29 มิถุนายน 2553 22:49 น.

กรวดน้ำคว่ำขัน

สุริยันต์ จันทราทิตย์


	
     เจ็บแทบกระอักเลือด
			
ถูกเขาเชือดถูกเขาเฉือน

สติมันเริ่มฟั่นเฟือน				

ไม่รู้เดือนไม่รู้วัน

     เหนื่อยอ่อนและรอนล้า			

ใจปวดปร่าสิ้นแรงฝัน

หนักหนาแสนจาบัลย์				

เกินกว่ามันจะต้านทาน

     ช้ำทรวงถูกลวงล่อ			

ด้วยคำป้อยอคำหวาน

ก่อนถูกวิชามาร				

มาประหารผลาญหัวใจ

     เขาขู่และเขาข่ม			

สุดระทมตรมหม่นไหม้

ชาชินสิ้นเยื่อใย				

เหมือนฅนไกลไร้สัมพันธ์

     แน่วแน่แต่แพ้เส้น			

ถูกเขาเล่นดับความฝัน

อยู่ไปทำไมกัน				

เขาแบ่งชั้นเขาแบ่งชน

     สู้ไปตายดาบหน้า			

ยังดีกว่าทนหมองหม่น

เก็บค่าราคาฅน				

ให้ที่สนและจริงใจ

     ตั้งจิตอธิษฐาน			

อย่าพบพานอีกชาติไหน

จากนี้ตลอดไป				

ขอมิใกล้กันอีกเลย

				
27 มิถุนายน 2553 19:59 น.

หยาดทิพย์

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     ๏ เย็นหยาดฟ้าหยดย้อยยามคล้อยเคลื่อน

เมื่อฝนแรกมาเยือนอุษาสาง

ฉ่ำละมุนกรุ่นไอในม่านจาง	
			
ครารุ่งรางฉ่ำชุ่มชอุ่มใจ

     ๏ หอมไอดินกลิ่นชื้นรื้นน้ำฟ้า
			
ไพรพฤกษาเคลียคลอล้อฝนใหม่

ตะละซัดลู่เอนเล่นแกว่งไกว	
				
ตะละโอนลู่ไหวในฝนพรำ

     ๏ หลากชีวิตนิทราถึงคราตื่น
				
มาบันเทิงเริงรื่นอย่างชื่นฉ่ำ

รับ"วรุณวิถี"พิธีกรรม
					
ร่ายระบำเซ่นพลีด้วยดีใจ

     ๏ จิตที่แห้งแล้งขอดแทบมอดม้วย
				
ก็ฟื้นด้วยฝนครามท่ามวันใหม่

เป็นหยาดทิพย์จากฟ้าสุราลัย
					
ชโลมให้ใจสุขทุกข์เลือนลาง

     ๏ เย็นหยาดฟ้าหยดย้อยยามคล้อยเคลื่อน
				
เมื่อฝนแรกมาเยือนอุษาสาง

ฉ่ำละมุนกรุ่นไอในม่านจาง
					
โลกนี้ช่างน่าอยู่ดูรื่นรมย์๚๛


				
14 มิถุนายน 2553 21:50 น.

หลงไฟ

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     ๏ อยู่บ้านนาไม่ว่าดี			
เมินหน้าหนีสู่เมืองใหญ่
เมืองแห่งความศิวิไลศ์				
หลากแสงไฟหลายผู้ฅน

     ๏ ใครเขาเตือนใครเขาบอก			
ไม่รู้หรอกแกล้งไม่สน
เพราะมั่นใจในภูมิตน				
ขอดิ้นรนจนสุดใจ

     ๏ เจอะแต่ฅนหน้าตาดี			
พบแสงสีในเมืองใหญ่
ตื่นกับความศิวิไลศ์				
เลยหลงไฟเลยหลงทาง

     ๏ ยามดึกดื่นค่ำคืนนี้			
รุ่งราตรีไฟสว่าง
เพ้อสุขใจในแสงพราง				
คิดว่าช่างงามเหลือเกิน

     ๏ เคลิ้มคารมเขายวนยั่ว			
คำฅนชั่วมิขัดเขิน
ยอมพลีกายขายแลกเงิน				
ซื้อความเพลินความสบาย

     ๏ แล้วชีวิตก็ไร้ค่า			
สูญศรัทธาสิ้นความหมาย
อยู่ก็ยังซังกะตาย				
ใจแพ้พ่ายกายผุพัง

     ๏ ฟังเสียงฝนหล่นจากฟ้า			
หยาดน้ำตารินไหลหลั่ง
ทุกข์เทประเดประดัง				
มีร่างยังเพียงหายใจ

     ๏ อยู่บ้านนาไม่ว่าดี			
เมินหน้าหนีสู่เมืองใหญ่
ได้บทเรียนศิวิไลศ์				
คือหลงไฟใจเสียฅน๚๛

				
10 มิถุนายน 2553 22:09 น.

พรหมวิหารธรรม

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     ๏ เมตตาสัตว์โลกล้วน..........เป็นทุน

ยังสุขก่อกรุณ...........................จากนั้น

ยินดีต่อนาบุญ..........................ผู้อื่น

อุเบกขาอดกลั้น......................หมั่นสร้างบำเพ็ญ

     ๏ ยึดเป็นหลักมั่นไว้............สมาทาน

ธรรมะสี่ประการ.......................นั่นไซร้

คือหลักพรหมวิหาร..................เกลาจิต

ผู้ทะนุฝึกได้...........................จักขึ้นแดนพรหม

     ๏ ซร้องขรมไปทั่วทั้ง.........โลกา

ทะลุนาคนาคา	........................ภพพื้น

กึกก้องพสุธา..........................ลือลั่น

แสงธรรมส่องใจชื้น.................จิตน้อมสาธุการ

     ๏ ธรรมแห่งพระพรหมา			

คือเมตตาคุณธรรม

ต่อสัตว์ผู้มีกรรม				

มนุษย์ทั่วทุกตัวตน

     ๏ กรุณาผู้ตกยาก			

ในวิบากที่ผจญ

มุทิตาบันดาลดล				

เสวยผลตามแรงกรรม

     ๏ อุเบกขาละเว้นวาง
			
ใจเป็นกลางผดุงธรรม

เนืองนิจและประจำ				

ตลอดชีพธำรงมา

     ๏ อันพรหมวิหารสี่			

ผู้ใดมีศีลรักษา

โสฬส ณ ชั้นฟ้า				

ได้เสวยทิพย์วิมาน

     ๏ กำเนิดเกิดเป็นพรหม			

ตามเหมาะสมกำลังฌาณ

เสพสุขเกษมศานติ์				

จนสิ้นพรหมายุขัย

     ๏ บุญแห่งพรหมวิหาร			

ทะลุผ่านพิภพใด

ก็อัศจรรย์ใจ				

สาธุซร้องสดุดี

     ๏ ทั้งนาคบาดาลดิน			

ตลอดสิ้นแดนฉิมพลี

พื้นภพปฐวี				

และแว่นแคว้นแดนสวรรค์

     ๏ ทุกวรรณะกำเนิด			

สามารถเกิดเป็นพรหมัน

เพียงตั้งในธรรมอัน				

ที่กล่าวแจ้งแสดงมา

     ๏ ด้วยเดชเดชะบุญ			

อันนำหนุนเนื่องรักษา

ร่ายพจน์รจนา				

วิทยาทานะทาน

     ๏ ขอข้าฯประสบสุข			

นิรทุกข์เกษมศานติ์

ผู้ใดสาธุการ				

ก็จงสุขเกษมศรี

     ๏ ยังจิตบริสุทธิ์			

ถวายเป็นพุทธพลี

ตั้งอยู่ในความดี				

ตลอดมั่นนิรันดร์เทอญ๚๛

				
3 มิถุนายน 2553 23:01 น.

เหงา (กลอน๕)

สุริยันต์ จันทราทิตย์


     เข้มเคี่ยวจนเหนียวข้น			

งวดจนแห้งเข้าไส้

ซึมซ่านผ่านเนื้อใน				

เปี่ยมไปทุกอณู

     ปกปิดคิดซ่อนเร้น			

ที่เห็นและเป็นอยู่

มิให้ใครใครรู้				

ยิ้มสู้ทั้งน้ำตา
	
     หัวเราะทั้งร้องไห้			

แบกทุกข์ไว้บนบ่า

เหนื่อยอ่อนจนรอนล้า				

ชินชาอยู่ดายเดียว

     เหงาจนไม่รู้เหงา			

เปลี่ยวเปล่าจนเปล่าเปลี่ยว

ขอดเกร็งเขม็งเกลียว				

ทุกข์เทียวเที่ยวเย้าใจ

     จะอีกนานหรือเปล่า?			

จะผ่านเหงาได้ไหม?

วันนี้ไม่มีใคร				

วันไหนจะมีกัน?

     หากนี่คือฝันร้าย			

ก็หมายตื่นจากฝัน

พ้นกาลผ่านคืนวัน				

ที่มันเกาะกุมใจ

     โสดเคี่ยวจนเหนียวข้น			

งวดจนแห้งเข้าไส้

ซึมซ่านผ่านเนื้อใน				

เหงาไป...ทุกอณู๚๛

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุริยันต์ จันทราทิตย์
Lovings  สุริยันต์ จันทราทิตย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุริยันต์ จันทราทิตย์
Lovings  สุริยันต์ จันทราทิตย์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุริยันต์ จันทราทิตย์
Lovings  สุริยันต์ จันทราทิตย์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุริยันต์ จันทราทิตย์