1 กันยายน 2554 13:34 น.

ความรู้

สุนทรวิทย์

บุคคลใด  พากเพียร  รักเรียนรู้
					นับเป็นผู้  มีใจ  ใฝ่ก้าวหน้า
					การตื่นตัว  ขวนขวาย  ไม่เฉื่อยชา
					เท่าไขว่คว้า  ผลสำเร็จ  บำเหน็จตน

     						จะเชี่ยวชาญ  งานใด  ให้วิสิฐ
					ต้องมีจิต-สำนึก  ใคร่ฝึกฝน
					อุปสรรค  ปัญหา  อย่าจำนน
					กระตือรือร้น  เป็นนิสัย  ย่อมได้ดี

     						ความรู้มี  มากมาย  ทั่วไปหมด
					สุดกำหนด  ชี้วัด  รัศมี
					อยากหยิบฉวย  เท่าไร  ได้ทันที
					ขึ้นอยู่ที่  ใครจัก  คิดตักตวง
					 
           	ความรู้ตาม  ติดตัว  ชั่วชีวิต
					เนรมิต  ประโยชน์  อันโชติช่วง
					ยั่งยืนเหนือ  สิ่งสรรพ  ทรัพย์ทั้งปวง
					ไม่ต้องห่วง  ถูกเคลื่อนย้าย  หรือถ่ายเท
						 
           หวังเรียนรู้  ประจักษ์  การสักสิ่ง
					ห้ามประวิง  โยกโย้  มัวโอ้เอ้
					จงมุ่งมั่น  ขันติ  มิรวนเร
					แม้ทะเล  ก็พอหยั่ง  หากตั้งใจ				
1 กันยายน 2554 13:28 น.

บุพเพสรรค์วินาศ

สุนทรวิทย์

แรกพานพบ  เนื้อทอง  มองไม่เบื่อ
				เธองามเหนือ  เทพี  สตรีไหน
				กามเทพ  แผลงศรรัก  ปักทันใด
				เกิดคลั่งไคล้  ใฝ่ฝัน  ทั้งวัน,คืน

							เพียงสบตา  งวยงง  หลงเสน่ห์
				ดังบุพเพ-สันนิวาส  มิอาจขืน
				ฟ้าบรรจง  สรรค์สร้าง  อย่างกลมกลืน
				เพื่อหยิบยื่น  นำพา  มาเจอะเจอ

    					ฉันเร่งฝาก  ไมตรี  ตีสนิท
				คล้อยตามจิต  โฉมตรู  อยู่เสมอ
				มอบของขวัญ  กำนัล  หมั่นปรนเปรอ
				พร้อมเสนอ  เรือนหอ  ขอวิวาห์

							เธอเห็นความ  จริงใจ  ไม่สับปลับ
			 จึงตอบรับ  ยืนยัน  หมดปัญหา
				แสนยินดี  ป่าวประกาศ  ญาติกา
				จะแต่งเมีย  แล้วหนา  เจ้าค่าเอย

					   เสร็จงานแต่ง  เข้าห้องหอ  ขอชมชื่น
				พลันต้องตื่น-ตระหนก  โอ้อกเอ๋ย
				สาวที่ฉัน  กระหาย  หมายชิดเชย
				เป็นกะเทย  เสแสร้ง  แปลงเพศมา

						กลืนไม่เข้า  คายไม่ออก  ชอกช้ำนัก
			ดาบก็ชัก  ค้างเติ่ง  เพิ่งเงื้อง่า
			คิดไปยิ่ง  อัดอั้น  ตันอุรา
			เอาละหวา  หน้ามืด  ลุยก็ลุย				
1 กันยายน 2554 13:09 น.

เจ้าพระยา

สุนทรวิทย์

เมื่อปิง,วัง ยม,น่าน ธารบรรจบ		
  มหรรณพ เจ้าพระยา จึงบ่าไหล
	 ก่อกำเนิด ชีวิน  สินโภไคย		            
  เส้นเลือดใหญ่ เลี้ยงหล่อ ธรณิน

		         หลายบุรี ประชา ได้อาศัย		
  ชีวาลัย ฝากแม่ กระแสสินธุ์
	 บำรุงไพร ไร่นา นครินทร์			
  ซึมซาบดิน ทำนุ ความอุดม

         		ริมฝั่งชล คนปัก ลงหลักฐาน		
  สร้างหมู่บ้าน เรือนแพ แห่ผสม
	 แตกลูกหลาน สืบพงศ์ วงศ์สังคม		 
  มโนรม ร่มอยู่ อู่พักพิง

          		ทิวทัศน์แสน งดงาม ยามน้ำหนุน	
  รุ่งอรุณ  เอ่อนอง สองตลิ่ง
	 กลิ่นไอเย็น เกลียวคลื่น สดชื่นจริง		
  สมเป็นมิ่ง ธารา มหานที

		          จวนเวลา สายัณห์ ตะวันคล้อย		
  นาวาลอย คลาเคลื่อน เลื่อนวิถี
 	แสงรวี โลมลูบ จูบวารี				
  ประกายที่ สะท้อน ดูอ่อนโยน

		          กลุ่มเด็กน้อย ลิงโลด โดดเล่นน้ำ	
  วางมาดทำ ตึงตัง ดั่งจะโผน
	 เชื่อมั่นถูก จังหวะ ก็กระโจน			
  ร้องตะโกน เฮฮา สุขอารมณ์

          		ใกล้พลบค่ำ สาวนวยนาด คาดผ้าถุง	
  เธอต่างนุ่ง กระโจมอก ถกเสียงขรม
	 ระเริงน้ำ ข้างท่า ท้าสายลม			
  ซิ่นแนบนม ห่มเต้า เย้านัยน์ตา

		          จวบราตรี รัตติกาล คืบคลานถึง	
  เพลงหวานซึ้ง จากดรงค์ ส่งภาษา
	 ขับลำนำ คลอเคล้า เร้าวิญญาณ์		
  เหมือนคงคา เกิดชีวิต และจิตใจ

          		เจ้าพระยา รัชนี  มีเสน่ห์		
  เสียงคลื่นเห่  ครางครวญ  ชวนหลงใหล
	 สำเนียงเปรียบ  ดนตรี ปี่เรไร		            
  กล่อมเมืองให้ หลับสนิท ตอนนิทรา				
31 สิงหาคม 2554 21:18 น.

ยายเล่าว่า...

สุนทรวิทย์

ยายเล่าว่า  สมัย  ยายเป็นเด็ก
			กรุงเทพฯเฉก  เมืองแมน  แสนน่าอยู่
			ทั่วนคร  ร่มรื่น  ดื่นคลองคู
			ต้นก้ามปู  สูงใหญ่  เรียงรายครัน

							เพื่อนบ้านมี  น้ำใจ  ไมตรีจิต
			เยี่ยงญาติมิตร  พึ่งพา  สมานฉันท์
			ปรุงอาหาร  กับแกง  ก็แบ่งปัน
			คนยุคนั้น  จริงใจ  ไร้มารยา

				    ค่าครองชีพ  ประจำ  ยังต่ำนัก
			ทองคำหนัก  บาทหนึ่ง  พึ่งร้อยกว่า
			ทั้งข้าวสาร  เนื้อหมู  กุ้งปูปลา
			ถูกจนน่า  พิลึก  ยามนึกไป

								อากาศดี  ถนน  ไร้มลพิษ
			รถไม่ติด  จอแจ  แม้ไปไหน
   คุณภาพ  ชีวิต  และจิตใจ
   ต่างกันไกล  ลิบลับ  กับเดี๋ยวนี้

				   ปัจจุบัน  ภาพเช่นนั้น  ผันแปรแล้ว
			มิเหลือแวว  แนวสันติ-สุขวิถี
			ความเป็นไทย  สืบกัน  นับพันปี
			ถูกแทนที่  ด้วยสังคม  อันงมงาย

							ฟังยายเล่า  ครั้งใด  ไดข้อคิด
			เมื่อพินิจ  ลึกไป  ยิ่งใจหาย
			คนรุ่นใหม่  เห็นแก่ตัว  มั่วอบาย
			ดูวุ่นวาย  ฉุกละหุก  ทุกชีวิน

				   น่าเสียดาย  เอกลักษณ์  หลักล้ำเลิศ  
			มาเตลิด  หันเหียน  เจียนสูญสิ้น
			หวังร่ำรวย  ตั้งหน้า  แข่งหากิน
			ความโศภิน  สงบ  จึงลบเลือน				
31 สิงหาคม 2554 19:26 น.

คำทำนาย

สุนทรวิทย์

ขอทำนาย  ทายว่า  อนาคต			
   โลกงามงด  สดใส  ใบกลมนี่
	  จักถึงกาล  วิกฤต  มิคสัญญี				
   ธรณี  ระอุ  คุเหมือนไฟ

		       น้ำหนึ่งหยด  มีค่า  มหาศาล			
    คลองลำธาร  เหือดแห้ง  แล้งเหนือใต้
	   ทุกหย่อมหญ้า  ยากเข็ญ  ลำเค็ญใจ			
    ป่าพงไพร  สาบสูญ  เค้ามูลเดิม

		       ในอากาศ  เจือปน  มลภาวะ			
    โรคาจะ  คุกคาม  ลามเห่อเหิม
	   ความอดอยาก  ทรกรรม  โหมซ้ำเติม			
    สู่จุดเริ่ม  กลียุค  ทุกขารมณ์

		        เดี๋ยวน้ำท่วม  หัวระแหง  เดี๋ยวแล้งฝน		
    จลาจล  เนินโนน  โคลนถล่ม
	   ปวงพิบัติ  หายนะ  ระทมตรม				
    ดิน,น้ำ,ลม  แปรปรวน  ป่วนบรรลัย
 
		        คนหลบเร้น  พึ่งอุโมงค์  โพรงซอกหิน  	
     อยู่ใต้ดิน  เวทนา  นิราศรัย
	    อัตคัด  ขัดสน  จนปัจจัย			
    	ทุพภิกขภัย  มรสุม  โถมรุมเร้า

        		เหตุเพราะแรง  มักมาก  จากมนุษย์		
     แข่งประทุษ  กอบโกย  โดยโง่เขลา
	    มิจฉาจริต  โมหันธ์  ปัญญาเบา				
     มุ่งผลาญเผา  ทรัพยากร  รอนแผ่นพก

        		ต่างปู้ยี่-ปู้ยำ  ธรรมชาติ			
    	หาโอกาส  ร่ำรวย  เร่งฉวยฉก
     สิ่งแวดล้อม  เสื่อมไป  ไม่สะทก		
    	ทับถมซาก  สกปรก  หมกกันไว้

         	ทิ้งของเสีย  พรั่งพรู  สู่ลำน้ำ			
      ปล่อยควันดำ  หลายแหล่  เกินแก้ไข
      ใส่สารพิษ  อาหาร  บานตะไท			
      	ตัดต้นไม้  วน  โค่นระเนน

          	สร้างอาวุธ  เคมี  ชีวภาพ			
      ตรารอยบาป  สาปไว้  ให้หลานเหลน
      ล้วนคนเรา  เหลวแหลก  แหกกฎเกณฑ์		
      ก่อกรรมเวร  วิบาก  สุมมากมาย

           	อีกไม่กี่  ร้อยปี  ที่เปลี่ยนผัน			
      มวลเผ่าพันธุ์  คงดับดิ้น  สิ้นเชื้อสาย
      ยกเรื่องจริง  สัจธรรม  ขึ้นทำนาย			
      ผลสุดท้าย  โลกจะว่าง  ร้างชีวิต

            	นี่หรือทรัพย์  มรดก  หมายตกทอด		
      สิ่งวายวอด  ชำรุด  ทุจริต
      หวังมั่งคั่ง  อำพราง  สร้างมลพิษ			
      ผู้รับผิด  คือทายาท  อนาถนัก				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุนทรวิทย์
Lovings  สุนทรวิทย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุนทรวิทย์
Lovings  สุนทรวิทย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุนทรวิทย์
Lovings  สุนทรวิทย์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุนทรวิทย์