22 พฤศจิกายน 2553 12:44 น.

มิติรัก...ใต้เงาจันทรา ฉบับปรับปรุง ตอนที่10

ส.ธนาศิษฏ์

นับตั้งแต่ก้าวเท้าเหยียบลพบุรีถิ่นบ้านเกิด...  อืม...เราจากที่นี่ไปตั้งแต่เริ่มขึ้นมัธยม  พอกลับมาอีกทีกลับมีเรื่องมากมายเข้ามาในชีวิตเรา  ยิ่งเรามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ภาพทุกสิ่งทุกอย่างที่คับคล้ายคับครากลับกลายเป็นภาพที่เหมือนจริงขึ้นทุกที ๆ มันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่...  ทำไมเราถึงฝันแบบนี้ทุกคืน ๆ ด้วยนะ  บางทีก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความฝัน...ผึ้งนึก
	เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอยู่หลายครั้ง  ผึ้งเอื้อมไปหยิบขึ้น  เมื่อรับสายเจ้านายที่กรุงเทพฯเรียกตัวให้นำเอกสารแสดงผลงานการท่องเที่ยวของลพบุรีไปส่งเพื่อที่จะได้ทราบว่ายอดนักท่องเที่ยวทะลุเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่?  ค่ะ ๆ เจอกันตอนบ่ายโมงนะคะ...
น้ำผึ้งหยิบเอกสารต่าง ๆ เดินออกจากสำนักงานแต่เช้าเพื่อตรงไปยังบริษัททัวร์ที่กรุงเทพฯ เธอขับรถโบราณสีเปลือกมังคุดแซมขาวมาเรื่อย ๆ ด้วยความเบิกบานในหัวใจเพราะนายตำรวจหนุ่มมาหาเธอแต่เช้าเพื่อที่จะมาพูดคุยตามประสาคนรู้จัก  เธอขับรถมาจนถึงทางร่วมสายอยุธยาเธอเหลือบไปเห็นเด็กผู้ชายหัวจุกคนหนึ่งนุ่งโจงกระเบนไม่สวมเสื้อเดินตัดหน้ารถเธอทำให้เธอต้องเบรครถกระทันหัน
	เอี๊ยด..!!!!!!!
	เมื่อเธอมองออกไปที่นอกรถก็เห็นเด็กชายคนนั้นยืนยิ้มอยู่  เธอจึงออกไปนอกรถเพื่อที่จะถามว่าเป็นอะไรไหม  แต่ทว่าเด็กชายคนนั้นก็หายไปเสียแล้วสร้างความงวยงงให้กับเธอยิ่งนัก
	หายไปไหนนะ  เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลยเธอนึก  เธอขับรถไปนึกไปถึงเรื่องราวต่าง ๆ เด็กคนนั้นอาจจะเป็นอีกภพเหมือนที่ยาหยีเพื่อนของเธอบอกก็ได้  ...อดีตกับปัจจุบันเป็นเส้นขนานกัน  เหมือนมีเส้นแบ่งเขตทำให้มองไม่เห็นกัน  แต่ถ้าเราเห็นกันและกันนั่นหมายความว่าเราได้ข้ามเส้นที่โลกลิขิตแบ่งให้...เสียงของยาหยีดังก้องในความคิดของเธออีกครั้ง  เธอนึกไปต่าง ๆ นานาจนกระทั่งขับรถมาจอดที่บริษัท
	บอร์ทล่ะคะคุณรัตน์ ผึ้งเอ่ยถามพร้อมกับกอดแฟ้มเอกสารไว้แน่น
	ฝากฉันไว้ก็ได้นะ  แล้วเสร็จธุระแล้วก็รีบไปซะ  เดี๋ยวก็ทำยอดไม่ได้หรอก  เมืองเล็ก ๆ แบบนั้นไม่มีทางที่ยอดนักท่องเที่ยวจะสู้เชียงใหม่หรือนครศรีธรรมราชได้หรอก!
	เก็บปากไว้แตกหน้าหนาวดีกว่ามั๊ย? ผึ้งเอ่ยขึ้นเพราะคำพูดของรัตน์ที่แสดงออกนั้นเหมือนกับไม่ใช่แค่อยากที่จะเย้ยหยันเพียงอย่างเดียว  แต่อาจจะทำอะไรบางอย่างที่คนอื่น ๆ ไม่ทำกัน  เพราะการเลียเจ้านายนั้นรัตน์ถนัดนัก  กรุณาตอบให้ตรงประเด็นด้วย  ชั้นถามว่าบอร์ทล่ะคะคุณรัตน์ ผึ้งพูดกระแทกเสียงขึ้น
	อยู่ข้างใน  เข้าไปสิกำลังมีแขกอยู่
	ก็เท่านี้...พูดให้มากความ ผึ้งเดินไปจับประตูแล้วฉุดคิดขึ้นมา ...มีแขกแล้วจะเข้าไปได้ยังไงล่ะ  เสียมารยาท...เธอนึก  เธอหันกลับมามองรัตน์ก็เห็นรัตน์ยืนอมยิ้มแล้วหลบสายตาเธอลงนั่งทำท่าเขียนเอกสาร  เธอเดินมานั่งหน้าห้องเพื่อรอให้บอร์ทเสร็จธุระ
	ครู่หนึ่งเธอเหลือบไปเห็นรัตน์รับสายโทรศัพท์  เธอรู้สึกกระวนกระวายใจเพราะนานแล้วที่เธอนั่งรออยู่หน้าห้อง  ...นี่มันเลยเวลาที่นัดไว้แล้วนี่นา...  เธอนึกพร้อมกับก้มมองนาฬิกา
	บอร์ทเรียกด้านใน รัตน์พูดกระชากเสียง
	นานแค่ไหนแล้ว ผึ้งถามแต่รัตน์กลับเงียบ  ก็ถามไม่ได้ยินเหรอ
	ได้ยินแต่ไม่อยากตอบ รัตน์เอ่ยพร้อมกับมองหน้าผึ้ง  เมื่อเห็นท่าว่าผึ้งเอาจริงแน่ ๆ จึงตอบ เมื่อตอนบ่ายนั่นแหละ
	ตอนที่เธอรับสายโทรศัพท์นั่นใช่มั๊ย!...หือ...ยัย...ยัยปีศาจ  บ้าที่สุดเลย  นังโรคจิต! ผึ้งพูดด้วยความโมโหทำให้สีหน้าของรัตน์นั้นซีดผาด
	ผึ้งเดินเข้าห้องบอร์ททันที มาแล้วเหรอ  นั่งสิ บอร์ทเอ่ยพร้อมกับชวนให้เธอนั่ง  แต่เก้าอี้ข้าง ๆ เธอนั้นมีผู้ชายคนนึงนั่งอยู่ด้วย  ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจนัก
	เอ่อ...ถ้ามีแขก  ดิฉันออกไปนั่งรอก่อนก็ได้ค่ะ
	ไม่เป็นไร  นั่งด้วยกันนี่แหละ บอร์ทพูดขึ้น ไหนล่ะเอกสารน่ะ  ขอดูหน่อยสิ ผึ้งส่งแฟ้มเอกสารให้  เธอนั่งมองบอร์ทหนุ่มไฟแรง  หน้าตาคมสันเป็นที่หมายปองของสาว ๆ เปิดดูแฟ้มเอกสารทีละหน้า ๆ จนกระทั่งเขาเงยหน้าขึ้นมา ดีมากเลย  ไม่น่าเชื่อว่าเมืองเล็ก ๆ แบบนั้นนักท่องเที่ยวจะมากเนาะ  ทั้งที่มีไกด์พาเที่ยวและที่เที่ยวด้วยตัวเอง  นี่ถ้าถึงเทศการคนคงมากันอีกเยอะเลย  อืม...แล้วจะมีงานเทศการประจำปีเมื่อไหร่ล่ะ
	ช่วงเดือนกุมภาพันธ์มีงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ค่ะ  ส่วนเดือนพฤศจิกาถึงต้นเดือนกุมภาก็มีทุ่งทานตะวันค่ะ  แล้วก็ช่วงเดือนพฤษภาก็มีงานเลี้ยงโต๊ะจีนลิงค่ะ
	ดี ๆ ช่วงนี้แหละเราจะโปรโมทการท่องเที่ยวแข่งกับ ททท.ซะเลย บอร์ทเอ่ย เห็นด้วยมั๊ยครับคุณอุดม บอร์ทหันไปมองผู้ชายคนที่นั่งหลบหน้าหลบตาอยู่ใกล้ ๆ เธอ  ผู้ชายคนนั้นพยักหน้าแล้วหันมาหาเธอ
	สวัสดีครับคุณน้ำผึ้ง  จำผมได้ไหมครับ
	อ๋อจำได้ค่ะแหมใครจะจำลูกค้าตัวเองไม่ได้ล่ะคะ แปลกใจจัง  มาทำไมนะ...เธอนึก
	คือผมมาวันนี้เพื่อที่จะบอกว่า. คุณอุดมนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ไม่พูดอะไร  น้ำผึ้งจ้องมองเขาด้วยใจจดจ่อเพราะอยากจะรู้ว่าเขามาธุระเรื่องอะไรกันแน่  เธอยืนยิ้ม ๆ แล้วก็ทำท่างง ๆ เขาจึงเดินเข้ามาจูงมือเธอออกมาที่ห้องอาหารของบริษัท
	ปุ๊..!!!!!  สายรุ้งพุ่งออกจากกล่องบรรจุแตกออกเป็นเส้น ๆ แสงเทียนเล่มน้อย ๆ ซึ่งแน่นอนย่อมมีมากกว่าหนึ่งเล่มเป็นแน่ส่องแสงสีทองอร่ามดูเย็นตาค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาพร้อมกับเค้กปอนด์โต
	แฮปปี้เบริ์ดเดย์ทูยู.แฮปปี้เบริ์ดเดย์ทูยูแฮปปี้เบริ์ดเดย์  แฮปปี้เบริ์ดเดย์  แฮปปี้เบริ์ดเดย์.ทูยู..
	ทุกคนร่วมกันร้องเพลงวันเกิดของเธอกันใหญ่  พร้อมทั้งปรบมือกันกราวหลังจากเพลงจบลง  เธอถึงกับน้ำตารินเพราะไม่คิดว่าทุกคนจะรู้ว่าวันนี้วันเกิดของเธอ
	ขอบคุณนะคะพวกคุณรู้ได้อย่างไรคะว่าวันนี้วัน เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ  นัยตาเปล่งประกายด้วยความดีใจจนสุขล้น  มองไปรอบ ๆ ก็มีแต่คนรู้จักและเพื่อนฝูงมากมาย  ไม่ว่าจะเป็นหนูนา  แป้ง  ต่าย  ส้ม  ยาหยี  มด  แหม่ม  ก้อย  แอน  นงนุช  และที่ขาดไม่ได้เลยคือนายตำรวจหนุ่มสุเมธ
	พวกเรารู้ว่าปีนี้เธอทำงานหนักมาโดยตลอด  เราก็เลยอยากจะตอบแทนเธอด้วยการฉลองวันเกิดให้
	หนูนาพูดขึ้น  พร้อมทั้งเดินมาจูงมือเธอให้เดินมาเป่าเค้กที่วางอยู่บนโต๊ะ
	อธิฐานสิ
	หนูนาพูดขึ้น  น้ำผึ้งจึงประสานมือและอธิฐานทันที  ฉันอยากรู้ว่าพี่เอกเป็นใครทำไมเหมือนในฝันเรานัก  และคุณอาหรือคู่รักในฝันของฉันเป็นใคร  หรือว่านี่คือเรื่องบังเอิญที่เขาเกิดมาหน้าตาเหมือนชายในฝันของฉัน  ซึ่งฉันได้เก็บความสงสัยมานานถึง  10  ปีแล้ว  ได้โปรดช่วยบอกฉันทีเถอะว่านี่เรื่องจริงหรือเรื่องบังเอิญ  เพราะตั้งแต่ที่ฉันเจอเขามันทำให้เรื่องราวที่ฉันเห็นมาโดยตลอด  10  ปีชัดเจนยิ่งขึ้น  เธอนึกและเป่าเทียนบนเค้กทันที
	รู้ไหมว่าใครเป็นคนทำเค้ก ส้มพูดขึ้นทำให้น้ำผึ้งรู้สึกสงสัย
	อภินันทนาการจากนายตำรวจหนุ่มขวัญใจของเธอไง
	เธอหันไปมองเขาแล้วก็ยกมือไหว้ขอบคุณ  เธอยิ้มแล้วก็เดินไปหยิบจานกับช้อนเพื่อมาตัดเค้กแบ่งให้ทุกคนทาน ขอบคุณค่ะบอร์ท เธอพูดพร้อมกับกอดบอร์ทหนุ่มแน่นก่อนที่จะหยิบเค้กส่งให้บอร์ท 1 ชิ้น
	ขอบใจจ่ะ...ขอให้มีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตนะ  และนี่ของขวัญสำหรับพนักงานที่สร้างผลงานมาตลอด 5 ปี บอร์เอ่ยพร้อมกับหยิบถุงผ้ากำมะหยี่สีแดงส่งให้เธอ  เมื่อเถอะเปิดดูก็เห็นกำไลทองโบราณประดับพลอย ชอบสะสมของเก่าของโบราณไม่ใช่เหรอ  ใส่ซะจะได้เข้ากับบ้านหลังใหม่ยังไงล่ะ
	ขอบคุณค่ะบอร์ท เธอพูดพร้อมกับหอมแก้มบอร์ทดังฟอดทำให้เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนมองเป็นตาเดียว  โดยเฉพาะนายตำรวจหนุ่มและคุณอุดม ไปหาซื้อของเก่าแบบนี้มาจากไหนคะ
	ใส่ ๆ ไปเถอะไม่ต้องถามน่ะ บอร์ทเอ่ยย้ำ
	แหม...ก็มันอยากรู้นี่คะ  น่านะ  บอกหน่อยน่า ผึ้งอ้อน
	อยากจะไปหาซื้อมั่งล่ะสิ บอร์ทแซวผึ้งพยักหน้ารับหงึก ๆ เออ ๆ บอกก็ได้ ร้านขายของเก่าถัดไปอีกสามซอยแถว ๆ ตลาดร้อยปีที่อยุธยานั่นแหละ บอร์ทเอ่ย
	...ภาพต่าง ๆ เริ่มชัดขึ้นมาในนิมิตอีกครั้ง....
	ชาวสยามไม่ค่อยจะได้ห่อหุ้มร่างกายให้มิดชิดนัก... ชาวสยามไปไหนมาไหนด้วยเท้าเปล่ามิได้สวมหมวก เพื่อที่จะปกปิดสิ่งที่อุจาดเท่านั้น เขาจึงพันเอวและขาอ่อนกระทั่งถึงหัวเข่าไว้ด้วยชิ้นผ้ามีดอกดวงยาวประมาณ 2 โอน 1 ครึ่ง ซึ่งชาวโปรตุเกสเรียกว่า pagne มาจากศัพท์ละตินว่า pannus ลางครั้งที่ไม่ใช้ผ้าลายเขียนนุ่ง ก็ใช้ชิ้นผ้าไหมเกลี้ยงๆ บ้าง หรือทอที่ริมเป็นลายทอง ลายเงินบ้าง เสียงของเดอลาลูแบร์พูดกับเจ้าพระยาวิชาเยนต์  ในห้องโถงใหญ่
	จริงอย่างท่านว่า  ฝ่ายพวกอำมาตย์หรือขุนนางก็เหมือนกัน นอกจากนุ่งผ้าแล้ว ยังสวมเสื้อครุยผ้ามัสลินอีกตัวหนึ่งใช้เหมือนเสื้อชั้นนอกหรือเสื้อคลุมถึงเข่า  เขาจะเปลื้องมันออกแล้วม้วนมันเข้าไว้กับบั้นเอว เมื่อเข้าไปหาขุนนางผู้ใหญ่ที่มียศถาบรรดาศักดิ์สูงกว่าตน เป็นการแสดงว่าเขาเตรียมพร้อมอยู่เสมอที่ท่านผู้ใหญ่จะบัญชาให้ไปไหนได้ดังใจเดี๋ยวนั้น  นอกไปกว่านั้นบรรดาขุนนางที่เราเห็นเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้ากรุงสยามในท้องพระโรงนั้นก็คงนุ่งห่มเสื้อผ้าเต็มยศตามธรรมเนียมขุนนางสยาม  หรือเวลามีงานพระราชพิธีจักต้องสวมลอมพอกสูงมียอดแหลมไว้กับศรีษะ เสื้อครุยนี้ไม่มีคอ เสื้อตั้งขึ้นไปและแหวกเปิดทางด้านหน้า โดยที่ผู้แต่งมิได้สนใจที่จะกระชับชายให้ปรกกันเพื่อปิดหน้าท้องของตนแต่ประการใด แขนเสื้อนั้นยาวทอดลงมาเกือบถึงข้อมือ กว้างราว 2 ฟุตโดยรอบ ไม่เห็นถกแขนเสื้อตอนต้นแขนหรือปลายแขนแต่อย่างใด อนึ่ง ตัวเสื้อครุยนั้นยังแคบมาก กระทั่งไม่สามารถผ่านลงและคลุมผ้านุ่งให้มิดชิดได้ คงเป็นรอยกลีบซ้อนกันพับอยู่บั้นเอวกระนั้น  แล้วลองนึกสิว่าคนที่พุงพลุ้ยมันจะออกมาเสียอย่างใด เจ้าพระยาวิชาเยนต์เอ่ยตอบพร้อมกับหัวเราะขบขันเสียงดังออกไปทางด้านนอก
	เครื่องนุ่งห่มของผู้หญิงไม่แปลกกว่าของผู้ชายเท่าใดนัก สำหรับผ้านุ่งนั้นตามสายตาของผมเห็นว่าออกจะกว้างกว่าของผู้ชายสักหน่อย นางปล่อยให้ชายตกไม่ม้วนเป็นชายกระเบนไปเหน็บไว้ทางเบื้องหลังเหมือนผู้ชาย  ปล่อยชายระเกือบถึงพื้นดิน  ตามปกติเป็นผ้านุ่งสีดำซึ่งผู้หญิงถือกันว่างามและภูมิฐาน ลางทีก็ทอสอดเส้นทองแล่งหรือเส้นเงินแล่ง  มีผ้าแถบมัสลินผืนแคบๆ คาดอก ส่วนอื่นของร่างกายทั้งหมดเปลือย พวกผู้ดีก็สังเกตได้จากสีหน้าท่าทางอย่างพวกเราเหมือนกัน อันบอกลักษณะน่าเกรงขามแก่ผู้ได้พบเห็น นิ้วสวมแหวนเพชรและอัญมณีต่างๆ เดอลาลูแบร์กล่าวต่อ แล้วนายล่ะเห็นเป็นประการใด เขาหันกลับมาหานิโคลาส์  แชรแวส  อลันและซานเออผู้ติดตามของเขาและของเจ้าพระยาวิชาเยนต์พร้อมทั้งหัวเราะชอบใจ
	แต่ผมคิดว่าทั้งหญิงชายแต่งตัวด้วยผ้าผ่อนน้อยชิ้น เพราะประเทศนี้เป็นประเทศร้อนครับ ซานเออตอบ  อีกอย่างชาวสยามเขาชอบผ้าสีต่าง ๆ นุ่งสำหรับส่วนล่างของร่างกาย ส่วนบนนั้นชายใส่เสื้อชั้นในแขนครึ่งท่อน ส่วนหญิงนั้นมีผ้าบางๆ พาดไหล่หรือปิดหน้าอก  บนศรีษะมักจะมีปิ่นปักผมไว้และสวมแหวนทองที่นิ้วมือ  การแต่งกายเช่นนี้แต่งด้วยกันทั้งคนจนคนมี จึงยากที่จะดูว่าใครรวยใครจน  เห็นทีจะแยกกันยากนะครับ เขาเอ่ยต่อ
	แต่ผมว่าจะดูว่ารวยหรือจนต้องดูที่เนื้อผ้า  ดูอย่างขุนนางส่วนใหญ่มักจะใจแหวนทั้งนิ้วชี้  นิ้วกลาง  นิ้วนาง  และนิ้วก้อย  บางทีแม่หญิงก็เหมือนกันนะครับ นิโคลาส์พูดขึ้น แต่ผมนะอิจฉาท่านฟอคอนมากเลย  มาอยู่เมืองนี้นอกจากได้ยศถาบรรดาศักดิ์เป็นถึงเจ้าพระยาวิชาเยนต์แล้วยังได้ทั้งเมียพระราชทาน  เมียไพร่  เมียบ่าว  เห็นทีผมต้องอพยพมาอยู่เมืองนี้แล้วละมั้ง!
	นายฝรั่งนั่งคุยกันจนออกรสอยู่ในห้องโถงโดยไม่สนใจว่าใครจะแอบฟังอยู่หรือไม่  เสียงหัวเราะของพวกเขาดังออกไปข้างนอก  ในขณะที่คุณหลวงบดินทร์นฤนาถเดินเข้ามาพร้อมกับพานดอกไม้ธูปเทียนแพ
	จด ๆ จ้อง ๆ อยู่ได้  เข้ามาสิคุณหลวง เจ้าพระยาวิชาเยนต์เอ่ยพร้อมกับหัวเราะชอบใจ มีการใดก็ว่ามา
	กระผมมาลาขอรับ คุณหลวงวางพานที่พื้นพร้อมกับก้มลงกราบ บัดนี้กระผมเรียนจบแล้ว  รู้แจ้งพอจักใช้วิชาความรู้ที่ท่านสอนได้แล้ว  กระผมจึงมากราบลาท่านอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนศิษย์  สิ่งใดที่กระผมเคยล่วงเกินทั้งวาจาและใจก็ขอขมาท่านด้วยขอรับ
	เอาเถอะ  ขอให้คุณหลวงโชคดีนะ เจ้าพระยาวิชาเยนต์เอ่ย ผมรู้ว่าคุณหลวงกำลังจะทำอะไรในการหน้า  รับสิ่งนี้ไปเถอะ เขาหยิบกล่องเครื่องประดับไม้ใบเล็ก ๆ ออกมาและยื่นให้ คุณหลวงมองหน้าเขาทำปากขมุบขมิบคล้ายกับจะพูดอะไร ไม่ต้องพูดอะไรดอก  เอานี่ไปขอแม่หญิงที่เจ้าหมายปอง  รับรองว่าไม่มีใครไม่กล้ายกนางให้เจ้าดอก
	คุณหลวงบดินทร์นฤนาถรับของสิ่งนั้นมา  เขาเปิดกล่องต่อหน้าท่านเจ้าพระยาวิชาเยนต์แล้วมองหน้าท่านอีกครั้ง เจ้าพระยาวิชาเยนต์พยักหน้า  กำไลทองวงนี้เป็นกำไลที่สวยงามจริง ๆ สวยกว่ากำไลในพระนครที่ว่างามเสียอีก... คุณหลวงนึกพร้อมกับก้มลงกราบอีกครั้งก่อนี่จะคลานเข่าแล้วเดินออกมา
	แวบหนึ่งที่เห็นกำไลวงนั้นคุณอุดมรู้ได้ทันทีว่ากำไลวงนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร  เขาจ้องมองกำไลทองวงนั้นแล้วหันกลับมามองกลุ่มเพื่อน ๆ ของเธอที่กำลังสนุกสนานอยู่  ...ใช่จริง ๆ แหละ  กำไลนี้  ถ้าเราเป็นคนในปางอดีต  เป็นชาวฝรั่งที่นั่งอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นก็จะจำได้ว่าเจ้าพระยาวิชาเยนต์มอบสิ่งนี้ให้เป็นรางวัลแด่คุณหลวงบดินทร์นฤนาถลูกศิษย์ที่สมเด็จพระนารายณ์ทรงให้มาเรียนเพื่อศึกษาภาษาฝรั่ง  แล้วคุณหลวงคนนั้นคือใครกันที่มาเกิดในกลุ่มนี้  หากเป็นผู้หมวดคนนี้เห็นจะไม่ใช่แน่ ๆ...เขานึก
	เธอเดินกลับมาที่กลุ่มเพื่อน ๆ เธอหันไปมองผู้หมวดสุเมธแล้วก็พูดขึ้น ถามจริง ๆ เถอะค่ะพี่เอก  เมื่อเช้าพี่มาที่บ้านผึ้งไม่เห็นพี่บอกเลยว่าจะฉลองวันเกิดให้แล้วทำไมพี่ถึงขับรถมาเร็วนักคะเอพี่รู้ตั้งแต่เมื่อไรคะว่าวันนี้วันเกิดของผึ้ง
	โอ้โหถามซะไม่รู้ว่าจะตอบอะไรก่อนดีเลย  เอาเป็นว่าพี่รู้ก็แล้วกันนะทานกันเถอะ
	ทุกคนหัวเราะกันใหญ่ทำให้น้ำผึ้งรู้สึกเหมือนถูกเพื่อน ๆ รุมแกล้ง  แต่เธอก็ดีใจที่ทุกคนจำวันเกิดของเธอได้  และสิ่งที่ดีใจที่สุดก็คือพี่เอกนายตำรวจหนุ่มของเธอ  เธอรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่เขาอยู่ใกล้ ๆ ทั้ง ๆ ที่เธอไม่ควรจะคิดเกินเลยกับเขาเลย
	แล้วพี่อุดมรู้ได้อย่างไรคะว่าวันนี้วันเกิดของผึ้ง
	พี่ก็ไม่รู้หรอกแต่พอพี่มาทุกคนก็ให้พี่ออกไปรับหน้าเท่านั้นเอง  สุขสันติ์วันเกิดนะครับ
	ขอบคุณค่ะ น้ำผึ้งยิ้มแล้วก็นั่งทานต่อ  ทุกคนคุยกันสนุกสนาน  เธอมองเห็นเด็กผู้ชายคนนั้นอีกครั้งทำให้เธอรู้สึกสงสัยและเดินตามเด็กคนนั้นไปที่ด้านหลังของบริษัททันที
	หนู  ไม่ไปทานด้วยกันเหรอลูก
	ไม่หรอกขอรับ  กระผมกินไม่ได้  คุณแม่ต้องอนุญาตก่อน
	ทำไมต้องขออนุญาตแม่ล่ะจ๊ะ  ไปเถอะเดี๋ยวน้าจะพาไปทาน  ไปสิ
	คุณแม่ขอรับ เด็กคนนี้พูดเสียงแจ๋ว  เธอยิ้มแล้วก็นั่งคุยกับเด็กคนนั้น  เธอรู้สึกผูกพันธ์กับเด็กคนนั้นมาก  ความรู้สึกที่มีอยู่ภายในใจเธอทำให้เธอมีความสุขเมื่อได้คุยกับเด็กคนนั้น
	ลูกเต้าเหล่าใครเนี่ย  ทำไมแต่งตัวแปลก ๆ ล่ะลูก
	กระผมลูกของคุณแม่ไงขอรับ
	น้ำผึ้งอึ้งแล้วก็ยิ้ม ๆ เธอรู้สึกงง ๆ คิดอะไรไม่ออกเพราะจู่ ๆ เด็กคนนี้ก็มาบอกเธอว่าเป็นลูกของเธอทั้ง ๆ ที่เธอก็ยังไม่ได้แต่งงาน  เด็กคนนั้นชี้ไปข้างหลังทำให้เธอหันตามมือน้อย ๆ นั้นไป
	ทำอะไรอยู่เหรอผึ้ง
	คุณอุดมเรียกเสียงหลงทำให้เธอสะดุ้งโหยง  เมื่อหันกลับมาหาเด็กคนนั้นเขาก็หายไปเสียแล้ว  เธอรู้สึกแปลกใจมากแล้วก็เดินตามหาเด็กคนนั้นจนคุณอุดมถามเธออยู่หลายครั้งแต่เธอก็ไม่ได้ตอบอะไร  เมื่อเธอหาเด็กคนนั้นไม่เจอเธอก็รีบเดินเข้าไปนั่งคุยกับทุกคนทันที
	พี่อุดมมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ
	คือผมเอาเอกสารนี่มาให้  ผมเห็นว่าคุณทำงานด้านนี้ก็เลย
	ขอบคุณค่ะ
	น้ำผึ้งนั่งทำงานเกี่ยวกับแผนการพัฒนาบุคลากรนำเที่ยว  และการประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยวที่บริษัทอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ทุกคนแยกย้ายกันทำงานไปหมดแล้ว  ส่วนนายตำรวจหนุ่มนั้นขอตัวไปเข้าห้องน้ำ  เขาฝากของไว้กับเธอ  เสียงโทรศัพท์ของเขาดังอยู่หลายครั้ง  เธอตัดสินใจรับโทรศัพท์แล้วก็แสดงสีหน้าที่ตกใจจากนั้นก็เดินมาหานายตำรวจหนุ่มทันที
	พี่เอกคะคือพี่แก้ม
	มีอะไรเหรอผึ้ง
	ไปดูอาการพี่แก้มเถอะค่ะขอร้องนะคะ  เราต้องรีบไปด่วนเลยค่ะ
	ผมขอไปด้วยได้ไหม คุณอุดมพูดขึ้น  ทั้งสามคนจึงขับรถไปด้วยกัน  โดยนายตำรวจหนุ่มนั่งไปกับน้ำผึ้ง  ส่วนคุณอุดมขับรถตามไปติด ๆ
	เมื่อมาถึงโรงพยาบาลนายตำรวจหนุ่มจึงเดินเข้าไปหาคุณหมอ
	คือตอนนี้ผมต้องกระตุ้นหัวใจคนไข้ก่อนนะครับ  เพราะคนไข้เกิดอาการช็อกและหัวใจหยุดทำงาน  เอ่อผมว่าพวกคุณรออยู่ข้างนอกก่อนนะครับ
	คุณหมอเข้าไปในห้องไอซียู  นายตำรวจหนุ่มกุมมือน้ำผึ้งแน่น  เขาทำหน้าเศร้าและกระวนกระวายใจจนคุณอุดมรู้สึกว่าทั้งคู่จะไม่ใช่แค่คนรู้จักเสียแล้ว
	จะให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้คุณอุดมนึก
	คุณผึ้งครับผมว่าคุณมานั่งตรงนี้ก่อนนะครับคุณอุดมเอ่ยพร้อมกับหันไปหาผู้หมวดสุเมธ คุณเอกครับผมว่าคุณใจเย็น ๆ นะครับ  ทุกอย่างต้องมีทางแก้ไขได้
	คุณอุดมพาเธอออกมานั่งที่เก้าอี้และเดินเข้าไปคุยกับนายตำรวจหนุ่ม  เขาภาวนาอยู่ตลอดเวลาว่าอย่าให้คุณแก้มเป็นอะไรไปเลยเพราะถ้าหากคุณแก้มแฟนสาวของเขาเสียชีวิต  คุณผึ้งก็จะสนิทกับเขามากกว่านี้  ผมไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเลยคุณอุดมนึก
	คุณหมอครับ!!!  คุณหมอเป็นอย่างไรบ้างครับ
	ตอนนี้หัวใจเริ่มทำงานแล้วครับ  ถ้าคุณจะเข้าเยี่ยมเธอผมต้องขอเตือนก่อนนะครับว่าอย่าเสียงดังเพราะคนไข้อาจตกใจและมีอาการช็อกได้
	ทุกคนเดินเข้าไปในห้องไอซียู  คุณอุดมถึงกับตะลึงเมื่อเห็นร่างของคุณแก้มนอนอยู่บนเตียง  เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะเจอเธอที่นี่  ...เธอนี่เองที่เป็นผู้หญิงที่ทำให้เราฝันถึงบ่อย ๆ คุณผึ้งก็เหมือนกัน...คุณอุดมนึก  ...ภาพในอดีตชาติอย่างที่หลวงพ่อบอกก็เริ่มเข้าเค้าแล้วสินะ  นั่นหมายความว่าพวกเรามีหนี้กรรมต่อกันจึงทำให้มาพบกันอีกในชาตินี้คุณอุดมนึกต่อ  หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง  นั่นหมายความว่าคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรี  จะต้องมาชดใช้หนี้กรรมให้กับ  แม่หญิงช้อยและแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วเป็นแน่  แล้วคุณหลวงบดินทร์นฤบาลล่ะ  หายไปไหน  หรือว่ายังไม่มาเกิดอีก...
	คุณแก้มขยับนิ้วชี้สองครั้ง  ขาซ้ายของเธอกระตุก แม่หญิงช้อย!!!! คุณอุดมพูดเปรยออกมาทันทีทำให้น้ำผึ้งหันขวับมามองเขาอย่างสงสัย  
	เมื่อกี้คุณพูดอะไรนะคะ ผึ้งเอ่ยถามเพราะเธอเองก็คิดเหมือนกันว่าคุณแก้มน่าตาเหมือนคุณช้อยที่เธอเห็นในความฝัน
	ปะเปล่าครับ คุณอุดมเอ่ยขึ้น  ...ถ้าอดีตชาติมีจริง  เราก็ต้องมาใช้หนี้กรรมให้กับผู้หญิงคนนี้เป็นแน่  ถ้าไม่ใช่เพราะคืนนั้นป่านนี้คุณหลวงบดินทร์ฯคงได้แต่งงานกับแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วอย่างแน่นอน...เขานึก  ภาพต่าง ๆ เริ่มชัดเจนอีกครั้ง
	เรือขบวนใหญ่น้อยลอยลำบนทะเลสาบชุบศรเทียบท่าน้ำคุ้งของท่านเจ้าพระยาฯ และคุณข้าหลวงเยาวลักษณ์  เรือนขุนนางหลังใหญ่จัดตกแต่งมาลัยและดอกไม้อย่างสวยงาม  ผู้คนเดินกันขวักไขว่  ทั้งเจ้าขุนมูลนาย  อีกทั้งไพร่และทาส  ของชำร่วยในพานจัดอย่างสวยงาม  ใช้ดอกไม้สดส่งกลิ่นหอมฟุ้ง  มีมาลัยรูปสัตว์แปลก ๆ มากมายแล้วแต่ผู้ทำจะคิดขึ้น
	คนครัวเร่งทำขนมและอาหารที่ใช้ในงานมงคลเสียยกใหญ่  เสียงสากดังรัวอยู่หลายครั้งและคงจะหลายครกเพราะสากกระทบครกดังเป้กเป่ก แกรกเป๊ะสลับกันระงบ  เสียงมีดกระทบเขียงดังเป็นจังหวะเช่นกันตุบตับ สวบป๊อก  เสียงผู้คนในครัวดูคึกคัก  ต่างพูดคุยถึงเรื่องงานพิธีในวันนี้ตลอดเวลา
	กระบวนเรือเจ้าบ่าวที่ฝีพายพายช้า ๆ เสียงคนโห่ดังหลายครั้ง  พร้อมทั้งคนดนตรีตีดังระงม  คนฟ้อนยืนรำโดยไม่กลัวตกหรือจม  เรือขันหมากจะมีพ่อแม่ของฝ่ายเจ้าบ่าวนั่งมาด้วย  ภายในขันมีหมากดิบ 8 ผล พลู 4 เรียง เรียงละ 8 ใบ เป็นจำนวนเลขคู่  ขันใส่ของหมั้น  เป็นทองคำลายวิจิตร  และลวดลายโบราณ  เครื่องเพชรพลอย สร้อยต่างหูกำไลรวมทั้งแหวนทองมรดกจากบรรพบุรุษห่อไว้ด้วยผ้าสีแดงเรียบร้อยสวยงามวางในขัน  ขันที่สามเป็นใบเงินใบทอง ถุงเล็กถุงน้อยที่ใส่ข้าวเปลือก ข้าวตอก ถั่วเขียว และงา จัดเป็นจำนวนคู่ จัดไว้เพื่อเอาความหมายเกี่ยวกับความเจริญรุ่งเรืองและความงอกงามในวันข้างหน้า ส่วนขันใส่หมาก ขันใส่ของหมั้น ขันใส่ข้าวเปลือก ถั่วงา และใบเงินใบทอง ทั้งหมดจัดแต่งอย่างประณีต  มีการเย็บใบตองจับจีบประดับด้วยมาลัย ดอกรักและบานไม่รู้โรยแล้วคลุมด้วยผ้าอย่างดีให้เรียบร้อยสวยงาม
	กระบวนเรือขันหมากเทียบท่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนุ่งโจงสวมเสื้อคอกระเช้าสีแสดถือพานหมากพลูออกมาต้อนรับเถ้าแก่ฝ่ายเจ้าบ่าว  เพื่อเป็นการรับขันหมากและเชิญให้เข้าไปข้างใน เจ้าบ่าวแสดงสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบาน  เมื่อมาถึงบันไดเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งทำหน้าที่ล้างให้กับเจ้าบ่าวและญาติ  ฝ่ายเจ้าบ่าวมอบอัดเป็นรางวัล  เมื่อเดินขึ้นบันไดขั้นแรก  ญาติฝ่ายเจ้าสาวขึงเข็มขัดนาก  อีกสองขั้นถัดไปก็ขึงเข็มขัดเงิน  และขั้นบนสุดขึงเข็มขัดทอง  
	เมื่อผ่านขึ้นมาบนเรือนเด็กผู้หญิงสองคนทำหน้าที่แจกของชำร่วยทำด้วยฝีมือชาววัง  มาลัยรูปสัตว์สวยงามถึงมือของญาติฝ่ายชาย  ทุกคนต่างอมยิ้มอย่างมีความสุข  โดยเฉพาะซานเออที่ขอติดตามคุณหลวงบดินทร์นฤนาถมาด้วยนั้นตื่นตาตื่นใจตั้งแต่แรกที่ลงเรือ  เขาเห็นเรือร่วมกระบวนถึงสิบสี่ลำดูช่างใหญ่โตยิ่ง...  อีกทั้งมาลัยรูปกระรอกน่ารักอีก  กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกุหลาบช่างหอมเสียเหลือเกิน...
	เจ้าสาวเดินออกมาหลังจากที่ผู้ใหญ่รับขันหมากเสร็จ  เครื่องแต่งกายของเจ้าสาวดูงดงาม  ราศีของเจ้าสาวจับให้ชวนเชยชิด  พระเก้ารูปทำพิธี  เจ้าบ่าวเจ้าสาวถวายภัตราหาร  ทั้งสองคนมองกันและกัน  คงน่าอิจฉาดอกสำหรับชายหลายคนที่อยากจะได้เมียเด็กที่ห่างกันถึงรอบอย่างคุณหลวงกับแม่หญิงน้ำผึ้งแก้ว...ซานเออนึก
	พระซัดน้ำมนต์ไปที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว  และแขกเหรื่อที่มางาน  ครู่หนึ่งคุณท้าวนางฝ่ายในมาพร้อมกับนางในอีกสามสี่คนเดินเข้ามาพร้อมกับถือพานทองวางด้วยผ้าขาว  มีกล่องเล็ก ๆวางอยู่ด้านบน  นางในอีกสี่คนช่วยกันยกหีบไม้สลักรูปช้างเข้ามาอีกสองใบ
	เสด็จพระองค์เจ้าหญิงฯประทานให้แม่หญิงในพิธี คุณท้าวนางฝ่ายในคนนั้นเอ่ย  คุณท้าวนางเยาวลักษณ์หมอบรับของในพานแล้วเปิดออกันที
	อิฉันขอฝากคุณรันจวนไปด้วยนะคะ คุณท้าวนางเยาวลักษณ์ส่งห่อผ้าสีแดงให้ ฝากกราบขอบพระทัยด้วยนะคะ
	ได้สิ...แล้วเราก็พาแม่นิ่มมาด้วยนะ  แม่ลูกจะได้ส่งตัวกันเข้าหอ  เหลือเวลาอีกไม่มากนี่
	ค่ะ คุณนิ่มข้าหลวงก้มลงกราบคุณท้าวนางเยาวลักษณ์แม่สามี  แล้วค่อย ๆ คลานเข้าไปใกล้ ๆ แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วบุตรสาว
	ออกเรือนแล้วต้องเป็นแม่ศรีเรือนให้ดีนะลูก  กับข้าวกับปลาอย่าได้ขาดตกบกพร่อง  งานบ้านการเรือนอย่าได้ละวาง  ปกครองในบ้านให้เรียบร้อย  อย่าวางอำนาจว่าเรานี้เป็นเจ้าหนักศักดิ์ใหญ่  เขาก็คน  เราก็คน  ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา  หนักนิดเบาหน่อยต้องให้อภัยซึ่งกันและกันจะอยู่กันได้อย่างสงบ  กลิ่นหอมเป็นสิ่งสำคัญที่ใครผ่านไปผ่านมาจะนิยมชมชื่น  เคารพและให้เกียรติ์ท่านเพราะท่านเป็นผัว  ในภายหน้าหากได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เสด็จฯอาจพระราชทานนางเล็ก ๆ ให้บ้าง  หรือเขาจะมีบ้างเจ้าก็อย่าว่าท่าน  จำคำแม่ไว้นะไม่อย่างนั้นเจ้าจะเป็นอย่างแม่... คุณนิ่มสอนลูกด้วยความรัก  น้ำตาของเธอพรั่งพลูออกมาด้วยความตื้นตัน
	ใช่...แล้ววันนั้นเองที่คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีฉุดเจ้าสาวในเรือนหอที่บ้านคุณท้าวนางเยาวลักษณ์...คุณอุดมนึกต่อ
	คุณเจ้าขา...แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วหายไปเจ้าค่า... แม่อิ่มร้องเสียงหลงเมื่อเข้าไปในห้องหอ  เพราะได้ยินเสียงดังโครมคราม
	อะไรนะ...!!!! ทั้งท่านเจ้าพระยา  และคุณข้าหลวงร้องด้วยความตกใจ
	หมายความว่าคุณหลวงบดินทร์ถูกหลอกให้ออกไปดูคนร้ายแล้วมีคนสวมรอยมาขโมยเจ้าสาวอย่างนั้นเหรอ  อกแม่จะแตกเสียกระมังพ่อ... คุณท้าวนางเยาวลักษณ์ทรุดตัวลงดมยาหอมทันที
	ซานเออวิ่งออกจากเรือนรีบรุดมาตรงพื้นใต้เรือนหอก็พบกระดานเปิดอยู่พอที่จะอุ้มคนลอดผ่านออกมาได้  เขาเดินตามรอยเท้าออกมาก็พบแม่หญิงช้อยนอนสลบอยู่ข้างกอกล้วย  เขาปลุกเธอให้ตื่น  แม่หญิง  แม่หญิง...  เขาตบหน้าหล่อนเบา ๆ อยู่หลายครั้งจนเธอฟื้น
	คุณหลวงอุดมศักดิ์ฯฉุดน้ำผึ้งแก้วขึ้นเรือไปแล้วค่ะ  ช่วยที... หล่อนเอ่ย  ซานเออรีบอุ้มหล่อนขึ้นมาบนเรือน  เมื่อเห็นคุณหลวงบดินทร์กลับมาเขาจึงพาคุณช้อยเข้าไปใกล้ ๆ  อิฉันขอโทษเจ้าค่ะ  อิฉันผิดเองที่พาคุณหลวงอุดมศักดิ์มา หล่อนเอ่ยต่อหน้าทุกคน
	หมายความว่ายังไง?...เอาแต่เนื้อนะ  น้ำไม่เอา  หาไม่แล้วข้าจัก...หึ...! ท่านเจ้าพระยาเอ่ยเสียงดังน่าเกรงขาม
	คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีบอกว่าจะมาช่วยงานเจ้าค่ะ  อิฉันก็เลยพามา  อิฉันไม่คิดว่าเค้าจะมาเพื่อการณ์นี้  อิฉันเสียใจเจ้าค่ะ  แล้วตอนนี้คุณหลวงเขาพายเรือมุ่งหน้าไป  น่าจะคลองเลือกน่ะเจ้าค่ะ  มุ่งน่าไปอยุธยาแน่แท้ คุณช้อยพูดไปร้องไห้ไป
	มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าแล้วเจ้าร้องไปใย  หรือว่าเจ้ามีส่วนรู้เห็นเป็นใจ
	ปะ...เปล่านะเจ้าคะ คุณช้อยพูดด้วยความกลัว  สีหน้าของท่านเจ้าพระยาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น  อิฉันเพียงเสียใจที่คุณหลวงให้คำมั่นสัญญาในคืนแรมวันนั้นว่าจักรักและเมตตาอิฉันเพียงคนเดียว  และไม่เคยคิดมีอื่นใด คุณช้อยพูดต่อพร้อมกับร้องไห้
	หมายความว่าเจ้า... คุณหลวงบดินทร์เอ่ยขึ้น  คุณช้อยพยักหน้ารับว่าหล่อนและเขานัดพบได้เสียในวันคืนเดือนแรมก่อนถึงงานแต่งของน้ำผึ้งแก้วเพียงสามคืนเท่านั้น
	คุณหลวงบดินทร์และพวกพายเรืออย่างเร่งด่วน  ฝีพายยอดขุนพลพร้อมด้วยอาวุธพร้อมจักสังหารเสียด้วยความแค้น  เรือของเขามุ่งหน้าอย่างรวดเร็วจนใกล้ถึงเรือสำปั้นลำหน้าที่แม่หญิงถูกฉุดมา...  ในขณะที่คุณช้อยแอบพายเรือตามมาติด ๆ เพราะเกรงว่าคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีจะเป็นอะไรไป
	ในวันนั้นเองที่คุณหลวงบดินทร์หาคนทั้งคู่ไม่เจอ  ในขณะที่แม่หญิงช้อยเลาะตลิ่งและขึ้นฝั่งไปยังกระท่อมของนายอินทร์คนสนิทของคุณหลวงอุดมศักดิ์  แล้วเกิดการะเลาะวิวาทขึ้น  จากนั้นหล่อนก็จับแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วกดน้ำในโอ่งหน้ากระท่อม  ทำให้คุณหลวงอุดมศักดิ์สังหารคุณช้อยที่นั่นก่อนที่จะพาแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วลงเรือไปหาหมอคุณอุดมนึก  เขาจำทุกอย่างได้อย่างแม่ยำหลังจากี่สัมผัสไปที่แขนของคุณแก้มที่กำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องไอซียู  ขาขวาของเธอกระตุก  ตัวเธอผวาเฮือก  หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ
	นั่นเรือผู้ใด...กูถามว่าเรือผู้ใด คุณหลวงบดินทร์เอ่ยพร้อมกับกระโดดข้ามเรือมายังเรืออีกลำที่ทั้งสองคนอยู่  ไม่นะ...! คุณหลวงร้องดังขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้าไป  ทรุดเข่าลงกอดแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วที่เนื้อตัวเปียกปอน มึง...! ไอ้เพื่อนระยำ  มึงทำกับกูอย่างนี้ได้อย่างไร  วันนี้เป็นวันตายของมึง  คุณหลวงเอ่ยพร้อมกับเกิดการต่อสู้กันขึ้น  คุณหลวงอุดมศักดิ์ถูกฟันที่กลางหลังตกน้ำไป  คนเรือสองคนดำน้ำลงไปตามหาแต่ก็ไม่พบ  คุณหลวงบดินทร์จึงสั่งไม่ให้ตามหาและพาแม่หญิงกลับมาในสภาพนั้น
	เสียงผู้คนร่ำไห้ทั่วทั้งเรือน...
	คุณอุดมใช้มือแตะที่แขนของผึ้งเบา ๆ เขาชวนเธอให้ออกมายืนห่าง ๆ...ภาพนั้นเริ่มชัดเจนอีกครั้ง  เสียงผู้คนร่ำให้โศกโศกา  ร่างของแม่หญิงนอนแน่นิ่ง  ญาติผู้ใหญ่แต่งกายชุดดำเพื่อไว้ทุกข์  ในขณะที่แม่หญิงช้อยคลานขึ้นบันไดมา  เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด  ซานเออเป็นคนรักษาคุณช้อยและนำมีดออกจากท้องของหล่อนทำให้หล่อนรอดตาย
	แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วคงสิ้นลมตั้งแต่วันนั้นสินะ  และมาเกิดใหม่เป็นคุณผึ้ง...คุณอุดมนึก  ภาพทั้งหมดเลือนรางหายไป...
	นายตำรวจหนุ่มรู้สึกกังวลใจมากที่เห็นคุณแก้มแฟนสาวเป็นแบบนี้  เขากุมมือเธอแน่นส่วนอีกมือหนึ่งจับมือของน้ำผึ้งเอาไว้ทำให้คุณอุดมรู้สึกว่าสองคนนี้ไม่ใช่แค่คนรู้จักกัน  สองคนนี้น่าจะรักกันโดยไม่รู้ตัวไปเสียแล้ว  แต่ลางบอกเหตุนี้อาจจะมาเพื่อให้เขาชดใช้หนี้กรรมให้กับคุณผึ้งก็ได้  แล้วถ้าเกิดพวกเขาเห็นอดีตชาติของตนเองล่ะ...  คุณอุดมนึก
	คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรี!!!!
	เสียงคุณแก้มพูดขึ้นสายตาของเธอจ้องมาที่นายตำรวจหนุ่ม  ทำให้เขาถึงกับผงะ  คุณอุดมจึงเดินเข้าไปหาคุณแก้มและกระซิบข้าง ๆ หูทำให้เธอฟื้นขึ้นมา  เธอจ้องมองคุณอุดมและโผเข้ากอดทันที  นายตำรวจหนุ่มและน้ำผึ้งถึงกับงงและพยายามพูดกับคุณแก้มแต่เธอกลับแสดงท่าทีเหมือนไม่ได้ยินที่ทั้งคู่พูดออกมาเลย
	เดี๋ยวฉันจะไปตามหมอมานะคะ
	น้ำผึ้งวิ่งออกไปตามนายแพทย์ชิดชัย  เมื่อเธอกลับมาพร้อมกับแพทย์หนุ่มคุณอุดมจึงเดินห่างออกจากเตียงและมายืนใกล้ ๆ น้ำผึ้งทันที
	ปาฏิหารย์มากผมไม่คิดว่าคุณกิตติยาจะฟื้นนะครับ  แต่ดูเธอจะพูดไม่รู้เรื่อง  ผมว่าต้องรอดูอาการก่อนนะครับ
	แต่คุณหมอครับ  เมื่อกี้ผมเห็นเธอนั่งคุยกับคุณอุดมได้นี่ครับ
	พูดเป็นเล่นน่าคุณคุณก็เห็นอยู่ว่าปฏิกิริยาตอบสนองของเธอไม่มีเลย
	แต่เมื่อกี้ฉันก็เห็นจริง ๆ นะคะ
	คุณอุดมจึงเดินเข้ามานั่งใกล้ ๆ เตียงและกระซิบข้าง ๆ หูของเธอ  เธอยิ้มแล้วจับมือคุณอุดมเอาไว้  
	ซานเออ  อิฉันเป็นหนี้ชีวิตคุณ  อิฉันอยากอยู่แบบนี้ตลอดไปจังเลยเจ้าค่ะ
	เมื่อคุณแก้มพูดจบเธอก็ทิ้งตัวลงนอนจากนั้นหัวใจของเธอก็หยุดทำงานทันที  คุณหมอรู้สึกแปลกใจมากแต่เขาก็ต้องรีบช่วยคนไข้ให้ได้เสียก่อนเพราะตอนนี้คนไข้เกิดสภาวะหัวใจล้มเหลวทุกคนเดินออกมาจากห้องไอซียูเพื่อรอฟังอาการของคุณแก้มอีกครั้ง
	นายตำรวจหนุ่มและน้ำผึ้งพยายามถามคุณอุดมว่าพูดอะไรแต่คุณอุดมกลับไม่ตอบเลยสักนิด  เขายืนนิ่ง ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทำให้ทั้งคู่ไม่กล้าถามอะไร
	คุณหมอเดินออกมาจากห้อง  นายตำรวจหนุ่มจึงรีบวิ่งเข้าไปถามท่าทางและสีหน้าดูกังวลอย่างที่สุด คุณหมอครับ!!!!
	คนไข้มีอาการดีขึ้นเยอะเลยครับ
	เฮ้อ.โล่งอกไปที นายตำรวจหนุ่มยิ้มดีใจและหันมากอดเธอเอาไว้  คุณอุดมจึงเดินถอยห่างออกมา
	เงาดำทะมึนยืนจ้องมองพวกเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ  ไอ้เพื่อนทรยศ! เสียงนี้ดังก้องหูนายตำรวจหนุ่มอีกครั้ง  และคราวนี้คุณอุดมก็ได้ยินด้วย  เขาหันกลับมามองนายตำรวจหนุ่มทันที  เขามองเห็นเงาดำรูปร่างเหมือนผู้ชายสวมโจงกระเบนไม่สวมเสื้อ  รูปร่างสูงใหญ่น่าเกรงขาม  เงาดำนั้นหันมาราวกับรู้ว่าเขาเห็น  คุณอุดมขยี้ตา  เขามองไปอีกครั้งเงาดำนั้นพลันหายไป
	ตาฝาดไปมั้ง เขาเปรย
.10.

โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ				
14 พฤศจิกายน 2553 11:51 น.

มิติรัก...ใต้เงาจันทรา ฉบับปรับปรุง ตอนที่9

ส.ธนาศิษฏ์

แม่หญิงเจ้าคะสายแล้วตื่นเถอะเจ้าค่ะ เสียงบ่าวเรียกแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วแต่เช้า  หล่อนตื่นมาด้วยความรู้สึกงวยงง
ทำไมเรายังอยู่ที่นี่อีกล่ะ  เราน่าจะกลับไปยังโลกของเราได้แล้วนะหล่อนนึก  จิ๊บจิ๊บจิ๊บเสียงนกร้องดังกึกก้องในขณะที่ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มมองไม่เห็นอะไร  หล่อนเดินมาพร้อมกับบ่าวไพร่อีกสามสี่คนตรงมายังท่าน้ำท่ามกลางอากาศที่มีแต่หมอกขาว ๆ ปกคลุมไปทั่ว  เสียงบ่าวไพร่หัวเราะกันดังกึกก้องไปหมด
เงียบ ๆ หน่อยได้ไหมเสียงดังออกไปหลายคุ้งหลายแควแล้ว  อ้าวอาบน้ำให้เสร็จก่อนพระเคาะระฆังนะเจ้าเดี๋ยวจะไม่ทันใส่บาตร เสียงเจ้าคุณย่าตะโกนดังมาแต่ไกล  บ่าวไพร่ต่างพากันเงียบไปหมด  น้ำผึ้งแก้วขึ้นจากน้ำแล้วกลับไปยังเรือนเพื่อแต่งตัวเตรียมเข้าวังแต่เช้าเพราะหล่อนลาออกมาได้เพียงวันเดียวเท่านั้น
ใส่บาตรก่อนไปเสียด้วยเจ้า  ย่าเตรียมของไว้ให้เสร็จแล้ว
เจ้าค่ะ แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วเดินตรงมายังท่าน้ำเพื่อมาหาเจ้าคุณย่าที่ยืนรออยู่  หล่อนค่อย ๆ คลานเข้าไปหยิบข้าวของที่วางอยู่แล้วก็รอเรือของพระสงฆ์ที่กำลังพายมาแต่ไกล  เมื่อพระมาถึงหล่อยจึงหยิบอาหารใส่ลงบาตรแล้วรอรับศีลรับพร
เจ้าคุณย่าเจ้าคะ  หลานลาแล้วเจ้าค่ะ  อีกสองปักษ์หลานจะกลับนะเจ้าคะ
แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วลาเจ้าคุณย่าก่อนที่จะลงเรือเรือลอยลำไปไกลมาก  หล่อนมองเห็นบ้านเรือนและผู้คนมากมายที่กำลังพายเรือเพื่อไปจับจ่ายซื้อของแต่เช้าตรู่  เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มสาดส่องท้องน้ำก็ค่อย ๆ มองเห็นได้ชัดขึ้น  หล่อนมองเห็นมือใครคนหนึ่งที่โผล่ออกมาจากใต้น้ำอยู่หลายครั้งหล่อนจึงพยายามจ้องมองมือของใครคนนั้นด้วยความรู้สึกหวั่นใจ
พี่ไม  ฉันว่ามันคงมีอะไรไม่ชอบมาพากลเสียแล้วละ
อะไรรึเจ้าคะแม่หญิง
เดี๋ยวนะขอฉันเถอะ
แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วคว้ามีดปลอกหมากของไมพี่เลี้ยงคนสนิทมาถือเอาไว้แน่น  ประจวบเหมาะกับตอนที่หล่อนเล็งเห็นว่ามือของใครคนหนึ่งพยายามเกาะเรือเพื่อให้เรือล่มนั้นหล่อนจึงเอามีดเฉือนไปที่มือของใครคนนั้นทันที  ทำให้บาดแผลลึกมาก  เลือดไหลอาบลงผืนน้ำเต็มไปหมด  แต่เจ้าของมือคู่นั้นก็หารู้ไม่ว่ามือของเขาบาดเจ็บ  เขากลับโครงเรือจนล่มลงในที่สุด  
ช่วยด้วยเจ้าค่ะ.แม่หญิงตกน้ำ.ช่วยด้วยบ่าวว่ายน้ำไม่เป็นเจ้าค่ะ.!!!!!!!
เสียงตะโกนโหวกเหวกของพี่ไมดังลั่นพร้อมกับทิ้งร่างดิ่งลงไปในน้ำและทะลึ่งขึ้นมาอยู่หลายครั้ง  มือของใครบางคนพยายามกอดรัดตัวแม่หญิงและบ่าว
ตูม!!!!  เสียงของใครคนหนึ่งกระโดดลงน้ำจนแตกกระเซ็นเป็นฟอง  
จ๋อมจ๋อมจ๋อม  เขาว่ายน้ำมากอดตัวแม่หญิงไว้และพาขึ้นฝั่งทันที  ส่วนพี่ไมบ่าวของแม่หญิงนั้นมีคนมาช่วยไว้ทันจึงขึ้นจากน้ำได้โดยปลอดภัย
คุณหลวง!!!!
แม่หญิงโผกอดคุณหลวงบดินทร์นฤบาลทันที  หล่อนไม่รู้สึกเลยว่าจะละอายกับสิ่งที่กระทำลงไปเพราะหล่อนรู้สึกว่าหล่อนเองมิใช่คนโบราณอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์  อย่างน้อย ๆ จิตใต้สำนึกของคนในโลกปัจจุบันที่ยังคงฝืนตัวเองได้ก็แสดงออกมาได้เป็นบางครั้งบางคราว  หล่อนรู้สึกตัวว่าหล่อนรักผู้ชายในคราบคุณหลวงอย่างชู้สาว  มิใช่อย่างอาหลานเสียแล้ว  เพราะหล่อนได้ก้าวกลับมาในอดีตหล่อนจึงได้รู้ว่าตนเองเคยชอบพอกับคุณหลวงอยู่  หล่อนจึงกล้าที่จะกอดเขา
ปล่อยเถอะเจ้า  อายเขา คุณหลวงบดินทร์นฤบาลเอ่ยขึ้น  น้ำผึ้งแก้วจึงละมือออกพร้อมทั้งแสดงอาการขวยเขิน
กลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะเจ้า
จับได้ไหมเจ้าคะ
คนล่มเรือน่ะรึ!!!
เจ้าค่ะ
ไม่ได้ดอกเจ้าแต่อย่างน้อย ๆ ก็คงจะได้บทเรียนไปอีกนาน  เพราะพี่เห็นเจ้านั่นมีแผลที่มือข้างขวาลึกขนาดนั้น
อิฉันเอามีดกรีดเองเจ้าค่ะเพราะเกรงว่าเรือจะล่ม
คุณหลวงพายเรือพาแม่หญิงและบ่าวกลับมาที่เรือนของตนเองที่อยู่ใกล้ ๆ กับคุ้งป่าหวาย  เขาสั่งให้ผ่าวสองสามคนไปจัดเครื่องแต่งตัวมาให้แม่หญิงและบ่าวเปลี่ยน  จากนั้นก็พายเรือไปส่งที่ท่าขุนนางเพื่อให้หล่อนเข้าวัง
น้ำผึ้งแก้วเดินเข้าประตูวังจนลับสายตาไปแล้วคุณหลวงบดินทร์นฤบาลจึงพายเรือกลับไป
แม่หญิงเจ้าคะ  บ่าวว่าคุณหลวงท่านใจดีเหลือเกินเจ้าค่ะ
ใช่คุณหลวงใจดี
เอ๊ะ!!!!  แล้วแม่หญิงว่าคุณหลวงท่านมองแม่หญิงแปลก ๆ หรือไม่เจ้าคะ
ก็ไม่นี่อย่าคิดมากน่า  ไป!!!!  ไปกราบเสด็จฯ ท่านก่อนเพราะวันนี้เรามาสายมากแล้วเดี๋ยวจะกริ้วไปกันใหญ่
	น้ำผึ้งแก้วเดินมาถึงพระที่นั่งสุทธาสวรรย์หล่อนค่อย ๆ เดินขึ้นตำหนักช้า ๆ เมื่อเห็นใครคนหนึ่งกำลังเดินออกมาด้วยสีหน้าท่าทางอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างรุนแรง  หล่อนรู้ทันทีว่านั่นคือใครจึงหมอบกราบทันที
	หมอบเร็วพระปีย์มา หล่อนบอกให้บ่าวหมอบกราบ  เมื่อพระปีย์เสด็จออกไปได้ครู่หนึ่งแล้วหล่อนจึงค่อย ๆ คลานเข้าไปหาสมเด็จฯ ท่านช้า ๆ และหมอบกราบทันที
	มาช้าเชียวนะเจ้าเอ้า!!! หล่อนรับผ้าผืนนั้นมาและนำมาเช็ดพระบาททันที
	รู้หรือไม่ว่าอ้ายค่อม  อ้ายเตี้ยลูกข้ามันดื้อนัก
	หล่อนเงียบไม่ตอบอะไร
	บ๊ะ.!!!!
	หล่อนถึงกับสะดุ้งโหยงทันทีทำให้เสด็จฯ ท่านพร้อมทั้งนางในหลายคนหลุดหัวเราะออกมา  หล่อนจึงก้มลงกราบเนื้อตัวสั่น  และรีบตอบเพราะรู้สึกกลัวเกรงความผิด
	หม่อมฉันมิทราบดอกเพคะ  แต่หม่อมฉันรู้ว่าพระปีย์ทรงโปรดการดนตรีมากกว่าตำรับตำรา  หม่อมฉันคิดว่าพระองค์น่าจะค่อย ๆ ปราณีประนอมนะเพคะ
	บ๊ะ!!!!  อีนี่มึงรึจะสอนกู  บังอาจนักนะ ทรงสรวนดังลั่นตำหนัก  หล่อนรีบหมอบกราบเพราะกลัวว่าพระองค์จะทรงกริ้วเรื่องที่หล่อนกล้าต่อปากต่ำคำกับท่าน แล้วเจ้ารู้มั๊ยว่าก่อนน่าหนี้อ้ายเตี้ยมันเป็นบุตรผู้ใด
	ทำไมทรงถามเช่นนี้ล่ะเพคะ
	เขาลือกันทั่ววังว่าเจ้าน่ะรอบรู้ไปทุกเรื่อง  ไหนจงเร่งตอบมาอย่าช้านักเจ้า  หากตอบไม่ถูกข้าจะให้หวายเป็นรางวัลสถานที่บังอาจสอนข้า...! สมเด็จฯตรัส
	บุตรของขุนไกรสิทธศักดิ์เจ้าค่ะ  ต่อไปจักมีเรื่องร้ายแก่พระปีย์ในปางหน้า  โปรดให้ทหารชั้นเอกรักษาองค์พระปีย์ด้วยเพคะ
	มึงว่าการใดข้างหน้างั้นรึ...บ๊ะอีนี่! หากเจ้าเป็นชายข้าจะส่งไปเรียนกับพระโหราฯเสียกระมัง ทรงพระสรวญดังขึ้นอีกครั้ง 
	ฝ่าบาทเพคะ น้ำผึ้งแก้วเอ่ยต่อ ขอได้โปรดเถอะเพคะ  ถึงแม้นว่าหัวขาดเกล้ากระหม่อมก็ต้องพูดให้จงได้ เสด็จพยักหน้ารับ  กาลเก่าพระศรีสิงห์ราชโอรสบุญธรรมเคยคิดขบถซ่อน          ศาตราอาวุธข้างที่พระบรรทมไม่ใช่หรือเพคะ  การนั้นทรงเงื้ออาวุธขึ้นจะฟันแต่ก็มิได้ให้ลงโทษเพราะทรงเห็นว่าพระศรีสิงห์ยังเยาว์มีพระชนม์พรรษาเพียง 15 ปีเท่านั้น ทั้งเป็นพระราชภาคิไนยอันสนิท เมื่อพระเชษฐายังมีพระชนม์อยู่นั้นได้ทรงฝากฝังไว้ว่า หนักหน่อยเบาหน่อยก็ขอให้ทรงพระกรุณาตามสมควร  แต่กาลหน้าไซร้พระศรีสิงห์จักมิเพียงแค่คิดนะเพคะ  หากแต่จะขบถจริง วันพรุ่งพระองค์จะเสด็จออกพระที่นั่งตำหนักดิน พระศรีสิงห์จะถือพระแสงของพระมหินทร์ดักคอยจะทำร้ายอยู่ทางประตูวังข้างทิศใต้ ทรงอย่าเสด็จออกทางนั้นนะเพคะ ขอทรงโปรดเชื่อกระหม่อม  โปรดเสด็จออกทางพระตูด้านทิศเหนือเถอะ หล่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง  สีหน้าของหล่อนำให้เสด็จฯฉุดคิดขึ้นมา
หากมึงพยากรได้อย่างนั้นรึ  ไหนมึงบอกกูสิว่ากูจักมีโอรสสืบราชสมบัติหรือไม่
	มีเป็นแน่แท้เพคะ  พระโอรสที่เกิดจากพระสนมกุสาวดี  ราชธิดาในพญาแสนหลวงเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ให้ประสูติการาชโอรสใต้ต้นมะเดื่อในขณะที่ทั้งพระองค์  พระมหาอุปราชสุรสีห์  และพระนางกุสาวดีเดินทางไปนมัสการพระพุทธชินราช  พระพุทธชินสีห์  ที่วัดพระศรีมหาธาตุเมืองสองแควไงเพคะ  อีกหน่อยจะได้เป็นหลวงสรศักดิ์  และจากนั้นจะเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีชื่อเสียงในทางร้าย  ชาวบ้านกลัวเกรงบารมี  เรียกว่าพระเจ้าเสือเพคะ
	บังอาจนักอีนี่...! ทรงตวาดดังขึ้น  หากเจ้ามิใช่เด็กกูคงโบยมึงหลังขาดให้ตายเสียตรงนี้เป็นแน่  มึงหยุดว่าความแล้วออกไปให้พ้นหน้ากูเสีย ทรงกริ้วอย่างรุนแรงทำให้น้ำผึ้งแก้วก้มกราบเนื้อตัวสั่น
	ตื่นสิ...ตื่น ๆ ตื่นได้แล้ว  นี่เรากำลังฝันอยู่ไม่ใช่เหรอ  ตื่นเดี๋ยวนี้...หล่อนพยายามปลุกตัวเองให้ตื่นด้วยการตบหน้าตัวเองอยู่หลายครั้ง
	แวบหัวใจแทบหยุดเต้น  ใจสั่นระรัวแวบไปหยุดไหลวนทั่วท้องและไหลลงไปถึงตาตุ่ม...
ผึ้งน้ำผึ้ง!!!!!
	หะ.!!!!
	น้ำผึ้งสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงใครคนหนึ่งเรียกเธอในกลางดึก  เธอหันกลับมามองเสียงชายคนที่เรียกทันที
	ผู้หมวด!!!
	เธอเรียกเสียงหลงเพราะไม่คิดว่าเขาจะมายืนที่พระที่นั่งเย็นในกลางดึกอย่างนี้
	คิดอะไรอยู่เหรอ
	เปล่าค่ะ เธอตอบทั้ง ๆ ที่เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่  และเห็นอะไรอยู่  เธอไม่กล้าตอบออกมาเพราะกลัวว่าเขาจะหาว่าเธอบ้า  สติไม่ดี  เธอจึงได้แต่ยิ้ม ๆ เท่านั้น
	แล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้ล่ะ นายตำรวจหนุ่มถามเธอด้วยท่าทางงวยงง  เธอก้มลงมองตัวเองแล้วก็แปลกใจเพราะตัวเธอเองกำลังสวมใส่เสื้อผ้าอย่างคนโบราณ  เธอไม่รู้จะตอบอย่างไรเพราะตัวเธอเองก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน
	สายลมโชยมาเอื่อย ๆ เธอรู้สึกหนาวเหน็บไปทั่วร่าง  เธอจึงเดินกอดอกคุยกับนายตำรวจหนุ่มด้วยความรู้สึกที่อิ่มเอมใจทำให้นายตำรวจหนุ่มต้องถอดเสื้อนอกออกมาคลุมให้เธอทันทีเพราะกลัวว่าเธอจะหนาวไปมากกว่านี้
	เสื้อคุณอุ่นดีจังเลยค่ะขอได้ไหมคะ
	ให้ได้ตลอดชีวิตเลยละ
	หะ!!!!  เธอตกใจมากเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้  เธอรู้สึกคุ้น ๆ กับคำพูดประโยคนี้มากแต่เธอก็ไม่รู้ว่าเคยได้ยินที่ไหน  ทำให้เธอยืนงงอยู่  นายตำรวจหนุ่มจึงเดินเข้ามาโอบไหล่เธอและพาไปขึ้นรถเพื่อพาไปส่งที่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
	เดี๋ยวค่ะ นายตำรวจหนุ่มกำลังจะสตาร์ทรถ  เขาถึงกับหยุดทันทีและหันกลับมาคุยกับเธอด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
	มีอะไรเหรอ
	ทำไมถึงรู้ว่าผึ้งอยู่ที่นี่ล่ะคะ
	สัญชาตญาณมันบอก
	และพี่ทำไมถึงมาตามผึ้งล่ะ
	พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน  แต่ว่ามีเสียงใครบางคนคอยกระซิบข้าง ๆ หูพี่ตลอดเวลาว่าให้มาเพราะถ้าไม่มาจะไม่เจอผึ้ง
	เธอนั่งงง ๆ อยู่ในรถพร้อมทั้งแสดงสีหน้าที่สงสัยเพราะจู่ ๆ ทำไมเขาถึงมาตามหาเธอทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเลย  
	เสียงเหรอ  ใครกันนะ!!!!  เธอนึก
	อืม...ทีหลังไม่ต้องเรียกพี่ว่าผู้หมวดนะ  มันดูห่างเหินน่ะ  เรียกพี่ว่าพี่เอกนะ เขาเอ่ยขึ้น  
	พี่เอกคะ  เสียงเหรอคะ  เมื่อกี้พี่จะบอกว่าผีกระซิบบอกหรือไงคะ เธอรีบเปลี่ยนเรื่องพูดพร้อมกับดึงมือออกจากมือของเขาที่กุมมือเอไว้แน่น
	บ้าน่าแต่ก็ช่างเถอะพี่รู้ละกันว่าเธออยู่ที่นี่
	นายตำรวจหนุ่มนั่งหัวเราะแล้วก็หันมาขยี้หัวเธอ  ทำให้เธอยกมือขึ้นไปจับมือของเขาออกมาจากหัวและเอามาแนบไว้ที่แก้มทันที  เธอหลับตาพริ้มพร้อมทั้งสูดลมหายใจลึก ๆ ทำให้นายตำรวจหนุ่มรู้สึกแปลกใจ
	พี่เอกเชื่อเรื่องอดีตชาติไหมคะ
	ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ
	ไม่มีอะไรหรอกค่ะ
	นายตำรวจหนุ่มขับรถมาส่งเธอที่บ้าน  เขาเดินลงมาส่งเธอ  ครู่หนึ่งเสียงวอวิทยุดังอยู่หลายครั้งเขาจึงขอตัวลากลับก่อน
	ทำไมเราถึงมายืนอยู่ที่พระที่นั่งเย็นได้นะ  ทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้เรายังอยู่ที่พระตำหนักในวังนารายณ์อยู่เลย  น้ำผึ้งนึก
	เธอผวาสุดตัวอีกครั้ง  เหงื่อกาฬผุดขึ้นเต็มหน้าไปหมด  เธอมองไปรอบ ๆ ตัวแล้วโล่งใจ
	ฝันร้ายเหรอ ส้มเอ่ยถาม
	ก็คงทำนองนั้นแหละ ผึ้งตอบพร้อมกับฟุบตัวลงนอนต่อ  ...ทำไมเราต้องฝันถึงเขา  ทำไมเราต้องเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น  ไม่มีใครฝันหรือเห็นแบบเราเลยเหรอ?...เธอนึก
..9.


โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ				
9 พฤศจิกายน 2553 20:07 น.

มิติรัก...ใต้เงาจันทรา ฉบับปรับปรุง ตอนที่8

ส.ธนาศิษฏ์

บ้านเรือนไทยหลังเดิมที่เธอเห็นครั้งแรกตอนที่มาลพบุรี  บ้านหลังนี้ติดป้ายประกาศอีกครั้งหลังจากที่เธอหมดความหวังไปแล้วว่าจะซื้อบ้านหลังนี้  เธอโทรติดต่อเจ้าของบ้านทันที  
ผึ้งมาตามที่นัดเจ้าของบ้านคนเก่าเอาไว้  เธอคิดว่าผู้หญิงที่ขายบ้านหลังนั้นเป็นคนหนุ่มคนสาวที่ไม่รู้จักคุณค่าของบ้านเรือนไทยเสียด้วยซ้ำ  แต่เมื่อมาพบกลับกลายเป็นหญิงชราอายุราว ๆ 70 ปีเห็นจะได้  ผมหงอกขาวโพลน  ผิวหนังเหี่ยวย่นแต่ยังคงลุกเหินเดินไหว
นั่งสิจ๊ะหนู คุณยายท่านนั้นเอ่ยชวนให้เธอนั่ง หนูสนใจบ้านหลังนี้แน่เหรอ  ไม่มีใครอยู่ทนสักคนเลยนะ
หนูชอบค่ะ  และไม่ว่าบ้านหลังนี้จะล่ำลือว่าเฮี้ยนขนาดไหนหนูก็จะอยู่ที่นี่ค่ะ  เพราะบ้านหลังนี้เป็นบ้านในฝันของหนูเลย  หนูมองบ้านหลังนี้มาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งย้ายไปอยู่ที่อื่น  กลับมาอีกทีบ้านหลังนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง  ขายให้หนูเถอะนะคะคุณยาย เธออ้อนวอน
เอาสิ...ถ้าภายใน 3 เดือนหนูอยู่ได้ยายจะยอมขายให้ในราคาถูกเลยเอ้า  หนูจะเอามั๊ยล่ะ คุณยายท่านั้นพูดพร้อมกับอมยิ้ม
เงาดำทะมึนยืนอยู่ด้านหลังของพวกเขา  กระจกร้านอาหารสั่นสะเทือนราวกับจะหลุดออกมา  น้ำในแก้วสั่นเป็นวงกลม  ไฟดับวาบชั่วครู่  สงสัยไฟจะตก ส้มเปรยขึ้น
คุณยายจะขายให้เท่าไหร่ดีกว่ามั๊ยคะ  แต่อย่าแพงนะคะ  เงินเดือนหนูน้อยค่ะ  พ่อแม่หนูก็เสียไปหมดแล้วด้วย  หนูไม่มีถุงเงินถุงทองที่เป็นที่พึ่งแบบนั้นอีกแล้วนะคะ หนูมีเพียงคุณย่าคนเดียวในชีวิตเอง  คุณย่าก็ไม่มีเงินถุงเงินถังให้หนูกู้ซะด้วยสิ... เธอพูดพร้อมกับหัวเราะขึ้น
เอาละถ้าหนูอยู่ได้ตามที่ยายบอก  ยายจะยอมขายบ้านหลังนั้นแค่ 3 แสนเท่านั้น
หา....! ผึ้งร้องด้วยความตกใจ
ไม่ต้องตกใจหรอก  ยายพูดจริง  แล้วก็หุบปากได้แล้วเดี๋ยวแมลงวันก็เข้าไปอาศัยอยู่หรอก คุณยายท่านนั้นเอ่ยพร้อมกับหัวเราะเยาะ  ทั้งสองคนเซ็นสัญญากันเป็นลายลักษณ์อักษร  โดยมีพยานอีก 2 คนคือส้มและผู้หมวดสุเมธ  ทุกคนร่วมทานอาหารกันและแยกย้ายกันไป  ผึ้งกับส้มย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านเรือนไทยหลังนี้โดยไม่รอช้า  โดยมีผู้หมวดสุเมธช่วยขนของไปส่ง...
ไอ้เพื่อนทรยศ! เสียงนี้ดังก้องหูนายตำรวจหนุ่ม  เขารีบกลับทันทีหลังจากช่วยเธอทั้งคู่จัดข้าวของเสร็จเรียบร้อยแล้ว
กลางดึกอันเงียบสงัดผึ้งเดินออกมาที่ถนนหน้าบ้าน  เธอเดินเลาะทางไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเดินมาถึงพระที่นั่งเย็นหรือที่เรียกว่าพระที่นั่งไกรสรสีหราชนั่นเอง  เธอมองไปรอบ ๆ ก็เห็นต้นโพธิ์ต้นใหญ่  และซากโบราณสถานที่ยังคงเหลือไว้ให้ลูกหลานได้ชมกันทุกวันนี้
สายลมยะเยือกเข้ามาที่รูขุมขน  เธอรู้สึกหนาวสะท้านไปทั่วร่าง  เสียงใครคนหนึ่งกึกก้องร้องเรียกเธออยู่ตลอดเวลา  น้ำผึ้งแก้วน้ำผึ้งแก้วน้ำผึ้งแก้ว  เธอเดินตามเสียงนั้นไปจนกระทั่งมารู้สึกตัวอีกทีก็เห็นตัวเองยืนอยู่ที่โรงช้าง  เธอเห็นช้างมากมายหลายเชือก  ล้วนแล้วแต่เป็นช้างเผือกที่แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างสวยสดงดงาม  เธอรู้สึกแปลกใจมากหันกลับมายังซากโบราณสถาน  พอมองไปก็เห็นเป็นหมู่ตึกที่สวยงามท่ามกลางทะเลสาบชุบศร
นี่มันอะไรกันนี่!!!!
เธอรู้สึกตกใจและหวาดกลัวมาก  เพราะคราวนี้เธอมาที่นี่ทั้ง ๆ ที่ยังมีสติอยู่  เธอเดินมายังพระตำหนัก  เธอเห็นนางในมากมายกำลังจัดพระแท่นบรรทมอยู่  เธอจึงเดินเข้าไปดู
แม่หญิงวันนี้วันพุธนะ  ยังไม่กลับบ้านอีกรึ  เดี๋ยวคุณท้าวเยาวลักษณ์ก็มาว่าอิฉันหรอกไปรีบเก็บข้าวของและกลับบ้านได้แล้ว  เห็นว่าท่านเจ้าพระยาธรรมรัตน์ส่งคนมารับนี่
เจ้าพระยาธรรมรัตน์เหรอ?  ใครกันไม่เคยได้ยินเลย เธอถามอย่างงง ๆ เธอนั่งลงกับพื้นแล้วก็คลานเข้าไปใกล้ ๆ คุณท้าวรัญจวนผู้ที่ดูแลเรื่องพระแท่นบรรทมของสมเด็จฯ ท่าน  ชุดที่เธอสวมใส่เป็นชุดโบราณ  ซึ่งเธอก็แปลกใจอยู่แล้วกับการมาโดยไม่ได้ตั้งใจของเธอ  แล้วนี่ยังจะต้องเดินทางไปกับใครก็ไม่รู้  จะต้องไปที่ไหนเธอก็ยังไม่รู้เลย
กระไรกันเจ้ามิรู้รึ  เจ้าคุณพลเทพบิดาของคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีอย่างไรเล่า
คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีหรือเจ้าคะ!!!! เธอถามอย่างงง ๆ เพราะชื่อนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย  เธอนั่งอยู่ครู่หนึ่งนางในคนหนึ่งก็วิ่งพรวดเข้ามาพร้อมกับห่อผ้าสัมภาระ
อีไม!!!!  มึงนี่นะ  อยู่ในรั้วในวังมาตั้งนมนานยังไม่รู้จักวางกิริยามารยาทอีก  มันน่าส่งไปอยู่ล้างขี้ช้างดีไหมล่ะ
คุณท้าวรัญจวนพูดด้วยความโมโห  เธอจ้องมองบ่าวคนนั้นแล้วก็ทำหน้าเครียด  เมื่อบ่าวคนนั้นทำหน้าเสียคุณท้าวรัญจวนก็หัวเราะพร้อมทั้งเอามือปิดปากทันที  สร้างความขบขันให้กับนางในทุกคน  เพราะทุกคนเห็นท่าหวาดกลัวของบ่าวคนนั้นเป็นเรื่องตลกไปเสียแล้ว
บ่าวเอาข้าวของมาให้เจ้าค่ะแม่หญิงคนเรือรออยู่นะเจ้าคะ
น้ำผึ้งแก้วกราบคุณท้าวรัญจวนแล้วก็คลานออกจากตำหนักด้วยความระมัดระวัง  เธอเดินออกมายังท่าน้ำของชาวฝรั่งเพราะที่นี่มีอยู่ท่าเดียว  เธอมองเห็นเรือสำเภาน้อยใหญ่ที่จอดอยู่  รวมทั้งเรือของชาวฝรั่งทำให้เธอยิ้มไม่หุบปากทีเดียว
แม่หญิงคะสำรวมกิริยาด้วยเจ้าค่ะ
น้ำผึ้งแก้วหุบปากทันที  เธอเดินมายังเรือที่จอดรอรับอยู่  เธอทำท่าเหมือนจะลงเรือแต่ก็กวักมือเรียกเรือจ้างที่อยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้นทันที  เรือลำนั้นพายมาเทียบท่า  น้ำผึ้งแก้วลงเรือแล้วก็หันไปยิ้มให้กับคนเรือของเจ้าคุณพลเทพกับบ่าวที่ชื่อไม  บ่าวรับใช้ของคุณประยูรบุตรีของเจ้าคุณพลเทพที่อยู่ในวังมาก่อนหน้าหล่อนทันที
ไปบ้านเจ้าพระยาธรรมศักดิ์ราชนฤบาล  อยู่ตรงคุ้งน้ำด้านหน้า
คนเรือพายเรือตรงไปยังท่าน้ำหน้าบ้านอย่างเร่งฝีพาย  ส่วนคนเรือของเจ้าพระยาธรรมรัตน์ก็พายเรือตามมาอย่างเร่งด่วน  ไมบ่าวของคุณประยูรตะโกนโหวกเหวกให้เรือลำที่น้ำผึ้งแก้วนั่งมาจอด  แต่คนเรือไม่หยุดจอดเลยสักนิด  น้ำผึ้งแก้วขึ้นจากเรือพร้อมทั้งหยิบอัดมาจ่าย  หล่อนเดินตรงมายังเรือนของเจ้าคุณพ่อพร้อมทั้งหยิบข้าวของที่อยู่ในห่อผ้าออกมาดู
ในนี้มีอะไรนะหล่อนนึก  หล่อนเห็นเพลงยาวที่มีคนเขียนมาให้หล่อนถึงสองฉบับ  ฉบับหนึ่งเป็นของคุณหลวงบดินทร์นฤบาล  อีกฉบับเป็นของคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรี  หล่อนหยิบเพลงยาวของคุณหลวงบดินทร์ขึ้นมาอ่านก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  แล้วก็เก็บไว้ใต้หมอน  ส่วนของคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีนั้นหล่อนหยิบไปใส่ในกระบอกไม้ไผ่แล้วให้บ่าวที่ชื่อปลิกนำไปส่งให้กับคุณช้อยบุตรสาวบ้านเจ้าคุณพลเทพและคุณกรองทองเชื้อสายจีนขายข้าวสารห้างร้านตลาด  เพราะหล่อนรู้ว่าแม่หญิงช้อยก็งามมีน้ำใจน่าจะคู่ควรกับคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรี
นี่เราทำอะไรของเราอยู่นะ  รู้สึกฝืนตัวเองไม่ได้ทั้ง ๆ ที่เรารู้ว่าเรากำลังทำเรื่องที่ผิดมาก ๆ แต่เราก็ห้ามตัวเองไม่ได้  เรารู้ได้อย่างไรว่าคุณช้อยชอบคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีทั้ง ๆ ที่เราก็ยังไม่เคยเห็นหน้าเธอด้วยซ้ำ  น้ำผึ้งนึก
น้ำผึ้งแก้วนั่งคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งบ่าวก็มาเรียกให้ไปเรือนเจ้าคุณย่า
แม่หญิงเจ้าคะคุณท่านเรือนใหญ่ให้หาเจ้าค่ะ
น้ำผึ้งแก้วเดินลงบันไดอย่างระมัดระวัง  หล่อนข้ามสะพานซึ่งเชื่อมกับบันไดบ้านไปยังเรือนของเจ้าคุณย่าที่อยู่ไม่ห่างไกลนัก  เมื่อมาถึงระเบียงกลางหล่อนเดินอย่างพญาหงส์และค่อย ๆ คลานเข่ามาหาเจ้าคุณย่าอย่างระมัดระวังกิริยาจากนั้นก็กราบเจ้าคุณย่าและหันมาไหว้เจ้าพระยาธรรมรัตน์และคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีทันที
งามเหลือเกินแม่..
เจ้าพระยาธรรมรัตน์เอ่ยขึ้นพร้อมทั้งส่งสายตาเจ้าชู้ไก่แจ้กับน้ำผึ้งแก้วทำให้เจ้าคุณย่ารู้สึกขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมากจึงเคี้ยวหมากจับ ๆ กระแทกแรง ๆ ด้วยความโกรธ  ส่วนน้ำผึ้งแก้วนั้นวางกิริยาราวกับเป็นหุ่น  หล่อนนั่งนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  หล่อนมองตรงไปข้างหน้านั่งตัวแข็งทำให้เจ้าคุณย่ารู้สึกพอใจที่หลานสาวไม่ตอบโต้สิ่งใดกับเจ้าพระยาธรรมรัตน์เหมือนเมื่อคราวที่ตอบกับคุณหญิงเลี่ยมแม่ของคุณหลวงบดินทร์นฤบาล
มีธุระอันใดหรือพ่อ เจ้าคุณย่าพูดด้วยน้ำเสียงที่เก็บอารมณ์
กระผมอยากจะมาพูดจาตามประสาคนคุ้นเคยเท่านั้นแหละขอรับ
เหตุใดจึงต้องเรียกหลานของอิฉันมาด้วยในเมื่อจะมาคุยกันตามประสาแต่เอเมื่อก่อนนี้ไม่เห็นว่าท่านเจ้าพระยาจะมาคุยบ้างเลย  อิฉันว่าเจ้าคุณพูดมาตรง ๆ เลยดีกว่าไหม
กระผมขอพูดตามตรงเลยนะขอรับ  กระผมอยากจะให้เด็กสองคนรู้จักกัน
อ้าวลูกเอ๊ย!รู้จักกันหรือยังเล่า เจ้าคุณย่าหันมาถามน้ำผึ้งแก้วแล้วก็ยิ้มเยาะ
รู้จักเจ้าเจ้าค่ะเจ้าคุณย่า  งั้นหลานขอตัวกลับเรือนก่อนนะเจ้าคะเพราะไม่มีกิจจะคุยด้วย  ก็ฝ่ายนั้นบอกให้หลานรู้จักแล้วหลานก็อยู่แค่รู้จักนี่แหละเจ้าค่ะ
เจ้าคุณย่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมกับเอื้อมมือไปจับแขนน้ำผึ้งแก้วเบา ๆ ก่อนที่หล่อนจะค่อย ๆ คลานลุกหนีไปเพราะไม่อยากจะคุยกับสองพ่อลูกนั่น
เจ้าพระยาธรรมรัตน์ถึงกับอึ้งพูดไม่ออกทีเดียว  เขานั่งเคี้ยวหมากด้วยความโกรธ
ไป!!!!กลับ!!!!!
เจ้าพระยาธรรมรัตน์แสดงท่าทางโกรธราวกับยักษ์คลั่ง  เขาคว้าไม้ตะพดหัวงูเห่าซึ่งทำมาจากเขากระทิงด้วยท่าทางที่หุนหันแล้วก็หันมาไหว้เจ้าคุณย่าจากนั้นก็เดินกระแทกเท้าลงจากเรือนไป
คุณพ่อขอรับกระผมว่าอย่าเพิ่งโกรธเลยนะขอรับ  หล่อนยังเด็กนักคงจะไม่รู้ประสีประสาเท่าไรนัก
ใช่หล่อนยังเด็กแต่หยิ่งยโสโอหังเหลือเกิน  พ่อว่าเจ้าอย่ายุ่งกับคนบ้านนี้เลยดีกว่า  เจ้าก็รู้ไม่ใช่รึว่าคนบ้านนี้เป็นพวกเจ้า ๆ นาย ๆ ไหนเลยจะมาคบกับคนอย่างเรานึกว่าตัวเองใหญ่โต  สักวันหนึ่งเถอะจะได้รู้กัน!!!!
คุณพ่อจะทำอะไรหรือขอรับ
เดี๋ยวก็รู้.ไปกลับ!
เจ้าพระยาธรรมรัตน์ลงเรืออย่างรีบร้อนจนเรือเกือบจะคว่ำ บ๊ะ!!!! อ้ายตะไลมึงนี่ทำเรือเกือบร่ม  มึงระวังตัวไว้เถอะอ้ายฉิบหายกูจะแพ่นกระบานมึงโทษฐานที่จับเรือไม่แน่น
คุณพ่ออย่าพาลคนอื่นสิขอรับ  ดูสิอ้ายมิ่งมันกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว
เรือของเจ้าพระยาธรรมรัตน์พายออกมาได้ครู่หนึ่งคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีก็เห็นเรือของคุณหลวงบดินทร์นฤบาลซึ่งมีแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วนั่งอยู่ด้วย  หล่อนยิ้มอย่างไม่ระวังกิริยา
คุณพ่อขอรับ. คุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีเรียกให้เจ้าพระยาธรรมรัตน์ดูเรือของคุณหลวงบดินทร์นฤบาล
มิน่าล่ะ เจ้าพระยาธรรมรัตน์พูดพร้อมกับตบหน้าขา
ทำไมหรือขอรับ
ก็แม่หญิงมีใจให้คุณหลวงบดินทร์ฯ ไงล่ะ  แม่หญิงถึงได้ไม่สนใจเจ้าไป!!!!  ไปได้แล้ว
ไม่ขอรับกระผมจะขอดูอีกหน่อย
จะดูให้มันเจ็บใจไปใยพ่อว่าเรามาหาทางทำยังไงแม่หญิงถึงจะได้มาเป็นของเจ้าดีกว่านะ
แต่กระผมขออยู่อีกแป๊ะเถอะขอรับ
เจ้าพระยาธรรมรัตน์จึงอยู่ดูคุณหลวงบดินทร์นฤบาล  สองพ่อลูกคิดแผนการที่จะให้แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วมาร่วมเรียงเคียงหมอนให้ได้  เขารู้สึกเจ็บแค้นที่สองย่าหลานได้กระทำให้อับอายจึงคิดอยากจะเย้ยให้สาใจเพราะถ้าหากแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วออกเรือนไปกับลูกชายของตัวเองแล้วตนเองจะแกล้งให้สาแก่ใจเลยทีเดียว
อุ๊ย!!!! น้ำเย็นนะเจ้าคะ  อิฉันว่ากลับกันเถอะค่ะเพราะเดี๋ยวเจ้าคุณพ่อจะว่าได้
คุณพี่ไม่ว่ากระไรดอกเจ้า
คุณหลวงบดินทร์นฤบาลเอามือจ้วงน้ำและดีดใส่แก้มของแม่หญิงน้ำผึ้งแก้วทำให้หล่อนขวยเขินและแอบอมยิ้มอยู่บ่อย ๆ
พี่มีอะไรจะให้เจ้า
อะไรหรือคะ
หลับตาก่อนสิ
แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วหลับตาลง  คุณหลวงบดินทร์นฤบาลจึงนำดอกบัวมาทัดที่ใบหูของหล่อน  หล่อนจึงลืมตาขึ้นแล้วก็หยิบดอกบัวดอกนั้นออกจากหูทันที
สวยจริงเจ้าค่ะ  คุณหลวงเด็ดมาจากตรงไหนหรือคะอิฉันไม่เห็นคุณหลวงเด็ดเลยเจ้าค่ะ
ก็ตอนที่เจ้ามัวหันไปดูทางอื่นอย่างไรเล่าพี่จักพาไปดูผ้าในตลาดเจ้าจักไปหรือไม่
อย่าเลยเจ้าค่ะนี่ก็มากันนานแล้วเดี๋ยวเจ้าคุณพ่อจะว่าได้นะเจ้าคะ
คุณพี่ไม่ว่ากระไรดอกเชื่อพี่เถอะเจ้า
คุณหลวงพายเรือไปเรื่อย  ๆ และก็ชี้ชวนให้แม่หญิงน้ำผึ้งแก้วดูนกดูไม้ข้างทางด้วยความสุขที่เปี่ยมล้นอยู่ในหัวใจอันเข้มแข็งของทหารผู้กล้า
กลิ่นดอกไม้ใดฤๅหอมเท่ากลิ่นเจ้า  พี่อยากแนบเคล้าคู่ชื่นรื่นนาสา  กลิ่นอบร่ำอันอบอวนเหมือนวาจา  น้องนั้นหนาน่าเชยชิดสนิทแนบในฤทัย
คุณหลวงเจ้าคะอิฉันไม่อยากฟังเพลงยาวดอกเจ้าค่ะ  มีอะไรก็พูดตรง ๆ เถอะอย่ามัวอ้อมค้อมเลยเห็นทีว่าจะค่ำเป็นแน่  หากแต่เอ่ยวาจาเพียงประโยคสองประโยคอิฉันก็เข้าใจแล้วละเจ้าค่ะ  เพราะเดี๋ยวใครเขาจะครหาเอาได้ว่าอิฉันมาเที่ยวค่ำมืดมันไม่ดีดอกเจ้าค่ะ
คุณหลวงนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ยิ้มเป็นเชิงว่าแม่หญิงนั้นยังคงเป็นเด็กอยู่ดี  ไม่รู้จักขวยเขินเสียเลยทั้ง ๆ ที่มีชายหนุ่มนั่งเกี้ยวขนาดนี้ยังไม่รู้เรื่องอีก  หล่อนกลับนั่งนิ่งแล้วก็พูดด้วยสีหน้าธรรมดา ๆ จนดูแล้วรู้สึกได้ว่าหล่อนเป็นคนที่พูดตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมดูแล้วรู้สึกสบายใจ
คุณหลวงจับมือแม่หญิงขึ้นมาและนำแหวนที่ถอดออกจากนิ้วก้อยนั้นสวมไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของหล่อนทันที
วันนี้พี่ขอจับจองเจ้าได้หรือไม่
อิฉันมิใช่ของตลาดนะเจ้าคะที่จะจับจอง
พี่ขอจองเจ้าก่อนที่จะหาผู้ใหญ่มาสู่ขอเจ้าพี่กลัวว่าชายใดจะมาเห็นดอกไม้งามในสวนหลวงอย่างเจ้ารักษาตัวครองรักไว้รอพี่เถอะเจ้า  พี่จะเร่งให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอเจ้าโดยด่วน
แม่หญิงก้มลงกราบคุณหลวงบนเรือ  หล่อนน้ำตาซึมแล้วก็เงยหน้าขึ้น  คุณหลวงจึงเอื้อมมือไปเช็ดหน้าให้หล่อน
เป็นอะไรหรือเจ้า
รีบเถอะเจ้าค่ะคุณหลวงก่อนที่จะสายเกินไป
ทำไมหรือเจ้า
วันนี้เจ้าคุณพลเทพและคุณหลวงอุดมศักดิ์มนตรีมาที่เรือนเจ้าคุณย่าพูดคุยอะไรกันก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ  แต่เจ้าคุณย่าเรียกอิฉันกลับจากวังและให้มาหาเรื่องนี้  อิฉันสังหรใจเหลือเกินเจ้าค่ะ
คุณหลวงถึงกับทำตาโตทีเดียว  เขารีบพาแม่หญิงกลับบ้านและรีบไปคุยกับเจ้าคุณย่าที่เรือนใหญ่ตามลำพังทันที  น้ำผึ้งแก้วนั้นนั่งซึมอยู่ในห้องของตัวเอง  หล่อนรู้สึกสับสนทำอะไรไม่ถูก  จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงทันที
8



โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟส.ธนาศิษฏ์
Lovings  ส.ธนาศิษฏ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟส.ธนาศิษฏ์
Lovings  ส.ธนาศิษฏ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟส.ธนาศิษฏ์
Lovings  ส.ธนาศิษฏ์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงส.ธนาศิษฏ์