18 ธันวาคม 2552 07:47 น.

แรกรัก ก็เริ่มร้าง

สุรศรี

ริแรกรักเริ่มร้าง          หรือไร
รอยร่องรักไรไร             รักร้าง
แรกรักรักรำไร              ร้าวรวด
แรกรักหรือแรกร้าว       รุ่งริ่งร้าวราน
..........
คิดอยากจะแต่งให้ได้อย่างคุณพจน์
แต่ได้บทเดียว   ช่วยหน่อยได้ใหม
เอาคนละบทพอนะ ๆๆ  ช่วยกันหน่อยครับ
ถือว่าร่วมสนุกครับ....เริ่ม..				
16 ธันวาคม 2552 14:45 น.

ผญา ยอยย้องอ้าน้องลาว

สุรศรี

ผญา      ยอย้อง  อ้ายน้องลาว 
อย่าดูถูกบักหอยนาผู้หน้าก่ำ           บาดห่ายามคึดพ้อยังสิได้อ่อมแกง
  เห็นบ่นอพี่น้อง           อ้ายใหญ่ไทเฮา
พี่น้องลาวจัดซีเกม      ใหญ่โตเอาหลือฮ้าย
อลังการงานสร้าง           พิธีเปิดกะเฮ็ดใหญ่
ตื่นตาซุมพี่น้อง              อาเซี่ยนคึดบ่เถิง
เป็นเจ้าภาพเทื่อแรก        จั๋งได๋นอคักอยู่บ่
ข่อยว่าคักแท้ ๆ                จัดได้คักอีหลี
ประเพณีเมืองบ้าน            โบราณแสดงออก
มีแต่ของดีล้วน                  รำฟ้อนอ่อนหลาย
มีน้ำใจยิ้มแย้ม                   ต้อนฮับชวนหัว
เว้ากะนัวเสียงหวาน         ม่วนยินปานกินอ้อย
ซุมผู้สาวศรีสร้อย             ขาวงามเป็นตาเบิ่ง
ใส่ซิ่นไหมหัวยุ้มยุ้ม         ยามยิ้มจักแม่นงาม
เตะหมากบานคนหลายล้น  จนสนามนอแทบสิแตก
ส่อยกันเซียเป็นล้าน         ไทบ้านบ่เคยเห็น
อ้ายลำเนาเก่งเอาฮ้าย       อ้ายกัลยากะไคอยู่
ส่อยกันพังประตูให้        พอปานได้เหรียญคำ
เตะกะต้อมื้อนั้น              บ่มีไผสิคาดคึด
ว่าไทยลาวอ้ายน้อง        สิเป็นเจ้าคู่ซิง
ล้มเสือเหลืองมาเลย์แล้ว กะมาซิงกับอ้ายใหญ่
บ่มีไผสิคึดได้                เกมนั่นแม่นสูสี
อ้ายดาวีสิงอีซ้าย           ขวัญใจลาวฮู้บ่
เสิร์ฟกะต้อแต่ละครั้ง     คนลาวตั้งแต่ท่าเฮ
ลาวมาไกลโพดแล้ว       กะต้อลาวให้คึดเบิ่ง
คู่แข่งเป็นตาย้าน             เมือหน้าให้ระวัง
เพิ่นยังว่าเวียงจันทน์เศร้า  สาวเอ้ยอย่าฟ้าวว่า
มันสิโป้บาดหล่า            หมากแตงซ้างหน่าวยปาย
พี่น้องลาวคู่มื้อนี้            บ่มีไผดูถูก
ทรัพย์สินมีร้อยล้าน        เทิงป่าไม้กะแห่งหลาย
เหมืองทองคำกะมีพร้อม  ดีบุคกะมีอยู่
สัมปทานหลายล้น           คนท่องเที่ยวนับบ่ไหว
ประเพณีหมู่นั้น              ใผบ่เห็นให้ไปเบิ่ง
ของดีมีสู่หม่อง               หลายล้นอนกนอง
เมืองไทยเฮาให้ฟ้าว         มีตาให้เหลียวเบิ่ง
ประเทศน้อยเขาหากได้  ไปไกลแล้วส่องบ่เห็น
อย่ามัวแต่แตกแยก          สีเหลืองแดงให้คึดแหน่
กัดแต่กันอยู่สู่มื้อ            อายไทบ้านแหน่เป็นหยัง ฯ

ศัพท์
กะต้อ          หมายถึง    ตะกร้อ
คึด              หมายถึง     คิด
ฟ้าว            หมายถึง    รีบ
เป็นตาย้าน  หมายถึง   น่ากลัว
เหลียวเบิ่ง   หมายถึง   มองดู
คึดพ้อ         หมายถึง   คิดได้
ม่วน            หมายถึง   สนุก
หัวยุ้มยุ้ม     หมายถึง  หัวยิ้มแย้ม				
14 ธันวาคม 2552 07:46 น.

ความหมายของ เกรด A-F คุณรู้หรือไม่

สุรศรี

A  animal น้อย   สมองกะจ่อยร่อย    นั่งคอยตำรา
ท่องบ่นทุกวัน   งั้นงั้นแหละหนา   สมองเท่าปูปลา   มันน่าอดสู
     B  basic  พื้นพื้น   ครูกล้ำกลืนให้   เกรดไม่สวยหรู
ใครก็ทำได้   แค่เอาใจครู  เกรดไม่น่าดู  ไม่สู้เกรดซี
    C  common ธรรมดา  มีค่าใช้ได้    สมในศักดิ์ศรี  
ทุกคนยอมรับ   คุณค่ามากมี  ใครได้เกรดซี   สิน่าหลงไหล
    D  diligent   เป็นคนฉลาด   เปรื่องปราดสมวัย   
ยอมรับฝีมือ   นับถือทั่วไป   เกรดฮิตติดใจ   ในหมู่วัยเรียน
    F  fever  สุดสุด   ยอดมนุษย์เกินคน  อดทนพากเพียร 
สนใจตำรา   ศึกษาเล่าเรียน   ขยันอ่านเขียน  ยอดเซียนยอดคน
    คิดกันเล่น   อย่าเห็นจริงจัง   ฟังเหตุไว้ผล
วัยรุ่นคิดกัน  สัปดี้สัปดน  มันน่าสับสน   คนเขาจริงจริง

                                            สุรศรี				
12 ธันวาคม 2552 16:09 น.

บุญกองข้าว (กาพย์แสงสุริศรี)

สุรศรี

บุญกองข้าว
....หลังเก็ยเกี่ยวข้าว    
 ถึงคราวขึ้นยุ้ง
 พี่ป้าน้าลุง  
 ทำบุญ
......ข้าวเปลือกรวมกัน
ลงขันร่วมหุ้น
เพื่อจะทำบุญ
กองข้าว
.....จากแรงเป็นรวง
หลากพวงเม็ดพราว
ข้าวเหนียวข้าวจ้าว
รวมกัน
......จากสิบเป็นร้อย
จากน้อยเป็นพัน
มากมายเม็ดมัน
กองโต
.....กลางคืนคบงัน
สังสันต์เฮโล
สนุกสุขโข
รำวง
.....ฉายภาพยนตร์
ผู้คนลุ่มหลง
ที่ลืมไม่ลง
ลำซิ่ง
......แดนเซอร์อรชร
อ้อนแอ้นเสียจริง
สะดีดสะดิ้ง
สุดมัน
.....ขี้เหล้าหน้าเวที
ราวีตีรัน
ดิ้นฝุ่นฟุ้งควัน
วุ่นวาย
....เช้าขึ้นจัดหา
ข้าวปลาถวาย
พระฉันก่อนสาย
พอดี
......พราหมณ์หาเครื่องเซ่น
ทำเป็นบายศรี
สู่ขวัญเทพี
โพสพ
......เม็ดข้าวหล่นร่วง
จากรวงให้พบ
ขวัญข้าวอย่าหลบ
ไปไหน
....ขึ้นยุ้งขึ้นฉาง
สู่ร่างเรือนไทย
รวงเล็กเม็ดใหญ่
สมบูรณ์
......เก็บไว้ทำพันธุ์
ข้าวนั้นค้ำคูณ
ผลิตผลเพิ่มพูล
ต่อไป
.....ข้าวเหลือก็ขาย
มากมายเท่าไร
เก็บเงินเอาไว้
เข้าวัด
.....งานบุญกองข้าว
ชาวนาที่จัด
ชี้เช่นเห็นชัด
อะไร
.....งามประเพณี
บ่งชี้นิสัย
งามที่น้ำใจ
รู้คุณ
.....ฟ้าดินประทาน
ข้าวหวานละมุน
รู้จักทำบุญ
ตอบแทน  ฯ
...............................................
แบบว่า ผมประดิษฐ์ขึ้นใหม่คล้ายกลอนสี่ครับ
แต่วรรคสุดท้ายมี 2 คำ เรียกว่า "กาพย์แสงสุริศรี" ครับ 
หมายถึงกาพย์ที่มีความงดงามประดุจแสงตะวันที่แสนจะอ่อนละมุล
ซึ่งขับไล่ความเหน็บหนาวในเหมันตฤดูครับ (ห้าม อ๊วก นะครับ ไดโปรด)
สุริ  มาจากชื่อคุณสุริยันต์ ผู้ให้แรงบันดาลใจ ส่วนศรี  มาจากสุรศรี 
ชายที่มีจิตใจอ่อนโยน ประดุจปีกนก แต่ใจง่าย ร้องไห้บ่อย 
และ(หัวใจ) อ่อนแอครับ
(กลั้นเอาไว้ครับ ...ขอร้องเถอะ)
เออ...ยังไงก็ช่วยติชมด้วยครับ  คือเมื่อคืนไปช่วยงานบุญกองข้าวที่วัด
คิดบ้าอะไรไม่รู้ ก็เลยบรรยายออกมา  ลีลามันกระฉับกระเฉง ประดุจ รถอีแต็ก
ที่เข้าเกียร์  3  และแล่นไปบนพื้นผิวของดวงจันทร์ที่ขรุขระไม่ได้รับการเหลียวแลจากกรมทางหลวง...   จินตนาการเอาเองนะครับไม่เคยไปเลยจริง ๆ  แฮะ ๆ				
12 ธันวาคม 2552 08:21 น.

ทำไม

สุรศรี

ทำไม
.............
เช้าของวันหนึ่ง
เธอเดินมาถึง
มองหน้า

จ้องมองสายตา
คว้ากระดาษมา
ฉีกทิ้ง

เหมือนใจโดนยิง
เจ็บปวดเสียจริง
ทำได้

เป็นความในใจ
ที่เขียนส่งให้
วันก่อน

ไฉนบังอร
ไม่พึงสังวร
คิดมัน

ไหนบอกรักกัน
ไม่กี่วานวัน
ลืมลง

ปล่อยให้ลุ่มลง
ฉันเองงงงง
อยู่นาน

เจ็บปวดร้าวราน
แสนทรมาน
หัวใจ

เหตุผลกลใด
ที่ทำลงไป
บอกที

ขวัญใจพี่ศรี
บอกหน่อยคนดี
ทำมายยยยยยย
........
เป็นกาพย์ดอกแคร่วงครับ 
คุณศิวกานต์ ปทุมสูตร สร้างขึ้น
คุณสุริยันต์ นำมาเผยแพร่ ข้าน้อยสุรศรี
นำมาลองแต่งดู  ขออนุญาตนำมาลงอีกครั้ง
เพื่อนำดอกแค ให้พวกเราได้นำไปแกงส้มครับ แฮะ ๆ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุรศรี
Lovings  สุรศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุรศรี
Lovings  สุรศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุรศรี
Lovings  สุรศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุรศรี