ความเปลี่ยนแปลง

หนุ่มลำปาว

เรื่องสั้น
ความเปลี่ยนแปลง
เขียนโดย...หนุ่มลำปาว
ไม่นึกเลยว่าวันเวลาที่ผ่านผัน  เพื่อนที่ผมรักและสนิทที่สุดในวัยเยาว์จะต้องมาลงเอยอย่างนี้...
 ผมเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัดบ้านเกิด หลังจากลางานหัวหน้า  ผมขับรถที่ยังไม่หมดหนี้สินมา  กว่าจะถึงบ้านเกิดเมืองนอนที่ผมจากไปนาน  เล่นเอาผมอ่อนเพลียเหมือนกัน
	ผมมาถึงบ้านเมื่อเวลาหกโมงเย็น  ครั้งแรกที่แม่เห็นผม  แม่เข้าโผกอดด้วยความรัก   ความปีติยินดีที่ผมกลับมาเยี่ยมบ้านเยี่ยมแม่
	เย็นวันนั้นแม่ทำอาหารที่ผมชอบรับประทานมาเลี้ยงต้อนรับผม  ด้วยฝีมือแม่และพี่สาว  ส่วนผมขอเป็นลูกมือช่วยแม่จะดีกว่า    เย็นคืนนั้นผมกินเสียอิ่มแปล้  ขยับตัวลำบากเหมือนงูเหลื่อมที่กินอิ่มแล้วนอนประจำอยู่ที่เดิมเป็นเดือนๆ
	เก็บถ้วยชามช่วยแม่และพี่สาวเสร็จ  พี่สาวผมและแม่นั่งคุยกันสักพัก ก่อนแยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่าก่อนจะมานั่งดูละครหลังข่าว  จนถึงสี่ทุ่มครึ่ง ละครตอนสุดท้ายจบลงจึงแยกย้ายกันไปนอน
	ผมเดินไปหยิบเสื่อ  ฟูก  หมอน  ที่นอน  ผ้าห่ม  มุ้ง  ออกมาจากตู้  กางมุ้งเสร็จ  ไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนจนเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย 
	
รุ่งเช้าผมตื่นเมื่อไก่ตัวแรกของวันขานรับอรุณวันใหม่  เก็บพับที่นอนเก็บให้เข้าที่  ลงไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน  ก่อนลงมาช่วยแม่ทำกับข้าวมื้อเช้า  ช่วงในวัยเด็กผมมักจะลงมาช่วยแม่ทำกับข้าวทุกครั้งตลอด จนผมออกจากบ้านเรียนหนังสือจึงไม่ได้ช่วยแม่เหมือนสมัยเด็กๆ
	ขณะที่ช่วยแม่ทำกับข้าวปรุงอาหาร  แม่ไถ่ถามถึงอายุของผมว่าปีนี้ผมอายุเท่าไร่แล้ว   ผมตอบแม่ว่าปีนี้ยี่สิบแปดแล้ว      แม่มองหน้าก่อนพูดว่าอายุเริ่มเยอะขึ้นแล้วนะ    ทำไมไม่หาผู้หญิงสักคนศึกษาดูใจแล้วแต่งงานเสียที แม่คงเห็นว่าผมกลับบ้านมาแต่ละครั้ง  เห็นแต่ผมมาคนเดียวบ่อยๆกระมัง  แม่ถึงถามเช่นนี้  ผมตอบแม่ว่ามีแล้วแต่ยังคบหาดูใจไปเรื่อยๆ  ถ้าใช่เดี๋ยวจะพามาให้แม่ดู  แม่ยิ้ม แล้วแม่ก็พูดว่า  แม่อยากเห็นหน้าว่าที่ลูกสะใภ้จัง  ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร  ที่แม่พูดเช่นนี้แม่อยากให้ผมแต่งงานมีครอบครัวเสียที  แม่อยากอุ้มหลานแล้วผมรู้ทันความคิดของแม่
	ทานข้าวเช้าเสร็จ  ผมกับแม่มานั่งที่แคร่ใต้ต้นมะม่วงใหญ่  แม่บอกเล่าให้ผมฟังว่าเพื่อนๆรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมต่างแต่งงานมีครอบครัวกันหมดแล้ว  บางคนมีลูกแล้วก็มี   เพื่อน  ๆ  ผู้ชายตั้งแต่สมัยเรียน ส่วนมากก็ไปทำงานที่กรุงเทพฯ  ต่างจังหวัด  เหลือสามคน คือ ไอ้เวิน ไอ้จ้อย  และไอ้โหน่ง 
 แม่เล่าว่าแต่ละคนก็ไม่เป็นโล่เป็นพาย  ไม่ทำการงานอะไร  เกาะพ่อแม่กินอย่างเดียว 
ไอ้เวินก็ไม่เป็นผู้เป็นคน  ทำร้ายทุบตีแม่เวลาที่แม่ไม่มีเงินให้มันยามที่มันหิวยา  
ไอ้จ้อยก็ติดยาเช่นกัน  งานการไร่นาสวนมันไม่คิดทำ  ให้พ่อแม่เลี้ยงแบมือขอเงินพ่อแม่  ตะลอนไปมาดื่มเหล้าเมายาตามหมู่บ้านนี้แหละ  
	ขณะที่แม่เล่าให้ผมฟังถึงเพื่อน  ๆ  ในวัยเด็กของผมอยู่นั้น  แม่ยังไม่ทันจะเล่าเรื่องไอ้โหน่งให้ผมฟังด้วยซ้ำ   ไอ้โหน่งเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดมันขับมอเตอร์ไซค์ผ่านมาที่บ้านผมพอดีเพราะบ้านผมอยู่ใกล้ตลาดสด  มันเห็นผมมันเลี้ยวมอเตอร์ไซค์เข้ามามันดีใจ ผมเห็นมันผมดีใจเช่นกัน  มันเปิดยิ้มกว้างจนเผลอเห็นขอบเหงือกสีม่วงเข้มเพราะดูดบุหรี่จัด  มันโผมากอดผม  เรากอดกันและกัน เราสองคนทรุดนั่งที่แคร่พูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันและกัน ส่วนแม่เดินไปเล่นกับป้าเนียนที่นั่งคนเดียวอยู่ใต้ถุนบ้านที่อยู่ติดกัน
	สมัยเด็ก  ๆ  ไอ้โหน่งกับผมเป็นเพื่อนสนิทกันมาก  เวลาไปไหนจะไปด้วยกันตลอด  จนเพื่อนๆในโรงเรียนมักจะพูดหยอกเอินว่า   คู่ปาท่องโก๋   เพราะไปไหนด้วยกันบ่อย  เวลาเลิกเรียนก็มักจะไปทงเบ็ด หาปลาข่อน  วิ่งไล่แย้  หากิ้งก่า  จับจักจั่นตามราวป่าเกือบทุกครั้งที่หยุดเสาร์อาทิตย์เป็นประจำ  มีอะไรก็แบ่งกันกิน  เล่นกีฬาฟุตบอลโรงเรียนก็โดนครูจับเป็นกองหน้าคู่กัน  จึงไม่แปลกที่เราสองคนช่วยกันยิงประตูคู่ต่อสู้ได้มากมาย  
	พอเรียนจบมัธยม  ผมก็เรียนต่อที่มหาวิทยาลัยในเมือง  ส่วนไอ้โหน่งมันเลือกที่จะไม่เรียนเพราะเกเร  หลังจากนั้นเราก็ห่าง  ๆ  กันไปตามวิถีชีวิตของตนเอง
	ไอ้โหน่งมันดูผอม  ๆ  โทรม  ๆ  เบ้าตาลึกโบ๋ดูเลื่อนลอย  แขนขาเล็กลีบ  ใบหน้าซูบตอบ  ผมถามมันว่าทำอาชีพอะไรทุกวันนี้   มันบอกว่ามันกรีดยาง   ทำสวนอ้อย  ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน
	ไอ้โหน่งผอมลงจนผมอดสงสัยไม่ได้  ผมจึงถามมันว่ามันเล่นยาเหมือนวัยรุ่นในหมู่บ้านหรือเปล่า  มันบอกปฏิเสธทันควันว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยว  ยุ่งเกี่ยวก็แต่บุหรี่ สุรา  นอกนั้นไม่เคยยุ่งเลย
ไอ้โหน่งกลับไปแล้ว  คราวนี้ผมลงไปนั่งที่เปลหยิบหนังสือขึ้นอ่านอย่างเพลิดเพลิน  ถ้าว่างผมมักจะพักผ่อนด้วยการอ่านหนังสือเพื่อผ่อนคลาย  ส่วนมากจะเป็นหนังสือรวมเรื่องสั้น  แม่กลับจากไปนั่งเล่นพูดคุยกับป้าเนียน  เดินมาทรุดนั่งที่แคร่ไม้ไผ่ข้าง  ๆ  ผม  
 แม่เล่าให้ผมฟัง ผมถึงได้มารู้ความจริงว่า  ไอ้โหน่งมันเล่นยาจริง ๆ  ยาที่ว่านั้นคือ  ยาบ้า  ที่กำลังระบาดหนักในหมู่บ้านในขณะนี้ และแม่ห้ามว่าให้ผมห่าง  ๆ  ไอ้โหน่งมันไว้
	แม่บอกว่าหมู่บ้านเรามันเปลี่ยนแปลงไปเยอะ  คนหนุ่มสาวในหมู่บ้าน สามีภรรยาหลายครอบครัวต่างเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด  บางคนค้า  บางคนเสพ  เป็นเอย่นนั้นก็มีมาก  โอ้โหน่งก็เข้าในข่ายที่ทางการเขาหมายหัวไว้เช่นกัน  
	แม่ยังเล่าต่ออีกว่าที่สำคัญวัยรุ่นติดยากันเยอะมาก  การซื้อขายก็ขายกันคล่อง  เหมือนซื้อขนม ขายกันโจ่งแจ้งไม่ได้กลัวตำรวจกันเลย   บางคนขายยาบ้ามีสินสอดไปขอสาวแต่งงาน  บางคนมีเงินสร้างบ้านหลังเป็นล้าน  ๆ  สวยงาม  บางคนมีรถเก๋งวิ่งขับส่งยาบ้าก็เยอะ  ทำเป็นอาชีพเลยก็มี  วันวันไม่ทำอะไรขายยาบ้าอย่างเดียว
	ผมนั่งฟังเรื่องราวอดสะท้อนใจไม่ได้....
บ่ายของวันนี้  ข่าวล่ามาแรงจากนกพิราบในหมู่บ้าน ว่าไอ้โหน่งโดนตำรวจรวบตัวได้ขณะยืนขายยาบ้าให้กลุ่มวัยรุ่นคาบ้านพัก  ตำรวจขึ้นค้นที่บ้านพบยาบ้าหลายพันเม็ด  
	ผมรีบขับรถมอเตอร์ไซค์ไปที่บ้านไอ้โหน่ง  ไทมุงยืนออดูกันอยู่เต็ม  ไอ้โหน่งโดนจับล็อกกุญแจนั่งอยู่กระบะท้ายรถตำรวจ  มันนั่งก้มหน้า  ใบหน้ามันเศร้าสร้อยหมดอะไรตายอยาก คล้ายคนสิ้นหวัง
	ผมยืนมองไอ้โหน่ง  ไอ้โหน่งมองหน้าผม   มันเบือนสายตาหนีพร้อมกับน้ำตารื่นคลอเบ้า				
comments powered by Disqus
  • AmesSing

    14 พฤษภาคม 2555 18:56 น. - comment id 38082

    อย่ารีรอ
    ใช้เวลาแค่วันละ 2 ชั่วโมง
    รับวันละ 4,000  32,000 บาท 
    กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว นี่คือโอกาสของคุณ
    งานที่คุณหยุด รายได้ไม่หยุด เป็นมรดก
    
    ผู้คนกำลังหลั่งไหลเข้ามา และคว้าโอกาสนี้ไว้ 
    ตอนนี้ คุณมีสองคำที่ต้องเลือก 
    กล้า กับ กลัว 
    ถ้าคุณ กล้า สิ่งนี้จะพาคุณเป็นผู้นำและรับรายได้อย่างงาม
    มีระบบการทำงานให้ ฟรี ทุกอย่าง ผ่านอินเตอร์เน็ตอย่างเดียว 
    ไม่ขาย ไม่สาธิต ไม่ไปประชุม ไม่โทรง้อคน ไม่รบกวนเพื่อน 
    คนลิขิตชีวิตคุณ คือ ตัวคุณ
    Link 
    http://www.thefirst-one.com/clients/home/032814

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน