22 ตุลาคม 2547 20:49 น.

นายจะอยู่ในใจฉันตลอดไป

เก่งกาจ

สวัสดีครับผมชื่อเก่งกาจ  แค่ฟังชื่อคุณคงรู้ได้ว่าผมคงไม่ธรรมดา ครับทุกท่านเดาไม่ผิด เพราะผมไม่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิด  ทำไมนะหรือ เดี๋ยวทุกท่านก็ทราบครับ!!!!!!

               ก่อนอื่นผมต้องขอแนะนำตนเองอย่างเป็นทางการก่อน ผมชื่อ เก่งกาจ ก้องพิภพ  ฮึ  ฮึ.ก้องพิภพจริง ๆครับ  สมัยเด็ก ๆ ผมทั้งเตี้ย ตัวดำ ลักษณะนี้ทุกท่านคงเดาได้ ว่าหญิงใดเห็นเป็นต้องกรี๊ด.   ผมก็นึกว่าเรานั้นคงหล่อเหลา โดนใจเพื่อนหญิงทั้งหลายอย่างแรง แต่ที่ไหนได้ ไม่ถึงวินาที ผมก็เห็นน้ำตาของเพื่อน ๆ ผู้หญิงน้ำตารื้น คงเดาได้อีกละสิ ว่าคงไม่ได้มาจากความตื้นตัน แต่พอเห็นผมทีไรมัน..สุดจะทนจริง ๆ 

	แหม..ก็ใครจะทนไหวละคร้าบ.. ไอ้อ้วนดำ มันไม่เท่าไรหรอก แต่ไอ้นิสัยเรียกร้องความสนใจของผมนี่สิมันสุดจะทน  และวิธีเรียกร้องความสนใจของผมนะหรือครับฮึ ฮึ(ไม่อยากจะพูด)  ก็ตอนที่เด็กผู้หญิงเค้าชอบเล่นยางกัน ผมก็ไม่ทำไมหรอกครับ ก็แค่ไปดูเค้าเล่น เพื่อจะได้เห็นสิ่ง ดี ๆ เวลาที่เค้าขาอ่อนอันอวบอิ่ม(เน้นนะครับว่า มันอวบอิ่มจริง ๆ) ไปเสียดสีกับยางที่พวกเธอเล่น แล้วภาพที่เห็นก็อย่างที่พวกคุณเดากันนั่นแหละคร้าบ .(ฮิฮิ) 

	พวกเธอ ๆ ไม่ได้เล่นกันเฉยๆ หรอกนะครับ    ..ก็ตอนเล่นกันทำไมต้องถอดกระโปรงกันด้วยก็ไม่รู้ แต่ก็อยากบอกว่า ดี เพราะ เป็นบุญกุศลกับไอ้พวกเด็กผู้ชายคนอื่น ๆ เพื่อน ผู้ชายผมนะ ชอบกันนักละ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่า  ทำไมมันต้องให้ผมออกหน้าทุกที

	วิธีการออกหน้าของผมนะหรือ???  คุณคงต้องหาคำพรรณามาด่าไม่ถูกแน่เลยครับ (แฮะ..แฮะ..) บอกเสียเลย จะได้ไม่เสียเวลา นั่นคือ. ผมก็เอากระโปรงของพวกเธอไปซ่อนเมื่อเวลาพวกเจ้าหล่อนทั้งหลายกำลังเพลิดเพลินกับเจริญใจอยู่กับการกระโดดยาง ผมเอาไปซ่อนที่ไหนนะหรือ???ยังไม่บอกนะครับ ขออุบไว้ก่อน

	จากนั้นผมก็ปั้นหน้า ทำตัวเป็นผู้หวังดี  บอกกับพวกเธอว่ากระโปรงของพวกเธอมีคนไปซ่อนไว้ที่ลูกโลกกรงเหล็ก ในสนามเด็กเล่น คุณคงไม่รู้ว่าไอ้ลูกโลกกรงเหล็กนี้ มันมีลักษณะอย่างไร ใช่ไหมครับ???       

	เดี๋ยวผมจะบรรยายสรรพคุณมันให้ฟัง ลูกโลกกรงเหล็กในโรงเรียนผม มันมีลักษณะเป็นลูกโลกที่ทำจากกรงเหล็ก ข้างในกลวง แต่มันมันมีประตูขึ้นได้ สี่ทิศทาง มันลอยอยู่ได้ เพราะมีฐานเหล็กที่ทำมาจาก เหล็ก บาง ๆสี่อันตั้งรับ เอาละครับ ..พวกคุณคงนึกภาพมันออก 

	หลังจากที่พวกเด็กผู้หญิงที่ผมเล็งไว้เป็นเป้าหมายติดกับ โดยเธอยอมขึ้นไปบนลูกโลกเหล็กเพื่อเอากระโปรงของตนเองทั้งหมด สี่คน แต่ขอบอกกว่าจะหลอกพวกหล่อน ๆมาได้ ผมต้องปั้นหน้าให้ดูซื้อ.ซื่อ ที่สุดเท่าที่จะทำได้ในชีวิต (คุณก็นึกแล้วกันว่าอย่างผมจะทำได้ดีสักกี่น้ำ)	  .ผมไม่พูดพร่ำทำเพลง ตรงเข้าไปที่ฐานของลูกโลกแล้ว ก็ ขย่ม ๆ..ๆ..ๆ!!!!!! เท่านั้นเองพวกเธอก็รู้สึกว่าโลกทั้งโลกสั่นสะเทือน!!????!!!! จนสะโพกอันอวบอั๋นของเธอ จะหลุดออกมาเป็นเสี่ยง ๆ    แต่เธอก็มีแรงที่จะตะโกนเสียงอันแปร๋น แหร๋น!!!  ของพวกเธอว่า ไอ้เตี้ย !! นี่แกแกล้งพวกฉันอีกแล้วใช่ไหม!! เดี๋ยวก่อนเถิด ..รอให้ฉันออกไปได้ แม่งจะยังไม่ทันที่เธอจะได้ฝากคำอาฆาตแค้นอันสุดแสนจะน่า..กลัว (จะตายแหละ.) ผมก็ขย่มๆ..ๆ..ๆ..จนเสียงเธอในตอนนั้นสั่นๆๆ  เป็นหัวเครื่องดีวีดีที่ไม่ได้รับประกันคุณภาพโดยยี่ห้อSoKen จนต้องมาเลขายไม่รู้กี่บ้าน 

	ก่อนอื่นผมต้องแนะนำเพื่อนคนหนึ่งให้พวกคุณได้รู้จัก ถ้าคุณรู้จักมันคุณจะต้องรู้สึกว่ามันมีอะไรดี ๆอยู่แน่ เพราะมันนิ่งม้ากมากครับ ทั้งการวางตัว สีหน้า แววตา แต่ปากมัน เบี้ยว มันชื่อ เป็นเต้ย  ผมเรียกมันแต่ละครั้งไม่ซ้ำกันเลย อย่างเช่น หนูเต้ย.. ไอ้เต้ย. ไพเราะที่สุดในความคิดของมัน ก็คงจะเป็นไอ้เบี้ยว แต่มันก็ไม่เคยถือโทษโกรธผมเลยสักครั้ง เพราะมันเห็นผมเป็นเพื่อนที่ดีของมันเสมอมา  เหตุผลที่มันคิดอย่างนั้นหรือครับ??     ก็เพราะตอนสมัยเด็ก ๆ มันเกือบจะจมน้ำตาย ดีนะว่าตอนนั้น ผมแอบเอาเงินที่แฮ็คจากแม่มาไปซ่อนไว้แถวนั้น ไม่งั้นเหรอ ..    มันก็คงได้มีเรืองโจษจันกันทั่วหมู่บ้าน 

	จะไม่ให้เป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ก็ขนาดมันเป็น ๆมันยังขนาดนี้  ยังน่าเกลียดน่ากลัวขนาดนี้. อย่าให้Said ถึงตอนมันเป็นผีเลยจะหน้าเกลียดหน้ากลัว ตัวเดียวบาทเดียวขนาดไหน ใช่ไหมครับ???(เห็นด้วยละสิ)

	มาเข้าเรื่องกันต่อเลยนะ หลังจากที่ผมกำลังเขย่า ๆๆเจ้าลูกโลกมหัศจรรย์นั้น เป็นเต้ยหรือไอ้เบี้ยของผมมันก็เดินผ่านมาพอดี ไอ้เต้ย!!!มาช่วยข้า ขย่มไอ้ลูกโลกบ้านี้หน่อย  มันยังคงจ้องตาผมนิ่ง ๆ สายเฉย ๆ ชา ๆของมัน คิดสภาพของมันนะครับ ไหล่มันจะห่อ ๆ หน้ามันจะแหงนประมาณ ยี่สิบองศา  จะดีเหรอ??เสียงมันถามผมเหน่อ ๆ ห่อๆ เหมือนคนไม่ค่อยมั่นใจ   ผมหันไปแว้ดใส่มันแล้วพูดว่า ดีสิโว้ย!!!! เห็นไหมว่าพวกนี้กรี๊ด กันด้วยความสนุกสนานจนเหลือประมาณแล้วเนี้ย!!!ผมโน้มน้าวมัน มันหันไปมองชั่วครู่อย่างชั่งใจ 

	สักพักมันไม่รอช้าครับ เข้าไปช่วยผมเขย่า มันเขย่าๆๆๆๆๆ ด้วยพลังอันแข็งแกร่องของมันอยู่คนเดียว  ถ้า คุณได้เห็นเหมือนกับผม คุณต้องอดแปลกใจไม่ได้ว่า รูปร่างอันผอมเหี่ยว ไร้เรี่ยวแรง    เหมือนผีตายประมาณสามสิบซากอย่างมันเอาแรงมาจากไหน เพราะมันเขย่าๆๆจนซะ. ยัยสี่คนนั้นเงียบไปเลย  แต่ไม่เงียบเปล่า หรอกครับ    หากแต่ สั่นเป็นผีเข้ากึก.กึก ๆๆๆ อยู่ในลูกกรงนั้นอยู่นานสองนาน ไอ้เต้ยว่าเต้ยมันก็คิดว่าพวกนั้นคงกำลังสนุกสนาน แหม !ก็เห็นเงียบ.กันซะขนาดนั้น  มันก็เขย่า ๆๆๆๆๆ คราวนี้ยัยสี่ตัวนั้น เป็นลมล้มพับ เห็นดาวเห็นเดือน คาลูกโลกมหัศจรรย์ไปเลย ผมคิดในใจ พวกนี้คงสนุกกันไปอีกนาน ฮ่าฮ่า 

                         แต่พอพวกเธอฟื้นแทนที่จะเอาเรื่องกับไอ้เต้ย ดันมาหาว่าผมยุยงให้มันทำ   แถมยังแสดงพลังที่กำลังนิยมอยู่ในขณะนั้น ใส่ผมอีก มนต์แห่งจันทรา .จงสำแดงอำนาจบาทา ต่อมันนะบัดนี้  ว่าแล้วบาทาทั้งสี่ก็ประทานพรมาที่ใบหน้าและร่างกายผมอย่างไม่ยั้ง (ตุบตับๆ ๆ ๆ!!!!) คงเดาได้แน่เลย คร้าบ..ว่าผมมีสภาพเช่นไร

	นับตั้งแต่วันนั้น ผมก็คบกับมันเพื่อนกัน จนถึงตอนที่ผมเรียนชั้นมัธยม แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปแล้วนะคร้าบ  เมื่อก่อนความหล่อของผมคนอื่นเขาว่าผมนำหน้าไอ้เต้ยอยู่นิดหนึ่ง แต่เดี๋ยวนี้ นะเหรอ.มันเทียบผมไม่ติดฝุ่นสักนิด (ไม่เชื่อเหรอ???) ไม่เชื่อก็ถามคุณสาว ๆทั้งหลายที่มาหลงเสน่ห์ของผมในขณะนี้สิ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษหรอกครับ   

	เพื่อนผมมักสงสัยว่าไอ้เต้ยมันมีดีอะราย????ผมถึงหลงไปคบกับไอ้เฉื่อยอย่างมันได้นานขนาดนี้  ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมก็รู้อยู่อย่างว่า นอกจากมันยอมทำตามที่ผมสั่งโดยไม่มี่ข้อแม้ มันก็ไม่เห็นมันจะมีดีตรงไหนอีก แต่อย่าไปถือมันเลยครับ.. มันก็เป็นของมันอยู่อย่างเนี้ย เดินไหล่ห่อ หน้าเชิดสามสิบองศา ปากเบี้ยว แต่บางเวลามันก็ทำให้ผมหายเซ็งได้เป็นอย่างดี

	เพราะอะไรนะหรือครับ??? ก็มีอยู่วันหนึ่งผมจำได้ ผมอยากโดดเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เพราะมันเป็นวิชาที่เข้าหัวผมอย่างแรง (ประชดนะเนี่ย!รู้ใช่ไหม)  ผมก็เลย.เอาหนังยางไปดีดที่เป้ากางเกงของมันอย่างแรง!!!!!!!! แรงแค่ไหนหรือ ครับ ???ประมาณว่ามันทำให้ผมโดดเรียนได้สำเร็จแล้วกัน   ก็คือ. ทันทีที่ผมดีดยางไปที่เป้ากางเกงของมัน  มันก็ไม่ทำไมหรอก ครับ..   ชักกระแด๊ก ๆ..ๆ เป็นไอ้เบี้ยวเข้าทรงอยู่นานสองนาน   

                     ผมก็ไม่รอช้า รีบยกมือทันที อาจารย์หันมาถามเสียงแหลมมีอะไร นายเก่งกาจ วันนี้มีปัญหาอะไรอีก ทำไมน้า ..สิ่งที่ฉันสอน ถึงไม่ยอมซึมซับเข้าขั้วใจกลางสมองเธอเสียทีอาจารย์ชมผมอีกแล้ว.. ผมควรจะขอบคุณท่านดีไหม???? คือนายเป็นเต้ยไม่สบายครับยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบทันทีที่อาจารย์เห็นอาการของเจ้าเบี้ยวเกลอรักของผม เธอก็ตกใจแล้วรีบพามันไปส่งโรงพยาบาลให้หมอรักษาอาการชักกระแด่ว ๆ..ๆของมันอย่างเร่งด่วน 

	วันนั้นไม่เพียงแต่ผมจะได้โดดเรียนเพราะต้องไปเฝ้าไอ้เต้ยที่โรงพยาบาล หากแต่ก็เป็นผลบุญแผ่ไปถึงเพื่อน ๆทั่วห้องเรียน    เพราะอาจารย์ไม่สอนวิชานั้นทั้งคาบ เนื่องจากอาจารย์ต้องพาเป็นเต้ยไปส่งโรงพยาบาล
วันนั้นผมอยากจะบอกว่าผมเสียใจจริง ๆที่ทำกับมันอย่างนั้น (จริง ๆนะ!! ไม่เชื่อเหรอ?) คราวหน้ามันคงนึกในใจอย่าให้ผมนึกโดดเรียนอีกเลย เพราะคราวนั้น มันคงต้องชักจนหายเบี้ยว ไปเลยก็เป็นได้..

	อ้อ..วันนี้มันเป็นวันที่สำคัญอีกวันที่ผมอยากเล่าให้พวกคุณฟัง เพราะวันนี้ผมได้เจอกับใครคนหนึ่งที่ในใจผมรู้สึกว่าค้นหามาตลอดชีวิต   จะเป็นใครนะหรือครับ เดี๋ยวคุณก็รู้ เพราะผมเจอเธอที่โรงพยาบาลในวันเดียวกับวันที่พาไอ้เต้ยไปส่ง          และเธอก็คือผู้หญิงที่ทำให้ผมเข้าใจโลกและทุกสิ่ง อาจจะรวมถึงไอ้เต้ยด้วย				
19 ตุลาคม 2547 14:29 น.

จุดประกายแห่งความฝันเมื่อฉันมีเธอ ตอนที่7(อ่านสิจ๊ะ ต้องเศร้าแน่ ๆ)

เก่งกาจ

ตอนที่ 7
	เธอ โกรธฉันหรือจินเซเอ่ยถามช้า ๆแต่ชัด แต่ไม่นานเขาก็ต้องแปลกใจและตะลึงเมื่อเยียร์ร่าห์โผกอดเขาพร้อมพูดว่า
	ไม่หรอก พร้อมบอกด้วยน้ำเสียงตื้นตันว่าขอบคุณที่ทำเพื่อฉันขนาดนี้ แล้วอยากบอกว่า ฉันดีใจมากที่มีจินเซอยู่ข้าง ๆอย่างนี้จินเซได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกมาพร้อมกอดตอบอย่างตื้นตันใจเป็นที่สุด
		
		หลังจากวันนั้นเยียร์ร่าห์ ก็รู้ว่าชิเน่ไม่ได้มาเรียนหลายวันเธอจึงไปเยี่ยม
	ฉันเห็นเธอไม่ไปเรียนหลายวัน เธอไม่สบายมากหรือเปล่าชิเน่หากเยียร์ร่าห์สังเกตจะพบว่าแม่ของชิเน่เลี่ยงไปอีกทางเพราะชิเน่ของร้องไม่อยากให้แม่แสดงอารมณ์จนเพื่อนของเธอรู้ว่าเธอเป็นอะไร
	อือ แต่ดีขึ้นแล้วชิเน่พยายามทำเสียงให้เป็นปกติ พร้อมยิ้มให้เพื่อนอย่างต้องการให้รู้ว่าเธอแข็งแรง
	อีกไม่กี่วันแล้วซิ ก็จะถึงวันประกวดชิเน่รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
	อือเยียร์ร่าห์พยักหน้าพร้อมมองเพื่อนด้วยสายตาเป็นห่วง ชิเน่รับรู้ได้จึงยิ้มให้เพื่อนพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เหมือนจะฝืนให้สดใส
	แล้วฉันจะไปเอาใจช่วยนะ
	แต่ ฉันว่า..เยียร์ร่าห์หยุดมองสภาพเพื่อนพร้อมพูดอ่อย ๆเธอยังไม่หายดีนะจะพูดต่อชิเน่ก็ขัดพร้อมยิ้มให้เพื่อนเช่นเคย	
	ฉันสบายดีแต่จะเป็นหนักกว่านี้ถ้าเธอห้ามไม่ให้ฉันไปเชียร์เยียร์ร่าหืได้ยินอย่างนั้นจึงไม่อยากขัดใจ
	เราคบกันมากี่ปีละเยียร์ร่าห์ ชิเน่เอ่ยถามอย่างแผ่วเบาพลางยิ้มจาง ๆสบตาเธออย่างรอคำตอบ	
	หลายปีแล้วนะ เธอถามทำไมเยียร์ร่าห์ตอบตรง ๆ พร้อมเอะใจที่ทำไม่เพื่อนถึงเอ่ยถาม
		ชิเน่ส่ายหน้าแทนคำปฏิเสธ
	แล้วตั้งแต่เธอคบกันฉัน วันไหนที่เธอมีความสุขที่สุดชิเน่ถามอย่างแผ่วเบา แต่ดูเหมือนเป็นการชวนคุยจนเยียร์ร่าห์ไม่ทันเอะใจ
	ไม่มี เพราะตั้งแต่คบกับเธอ เผลอเป็นไม่ได้เธอต้องชวนฉันโดดเรียน แถมยังโดนครูเอ็ดตั้งหลายหนหญิงสาวกล่าวเล่น ๆชิเน่ได้แต่ยิ้ม
 แต่ก็รู้สึกน้อยใจที่เพื่อนพูดอย่างนั้นแต่ก็พยายามไม่คิดอะไรมาก
	แต่ถ้าถามฉัน ฉันมีความสุขที่สุดทุกวัน ที่ฉันได้รู้จักกับเธอชิเน่กล่าวจนเยียร์ร่าห์อดแปลกใจไม่ได้ สังหรณ์ใจแปลก ๆแต่ก็ไม่ได้พูดสิ่งใด
ไม่นานชิเน่ก็บอกเธอว่าอยากพักผ่อน เธอจึงลากลับบ้านด้วยหัวใจที่มีลางสังหรณ์อย่างบอกไม่ถูกแต่ก็ไม่ได้เอ่ยกับใคร
		เยียร์ร่าห์ไม่รู้เลยว่า ทันทีที่เธอกลับแม่ของชิเน่ก็ห้ามปรามไม่ให้เธอไปเชียร์เยียร์ร่าห์เนื่องจากคุณหมอนัดผ่าตัดครั้งสำคัญวันนั้น
	แต่ชิเน่ก็ยืนกรานที่จะไป
	ลูกไปไม่ได้นะ ลูกก็รู้ว่าคุณหมอนัดผ่าตัดแม่ของเธอเสียงแข็ง ชิเน่ไม่ฟังคำทัดทานเธอหันไปพูดกับผู้เป็นมารดา
	ถึงจะผ่าตัดแล้ว ช้าเร็วยังไงหนูก็ต้องตาย เพราะงั้นหนูต้อง..ไม่ทันขาดคำ ผู้เป็นมารดาก็สะบัดมือลงไปยังใบหน้าของผู้เป็นบุตรสาว แต่ก็ต้องหน้าเสียไปพักหนึ่งรู้สึกผิดที่ทำรุนแรง
 แต่ก็พยายามพูดเสียงแข็งห้ามปรามบุตรสาว	
	ห้ามพูดคำว่าตาย และก็ห้ามพูดว่าแกสิ้นหวัง ถ้าแกเห็นฉันเป็นแม่อยู่ละก็ ต้องเชื่อฟังฉันห้ามไปที่นั่นเด็ดขาด เข้าใจไหมจากนั้นเธอก็ออกไปสะอื้นไห้อยู่ข้างนอก หวังให้ผู้เป็นลูกเข้าใจในความปรารถนาดี ไม่มีแม่ที่ไหนจะทนเห็นลูกเอาชีวิตไปเสี่ยงได้
		ชิเน่ก็สะอื้นไห้ที่แม่ไม่ยอมเข้าใจเธอ ทำไมเวลาของเธอก็เหลือไม่มาก ทำไมไม่ให้เธอทำในสิ่งที่เธอต้องการ  ถ้าแม่รักเธอจริง เหตุใดต้องขัดขวางสิ่งที่เธอปรารถนาจะทำเป็นครั้งสุดท้าย
		ในใจชิเน่นั้นนอกจากอยากไปให้กำลังใจเยียร์ร่าห์ ที่สำคัญกว่านั้นเธออยากไปเชียร์จินเซ เพราะคิดว่าวันสำคัญของเขาก็เหมือนวันสำคัญของเธอด้วยเช่นกัน
		

		และแล้ววันที่จินเซและเยียร์ร่าห์รอคอยก็มาถึง มันคือวันที่เธอต้องประกวดเต้นรำคู่รอบชิงชนะเลิศด้วยกัน
		ในระหว่างที่กำลังรอการประกวด และจินเซก็อยู่กับเยียร์ร่าห์ตามลำพัง 
		เยียร์ร่าห์รู้สึกเป็นกังวลจนจินเซรู้สึกได้ เขาจับมือเธอมากุมเหมือนให้กำลังใจ และเหมือนปลอบว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี
	จินเซ ถ้าวันนี้เราสองคนไม่ชนะ เธอจะเสียใจไหมเยียรร่าห์เอ่ยถาม ด้วยหัวใจจดจ่อกับคำตอบของเขา เธอกลัวเหลือเกินที่จะเป็นภาระให้เขาในการแข่งขันครั้งนี้
	ไม่ จากนั้นเขากุมมือเธอไว้แน่นก่อนพูดว่า
	เพราะวันนี้ฉันมีเธอ และได้ทำสิ่งที่รักที่สุดร่วมกับเธอ ฉันก็มีความสุขแล้วจินเซกล่าวจากใจจริง เท่านั้นเองเยียร์ร่าห์ก็ยิ้มออกมา น่าแปลกที่เธอคลายกังวลลงไปได้อย่างปลิดทิ้ง
	ดี วันนี้เราไม่สนใจว่าจะชนะหรือไม่ แต่วันนี้เราจะมาทำสิ่งที่รักร่วมกัน เพื่อเราเองและก็เพื่อชิเน่หญิงสาวกล่าวพร้อมยิ้มให้เค้า เค้าก็ยิ้มให้เธอเช่นกัน
		ในระหว่างทั้งสองกำลังนั่งรอการแข่งขัน ชิเน่ก็ได้ไปรอผ่าตัดอยู่ที่พยาบาล 
		ในขณะที่บุรุษพยาบาลนำร่างเธอไปรอการผ่าตัดอยู่ที่ห้องหนึ่ง ชิเน่ก็ตัดสินใจอะไรบางอย่าง
		เธอทิ้งจดหมายให้ผู้เป็นแม่ฉบับหนึ่ง
	คุณแม่คะขอโทษที่ไม่เชื่อฟังคำปรารถนาดีจากคุณแม่ แต่หนูรู้ตัวดีว่าเหลือเวลาอีกไม่มากนัก ได้โปรดให้หนูทำในสิ่งที่หนูต้องการเถิดคะ กราบขอโทษจากใจอีกครั้ง ลูกของแม่
แม่ของชิเน่อ่านจบก็สะอื้นไห้ทันที เธอรีบตามบุตรสาวที่ที่มีการประกวดทันที
		ชิเน่มาถึงยิมโดยรถแท็กซี่ ก่อนลงจากรถเธอหันไปถามคนขับว่า
	คุณคะ หนูดูเหมือนคนป่วย หรือเปล่าคะคนขับมองหน้าเธองงแล้วพูดว่า
	แล้วหนูไม่สบายหรือ ถามแปลก ๆนะจ๊ะชิเน่ได้ยินดังนั้นจึงยิ้มแล้วพูดกับคนขับรถแท็กซี่ว่า
	ไม่หรอกค่ะ หนูสบายดีคะ ขอบคุณมากคะจากนั้นเธอก็รีบลงจากรถ คนขับรถแท็กซี่ยังงงไมหาย
	ท่าจะบ๊องคนขับแท็กซี่กล่าวแล้วขับรถออกไป
		อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าทั้งจินเซและเยียร์ร่าห์ก็ต้องลงแข่งขัน เยียร์ร่าห์มองหาชิเน่เพราะเธอสัญญาว่าจะมาเชียร์แต่ตอนนี้ยังไร้วี่แวว
	มองหาใครจินเซหันมาถาม
	ชิเน่ ยังไม่เห็นเลยเธอตอบเขาพร้อมมองหาชิเน่ จากนั้นเธอก็ยิ้มออกมาได้เมื่อเห็นผู้หญิงชุดสีชมพูคนหนึ่งพร้อมช่อดอกกุหลาบขาว โบกมือให้เธออยู่ท่ามกลางกองเชียร์ในสเตเดียม
		เยียร์ร่าห์โบกมือตอบบัดนี้เธอมีกำลังใจอย่างบอกไม่ถูก
	พยายามเข้านะคะ จินเซ ชิเน่กล่าวพลางมองไปที่จินเซ แล้วยิ้มแบบเศร้าอีกไม่นานเธอต้องจากเขาไปตลอดกาล
	เธอด้วยนะเยียร์ร่าห์ชิเน่กล่าว
		
		ต่อไปเมื่อเพลงเริ่มบรรเลงทั้งจินเซและเยียร์ร่าห์ก็ได้เต้นตามท่าที่ได้เตรียมกันมา
		ทั้งคู่นั้นเฝ้าบอกกับตนเองว่าไม่ได้มาเพื่อการประกวด แต่มาเพื่อความฝันและทำสิ่งที่รักด้วยกัน ผลจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ขอให้ทำให้ดีที่สุด
		ทั้งคู่สามารถเต้นรำได้เข้าจังหวะ และอ่อนช้อยตามบทเพลง ดูสวยงามยิ่งนัก
		ชิเน่เห็นทั้งคู่เต้นรำด้วยกันเหมือนตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก และดูประสานกันเป็นหนึ่ง ก็รู้สึกปวดใจในใจเธอคิดอยากที่จะอยู่ในอ้อมกอดของจินเซอย่างนั้นบ้าง 
แต่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้คิดอย่างนั้นได้แต่เศร้าใจ
	เมื่อเพลงบรรเลงจบทั้งคู่ก็ทำความเคารพคนดู ที่บัดนี้ปรบมือสนั่นก้องทั่วสเตเดียมด้วยความชื่นชม
		เยียร์ร่าห์ในตอนนี้อยากบอกกับชิเน่ว่าเธอทำสำเร็จที่ได้ก้าวผ่านมาถึงจุดนี้ แม้วันนี้เธออาจไม่ชนะก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้เธอต้องรอให้คณะกรรมการประกาศรายชื่อผู้ชนะเลิศเสียก่อน
 จึงจะแยกไปหาชิเน่ได้
	ไม่นานพิธีกรก็บอกถึงผลตัดสินในการประกวดครั้งนี้
	เอาละครับวินาทีแห่งการลุ้นระทึกได้มาถึงแล้ว ในที่นี้มีเพียงสามคู่เท่านั้นที่ได้รับรางวัล หนึ่งในนั้นจะเป็นใครบ้างเดี๋ยวเราจะได้ทราบกันจากนั้นพิธีกรก็แกะซองแล้วพูด
	คู่ที่ได้รองชนะเลิศอันดับสองได้แก่ หมายเลย สิบสองครับเท่านั้นเองเสียงปรบมือก็ดังทั่วสนามอย่างยินดี
	เอาละครับต่อไปผมจะประกาศผู้ได้ตำแหน่งชนะเลิศ จะเป็นคู่ไหนทุกคนคงเดาได้ไม่ยากนะครับเนื่องจากคู่นี้ได้รับการจับตามองจริง  ถือว่าเป็นคู่ที่ดีที่สุดแห่งปี พิธีกรกล่าวเหมือนแกล้งให้คนดูใจระทึกเล่น ๆ
	คู่ชนะเลิศในปีนี้ได้แก่ พิธีกรหยุดอีกแล้วก่อนกล่าว
	คู่ที่หนึ่ง ฮันจินเซ และลีเยียร์ร่าห์ครับสิ้นเสียงพิธีกร คนดูก็พากันปรบมือพร้อมเสียงเฮดังลั่นทั่วสเตเดียม 
		จินเซกอดเยียร์ร่าห์อย่างยินดี พร้อมบอกกับเธอว่าสำเร็จแล้ว โดยไม่รู่ว่าชิเน่เห็นอย่างนั้นปวดร้าวใจยิ่งนัก
	ทั้งคู่ได้ขึ้นไปรับรางวัลด้วยกัน วินาทีที่ได้รับถ้วยเยียร์ร่าห์รู้สึกปลื้มปิติอย่างบอกไม่ถูก ไม่เสียแรงที่เธอทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจให้กับมัน
		เมื่อเสร็จพิธีมอบรางวัลชิเน่ได้เดินลงมาหาเพื่อนของเธอพร้อมช่อดอกไม้ ในตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยอ่อนทั้งร่างกายและจิตอย่างบอกไม่ถูกแต่ก็พยายามฝืนยิ้มแล้วเดินไปหาเพื่อน
	ยินดีด้วยจ๊ะชิเน่กล่าวพลางโผกอดเพื่อนสาว ในมือยังคงถือช่อดอกไม้สีขาวนั้นไว้ โดยไม่รู้ว่าตอนนี้
	รู้สึกว่าเหมือนของเหลวไหลออกมาทางช่องจมูก แล้วก็หยดเป็นเม็ดสีแดงบนช่อดอกไม้ 
		ชิเน่รู้สึกไร้เรี่ยวแรงจนไม่อาจพยุงตัวได้ เธอทรุดลงทันที
	เยียร์ร่าห์ตกใจที่จู่ เพื่อนก็ล้มลงพอเห็นใบหน้าของชิเน่ที่ตอนนี้แต่งไปด้วยเครื่องสำอางจนบดบังความอิดโรย แต่ก็มีเลือดกำเดาไหลเป็นทาง เธอใจเสียมากร้องเรียกชิเน่
	ชิเน่ ชิเน่
		
		ขณะนั้นแม่ของชิเน่ก็มาถึง พร้อมรถพยาบาล แพทย์ไม่รอช้าพาร่างชิเน่ส่งโรงพยาบาลโดยด่วนทันที
	แม่ชิเน่สะอื้นไห้ร้องเรียกลูกด้วยความเป็นห่วงไม่ต่างอะไรจากเยียร์ร่าห์ที่ยังช็อคทำอะไรไม่ถูก
		จินเซเห็นดังนั้นจึงช่วยพยุงเธอ คนแถวนั้นได้แต่มองอย่างสนใจว่าเกิดอะไรขึ้น
	เยียร์ร่าห์และจินเซตามไปโรงพยาบาบาลทันที แต่เมื่อไปถึงก็ต้องพบกับข่าวร้ายที่สุด
	คุณป้าคะ ชิเน่เป็นยังไงบ้างเยียร์ร่าห์เอ่ยถามถึงเพื่อนอย่างนึกเป็นห่วงสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก
		ทันทีที่เธอเห็นแววตาที่แม่ชิเน่มองมาเธอใจเสียยิ่งนัก
	ยังมีหน้ามาอีกหรือ ลูกสาวฉันต้องตายเพราะพวกเธอ ยังมีหน้ามาที่นี่อีกหรือแม่ชิเน่สะอื้นไห้พร้อมกล่าวเสียงดังในประโยคท้าย จะเข้าไปทำร้ายเยียร์ร่าห์ แต่พ่อชิเน่จับตัวไว้ทัน
	เยียร์ร่าห์ในตอนนี้ไม่ใส่ใจกับสิ่งใด เธอตกใจมากกับความจริงที่ได้รับรู้ เพื่อนเธอตายแล้วหรือ มันเป็นไปได้อย่างไรกัน เท่านั้นเองน้ำตาก็ไหลริน
	ทำไมละคะคุณป้า ทำไมชิเน่หญิงสาวยังคงไม่เข้าใจ เธอไม่อยากให้เป็นเรื่องจริง
	ยังไม่เข้าใจอีกหรือ เดิมทีลูกสาวฉันมีทางรอด แต่เพราะเธอรวมหัวกับจินเซทำร้ายจิตใจลูกสาวฉัน จนไม่อยากจะมีชีวิตแม่ของชิเน่ยังคงกล่าวสะอื้นไห้อย่างควบคุมสติอารมณ์ไม่ได้
		จินเซก็ตกใจเช่นกันเมื่อได้ยินเช่นนั้น
	ชิเน่รักจินเซมาก ยอมแลกโอกาสรอดทั้งชีวิตของตนเองโดยไม่ยอมผ่าตัด เพียงเพื่อจะไปเชียร์จินเซ โดยที่พวกเธอไม่รู้สักนิดว่าลูกสาวฉันต้องปวดร้าวใจแค่ไหนยิ่งแม่ของชิเน่พูด
 เยียร์ร่าห์ก็รู้สึกปวดร้าวพร้อมสับสน นี่ตลอดเวลาเธอทำร้ายเพื่อนขนาดนี้เลยหรือ ถ้ามันเป็นอย่างนั้นเธอก็ต้องชั่วร้ายมาก คิดอย่างนั้นก็ได้แต่โทษตนเองไปด้วย
	เพราะพวกเธอลูกสาวฉันถึงต้องตาย เพราะพวกเธอ ออกไปนะ ออกไปให้พ้น
	จะบ้าหรือไงคุณ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับพวกเขา หมอก็บอกตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือว่าลูกเราไม่มีหวังพ่อของชิเน่กล่าวกับแม่ของเธอ 
	ไม่จริง ถ้าไม่เพราะพวกเขาลูกสาวเราก็คงไม่ต้องตายแม่ชิเน่สะอื้นไห้หนัก พยายามปฏิเสธความจริง ไม่นานก็สลบไปด้วยอาการช็อคสุดขีด พ่อของชิเน่จึงนำไปพบแพทย์
พร้อมเรียกชื่อผู้เป็นภรรยาอย่างใจเสีย 
		เยียร์ร่าห์น้ำตาไหลริน แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนนี้เธอรู้แต่ว่าอยากพบชิเน่ ชิเน่ต้องอยู่ในนั้นแน่เลย
		เธอจะเดินเข้าไป จินเซดึงเธอไว้แล้วถามว่า
	จะไปไหน
	จะไปหาชิเน่ เธอรออยู่ข้างนอกเถิดจากนั้นเธอก็ผละมือจากเขาแล้วเดินเข้าไปในห้องอย่างไร้สติ จินเซได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วงแต่ไม่กล้าขัดใจเยียร์ร่าห์ที่จะตามเข้าไป 
		เยียร์ร่าห์เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบร่างที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง เธอยังจำได้ดี ไม่กี่ชั่วโมงอยู่นี้เธอยังไปเชียร์เธอและจินเซอยู่ที่ข้างสนาม แต่บัดนี้ไม่สามารถพูดคุย 
ยิ้มแย้มกับเธอได้เหมือนเดิมอีกแล้ว
	เห็นอย่างนั้นน้ำตาเธอก็ไหลรินลงมา
(โปรดติดตามอ่านตอนจบ ขอบคุณที่ได้ติดตามผลงานจ๊ะ)				
19 ตุลาคม 2547 14:21 น.

จุดประกายแห่งความฝันเมื่อฉันมีเธอ ตอนที่6 (เริ่มเข้มข้นขึ้นแล้วนะ)

เก่งกาจ

ตอนที่6
	คนโกหกหลอกลวงอย่างเธอ เป็นห่วงฉันด้วยหรือเพียงได้ยินที่ชิเน่พูดอย่างนั้นเธอก็รู้ทันทีว่าสิ่งที่เธอสังหรณ์ใจมันได้เป็นจริงเธอฟังคำชิเน่อย่างตั้งใจด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด
	เธอนะ ใจร้ายที่สุด ไม่บอกฉันสักคำ เรื่องเธอกับจินเซ จากนั้นชิเน่ก็เปลี่ยนสีหน้า และแววตาที่มองมาทางเธออย่างผิดหวังและน้อยใจ น้ำตาเอ่อล้นดวงตา 
เช่นเดียวกับเยียร์ร่าห์ในตอนนี้ก็เสียใจไม่แพ้กันที่ปิดบังความจริงจนเพื่อนรู้ แต่เธอก็พูดไม่ออกสักคำ ได้แต่ก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
	เธอทนเห็นฉันเป็นนังบ้าคนหนึ่งที่พร่ำเพ้อถึงผู้ชายที่เขาเหลียวแลเพียงแต่เธอคนเดียวได้อย่างไร เธอคิดยังไงของเธอเธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแต่เต็มไปด้วยความโกรธที่เหมือนชิเน่กำลังอดกลั้น 
		ชิเน่มองมาที่เธอแล้วเบือนหน้าไปอีกทางพลางใช้มือปาดน้ำตาที่เอ่อล้น เธอจะไม่ยอมให้มันไหลรินให้ผู้หญิงผู้นี้เห็นเป็นอันขาด
		เยียร์ร่าห์ยังคงก้มหน้า แต่แล้วเธอก็พูดคำหนึ่งออกมา ที่สะท้อนถึงความรู้สึกผิดทั้งหมด แต่คงไม่มีคำใดในโลกที่จะเอ่ยความรู้สึกนี้ได้ดีเท่าคำ
	ขอโทษชิเน่ได้ยินดังนั้นเธอถอนหายใจอย่างแรงเหมือนหยันนิดหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มที่มุมปากพร้อมพูดเสียงเรียบอย่างเยือกเย็น แววตาแดงก่ำมองมาทางเธอแล้วพูดว่า
	ไม่จำเป็นสักนิด เก็บคำขอโทษอันไร้ค่าของเธอไปเถิด เพราะฉันไม่อยากคบกับคนใจร้ายอย่างเธออีกต่อไปจากนั้นชิเน่ก็เดินจากไป โดยไม่หันมามองเยียร์ร่าห์ที่บัดนี้ทำอะไรไม่ถูกเธอทรุดลงตรงนั้น 
สะอื้นไห้อยู่คนเดียว อยากหาคำพูดที่จะอธิบายความรู้สึกผิดของเธอทั้งมวล แต่เธอไม่รู้จะทำอย่างไร
		เธอนั่งอยู่ตรงนั้นสักพักก็รู้สึกมีใครคนหนึ่งเดินเข้ามา น้ำเสียงนั้นเธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
	เยียร์ร่าห์จินเซเห็นดังนั้นใจเสียทันทีเมื่อเยียร์ร่าห์หันหน้าพร้อมน้ำตาที่เอ่อล้น เธอกอดเขาไว้ เขากอดเธอตอบ ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี
	เกิดอะไรขึ้นเขาถามพลางมองหน้าเธออย่างห่วงใยอย่างที่สุด
	ชิเน่ ชิเน่เขารู้เรื่องเธอกับฉัน เขาไม่อยากคบฉันอีกต่อไปเยียร์ร่าห์กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เหมือนไม่รู้จะเริ่มอย่างไร 
		จินเซไม่รู้จะปลอบเธออย่างไร ได้แต่โอบกอดเธอไว้ อย่างห่วงใย และเข้าใจความรู้สึก
		
		ชิเน่เดินตามทางเดินกลับบ้าน ด้วยแววตาทอดอาลัย สิ้นหวังอย่างที่สุด จะมีใครบ้างไหมที่จะเข้าใจความรู้สึกโดดเดี่ยวในยามนี้ของเธอ ก็คงจะมีแต่พ่อแม่เท่านั้นที่เข้าใจ 
		เมื่อเดินถึงที่บ้านเธอก็เห็นใครคนหนึ่งรออยู่ เธอจำได้ดีว่าเขาคือใคร
		ชายหนุ่มคนนั้นคือจินเซนั่นเอง
		เธอแปลกใจที่เห็นเค้า แต่ยามนี้เมื่อเห็นเค้าก็รู้สึกเหมือนแผลในใจเริ่มปริออก หัวใจรู้สึกสับสนทันทีที่เห็นเค้า ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่เธอก็หาคำพูดเอ่ยได้
	สวัสดีคะเธอพยักหน้าให้เขาเป็นการทักทาย
		เขามองมาที่เธอ เหมือนรู้สึกผิดเหมือนกันที่เขาเป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนต้องผิดใจ แต่เขาไม่อยากให้ชิเน่ต้องเข้าใจเยียร์ร่าห์ผิด เพราะเยียร์ร่าห์นั้นรักชิเน่เหลือเกิน
	ผมอยากคุยกับคุณเรื่องเยียร์ร่าห์ชายหนุ่มเข้าเรื่องทันที เขาสังเกตได้ว่าชิเน่สีหน้าเปลี่ยนทันทีที่ได้ยินชื่อเยียร์ร่าห์ สายตาเธอเฉยชาขึ้นพร้อมบอกเสียงเรียบ ๆขึ้น
	ขอโทษนะคะ ถ้าจะคุยถึงคนคนนี้ ฉันไม่มีอะไรจะพูด ขอตัวก่อนชิเน่พูดเรียบ ๆแต่เย็นชา จากนั้นเธอก็เตรียมจะเดินผละเขา ไป
 ในใจน้อยใจเขาเป็นที่สุดที่เห็นเขาทำทุกอย่างให้กับเยียร์ร่าห์ไม่แต่ไม่เคยเหลียวแลเธอสักนิด
	ได้โปรดฟังผมก่อนเถิดครับชายหนุ่มอ้อนวอน แต่แววตาจริงจังจนหญิงสาวอดลังไม่ได้ หากแต่ก็ยังปฏิเสธที่จะสนทนา
	เรื่องระหว่างฉันกับเยียร์ร่าห์มันไม่เกี่ยวกับคุณสักนิดชิเน่เสียงจริงจังขึ้น พร้อมมองตาเขาอย่างไม่พอใจ
	แต่คุณต้องฟังเขาก็เสียงเข้มขึ้น พร้อมแววตาจริงจังคู่นั้นที่พาให้เธอหวั่นไหวมาแล้ว ชิเน่อยากจะปฏิเสธ แต่ก็ทำไม่ได้จำใจรับฟังคำพูดของเขา แต่ก็หันหลังให้เขาเมื่อเขาพูด
เพราะไม่อยากให้เห็นความรู้สึกที่แสดงออกทางสีหน้าและแววตา
	เพราะผมไม่อยากให้คุณเสียเพื่อนที่รักคุณที่สุดไป เยียร์ร่าห์เค้ารักคุณมากนะ ชายหนุ่มกล่าวจากใจพร้อมหยุดนึดหนึ่งเหมือนชั่งใจว่าจะพูดดีไหม และแล้วเขาก็ตัดสินใจพูด
		ชิเน่ก็ยังหันหลังให้เขา
	ผมเคยสัญญากับเยียร์ร่าห์ว่าจะไม่พูด แต่วันนี้ผมยอมผิดคำพูด เพราะผมอยากให้คุณรู้ความจริงบางอย่าง คุณจำวันแข่งรอบชิงชนะเลิศได้ไหม
 วันนั้นแม่ของเยียร์ร่าห์เค้าไม่ได้ป่วยอย่างที่เค้าบอกคุณหรอกนะ แต่เค้าไม่อยากแข่งกับคุณ เค้าอยากให้คุณชนะ เค้าเลยยอมสละสิทธิ์นั้น ทั้งที่เค้าก็มีโอกาสเท่ากับคุณ 
		เท่านั้นเองเมื่อชิเน่ได้ฟังสีหน้าถึงกับเปลี่ยนไป ความรู้สึกสับสนในใจบังเกิดขึ้น พึ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าเยียร์ร่าห์รักและทำเพื่อเธอถึงเพียงนี้
	ต่อจากนั้นผมก็ชวนเค้าเข้าประกวดเต้นรำคู่ด้วยกัน แต่เมื่อเห็นคุณก็อยากจะเข้าประกวดพร้อมกับเขา เขาก็ยอมหลีกทาง เขาทำเพื่อคุณโดยไม่มีเงื่อนไขอย่างนี้
 แล้วคุณจะยอมเสียเพื่อนดี ๆอย่างนี้หรือครับชายหนุ่มกล่าวเหมือนจะรอฟังคำตอบ  โดยไม่รู้ว่าทันทีที่ชิเน่รู้เรื่องน้ำตาเธอไหลริน กับความจริงที่ได้รับรู้ 
และไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีกับสิ่งที่ได้กระทำไปกับเพื่อน
		แต่อีกด้านของหัวใจก็ปวดร้าวที่เห็นชายผู้นี้ทำเพื่อเพื่อนของเธอขนาดนี้ จนอดอิจฉาไม่ได้
	หมดเรื่องของคุณแล้วใช่ไหมเธอกล่าวเรียบ ๆแต่ไม่ยอมสบตาเขา จินเซเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อไป
	ถ้าทางคุณ จะรักเยียร์ร่าห์มากนะ ถึงได้เป็นห่วงความรู้สึกของเขาขนาดนี้เยียร์ร่าห์กล่าวจากใจ จินเซไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ยืนมองเธออย่างเห็นใจ แต่ก็หวังว่าชิเน่จะเข้าใจในตัวเยียร์ร่าห์
	เยียร์ร่าห์ มีคุณเป็นคนรัก ช่างโชคดีจริง ๆชิเน่กล่าวจากใจจริงเธอทั้งยินดีกับเพื่อนและอิจฉาสลับกัน
	จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าบ้าน เธอไม่อยากยืนอยู่กับเขานานกว่านี้อีกแล้ว ไม่งั้นต้องแสดงความรู้สึกกว่านี้เป็นแน่ จินเซไม่พูดสักคำ เพราะไม่อยากเซ้าซี้เธอ 
จึงเดินผละไปพร้อมนึกในใจ เขาคงทำให้เยียรร่าห์เพียงเท่านี้
		
		ชิเน่หลังจากที่คุยกับจินเซก็รู้สึกว้าวุ่นใจ เธอไม่รู้จะไประบายกับใคร นอกจากมารดาของเธอที่รับฟังเธอทุกเรื่องด้วยความเข้าใจ
	แม่คะ หนูมีความสุขที่ได้รักเขา แต่ทำไมหนูต้องเจ็บปวดเพราะเขาไม่มีวันรักหนูด้วยละคะชิเน่เอ่ยสะท้อนถึงความปวดร้าวทั้งมวลในหัวใจ
	นอกจากตัวหนู ชีวิตของหนูมีค่าสำหรับใครบ้างคะ แม่ชิเน่กล่าวพลางมองหน้ามารดาทั้งน้ำตา
	ก็พ่อกับแม่ไงละลูกแม่ของชิเน่กล่าวเสียงสั่นเครือด้วยความสงสารลูกจับใจ
		มันไม่โหดร้ายไปหน่อยหรือ ที่ชิเน่ต้องโดนปฏิเสธความรักจากชายคนหนึ่ง หนำซ้ำยังต้องโดนโรคร้ายรุมเร้า เป็นใครจะทานทนไหว
	หนูรู้คะแม่ ว่าหนูมีค่าสำหรับพ่อและแม่เสมอชิเน่กล่าวเสียงสั่นเครือ นัยน์ตาเต็มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น
	แต่พอหนูคิดถึงจินเซ และรู้ดีว่าหนูไม่มีค่าสำหรับเขาเลย หนูก็เหนื่อยใจ จนไม่อยากเธอหยุดไปครู่หนึ่งก่อนพูดอย่างอ่อนล้าว่า
	จนไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วแม่เธอได้ยินดังนั้นรีบปิดปากลูกของเธออย่างแผ่วเบา พร้อมกอดลูกไว้อย่างปลอบประโลม ปากก็พูดว่าห้ามชิเน่พูดอย่างนั้นอีก
		
		ในชั่วโมงการเต้นรำในระหว่างที่ทุกคนกำลังซ้อมวันนี้เยียร์ร่าห์ไม่เห็นเงาของชิเน่ เธอมองหาอย่างเป็นห่วง นึกอยู่ว่าทำไมชิเน่ถึงไม่ยอมมา
 หรือว่าโกรธเธอมากขนาดไม่ยอมมาเรียนคิดไปจนขาดสมาธิก็ไปไม่เดินไปตามจังหวะทำให้ไปชนกับใครอีกคน ครูจึงหันมาเอ็ดเธอ
	เยียร์ร่าห์ทำไมวันนี้ไม่มีสมาธิเลย ไม่สบายหรือเยียร์ร่าห์จึงหันหน้าไปทางอาจารย์ด้วยสีหน้าอ่อย ๆ
	ขอโทษค่ะอาจารย์พร้อมพยักหน้าเพื่อน ๆเพื่อนได้แต่มองดูด้วยความเป็นห่วง และแล้วก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น
	ก็เค้าจะเต้นดีได้อย่างไรละคะอาจารย์ ถ้าเค้าไม่เต้นคู่กับหนูจากนั้นชิเน่ก็เดินเข้ามาพร้อมยิ้มให้เธอพร้อมขอเพื่อนคนนั้นคู่กับเยียร์ร่าห์อย่างเดิม เยียร์ร่าห์ยิ้มให้เพื่อน 
		เธอมองดูใบหน้าของชิเน่ก็รู้ทันทีว่าทุกอย่างเหมือนเดิมแล้ว แววตาของชิเน่ไม่เฉยชาเหมือนวันที่แล้ว คิดอย่างนั้นก็รู้สึกยินดีเป็นที่สุด
		จากนั้นทั้งคู่ก็เต้นรำด้วยกัน ชิเน่ชวนเยียร์ร่าห์คุยเหมือนเคย
	เยียร์ร่าห์ การประกวดครั้งหน้าเธอช่วยประกวดกับจินเซแทนฉันทีสิชิเน่พูดตามที่ตนเองได้ตั้งใจเอาไว้ เยียร์ร่าหทั้งตกใจและแปลกใจที่ได้ยินเพื่อนพูดเช่นนั้นจะถามต่อ
		ชิเน่ก็ขัดขึ้น พร้อมยิ้มให้เธอ
	เรามาโดดเรียนกันดีไหมจากนั้นเธอก็กอดเยียร์ร่าห์ แล้วเอ่ยคำคำหนึ่งอย่างแผ่วเบาแต่ชัดเจนมาในความรู้สึกของเยียร่าห์
	ขอโทษนะเยียร์ร่าห์ไม่เข้าใจ แล้วสับสนมากในสิ่งที่เพื่อนกำลังทำ แต่ก็ไม่ทันเอ่ยอะไรเช่นเคย ชิเน่ต้องการบอกความรู้สึกผิดทั้งหมดที่มีต่อเยียร์ร่าห์ 
แต่ก็ไม่กล้าบอกตามตรง 
	 อาจารย์ก็หันมาเอ็ดอีกครั้ง
	เธอสองคนเป็นอะไรกันฮือ วันนี้สติไม่อยู่กับตัวเอาเสียเลย
	ชิเน่หันไปยิ้มกับอาจารย์พลางพูดพร้อมแกล้งทำท่าอ่อย เหมือนคนไม่สบาย
	หนูว่าหนูไม่สบายคะ ขออนุญาตอาจารย์ได้ไหมคะอาจารย์ได้แต่ส่ายหัว แต่ก็ยอมชิเน่หันมายิ้มพลางพยักหน้าให้เยียร์ร่าห์มาพยุงเธอออกไปเหมือนคาบที่แล้วเมื่อพ้นห้องนาฏศิลป์
	ทั้งสองก็สบตากันด้วยความรู้สึกเป็นมิตรกันเหมือนเคย
	
	ชิเน่ เธอหายโกรธฉันแล้วหรือเยียร์ร่าห์เอ่ยพลางมองเพื่อนที่ยิ้มให้เธอ 
	เราอย่าเพิ่งพูดเรื่องนั้นเลยนะชิเน่ขัดขึ้นเรียบ ๆ พร้อมยิ้มให้เพื่อนอย่างเคย เยียร์ร่าห์ยิ้มตอบอะไรกันที่ทำให้ชิเน่หายโกรธเธอได้
 แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดยังไงเธอก็รู้สึกดีที่ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
	แล้ว เรื่องที่เธอพูดในห้องเรียน มันหมายความว่ายังไงเยียร์เอ่ยปากถามเพื่อนทันทีที่นึกขึ้นได้ 
พร้อมรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ ชิเน่รีบพูดด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมแตะที่ไหล่เธอเบา
	ก็หมายความอย่างที่พูด ฉันตั้งใจอย่างนั้นจริงชิเน่พูดถึงเรื่องที่เธอตั้งใจจะให้เยียร์ร่าห์เข้าประกวดแทนเธอ เพราะรู้ว่าเยียร์ร่าห์เสียสละความฝันของตนเองเพื่อเธอมามากแล้ว
 ถึงเวลาที่เธอควรทำสิ่งใดตอบแทนให้เพื่อนบ้าน ถึงแม้มันอาจจะช้าไป แต่ก็ไม่ถึงกับสายเกินการณ์
	แต่เธอ ตั้งใจกับมันมาก แล้วทำไมเยียร์ร่าห์มองเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ ในใจรอคอยคำตอบจากเพื่อนเพื่อกระจ่างชัดมากกว่านี้ ชิเน่ยิ้มแต่รอยยิ้มนี้ดูเศร้าหมองยิ่งนัก
	ฉันรู้แล้วละ เหตุผลจริง ๆที่เธอไม่ยอมเข้าประกวดชิเน่ตัดสินใจพูดออกมาช้า ๆแต่ชัดเจนเป็นเหตุให้เยียร์ร่าห์ผงะ จะพูดเพื่อไม่ให้เพื่อนคิดมากหากแต่ชิเน่ก็พูดต่อตามความตั้งใจของตน
	ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเธอเสียสละเพื่อฉันขนาดนี้ ฉันเอาแต่ความรู้สึกของตนเองเป็นที่ตั้งจนลืมนึกถึงจิตใจของเธอชิเน่เอ่ย พร้อมรอยยิ้มเศร้าหมองเช่นเคยเธอไม่ได้มองที่เยียร์ร่าห์  แต่ยังคงเอ่ยต่อไป
		ส่วนเยียร์ร่าห์ก็ได้แต่ฟังเพื่อนกล่าวอย่างไม่รู้จะกล่าวว่าอย่างไร
	ขอโทษที่มองเธอผิดไป แล้วก็..ชิเน่หยุดจากนั้นก็หันมาสบตาพร้อมก้มหัวให้เพื่อนเล็กน้อยก่อนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
	ขอบคุณสำหรับน้ำใจที่มีให้เยียร์ร่าห์เห็นดังนั้นเธอจึงขัดขึ้น 
	ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ฉันไม่ได้เธอพยายามปฏิเสธ ด้วยน้ำเสียงอันสดใส แต่ชิเน่ก็ยังคงพูดขัดขึ้นเหมือนให้เพื่อนยอมรักความจริง
	อย่าปฏิเสธอีกเลย จินเซบอกฉันหมดแล้วเป็นเหตุให้เยียร์ร่าห์รู้สึกโกรธขึ้นมานิดหนึ่งชิเน่เห็นดังนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า
	อย่าไปโกรธเค้าเลย เธอควรจะยินดี ที่ผู้ชายคนหนึ่งทั้งรักและเป็นห่วงเธอขนาดนี้เยียร์ร่าห์ได้ยินดังนั้นเธอก็สบายใจขึ้นพร้อมยิ้มให้เพื่อนอย่างเข้าใจในตัวเธอ เธอตื้นตันจนไม่รู้จะพูดอะไร
		แต่เยียร์ร่าห์ไม่รู้เลยว่าชิเน่นั้นปวดร้าวที่สุด ที่รู้ว่าในของจินเซไม่เคยมีเธออยู่เลยแม้เพียงเสี้ยวเดียว
		ชิเน่มีเรื่องมากมายที่จะพูดกับเยียร์ร่าห์ ก็สมควรแล้วเพราะเวลาของเธอคงเหลืออีกไม่นาน
	เยียร์ร่าห์ ในชีวิตของฉันได้มีเพื่อนที่ดีอย่างเธอ ก็ถือว่าคุ้มค่าที่สุด ถ้าวันหนึ่งฉันต้องเป็นอะไรไปฉันก็ไม่เสียใจเลยชิเน่ยิ้มให้เธอแววตาบ่งบอกว่าเป็นอย่างที่พูด 
		เยียร์ร่าห์รู้สึกใจหายเมื่อได้ยินเพื่อนพูดอย่างนั้นเธอถึงกับอึ้งแล้วเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว
	ชิเน่ทำไมเธอพูดเหมือนจะลาฉันอย่างนั้นชิเน่ไม่อยากให้เพื่อนใจเสียจึงพูดกับเพื่อนพร้อมยิ้มให้เพื่อน จาง ๆว่า
	ฉันจะจากเธอไปไหนกัน ฉันจะอยู่กับเธอจนเธอจำเสียไม่ได้ว่า บ่นว่าเบื่อฉันตั้งกี่ครั้งกี่คราแล้วชิเน่กล่าวเล่น แต่ใครจะรู้ว่าในยามนี้เธออ้างว้างเหลือเกิน เธอกลัวนะ กลัวความตาย แต่กลัวแล้วได้อะไรยังไงก็ต้องตาย หากขอทำในสิ่งที่ตนเองตั้งใจ แม้ต้องไปจากโลกใบนี้ก็คงหมดห่วง
	บ้านะสิใครจะเบื่อเธอจากนั้นเยียร์ร่าห์ก็ยิ้มตอบ รู้สึกดีและโล่งใจมากในขณะนี้ เธอไม่รู้เลยว่าชะตาชีวิตของชิเน่อีกไม่นานข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
		หลังจากที่แยกกับชิเน่ เยียร์ร่าห์ก็ตรงไปที่ยิมซึ่งเป็นชมรมของจินเซ เมื่อเธอกับเขาอยู่ตามลำพัง เธอก็เดินไปหาเขา พร้อมกับสีหน้าและน้ำเสียงที่ขึงขัง เหมือนโกรธเขาจัด
	ทำไมเธอไปพูดเรื่องนั้นกับชิเน่ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นได้แต่หน้าเสียไม่รู้จะทำอย่างไร พร้อมไม่ยอมสบตาหญิงสาวเหมือนจนคำพูด
	เธอ โกรธฉันหรือ				
19 ตุลาคม 2547 14:12 น.

จุดประกายแห่งความฝันเมื่อฉันมีเธอ ตอนที่ 5

เก่งกาจ

ตอนที่ 5
	เดี๋ยวก็รู้ แต่ว่าตอนนี้หลับตาก่อนได้ไหม
	หลับตาทำไมหญิงสาวเสียงสูงนิดหนึ่ง ไม่ยอมทำตา มองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ
	ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก หลับตาสิชายหนุ่มพยักหน้าแล้วยิ้มรอให้หญิงสาวทำตาม หญิงสาวได้แต่ทำตามอย่างเสียไม่ได้ จินเซเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมา จากนั้นก็พาหญิงสาวเดินไปที่หนึ่ง 
		เยียร์ร่าห์รู้สึกตนเองอยู่บนหญ้าที่ที่หนึ่ง ในใจก็ลุ้นระทึกว่าเขาจะพาไปที่แห่งใด ไม่นานเขาก็พาเธอมาหยุดอยู่ที่หนึ่ง
	อย่าพึ่งลืมตานะ ชายหนุ่มร้องขึ้นเมื่อเห็นเธอจะลืมตา พร้อมรีบบอกว่า
	ฉันอยากให้เธอมาเล่นเกมส์กับฉันนะ
	เล่นอะไรของเธอ จินเซหญิงสาวบ่นออกมา แต่ชายหนุ่มไม่สนใจกลับพูดว่า
	ฉันจะไปยืนอยู่ที่หนึ่ง แล้วให้เธอมาหาฉันให้ได้ทั้งที่ยังหลับตาชายหนุ่มบอกกติกา
	แล้วฉันจะเดินไปหาเธอถูกได้อย่างไรหญิงสาวโอดครวญ แต่ก็ยอมเล่น 
		ชายหนุ่มรีบกระซิบบอกเธอที่ข้างหูว่า
	ก็เดินไปตามเสียงหัวใจของเธอบอกสิ หัวใจของเธออยากบอกอะไรฉันก็เดินไปตามนั้นหญิงสาวรู้สึกขนลุกเมื่อชายหนุ่มมากระซิบใกล้ หู เขารู้หรือว่าเธอรู้สึกอย่างไร 
 เธอไม่อยากเล่นเลย จึงบอกเขาไป
	ฉันไม่เล่นได้ไหม
	ไม่ได้ ถ้าเธอไม่ยอมเล่น ฉันก็ไม่ยอมไปส่งเธอที่บ้านชายหนุ่มมัดมือชก หญิงสาวได้แต่จำยอมอย่างเสียมิได้ นี่เราต้องเดินไปตามทางนั้นจริง ๆนะหรือ 
		จินเซไม่รอฟังคำตอบวิ่งไปรอหญิงสาวที่ปลายทาง หญิงสาวเริ่มเดิน รู้สึกว่าข้าง ทางจะมีไม้กั้นสูงประมาณข้อเท้าของเธอ หากเดินไปอีกนิดต้องสะดุดล้มแน่
 เธอต้องเดินตรงไป ตรงไปเรื่อย  คำคำนั้น ถ้าไม้สลักเป็นคำ เธอจะรู้ทันทีว่าเธอควรเลี่ยงไปทางไหน เธอเดินขึ้นไปตามไม้ แล้วเดินลงมาอีกครั้ง ไม่นานเธอก็เลี้ยวซ้าย
	 	คำนั้นต้องเป็นคำนั้นเป็นแน่ สามคำนั้นใช่ไหม จากนั้นเธอก็เริ่มเดินวนเป็นรูปวงกลมรอบหนึ่ง ตัวนี้ยิ่งแน่ใจมากขึ้นหัวใจเธอเต้นแรงขึ้น เมื่อเธอรู้ว่าเขารู้ความในใจ
และแล้วเธอก็เดินมาถึงตัวสุดท้ายเธอเดินไปเป็นรูปครึ่งวงกลมยาว ๆ อย่าง ช้า ๆก็คลำทางไปเรื่อย รู้สึกมีมือใครคนหนึ่งจับไว้ เธอรู้ดีว่ามือนี้เป็นของใคร เป็นคนที่เธอพึ่งสารภาพบางคำไปกับเขา
		เธอลืมตาขึ้นอย่างช้า  ๆด้วยหัวใจที่หวั่นไหว รู้สึกว่ามันเต้นแปลก เธอหายใจขาดเป็นห้วง ๆรู้สึกเลือดสูบฉีดไปทั่วร่าง นี่ใช่ไหมคืออาการของคนที่กำลังรักใครสักคน
จินเซจะเป็นอย่างเธอบ้างไหม เขาหลอกให้เธอพูดแล้วเขาละจะยอมพูดสามคำนั้นกับเธอหรือเปล่า
		ทันที่ที่เธอลืมตา เธอก็เห็นเขายิ้มมาให้เธอ แต่รอยยิ้มนั้นแปลกไปกว่าทุกวันตรงที่ มันเป็นรอยยิ้มแห่งความปิติยินดี ในหัวใจ
	ดีจังเลย เธอเดินมาฉันโดยไม่สะดุดล้มสักนิดเขากล่าวพร้อมมือทั้งสองข้างที่ยังกุมมือเธอไว้อย่างไม่ยอมให้จากไปไหน
		ชายหนุ่มอยากบอกหญิงสาวบ้างหากแต่ไม่ต้องการพูดแต่อยากให้เธอรู้สึกและสัมผัสได้ว่าใจเขารู้สึกเช่นไร
		เขานำมือของเธอที่อยู่ในการกุมของเขาแล้วนำมาทาบที่หน้าอก พร้อมบอกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า
	เธอได้ยินที่มันบอกใช่ไหม
		หญิงสาวยิ้มให้เขาแล้วพยักหน้าช้า ๆ จากนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนมีไฟสว่างมาจากทางเบื้องหลัง
		เมื่อหันไปก็พบคำคำนั้นที่เธอพึ่งเดินผ่านมา มันมีข้อความว่า
	I LOVE YOUหญิงสาวหันกลับมายิ้มให้เขาอีกครั้งพลางโผกอดเขาด้วยหัวใจที่สุขล้นอย่างบอกไม่ถูก
		ทั้งสองไม่พูดอะไรเลย แต่สัมผัสที่ทั้งสอดโอบกอดกัน ก็รับรู้ถึงความรักที่ทั้งคู่มีต่อกันได้โดยไม่ต้องพูดสักคำ
		

		ทางด้านชิเน่เธอก็ไปพบแพทย์ตามที่นัดไว้ เมื่อไปถึงโรงพยาบาลไปเธอก็รู้ว่าโลกทั้งโลกเหมือนมาถล่มทลายอยู่หน้าเธอ 
	มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือคะหญิงสาวผงะ ทำอะไรไม่ถูกกับชะตาชีวิตที่เกิดขึ้น 
	มีทางรักษาใช่ไหมครับพ่อของชิเน่ถามอย่างกลัวคำตอบนัยน์ตามองไปที่คุณหมอเหมือนขอความหวัง
	หมอทำท่าหนักใจ และทำท่าคิดก่อนเหมือนหาคำพูดมาพูดให้ผู้ป่วยสบายใจ 
	แม้ผ่าตัดรักษา เปอร์เซนต์รอดไม่ถึงห้าสิบแพทย์หนุ่มผู้นั้น พูดช้า ๆแต่ชัดเจน ยังไม่ทันที่จะพูดต่อ แม่ของเธอตกใจเอามือปิดปากไว้ น้ำตาเริ่มไหลพยายามควบคุมสติอารมณ์
 ชิเน่รู้ดีว่าแม่ไม่อยากให้เธอตกใจ
  	ชิเน่น้ำตาไหลริน มันคงเป็นวันที่ร้ายที่สุดสำหรับเธอ เธอหลับตาเหมือนอยากจะให้เพียงความฝัน แต่ลืมตาขึ้นมันก็เป็นจริงจนเธอปฏิเสธไม่ได้
	ไม่.. ไม่มีทางเลยหรือครับคุณหมอพ่อของชิเน่เสียงสั่น พยายามหาทางช่วยชีวิตลูกสาวคนเดียวจนถึงที่สุด แม่เธอยังคงสะอื้นไห้ไม่เลิก เธอกอดลูกสาวไว้แน่น 
จะปลอบแต่หาคำพูดไม่ได้ชิเน่เองก็ได้แต่ตะลึง
	อย่างมากที่สุด ยื้อชีวิตหกเดือนยิ่งฟังคำหมอชิเน่ก็น้ำตาไหลริน ไม่พูดสักคำสมองอื้อทำอะไรไม่ถูก แม่เธอส่ายหน้ากับคำตอบที่หมอมีให้
	ไม่นะคะ คุณหมออย่าบอกว่าไม่มีทางช่วยลูกสาวฉัน คุณต้องหาทางช่วยลูกฉันสิคะ ได้โปรด ได้โปรดอย่าบอกดิฉันว่าหมดหวังแม่ของชิเน่สะอื้นไห้ ด้วยหัวใจแหลกสลายมือยังคงโอบกอดลูกสาวไว้แน่นที่ตอนนี้นิ่งไม่ยอมพูดสิ่งใด 
		ชิเน่นั่งคิดด้วยหัวใจที่แหลกสลาย นี่เราจะเหลือเวลาไม่นานแล้วหรือ ฉันจะไปจากโลกนี้ทั้งที่หกเดือนข้างหน้าจะไปตามฝันที่ตั้งไว้ ยังมีอะไรอีกมากที่ยังไม่ได้ทำเลย 
ทำไมเบื้องบนถึ งรีบพรากชีวิตของเธอไปละ เธอทำอะไรผิดกันนัก ทำไมถึงต้องพรากชีวิตของเธอไปจากคนที่เธอรัก
	หน้าที่ของหมอยังไง ก็ต้องหาทางช่วยเธอให้ถึงที่สุดหมอบอก หน้าก็เสียเช่นกันแต่เขาก็ได้แต่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
		เมื่อถึงบ้านชิเน่เก็บตัวอยู่ในห้อง เธอเดินตรงไปยังถ้วยรางวัลทีเธอได้มาสามเดือนที่แล้วอย่างอาลัย มองมันแล้วยิ้มทั้งน้ำตา จากนั้นก็อุ้มมันไว้แล้วไปนั่งบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน
	ชิเน่ไปนอนเสียเถิดดึกมากแล้วแม่พยามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่เธอรู้ว่ามันสั่นเครือ เธอส่ายหน้า ใบหน้าตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตา แต่ก็ยังหันมาพูดกับแม่แล้วยิ้มว่า
	หนูยังไม่อยากนอนเลยคะ แม่ก็รู้ว่าหนูเหลือเวลาไม่มากเธอทำท่าจะพูดต่อแต่แม่ของเธอเอามือปิดปากไว้โดยเร็วไม่ฟังที่ลูก  ส่ายหน้าปฏิเสธความจริงแล้วพูดวา
	ไม่ชิเน่ อย่า..แม่ของชิเน่หยุดพูด พร้อมหายใจเข้า พยายามกลั้นไม่ให้สะอื้นไห้จนลูกเสียขวัญ
	อย่าพูดให้แม่ใจเสีย ชิเน่แม่ชิเน่เรียกชื่อลูกเสียงสะอื้นประโยคสุดท้าย
	ชิเน่ของแม่ต้องอยู่เต้นรำให้แม่ดูอีกนาน นานจนลูกห้องนี้ไม่รู้จะเก็บถ้วยรางวัลอของลูกไว้ที่ไหนแม่เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมลูบใบหน้าบุตรสาวอย่างรักใคร่ 
สงสารลูกจับใจ จากนั้นก็กอดเธอแน่นเหมือนหวงแหนของรัก ไม่อยากให้จากไปไหน   พยายามจะปลอบโยนบุตรสาวหากแต่ก็สะกดกลั้นความเศร้าโศกไม่ได้ จึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสะอื้น
	อย่าไปฟังที่คุณหมอเค้าพูด เรายังมี แม่ชิเน่หายใจเข้าด้วยแรงสะอื้น หากแต่ก็พยายามพูดประโยคต่อไปอย่างยากเย็น ยังมีความหวัง ยังมีหวัง
สิ้นประโยคแม่ชิเน่ก็สะอื้นไห้ออกมาอย่างปวดร้าวกับความจริงที่ต้องเผชิญ ความตายเป็นสิ่งที่ลูกของเธอไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่ไม่สิพวกเธอยังมีหวัง แม้มันจะริบหรี่แต่เธอจะไม่หมดหวัง 
		แต่ชิเน่รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ และเธอก็รู้ว่าแม่ก็รู้เช่นกันจึงสะอื้นไห้ออกมาอีกโดยควบคุมไม่ได้อีกต่อไป
	คุณแม่คะอย่า อย่าร้องไห้สิคะชิเน่กล่าวพลางเอามือเบาบาง และนุ่มนวลของซับน้ำตาให้ผู้เป็นมารดา ที่ตอนนี้ไม่กล้าสบตาผู้เป็นบุตรสาวเพราะกลัวจะปล่อยโฮมาอีก
	คุณแม่คะ ไม่มีใครโกหกเราหรอกนะคะชิเน่พูดไปน้ำตาก็ไหลรินไป แต่แววตาที่มองผู้เป็นแม่พยายามปลอบโยนทั้งที่ตนเองก็เจ็บปวดกับความจริงที่ได้รับรู้
	เพราะงั้น เราอย่าโกหกตัวเองอีกเลยชิเน่กล่าวประโยคนั้นจบก็ยิ้มให้ผู้เป็นมารดา หากแต่นัยน์ตายังคงเต็มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น หากแต่ก็พยายามพูดกับมารดาด้วยน้ำเสียงอันสดใสว่า
	เราหยุดพูดเรื่องนี้กันเถิดคะคุณแม่ เวลาทุกนาทีของเราต่อจากนี้มันมีค่า ทำไมเราต้องไปเสียเวลาให้กับความโศกเศร้าเสียใจจากนั้นเธอก็เอามือลูบใบหน้าเพื่อเช็ดคราบน้ำตา
		 แม่เธอก็พยายามสะกดกลั้นอารมณ์หันมามองลูกสาวพลางยิ้มให้ แต่ก็ดูเหมือนจะยากเย็น
	คุณแม่ยังจำวันที่หนูประกวดได้ไหมคะชิเน่กล่าวกลับมารดา พร้อมหยิบถ้วยรางวัลของเธอขึ้นมองดูผู้เป็นมารดากับมันสลับกันไป
	ขณะที่หนูรับถ้วยรางวัล ในใจหนูรู้สึกขอบคุณคุณพ่อ คุณแม่ ที่ให้กำเนิดหนู เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือประโยคเล็กน้อยแต่พยายามควบคุม พร้อมยิ้มให้กับมารดาทั้งน้ำตา
แล้วกล่าวต่อด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย
	ได้มอบร่างกายให้กับหนู  เพื่อที่ได้ทำในสิ่งที่หนูรัก เพราะงั้นหนูไม่ต้องการพรวิเศษอันใดอีกแล้ว เพราะพรวิเศษที่สุดสำหรับชีวิตหนู คือการได้เป็นลูกของพ่อและแม่เธอกล่าวพร้อมยิ้มแม่ของเธอโผเข้ากอดเธอตัวสั่นเทาตามแรงสะอื้น ทั้งสองไม่รู้ว่านายแตซูผู้เป็นบิดาได้แต่ยืนดูอยู่อย่างไม่กล้าเข้าไปเพราะกลัวสะกดกลั้นความเสียใจไว้ไม่ได้นั่นเอง
		จากนั้นชิเน่ก็ผละจากผู้เป็นมารดา พร้อมมองไปที่มารดา ซึ่งยังคงมองไปที่มือทั้งสองไม่ยอมสบตาเธอ เช่นเคย
	คุณแม่คะ มองหน้าลูกสิคะหญิงสาวอ้อนวอนผู้เป็นมารดาด้วยน้ำเสียงสดใส แต่มันมีกังวานแห่งความเศร้าโศกยิ่งนัก
	ผู้เป็นมารดาค่อย ๆเงยหน้ามาสบตาผู้เป็นบุตรสาว ใบหน้าสั่นเทาไปที่จากแรงสะอื้นไห้ เธอไม่อาจกล่าวสิ่งใดกับผู้เป็นลูกได้เลยในขณะนี้
	คุณแม่รักหนูมากไหมคะชิเน่เอ่ยถามผู้เป็นมารดาด้วยน้ำเสียงพยายามทำให้สดใส แต่เธอก็รู้ตัวดีว่าทำไม่ได้
	ทำไมถึงถามอย่างนั้นละลูกเธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนพูดประโยคต่อไปพร้อมกับพูดประโยคต่อไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
	แม่รักลูก และลูกก็เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของแม่แม่ของชิเน่เอ่ยจบก็เอามือปิดปากตนเองเหมือนจะพยายามปิดบังความเศร้าหมองในจิตใจ บัดนี้เธอไม่อาจสะกดกลั้นความหวั่นใจใด ๆได้อีกแล้ว
	ยิ่งพอได้ยินเสียงอันอ่อนหวานเรียกเธอให้หันมามองหน้า ก็ยิ่งสะท้อนใจยิ่งนัก
	คุณแม่คะ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ขอให้รู้ว่าหนูไม่ได้จากคุณแม่ไปไหนไกล หนูยังอยู่กับคุณแม่เสมอตรงนี้แล้วเธอก็ชี้ไปที่หัวใจของตน
	คุณแม่อย่าร้องไห้ให้นะคะ เพราะเราไม่ได้พรัดพรากจากกันไปไหน แม่ของเธอยิ่งได้ฟังก็ยิ่งสะอื้นไห้
	เมื่อใดที่คุณแม่คิดถึงหนู เพียงคุณแม่หลับตาลง ลูกก็จะมาอยู่ข้าง ๆคุณแม่เหมือนอย่างเคยเท่านั้นเองแม่ของชิเน่โผกอดชิเน่ด้วยใจที่หวาดหวั่น เพราะไม่อยากให้วันนั้นมาถึงเลย
	

		วันต่อมาอาจารย์ก็นัดนักศึกษาคณะศิลปกรรมมาซ้อมเต้นรำที่ห้องเช่นเคย หากแต่ชิเน่ก็มิได้จับคู่กับเยียร์ร่าห์จนเพื่อนในกลุ่มอดแปลกใจไม่ได้ โดยเฉพาะเยียร์ร่าห์
	ชิเน่ไม่ยอมจับคู่เต้นรำกับเยียร์ร่าห์เหมือนเคย
	ชิเน่ ทำไมวันนี้เธอไม่เต้นคู่กับเยียร์ร่าห์หรือเพื่อนคนหนึ่งถาม ชิน่ายิ้มเอื่อย ๆให้เพื่อนคนนั้น พร้อมบอกเธอว่า 
	วันนี้ฉันอยากเปลี่ยนคู่บ้างนะแล้วเธอก็หันมามองเยียร์ร่าห์ที่มองเธอด้วยแววตาสังหรณ์ใจว่าเธอต้องรู้ความจริง เพื่อนหันมามองเธอเหมือนขอความเห็น
		ชิเน่หันมามองเธอด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนมองเพื่อนคนนั้นเหมือนไม่สนใจคำพูดเธอว่าเธอจะตอบอย่างไร
		เยียร์ร่าห์เห็นอย่างนั้นจึงฝืนยิ้มแล้วบอกเพื่อนคนนั้นว่า 
	ก็แล้วแต่ชิเน่เถิดจากนั้นทั้งหมดก็เต้นรำตามคู่ของตนเอง โดยเยียร์ร่าห์ไปจับคู่กับคนอื่น  ตลอดเวลาที่ซ้อมเต้นเยียร์ร่าห์เฝ้ามองไปที่ชิเน่ แต่ชิเน่ไม่ได้หันมามองทางเธอ เธอรู้สึกว่าชิเน่เงียบไป 
ผิดกับปกติกว่าทุกวันที่เจอหน้ากันต้องทักทาย แล้วเล่าเรื่องต่าง ๆ แต่วันนี้มันผิดสังเกต หรือว่าชิเน่จะรู้ความจริงระหว่างเธอและจินเซ แต่ไม่น่าเป็นไปได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นชิเน่ต้องแสดงความรู้สึกตั้งแต่เมื่อวานแล้วสิ
		เธอได้แต่ปลอบใจตนเองว่ามันคงไม่มีอะไร แต่ก็อดหวั่นใจ แล้วสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก
		ด้านชิเน่พอเต้นไม่นานเธอก็รู้สึกตาลาย หายใจไม่ทั่วท้อง หน้าชา เธอรู้แต่ว่าเวลาของเธอเหลือไม่มากแต่ไม่คิดว่ามันจะแสดงอาการเร็วขนาดนี้ เธอได้แต่ฝืนเต้นไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอป่วย 
แต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งยากเย็น และแล้วเธอก็ล้มลงไป 
		เธอเอามือกุมขมับเหมือนจะบรรเทาอาการปวดอันรุนแรงนั้น เพื่อน ๆเห็นดังนั้นก็ตกใจมาก โดยเฉพาะเยียร์ร่าห์เธอวิ่งมาทางชิเน่ 
	ชิเน่เธอเป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเยียร์ร่าหถามพลางจะเอามือแตะหน้าผาก หากแต่ชิเน่ก็สะบัดมือเธอไปพร้อมบอกเธอด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน แต่เหินห่างว่า
	ไม่ต้องมายุ่งกับฉันเยียร์ร่าห์ผงะทันทีที่เพื่อนพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร อาจารย์ก็ให้พาชิเน่ไปที่ห้องพยาบาล เยียร์ร่าห์จะเข้าไปประคอง เธอก็ได้รับคำพูดเช่นเดิมจากชิเน่
	บอกว่าอย่ามายุ่งไงชิเน่พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนขึ้นหากยังเหินห่างกับเธอเช่นเคย แต่ตอนนี้เยียร์ราห์ไม่ยอมเธอเข้าไปประคองเพื่อน พร้อมเสียงดังขึ้นอย่างจริงจังว่า
	เธอจะโกรธฉัน ก็ขอให้โกรธฉันหลังจากพาเธอไปห้องพยาบาลก่อนได้ไหมจากนั้นเยียร์ร่าห์ก็ไม่ฟังคำทัดทานเพื่อนยังคงพาไปที่ห้องพยาบาลโดยอาจารย์และเพื่อน 
ในตอนนี้เต็มไปด้วยความห่วงใยชิเน่จนไม่ทันสังเกตว่าทั้งชิเน่และเยียร์ร่าห์มีเรื่องกัน
		ไม่นานเยียร์ร่าห์ก็พยุงพาชิเน่มาที่ห้องพยาบาล โดยทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ชิเน่เมินหน้าไปอีกทางเพราะไม่อยากเห็นหน้าเยียร์ร่าห์
		เยียร์ร่าห์เห็นเพื่อนของเธอหน้าซีดมากขึ้น เธอจึงหยิบยาดมแล้วส่งให้ชิเน่ ชิเน่มองมันแล้วมองมาที่เธออย่างเย็นชาเช่นเคยก่อนหยิบมันมา พร้อมกำไว้แน่น 
ก่อนที่จะโยนมันทิ้งไปแล้วหันมามองเธอด้วยสายตาเย็นชา
		เยียร์ร่าห์เห็นดังนั้นเธอทั้งตกใจและแปลกใจที่เพื่อนทำอย่างนั้น
	ทำไมถึงโยนมันทิ้งละชิเน่เยียร์ร่าห์เอ่ยอย่างแผ่วเบาด้วยความเสียใจ
		ชิเน่ยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่งก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ที่เธอรู้ว่ามันเต็มไปด้วยความประชดประชัน
	คนโกหกหลอกลวงอย่างเธอ เป็นห่วงฉันด้วยหรือ				
19 ตุลาคม 2547 14:01 น.

จุดประกายแห่งความฝันเมื่อฉันมีเธอ ตอนที่ 4(เป็นคุณคุณจะตัดสินใจอย่างเธอไหม วิจารณ์ได้นะ)

เก่งกาจ

ตอนที่ 4
		หลังจากทั้งคู่คุยกันพักหนึ่งก็แยกย้ายกันกลับ ทั้งสามกล่าวลาแล้วแยกไปอีกทาง โดยจินเซไปส่งชิเน่
เยียร์ร่าห์ยังไม่อยากกลับบ้านเธอจึงไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะที่ครั้งหนึ่งเธอไปเดินปล่อยอารมณ์วันที่เธอตัดสินใจสละสิทธิ์เต้นรำในวันนั้น
	แล้วเธอก็ทำไม่ได้อยู่ดี ทำไม่ได้ที่จะไม่ยอมเสียสละความสุขของตนเองเพื่อชิเน่ จะทำลงได้อย่างไรก็ชิเน่เป็นเพื่อนที่เธอรักที่สุด
	
		เธอนั่งอยู่ที่สวนสาธารณะจนค่ำ แต่ไม่คิดจะลุกไปไหน เธอรู้อยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ แต่ถาหากเขาอยู่กับเธอในตอนนี้ก็คงจะดี
	หลับตาสิ ถ้าลืมตาเธอก็คงเห็นเขา แต่เขาไปกับชิเน่นี่ พรวิเศษใด ๆก็คงไม่ส่งเขามาให้เธอในยามนี้ ยามที่เธอหดหู่ในการตัดสินใจของเธออีกครั้ง 
	นี่เธอเป็นเพื่อนที่ดีจริงหรือเปล่า ทำไมตัดสินใจทำเพื่อความสุขของเพื่อน ควรจะยินดี แต่ทำไมถึงมานั่งเศร้าที่นี่
		เธอหลับตาลงอย่างอยากลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นรวมทั้งเรื่องวันนั้น วันที่เธอสละสิทธิ์
		ถ้าฉันลืมตาฉันจะเจอเขาไหมน้า ในใจบัดนี้เต็มไปด้วยใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้น ฝนเริ่มจะโปรยลงมาแต่เยียร์ร่าห์ยังไม่อยากลืมตา 
	เพราะกลัวที่จะลืมมาแล้วไม่เจอใคร มันคงรู้สึกแย่ 
		สักครู่ได้ไหมรอให้เธอทำใจได้ก่อน ไม่นานนักหรอก
		เมื่อฝนเริ่มร่วงโรยลงมา เยียร์ร่าห์รู้สึกได้เมื่อมันร่วงลงมาสัมผัสใบหน้าเธอ แต่ไม่นานฝนก็เหมือนหยุดตก หรือว่า เธอลืมตาขึ้นอย่างยินดี แล้วเธอก็ได้พบกับคนที่เธอต้องการจริง ๆ
		แต่ในยามนี้เขาไม่ยิ้มให้เธอเช่นเคย สายตาบ่งบอกถึงความเสียใจ และน้อยใจเธอ แต่เขาก็ยังมาเคียงข้างเธอในยามนี้
	ทำไม เธอไม่อยากเป็นคู่เต้นรำของฉันหรือชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าทั้งแววตา หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าทั้งน้ำตา 
	ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันเป็นเพื่อนที่ดีของชิเน่จริง ๆหรือเปล่า ทั้ง ๆที่ตัดสินใจไปแล้ว กลับมานั่งเสียใจอย่างนี้ มันหมายความว่ายังไงหญิงสาวกล่าวเสียงสั่นน้ำตาไหลริน
อยากให้เขาเข้าใจเธอเหลือเกิน ไม่ใช่ว่าเขาไม่สำคัญ แต่เธอไม่สามารถทำให้ชิเน่เพื่อนรักเสียใจได้
	เธอเป็นเพื่อนที่แย่ที่สุดสำหรับฉันเสมอ ไม่ว่าเธอจะทำอะไร เธอไม่เคยสนใจความรู้สึกของฉันเลย แม้ฉันจะยิ้มให้เธอ แต่หัวใจของฉันเจ็บปวด เธอก็ไม่เคยรู้เลยใช่ไหม
ชายหนุ่มกล่าวพลางมองไปที่เธอด้วยสายตาบ่งบอกความเจ็บปวดที่ออกมาจากหัวใจ
	น้ำตาหญิงสาวได้แต่ไหลริน พร้อมคำขอโทษที่มีให้เขาในหัวใจร้อยล้านคำ แต่เธอพูดมันไม่ออกมาแม้แต่คำเดียว ทั้งคู่นั่งอยู่ด้วยกันเนิ่นนานอยู่อย่างนั้นโดยไม่กล่าวสิ่งใด
		วันต่อมาชิเน่ต้องไปซ้อมกับจินเซ โดยมีเยียร์ร่าห์ตามไปเป็นเพื่อน ในขณะที่ชิเน่ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อ  ในขณะที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า ชิเน่ก็รู้สึกมีของเหลวไหลมาที่ปลายจมูกเธอเอามืบลูบมัน
 เมื่อเห็นว่าเป็นเลือดมือไม้เธอสั่น ไปหมด ด้วยความกลัว นี่เธอเป็นอะไรกัน เธอรีบเอาผ้าเช็ดหน้าอุดจมูกพลางเงยหน้าขึ้น อีกด้านจินเซพูดกับเยียร์ร่าห์ด้วยสีหน้าจริงจัง
	เย็นนี้ไปรอฉันที่สวนสาธารณะเค้าพูดพร้อมจะเดินไป ตอนนี้ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม 
	แต่หญิงสาวทำท่าจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นใบหน้าเขาก็ไม่กล้าปฏิเสธ เมื่อชิเน่เดินเข้ามาเธอจึงขอตัวกลับก่อน ทันทีที่เธอจะเดินจากไป เพลงก็บรรเลงขึ้น 
เยียร์ร่าห์หันกลับมาเห็นจินเซกำลังเต้นกับชิเน่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย จนหญิงสาวคาดเดาอารมณ์เขาไม่ออก ผิดกับชิเน่ที่เต้นรำกับเขาอย่างมีความสุขโดยลืมเรื่องที่กังวลเกี่ยวกับสุขภาพเธอเสียสนิท 
เยียร์ร่าห์เห็นอย่างนั้นแล้วก็รู้สึกเศร้าไม่ได้ที่คนที่อยู่ตรงนั้นควรจะเป็นเธอ ได้แต่เดินออกไปเงียบ ๆ 
		แต่เธอไม่เห็นว่าจินเซมองตามเธออแวบหนึ่ง โดยชิเน่ไม่ทันสังเกต
		หลังจากฝึกซ้อมกันอยู่พักหนึ่ง  ทั้งคู่ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
		ม่นานจินเซก็ไปถึงที่นัดหมายระหว่างเขากับเยียร์ร่าห์ ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว เขาวิ่งด้วยใจที่กลัวว่าหญิงสาวจะไม่มา แต่ในใจก็หวังไว้ว่าต้องมาตามที่เขาบังคับแกมขอร้อง 
เมื่อไปถึงที่เดิมแล้วเห็นเธอก็ยิ้มอย่างยินดี เยียร์ร่าห์ยิ้มให้เขา
	มีอะไรหรือ นัดฉันมาที่นี่หญิงสาวกล่าวตามที่ได้ตั้งใจไว้ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงนัดมาที่นี่
	ฉันอยากมาซ้อมเต้นรำต่อกับเธอชายหนุ่มกล่าวพลางยิ้มให้เธอเช่นเคย
	กับฉันหญิงสาวเสียงสูงนิดหนึ่งด้วยความแปลกใจ
	ไม่ละ เธอคู่กับชิเน่ เธอก็ไปซ้อมกับเขาสิหญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆแต่ทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนสีไปเลยทีเดียว
		เยียร์ร่าห์กล่าวจบพลางจะเดินผละไป ชายหนุ่มจึงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเหมือนครั้งที่เขานัดหล่อนมาที่นี่ว่า	
	ถ้าเธอไม่ตามใจฉัน ฉันก็จะไม่ตามใจเธออีกต่อไปหญิงสาวหันหน้าไปเผชิญกับเขาที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจ หลีกเลี่ยงข้อเสนอของเค้าไม่ได้ 
ชายหนุ่มยื่นมือมาให้หญิงสาวหยุดมองเขานิดหนึ่ง เธอก็จับมือนั้นไว้เหมือนรับข้อเสนอ 
		ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างยินดี
	ซ้อมกันที่นี่นะหรือหญิงสาวกล่าวพลางมองรอบ  ๆ กลัวคนมาเห็น
	ใช่สิชายหนุ่มยิ้มพร้อมเข้าใจความรู้สึกของเธอจึงรีบบอก
	มาเถอะ ไม่มีใครแอบดูหรอก ฉันรอเวลานี้มานานแล้วรู้ไหมชายหนุ่มกล่าวพลางยิ้มให้เธอ เยียร์ร่าห์ยิ้มตอบ เธอก็รอเวลานี้มานานแล้วเหมือนกัน
		หลายวันต่อมาอาจารย์นัดให้นักศึกษาคณะศิลปกรรมมาซ้อมเต้น ซึ่งก็รวมทั้งเยียร์ร่าห์และชิเน่ ทั้งคู่จับคู่ซ้อมกัน ชิเน่ชวนเพื่อนคุยเช่นเคยในขณะที่ซ้อมเต้นรำ
		ในขณะที่กำลังเข้าเต้นท่าแบบดาว ทำสลับข้างกันนั้น
	ฉันว่า ฉันคงรักจินเซเข้าให้แล้วชิเน่กล่าวในระหว่างที่ซ้อม เยียร์ร่าห์ไม่คิดว่าเพื่อนจะชอบจินเซ เธอคิดว่าเพื่อนคงปลื้มในฐานะที่เขาเป็นนักเต้นรำที่เก่งคนหนึ่ง
	เหรอเธอยิ้มให้เพื่อน แต่เธอรู้สึกว่ามันเป็นยิ้มแหย ๆเหลือเกิน หากแต่ชิเน่ไม่รู้
	เริ่มรักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือเธอพูดเหมือนหาเรื่องคุย แต่ชิเน่อ่านใจคนได้เธอจะรู้ว่าเยียร์ร่าห์อยากรู้จริง ๆ
		ชิเน่ส่ายหน้าแทนคำตอบ พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขเมื่อคิดถึงชายผู้นี้
	ความรู้สึกนี้มันก่อขึ้นเมื่อไรเราก็บอกไม่ได้ รู้แต่ว่าพออยู่ในอ้อมกอดของเขาเวลาเต้นรำ ก็ไม่อยากให้เพลงจบ อย่างนี้เรียกว่าตกหลุมรักได้หรือเปล่าละชิเน่กล่าวเหมือนจะขอความคิดเห็น
 แต่ไม่จำเป็นเธอแน่ใจในความรู้สึกของเธอนานแล้ว เยียร์ร่าห์ทำอะไรไม่ถูก จนถึงจังหวะเปลี่ยนคู่เพื่อนอีกคนจึงเดินชนเธอ เพราะเธอไม่เดินทำให้คนอื่นต้องเสียจังหวะ
	เยียร์ร่าห์ทำไมไม่เดินต่อละดูเหมือนเยียร์ร่าห์จะไม่ได้ยิน ชิเน่จึงเข้าไปสะกิด
		เท่านั้นเธอจึงรู้สึกตัว เธอหันไปยิ้มให้ครูแบบแหย ๆ
	ไม่สบายหรือเปล่าอาจารย์หันมาพูดด้วยเสียงแข็ง ๆ แต่แววตาก็บอกว่าห่วง
	นิด นิดหน่อยค่ะเยียร์ร่าห์หันไปพูดกับอาจารย์แหย ๆ ครูได้แต่ถอนหายใจ แล้วก็บอกเลิกการซ้อม เยียร์ร่าห์รู้ดีว่าอาจารย์เห็นว่าเธอคงซ้อมไม่ไหวจึงหยุดแค่นี้ก่อน
		หลังจากเปลี่ยนชุดแล้ว เยียร์ร่าห์กับชิเน่ก็ไปนั่งหาอะไรดื่มที่ร้านคอฟฟี่ช็อฟเช่นเคย
		เยียร์ร่าห์ยังคงครุ่นคิดถึงคำพูดของเพื่อนเธอในชั่วโมงเรียน และไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าทำไมต้องสนใจว่าชายผู้นั้นจะรู้สึกเช่นไรกับเพื่อนของเธอ
	จนไม่ได้ใส่ใจว่าตอนนี้เพื่อนเธอกำลังเรียกเพื่อที่จะคุยบางอย่าง 
	เยียร์ร่าห์ นี่..เธอเยียร์ร่าห์มารู้ตัวอีกทีเมื่อเพื่อนเอามือมาโบกไปมาเหมือนเรียกให้ตื่นจากภวังค์
	เป็นอะไรไป ฉันเห็นเธอเหม่อตั้งแต่ในห้องเรียนแล้วชิเน่พูดยิ้ม ๆไม่คิดสิ่งใดนอกจากเธอเห็นว่าอาการเหม่อลอยนี้คล้ายกับตอนที่เธอหลงรักจินเซ
		เธอจึงอดแซวไม่ได้
	หรือว่า ตอนนี้เธอกำลังตกหลุมรักใครหรือ ใช่ไหมชิเน่ยิ้มแบบแซว แวบแรกเยียร์ร่าห์ตกใจ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าที่เป็นอย่างนี้เพราะอาจตกหลุมรักใคร 
	คนคนนั้นเธออยากจะปฏิเสธไม่ให้เป็นคนคนเดียวกับเพื่อน แต่พอรู้ตัวก็รีบปฏิเสธอย่างจริงจัง
	ไม่มี แล้วรีบเปลี่ยนน้ำเสียงให้เป็นปกติไม่ให้เพื่อนจับได้
	ยังหาที่ถูกใจอย่างเธอไม่ได้สักคน แล้วจะไปรักใครละ อย่าเหมารวมว่าคนเหม่อลอยทุกคนจะเป็นอย่างเธอสิเธอกล่าวล้อ ๆเพื่อนแบบไม่จริงจัง
	เหม่อลอยอย่างนี้ใคร ๆเค้าก็คิดว่าเราเหมือนคนบ้า นะ แต่เค้าไม่รู้หรอกว่าการที่เรานั่งคิดถึงแต่คนที่เรารักด้วยความรู้สึกที่อยากจะเจอเค้าตลอดเวลามันมีความสุขแค่ไหน
ชิเน่กล่าวพลางทำหน้าเคลิ้มคิดถึงจินเซขึ้นมาอีกแล้ว เยียร์ร่าห์ได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ถ้าจินเซชอบชิเน่จริง ๆ เธอจะเสียใจไหมนะ ถ้าเสียใจมันก็ต้องหมายถึงเราตกหลุมรักเขาเป็นแน่ 
	ฉันว่าฉันไปสั่งของกินเพิ่มดีกว่าเยียร์ร่าห์หาข้ออ้าง เธอไม่อยากอยู่ตรงนี้นาน เพราะกลัวจะแสดงความรู้สึกออกมาจนชิเน่จับได้
	เธอจะสั่งมาอีกหรือ นี่เราก็สั่งมามากแล้วนะชิเน่บอกเพื่อนพลางมองเพื่อนอย่างแปลกใจ ดูวันนี้เยียร์ร่าห์แปลกไป ดูเหม่อลอย แล้วก็ทำอะไรแปลก ๆ ยกตัวอย่างเช่นจะสั่งอาหารเพิ่มตอนนี้
	เหรอ เธอทำหน้าเหรอ จากนั้นก็หาคำพูดมาได้ไม่อิ่ม ต้องสั่งอีก เธอพูดพลางยิ้มแบบเหรอ ๆ ยังพยายามไปน้ำขุ่น ๆ เยียร์ร่าห์ไม่รอช้าเธอรีบลุกออกไป
		 ชิเน่จะร้องห้ามเพราะเห็นพนักงานกำลังยกเครื่องดื่มเดินมาทางเยียร์ร่าห์ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
	อุ๊ยเยียร์ร่าห์ร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ พนักงานรีบขอโทษ เธอก็ขอโทษเขาเช่นกัน 
	ไม่เป็นไรคะ เดี๋ยวดิฉันจัดการล้างเองได้ ห้องน้ำอยู่ทางไหนคะเยียร์ร่าห์พูด ตอนนี้เธอหน้าเสียเต็มที่ พนักงานรีบบอกทาง ทันทีที่รู้ทางเธอก็ตรงไปที่ห้องน้ำหญิงทันที
 ชิเน่มองตามอย่างครุ่นคิดในอาการของเพื่อน ไม่นานก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเพื่อนดังขึ้น
	จินเซ เหรอชิเน่มองอย่างแปลกใจ เธอมองไปทางห้องน้ำอย่างชั่งใจว่าจะรับแทนให้ดีไหม และแล้วเธอก็ตัดสินใจรับแทนเยียร์ร่าห์
		ทันทีเธอกดปุ่มเพื่อรับสาย ยังไม่ทันที่เธอจะบอกว่าเยียร์ร่าห์ติดธุระไม่สะดวกรับสาย แต่ปลายสายก็ชิงรีบพูดก่อนอย่างร้อนรน
	เยียร์ร่าห์เหรอ วันนี้ฉันอาจไปช้านะ เธอรอฉันก่อนนะ แค่นี้นะ ฉันติดธุระว่าแล้วจินเซก็วางสายไปโดยไม่สนใจว่าคู่สนทนาจะพูดว่าอย่างไร
		ชิเน่เริ่มสงสัยว่าจินเซนัดเยียร์ร่าห์ทำอะไร  ดูท่าทั้งสองจะสนิทกันมาก จากการประเมินสถานการณ์รวมทั้งท่าทางของเยียร์ร่าห์ในวันนี้
เธอแทบไม่อยากจะเดาหรือว่าทั้งสองรักกัน แต่ทำไมเยียร์ร่าห์ถึงไม่บอกเธอ 
		ยังไม่ทันที่ชิเน่ได้คิดอะไรไปมาก เยียร์ร่าห์ก็เดินออกมาห้องน้ำแล้วตรงมาที่เธอ 
	เยียร์ร่าห์ เมื่อกี้จินเซเค้าโทรมาบอกว่าวันนี้เค้าจะไปช้า ให้เธอรอเค้าก่อนชิเน่บอกอย่างเรียบ ๆพลางยิ้มให้เพื่อน เยียร์ร่าห์ผงะเล็กน้อย ก่อนยิ้มให้เพื่อน
	เหรอ ขอบใจจ๊ะเธอกล่าวพลางรีบนั่ง ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ในใจนึกกลัวชิเน่จะรู้เรื่องของเธอกับจินเซแอบซ้อมเต้นรำด้วยกัน แล้วก็อาจจะรู้ถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อจินเซ
	ท่าทางเธอสองคนดูสนิทกันนะชิเน่กล่าวก่อนหยิบโดนัทมาทาน เหมือนไม่ได้ตั้งใจรอฟังคำตอบ เยียร์ร่าห์จึงรู้ว่าชิเน่ยังไม่รู้เรื่องที่เธอกับเขาแอบซ้อมเต้นรำด้วยกัน แล้วเธอก็รีบอธิบาย
	ก็ฉันเป็นเพื่อนกับเขาตั้งแต่ประถม มันก็ต้องสนิทกันเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่มีอะไรมาหรอก
		ชิเน่เห็นอย่างนั้นก็รีบยิ้มกลบเกลื่อนในใจ พร้อมพูดเล่นอย่างเหมือนไม่มีอะไร
	ทำไมต้องจริงจังด้วย ฉันพูดไปอย่างนั้นเองนะเยียร์ร่าห์รีบยิ้ม แต่ก็เจื่อน ๆ จนชิเน่เริ่มแน่ใจว่าที่เธอกลัวมันคงเป็นความจริง
	เหรอ 
	รีบกินสิ เดี๋ยวเธอต้องไปเจอเค้าไม่ใช่หรือชิเน่รีบพูดพลางส่งของกินให้เพื่อน แล้วทั้งสองก็ตั้งหน้าตั้งตากินเหมือนไม่มีอะไร เพียงกลบเกลื่อนความรู้สึกของกันและกัน
		หลังจากที่กินอาหารเสร็จทั้งสองก็เดินแยกกันที่หน้าร้านไปคนละทาง เยียร์ร่าห์เดินพร้อมครุ่นคิดเช่นเดียวกับชิเน่แล้วทั้งสองก็ตัดสินใจหันกลับมาเรียกชื่อของอีกฝ่าน
	เยียร์ร่าห์/ชิเน่ทั้งคู่ต่างเรียกชื่อพร้อมกัน
	เธอพูดก่อนซิชิเน่บอกพลางยิ้มให้เพื่อน
	เยียร์ร่าห์ตั้งใจจะพูดเรื่องที่เธอแอบซ้อมเต้นรำกับจินเซ แต่เธอก็เปลี่ยนใจพร้อมยิ้มให้เพื่อน
	ไม่มีอะไร แค่จะบอกว่ากลับบ้านดี ๆ แล้วเธอละชิเน่
	ชิเน่ได้ยินอย่างนั้นก็ตัดสินใจไม่ถามเรื่องของจินเซและเยียร์ร่าห์แต่เธอพูดว่า
	ฉันก็เหมือนกันแล้วทั้งคู่ก็เดินจากไปคนละทางเหมือนไม่ได้บอกความรู้สึกของตนเอง
		หลังจากที่รอจินเซอยู่นาน เธอก็เห็นเขาขี่จักรยานมาทางเธอเมื่อมาถึงก็หยุดหอบ แต่สายตามองมาที่เธอไม่ว่างตา พร้อมรอยยิ้มที่ยิ้มให้เธอแบบนี้เป็นประจำ รอยยิ้มอันอบอุ่น
		หญิงสาวยิ้มตอบ อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมขี่จักรยานมา เธอควรจะทำอย่างไรระหว่างเขา เธอและชิเน่ เธอไม่อยากตัดสินใจด้วยตนเองอีกแล้ว 
ให้มันเป็นไปตามพรหมลิขิตแล้วกัน เธอไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว ตอนนี้หัวใจของเธอถูกรัดด้วยความรักจนไม่อยากถูกถอนไป 
		ม่อยากจากใบหน้าที่มีรอยยิ้มอบอวลไปด้วยความอบอุ่น
	นึกว่าไม่รอแล้วชายหนุ่มกล่าวพลางยิ้มให้เธอ  วันนี้แหละเขาต้องบอกบางอย่างกับเธอให้ได้
	เธอบอกให้ฉันรอ ฉันก็ต้องรอสิเยียร์ร่าห์ยิ้มให้เขา ในวันนี้หัวใจเธอเต้นผิดจังหวะ ดูมันไม่เป็นปกติ แต่มันก็มีความสุข และความกังวลอย่างประหลาด 
	วันนี้เราไม่ซ้อมเต้นรำได้ไหมเขาบอก ตอนนี้ยังอยู่บนรถจักรยาน
	ไม่ซ้อม แล้วนัดฉันมาทำไมเยียร์ร่าห์เอ่ยอย่างแปลกใจ ยังไม่ทันจะได้ซักอะไรมาก
เขาก็ลงจากรถมาดึงเธอขึ้นจักรยานไปเฉยไม่ฟังคำทัดทานเธอสักคำ
	เพราะมีอีกที่ ที่ฉันอยากพาเธอไปนะสิชายหนุ่มกล่าวพลางชวนให้เพื่อนสาวขึ้นมาบนที่พักเท้าแล้วให้ยืนอยู่อย่างนั้นเนื่องจากไม่มีที่ซ้อนท้าย
	เกาะแน่น ๆนะ จะไปแล้วนะ หนึ่ง สองนับสามเขาก็ออกรถไปทันที เยียร์ร่าห์กลัวจะตกจึงกอดเขาไว้แน่น ในใจก็รู้สึกมีความสุขที่ได้ใกล้ชิดกับเขา ทั้งคู่ไม่ได้สังเกตว่าชิเน่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง
 เธอได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นพึ่งเข้าใจความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็วันนี้ ตอนนี้เธอเสียใจที่เพื่อนไม่ยอมบอกว่าชอบพอกับคนที่แอบชอบ อยากโกรธ แต่เธอมีสิทธิ์อะไรไปโกรธเขาละ เธอไม่มีสิทธิ์บังคับให้เขารักเธอนี่
	นึกแล้วก็ได้แต่เสียใจที่เธอไปหลงรักคนที่ไม่เคยเหลียวแลตน เธอไม่มีสิทธิ์โกรธเขา แต่เพื่อนของเธอนี่สิทั้งที่รู้แก่ใจว่าเธอรักเขา แต่ไม่บอกความรู้สึกของตนเองสักคำมันหมายความว่ายังไง
		ฟ คิดแล้วชิเน่ก็โกรธเพื่อนเธอทันที
	หลังจากที่ขี่มาตั้งนาน 
	ใกล้ถึงหรือยังจินเซ ขี่มาตั้งนานแล้วนะเยียร์ร่าห์กล่าวพลางมองทางรอบ ๆ เริ่มห่างไกลบ้านเธอไปทุกที
	ถึงแล้วชายหนุ่มตอบพลางหันมายิ้มให้หญิงสาว หญิงสาวลงจากรถจักรยาน พลางก้มทุบที่เขาที่ยืนเสียตั้งนาน พร้อมหันไปมองรอบ ๆ
	พาฉันมาที่ไหนกันนี่เธอมองไปรอบ ๆอย่างสนเท่ห์ แต่เพื่อนของเธอยังคงยิ้มแล้วเข้าจับมือเธอ 
แล้วพูดว่า
	เดี๋ยวก็รู้ แต่ว่าตอนนี้หลับตาก่อนได้ไหม
(ติดตามมาขนาดนี้แล้วก็ติดตามต่อไปนะ รับรองซึ้งและสนุก)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเก่งกาจ
Lovings  เก่งกาจ เลิฟ 1 คน
Lovers  0 คน เลิฟเก่งกาจ
Lovings  เก่งกาจ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเก่งกาจ
Lovings  เก่งกาจ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเก่งกาจ