21 สิงหาคม 2554 19:24 น.

เสี้ยวหนึ่งรัตติกาล

สุนทรวิทย์

เมื่อสิ้นสูร  สุริยัน  ตะวันมอด
		        ราตรีกอด  โอบอุ้ม  คลุมขุนเขา
		        แสงจันทร์สอด  รอดใบ  ไม้ทอดเงา
	       	ไพรลำเนา  บรรเลง  ขับเพลงปราณ
				          เดียรัจฉาน  ลุกฟื้น  ตื่นจากหลับ
					     ออกล่าจับ  เหยื่อฆ่า  เป็นอาหาร
					     ธรรมชาติ  อาทร  สอนบันดาล
			     		สัญชาตญาณ  สัตว์ป่า  รู้หากิน
              แมลงกรีด  สำเนียง  เสียงเรียกคู่
		        ตุ๊กแกจู่  โจมงับ  พลันดับดิ้น
		       นกเค้าแมว  โฉบมา  คร่าชีวิน
	       	มิทันผิน  ตุ๊กแก  ก็แพ้ภัย
		          		ถึงสมัน  กวางใหญ่  ใช่จะรอด
					    พยัคฆ์ดอด  ตะปบหลัง  ยังตักษัย
					    หนึ่งท้องอิ่ม  อีกหนึ่ง  จึงบรรลัย
				    	หมุนเวียนวัย  วัฏจักร  หลักสากล
              สัตว์ใหญ่กิน  สัตว์น้อย  ตัวจ้อยกว่า
		       ตามมรรคา  อำมหิต  จิตฝึกฝน
		       สังหารเขา  ต่อชีวา  อายุตน
       		ต่างดิ้นรน  สมเพช  ไร้เมตตา
              รัตติกาล  อาจทำลาย  หลายชีวิต
					    อย่ายึดติด  จริงจัง  กับสังขาร์
					    ผ่านคืนนี้  คืนพรุ่ง  พร้อมมุ่งมา
				    	ต้องฟันฝ่า  ก้าวเดิน  เผชิญไป
	           		คนอาภัพ  คับแค้น  แสนสาหัส
		       ยากสลัด  ตัดกังวล  พ้นทุกข์ได้
		       แม้นยอมละ  ปล่อยวาง  บ้างทันใด
	       	วันใหม่ใหม่  อาจประเสริฐ  เกิดผลดี				
20 สิงหาคม 2554 10:50 น.

คับแค้นเพียงไหนใจมั่นคง

สุนทรวิทย์

ล้มลุก  ขลุกขลัก  กลางปลักทุกข์
					ปล้ำปลุก  หลุกหลิก  ระริกเร่า
					ดิ้นเฮือก  เสือกส่าย  หมายบรรเทา
					ปัดเป่า  เกลาก่อ  บ่ผ่อนคลาย
						แหงนมอง  เวหา  ฟ้าแสนกว้าง
					เราต่าง  ปลวกมด  หมดความหมาย
					วันคืน  ฝืนตน  ทนตะกาย
					ขวนขวาย  ไขว่คว้า  จนราโรย
						สำลัก  หักโหม  โทรมละเหี่ย
					อ่อนเปลี้ย  เลียเหงื่อ  เมื่อหิวโหย
					อยากร้อง  อยากร่ำ  คำโอดโอย
					อยากโกย  อยากกอบ  ความชอบธรรม
						หลายครั้ง  หลายครา  ฝ่าวิกฤต
					ชีวิต  เคี่ยวขัน  เช้ายันค่ำ
					ฤๅเวร  เข่นสาป  เพื่อหลาบจำ
					บาปกรรม  ซ้ำซาก  จากปางใด
						ระทวย  ระทด  สะกดกลั้น
					สมบุก-สมบัน  มิหวั่นไหว
					ไม่เคือง  ไม่โกรธ  ไม่โทษใคร
					คับแค้น  เพียงไหน  ใจมั่นคง				
20 สิงหาคม 2554 10:47 น.

ทุกข์,สุขเกิดจากใจ

สุนทรวิทย์

โรมรัน  พันตู  อยู่บนโลก
				สุข,โศก  ทั้งมวล  ล้วนภาพหลอน
				อนรรฆ  ศักดา  ฐานันดร
				อาวรณ์  ร้อนเร่า  ก็เท่านั้น
						เกิดมา  เรือนร่าง  ต่างเปลือยเปล่า
						มือเท้า  ครบถ้วน  ควรสุขสันต์
						ที่ทุกข์  เพราะความ  อยากครามครัน
						โมหันธ์  ฉันทา  ทำตามัว
					ลดความ  หงุดหงิด  คิดน้อยหน่อย
				 จากคอย  เคร่งครัด  หัดยิ้มหัว
				 โทโส  โลกีย์  ที่มืดมัว
				 เกลือกกลั้ว  มากนัก  จักทุกข์ใจ
							อย่าให้  ตัณหา  มาปลุกเร้า
					 	ปัดเป่า  กลิ่นกาม  ความหลงใหล
					 	กินอิ่ม  สักมื้อ  คือกำไร
						 ปลงได้  วางได้  ใจสุขพลัน
					ความตาย  เร็ว,ช้า  ย่อมมาถึง
				ชาติหนึ่ง  ชั่วแล่น  มันแสนสั้น
				หลับตา  เป็นศพ  ก็จบกัน
				ยึดมั่น  ถือมั่น  เพื่ออันใด
							พอกิน  พอใช้  ไม่โอ่อ่า
						ดีกว่า  วิตก  จนหมกไหม้
						นรก  สวรรค์  มีบันได
						ทางไป  อยู่ใน  ใจเราเอง				
19 สิงหาคม 2554 21:12 น.

กลิ่นเสน่ห์

สุนทรวิทย์

ยามได้กลิ่น  ผายลม  ของสมศรี
				ฉันกระปรี้-กระเปร่า  เท่าถูกหวย
				ปานได้กิน  สเต๊ก  จิบเก๊กฮวย
				แกล้มข้าวสวย  ร้อนร้อน  ตอนกลางวัน
					ยิ่งวันไหน  เนื้อทอง  เธอท้องผูก
				กลิ่นยิ่งแรง  ติดจมูก  ถูกใจฉัน
				ดุจปลาร้า  ปลาเจ่า  คลุกเคล้ากัน
				ทุเรียนพันธุ์  หมอนทอง  ยังต้องอาย
					มีเงินทอง  เท่าไร  ไม่อาจซื้อ
				จะวอนตื๊อ  ยื้อขอ  ก็อย่าหมาย
				มิต้องตาม  ถามไถ่  ให้วุ่นวาย
				ไม่มีขาย  หรอกหนา  อย่าหาเชียว
					เธอปรับปรุง  กลิ่นได้  ไม่รู้จบ
				ตอนนี้พบ  สูตรใหม่  ใส่ชาเขียว
				เพียงแย้มแย้ม  ปล่อยปี๊ด  มานิดเดียว
				ทั้งกลิ่นเปรี้ยว  กลิ่นสะตอ  ต่างออมา
					มิได้ดม  สักปู้ด  สูดสักหน่อย
				เป็นเงื่องหงอย  สร้อยเศร้า  เฝ้าโหยหา
				พานงุ่นง่าน  หงุดหงิด  คล้ายติดยา
				หมอวินิจ-ฉัยว่าบ้า  ท่าจะจริง				
14 สิงหาคม 2554 10:28 น.

ท่องไพร

สุนทรวิทย์

เมื่ออรุ-โณทัย  ทาบไพรสณฑ์			     
		        ภูวดล  เฉิดฉัน  รับวันใหม่
		    บุปผชาติ  ผลิดอก  ออกช่อใบ
		ลำธารใส  ฉ่ำเย็น  เห็นปูปลา
สกุณา  จำเรียง  เสียงเสนาะ
					        ฟังไพเราะ  จับใจ  ในภาษา
					    ดุจเพลงพิณ  สวรรค์  พรรณนา
					สะท้านป่า  สิงขร  ตอนอรุณ
ต้นยี่เข่ง  ยี่โถ  โอ้อวดสี
		        บานบุรี  เลื้อยเลี้ยว  เกี่ยวขนุน
		    หอมกุหลาบ  มะลิ  ดอกพิกุล
		กลิ่นละมุน  กระดังงา  จำปาดง
เก้งคู่เก้ง  กวางคู่กวาง  เยื้องย่างเหยาะ
					        เดินลัดเลาะ  ริมธาร  ผ่านฝูงหงส์
					    โน่นกระรอก  กระแต  แลกระจง
					อยู่ยืนยง  คู่ป่า  มาช้านาน
ธรรมชาติ  เนรมิต  ชีวิตให้
		        สัตว์น้อยใหญ่  พึ่งพา  ได้อาหาร
		    สืบดำรง  พงศ์เผ่า  เนาสำราญ
		คือพิมาน  นิรมล  บนแผ่นดิน
ยามเที่ยวดง  พงไพร  ใจแสนสุข
					        ที่เคยทุกข์  สลด  พลันหมดสิ้น
					    จงพิทักษ์  รักษา  เป็นอาจิณ
					ผดุงถิ่น  ป่าไม้  ไว้ถาวร				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุนทรวิทย์
Lovings  สุนทรวิทย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุนทรวิทย์
Lovings  สุนทรวิทย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุนทรวิทย์
Lovings  สุนทรวิทย์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุนทรวิทย์