แท็กซี่หัวใจสาย เอเทรียม ตอนที่ 1

เก่งกาจ



เรื่องนี้จินตนาการขึ้นมา ความรู้ที่ใช้ประกอบในเรื่องนี้เพื่อความบันเทิง

“อาเทรียม อนุภาคพื้นฐานอย่างหนึ่ง ที่ประกอบจากหน่วยสองหน่วยที่แตกต่างกัน ที่เข้ากันได้โดยไม่มีแรงผลัก” ทฤษฎีนี้ฉันงง ไม่เข้าใจ จนวันหนึ่งความซวยก็มาเยือน

 

ขณะที่ลูกศร(นางเอก)กำลังจะไปมหาลัยเธอเป็นนักศึกษาปริญญาโท

ข่าวในบีทีเอส

“เกิดเหตุ เมื่อคืนหญิงสาว กับเด็กหญิงนิรนามคู่หนึ่ง ร่วมกันจี้แท็กซี่ แถวย่านลาดกระบัง   แต่เหตุผลอะไรนั้นทั้งคู่ยังไม่ได้ให้การใดๆทั้งสิ้น”

ลูกศรนั่งอยู่ในบีทีเอส เธออึ้งกับข่าว แต่ก็แอบขำที่เด็กคนหนึ่งกล้าขนาดนี้

“เด็กนี่นะ”ผู้โดยสารคนที่หนึ่งกล่าว

“บ้าป่าววะ”ผู้โดยสารคนที่สองกล่าว

“กรูว่าแท็กซี่บ้ากว่าว่ะ ยอมให้เด็กจี้นี่นะ”ผู้โดยสารคนที่สามกล่าว

“ดูหน้าเด็กดิ หน้านางมีมนต์นะ”ผู้โดยสารคนที่หนึ่ง

 

ลูกศรไปที่มหาวิทยาลัยที่ห้องพักนักศึกษาของเธอ ก็พบมิวรุ่นน้องที่เรียนด้วยกันสมัยปริญญาตรี ตอนนี้มิวก็ได้รับคำสั่งจากแม่ให้เรียนปอโท

“เฮ้ยไอ้มิว”ลูกศรกล่าวทักทาย

“ดีพี่”มิวทักทาย

“อาจารย์อ่ะ”ลูกศรหมายถึงอาจารย์วัชร์ อาจารย์ที่ปรึกษาของเธอ เธอต้องพบเพื่อคุยเรื่อง thesis กับอาจารย์บ่อยๆ

“ยังไม่มาพี่ เห็นพี่มนบอกไปรับลูก”มิวว่า

“เออดี ยังไม่อยากเจอหน้าอาจารย์เลยว่ะ”ลูกศรกลัวๆ เพราะเธอกลัวจะทำไรผิดจนโดนบ่นอีก

“อือ ก็เป็นกันทุกคนนั่นแหละ เขาแอบโหวตกันทั้งภาคละ ว่าจะให้อาจารย์ใส่หมวกกันน็อคมาทำงาน”มิวพูดขำๆ เธอมักจะเป็นคนตลก สบายๆ ไม่เครียด

“อือมิวจะเอาไปทำอะไร ก็เอาไป”พี่มนรุ่นพี่ที่เรียนกับศรมาด้วยกันสมัยเรียกปอตรี พี่มนดูจริงจังกว่ามิวนิดหน่อย

“หมวกกันน็อค ของใครอ่ะพี่มน”มิวถามอย่างประหลาดใจ

“ไม่รู้ใคร บ้าส่งมาให้อาจารย์อยู่ได้”พี่มนกล่าวอย่างหัวเสีย

“โห พูดเล่นนะเนี่ย ใครแม่งเอาจริงวะ แต่ป๊อดไปหน่อยนะไม่ยอมเผยตัว”มิวพูดขำๆ

“มิวอีกแล้วเหรอ หมวกน่ะ”พี่ปุ้ยรุ่นพี่กระเทยอีกคนหนึ่งที่เรียนด้วยกันมา เธอถามทันทีเมื่อเห็นหมวกกันน็อคหัวแมว

“อือ พี่มนไปเจอ”มิวตอบ

“ก็เฮียแกน่ะสิ แรงขนาดนั้น คนเค้าก็เกลียดกันทั้งบาง”พี่ปุ้ยออกความเห็น

“เออดีเหมือนกันนะพี่ศร ที่เจอไอ้หมวกนี่ก่อนอาจารย์เจอพี่”มิวว่ากับศรอย่างสนิทกัน

 “ถึงยังไงก็ไม่อยากเจอหน้าอาจารย์อยู่ดิอ่ะว่ะ”ศรยังกังวล

“ทำไมกลัวโดนด่าเหรอ เอาเหอะน่าพี่ พี่ก็รู้ว่าอาจารย์เนี๊ยบ”มิวปลอบ เธอมักจะเป็นเพื่อนคอยให้คำปรึกษาเสมอ

“เนี๊ยบจนต้องมีใครเอา หมวกบ้าๆมาเซ่นนี้นะ  ไม่รู้ลูกอาจารย์จะเซ็งเหมือนฉันหรือเปล่า”ศรว่า หมวกกันน็อคหัวแมวเป็นหน้าแมวกำลังฟินสุดๆกับไรสักอย่าง

“อยากรู้เหรอ เดี๋ยวก็ได้รู้”มิวพูดมีลับลมคมใน

“หมายความว่าไงวะ”ศรสงสัย

“ก็อาจารย์ดิช่วงนี้ต้องเลี้ยงลูกเอง”มิวว่ากับศร

“เลี้ยงลูกเอง เอาใจเมียหรือเปล่า”พี่ปุ้ยพูดเหมือนอยากรู้ แต่เธอก็ไม่ชอบอาจารย์นักเพราะโดนบ่นบ่อยๆ

มิวกระซิบกับศร

“พี่มนเลยเอาหน้า ว่าถ้าอาจารย์ไม่ว่างจะเลี้ยงให้ มันก็เลยเอี่ยวมาถึงพวกเรา”มิวบอกกับศร

“ศร อาจารย์มาแล้วนะ มิวไปดูลูกอาจารย์ให้หน่อย”พี่มนเข้ามาบอกกับศรและมิว

“ค่ะพี่มน”สองสาวรับคำเซ็งๆ

 

ที่ห้องอาจารย์วัชร์ อาจารย์วัชร์กำลังรอเธออยู่

“หวัดดีค่ะ”ศรทักทายและไหว้อาจารย์

“เชิญครับ”อาจารย์วัชร์ ทาบมือไปทางเก้าอี้ เชิญเธอนั่ง

“ว่ายังไง หนังสือที่ผมให้ไปพอจะเข้าใจบ้างหรือยัง”อาจารย์วัชร์เข้าเรื่องเลย อาจารย์แต่งงานแล้ว และมีลูกสาวกับภรรยาหนึ่งคน

ศรถือหมวกกันน็อคหัวแมวเข้ามาด้วย ศรทำหน้าเหรอหราก่อนตอบว่า

“ค่ะ”

“ก็รู้อยู่อ่ะนะว่าอาเทรียม อนุภาคพื้นฐานที่เกิดจากสองหน่วยแตกต่างกัน แต่ไม่มีแรงผลัก ผมถามคุณว่าทำไมมันถึงอยู่ด้วยกันได้”อาจารย์เสียงแข็งตามปกติ แต่ศรไม่ชิน เธอพยายามหาคำตอบข้างๆคูๆ

“คนเราถ้าไม่เหมือนกัน ก็หมายความว่าไม่ชอบป่ะคะ ธรรมชาติไม่ชอบก็ต้องมีแรงผลัก”

“คุณรู้ได้ไงว่า ไม่เหมือนแปลว่าไม่ชอบ”อาจารย์เริ่มเสียงแข็ง

“งั้น หมวกกันน็อคหน้าแมวนี่ ส่งมาให้เพราะชอบมากงั้นสิ”ลูกศรคิดในใจ แต่เธอพูดได้เพียงว่า”ต่อเลยค่ะอาจารย์”

“ต่ออะไร มันอยู่ในหนังสือ อ่านมาหมดแล้วไม่ใช่เหรอ”อาจารย์หัวเสียที่ศรไม่ยอมอ่านหนังสือที่เขาให้

“อ่านค่ะ” แต่เธอคิดในใจต่อว่า ไม่ได้พูดออกมา “แต่มันพูดเหี้ยไรของมันไม่รู้”

“อือ เทอมนึงแล้วนะคุณ”อาจารย์พยายามสะกดกลั้นโทสะ

(คิดในใจ)ค่ะ ก็โง่ไง อีกสิบชาติ ถ้าอาจารย์ไม่ช่วยก็โง่จนทำไรไม่ได้อยู่ดี”ต่อจากที่คิดในใจเธอพูดต่อเพียงว่า”ค่ะ หนูพอสอบpropasalได้ยังคะ”

“คุณสอบเปิดเรื่อง แต่คำถามง่ายๆคุณยังตอบผมไม่ได้เลย”อาจารย์กลับมาหัวเสียอีก

“(ลูกศรคิด)หนูไม่ใช่แม่มันนะ มันจะผลักจะดูดกันหนูจะรู้มันไหม”แต่ที่เธอสามารถพูดออกไปคือ”ค่ะ”

“ไปอ่านมานะครับ สรุปทฤษฎี แล้วคุณจะมาพบผมอีกเมื่อไหร่”อาจารย์เริ่มใจเย็นลง เห็นว่าด่าไปก็ไม่ดีขึ้น

“เดี๋ยวหนูโทรมานัดได้ไหมค่ะ”ศรไม่มั่นใจว่าตัวเองจะเสร็จเมื่อไหร่

“แล้วแต่คุณ ยังไงก็ให้มันเร็วหน่อยละกัน”อาจารย์วัชร์ว่า

อาจารย์เห็นหมวกกันน็อคหน้าแมวที่ศรถือเข้ามา หน้ามันแบบฟินหลุดโลกสุดๆจึงถามว่า

“แล้วไอ้หมวกกันน็อคของใคร ของคุณเหรอ”

“ค่ะ”ศรตอบยิ้มแหยๆ เจ้าของหมวกถามโดยไม่รู้ว่าหมวกนี่นั่นแหละเป็นของตนเอง

 

เมื่ออกจากห้องลูกศรก็เจอมิว

“เฮ้ยพี่ศร เป็นไงบ้างวะ”มิวทักศร

“เป็นไง” ลูกศรตอบมิว แล้วเธอก็เลียนเสียงอาจารย์ “เรื่องง่ายๆคุณยังตอบผมไม่ได้นะครับ”

“โห ประโยคฮิต บ่นอย่างนี้ทุกสัปดาห์”มิวพูดขำๆ

“เฮ้ย เด็กปอโท ก็เหมือนเด็กประถมได้ป่ะวะ อะไรไม่รู้ครูบาอาจารย์ก็ต้องสอนกันบ้าง”ลูกศรทำเป็นกล้าพูดดี แต่ต่อหน้าอาจารย์เธอป๊อดมาก รู้สึกเธอทำไรก็ผิดไปหมด

“จะเอาอย่างนั้นจริงๆเหรอ หลังกินข้าวเนี่ย อาจารย์ต้องบอกพี่ให้แปรงฟันด้วยเปล่าวะ 555”มิวแซวลูกศร มองโลกอย่างเป็นกลางๆ

“ไอ้บ้า กำลังเครียดอยู่นะเว้ย”ลูกศรว่า พร้อมบ่นอุบอิบ

“เออน่า เดี๋ยวก็ผ่าน อาจารย์ก็คงเบื่อหน้าพี่เต็มทีละ”มิวปลอบแบบเหน็บๆตามภาษาเพื่อนสนิท

“อาจารย์แค่เบื่อ แต่เสียงบ่นอาจารย์ ฉันเก็บไปฝันเลยนะเว้ย มันเครียด”ลูกศรระบายเธอไม่ชอบเลยที่อาจารย์ว่าเธอ ทั้งๆที่เธอผิดจริงๆ

“เออ ถือซะว่า”มิวพูด พร้อมเน้นคำต่อไปอย่างขำๆ” พ่อ บ่น”

“อีนี่”ลูกศรว่ามิวเข้าให้แต่ไม่จริงจัง

“เออน่า เย็นนี้ ไปร้านบุพเฟต์ใหม่แถวมหาลัยไหม”มิวเปลี่ยนเรื่อง

“ไม่อ่ะ ต้องรีบสรุปงานว่ะ”ลูกศรยังคงคิดถึงงาน

“ไปเหอะ รีบทำไป ทำไงก็ไม่ถูก มันต้องไปคลายเครียด”มิวพยายามชวนเพื่อนไป

“อือ ก็จริงของแกนะ อ้าวแล้วนี่แกว่างเหรอ ไหนบอกต้องดูลูกให้อาจารย์ไง”ศรเอ่ยถึงเด็กหญิงปริศนาลูกอาจารย์เมื่อนึกขึ้นได้

“เออ ไม่รู้ไปไหน นี่พี่อยู่รอตรงนี้ก่อนนะ ไปเข้าห้องน้ำก่อน”มิวก็สงสัยเหมือนกัน

“หือแก ไม่ต้องเครียดแทนฉัน จนเยี่ยวแตกก็ได้นะ”ลูกศรแซวเพื่อน

“กรูแดกมะดันมาอีพี่ศร รอตรงนี้นะ ไปละ”มิวว่าลูกศรพร้อมกอดคอ ทำท่ามีเรื่องตลกๆ

จากนั้นลูกศรก็เห็นคนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ไม่เห็นหน้าเธอเห็นข่าวเมื่อเช้าที่เด็กหญิงจี้แท็กซี่

“เด็กหญิงนิรนาม จี้รถแท็กซี่ ลงหนังสือพิมพ์แล้วเหรอวะ เจ๋งว่ะ แต่จะเข้าคุกตั้งแต่เด็กเปล่าเนี่ย”ลูกศรบ่นอุทานคนเดียวไม่คิดว่าคนเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์จะได้ยินแล้วพูดกับเธอ

“แล้วไงเหรอป้า”

เด็กผู้หญิงในข่าวกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์นั่นเอง

ลูกศรอุทานในใจอย่างตกใจ และแปลกใจ” เฮ้ย บ้าป่ะเนี่ย นั่งอ่านข่าวตัวเองก็ได้ด้วย”

ต่างคนต่างจ้องหน้ากัน

มิวเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี พร้อมพูดกับลูกศรว่า

“อ้าวพี่เจอกันแล้วเหรอ นี่ไงน้องป่วน ลูกอาจารย์”

“ลูกอาจารย์”ศรอุทานไม่อยากเชื่อว่าป่วนลูกอาจารย์วัชร์จะกล้าเช่นนี้

 

ระหว่างทางที่ไปร้านบุฟเฟต์ มิวเดินมากับลูกศรพร้อมอุทานว่า

“อะไร จี้แท็กซี่นี่นะ”

“แกฟังไม่ผิดหรอก ตอนแรกที่โลกรู้นะ ก็อึ้งทั้งบีทีเอส”ลูกศรบอกเพื่อน

“ไม่อยากเชื่อนะ อย่างน้องนี่นะ น้องจะจบมอหก ทั้งที่อายุแค่ 12”มิวบอกพร้อมยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าป่วนจะทำไปทำไม

“โหอันนี้ไม่แปลก พ่อออกจะเก่งขนาดนั้น ลูกจะไม่เก่งได้ไงวะ”ศรเปลี่ยนเรื่องชั่วขณะ

“เห้ย ยังสงสัยอยู่ว่ะ จี้ไปทำไมวะ”มิวถามลูกศร

“แท็กซี่มันจะส่งรถหรือเปล่า เรื่องนี้ยอมไม่ได้นะเว้ย”ศรบอก

“เฮ้ยนั่นมันเจ๊ละ ยอมคนทั้งโลกยกเว้นแท็กซี่”มิวว่าพร้อมพูดขำๆ

ภาพวันวานย้อนไป เธอกำลังตามใครคนหนึ่งไปที่สุวรรณภูมิ คนคนหนึ่งที่สำคัญ

“พี่ ไปสุวรรณภูมิ”ลูกศรว่ากับแท็กซี่

“โหย ไกลคุณ ผมจะส่งรถ”แท็กซี่หันมาบอก

“พี่หนูต้องไปสุวรรณภูมิจริงๆ หนูเสียค่าเสียเวลาให้พี่ก็ได้”ศรจริงจัง ไม่ยอมเหมือนกัน

“โห ไม่เป็นไร พี่ไปล่ะ”แท็กซี่ปฏิเสธ

“พี่หนูจำเป็นจริงๆนะ”ลูกศรยังตื๊อ เธอต้องไปให้ได้

“เอ๊ะอีนี่ จะรีบไปหาผัวหรือไง รอคันต่อไปไม่ได้”แท็กซี่เริ่มเสียงแข็ง หาเรื่อง

“อ้าว แกล่ะ จะรีบไปส่งรถเนี่ย จะรีบไปหาเมีย หรือหาแม่ฮะ”ลูกศรด่า ไม่เคยโมโหร้ายขนาดนี้

“เอ๊ะ อีนี่ ลงไปเลย”แท็กซี่ว่าพร้อมเดินมาฉุดให้ลงจากรถ

“กูไม่ลง”ศรขืนตัวจะไปให้ได้

“ไม่ลงใช่ไหม”แท็กซี่ว่า พร้อมดึงเธอลงจากรถ

แท็กซี่คนนี้คือคนเดียวกันที่ถูกป่วนจี้เมื่อเช้าตามข่าว

พอแท็กซี่เอาศรลงได้ ก็รับฝรั่งทันที

“หืม... มึงเอางี้ใช่ไหม ก็ได้ ไอ้โซเฟอร์”ศรโมโหจัด ที่แท็กซี่ไล่เธอแต่รับฝรั่ง

ศรพูดเป็นภาษาอังกฤษกับฝรั่งคนนั้นว่า

“ยูยูจะไปไหน”

ฝรั่งตอบเป็นภาษาอังกฤษหน้าตาประหลาดใจ

“ไอจะไปสุวรรณภูมิ”

“ยูอย่าไปกับไอ้บ้านี่ เมียมันเป็นชู้กับคนขับรถบรรทุก มันโรคจิตเห็นรถบรรทุกไม่ได้ ต้องไล่บี้รถบรรทุก จนเกือบชนท้าย ไอเกือบตาย เมื่อกี้ก็นั่งกับมันมา ยูอย่าไปเด้อ”ศรพูดเป็นภาษาอังกฤษไฟแลบ

ฝรั่งรีบลงจากรถไม่ทัน

“เฮ้ยๆ ยู ยูจะไปไหน เฮ้ยน้องพูดไรไปวะ”โชเฟอร์เรียกฝรั่ง

“เปล่า จะไปส่งรถไม่ใช่เหรอพี่ ไปดี๊ สุวรรณภูมิหนูเดินไปก็ได้ บาย”ศรทำหน้าเป็นทองไม่รู้ร้อนแล้วเดินจากไป

จากนั้นศรก็ตามใครคนหนึ่งไปสุวรรณภูมิโดยวินมอไซต์แต่ที่นั่นก็ว่างเปล่า คนที่เธอตามไม่อยู่แล้ว

 

เมื่อศรกับมิวถึงร้านบุฟเฟต์แล้ว เธอก็พบ...ใครคนหนึ่ง

เขาคือเจ้าของร้าน คือคนที่เธอชอบมาเนิ่นนาน

“คิดถึงจัง”เค้าพูดได้น่ารักมากแต่ดูตื่นเต้น เมื่อพบใครคนหนึ่งที่เขารอเหมือนกัน

ศรคิดว่าเขาพูดกับเธอแต่ก็..ไม่เป็นอย่างนั้น

เขาแทรกกลางสองสาวไปกอดป่วนหลานสาวเค้าเองป่วนซึ่งอยู่ทางด้านหลังของพวกเธอเอง

“คิดถึงจัง จอมป่วน”ชายหนุ่มมีนามว่าไบรท์ เป็นคนกล่าว เขาคือคนที่ศรตามไป

“เรียกชื่อหนู หรือด่าเนี่ย อาไบรท์”ป่วนกวนประสาทชายหนุ่มผู้เป็นอา

“อาเหรอ แล้วมาได้ไงเนี่ย” ศรหมายถึงป่วนมายืนอยู่ข้างหลัง เธอประหลาดใจว่าเด็กหญิงป่วนมาตั้งแต่เมื่อไหร่

ไบรท์เขินศร พร้อมจับตัวหลานสาว ท่าทางเก้ๆกังๆ

“อา ไมมือเย็นอย่างนี้”ป่วนถามไบรท์ผู้เป็นอา

“ฮะ”ไบรท์ทำหน้าเหรอหรา

“อ้าวพี่ไบรท์ กลับจากoffshore แล้วเหรอ ออกกะแล้วดิ”มิวทักไบรท์นึกรู้มานานแล้วเหมือนกันว่าชายหนุ่มชอบลูกศร

“อือ มิวที่อยู่รหัส 53 หรือเปล่า”ไบรท์พยายามพูดให้เป็นปกติต่อหน้าศร แต่ก็ยากเย็น

“จ้าอีมิวรั่วนี่แหละ แล้วมาทำไรร้านนี่อะพี่”มิวถามแทนลูกศร มันเป็นคำถามที่ศรก็อยากรู้

“พี่เหรอ”ไบรท์ไม่กล้ามองหน้าลูกศร พยายามทำตัวให้เป็นปกติตอบไปว่า”พี่หุ้นกับเพื่อนเปิดร้านนี้”

“อ๋อ เก็บเงิน จะรีบเก็บเงินไปไหนพี่”มิวแซวรู้ทัน

“แก่ขนาดนี้ รีบเก็บเงินไปขอสาวอะดิ”ป่วนก็แซวเหมือนกัน ตรงประเด็นสุดๆ

ไบรท์ดึงปากหลานไม่ให้พูด

“โอย...อะไรเนี้ยอาไบรท์ ลูกค้ารออยู่นานละ สนใจหน่อยดิ”ป่วนบ่นเสียงอู้อี้

“อือ ปกติพ่อค้ารวยๆ ก็ไม่ง้อลูกค้าอย่างนี้แหละ”ศรกระซิบมิวอย่างหมันไส้ไบรท์ จริงๆเธอน้อยใจที่เขาไปไม่ลาในครั้งนั้น

“ก็ง้ออยู่นะ ใครดูก็รู้ว่าง้อใคร”มิวพูดเหมือนรู้ว่าไบร์ทชอบศร

“ฮะ”ศรงงๆ เธอยังคงไม่เข้าใจอยู่อย่างนั้น

“แล้วมากับเค้าได้ไงนิ”ไบรท์ถามหลานสาว เปลี่ยนเรื่องดีกว่า กลัวจะโดนใครบางคนจับได้ ว่าแอบชอบ

“ก็เด็กพ่อ”ป่วนตอบ

“อ่อ”ชายหนุ่มทำท่ารับรู้ แต่ลูกศรคิดว่าเขากวนประสาท

“อ่อ...อะไร เข้าใจถูกป่ะเนี่ย”ศรแหวใส่ไบรท์ เธอนึกว่าไบรท์เข้าใจว่าเธอเป็นเด็กที่โดนใครหิ้ว

“เข้าใจ ก็ปอโทไง”ไบรท์ตอบซื่อๆดีๆ

ลูกศรทำท่างอนยิ่งคิดถึงตอนที่เขาจากไปไม่ลาก็น้อยใจ แล้วมองหน้างอนๆ พูดกับเขาว่า 

“ไปไม่รอ”

“รอดิ แต่ก็ไม่มา”ไบรท์สวนทันทีน้อยใจสุดๆเหมือนกัน

“ไปไหนก็ไปเลยป่ะ”ศรบอกแล้วออกจากร้านไป

comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน