12 มีนาคม 2555 22:40 น.

ความเปลี่ยนแปลง

หนุ่มลำปาว

เรื่องสั้น
ความเปลี่ยนแปลง
เขียนโดย...หนุ่มลำปาว
ไม่นึกเลยว่าวันเวลาที่ผ่านผัน  เพื่อนที่ผมรักและสนิทที่สุดในวัยเยาว์จะต้องมาลงเอยอย่างนี้...
 ผมเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัดบ้านเกิด หลังจากลางานหัวหน้า  ผมขับรถที่ยังไม่หมดหนี้สินมา  กว่าจะถึงบ้านเกิดเมืองนอนที่ผมจากไปนาน  เล่นเอาผมอ่อนเพลียเหมือนกัน
	ผมมาถึงบ้านเมื่อเวลาหกโมงเย็น  ครั้งแรกที่แม่เห็นผม  แม่เข้าโผกอดด้วยความรัก   ความปีติยินดีที่ผมกลับมาเยี่ยมบ้านเยี่ยมแม่
	เย็นวันนั้นแม่ทำอาหารที่ผมชอบรับประทานมาเลี้ยงต้อนรับผม  ด้วยฝีมือแม่และพี่สาว  ส่วนผมขอเป็นลูกมือช่วยแม่จะดีกว่า    เย็นคืนนั้นผมกินเสียอิ่มแปล้  ขยับตัวลำบากเหมือนงูเหลื่อมที่กินอิ่มแล้วนอนประจำอยู่ที่เดิมเป็นเดือนๆ
	เก็บถ้วยชามช่วยแม่และพี่สาวเสร็จ  พี่สาวผมและแม่นั่งคุยกันสักพัก ก่อนแยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่าก่อนจะมานั่งดูละครหลังข่าว  จนถึงสี่ทุ่มครึ่ง ละครตอนสุดท้ายจบลงจึงแยกย้ายกันไปนอน
	ผมเดินไปหยิบเสื่อ  ฟูก  หมอน  ที่นอน  ผ้าห่ม  มุ้ง  ออกมาจากตู้  กางมุ้งเสร็จ  ไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนจนเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย 
	
รุ่งเช้าผมตื่นเมื่อไก่ตัวแรกของวันขานรับอรุณวันใหม่  เก็บพับที่นอนเก็บให้เข้าที่  ลงไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน  ก่อนลงมาช่วยแม่ทำกับข้าวมื้อเช้า  ช่วงในวัยเด็กผมมักจะลงมาช่วยแม่ทำกับข้าวทุกครั้งตลอด จนผมออกจากบ้านเรียนหนังสือจึงไม่ได้ช่วยแม่เหมือนสมัยเด็กๆ
	ขณะที่ช่วยแม่ทำกับข้าวปรุงอาหาร  แม่ไถ่ถามถึงอายุของผมว่าปีนี้ผมอายุเท่าไร่แล้ว   ผมตอบแม่ว่าปีนี้ยี่สิบแปดแล้ว      แม่มองหน้าก่อนพูดว่าอายุเริ่มเยอะขึ้นแล้วนะ    ทำไมไม่หาผู้หญิงสักคนศึกษาดูใจแล้วแต่งงานเสียที แม่คงเห็นว่าผมกลับบ้านมาแต่ละครั้ง  เห็นแต่ผมมาคนเดียวบ่อยๆกระมัง  แม่ถึงถามเช่นนี้  ผมตอบแม่ว่ามีแล้วแต่ยังคบหาดูใจไปเรื่อยๆ  ถ้าใช่เดี๋ยวจะพามาให้แม่ดู  แม่ยิ้ม แล้วแม่ก็พูดว่า  แม่อยากเห็นหน้าว่าที่ลูกสะใภ้จัง  ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร  ที่แม่พูดเช่นนี้แม่อยากให้ผมแต่งงานมีครอบครัวเสียที  แม่อยากอุ้มหลานแล้วผมรู้ทันความคิดของแม่
	ทานข้าวเช้าเสร็จ  ผมกับแม่มานั่งที่แคร่ใต้ต้นมะม่วงใหญ่  แม่บอกเล่าให้ผมฟังว่าเพื่อนๆรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมต่างแต่งงานมีครอบครัวกันหมดแล้ว  บางคนมีลูกแล้วก็มี   เพื่อน  ๆ  ผู้ชายตั้งแต่สมัยเรียน ส่วนมากก็ไปทำงานที่กรุงเทพฯ  ต่างจังหวัด  เหลือสามคน คือ ไอ้เวิน ไอ้จ้อย  และไอ้โหน่ง 
 แม่เล่าว่าแต่ละคนก็ไม่เป็นโล่เป็นพาย  ไม่ทำการงานอะไร  เกาะพ่อแม่กินอย่างเดียว 
ไอ้เวินก็ไม่เป็นผู้เป็นคน  ทำร้ายทุบตีแม่เวลาที่แม่ไม่มีเงินให้มันยามที่มันหิวยา  
ไอ้จ้อยก็ติดยาเช่นกัน  งานการไร่นาสวนมันไม่คิดทำ  ให้พ่อแม่เลี้ยงแบมือขอเงินพ่อแม่  ตะลอนไปมาดื่มเหล้าเมายาตามหมู่บ้านนี้แหละ  
	ขณะที่แม่เล่าให้ผมฟังถึงเพื่อน  ๆ  ในวัยเด็กของผมอยู่นั้น  แม่ยังไม่ทันจะเล่าเรื่องไอ้โหน่งให้ผมฟังด้วยซ้ำ   ไอ้โหน่งเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดมันขับมอเตอร์ไซค์ผ่านมาที่บ้านผมพอดีเพราะบ้านผมอยู่ใกล้ตลาดสด  มันเห็นผมมันเลี้ยวมอเตอร์ไซค์เข้ามามันดีใจ ผมเห็นมันผมดีใจเช่นกัน  มันเปิดยิ้มกว้างจนเผลอเห็นขอบเหงือกสีม่วงเข้มเพราะดูดบุหรี่จัด  มันโผมากอดผม  เรากอดกันและกัน เราสองคนทรุดนั่งที่แคร่พูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันและกัน ส่วนแม่เดินไปเล่นกับป้าเนียนที่นั่งคนเดียวอยู่ใต้ถุนบ้านที่อยู่ติดกัน
	สมัยเด็ก  ๆ  ไอ้โหน่งกับผมเป็นเพื่อนสนิทกันมาก  เวลาไปไหนจะไปด้วยกันตลอด  จนเพื่อนๆในโรงเรียนมักจะพูดหยอกเอินว่า   คู่ปาท่องโก๋   เพราะไปไหนด้วยกันบ่อย  เวลาเลิกเรียนก็มักจะไปทงเบ็ด หาปลาข่อน  วิ่งไล่แย้  หากิ้งก่า  จับจักจั่นตามราวป่าเกือบทุกครั้งที่หยุดเสาร์อาทิตย์เป็นประจำ  มีอะไรก็แบ่งกันกิน  เล่นกีฬาฟุตบอลโรงเรียนก็โดนครูจับเป็นกองหน้าคู่กัน  จึงไม่แปลกที่เราสองคนช่วยกันยิงประตูคู่ต่อสู้ได้มากมาย  
	พอเรียนจบมัธยม  ผมก็เรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในเมือง  ส่วนไอ้โหน่งมันเลือกที่จะไม่เรียนเพราะเกเร  หลังจากนั้นเราก็ห่าง  ๆ  กันไปตามวิถีชีวิตของตนเอง
	ไอ้โหน่งมันดูผอม  ๆ  โทรม  ๆ  เบ้าตาลึกโบ๋ดูเลื่อนลอย  แขนขาเล็กลีบ  ใบหน้าซูบตอบ  ผมถามมันว่าทำอาชีพอะไรทุกวันนี้   มันบอกว่ามันกรีดยาง   ทำสวนอ้อย  ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน
	ไอ้โหน่งผอมลงจนผมอดสงสัยไม่ได้  ผมจึงถามมันว่ามันเล่นยาเหมือนวัยรุ่นในหมู่บ้านหรือเปล่า  มันบอกปฏิเสธทันควันว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยว  ยุ่งเกี่ยวก็แต่บุหรี่ สุรา  นอกนั้นไม่เคยยุ่งเลย
ไอ้โหน่งกลับไปแล้ว  คราวนี้ผมลงไปนั่งที่เปลหยิบหนังสือขึ้นอ่านอย่างเพลิดเพลิน  ถ้าว่างผมมักจะพักผ่อนด้วยการอ่านหนังสือเพื่อผ่อนคลาย  ส่วนมากจะเป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น  แม่กลับจากไปนั่งเล่นพูดคุยกับป้าเนียน  เดินมาทรุดนั่งที่แคร่ไม้ไผ่ข้าง  ๆ  ผม  
 แม่เล่าให้ผมฟัง ผมถึงได้มารู้ความจริงว่า  ไอ้โหน่งมันเล่นยาจริง ๆ  ยาที่ว่านั้นคือ  ยาบ้า  ที่กำลังระบาดหนักในหมู่บ้านในขณะนี้ และแม่ห้ามว่าให้ผมห่าง  ๆ  ไอ้โหน่งมันไว้
	แม่บอกว่าหมู่บ้านเรามันเปลี่ยนแปลงไปเยอะ  คนหนุ่มสาวในหมู่บ้าน สามีภรรยาหลายครอบครัวต่างเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด  บางคนค้า  บางคนเสพ  เป็นเอย่นนั้นก็มีมาก  โอ้โหน่งก็เข้าในข่ายที่ทางการเขาหมายหัวไว้เช่นกัน  
	แม่ยังเล่าต่ออีกว่าที่สำคัญวัยรุ่นติดยากันเยอะมาก  การซื้อขายก็ขายกันคล่อง  เหมือนซื้อขนม ขายกันโจ่งแจ้งไม่ได้กลัวตำรวจกันเลย   บางคนขายยาบ้ามีสินสอดไปขอสาวแต่งงาน  บางคนมีเงินสร้างบ้านหลังเป็นล้าน  ๆ  สวยงาม  บางคนมีรถเก๋งวิ่งขับส่งยาบ้าก็เยอะ  ทำเป็นอาชีพเลยก็มี  วันวันไม่ทำอะไรขายยาบ้าอย่างเดียว
	ผมนั่งฟังเรื่องราวอดสะท้อนใจไม่ได้....

บ่ายของวันนี้  ข่าวล่ามาแรงจากนกพิราบในหมู่บ้าน ว่าไอ้โหน่งโดนตำรวจรวบตัวได้ขณะยืนขายยาบ้าให้กลุ่มวัยรุ่นคาบ้านพัก  ตำรวจขึ้นค้นที่บ้านพบยาบ้าหลายพันเม็ด  
	ผมรีบขับรถมอเตอร์ไซค์ไปที่บ้านไอ้โหน่ง  ไทมุงยืนออดูกันอยู่เต็ม  ไอ้โหน่งโดนจับล็อกกุญแจนั่งอยู่กระบะท้ายรถตำรวจ  มันนั่งก้มหน้า  ใบหน้ามันเศร้าสร้อยหมดอะไรตายอยาก คล้ายคนสิ้นหวัง
	ผมยืนมองไอ้โหน่ง  ไอ้โหน่งมองหน้าผม   มันเบือนสายตาหนีพร้อมกับน้ำตารื่นคลอเบ้า				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหนุ่มลำปาว
Lovings  หนุ่มลำปาว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหนุ่มลำปาว
Lovings  หนุ่มลำปาว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟหนุ่มลำปาว
Lovings  หนุ่มลำปาว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงหนุ่มลำปาว