15 ตุลาคม 2547 22:21 น.

เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์(4)

อาชา

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ.2547  ซึ่งเป็นวันก่อนวันตรุษจีน 1 วัน  ฉันรู้ดีว่าพรุ่งนี้จะไม่ได้เจอเธอแน่  วันนี้ฉันถึงต้องรีบๆเจอไง

          เมื่อลงจากรถโรงเรียนในตอนเช้าฉันก็เดินเข้าประตูโรงเรียนไป  นักเรียนส่วนใหญ่กำลังนั่งอ่านหนังสือตามนโยบายอันแสนประเสริฐของโรงเรียนอยู่  ทุกคนกำลังอยู่ในความเงียบดังนั้นฉันจึงต้องเดินอย่างระมัดระวังเพื่อไปวางกระเป๋านักเรียนตรงหน้าห้องศาสนา  เดินไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับมาแลกเหรียญชิพสำหรับค่าขนม  เมื่อเดินกลับมายังกระเป๋านักเรียนเพื่อจะหยิบแล้วเดินขึ้นห้องก็พบว่ามีกระเป๋าเป้ใบหนึ่ง  ซึ่งไม่ใช่ของนักเรียนแน่ๆเพราะมันไม่ถูกระเบียบ  แต่ฉันจำได้ว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหนน้า  ใช่แล้วเป้ใบนี้ก็เป็นของเธอไง  บังเอิญจริงๆที่กระเป๋าเป้ของเธอวางอยู่ใกล้กระเป๋าฉันแค่อยู่คนละฝั่งเท่านั้นเอง  ฉันมองไปรอบๆเผื่อจะเจอเธอแล้วก็เจอเข้าจริงๆ  เธอกำลังยืนอบรมนักเรียนอยู่ที่หน้าเสาธง  ฉันเหลือบตาไปมองเธอและเธอก็มองฉัน!  คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญเพราะถ้ามีใครมามองเราแล้วเรารู้สึกเหมือนถูกจ้องมอง  เราก็คงต้องหันกลับไปดูอยู่แล้วแหละเนอะว่าใครกันนะที่มาแอบมองเรา  จากนั้นฉันก็หยิบกระเป๋าแล้วเดินขึ้นห้องไป

          ตั้งแต่ที่ห้อง ม.1/6 ของฉันขึ้นมาเข้าแถวบนระเบียงชั้น 3  ฉันมีความรู้สึกว่าเหมือนกับถูกปิดตาไม่ให้มองเห็นโลกภายนอกเลย  มันน่าเบื่อมากโดยเฉพาะเวลาที่เธอไม่มายืนอยู่ที่แถวด้วยน่ะสิ

          พักเล็กฉันไม่ได้เจอเธอเลย  การเรียนก็แสนจะน่าเบื่อแถมยังถูกพายุการบ้านโหมกระหน่ำเข้าใส่อีกจะบ้าตาย  ขนาดชั่วโมงศิลปะซึ่งถือว่าเป็นวิชาที่ฉันชอบและทำได้ดีแล้วก็ยังไม่วายน่าเบื่ออีกจนได้  เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่างานนี้ฉันตั้งใจทำมากและผลของการตั้งใจมากจนเกินไปก็คือความล้มเหลวของงาน  ซึ่งเรื่องนี้ฉันก็เคยได้ยินคนอื่นพูดมาเหมือนกันว่าการตั้งใจทำอะไรมากเกินไป  มักจะทำให้งานล้มเหลวเพราะเราจะขาดความเชื่อมั่นในงานของตนเอง

          พักกลางวันฉันเดินไปทานข้าวกลางวันที่อาคาร2  ในขณะที่ฉันต่อแถวซื้อข้าวตามปกติฉันก็เห็นเธอเดินไปล้างมือตรงใกล้ๆที่เก็บจานพอดี  ฉันเดินไปซื้อน้ำและเธอก็เดินมาพอดี!  เธอซื้อน้ำแข็งเปล่าถุงใหญ่ซึ่งมากเกินไปสำหรับคนๆเดียว  ทางที่ดีควรจะแบ่งให้ฉันอีกสักคนจะดีกว่า  เฮ่ย!แล้วฉันจะไปยุ่งอะไรกับเธอนักหนาล่ะเนี่ย

          หลังเลิกเรียนฉันเดินลงมาอย่างไม่ปกติเพราะวันนี้มีรอบเดือน  แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ฉันก็ยังแอบมองเธอที่ยืนเฝ้าเวรอยู่ดี  เธอน่ารักเนอะ..อิ อิ

          หลังเลิกเรียนพิเศษฉันเดินหิ้วกระเป๋าเอาการบ้านไปทำที่อาคาร 1  เพื่อนสนิทของฉันที่ปกติจะอยู่คุยด้วยก็กลับบ้านไปแล้ว  ฉันจึงหันไปคุยกับเพื่อนอีกคนหนึ่งที่นั่งรถโรงเรียนคันเดียวกัน  ปกติทุกๆเย็นเธอจะต้องมาตอกบัตรที่ตึกนี้  แต่ตอนนี้เย็นมากแล้วฉันจึงไม่มีเวลารอเธออีกต่อไป

          ฉันเดินเข้าไปนั่งในรถโรงเรียนตรงตำแหน่งที่ฉันนั่งคือด้านหน้าสุดข้างคนขับ  รถโรงเรียนของฉันจอดอยู่หน้าอาคาร2ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นทุกๆคนที่เดินออกมาจากตึกได้พอดีฉันจึงยังคงมองหาเธอ  แต่รถใกล้จะออกแล้วนะ ทำไมฉันยังไม่เห็นเธอซักที

          แต่แล้วฉันก็เห็นเธอเดินสะพายกระเป๋าและกำลังจะกลับบ้าน  ถ้าลงไปหาตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วหลายครั้งที่ฉันนั่งอยู่ในรถโรงเรียนแล้วเห็นเธอแต่มีแค่ครั้งเดียวที่เธอเดินมาแล้วมองเห็นฉัน  ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่2ที่เธอเห็นฉันไหมนะจะเป็นไปได้ไหมนะ

         มันเป็นไปแล้วเพราะเธอเดินไปนั่งกับครูเวรที่หน้าประตูโรงเรียนแล้วหันมามองฉันพอดี
เธอหันไปคุยกับครูเวรอีกครั้งหนึ่งและหันกลับมาเป็นพักๆ  ในที่สุดรถโรงเรียนก็ออกขับฉันจึงมองเห็นเธอได้ยากขึ้นๆ  รอว่าเธอจะหันมามองฉันเป็นครั้งสุดท้ายไหมนะจะมีไหมนะ  และแล้วเธอก็หันมามองฉันทำนองว่าเจอกันวันศุกร์นะพอดี  ฉันมองเธอแล้วเธอก็มองฉัน  โอ้ยยยย ไม่ไหวแล้วทำไมตาเธอถึงได้หวานอย่างนี้นะ  แต่ฉันก็แอบยิ้มนิดๆให้จนเธอหายลับไปจากสายตา

          นี่อาจเป็นอั่งเปาวันตรุษจีนที่ดีที่สุดแล้วก็ได้นะ...ว่ามั้ย

          เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์ 				
13 ตุลาคม 2547 22:49 น.

เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์(3)

อาชา

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม  พ.ศ.2547  ซึ่งก็คือ 1 วันก่อนวันครู  วันนี้ฉันไปโรงเรียนตามปกติโดยเดินเอากระเป๋านักเรียนไปเก็บไว้ที่ห้องเรียนแล้วไปเข้าแถวที่อีกอาคารหนึ่ง

          ฉันนั่งรอเพื่อนๆบางส่วนที่ยังไม่มาเข้าแถว  เธอเดินมาพอดีด้วยการแต่งตัวที่เปลี่ยนแปลงไป  จากเดิมที่เธอต้องใส่เสื้อตัวใหญ่ๆกับกางเกงวอร์มเพราะเป็นครูสอนพละ  วันนี้เธอกลับใส่เสื้อและกระโปรงสีชมพูอ่อน  แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ฉันสนใจ

          เมื่อถึงกำหนดการของเวลาที่วางไว้ครูทุกท่านเข้าประจำที่รวมทั้งเธอด้วย  พิธีไหว้ครูหรือกตัญญุตานี้ใช้เวลาเป็ดเสร็จประมาณ 1 ชั่วโมง  หลังพิธีฉันเดินข้ามอาคารกลับไปที่ห้องเรียนของตัวเองตามปกติ  เธอยืนคุยกับมิสท่านหนึ่งอยู่ที่หน้าประตูอาคาร  ฉันมองเธอและเธอมองฉันแต่ก็ไม่มีอะไร

          พักเที่ยงฉันเดินข้ามตึกเพื่อไปทานข้าวเที่ยง  ฉันต่อแถวซื้ออาหารและเดินหาที่นั่ง  เธอเพิ่งทานเสร็จและกำลังเดินไปเก็บจานพอดี  จากนั้นเธอก็เดิน  เดิน  เดินจนหายลับไปจากสายตา

          หลังจากทานอาหารเสร็จฉันก็เดินกลับตึกทันทีที่สัญญาณเพลงดังให้เข้าห้องเรียน  เดินไปยังระเบียงหน้าห้องเรียนซึ่งในห้องนั้นเปิดไฟอยู่  ฉันจึงเดินเข้าไปเก็บของและเมื่อหันหลังกำลังจะเดินออกจากห้องก็พบว่าเธอนั่งอยู่ที่หน้าห้องเรียน  ฉันล่ะงงว่าเธอเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรกัน  ฉันพยายามควบคุมอาการและสีหน้าให้เป็นปกติ  พยายามไม่ให้ไปมองเธอแต่ก็หันไปจนได้  พอแล้ว..ออกไปเข้าแถวดีกว่า

          เมื่อเดินแถวเข้ามาในห้องเธอยังคงนั่งอยู่ที่เดิม  คาบเรียนนี้เธอจะอยู่กับฉันอย่างนั้นหรือ  เสียงคุยของเพื่อนๆในห้องคงมากเกินกว่าที่เธอจะรับไหวแล้ว  เพราะสายตาของเธอดูโกรธ  เธอจึงเดินออกมาที่หน้าห้องและพูดกับทั้งห้อง  แล้วเดินออกจากห้องไป

          วันนี้เลิกเรียนเร็วเป็นพิเศษเนื่องจากครูทั้งโรงเรียนติดธุระ  ฉันจึงเดินไปทานไอศครีมที่โรบินสันบางรักกับเพื่อนอีก 5 คน  เดินกลับมาที่โรงเรียนอีกทีก็ 15.30 น.  ฉันนั่งเล่นอยู่กับเพื่อนอีก 2 คนแต่ใจยังคอยพะวงอยู่กับเธอ  ฉันจึงเดินออกไปดูมอเตอร์ไซค์ยานพาหนะคู่ชีพของเธอซึ่งยังคงจอดนิ่งอยู่กับที่  งั้นก็แปลว่าเธอยังไม่กลับบ้านน่ะสิ

          ตอนนี้เพื่อนคนหนึ่งกลับบ้านไปแล้ว  ฉันจึงเดินเล่นอยู่ที่สนามหน้าโรงเรียนกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง  เดินไปเดินมาก็ไปเจอเธอซึ่งเดินอยู่ที่หน้าตึก  เธอปล่อยผมยาวที่ปกติแล้วมักจะรวบไว้เสมอ  เธอน่ารักจริงๆ  ฉันแอบตามไปดูเธอในระยะห่างๆ  เธอเดินสะพายเป้ไปยังมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ตรงทางที่จะไปท่าเรือ  ฉันเฝ้ามองเธอเดินไปแล้วหยุดเดินกับมิสท่านหนึ่ง  มองไม่ชัดนักว่าเธอทำอะไรอยู่แต่เมื่อรถคันหนึ่งเข้ามาจอดบังหน้าอยู่สักครู่และขับผ่านไป  เธอก็หายไปแล้วฉันจึงตัดสินใจเดินไปยังทางออกฝั่งท่าเรือพร้อมกับเพื่อน  ผ่านมอเตอร์ไซค์หมายเลขทะเบียน บทง381 ของเธอและหยุดมองว่าเธอจะกลับบ้านอย่างไรกันถ้าไม่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปด้วย  เธอหายไปไหนกันนะฉันคิดในใจและยังคงเดินต่อไปยังประตู  

          ฉันหยุดที่ตรงรั้วเหล็กมองออกไปและพบว่าเธอยืนอยู่ข้างนอกพร้อมกับมิสที่เดินมาด้วย  ท่าทางเธอคงจะกลับบ้านด้วยรถของมิสคนนั้น  ฉันไม่รู้ว่าควรจะเดินต่อไปหรือไม่แต่ทันใดนั้น

          เอ้า! สองสาวยังไม่กลับอีกเหรอ กลับกี่โมงล่ะ  เธอถามฉันด้วยน้ำเสียงร่าเริงดังเช่นเคย

          บังเอิญว่าเธอหันมาเห็นฉันพอดีฉันจึงติบเธอไปว่ากลับ 5 โมง  เธอยิ้มให้ฉันและขึ้นรถของมิสท่านนั้นซึ่งขับไปยังที่ไหนก็ไม่รู้จากไป

          หัวใจของฉันพองโตเพราะความตื่นเต้นในวินาทีที่ฉันได้อยู่ใกล้เธอหรือเพียงแค่ได้ยินเสียงเรียก  แต่หัวใจฉันก็หล่นวูบในนาทีที่เห็นเธอจากไป

          เฮ้อ!ทำไมน้า...ฉันกับเธอถึงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันนานๆซะที

          เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์  				
8 ตุลาคม 2547 16:10 น.

เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์(2)

อาชา

ในวันพุธที่ 31 ธันวาคม  พ.ศ.2547  โรงเรียนฉันได้หยุดอยู่ในช่วงของเทศกาลวันปีใหม่แล้ว  ฉันจึงตั้งใจตื่นเช้าเป็นพิเศษเพื่อที่จะมาทำสิ่งๆหนึ่งให้กับเธอ

          ฉันใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการคิดออกแบบการ์ด  จนในที่สุดฉันก็ได้แบบของการ์ดปีใหม่ที่เสร็จสมบูรณ์ที่สุด  นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันใส่หัวใจไปกับการทำงานด้วยโดยที่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม  ฉันเริ่มหยิบกระดาษเอ4  สีขาวสะอาดออกมา 3 แผ่น  แผ่นแรกและอีกครึ่งแผ่นฉันตัดให้เป็นซองจดหมาย  มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับการทำซองที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ  ฉันจึงใช้เวลาไปทั้งหมด 2 ชั่วโมง  จากนั้นฉันก็บรรจงร่างการ์ดลงบนกระดาษ  ตัดออก  แล้วทากาวติดกัน  ออกมาเป็นการ์ด 3 หน้า  หน้าแรกฉันเจาะรูเป็นรูปวงกลมให้พอดีกับรูปพระจันทร์ของหน้าที่สอง  หน้าที่สองฉันวาดรูปพระจันทร์แทนตัวเธอ  และใบไม้ใบเล็กๆที่อยู่บนพื้นดินแทนตัวฉัน  ส่วนหน้าสุดท้ายฉันแต่งกลอนแปดเพราะๆให้เธอ

          สักวันใบไม้ที่เปราะบางใบนี้คงจะมีโอกาสได้อาศันแรงลมพัดพาขึ้นไปถึงดวงจันทร์  สักวันหนึ่งคงจะมีโอกาส...ฉันเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาอันสมควรโอกาสจะเปิดทางให้ฉันเอง

          ในที่สุดการ์ดใบนี้ก็เสร็จสมบูรณ์ในตอนดึก  ฉันจัดแจงใส่ซองแล้วฝากแม่บ้านให้เอาไปส่งที่ตู้ไปรษณีย์ในวันรุ่งขึ้น  เพราะในวันพรุ่งนี้ฉันต้องไปเที่ยวและตอนนี้ก็ยังไม่ได้จัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเลย  ไม่มีใครรับประกันได้ว่าจดหมายฉบับนี้จะส่งถึงมือผู้รับหรือไม่  มันจะเป็นอย่างไรบ้างแล้วก็ไม่รู้

          เปิดเรียนอีกที่หลังจากหยุดในเทศกาลวันปีใหม่ในวันจันทร์ที่ 5 มกราคม  พ.ศ.2547  ตอนเช้าฉันเจอหน้าเธอแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ตอนบ่ายเธออยู่กับฉันทั้งชั่วโมงแต่ก็ยังไม่มีอะไร  ตอนเย็นฉันเห็นเธอและเธอก็เห็นฉันเดินอยู่ในโรงเรียนแต่เธอก็ยังไม่พูดอะไรสักคำ  วันนั้นทั้งวันฉันเภาวนาให้วันรุ่งขึ้นให้ฉันได้ยินคำพูดสักคำจากเธอก็ยังดี

          วันรุ่งขึ้นฉันเจอเธอแต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร  จนฉันปักใจคิดว่าจดหมายคงจะหายไปแล้ว  ตอนเที่ยงฉันลงมาพักกับเพื่อนและเจอเธอนั่งทานข้างกลางวันอยู่ในโรงอาหาร  จริงๆแล้วฉันไปนั่งอยู่ใกล้ๆเธอก็ได้  แต่บังเอิญว่าเที่ยงนั้นฉันติดงานสำคัญ..จึงต้องละทิ้งความปรารถนาของหัวใจไป

          เมื่อฉันกลับมาหลังจากการสะสางงานเรียบร้อยแล้ว  กลับพบว่าเธอยังคงนั่งอยู่ในโรงอาหาร  ฉันว่าจะเข้าไปถามตรงๆ  แต่คิดอีกทีขอไม่ดีกว่า  และความบังเอิญอีกครั้งก็เกิดขึ้นเมื่อฉันมีธุระต้องเข้าไปถามเพื่อนคนที่นั่งอยู่กับเธอพอดี  ฉันจึงเดินเข้าไปคุยกับเพื่อนคนนั้น  

          และในที่สุดเธอก็ยอมเอ่ยปากพูดกับฉันด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว

          เอ้อ..ชนาธิปมิสขอบใจนะ  สวยมากเลยล่ะ

          คำพูดของเธออาจเป็นเพียงคำพูดสั้นๆที่ไม่ชัดเจนสำหรับคนอื่น  แต่สำหรับฉันแล้วถ้าเป็นคำพูดที่เธอเอ่ยมาจากหัวใจแล้วละก็..มันมีค่าเหนือสิ่งอื่นใด

          เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์ 				
4 ตุลาคม 2547 22:19 น.

เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์(1)

อาชา

ในชีวิตของคนเราจะมีสักกี่ครั้งกันที่เรารู้จักเปิดใจยอมรับในทุกๆสิ่ง  ทุกสิ่งบนโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนเพราะความแน่นอนที่สุดก็คือความไม่แน่นอน  ปาฏิหาริย์จึงเกิดขึ้นได้เสมอ  และก็เป็นหนึ่งในเรื่องเหลือเชื่อสำหรับคนอย่างฉันที่ปิดประตูหัวใจไปแล้ว  นับตั้งแต่วันที่ย้ายโรงเรียนประถมจากสีลมมายังโรงเรียนมัธยมในเจริญกรุง

          ในวันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม  พ.ศ.2546  เป็นวันแรกของการเปิดเทอมอย่างไม่เป็นทางการของฉัน  เพราะวันนี้เป็นวันที่เปิดโอกาสให้ครูกับนักเรียนได้รู้จักกัน  เมื่อฉันเห็นหน้าเธอซึ่งเป็นครูผู้ช่วยชั้นของฉันเป็นครั้งแรกฉันก็รู้สึกแปลกๆกับเธอโดยปราศจากเหตุผล  ยิ่งวันเวลาผ่านไปมากเท่าไรฉันก็ยิ่งรู้สึกผูกพันกับเธอมากขึ้นเท่านั้น  อีกหนึ่งเรื่องที่แตกต่างสำหรับเธอและฉันก็คือเรื่องอายุ  เธออายุมากกว่าฉัน 15 ปี  ซึ่งตามกฎหมายแล้วเธอสามารถเป็นแม่บุญธรรมของฉันได้เลยด้วยซ้ำ  แต่สิ่งหนึ่งที่เธอและฉันเหมือนกันก็คือเพศไง

          จนกระทั่งในวันพุธที่ 30 กรกฎาคม  พ.ศ.2546  เป็นวันที่ฉันได้ไปทัศนศึกษาที่จังหวัดชลบุรี  นักเรียนทั้งระดับชั้นเดินทางโดยรถทัวร์ปรับอากาศทั้งหมด 7 คัน  และในขณะที่นักเรียนส่วนใหญ่กำลังร้องเพลงอย่างสนุกสนานอยู่นั้น  รถทัวร์ก็ได้เขย่า  สั่น  และเหวี่ยงอย่างรุนแรงไปบนพื้นถนน  ทันใดนั้น  โครม

          ฉันมารู้สึกตัวอีกมีก็พบว่าพื้นรถมันเอียงๆชอบกล  เมื่อมองไปรอบๆรถก็พบว่าบานกระจกส่วนใหญ่มีรอยร้าวและบางบานแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ  ประกอบกับได้ยินเสียงร้องไห้และโอดครวญของเพื่อนๆในรถ  ฉันจึงรู้ได้ว่ามันคืออุบัติเหตุ  ฉันยังคงระลึกได้ว่าสิ่งที่ควรทำที่สุดในตอนนี้คือรีบออกจากรถคันนี้ให้เร็วที่สุด  เมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกจากชั้นล่างของรถฉันจึงเดินตามเสียงนั้นออกไป  ในตอนนี้ประตูที่มีอยู่ทั้งหมด 4 บานนั้นใช้การไม่ได้เสียแล้ว  นักเรียนจำนวน 44 คนจึงต้องเดินออกไปทางช่องอะไรสักอย่างทางด้านขวาของรถ  ตอนนี้ฉันออกมานอกรถและปลอดภัยแล้ว  แต่ยังมีนักเรียนอีก 20 คนได้ที่ยังติดอยู่ในรถ  ซึ่งสภาพของรถนั้นก็ไม่ได้ดูดีเลย  หน้ารถชนเข้ากับเสาไฟ  ส่วนตัวรถทางด้านซ้ายก็เอียงตกลงไปยังคูน้ำเล็กๆข้างทาง  กระจกส่วนใหญ่ร้าวและแตกเป็นบางบาน  นักเรียนบางคนหัวแตก  ส่วนอีกคนริมฝีปากฉีกจึงต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน

          ในนาทีนั้นฉันเห็นเธอรีบวิ่งลงมาจากรถทัวร์อีกคันที่จอดอยู่อีกฟากนึงของถนนมายังฝั่งที่ฉันยืนอยู่  เธอถอดรองเท้าแล้ววิ่งลงมายังพื้นหญ้าที่ชื้นแฉะเพื่อเข้ามาช่วยพยุงนักเรียนทีละคนๆออกจากรถ  โดยที่เธอไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร  จะสกปรกมอมแมมแค่ไหน  หรืออาจจะถูกเศษกระจกบาดเอาก็ได้

          วันนี้เธอใส่ชุดฟอร์มเสื้อสีชมพูอ่อนและกระโปรงสีน้ำตาล  

          เธอเป็นครูผู้ที่สามารถสะท้อนบทบาทของความเป็นครูได้อย่างแท้จริง  เธอมีหัวใจของความเป็นแม่ที่สามารถปกป้องลูกได้เสมอ  เพราะเธอเป็นครูที่มีค่ามากกว่าคำบรรยายในหนังสือหรือในบทเพลง  ที่สรรเสริญพระคุณของครูไว้มากมาย  

          เหตุเกิดเพราะปาฏิหาริย์  				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอาชา
Lovings  อาชา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอาชา
Lovings  อาชา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอาชา
Lovings  อาชา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอาชา