9 พฤศจิกายน 2554 18:48 น.

ผู้วางแผน

อิสรชัย รัตน

บนเวทีหาเสียงของนักเลือกตั้งที่คนทั้งจังหวัดรู้จักกัน  เพราะเป็นนักการเมืองที่สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นพ่อและจนถึงรุ่นลูกที่กำลังลงรับสมัครเลือกตั้งเป็นสมัยที่สองของการเลือกตั้งรอบใหม่ เนื่องจากการยุบสภาของนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา ส่งผลให้เขาเองที่เป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคฝ่ายค้านต้องมาลงสมัครหาเสียงรอบใหม่   ในสมัยที่ผ่านมานั้นผลงานไม่หวือหวาเหมือนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่สังกัดฝ่ายรัฐบาล  เพราะมีการนำเสนอข่าวโครงการต่างๆอย่างต่อเนื่อง ทำให้อยู่ในความสนใจของประชาชนเป็นระยะๆ  แต่สำหรับการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  ที่เป็นฝ่ายค้านช่างอดยากปากแห้งขัดสนสิ้นดี  ไม่มีช่องทางที่จะนำไปอวดอ้างประชาชนในพื้นที่ ไม่มีโครงการเด่น โครงการดังมานำเสนอ ทุกครั้งที่ลงพื้นที่คือ การแสดงตัวต่อประชาชนในงานต่างๆ ทั้งงานบุญ งานมงคล งานอวมงคลอยู่เนืองนิจ การนำพวงหรีดช่วยงานพร้อมซองปัจจัยนั้นยังไม่เป็นที่น่ายินดีสำหรับการประโคมข่าวผลงานอย่างแน่นอน เพราะผู้ที่อยู่ในพรรคต่างๆ ที่ลงแข่งขันต่างทำสิ่งนี้อยู่เช่นกันจึงไม่ได้เหนือกว่าคู่แข่งแต่อย่างใด
	การเป็นพรรคฝ่ายค้านในวันนี้จึงมีแต่เหี่ยวแห้ง  ไม่มีน้ำมีนวล  เงินที่พรรคให้เป็นค่าใช้จ่ายเดือนละสองแสนบาทนั้นน้อยเหลือเกิน ไม่เพียงพอสำหรับให้ลูกน้องที่ติดตามเสียด้วยซ้ำ หากไม่จ่ายให้ลูกน้อง จะมีบารมีเพียงพอที่จะเสนอตัวเองต่อไปได้อย่างไร การเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงต้องอดทน  รอโอกาส  โอกาสสำหรับทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร  แม้จะไม่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี  ผู้ช่วยรัฐมนตรีเพียงได้ใกล้ชิดรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง   กระทรวงใดกระทรวงหนึ่งก็เพียงพอแล้วสำหรับการแสวงหาผลประโยชน์    การลงสมัครในรอบต่อไปหากได้เป็น ส.ส.ติดต่อกันสองสามสมัย โอกาสที่จะก้าวขึ้นเป็นฝ่ายบริหารย่อมอยู่ไม่ไกล เพียงแต่ต้องสร้างเครือข่ายให้ ส.ส.มาสังกัดบ้างเพื่อเป็นฐานกำลังและอำนาจต่อรอง  ซึ่งการเป็นฐานกำลังย่อมใช้เงินในการซื้อน้ำใจ  
วันนี้ยังไม่ใช่โอกาสของตนแต่จะทำอย่างไรให้ตนได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อไป เพื่อสร้างศักยภาพให้กับพรรคได้เห็นว่าตนเป็นที่ต้องการของประชาชนในเขตเลือกตั้ง   โดยได้รับการสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่องแม้จะเป็นฝ่ายค้านก็ตาม ประชาชนยังได้รับการเกื้อหนุนนี้คือสิ่งที่ต้องคิดและหาวิธีการเข้าถึงใจของประชาชนให้ได้  และทำให้ประชาชนสงสารเลือกกลับมาอีกครั้ง และอีกครั้งต่อไป  
	พ่อ แม่ พี่ น้อง ทุกท่านการเลือกตั้งที่จะถึงขอให้พ่อแม่พี่น้องทุกท่านเลือกผม  เพื่อเข้าไปทำหน้าที่เช่นเดิม  เพื่อติดตามการทำงานของรัฐบาลไม่ให้โกงบ้านกินเมือง ถ้าพ่อแม่ไม่เลือกผมกลับเข้าไปใหม่ กฎหมายที่จะออกเพื่อพ่อแม่พี่น้องจะไม่ได้ตามกำหนด และหากพรรคของผมได้เสียงจำนวนเพียงพอที่จะร่วมกับพรรคอื่นๆ อีก พรรคสองพรรคโอกาสจัดตั้งรัฐบาลมีสูงทั้งหมด อยู่ที่พ่อแม่พี่น้องที่จะสนับสนุน
	ผมไม่คิดเลยว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันจะสร้างความเดือดร้อนให้กับพ่อแม่ พี่น้องอย่างมากมาย  สินค้าแต่ละอย่างมีแต่ขึ้นราคา  ไม่มีสินค้าประเภทใดที่ไม่ขึ้นราคา พ่อแม่เดือดร้อนจริงไหมครับ
	เสียงปรบมือของหน้าม้าและประชาชนแสดงถึงความพึงพอใจในการพูดของผู้สมัคร
	รัฐบาลชุดนี้ ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แสวงหาแต่ผลประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น พ่อแม่เห็นไหมครับการขึ้นเงินเดือนให้ตนเอง  การเพิ่มเบี้ยประชุม การขึ้นเงินให้กับคนใกล้ชิดแต่ไม่เคยมองพ่อแม่พี่น้องว่าจะกินอยู่อย่างไร  ไม่เคยใส่ใจพ่อแม่พี่น้องที่เป็นกำลังส่วนใหญ่ของประเทศ  อย่างนี้พ่อแม่พี่น้องต้องหาวิธีเปลี่ยนแปลง  การเปลี่ยนแปลงที่ง่ายคือพ่อแม่ต้องร่วมมือไม่เลือก ส.ส.ของรัฐบาล  แต่เลือกพรรคตรงข้ามเพื่อสอนให้รู้ว่า แม้เป็นรัฐบาลอยู่  ประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ จริงไหมครับพี่น้อง
	ผมกราบขอร้องพ่อแม่พี่น้อง   ให้โอกาสพรรคของผมได้พิสูจน์ความจริงใจ  ความจริงใจที่ผมไม่เคยทอดทิ้งพ่อแม่พี่น้อง ผมเยี่ยมเยียนพ่อแม่พี่น้องตลอดที่ผมเป็น ส.ส. พ่อแม่ พี่น้องว่าผมพูดจริงไหมครับ
	เสียงตอบรับมีเป็นระยะๆ แต่หนักไปทางกลุ่มหัวคะแนนที่นัดหมายไว้ล่วงหน้าพร้อมปัจจัยที่เป็นค่าแรงในการเข้าไปกระตุ้นในกลุ่มชาวบ้าน เพื่อให้ทุกคนที่นั่งฟัง  ยืนฟังคล้อยตามสิ่งที่พูดและพยายามโน้มน้าวให้เห็นว่าการพูดนั้นพูดแต่เรื่องจริง พูดสิ่งที่ช่วยเหลือชาวบ้านจริง ไม่พูดสิ่งจับต้องไม่ได้และชี้ให้เห็นช่องว่างระหว่าง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่ได้เป็นแล้วกลับลืมชาวบ้านไม่ช่วยเหลือแต่อย่างใด
	พ่อแม่พี่น้องครับ ผมอยากเรียนพ่อแม่พี่น้องให้รู้ว่าในช่วงที่ท่านเดือดร้อนจากน้ำท่วม มีใครหน้าไหนเข้ามาช่วยเหลือพ่อแม่พี่น้องก่อนผม  ไม่มีครับ  จะเห็นว่าผมให้ญาติพี่น้องของผมแยกย้ายไปช่วยท่านทุกหมู่บ้าน ผมทำเพื่ออะไร เพื่อขอบคุณที่ท่านให้โอกาสผม  ท่านเลือกผม ผมทำเพราะรักพ่อแม่พี่น้อง ผมทำเพราะผมเป็นคนที่นี่  เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเด็กที่นี่  ผมพร้อมที่จะทำต่อไป วันนี้ผมขอโอกาสท่าน  อย่าให้พวกไม่จริงใจมาหลอกท่าน มาหว่านล้อมท่านจนใจอ่อนเลือกเขาไป  ท่านอย่าหลงกล อย่าหลงคารม  ผมเรียนพ่อแม่พี่น้องด้วยความจริงใจ
	ในท่ามกลางคนที่นั่งฟังคำปราศัย บทบาทของหน้าม้าก็ทำหน้าที่เสมือนเป็นคนฟังคนหนึ่งที่ชอบอกชอบใจในการพูดของอดีต ส.ส. จึงแสดงความคิดเห็นไปยังบุคคลที่ยืนอยู่ด้านข้าง
ท่านพูดถูกใจผมมากเลย  เห็นไหมว่าท่านเป็นคนดี เป็นญาติที่ไว้ใจได้ เสียงของหัวคะแนนกำลังพูดจูงใจคนที่อยู่ใกล้ให้เห็นคล้อยตาม  ด้วยเห็นเป็นช่วงโอกาสที่เหมาะสำหรับการเพิ่มคะแนนนิยมให้กับเจ้าของเงิน เงินที่ซื้อตัวเขาไว้นานแล้ว เงินที่สร้างให้เขาอยู่ดีกินดีคนหนึ่ง
	ผมพยายามที่จะนำงบประมาณมาลงในพื้นที่ พ่อแม่พี่น้องรู้ไหมว่า คนที่ขวางผมเป็นพวกรัฐบาลที่จะนำเงินไปลงในจังหวัดที่พวกเขามีฐานเสียง  ทำให้ผมไม่สามารถนำเงินมาได้ มันน่าเจ็บใจไหมครับพี่น้อง อย่างนี้มันเลือกที่รักมักที่ชัง  ไม่มองว่านี่คือประเทศไทยที่ต้องพัฒนาทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียมกัน อย่างนี้ใช้ได้ไหมละครับ พี่น้อง
	ผมไม่เคยพบไม่เคยเห็นว่าคนไทยด้วยกัน สามารถทำได้อย่างนี้  เพียงแค่อำเภอนี้ไม่ใช่ฐานเสียงของรัฐบาลเขาก็ไม่ช่วยเหลือ ไม่เห็นอกเห็นใจ พ่อแม่พี่น้องมีญาติอยู่ที่ไหนต้องบอกให้รู้ว่าการทำอย่างนี้ไม่ถูกต้อง  ต้องช่วยเหลือทุกคนเช่นกัน พ่อแม่พี่น้องต้องสอนให้รู้สำนึก อย่างไปเลือกมัน อย่าไปเลือกมัน อย่าไปสนับสนุนมัน...
	ภาพบนเวทีหาเสียงนอกเจ้าผู้ลงสมัคร ส.ส.แล้ว ผู้ติดตามที่ยืนอยู่ติดกับผนังเวทีอีกสามคนก็ยืนเป็นฉากหลังอยู่อย่างนั้น ตั้งแต่เริ่มต้น  จะเป็นการยืนคุ้มกันผู้สมัครก็คงจะใช่ จะยืนดูแลความเรียบร้อยหน้าเวทีก็ใช่ เช่นกัน เพราะสายตาที่สอดส่ายไปมารอบๆ เวทีเสมือนกับคอยดูแลเจ้านายและดูพรรคพวกที่ยืนปะปนอยู่เบื้องล่าง ที่กระจายอยู่ทั่วไป อาจส่งสัญญาณมาให้ได้รับรู้ถึงถึงสิ่งที่ไม่น่าไว้วางใจได้ อย่างน้อยจะได้คุ้มกันได้ทันท่วงที เพราะสมัยนี้อะไรต่อมิอะไรก็ไม่แน่นอนทั้งนั้น  ลูกน้องที่จงรักมคอยดูแลลูกพี่ไม่ยอมห่าง
	พ่อแม่พี่น้องครับ  ท่านรู้ไหมมีคนพยายามมาติดต่อผมเพื่อให้ย้ายพรรคไปอยู่กับรัฐบาลแต่ผมไม่ใช่คนประเภทนั้น  ผมทำไม่ได้ ผมไม่ใช่นกสองหัว ผมทรยศพ่อแม่พี่น้องไม่ได้  ท่านเลือกผมเพราะผมอยู่พรรคนี้ ผมจึงทำไม่ได้ แม้ผมรู้ว่าการเป็นรัฐบาลจะช่วยให้ผมนำงบประมาณมาช่วยบ้านเกิดได้  มาช่วยให้อำเภอของเราก้าวหน้าขึ้น แต่ผมไม่ทำ ผมไม่ใช่คนทรยศครับ พ่อแม่พี่น้อง
	พ่อแม่พี่น้องครับ  พรรคของผมมีแต่ความจริงใจต่อพ่อ แม่ พี่ น้องทุกคน พยายามหานโยบายที่จะช่วยให้ทุกคน เหนื่อยน้อยลง  ทำงานแต่ละครั้งมีรายได้ที่สมน้ำสมเนื้อ อยู่ได้โดยไม่เดือนร้อน แต่ความพยายามนั้นจะเป็นผลเมื่อได้เป็นรัฐบาล  พ่อแม่ต้องเลือกพรรคของผมให้เข้ามาทำหน้าที่มากๆ  แล้วจะไม่ผิดหวัง แน่นอน
	เสียงปรบมือด้วยความพึงพอใจที่ได้ยินผู้หาเสียงพูดด้วยแสดงให้เห็นว่าช่างเป็นคนที่มีหลักการในการทำงาน เป็นคนที่ไม่โลเล ไม่ยึดติดในตำแหน่งและลาภยศ  แต่เป็นคนที่หนักแน่นในอุดมการณ์ คำพูดที่กินใจเช่นนี้ จึงทำให้พ่อแม่พี่น้องที่นั่งฟังต่างปรบมือด้วยความชื่นชมยินดี  
	พ่อ แม่พี่น้องน้องครับ ผมรัก...  
                      ปัง ปัง !
	สิ้นเสียงของ ส.ส. ประชาชนที่นั่งฟังการหาเสียงทุกคนตะลึงกับภาพบนเวที ที่ ส.ส.หนุ่มใหญ่ล้มตึงลง พร้อมกับเลือดที่ไหลออกจากร่าง ประชาชนหวีดร้อง วิ่งแตกตื่น ออกจากหน้าเวที   ด้วยความตกใจ แล้วยืนจับกลุ่ม วิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่  บางกลุ่มชวนกันเดินทางกลับบ้านแต่บางคนยังอยู่เพื่อหาความจริงต่อไปว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมช่างอุกอาจยิ่งนัก
	หัวคะแนนด้านล่างวิ่งกรูขึ้นบนเวที พร้อมกับตำรวจที่มาดูความเรียบร้อยในการหาเสียง ก็กรูกันเข้าไปเพื่อสอบถามเหตุการณ์  กันพื้นที่บนเวทีไม่ให้ใครเข้ามา  ความวุ่นวายเหล่านี้ดำเนินอยู่พร้อมกับรถของมูลนิธิฯ เข้ามาถึงหน้าเวทีและนำร่างของว่าที่ ส.ส.ไปทันที  
	ประชาชนที่ฟังคำปราศัยต่างน้ำตาคลอด้วยสงสาร ส.ส.ที่ถูกลอบยิงโดยผู้ประสงค์ร้าย ผู้ประสงค์ร้ายจะเป็นใครไปไม่ได้ ย่อมเป็นคู่แข่งทางการเมือง หรือกลุ่มคนที่ขัดผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง  เพราะสิ่งที่ว่าที่ ส.ส.พูดไว้กำลังเป็นความประทับใจยิ่งนัก  เพราะคำพูดนั้นเข้าถึงหัวใจของประชาชนที่นั่งฟังและยังฟังได้ไม่นานนัก  แต่เป็นคำที่แสดงถึงความเป็นคนรักพรรค รักถิ่นเกิด มีความจริงใจเหลือเกิน คนอย่างนี้แหละที่สามารถซื้อใจประชาชนได้  ด้วยคำพูดที่แสดงความตรงไปตรงมา เป็นคำพูดที่มีแต่ความจริงใจ ไม่เสแสร้ง  
	คนที่มีรถส่วนตัวต่างก็ขับรถตามรถมูลนิธิฯไปเพื่อไปติดตามข่าวเช่นเดียวกับหัวคะแนน ที่ตามขบวนไปเช่นกัน เหตุการณ์นี้คือเหตุการณ์ที่ผู้เกี่ยวข้องกับว่าที่ ส.ส.รู้หน้าที่ว่าต้องทำอย่างไร จึงจะสร้างความนิยมให้กับประชาชนในจากการหาเสียง การสร้างข่าว การให้ข่าวเพื่อให้ได้คะแนนแก่ฝ่ายตนต้องรีบทำ การให้ร้ายฝ่ายตรงข้ามก็อย่าได้มองข้ามเช่นกัน  การให้ข่าวกับนักข่าวท้องถิ่น ก็ต้องทำอย่างรอบคอบ เพื่อให้คะแนนทางบวกหลั่งไหลมาสู่พรรคให้มากที่สุด เพียงเท่านี้การเป็นบทบาทของผู้ติดตามหรือหัวคะแนนย่อมเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง 
	พรุ่งนี้หรือข่าวด่วนคืนนี้ข่าวย่อมกระจายไปยังโทรทัศน์ทุกช่องและการวิพากษ์วิจารณ์ของนักข่าวตามกระแสการเมืองย่อมเป็นประโยชน์ต่อพรรคเป็นอย่างยิ่ง คะแนนสงสารย่อมหลั่งไหลมาอย่างท่วมท้นและการวิพากษ์ไปยังคู่ต่อสู้ที่อยู่ฝั่งรัฐบาลย่อมถูกมองไปทางลบอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งในฐานะผู้ต้องสงสัย หรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการสังหารในครั้งนี้
	เป็นจริงอย่างที่คาดการณ์ ข่าวด่วนพิเศษทุกช่องออกข่าวทันที 
ลอบยิง ส.ส.ฝ่ายค้านอนาคตไกล 
ลอบยิง ส.ส.ฝ่ายค้าน ปากกล้า คนดัง  กลายเป็นข่าวดัง ข่าวด่วนการออกมาให้ความเห็นของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน คณะกรรมการบริหารพรรคล้วนไปในทิศทางที่สร้างคะแนนให้พรรคของตนและกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามทันทีเช่นกัน  ในขณะที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่ว่าจะให้ตำรวจติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และส.ส.ในซีกรัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว จะต้องติดตามดูว่าอดีต ส.ส.ท่านนี้ไปขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจอะไรหรือไม่  เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องติดตามต่อไป
	ผมจะให้ตำรวจท้องที่และกองปราบลงไปติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด รักษาการกระทรวงมหาดไทยให้สัมภาษณ์กับนักข่าว
	ท่านพอจะได้เบาะแสอะไรไหมค่ะ นักข่าวสาวถามในขณะที่รักษาการฯ เดินไปขึ้นรถ
	ผมทราบพอๆกับคุณนั่นแหละ  ตอนนี้ยังตอบอะไรไม่ได้ต้องให้ตำรวจทำงานก่อน  ผมทราบเบื้องต้นตอนนี้คือให้แพทย์ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ผมขอให้ท่านปลอดภัย รักษาการพูดจบก็ก้าวขึ้นรถออกไปทันทีนักข่าวที่ถามคำถามค้างบางคนทำหน้าเหรอหราเพราะยังอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม 
โรงพยาบาลประจำจังหวัดที่ย้ายว่าที่ ส.ส.มาจากโรงพยาบาลประจำอำเภอด้วยมีเครื่องมือ อุปกรณ์ในการรักษาพยาบาลที่พร้อมมากกว่า ประชาชน หัวคะแนนและกลุ่มนักข่าวยังคงเฝ้าติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดเพราะอยากรู้อาการและความคืบหน้า ขณะเดียวกันเพื่อรอสอบถามจากหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านและคณะที่มาเยี่ยมผู้บาดเจ็บ อย่างน้อยข่าวที่ผู้คนสนใจอยากรู้ความคืบหน้าย่อมเป็นประโยชน์และสร้างยอดจำหน่ายให้กับหนังสือพิมพ์ได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับข่าวทางโทรทัศน์ที่จะสร้างความนิยมต่อผู้ชมได้เช่นกัน
	โทรทัศน์ทุกช่องส่งผู้สื่อข่าวมาทำข่าวอย่างพร้อมเพรียง  เมื่อได้ข้อมูลใหม่ก็ส่งข่าวไปออกอากาศทันทีจากรถโมบายที่เตรียมพร้อมอยู่ข้างโรงพยาบาล การหาข่าวจากพ่อแม่ของว่าที่ ส.ส.เป็นช่องทางหนึ่งที่จะสัมภาษณ์และให้แสดงความคิดเห็น การซักถามจากหัวคะแนนที่ใกล้ชิดเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่นักข่าวไม่พลาด รวมถึงความรู้สึกของประชาชนที่มาติดตามข่าวคราวคำสัมภาษณ์ถูกนำเสนออย่างต่อเนื่อง
	ผมยังไม่สามารถตอบอะไรได้ในขณะนึ้  วันนี้ผมมาดูอาการของ ส.ส. ของผมว่าเป็นอย่างไรบ้างและจะถามความคืบหน้าจากตำรวจเช่นกัน  หัวหน้าพรรคพูดเมื่อนักข่าวซักถามหลังจากท่านออกมาจากห้องเยี่ยมที่รักษาว่าที่   ส.ส.  
	ท่านพอจะบอกได้ไหมว่า ส.ส.ในสังกัดของท่านมีปัญหาขัดแย้งอะไรหรือไม่ 
	ที่ผมทราบตอนนี้  คือไม่มีปัญหาความขัดแย้งกับใครในพื้นที่  ท่านเป็นที่รักของทุกคน เป็น ส.ส. น้ำดีของพรรค แม้ว่าในครั้งนี้ฝั่งรัฐบาลจะส่งนักการเมืองที่เป็นรัฐมนตรีช่วยมาลงในพื้นที่นี้ก็ตาม ผมมองว่ากระแสความนิยมสู้ ส.ส.พรรคผมไม่ได้ เพราะเป็น ส.ส.ที่เกาะติดพื้นที่และเป็นอดีต ส.ส.เก่าที่ปู่และพ่อเคยเป็น ส.ส.มาก่อน
	ท่านรักษาการรัฐมนตรีช่วยมีความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างไร  
	พวกคุณก็ลองสัมภาษณ์เอาเอง ผมไม่มีความคิดเห็น เพราะพูดไปเดี่ยวกลายไปกล่าวหา มันไม่ดี ผมไม่ขอออกความคิดเห็น หัวหน้าพรรคพูดแล้วเดินจากไป ทำมือไม่พูด ไม่ให้ถามท่านอีกแล้ว
	ผู้สื่อข่าวมุ่งไปยังผู้ติดตามคนอื่นๆ ที่มากับหัวหน้าพรรค ซึ่งแต่ละคนต่างก็ให้สัมภาษณ์ในการสร้างคะแนนเสียงของพรรคอย่างต่อเนื่อง  ในขณะที่รัฐมนตรีช่วยที่ลงสมัครในพื้นที่เดียวกันยังไม่ออกมาให้คำสัมภาษณ์แต่อย่างใด  จากการติดตามของนักข่าวและคณะรัฐมนตรีแจ้งเพียงว่าท่านไปราชการต่างประเทศจะกลับมาในวันเสาร์นี้  
	ผู้สื่อข่าวจึงไปสอบถามจากพ่อแม่ของรัฐมนตรีช่วย เพื่อให้แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
	ผมไม่ขอแสดงความคิดเห็นอะไรหรอกนะ แต่ผมขอให้ ท่าน ส.ส.ปลอดภัยจากสิ่งที่เกิดขึ้น ลูกผมตั้งใจที่จะสมัครลงทำหน้าที่ ส่วนจะได้หรือไม่ได้อยู่ที่ประชาชน ผมแสดงความเสียใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น พขอพูดแค่นี้ ขอโทษด้วยที่ผมไม่มีอะไรไปมากกว่านี้  บิดาของรักษาการรัฐมนตรี พูดด้วยสีหน้าที่นิ่งและหนักแน่น
                                              ***********************
	ท่านนั่งบนรถเข็นหน้าเวที ประชาชนปรบมือต้อนรับอย่างเกรียวกราว ต่อเนื่อง และยาวนาน คณะกรรมการบริหารที่มากล่าวคำปราศัยหาเสียงแทนท่าน ได้โอกาสประชาสัมพันธ์และพูดตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม ที่ไม่สามารถกระทำการได้สำเร็จ  ด้วยว่าที่ ส.ส. ยังไม่เป็นที่ต้องการของมัจจุราชแต่ในช่วงรักษาร่างกายให้สู่ภาวะปกติ ท่านไม่สามารถพูดหาเสียงได้ 
พ่อแม่พี่น้อง ครับ ผมในฐานรองหัวหน้าพรรค วันนี้ผมมาที่นี้ด้วยความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจที่เห็นพ่อแม่พี่น้องทุกคน รักว่าที่ ส.ส. ที่สังกัดพรรคของผม  ท่านได้เห็นแล้วว่า การกระทำของผู้ประสงค์ร้าย ที่รัฐบาลยังจับตัวผู้กระทำไม่ได้ ไม่สามารถลบล้างความศรัทธาของท่านได้  ผมซึ้งใจเหลือเกินที่พ่อแม่พี่น้องยังไม่ทอดทิ้งพรรคของเรา ยังคงศรัทธาพรรคของเราต่อไป
พ่อแม่พี่น้องครับ วันนี้ท่านยังพูดอะไรมากไม่ได้ และมานั่งให้กำลังใจนานไม่ได้เพราะจะมีผลต่อบาดแผลภายในที่ยังไม่ปกติ ผมขออนุญาตพ่อแม่พี่น้อง ปรบมือให้กำลังใจว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเราด้วยครับ เสียงปรบมือกึกก้องของประชาชนที่มารับฟังล้วนคือคะแนนที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ขอบคุณ  ขอบคุณ ขอบคุณ ในทุกน้ำใจที่มาให้กำลังใจวันนี้  นั้นคือเสียงสั้นๆ ของว่าที่ ส.ส. ก่อนที่จะลงจากเวทีแล้วปล่อยให้กรรมการบริหารพรรคพูดต่อไป ซึ่งในทุกพื้นที่ที่เหลือในการหาเสียง ต่างใช้วิธีการนี้ในการเรียกร้องความสนใจที่สามารถเรียกศรัทธาได้ท่วมท้นเพราะการนำเสนอข่าวก็ดี  การติดตามคดีก็ดี ล้วนแต่นำไปสู่การเกาะติดข่าวของคนในพื้นที่ และแน่นอนที่สุดการหาเสียงของรัฐมนตรีช่วยที่มาลงในพื้นที่เป็นสมัยแรก ก็เป็นอุปสรรคเพราะกระแสคนที่มองไปในทางตรงข้ามว่านี้คือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในวันนั้น ซึ่งจะเป็นจริงหรือไม่เป็นจริงสังคมได้พิพากษาไปแล้ว  จากผลของคนที่มาฟังคำปราศัยน้อยมากในแทบทุกพื้นที่หาเสียงของพรรครัฐบาลในเขตเลือกตั้งนี้  
การเลือกตั้งจบเสร็จสิ้นไปแล้ว คะแนนของว่าที่ ส.ส.ที่ถูกลอบยิงในช่วงการหาเสียงได้รับคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น  เพราะการรอดชีวิตในครั้งนั้นของท่าน   ทำให้ได้รับคะแนนสงสาร  ท่านนั่งมองคะแนนในจอโทรทัศน์  ณ ที่ทำการของพรรคในเขตพื้นด้วยหัวใจพองโต  หัวใจที่กำลังยิ้มด้วยชัยชนะ   เหนือคู่แข่งคนสำคัญที่เป็นถึงรัฐมนตรีช่วย  ที่ไม่สามารถทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาได้เลย  เพราะคะแนนที่เห็นอยู่ขณะนี้ยังไม่ถึงหลักหมื่น  ในขณะที่ของท่านกำลังทะยานไปเกือบสองแสนคะแนนแล้ว  นับเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่และเกินเป้าหมายจริงๆ  
การเสี่ยงของท่านคุ้มค่าประชาชนไม่มีโอกาสรู้ได้เลยว่าเบื้องหลังความสำเร็จของท่านที่เสี่ยงชีวิตตนเองเป็นเดิมพันนี้จะอยู่ในความทรงจำของประชาชนตลอดไป สมัยหน้าคงจะหาเสียงได้ง่ายขึ้น คู่แข่งคงไม่กล้าลงมาแข่งขันอีก  และที่สำคัญที่สุด คนที่ยิงท่าน คงไม่มีโอกาสปริปากบอกใครได้อีก เพราะคนยิงท่านได้ลาโลกนี้ไปเสียแล้ว

 ......................................................................................................................				
31 ตุลาคม 2554 20:18 น.

ใต้ก้อนหิน

อิสรชัย รัตน

ใต้ก้อนหิน
				อิสรชัย  รัตน

             หล่อนวางหนังสือพิมพ์บนโต๊ะแล้วนั่งเหม่อลอยเหมือนเช่นทุกครั้งที่หยิบหนังสือพิมพ์ฉบับนี้มาอ่าน ซึ่งเป็นฉบับที่ทุกคนรู้ว่าหล่อนรักและหวงมากแต่ทุกครั้งที่หยิบมาอ่าน หล่อนจะมีอาการเช่นนี้ทุกครั้งไปที่นั่งมองหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น นั่นคือการนั้งซึมเศร้าพร้อมกับหยาดน้ำตาที่รินไหลอาบแก้ม สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ระทมทุกข์ทุกครั้งไป ในความเป็นจริงหล่อนคงไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นหรอก หล่อนคงนั่งดูภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นมากกว่า ภาพที่ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตาตื่นคงเป็นภาพที่อยู่ในใจของหล่อนตลอดไป แล้วทำไมหล่อนต้องมาดูภาพครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่อย่างนี้และทุกครั้งก็เกิดความเศร้าเสียใจอยู่อย่างนี้  หากแต่เป็นเพราะวันนั้นคือวันที่ทำให้หล่อนต้องมานั่งเศร้าอยู่กับความทุกข์ที่ต้องเผชิญอยู่ในทุกวันนี้นั้นเอง
            ๒๙ มีนาคม  ๒๕๕๔  เวลา ๑๐.๐๐ น. หล่อนนั่งอยู่บนบ้านพร้อมหลานอีกสองคนที่อยู่ในวัยที่น่ารัก อายุห่างกันคนละ  ๓ ปี หลานชายคนโตอายุ  ๖ ขวบส่วนหลานชายคนเล็กอายุคนเล็กอายุ  ๓ ขวบกว่า สามี ของหล่อนนั่งสานตะกร้าไม้ไฝ่อยู่ใต้ถุนบ้านภายนอกบ้านฝนยังคงตกพรำๆ มีหนักบ้างเป็นบางครั้งบางคราวฝนตกติดต่อกันวันที่ ๓ แล้ว เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายังคงฉ่ำด้วยเมฆฝน  
พยากรณ์อากาศของโทรทัศน์ช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมาได้ประกาศให้พี่น้องภาคใต้ระวังน้ำท่วมเฉียบพลันและน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่เกือบตลอดทั้งภาค  เรือประมงห้ามออกจากฝั่งเนื่องจากมีคลื่นลมแรง คลื่นสูงสองถึงสามเมตรและให้ประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด หล่อนรู้ดีว่าเมื่อฝนตกอย่างนี้สวนยางพาราที่อยู่เชิงเขาไกลออกไปห้ากิโลเมตรไม่สามารถกรีดยางได้อีกต่อไปรายได้ประจำวันที่มาจากสวนยางพาราจำนวน ๑๐ ไร่ ก็ต้องรอต่อไปจนกว่าสภาพอากาศสู่ภาวะปกติ  ในช่วงนี้ราคายางพาราตกต่ำลงจากต้นปีมากที่เดียวแต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเป็นอาชีพเดียวของครอบครัวที่ทำอยู่ในตอนนี้
              ลูกชายกับสูกสะใภ้เข้าเมืองพร้อมกับนำแผ่นยางพาราไปขายที่ในเมือง  ซึ่งเป็นยางที่กรีดไว้ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา เมื่อได้เงินมาก็จำนำไปซื้อสิ่งของเครื่องใช้ที่ร่อยหรอไป โดยเฉพาะเครื่องใช้ในครัวที่เริ่มหมดไปอย่างน้อยได้มีอาหารตุนไว้ในช่วงหน้าฝนก็ไม่เสียหายอะไร แม้ว่าในปี่ที่ผ่านมาแม้ฝนตกหนักน้ำที่ท่วมไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรมาก จึงให้ลูกชายใช้เวลาช่วงนี้ไปซื้อสิ่งของเครื่องใช้และดูนมให้หลานคนเล็กด้วย  ก่อนนำรถปิดอัพออกไปได้ตักเตือนให้ระวังในการขับรถเพราะฝนยังไม่ขาดเม็ด ถนนลื่น ขอให้รีบไปรีบกลับถ้าหากว่าน้ำท่วมก็ให้รีบกลับไปขายวันอื่นก็ได้เครื่องครัว เครื่องใช้ที่มีอยู่คงอยู่ได้อีกหลายวันไม่เดือดร้อนมากนักนั้นคือสิ่งที่แม่ได้กำชับในวันนั้น  
อย่างไรก็ตามหล่อนยังคงอุ่นใจอยู่บ้างที่หมู่บ้านนี้ ในช่วงหน้าน้ำหลากก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่มากนักด้วยระดับน้ำที่ท่วมไม่ได้สูงจนทำให้การสัญจรไปมาไม่ได้แต่ประการใด แต่หล่อนก็อดห่วงกังวลกับฝนฟ้าที่ตกมาตลอดทั้งวัน จึงเป็นเรื่องที่ไว้วางใจไม่ได้  หล่อนนั่งมองลูกชายขนแผ่นยางใส่ท้ายรถจนเสร็จสิ้น หล่อนครุ่นคิดในใจว่าถ้าแผ่นยางเหล่านี้ขายไปเมื่อเดือนที่แล้ว คงได้เงินเพิ่มมากทีเดียวเพราะช่วงนั้นราคายางสูงมาก แต่วันนี้จะรอให้ราคาขยับสูงขึ้นไปอีกคงไม่ได้เพราะราคายางตกลงมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อเกิดสินามิถล่มประเทศญี่ปุ่น หล่อนดูข่าวนี้แล้วสงสารคนญี่ปุ่นเหลือเกินที่ประสบกับเคราะห์กรรมอย่างน่าเวทนายิ่งนัก  เพราะผู้คนที่ยังค้นหาศพไม่เจอมีอีกจำนวนมาก  แต่วันนี้ต้องมาประสบกับปัญหาใหม่นั้นคือภัยจากการรั่วไหลของสารกัมมันตภาพรังสีจากเตาปฏิกรณ์ที่อยู่ในพื้นที่และยังหาวิธีแก้ไขไม่ได้และในเวลาเดียวกันความต้องการยางพาราที่ญี่ปุ่นสั่งซื้อจากประเทศของเราก็หยุดชะงักตามสภาพปัญหาที่ปะทุขึ้น 
            หล่อนดีใจเหลือเกินที่ประเทศไทยยังไม่มีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ มิฉะนั้นหากเกิดเหตุขึ้นความไร้วินัยของคนไทยคงสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย คงไม่เห็นภาพการเข้าแถวรอคอยเพื่อซึ้อสินค้าในร้านค้าย่อยที่ผู้คนรอคอยด้วยความใจเย็นเหมือนเช่นชาวญี่ปุ่น เพราะในอดีตที่ผ่านมาภาพที่เราพบเห็นคือการปล้นสะดมทุบร้านค้าเพื่อให้ได้สิ่งของที่ต้องการหรือทำลายให้ย่อยยับไปโดยขาดจิตสำนึกที่ดีว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นคือการประจานพฤติกรรมของตนว่าเป็นบุคคลเช่นไร การแสดงความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ในทรัพย์สินของผู้อื่นเป็นสิ่งที่น่าละอายยิ่งเป็นช่วงวิกฤติเช่นนี้ ใครกระทำยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้ต่างชาติหยามหมิ่นเกียรติของคนในชาติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราได้สร้างภาพลบให้เห็นมาหลายต่อหลายครั้งที่เกิดวิกฤติในประเทศไทย
             หล่อนประทับใจกับภาพของชาวญี่ปุ่นที่เข้าแถวรอรับบริการนั้นเหลือเกินและนำมาสอนให้หลายชายวัยเด็กทั้งสองคนได้รู้ว่านั้นคือสิ่งที่ดีที่หลานต้องทำเมื่อเติบโตขึ้นมา  เพราะสิ่งเหล่านี้แสดงถึงคุณภาพของคนที่นำสิ่งที่ได้รับการหล่อหลอมมาใช้ในชีวิตประจำวัน  หล่อนอยากเห็นประเทศไทยมีพลเมืองแสดงออกอย่างนี้บ้าง นั้นคือความชื่นชมของแม่ในครั้งนั้น

                                   ********************

           ลูกชายและลูกสะใภ้ออกไปเพียงไม่นานแม่ตกใจมากกับเสียงดังบนภูเขา เป็นเสียงดังที่น่ากลัวมาก เสียงลั่นเปรี้ยงปร้างและครืนครืน หล่อนหัวใจจะหยุดเต้นให้ได้ด้วยไม่เคยได้ยินเสียงอะไรที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อนตะโกนถามสามีที่นั่งอยู่ใต้ถุนว่าเป็นเสียงอะไร 
ไม่นานนักสามีหล่อนระล่ำระลักด้วยความตระหนกและบอกนางว่าคงเป็นเสียงน้ำป่า  น้ำป่าคงจะไหล่บ่ามาจากภูเขาข้างบน  หรืออาจเป็นฝายน้ำล้นที่สร้างไว้สำหรับทำน้ำประปาพัง เพราะรับน้ำไม่ไหวแล้วพังลงมา พ่อบอกว่าถ้าฝายบนภูเขาพังมันน่ากลัวอาจเกิดอันตรายต่อบ้านของเราได้ถ้าน้ำลงมาทางนี้  เขารีบเก็บสิ่งของใต้ถุนขึ้นมาไว้บนบ้านเพื่อความปลอดภัย  หล่อนรีบลงไปช่วยเก็บเพื่อช่วยเบาแรงสามี โดยให้หลายชายทั้งสองคนนั่งเล่นอยู่บนบ้าน แต่เมื่อหล่อนลงไปถึงใต้ถุนบ้าน หล่อนไม่ได้ช่วยอะไรเลยเพราะกระแสน้ำที่กระหน่ำลงมานั้นคือต้นเหตุที่แยกหล่อน หลานชาย สามี  หล่อนตกใจอย่างมากตะเกียกตะกายหาที่ยึดเหนี่ยวและดึงตัวเองให้รอด หล่อนไม่รู้ว่าในวินาทีและในเวลาต่อมาหล่อนรอดชีวิตมาได้อย่างไร หรือเป็นเพราะเหรียญศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อที่คล้องคอช่วยชีวิตเอาไว้  รู้แต่ว่าเมื่อฟื้นคืนสติได้มาอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว  แต่สามี ลูกสะใภ้และหลานชายหล่อนรู้เพียงว่าไปกับกระแสน้ำในวันนั้น บ้านทั้งหลังที่ไม่เคยมีน้ำท่วมตั้งแต่อยู่มาก็หายไปกับสายน้ำเช่นเดียวกัน
             ทำไมหล่อนไม่ตายไปพร้อมกับคนอื่นในหมู่บ้านในวันนั้น ทำไมต้องให้หล่อนมารับรู้กับเรื่องราวที่เจ็บปวดอย่างนี้  สิ่งที่สร้างความหายนะกับครอบครัวของหล่อน คนในหมู่บ้านนี้ทำกรรมอะไรไว้ถึงทำให้ทุกคนต้องมารับผลกรรมอย่างนี้  หล่อนรู้คำตอบแล้วว่าทุกคนในหมู่บ้านล้วนตกเป็นเหยื่อของคนมีเงิน ที่วางแผนเพื่อการครอบครองที่ดินเชิงเขา และบนภูเขา  เพราะเขาใช้ให้ผู้นำของหมู่บ้านเป็นแกนนำอพยพคนจากที่อื่นเข้ามาแผ้วถางที่ทำกินอย่างขนานใหญ่ จนขยายพื้นที่ขึ้นไปบนภูเขาเรื่อย นั้นคือต้นเหตุที่ทำให้เกิดวันนี้
             คนที่เป็นต้นเหตุแห่งความหายนะยังอยู่ในสังคมโดยที่ตนเองไม่มีความผิดในการยุยงให้ชาวบ้านบุกรุกในครั้งนั้น หากแต่ที่บุกรุกที่อยู่บนภูเขาชาวบ้านไม่มีใครได้ครอบครองด้วยทางราชการได้แจ้งให้ออกจากพื้นที่ก่อนที่จะติดคุก ชาวบ้านจึงเหลือพื้นที่ทำกินเล็กน้อยอยู่ที่ราบเชิงเขาที่ราชการออกเอกสาร ในการครอบครองให้ในเวลาต่อมา แต่บนภูเขาการปลูกยางและปาล์มน้ำมันขยายพื้นที่ออกไปเรื่อยๆ คนในหมู่บ้านได้รับการว่าจ้างให้เปิดป่าเพิ่มขึ้นโดยอ้างว่าราชการจะทำฝายเก็บน้ำสำหรับประชาชนให้มีน้ำประปาไว้ใช้ ส่วนพื้นที่รอบๆ เป็นการสร้างอาชีพสำรองสำหรับคนไม่มีที่ทำกินให้ขึ้นมาดูแลสวนยางพาราและทำปาล์มให้กับท่านผู้นำ ท่านที่เป็นผู้มีหน้ามีตาในสภา ท่านที่อ้างความชอบธรรมสำหรับการทำงานเพื่อประชาชน
              หล่อนรู้ว่านั้นคือต้นเหตุแห่งความล่มสลายของครอบครัว หากมองว่านี้คือกรรมคงเป็นกรรมที่หล่อนทำไว้อย่างมหันตในอดีตภพ จึงทำให้กรรมแห่งอดีตมาเอาคืนกับทุกคนในหมู่บ้าน แล้วทำไมจึงให้หล่อนต้องอยู่รับรู้กรรมอีกต่อไป ทำไมไม่ให้หล่อนไปชดใช้กรรมในภพใหม่พร้อมกับเพื่อนบ้านหลานและสามี  หล่อนยังจำวันที่มีการติดต่อให้ขึ้นไปแผ้วถางที่ทำกินบนภูเขาและเชิงเขาเพื่อปลูกปาล์มน้ำมันและยางพารา ด้วยที่ดินที่หายากขึ้นทุกวันจึงเป็นแรงจูงใจให้คนในหมู่บ้านขึ้นไปบุกรุก เมื่อทุกคนทำการปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมันจนกรีดยางได้สามปี เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาแจ้งเรื่องการบุกรุกที่ป่าสงวน ขอให้ออกจากพื้นที่ไปจะไม่ติดคุก โดย ส.ส.ได้เข้ามาชี้แจงให้รู้ว่าเขาจะช่วยเหลือให้มีที่ดินที่ครอบครองอยู่ที่ราบเชิงเขาเป็นที่ทำกินของแต่ละคน ส่วนที่บนภูเขานั้นเขาช่วยไม่ได้ เมื่อทุกคนได้ฟังสารพัดเหตุผลก็คล้อยตามเพราะอย่างน้อยที่ทำกินที่ราบด้านล่างนั้นคงเพียงพอสำหรับครอบครัวเล็กๆ ได้มีอยู่มีกินได้ต่อไป ส่วนบนภูเขาก็คืนให้แผ่นดินนำไปใช้ประโยชน์สำหรับทุกคนโดยการสร้างฝายน้ำล้นสำหรับนำน้ำมาทำประปา 
           ทุกคนปฏิบัติตามโดยยอมรับในการบุกรุกและไม่อยากเป็นคดีความซึ่งอาจทำให้ที่ครอบครองทั้งหมดไม่เหลือเลยก็ได้นั้นคือเหตุการณ์ในอดีตที่เป็นต้นเหตุของมหันตภัยที่เกิดขึ้น เพราะเมื่อประชาชนลงมาแล้วมีการสร้างฝายบนภูเขา ชาวบ้านหลายคนไปเป็นแรงงานรับค่าจ้างรายวันในช่วงนั้นด้วย  จนฝายเสร็จสิ้นทุกคนลงจากภูเขา  ปล่อยให้บนภูเขาเป็นอดีตที่ทุกคนไม่มีสิทธิครอบครอง  แต่หลังจากนั้นสิ่งที่ทุกคนรับรู้ว่าบนภูเขายังเกิดสวนยางพาราที่ขยายพื้นที่ออกไปเรื่อยๆ พร้อมสวนปาล์ม การขยายพื้นที่เหล่านี้มีแรงงานชาวพม่าที่ได้รับการว่าจ้างให้ขึ้นไปแผ้วถางแล้วสร้างกระท่อมอยู่ในสวนยาง ทุกคนไม่สามารถปริปากพูดอะไรได้ด้วยรู้ดีว่าเจ้าของที่ดินที่ขยายออกไปบนภูเขานั้นคือใคร แต่ที่น่าเจ็บใจคือที่ดินที่ชาวบ้านปลูกยางพาราไว้ก่อนหน้านี้ก็กลายเป็นที่ของเขาเช่นกัน  

                                 ***************************
	
           แม่ครับ  แม่ต้องลืมเหตุการณ์วันนั้น ให้ได้เรามาอยู่ที่ใหม่ที่เป็นที่ราชพัสดุ อย่างน้อยคงไม่เกิดดินถล่มมาใส่ 
	แม่จะลืมได้อย่างไรลูกเอ๋ย ดินกลบหน้าแม่ตายไปแล้วแม่ก็ไม่รู้ว่าแม่จะลืมได้หรือไม่ เมื่อตอบลูกชายแล้วหล่อนก็นั้งเหม่อมองไปที่หนังสือพิมพ์นั้นอีก  
	แม่ไม่มีเพื่อนบ้านเก่าเลยหรือลูก เขาไปอยู่ที่ไหน ทำไมไม่มาอยู่ใกล้กันที่นี้ แม่จะได้มีเพื่อนบ้าง 
	ลูกชายพูดอะไรต่อไปไม่ได้ เพราะแม่รู้คำตอบดีแล้วนี้ว่า ทั้งหมู่บ้านตรงนั้นมีแม่และเขาที่รอดชีวิต รอดชีวิตมาเพื่อเป็นพยานให้รู้ว่ากรรมมันเกิดขึ้นทันตาจริงๆ เพราะวันที่น้ำถล่ม ส.ส.ได้เดินทางมาเยี่ยมประชาชนเพื่อเตรียมการเลือกตั้งในรอบใหม่ แต่การเลือกตั้งที่เขาจะได้รับต้องไปเลือกกันในยมโลกนั้นแหละด้วยผืนป่าที่เขาทำลายได้นำชีวิตของเขาไปด้วยจนวันนี้ ยังค้นหาร่างไม่เจอเลยไม่อยู่ว่าจมอยู่ใต้ก้อนหินใหญ่ก้อนไหน  

******************************				
31 ตุลาคม 2554 19:18 น.

แม่เฒ่า

อิสรชัย รัตน

แม่เฒ่านั่งอยู่ใต้ถุนบ้านมาตลอดสิบปีโดยไม่ได้เดินขึ้นไปชั้นบนของบ้าน เพราะวัยชราที่อายุใกล้เก้าสิบปีอีกไม่นาน ทำให้ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะเดินขึ้นไปบนขึ้นบ้านได้  การนั่ง นอนอยู่ชั้นล่างจึงเป็นภาพที่เห็นเจนตาและรับรู้ทั่วกันของคนในหมู่บ้านและชุมชน  มีห้องที่กั้นเป็นห้องจากบริเวณใต้ถุนเดิมที่เคยเป็นลานโล่ง ทางพัดผ่านของลมและเป็นที่นั่งเล่นของลูกหลาน ลูกชายได้ก่อผนังอิฐบล็อกกั้นเพื่อให้เป็นที่นอนของแม่เฒ่าในเวลาต่อมา  เมื่อแม่เฒ่าเดินขึ้นบนบ้านไม่ไหว  ยามค่ำคืนแม่เฒ่าจึงนอนอยู่ชั้นล่างเพียงเดียวดาย  เพราะลูกชายและหลานสาวต่างขึ้นไปนอนอยู่ชั้นบน ยามมืดค่ำหลังกินข้าวเสร็จสรรพ  ทุกคนต่างพากันขึ้นไปดูโทรทัศน์อยู่บนบ้าน ยามนี้ในความคิดของแม่เฒ่าน่าจะมีลูกหลานมานั่งพูดคุย ถามสารทุกข์ด้วยกัน แต่สิ่งที่แม่เฒ่าคิดนานๆ ถึงจะเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง  การอยู่อย่างเดียวดายจึงเป็นเรื่องปกติของทุกวัน แม่เฒ่าคิดว่าลูกชายคงเหนื่อยจากการทำงาน  เมื่อกลับมาบ้านถึงอยากพักผ่อนการพูดคุยจึงมีเพียงถามคำสองคำเท่านั้น แม่เฒ่ารู้ว่าสีหน้าของลูกชายเมื่อกลับมาถึงบ้านเหมือนแบกโลกไว้ทั้งโลกเพียงพอเดียว  
            คำถามทุกวันที่ลูกชายถามถึงเมื่อเจอหน้าแม่เฒ่า  เป็นคำถามที่แม่เฒ่ารู้ไว้ล่วงหน้าทุกวัน  แม่กินข้าวแล้วไหม้  คำตอบของแม่เฒ่าก็ไม่ต่างไปจากทุกวันเช่นกัน  เออ กูกินแล้ว  
            แม่เฒ่ามองหน้าลูกเพื่ออยากรู้ว่าลูกชายมีคำถาม มีเรื่องที่จะคุยอีกหรือไม่ แต่ลูกชายเงียบแล้วเดินขึ้นบ้านไป แม่เฒ่าถอนหายใจเหมือนมีก้อนอะไรมากั้นขวางลมหายใจทำให้เกิดการติดขัดแต่เป็นเพียงชั่วครู่แล้วหายไป แม่เฒ่าสงสารลูกชายหลังจากมี่เมียหนีหายไปจากบ้านลูกชายเงียบลงไปมาก แม้จะเคยสอบถามถึงเรื่องของลูกสะใภ้ที่หายหน้าไป แม่เฒ่าก็ถามถึงเพียงครั้งเดียวแล้วก็ไม่เคยถามอีกเลย เพราะแม่เฒ่ารู้ดีว่านั้นคือความทุกข์ของลูกชายของนาง
            แต่สำหรับเรื่องหลานสาวในใจของแม่เฒ่าอยากจะบอกลูกชายให้รับรู้และคอยสังเกตพฤติกรรมของลูกสาวที่แต่งตัวสวยทุกวัน  มีชายหนุ่มมาส่งหลังจากกลับจากโรงเรียนบ่อยครั้งขึ้นอย่างผิดสังเกต   แม่เฒ่านึกไปถึงวัยเด็กของแม่เฒ่าที่ผู้ใหญ่ห้ามหวีผมในตอนกลางคืน เพราะถ้าใครหวีผมตอนกลางคืน เป็นการสาปแช่ง ปู่ ย่า ตา ยายที่ล่วงลับไปแล้ว  แม่เฒ่าไม่รู้ว่าการหวีผมกลางคืนนั้นเป็นการสาปแช่งอย่างไร  แต่ก็ไม่กล้าทำเพราะไม่อยากทำให้ปู่ ย่า ตา ยาย ที่ล่วงลับไปแล้วต้องเดือดร้อน
            แม่เฒ่าเคยเตือนหลานในเรื่องนี้ เมื่อเห็นหลานนั่งหวีผมที่ขั้นบันได  แต่สิ่งที่หลานสาวตอบกลับนั้นแม่เฒ่ายังสงสัยอยู่เหมือนกันว่าครูสอนอย่างนั้นจริงหรือ
            แม่เฒ่า อย่ามัวไปเชื่อเรื่องเหลวไหล เรื่องไม่เป็นเรื่อง ครูสอนหนูที่โรงเรียนว่าเรื่องหวีผมกลางคืนในสมัยก่อน หรือสมัยของแม่เฒ่าเป็นการหลอกเด็กของคนโบราณ  ที่หาวิธีการไม่ให้เด็กไปเที่ยวตอนกลางคืน  เพราะอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ต้องหวีผมก็ได้  หลานสาวตอบแม่เฒ่า ก่อนเดินหันหลังขึ้นไปบนบ้าน   แม่เฒ่าไม่รู้ว่าหลานสาวหวีผมต่อหรือไม่ แต่แม่เฒ่าคิดไปถึงคำสอนของแม่ที่สอนแม่เฒ่าหลายต่อหลายเรื่อง แม่เฒ่าเห็นว่าแต่ละเรื่องเป็นเรื่องที่ดีที่สอนให้ลูกหลานได้คิด ไม่เหมือนเด็กปัจจุบันที่คิดไม่ลึกซึ้งเหมือนเมื่อก่อน
            แม่เฒ่านึกไปถึงคำสอนของแม่ที่ว่าถ้าใครผลัดผ้ากองไว้ไม่เก็บพับให้เรียบร้อยเมื่อมีจิ้งจกตกลงบนผ้า  เจ้าของที่ผลัดผ้ากองไว้เป็นบ้าได้   แม่เฒ่ารู้ว่าถ้านำมาบอกหลานสาวที่ถอดเสื้อผ้าทิ้ง ไม่เก็บเข้าที่  หลานสาวคงเถียงว่าแม่เฒ่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาพูด 
           แต่แม่เฒ่ารู้ดีว่าหลายเรื่องที่หลานสาวต้องรู้ไว้บ้างเป็นต้นว่า  ถ้าใครกินข้าวในหม้อหุงข้าวโดยไม่ตักใส่จาน เกิดชาติหน้าปากจะใหญ่เท่าปากหม้อ  ในเรื่องนี้เคยเตือนหลานสาวและถูกหลานสาวหาว่าแม่เฒ่าเอาแต่เรื่องโบราณมาพูดจนน่าเบื่อ
           ระยะหลังแม่เฒ่าไม่ตักเตือนหลานเพราะทุกครั้งหลานสาวจะเถียงและต่อว่าทุกครั้งไป  แม่เฒ่าคิดถึงเพลงกล่อมเด็ก ที่แม่เฒ่าเคยร้องกล่อมให้หลานสาวฟังก่อนนอนตอนเป็นเด็กเล็ก แม่เฒ่าไม่รู้ว่าหลานสาวจะจำได้หรือไม่   แต่แม่เฒ่าไม่เคยลืมและจำได้เสมอ

	ลูกสาวเหอ	         ลูกสาวเรือนออก
	 หัวนมพึ่งงอก	         บอกพ่อว่าเป็นฝี
	พ่อแม่ไปหาหมอ      มารักษา	
                      หมอบอกอายนะ      เต็มที
	บอกพ่อว่าเป็นฝี       ลูกสาวชาวเรือนออก  
 
             แม่เฒ่ารู้ดีว่าวันนี้หลานสาวกำลังโตเป็นสาว  วัยกำลังเปลี่ยนแต่การเปลี่ยนแปลงของหลานสาวแม่เฒ่ากลัวเหลือเกิน  
             วันนั้นหลานสาวกลับจากโรงเรียนครึ่งวัน  มีเพื่อนชายมาที่บ้านเมื่อมาถึงทั้งหลานสาวและชายหนุ่มยกมือไหว้แม่เฒ่าแล้วขึ้นเรือนหายไป  แม่เฒ่าจะตามขึ้นไปดูแต่ร่างกายที่เป็นอัมพฤกษ์เดินไม่ค่อยไหว จึงไม่รู้ว่าหลานสาวกับเพื่อนชายคุยเรื่องอะไรอยู่บนบ้าน  แม่เฒ่าเรียกถามแต่กลับถูกหลานสาวตวาด  แม่เฒ่าจึงเงียบเสียงไม่กล้าร้องถาม  เก็บความรู้สึกทุกข์ระทมหม่นหมองในพฤติกรรมที่แม่เฒ่าได้รับคิดอยู่ในใจว่าจะต้องบอกให้ลูกชายได้รับรู้ในพฤติกรรมที่เกิดขึ้นของหลานสาว  แม่เฒ่ากลัวว่าการกระทำของหลานสาวจะทำให้ลูกชายและแม่เฒ่าอับอายขายหน้า  เพราะหลังจากนั้นหลานสาวนำเพื่อนชายมาบ้านบ่อยครั้ง แม่เฒ่าต้องบอกให้ลูกชายได้ตักเตือนก่อนที่จะสายไป  
               แม่เฒ่ารอลูกชายกลับบ้านเพื่อย่ำเตือนในเรื่องที่คิดเอาไว้  แต่จนค่ำมืดลูกชายจึงเดินโซซัดโซเซกลับมาด้วยฤทธ็ของเหล้าแม่เฒ่ารู้ดีว่าวันนี้ไม่เหมาะสำหรับแจ้งเรื่องที่อยากบอกให้ลูกชายรู้    แม่เฒ่าต้องรอวันพรุ่งนี้ จะดีกว่า  ลูกชายตื่นไปทำงานแม่เฒ่าไม่กล้าพูดกลัวลูกชายไม่สบายใจไปทำงาน  แม่เฒ่าคิดว่ารอไว้ตอนเย็นวันนี้คงไม่สายไปที่จะบอกให้ลูกชายฟัง 
                วันนี้หลานสาวมากลับมากับเพื่อนชายอีกแล้วและแสดงพฤติกรรมเหมือนเช่นวันที่ผ่านมา ที่พาชายหนุ่มเดินขึ้นบ้านเงียบหายไปแม่เฒ่าครุ่นคิด แล้วสรุปกับตนเองว่าวันนี้จะต้องหาหนทางขึ้นบันไดไปดูว่าหลานสาวพาชายหนุ่มมาทำไมและอยู่แต่ละครั้งเริ่มใช้เวลานานจนน่าคิดกังวน   แม่เฒ่าประคองตนเองมาถึงบันได  เมื่อถึงบันไดจึงค่อยนั่งแล้วขยับตนเองไปตามบันไดทีละขั้นแม้จะใช้เวลาเนิ่นนานในการพยุงตนเองไปตามขั้นบันได แม่เฒ่าคิดว่าแม่เฒ่าจะต้องทำให้ได้อย่างน้อยจะได้รู้ว่าหลานสาวกับชายหนุ่มที่มานั้นมีพฤติกรรมที่ไม่ดีหรือไม่  แม่เฒ่าอยากปกป้องให้หลานสาวรู้สิ่งที่สมควรทำและสิ่งที่ไม่สมควรทำ
                 แม่เฒ่าพยุงตนเองมาขึ้นบันได ค่อยหย่อนตัวลงนั่งและกระเถิบขึ้นทีละขั้น  แล้วพยุงร่างให้ขยับขี้น ขาซ้ายที่เป็นอัมพฤกษ์ทำให้แม่เฒ่ายกขาข้างนั้นขึ้นลำบากเหลือเกิน  แม่เฒ่าต้องใช้กำลังแรงกายที่มีเพื่อให้ขาข้างซ้ายขยับพาดขึ้นแล้วพยุงตัวตามแม่เฒ่ารู้ว่าเหนื่อยล้าอ่อนแรงเป็นอย่างมากในการพยุงขาให้ขยับไปบนบันไดแต่ละขั้น  ความพยายามของแม่เฒ่าทำให้ค่อยๆ นำตัวเองขึ้นบันไดจนมาถึงบันไดขั้นที่สอง  แม่เฒ่านั่งพักเหนื่อยมองบันไดอีกเจ็ดขั้นที่เหลือ แม่เฒ่าจะทำสำเร็จหรือแม่เฒ่าจะต้องพยายามทำให้ได้และจะต้องห้ามปรามพฤติกรรมของหลานถ้าทำสิ่งผิด  แม่เฒ่าจะต้องหยุดและชี้นำสิ่งที่ถูกต้องแก่หลานสาวให้ได้
                  ขณะที่แม่เฒ่าพยุงตัวเองจนมาอยู่ที่ขั้นที่ห้า ผู้ชายอีกหนึ่งก็เข้ามาในบ้านเดินขึ้นบันได แม่เฒ่าร้องถามด้วยความสงสัยเพราะเป็นคนแปลกหน้าที่เข้ามาในบ้าน
                 ลูกบาวไปไหน
                  มาหา อีสาว  เติ่นหลบไปตะ  ชายหนุ่มบอกแล้วจะเดินขึ้นบันได
                  ช่วยยุงแม่เฒ่าขึ้นบนบ้านด้วยนะลูกบาวแม่เฒ่าจะคุยกับหลาน  แม่เฒ่าบอกให้เด็กหนุ่มรู้
                   เติ่นอีขึ้นไปทำไหรล่ะ  เด็กๆเขาหนุกกัน เติ่นอยู่ข้างล่างดีแล้ว แก่พรรค์นี้แล้วรู้ไปทำไหร  เด็กหนุ่มพูดแล้วจะเดินขึ้นบันไดแม่เฒ่าดึงขาเด็กหนุ่มไว้ เด็กหนุ่มสะบัดหลุดแล้วเดินขึ้นบ้านไปในขณะที่ร่างของแม่เฒ่ากลับเสียหลักจากการสะบัดของเด็กหนุ่ม ทำให้ร่างของแม่เฒ่าตกลงจากบันไดที่นั่งโดยที่เด็กหนุ่มไม่ได้หันกลับมามองแต่อย่างใด

                ข่าวแม่เฒ่าตกบันไดตายเป็นข่าวที่ชาวบ้านสะเทือนใจและตกใจ  หลายต่อหลายคนในหมู่บ้านพากันเดินทางมาแสดงความเสียใจกับหญิงชราอายุมากของหมู่บ้าน  
               แกเดินไม่ได้มานานแล้ว  จะคลานขึ้นบันไดทำไหร 
                เออ... นั่นแหละ น่าสงสาร อยู่บ้านคนเดียวด้วย
นั้นคือเสียงของชาวบ้านที่แสดงความเวทนาต่อแม่เฒ่า ผู้สูงอายุแห่งหมู่บ้าน
 
                                      **************************************				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอิสรชัย รัตน
Lovings  อิสรชัย รัตน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอิสรชัย รัตน
Lovings  อิสรชัย รัตน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอิสรชัย รัตน
Lovings  อิสรชัย รัตน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอิสรชัย รัตน