จุดประกายแห่งความฝันเมื่อฉันมีเธอ ตอนที่ 5

เก่งกาจ

ตอนที่ 5
	เดี๋ยวก็รู้ แต่ว่าตอนนี้หลับตาก่อนได้ไหม
	หลับตาทำไมหญิงสาวเสียงสูงนิดหนึ่ง ไม่ยอมทำตา มองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ
	ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก หลับตาสิชายหนุ่มพยักหน้าแล้วยิ้มรอให้หญิงสาวทำตาม หญิงสาวได้แต่ทำตามอย่างเสียไม่ได้ จินเซเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมา จากนั้นก็พาหญิงสาวเดินไปที่หนึ่ง 
		เยียร์ร่าห์รู้สึกตนเองอยู่บนหญ้าที่ที่หนึ่ง ในใจก็ลุ้นระทึกว่าเขาจะพาไปที่แห่งใด ไม่นานเขาก็พาเธอมาหยุดอยู่ที่หนึ่ง
	อย่าพึ่งลืมตานะ ชายหนุ่มร้องขึ้นเมื่อเห็นเธอจะลืมตา พร้อมรีบบอกว่า
	ฉันอยากให้เธอมาเล่นเกมส์กับฉันนะ
	เล่นอะไรของเธอ จินเซหญิงสาวบ่นออกมา แต่ชายหนุ่มไม่สนใจกลับพูดว่า
	ฉันจะไปยืนอยู่ที่หนึ่ง แล้วให้เธอมาหาฉันให้ได้ทั้งที่ยังหลับตาชายหนุ่มบอกกติกา
	แล้วฉันจะเดินไปหาเธอถูกได้อย่างไรหญิงสาวโอดครวญ แต่ก็ยอมเล่น 
		ชายหนุ่มรีบกระซิบบอกเธอที่ข้างหูว่า
	ก็เดินไปตามเสียงหัวใจของเธอบอกสิ หัวใจของเธออยากบอกอะไรฉันก็เดินไปตามนั้นหญิงสาวรู้สึกขนลุกเมื่อชายหนุ่มมากระซิบใกล้ หู เขารู้หรือว่าเธอรู้สึกอย่างไร 
 เธอไม่อยากเล่นเลย จึงบอกเขาไป
	ฉันไม่เล่นได้ไหม
	ไม่ได้ ถ้าเธอไม่ยอมเล่น ฉันก็ไม่ยอมไปส่งเธอที่บ้านชายหนุ่มมัดมือชก หญิงสาวได้แต่จำยอมอย่างเสียมิได้ นี่เราต้องเดินไปตามทางนั้นจริง ๆนะหรือ 
		จินเซไม่รอฟังคำตอบวิ่งไปรอหญิงสาวที่ปลายทาง หญิงสาวเริ่มเดิน รู้สึกว่าข้าง ทางจะมีไม้กั้นสูงประมาณข้อเท้าของเธอ หากเดินไปอีกนิดต้องสะดุดล้มแน่
 เธอต้องเดินตรงไป ตรงไปเรื่อย  คำคำนั้น ถ้าไม้สลักเป็นคำ เธอจะรู้ทันทีว่าเธอควรเลี่ยงไปทางไหน เธอเดินขึ้นไปตามไม้ แล้วเดินลงมาอีกครั้ง ไม่นานเธอก็เลี้ยวซ้าย
	 	คำนั้นต้องเป็นคำนั้นเป็นแน่ สามคำนั้นใช่ไหม จากนั้นเธอก็เริ่มเดินวนเป็นรูปวงกลมรอบหนึ่ง ตัวนี้ยิ่งแน่ใจมากขึ้นหัวใจเธอเต้นแรงขึ้น เมื่อเธอรู้ว่าเขารู้ความในใจ
และแล้วเธอก็เดินมาถึงตัวสุดท้ายเธอเดินไปเป็นรูปครึ่งวงกลมยาว ๆ อย่าง ช้า ๆก็คลำทางไปเรื่อย รู้สึกมีมือใครคนหนึ่งจับไว้ เธอรู้ดีว่ามือนี้เป็นของใคร เป็นคนที่เธอพึ่งสารภาพบางคำไปกับเขา
		เธอลืมตาขึ้นอย่างช้า  ๆด้วยหัวใจที่หวั่นไหว รู้สึกว่ามันเต้นแปลก เธอหายใจขาดเป็นห้วง ๆรู้สึกเลือดสูบฉีดไปทั่วร่าง นี่ใช่ไหมคืออาการของคนที่กำลังรักใครสักคน
จินเซจะเป็นอย่างเธอบ้างไหม เขาหลอกให้เธอพูดแล้วเขาละจะยอมพูดสามคำนั้นกับเธอหรือเปล่า
		ทันที่ที่เธอลืมตา เธอก็เห็นเขายิ้มมาให้เธอ แต่รอยยิ้มนั้นแปลกไปกว่าทุกวันตรงที่ มันเป็นรอยยิ้มแห่งความปิติยินดี ในหัวใจ
	ดีจังเลย เธอเดินมาฉันโดยไม่สะดุดล้มสักนิดเขากล่าวพร้อมมือทั้งสองข้างที่ยังกุมมือเธอไว้อย่างไม่ยอมให้จากไปไหน
		ชายหนุ่มอยากบอกหญิงสาวบ้างหากแต่ไม่ต้องการพูดแต่อยากให้เธอรู้สึกและสัมผัสได้ว่าใจเขารู้สึกเช่นไร
		เขานำมือของเธอที่อยู่ในการกุมของเขาแล้วนำมาทาบที่หน้าอก พร้อมบอกเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า
	เธอได้ยินที่มันบอกใช่ไหม
		หญิงสาวยิ้มให้เขาแล้วพยักหน้าช้า ๆ จากนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนมีไฟสว่างมาจากทางเบื้องหลัง
		เมื่อหันไปก็พบคำคำนั้นที่เธอพึ่งเดินผ่านมา มันมีข้อความว่า
	I LOVE YOUหญิงสาวหันกลับมายิ้มให้เขาอีกครั้งพลางโผกอดเขาด้วยหัวใจที่สุขล้นอย่างบอกไม่ถูก
		ทั้งสองไม่พูดอะไรเลย แต่สัมผัสที่ทั้งสอดโอบกอดกัน ก็รับรู้ถึงความรักที่ทั้งคู่มีต่อกันได้โดยไม่ต้องพูดสักคำ
		
		ทางด้านชิเน่เธอก็ไปพบแพทย์ตามที่นัดไว้ เมื่อไปถึงโรงพยาบาลไปเธอก็รู้ว่าโลกทั้งโลกเหมือนมาถล่มทลายอยู่หน้าเธอ 
	มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือคะหญิงสาวผงะ ทำอะไรไม่ถูกกับชะตาชีวิตที่เกิดขึ้น 
	มีทางรักษาใช่ไหมครับพ่อของชิเน่ถามอย่างกลัวคำตอบนัยน์ตามองไปที่คุณหมอเหมือนขอความหวัง
	หมอทำท่าหนักใจ และทำท่าคิดก่อนเหมือนหาคำพูดมาพูดให้ผู้ป่วยสบายใจ 
	แม้ผ่าตัดรักษา เปอร์เซนต์รอดไม่ถึงห้าสิบแพทย์หนุ่มผู้นั้น พูดช้า ๆแต่ชัดเจน ยังไม่ทันที่จะพูดต่อ แม่ของเธอตกใจเอามือปิดปากไว้ น้ำตาเริ่มไหลพยายามควบคุมสติอารมณ์
 ชิเน่รู้ดีว่าแม่ไม่อยากให้เธอตกใจ
  	ชิเน่น้ำตาไหลริน มันคงเป็นวันที่ร้ายที่สุดสำหรับเธอ เธอหลับตาเหมือนอยากจะให้เพียงความฝัน แต่ลืมตาขึ้นมันก็เป็นจริงจนเธอปฏิเสธไม่ได้
	ไม่.. ไม่มีทางเลยหรือครับคุณหมอพ่อของชิเน่เสียงสั่น พยายามหาทางช่วยชีวิตลูกสาวคนเดียวจนถึงที่สุด แม่เธอยังคงสะอื้นไห้ไม่เลิก เธอกอดลูกสาวไว้แน่น 
จะปลอบแต่หาคำพูดไม่ได้ชิเน่เองก็ได้แต่ตะลึง
	อย่างมากที่สุด ยื้อชีวิตหกเดือนยิ่งฟังคำหมอชิเน่ก็น้ำตาไหลริน ไม่พูดสักคำสมองอื้อทำอะไรไม่ถูก แม่เธอส่ายหน้ากับคำตอบที่หมอมีให้
	ไม่นะคะ คุณหมออย่าบอกว่าไม่มีทางช่วยลูกสาวฉัน คุณต้องหาทางช่วยลูกฉันสิคะ ได้โปรด ได้โปรดอย่าบอกดิฉันว่าหมดหวังแม่ของชิเน่สะอื้นไห้ ด้วยหัวใจแหลกสลายมือยังคงโอบกอดลูกสาวไว้แน่นที่ตอนนี้นิ่งไม่ยอมพูดสิ่งใด 
		ชิเน่นั่งคิดด้วยหัวใจที่แหลกสลาย นี่เราจะเหลือเวลาไม่นานแล้วหรือ ฉันจะไปจากโลกนี้ทั้งที่หกเดือนข้างหน้าจะไปตามฝันที่ตั้งไว้ ยังมีอะไรอีกมากที่ยังไม่ได้ทำเลย 
ทำไมเบื้องบนถึ งรีบพรากชีวิตของเธอไปละ เธอทำอะไรผิดกันนัก ทำไมถึงต้องพรากชีวิตของเธอไปจากคนที่เธอรัก
	หน้าที่ของหมอยังไง ก็ต้องหาทางช่วยเธอให้ถึงที่สุดหมอบอก หน้าก็เสียเช่นกันแต่เขาก็ได้แต่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
		เมื่อถึงบ้านชิเน่เก็บตัวอยู่ในห้อง เธอเดินตรงไปยังถ้วยรางวัลทีเธอได้มาสามเดือนที่แล้วอย่างอาลัย มองมันแล้วยิ้มทั้งน้ำตา จากนั้นก็อุ้มมันไว้แล้วไปนั่งบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน
	ชิเน่ไปนอนเสียเถิดดึกมากแล้วแม่พยามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่เธอรู้ว่ามันสั่นเครือ เธอส่ายหน้า ใบหน้าตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตา แต่ก็ยังหันมาพูดกับแม่แล้วยิ้มว่า
	หนูยังไม่อยากนอนเลยคะ แม่ก็รู้ว่าหนูเหลือเวลาไม่มากเธอทำท่าจะพูดต่อแต่แม่ของเธอเอามือปิดปากไว้โดยเร็วไม่ฟังที่ลูก  ส่ายหน้าปฏิเสธความจริงแล้วพูดวา
	ไม่ชิเน่ อย่า..แม่ของชิเน่หยุดพูด พร้อมหายใจเข้า พยายามกลั้นไม่ให้สะอื้นไห้จนลูกเสียขวัญ
	อย่าพูดให้แม่ใจเสีย ชิเน่แม่ชิเน่เรียกชื่อลูกเสียงสะอื้นประโยคสุดท้าย
	ชิเน่ของแม่ต้องอยู่เต้นรำให้แม่ดูอีกนาน นานจนลูกห้องนี้ไม่รู้จะเก็บถ้วยรางวัลอของลูกไว้ที่ไหนแม่เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมลูบใบหน้าบุตรสาวอย่างรักใคร่ 
สงสารลูกจับใจ จากนั้นก็กอดเธอแน่นเหมือนหวงแหนของรัก ไม่อยากให้จากไปไหน   พยายามจะปลอบโยนบุตรสาวหากแต่ก็สะกดกลั้นความเศร้าโศกไม่ได้ จึงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสะอื้น
	อย่าไปฟังที่คุณหมอเค้าพูด เรายังมี แม่ชิเน่หายใจเข้าด้วยแรงสะอื้น หากแต่ก็พยายามพูดประโยคต่อไปอย่างยากเย็น ยังมีความหวัง ยังมีหวัง
สิ้นประโยคแม่ชิเน่ก็สะอื้นไห้ออกมาอย่างปวดร้าวกับความจริงที่ต้องเผชิญ ความตายเป็นสิ่งที่ลูกของเธอไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่ไม่สิพวกเธอยังมีหวัง แม้มันจะริบหรี่แต่เธอจะไม่หมดหวัง 
		แต่ชิเน่รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ และเธอก็รู้ว่าแม่ก็รู้เช่นกันจึงสะอื้นไห้ออกมาอีกโดยควบคุมไม่ได้อีกต่อไป
	คุณแม่คะอย่า อย่าร้องไห้สิคะชิเน่กล่าวพลางเอามือเบาบาง และนุ่มนวลของซับน้ำตาให้ผู้เป็นมารดา ที่ตอนนี้ไม่กล้าสบตาผู้เป็นบุตรสาวเพราะกลัวจะปล่อยโฮมาอีก
	คุณแม่คะ ไม่มีใครโกหกเราหรอกนะคะชิเน่พูดไปน้ำตาก็ไหลรินไป แต่แววตาที่มองผู้เป็นแม่พยายามปลอบโยนทั้งที่ตนเองก็เจ็บปวดกับความจริงที่ได้รับรู้
	เพราะงั้น เราอย่าโกหกตัวเองอีกเลยชิเน่กล่าวประโยคนั้นจบก็ยิ้มให้ผู้เป็นมารดา หากแต่นัยน์ตายังคงเต็มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น หากแต่ก็พยายามพูดกับมารดาด้วยน้ำเสียงอันสดใสว่า
	เราหยุดพูดเรื่องนี้กันเถิดคะคุณแม่ เวลาทุกนาทีของเราต่อจากนี้มันมีค่า ทำไมเราต้องไปเสียเวลาให้กับความโศกเศร้าเสียใจจากนั้นเธอก็เอามือลูบใบหน้าเพื่อเช็ดคราบน้ำตา
		 แม่เธอก็พยายามสะกดกลั้นอารมณ์หันมามองลูกสาวพลางยิ้มให้ แต่ก็ดูเหมือนจะยากเย็น
	คุณแม่ยังจำวันที่หนูประกวดได้ไหมคะชิเน่กล่าวกลับมารดา พร้อมหยิบถ้วยรางวัลของเธอขึ้นมองดูผู้เป็นมารดากับมันสลับกันไป
	ขณะที่หนูรับถ้วยรางวัล ในใจหนูรู้สึกขอบคุณคุณพ่อ คุณแม่ ที่ให้กำเนิดหนู เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือประโยคเล็กน้อยแต่พยายามควบคุม พร้อมยิ้มให้กับมารดาทั้งน้ำตา
แล้วกล่าวต่อด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย
	ได้มอบร่างกายให้กับหนู  เพื่อที่ได้ทำในสิ่งที่หนูรัก เพราะงั้นหนูไม่ต้องการพรวิเศษอันใดอีกแล้ว เพราะพรวิเศษที่สุดสำหรับชีวิตหนู คือการได้เป็นลูกของพ่อและแม่เธอกล่าวพร้อมยิ้มแม่ของเธอโผเข้ากอดเธอตัวสั่นเทาตามแรงสะอื้น ทั้งสองไม่รู้ว่านายแตซูผู้เป็นบิดาได้แต่ยืนดูอยู่อย่างไม่กล้าเข้าไปเพราะกลัวสะกดกลั้นความเสียใจไว้ไม่ได้นั่นเอง
		จากนั้นชิเน่ก็ผละจากผู้เป็นมารดา พร้อมมองไปที่มารดา ซึ่งยังคงมองไปที่มือทั้งสองไม่ยอมสบตาเธอ เช่นเคย
	คุณแม่คะ มองหน้าลูกสิคะหญิงสาวอ้อนวอนผู้เป็นมารดาด้วยน้ำเสียงสดใส แต่มันมีกังวานแห่งความเศร้าโศกยิ่งนัก
	ผู้เป็นมารดาค่อย ๆเงยหน้ามาสบตาผู้เป็นบุตรสาว ใบหน้าสั่นเทาไปที่จากแรงสะอื้นไห้ เธอไม่อาจกล่าวสิ่งใดกับผู้เป็นลูกได้เลยในขณะนี้
	คุณแม่รักหนูมากไหมคะชิเน่เอ่ยถามผู้เป็นมารดาด้วยน้ำเสียงพยายามทำให้สดใส แต่เธอก็รู้ตัวดีว่าทำไม่ได้
	ทำไมถึงถามอย่างนั้นละลูกเธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนพูดประโยคต่อไปพร้อมกับพูดประโยคต่อไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
	แม่รักลูก และลูกก็เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของแม่แม่ของชิเน่เอ่ยจบก็เอามือปิดปากตนเองเหมือนจะพยายามปิดบังความเศร้าหมองในจิตใจ บัดนี้เธอไม่อาจสะกดกลั้นความหวั่นใจใด ๆได้อีกแล้ว
	ยิ่งพอได้ยินเสียงอันอ่อนหวานเรียกเธอให้หันมามองหน้า ก็ยิ่งสะท้อนใจยิ่งนัก
	คุณแม่คะ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ขอให้รู้ว่าหนูไม่ได้จากคุณแม่ไปไหนไกล หนูยังอยู่กับคุณแม่เสมอตรงนี้แล้วเธอก็ชี้ไปที่หัวใจของตน
	คุณแม่อย่าร้องไห้ให้นะคะ เพราะเราไม่ได้พรัดพรากจากกันไปไหน แม่ของเธอยิ่งได้ฟังก็ยิ่งสะอื้นไห้
	เมื่อใดที่คุณแม่คิดถึงหนู เพียงคุณแม่หลับตาลง ลูกก็จะมาอยู่ข้าง ๆคุณแม่เหมือนอย่างเคยเท่านั้นเองแม่ของชิเน่โผกอดชิเน่ด้วยใจที่หวาดหวั่น เพราะไม่อยากให้วันนั้นมาถึงเลย
	
		วันต่อมาอาจารย์ก็นัดนักศึกษาคณะศิลปกรรมมาซ้อมเต้นรำที่ห้องเช่นเคย หากแต่ชิเน่ก็มิได้จับคู่กับเยียร์ร่าห์จนเพื่อนในกลุ่มอดแปลกใจไม่ได้ โดยเฉพาะเยียร์ร่าห์
	ชิเน่ไม่ยอมจับคู่เต้นรำกับเยียร์ร่าห์เหมือนเคย
	ชิเน่ ทำไมวันนี้เธอไม่เต้นคู่กับเยียร์ร่าห์หรือเพื่อนคนหนึ่งถาม ชิน่ายิ้มเอื่อย ๆให้เพื่อนคนนั้น พร้อมบอกเธอว่า 
	วันนี้ฉันอยากเปลี่ยนคู่บ้างนะแล้วเธอก็หันมามองเยียร์ร่าห์ที่มองเธอด้วยแววตาสังหรณ์ใจว่าเธอต้องรู้ความจริง เพื่อนหันมามองเธอเหมือนขอความเห็น
		ชิเน่หันมามองเธอด้วยสายตาเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนมองเพื่อนคนนั้นเหมือนไม่สนใจคำพูดเธอว่าเธอจะตอบอย่างไร
		เยียร์ร่าห์เห็นอย่างนั้นจึงฝืนยิ้มแล้วบอกเพื่อนคนนั้นว่า 
	ก็แล้วแต่ชิเน่เถิดจากนั้นทั้งหมดก็เต้นรำตามคู่ของตนเอง โดยเยียร์ร่าห์ไปจับคู่กับคนอื่น  ตลอดเวลาที่ซ้อมเต้นเยียร์ร่าห์เฝ้ามองไปที่ชิเน่ แต่ชิเน่ไม่ได้หันมามองทางเธอ เธอรู้สึกว่าชิเน่เงียบไป 
ผิดกับปกติกว่าทุกวันที่เจอหน้ากันต้องทักทาย แล้วเล่าเรื่องต่าง ๆ แต่วันนี้มันผิดสังเกต หรือว่าชิเน่จะรู้ความจริงระหว่างเธอและจินเซ แต่ไม่น่าเป็นไปได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นชิเน่ต้องแสดงความรู้สึกตั้งแต่เมื่อวานแล้วสิ
		เธอได้แต่ปลอบใจตนเองว่ามันคงไม่มีอะไร แต่ก็อดหวั่นใจ แล้วสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก
		ด้านชิเน่พอเต้นไม่นานเธอก็รู้สึกตาลาย หายใจไม่ทั่วท้อง หน้าชา เธอรู้แต่ว่าเวลาของเธอเหลือไม่มากแต่ไม่คิดว่ามันจะแสดงอาการเร็วขนาดนี้ เธอได้แต่ฝืนเต้นไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอป่วย 
แต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งยากเย็น และแล้วเธอก็ล้มลงไป 
		เธอเอามือกุมขมับเหมือนจะบรรเทาอาการปวดอันรุนแรงนั้น เพื่อน ๆเห็นดังนั้นก็ตกใจมาก โดยเฉพาะเยียร์ร่าห์เธอวิ่งมาทางชิเน่ 
	ชิเน่เธอเป็นอะไรไป ไม่สบายหรือเยียร์ร่าหถามพลางจะเอามือแตะหน้าผาก หากแต่ชิเน่ก็สะบัดมือเธอไปพร้อมบอกเธอด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน แต่เหินห่างว่า
	ไม่ต้องมายุ่งกับฉันเยียร์ร่าห์ผงะทันทีที่เพื่อนพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร อาจารย์ก็ให้พาชิเน่ไปที่ห้องพยาบาล เยียร์ร่าห์จะเข้าไปประคอง เธอก็ได้รับคำพูดเช่นเดิมจากชิเน่
	บอกว่าอย่ามายุ่งไงชิเน่พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนขึ้นหากยังเหินห่างกับเธอเช่นเคย แต่ตอนนี้เยียร์ราห์ไม่ยอมเธอเข้าไปประคองเพื่อน พร้อมเสียงดังขึ้นอย่างจริงจังว่า
	เธอจะโกรธฉัน ก็ขอให้โกรธฉันหลังจากพาเธอไปห้องพยาบาลก่อนได้ไหมจากนั้นเยียร์ร่าห์ก็ไม่ฟังคำทัดทานเพื่อนยังคงพาไปที่ห้องพยาบาลโดยอาจารย์และเพื่อน 
ในตอนนี้เต็มไปด้วยความห่วงใยชิเน่จนไม่ทันสังเกตว่าทั้งชิเน่และเยียร์ร่าห์มีเรื่องกัน
		ไม่นานเยียร์ร่าห์ก็พยุงพาชิเน่มาที่ห้องพยาบาล โดยทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ชิเน่เมินหน้าไปอีกทางเพราะไม่อยากเห็นหน้าเยียร์ร่าห์
		เยียร์ร่าห์เห็นเพื่อนของเธอหน้าซีดมากขึ้น เธอจึงหยิบยาดมแล้วส่งให้ชิเน่ ชิเน่มองมันแล้วมองมาที่เธออย่างเย็นชาเช่นเคยก่อนหยิบมันมา พร้อมกำไว้แน่น 
ก่อนที่จะโยนมันทิ้งไปแล้วหันมามองเธอด้วยสายตาเย็นชา
		เยียร์ร่าห์เห็นดังนั้นเธอทั้งตกใจและแปลกใจที่เพื่อนทำอย่างนั้น
	ทำไมถึงโยนมันทิ้งละชิเน่เยียร์ร่าห์เอ่ยอย่างแผ่วเบาด้วยความเสียใจ
		ชิเน่ยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่งก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ที่เธอรู้ว่ามันเต็มไปด้วยความประชดประชัน
	คนโกหกหลอกลวงอย่างเธอ เป็นห่วงฉันด้วยหรือ				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน