามองคุณหลวงแล้วเอ่ยขึ้น รอก่อนนะเจ้าคะคุณหลวง
	คุณหลวงรอน้ำผึ้งแก้วอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ต้องตกตะลึงที่เห็นหล่อนแต่งตัวราวกับสาวแรกรุ่น  หล่อนดูเป็นสาวเต็มวัยทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ตัดจุด  ถึงแม้ว่าหล่อนยังคงสวมใส่โจงกระเบนและเสื้อถักคอกระเช้าก็ตามเถอะ  แต่ก็ดูหล่อนเป็นสาวเหลือเกิน
	กลิ่นดอกมะลิและกลิ่นอบร่ำที่มากับน้ำมันจันทร์ใส่ผมของหล่อนหอมกรุ่นไปหมด  หล่อนเดินมาจูงมือคุณหลวงแล้วก็ลงเรือไปด้วยกัน  คุณหลวงไม่ให้นายมิ่งบ่าวเชื้อสายบางขันหมากตามไปด้วย
	เดี๋ยวก็ให้จูงแขนเดี๋ยวก็ไม่ให้จูงแขน  หลายอารมณ์จริงเลยเจ้า
	ก็คนมันดีใจนี่เจ้าคะเบื่อจะตายอยู่กับเจ้าคุณย่าทั้งวัน  เพื่อนก็ไม่มีสักคน  ไม่รู้จะรีบตัดจุกไปถึงไหน  พอตัดจุกแล้วก็เข้าวังไปเป็นข้าสนองพระบาทท่านฯ  น่าเบื่อจะตายไป
	น้ำผึ้งแก้วตอบด้วยน้ำเสียงที่หดหู่  พร้อมกับแสดงท่าทางดีใจและเขินอายออกมาเป็นบางครั้งจนทำให้คุณหลวงที่นั่งพายเรืออยู่นั้นอมยิ้มอยู่บ่อย ๆ
	เจ้านี่ช่างพูดจังเลยนะ
	ไม่พูดก็ได้น้ำผึ้งแก้วนึก  ตลอดทางที่คุณหลวงพายเรือไปเขาได้ชี้ให้ดูนั่นดูนี่หลายอย่าง  แต่หล่อนไม่ปลิปากพูดเลยสักนิด
	อ้าวทำไมไม่พูดเล่าเจ้า
	ก็คุณหลวงว่าอิฉัน  หาว่าพูดมากไม่ใช่รึอิฉันก็เลยไม่พูดไงเจ้าคะ
	เหอะแก่แดดจริงนะเรา  รู้จักประชดประชันพี่
	คุณหลวงถึงกับหลุดขำขึ้นมาทันที  น้ำผึ้งแก้วก็เลยนั่งหันหน้าออกไปทางอื่นเพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคุณหลวงซึ่งชอบวางมาดขุนนางข่มขู่เด็ก
	อะไรอีกเล่าเจ้านี่ขี้งอนจริงเชียว
	คุณหลวงพายเรือไปอมยิ้มไป  แสงแดดที่แผดเผาอยู่ดี ๆ ฝนฟ้าก็ตกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งตัว  คุณหลวงรีบพายเรือพาน้ำผึ้งแก้วเข้ามาหลบฝนที่เพิงหาปลาของชาวบ้านที่อยู่ละแวกนั้น
	หนาวไหมเจ้าเนื้อตัวเปียกหมดแล้ว
	หนาวสิเจ้าคะ  ถามได้ น้ำผึ้งแก้วยืนกอดอกเนื้อตัวสั่น  คุณหลวงไม่รู้จะทำอย่างไรดีก็เลยดึงผ้าคาดเอวออกมาแล้วบิดน้ำจนเกือบจะแห้งยื่นให้หล่อนทันที
	เปียก ๆ แบบนี้ให้มาทำไมเจ้าคะ
	เอาไปเช็ดตัวก่อนเถอะเจ้า  ดูสิยืนสั่นเป็นลูกหมาเลย
	น้ำผึ้งแก้วหยิบผ้าคาดเอวไปเช็ดตัวจนแห้ง  จากนั้นก็พยายามบิดผ้าแต่ก็ทำไม่สำเร็จคุณหลวงจึงบิดให้แล้วก็ส่งให้หล่อน  หล่อนจึงเอาผ้าคาดเอวนั้นไปเช็ดที่หน้าของคุณหลวงทันที
	คุณหลวงก็เปียกเหมือนกันนะเจ้าคะ
	คุณหลวงยิ้มแล้วก็นั่งลง  น้ำผึ้งแก้วจึงต้องนั่งลงบ้าง  ทั้งคู่รอจนฝนหยุดตกจากนั้นจึงกลับบ้าน  หล่อนจามตลอดทางคุณหลวงก็เช่นกัน  เมื่อมาถึงเรือนเจ้าคุณย่าหล่อนจึงขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกมานั่งกับเจ้าคุณย่าทันที
	พ่อบดินทร์ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าหรือเจ้า  เดี๋ยวป้าให้บ่าวจัดเสื้อผ้าให้
	คุณหลวงเดินตามแม่อิ่มบ่าวในบ้านไปเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเก่าของเจ้าคุณพ่อ  น้ำผึ้งแก้วนั่งจามอยู่หลายครั้งเจ้าคุณย่าจึงให้บ่าวไปหยิบยาฝรั่งที่ได้มาจากคนติดตามของเชอวาเลียร์  เดอ  โชมองค์  ผู้ที่ถวายพระราชสารให้กับองค์สมเด็จฯ ที่กรุงศรี  ซึ่งเขาได้แวะผ่านมาที่ละโว้  เจ้าคุณย่าจึงได้ขอยาดี ๆ จากเขามาหลายอย่างจึงทำให้ที่เรือนของเจ้าคุณย่ามีแต่ยาวิเศษของฝรั่งเต็มไปหมด
	ไปเล่นน้ำฝนที่ไหนกันมาเจ้าคราวหน้าต้องให้นั่งเรือเก๋งไปแล้วมั้งจะได้ไม่เปียกมอมแมมเป็นลูกหมาตกน้ำมาแบบนี้อีก
	เจ้าคุณย่าพูดแล้วก็ยิ้ม ๆ จนกระทั่งคุณหลวงเดินออกมาจากห้อง  เขาเข้ามานั่งใกล้ ๆ กับน้ำผึ้งแก้วแล้วก็หยิบปิ่นปักผมออกมาส่งให้หล่อน
	นี่คงยังไม่สายไปดอกนะเจ้า  อีกแค่สามเดือนก็จะตัดจุก  นี่พี่ให้นะ
	น้ำผึ้งแก้วก้มลงกราบที่ตักของคุณหลวงจากนั้นก็ยื่นมือไปรับปิ่นปักผมทันที
	อย่างอนพี่อีกล่ะ คุณหลวงพูดเบา ๆ จากนั้นก็ลาเจ้าคุณย่ากลับไป
                                                         ..1

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
ขออนุญาตย้ายบ้านใหม่ค่ะ

(สุชาดา  โมรา  คนเดิม)				
5 มีนาคม 2553 00:13 น.

กำเนิดต้นข้าว

ส.ธนาศิษฏ์

ในสมัยก่อนเมล็ดข้าวเกิดขึ้นเองไม่ต้องปลูก  และมีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ  มีสีน้ำเงินและกลิ่นหอมยิ่งนัก
	อยู่มาวันหนึ่งหญิงหม้ายได้นำข้าวไปปลูกในยุ้งฉางแล้วตีเมล็ดข้าวทำให้เมล็ดข้าวแตกหัก  ปลิวไปตกในป่าเป็นข้าวดอย  ตกในน้ำเป็นข้าวนาดำ  มีชื่อว่า  พระโพสพ  นางพระโพสพโกรธมนุษย์จะไม่กลับไปอยู่กับมนุษย์อีก  ทำให้มนุษย์อดอยาก  ไม่มีข้าวกินไปถึงพันปี
	ต่อมามีลูกชายเศรษฐีเดินทางเข้ามาในป่าแล้วหลงทาง  นั่งร้องไห้อยู่ใกล้หนองน้ำที่พระนางโพสพอยู่  ปลานึกสงสารอ้อนวอนให้พระนางโพสพช่วยบอกทางให้  และขอร้องให้นางกลับไปดูแลมนุษย์ดังเดิม  พระนางโพสพยังคงโกรธเคืองมนุษย์อยู่  ทำให้เทวดาต้องจำแลงร่างเป็นปลามาเจรจาขอร้องให้กลับไปดูแลมนุษย์และพระพุทธศาสนา  เพราะพระพุทธเจ้ากำลังจะประสูติในโลกมนุษย์ในวาระอันใกล้
พระนางยอมแต่มีข้อแม้ว่าข้าวจะมีขนาดเล็กลง  และมนุษย์ต้องทำการปลูกเอง  ถ้าจะตำข้าวต้องทำพิธีขออนุญาตพระนางโพสพ  เมื่อถึงเวลาเกี่ยวข้าวเสร็จต้องประกอบพิธีสู่ขวัญข้าวด้วย  และนี่จึงเป็นที่มาของการทำขวัญข้าวจนถึงปัจจุบัน

ข้อควรคิด	ธรรมชาติมีพระคุณต่อเรา  จึงควรช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติ

ที่มา  :  ชลาลัย  ศรีอารีย์, อมตะนิทานไทย  สองภาษา  (กรุงเทพมหานคร  :  ครีเอทบุ๊คส์, ๒๕๔๙), ๔๘.				
11 กันยายน 2552 12:50 น.

มิติรัก...ใต้เงาจันทรา

ส.ธนาศิษฏ์

แนะนำเรื่องโดยสังเขป
                   ความเดิมที่ผ่านมาให้ทุกคนกลับมาเจอกันอีกครั้ง  ปางอดีตชี้นำให้เขาและเธอมีอันเป็นไปในชาตินี้  พวกเขาผจญวิบากกรรมรักมากมายจนกระทั่งได้เกจิอาจารย์ชี้นำทางสว่างให้  พวกเขาร่วมเข้าพิธีตัดกรรม  สิ่งที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นเห็นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในปางอดีต  หลายภพหลายชาติที่คุณพระบดินทร์เดชาฤทธิไกรทำให้ทั้งคู่ต้องพลัดพรากจากกัน  พวกเขาจะร่วมแก้ไขอดีตในชาติภพนั้นได้หรือไม่  พวกเขาจะฟันฝ่าอุปสรรคนั้นได้อย่างไร

ตัวละคร
	         ร.ต.ต.สุเมธ  หรือ  พี่เอก  (ปางอดีต-คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรี) เป็นนายตำรวจน้องใหม่  สังกัดตำรวจท่องเที่ยว  ซึ่งกำลังจะประจำสังกัดที่ สภอ.เมืองลพบุรี  ทางจังหวัดจึงมีนโยบายให้เขาและเพื่อน ๆ จำนวน 20 นายเที่ยวชมลพบุรี  และศึกษาหาข้อมูลต่าง ๆ ทางโบราณคดี  ซึ่งทางจังหวัดได้จ้างไกด์มาดูแลเป็นพิเศษ  ก่อนหน้าที่นายตำรวจหนุ่มคนนี้จะมาลพบุรี  เขาฝันซ้ำ ๆ กันหลายครั้งเกี่ยวเหตุการณ์ในปางอดีต  ภาพที่เขาเห็นช่างน่ากลัวเหลือเกิน  เขาเป็นคนช่างอ่านและชอบถามจนใคร ๆ นึกว่าเขาเป็นพวกรู้มากชอบลองภูมิ...  ในปางอดีตของเขา  เขาเป็นเพื่อนรักกับคุณพระบดินทร์เดชาฤทธิไกรตั้งแต่เด็ก ๆ หากแต่ผิดใจกันเรื่องผู้หญิง  เขามีพี่น้องต่างมารดาอีก 1 คนชื่อคุณทิม

	         น้ำผึ้ง (ปางอดีต-แม่หญิงน้ำผึ้งแก้ว) เป็นไกด์สาวบุคลิกเรียบร้อย  แต่มักจะปากไม่ตรงกับใจ  เธอมีความสามารถในด้านโบราณคดีอย่างที่สุด  และเธอเป็นคนที่มองเห็นปางอดีตของตนเองอย่างลึกซึ้ง  นอกจากความฝันแล้วเธอยังสัมผัสได้อีกด้วย  เธอชอบสะสมของเก่าของโบราณ  ของมือสอง  ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอกลับมาเจอคุณพระบดินทร์เดชาฤทธิไกรอีกครั้ง...  ในปางอดีตหล่อนเป็นแม่หญิงที่ออกจะกระโดกกระเดกจนสมเด็จพระนารายณ์ประทานให้กับพระองค์เจ้าหญิงแก้วให้ขัดเกรา  อบรมบ่มนิสัยให้สมกับเป็นแม่หญิงที่เพียบพร้อม  หล่อนเป็นหลานสาวคนเดียวของคุณท้าวนางเยาวลักษณ์  ข้าหลวงเก่าแก่ซึ่งเป็นพระนมด้วย  มีเชื้อสายสุโขทัย  ภายหลังที่เป็นแม่หญิงที่สมบูรณ์ทั้งกิริยามารยาท  คำพูดคำจาแล้วหล่อนจึงออกเรือนไปกับคุณพระ  ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเพียงคุณหลวงบดินทร์นฤนาถเท่านั้น  หล่อนมีพี่น้องแม่เดียวกัน 2 คน  และต่างมารดาอีก 3 คน

	        ส้ม (ปางอดีต-เสด็จพระองค์เจ้าหญิงแก้ว) เป็นไกด์ที่เชี่ยวชาญทางโบราณคดีไม่แพ้กับน้ำผึ้ง  เธอออกห้าวหาญผิดกับทุกคน  แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอเป็นทอมนะคะ  เธอไม่เชื่อเรื่องภพชาติกับใครจนกระทั่งได้ประสบกับตัวเองจึงเชื่อว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นความจริงมิใช่ภาพหลอน...  ในปางอดีตเธอเป็นเจ้า  ราชธิดาในสมเด็จพระนารายณ์ซึ่งเกิดกับท้าวศรีจุฬาลักษณ์  เธอมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยภายในเขตต้องห้าม  ดูแลแม้กระทั่งนางสนม  หม่อมห้าม  นางห้าม (นางใน) ทุกคน  และเป็นผู้ชุบเลี้ยงแม่หญิงน้ำผึ้งแก้ว  และนางในคนอื่น ๆ แต่จะเอ็นดูน้ำผึ้งแก้วเป็นพิเศษ  เพราะหล่อนมิใช่เพียงลูกขุนนางธรรมดาทั่วไป  หากแต่เป็นหญิงสูงศักดิ์และมาเพื่ออบรมเป็นแม่หญิง

	       คุณแก้ม  (ปางอดีต-แม่หญิงช้อย) เป็นแฟนสาวของนายตำรวจหนุ่มเอก  เธอประสบอุบัติเหตุพร้อม ๆ กับนายตำรวจหนุ่ม  และเป็นฉนวนให้เธอมิอาจฟื้นเพราะผลกรรมจากปางอดีตขัดขวางและทำให้เธอพบแต่วิบากกรรม  เหตุในครั้งนี้จึงทำให้เธอเข้าใจและทราบทุกเรื่องในปางอดีต...  ในปางอดีตหล่อนนิยมกินหมากตั้งแต่เล็ก ๆ ฟันของหล่อนดำต่างจากนางในทุกคน  หล่อนเป็นคนสร้างเสียงหัวเราให้กับทุกคนที่พบเสมอ  ไม่ว่าจะเป็นนางในด้วยกันหรือฝรั่งก็ตาม  แต่ภายใต้ความสนุกที่หล่อนสร้างนั้นกลับสั่งสมความร้ายกาจอย่างหาที่เปรียบมิได้  หล่อนชอบยุแยงตะแคงรั่ว  อิจฉาริษยา  เห็นใครดีกว่าไม่ได้  และอยากเป็นแม่หญิงเทียบเท่ากับน้ำผึ้งแก้ว  ความอิจฉาริษยานี้จึงเป็นบ่อเกิดให้ชาติต่อ ๆ มาหล่อนไม่สมหวังแม้แต่ชาติเดียว...คุณแก้มมีพี่ชายเป็นเพื่อนของเอก  ชื่อ ร.ต.ต.ณรงค์

	        แป้ง  และ  ต่าย (ปางอดีต-แป้งคือท้าวทรงวาด  ต่ายคือท้าวประกายฟ้า  ราชธิดาเชียงใหม่ที่ถูกส่งมาเป็นเชลยแก่กรุงศรีอยุธยา  เพราะเจ้าเมืองเชียงใหม่คิดก่อกบฏ)  ทั้งสองคนเป็นพี่น้องหัวปีท้ายปีที่หน้าตาคล้ายกัน  เป็นเพื่อนของน้ำผึ้งและส้ม  พวกเธอเรียนด้วยกันมา  แต่สุดท้ายก็ได้มาทำงานด้วยกัน...  ในปางอดีตพวกหล่อนถูกส่งมาเป็นเชลยเพื่อประกันว่าเชียงใหม่จะไม่คิดการณ์ร้ายต่อสมเด็จพระนารายณ์อีก  พวกหล่อนมีพี่น้อง 3 คน  และท้าวฟองจันทร์คือพี่สาวคนโตที่ถวายตัวครั้งที่อยู่กลางป่า  ยังไม่เดินทางกลับมากรุงศรีเสียด้วยซ้ำ  แป้ง/ท้าวทรงวาดคือคนกลาง  และคนสุดท้องคือต่าย/ท้าวประกายฟ้านั่นเอง  

	           หนูนา  (ปางอดีต-คุณท้าวรัญจวน)  เธอเป็นเพื่อนของส้มและน้ำผึ้ง  เป็นคนขี้กลัวในทุก ๆ เรื่อง...  ในปางอดีตเธอคอยช่วยเหลือดูแลน้ำผึ้งแก้วร่วมกับแม่นิ่มซึ่งเป็นมารดาของหล่อน
	           ยาหยี (ปางอดีต-คุณท้าวจันทร์แก้ว) เธอเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับส้ม  เป็นคนเชื่อเรื่องลี้ลับ  เชื่อเรื่องภพชาติ  เป็นคนช่างอ่านและอยากรู้อยากเห็น  และเป็นคนเดียวที่เชื่อในสิ่งที่น้ำผึ้งพูดเกี่ยวกับปางอดีตที่เธอฝันถึง...  ในปางอดีตนั้นหล่อนคือนางห้ามที่สอนน้ำผึ้งแก้วปักผ้าและพระภูษาถวายเสด็จฯ

	           คุณหลวงบดินทร์นฤนาถ (ภายหลังเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็นคุณพระบดินทร์เดชาฤทธิไกร) เป็นสามีของแม่หญิงน้ำผึ้งแก้ว  มีวิชาอาคมแก่กล้า  มีฝีมือในการรบไม่เคยแพ้ใคร  เขารู้อยู่เต็มอกว่าคุณหลวงอุดมศักดิ์แอบชอบพอน้ำผึ้งแก้ว  แต่เขาก็เอาชนะใจหล่อนได้  และได้แต่งงานกับหล่อน  เหตุการณ์ที่ชิงตัวเจ้าสาวซึ่งเขาส่งผู้ใหญ่ไปทูลขอสมเด็จพระนารายณ์  และทรงประทานให้นั้นทำให้เป็นฉนวนของความแค้น  แต่น้ำผึ้งแก้วให้เขาสาบานว่าจะไม่พยาบาท-จองล้างจองผลาญคุณหลวงอุดมศักดิ์  แต่เขากลับผิดคำสาบาน  เป็นเหตุให้เขาไม่อาจไปเกิดได้

	           พ่อพร้อม  ลูกชายของน้ำผึ้งกับนายตำรวจหนุ่มในสมัยกรุงแตก  เขาไม่ได้เกิดเพราะรอมาเกิดในพ่อกับแม่ของเขา  และคอยช่วยเหลือพ่อแม่ของเขาเองในชาติปัจจุบัน  เพื่อหั้งคู่หลุดพ้นจากบ่วงกรรมที่คุณหลวงบดินทร์ฯอาฆาตไว้

	             คุณอุดมศักดิ์ (ปางอดีต-ซานเออ  นายช่างฝรั่งที่มาพร้อมกับคณะทูต  อาศัยอยู่กับบาทหลวงที่บ้านเจ้าพระยาวิชาเยนต์  และรู้จักกับคุณลวงบดินทร์เพราะเขาไปเรียนที่นั่น) เขาเป็นคนที่ระลึกชาติได้  และพยายามค้นหาคำตอบให้กับตัวเองจนมาที่ลพบุรี

	            ดร.เกษม  เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง  ซึ่งน้ำผึ้งและส้มกำลังศึกษา ป.โท ทางโบราณคดีที่นั่น  เขาเป็นคนมีความเชื่อในเรื่องมิติภพ  ชาติก่อน/ปางอดีต  และให้เครื่องรางแก่น้ำผึ้งมาชิ้นนึงเป็นเหตุให้น้ำผึ้งนำไปสวมใส่ให้นายตำรวจหนุ่ม  ทำให้คุณพระบดินทร์ไม่ค่อยพอใจ...  เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโบราณคดี  และเป็นเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรประจำที่ลพบุรีด้วย

	           หลวงพ่อ  พระเกจิอาจารย์  ช่วยเหลือให้ทุกคนทราบกรรมของแต่ละคน  และช่วยให้คุณพระบดินทร์เดชาฤทธิไกรได้ไปเกิดในกาลหน้า


โปรดติดตามเนื้อเรื่อง  เร็ว ๆ นี้ค่ะ
ขอบคุณค่ะ				
26 สิงหาคม 2552 12:02 น.

มิติรัก...ใต้เงาจันทรา

ส.ธนาศิษฏ์

                    ความเดิมที่ผ่านมาให้ทุกคนกลับมาเจอกันอีกครั้ง  ปางอดีตชี้นำให้เขาและเธอมีอันเป็นไปในชาตินี้  พวกเขาผจญวิบากกรรมรักมากมายจนกระทั่งได้เกจิอาจารย์ชี้นำทางสว่างให้  พวกเขาร่วมเข้าพิธีตัดกรรม  สิ่งที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นเห็นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในปางอดีต  หลายภพหลายชาติที่คุณหลวงบดินทร์นฤนาถทำให้ทั้งคู่ต้องพลัดพรากจากกัน  พวกเขาจะร่วมแก้ไขอดีตในชาติภพนั้นได้หรือไม่  พวกเขาจะฟันฝ่าอุปสรรคนั้นได้อย่างไร  ติดตามอ่านได้ค่ะ  
         ................เร็ว ๆ นี้............ 


        ขออีกนิดนะคะ
        อดีตเราไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้  ขอจงทำวันนี้และทุก ๆ วันด้วยความดี...  อย่าเอารัดเอาเปรียบใคร  อย่าก่อเวรสร้างกรรมกับใคร  ขอจงอภัยให้กัน  เรื่องใดที่ไม่ใช่เรื่องของตนอย่าเอามาเป็นสาระ  จงสร้างแต่กุศลดี ๆ แล้ววันนี้หรือวันหน้าผลบุญที่คุณทำจะชี้นำให้คุณพบเจอแต่สิ่งที่ดี ๆ...				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟส.ธนาศิษฏ์
Lovings  ส.ธนาศิษฏ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟส.ธนาศิษฏ์
Lovings  ส.ธนาศิษฏ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟส.ธนาศิษฏ์
Lovings  ส.ธนาศิษฏ์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงส.ธนาศิษฏ์