21 มิถุนายน 2548 12:51 น.

ตำนานคานทอง

เดือนไร้เงา

เรื่องมีอยู่ว่า...
มีคานหนึ่งสวยสง่าเปี่ยมราศรี 
อันทางขึ้นนั้นเดินง่ายสบายดี 
แต่  โทษที  ขาลงยากกกกกก ลำบากลำบน 

ต้นกำเนิดเกิดจากสาวนางหนึ่ง 
สวยสุดซึ้งสวยกว่าน้องน้ำฝน 
เป็นลูกสาวเศรษฐีประจำตำบล 
ชราชนหนุ่มน้อยใหญ่ต่างหมายปอง 

ท่านเศรษฐีองอาจประกาศว่า 
อันลูกข้าหนึ่งนี้ไม่มีสอง 
หากแม้นใครอยากได้ไปคุ้มครอง 
อย่างน้อยต้องทองล้านชั่ง?นี่(ราคา)กันเอง 

 ...แต่ลูกสาวเศรษฐีมีคนรัก 
ยากจนนักจนยิ่งกว่าจะหาไหน 
โอ้ชาตินี้มีกรรมหนักขอพักใจ 
แค้นบรรลัย ต้องลาไกลไปขุดทอง 

 หายไปร่วมสามสิบปีมีทองหลาย 
ข่าวจากสายสมใจให้คลายหมอง 
ว่าน้องนั้นยังดีอยู่ไร้คู่ครอง 
 อยู่ไม่ได้จำรีบต้องไปจองเธอ 

 บอกว่าที่พ่อตา มาแล้วครับ 
มาพร้อมกับทองตามข้อพ่อเสนอ 
อยู่ที่ไหนหวานใจ I WANT TO SEE HER 
พ่อบอกเออ!!!อยู่ข้างในเข้าไปเลย 

 แสนดีใจได้จะพบประสบหน้า 
ร้องถามป้า(ที่นั่งอยู่) 
ป้าบอกว่าก็ตัวฉันเองนี่ยังไง 
จำน้องน้อยไม่ได้น้อยใจนัก 

 เจ้าหนุ่มจ้องมองดูอยู่ไม่นาน 
แสนดีใจประมาณว่าน้ำตาไหลหนัก 
หัวใจเต้นระรัว ตัวเริ่มชัก 
ดิ้นสักพักแล้วก็จากโลกนี้ไป 

 ทองที่ขนมามากมายทำไงดี 
สาวจึงมีโครงการทำงานใหญ่ 
สร้างเป็นคานไว้นั่งฟังเพลงไทย 
จนหล่อนตายจึงทิ้งไว้เป็น ชาติพลี 

 ..คานนี้ขึ้นไปแล้วจะติดใจอยู่ได้นาน 
จะเบิกบานเปี่ยมสง่าและราศรี 
ไร้ปัญหาไร้บุตรธิดา (และ) ไร้สามี 
ของดีๆอย่างนี้ต้องแนะนำ 



     .				
9 มิถุนายน 2548 14:59 น.

เดือนเดือด

เดือนไร้เงา

สื่อมวลชน สื่อข่าว บอกเล่าเรื่อง
อ้างต้นสาย ในเรื่อง เมืองมหา
สารคาม นามประจักษ์ ตักศิลา
เรื่องที่ว่า นิสิต หวิดวางวาย

รับน้องใหม่ ไม่ประสา พาวิบัติ
เกินอาณัติ ควบคุมได้ ให้ใจหาย
น้องผู้น้อย ล้มสิ้นแรง ยี่สิบราย
ต้องวุ่นวาย ส่งโรงหมอ ตอข่าวคราว

นำมาซึ่ง คำประณาม ระยำบอก
ระบายออก ทุกสื่อ ระบือฉาว
รุ่นพี่ชั่ว น่าชัง ฟังเรื่องราว
สบถกร้าว เขาเหยียบค่า สถาบัน

ประชุมเชียร์ ประเพณี มีนานเนิ่น
รุนแรงเกิน ข่าวว่า ช่างน่าขัน
ที่ประสบ ใยแตกต่าง อย่างจำนรรจ์
หรือตัวฉัน เลอะเลือน ฟั่นเฟือนไป

แต่อย่างไร คนต่างใจ ไม่หาญขัด
ประณามมา สารพัด  จำกัดไม่
ไม่เหมาะสม  ไม่จำเป็น  เห็นเช่นไร
ว่าตามใจ สิทธิท่าน วิจารณ์คำ

ที่เดือดดาล เรื่องใหญ่ เกินใจรับ
สุดระงับ โทสา ข้าฯเจ็บช้ำ
เขาเหยียบย่ำ หยามหมิ่น ถิ่นสารคาม
ว่าเลวทราม ต่ำช้า ข้าฯสุดทน

ควรแล้วหรือ ถือความเห็น ตัวเป็นใหญ่
ศิวิไลซ์ จริงหรือท่าน ฉันฉงน
ที่ตราหน้า ไม่มีดี อีสานชน
เราก็คน ไทยแท้ แต่ก่อนมา

ว่าหลังเขา เต่าล้านปี อี๋...บ้านนอก
สถาบัน กระจอก ตอกใส่หน้า
ท่านคนเมือง แต่หมิ่นแหล่ง แห่งวิชา
ช่างสง่า สูงศักดิ์ศรี เสียนี่กระไร

มมส. แดนดิน ถิ่นศึกษา
แหล่งวิชา ทรงค่า น่าเลื่อมใส
มิเคยสอน ให้ปรามาส แหล่งศาสตร์ใด
ระลึกได้ มิคิดหยาม สำนึกมี

โปรดเถิดท่าน ผู้จำเริญ เชิญฟังก่อน
ความบั่นทอน ที่ท่านตรา ว่าบัดสี
เปรียบดังเงา สะท้อน สังวรณ์ที
ทุกวจี ส่อบ่ง วงศ์ตระกูล

ที่แถลง แจ้งมา ว่าเจ็บแสบ
เพราะในใจ ปวดแปลบ แทบเสียศูนย์
ขออภัย  ความใด ไม่จำรูญ
ด้วยเทิดทูน จึงเจ็บแทน และแค้นเคือง
				
8 มิถุนายน 2548 08:46 น.

เปิดเทอม...เปิดใจ...ไปเรียน

เดือนไร้เงา

การศึกษา ถึงคราเริ่ม เปิดเทอมใหม่
ตามวิสัย นักเรียน เพียรเสาะหา
อันความรู้ จากคุณครู คู่ตำรา
และเพื่อนยา ในสังคม อุดมวัย

สู่แหล่งเรียน แห่งใหม่ ใหญ่กว่าก่อน
ให้หนาวร้อน จะรันทด หรือสดใส
ถอดขาสั้น ทิ้งคอซอง ของคู่กาย
เป็นน้องใหม่  ของรุ่นพี่  ที่รอชม

ที่แห่งนี้ จะกล่อมเกลา  ดวงใจเจ้า
เรียนรู้เอา ทั้งทุกข์ สุขผสม
เรื่องในห้อง นอกห้อง ต้องนิยม
หมั่นลับคม ความคิด จิตจงจำ

แบ่งเวลา เรียนเล่น ให้เป็นเถิด
อย่าเตลิด สิ่งยั่วยวน ชวนถลำ
เรียนมาก่อน แล้วตามติด กิจกรรม
สองสิ่งนำ ทางดี มีแก่ตัว

รู้จักคบ มิ่งมิตร สนิทสนม
จงนิยม  มิตรดี ลี้คนชั่ว
เลี่ยงคนพาล เลิกสุงสิง สิ่งเมามัว
ระวังตัว เลือกมิตรมิ่ง จริงใจกัน

เรื่องใช้จ่าย ให้ระวัง อย่าพลั้งพลาด
รู้ฉลาด ใช้สตางค์ ทางสร้างสรรค์
ค่าหน่วยกิต จ่ายแน่นอน ก่อนอื่นอัน
การพนัน อย่าริยุ่ง ไม่รุ่งเรือง

รู้เคารพ อาจารย์ โบราณว่า
ท่านเมตตา มอบความรู้ จักฟูเฟื่อง
หมั่นเข้าใกล้ ด้วยใฝ่รู้ อยู่เนืองเนือง
อย่าขุ่นเคือง เรื่องดุด่า เพราะว่ารัก

การแต่งกาย ให้เรียบร้อย กลอยใจเอ๋ย
อย่าละเลย กฎบ่งไว้ ให้ตระหนัก
เสื้อตัวน้อย ร้องเท้าแตะ แหนะ...ยึกยัก
กลัวเชยนัก หรือไร ใคร่ถามดู

ตัวแม่พ่อ รอเจ้า เฝ้าอยู่บ้าน
แต่ฝากฝัน มากับเจ้า เหล่าหนู-หนู
สิ่งถูกผิด ก่อนลอง จงตรองดู
ใครรออยู่ ด้วยรัก และหวังดี

ที่กล่าวมา ว่าไว้ ให้ประจักษ์
ด้วยความรัก ต่อน้องใหม่ ในวันนี้
เปิดใจรับ คำแนะ แนวทางดี
ผ่านสี่ปี อนาคต สดใสเอย

				
5 มิถุนายน 2548 14:31 น.

ขอเลือกเอง

เดือนไร้เงา


เหนื่อยเหลือเกิน เคยเข้าใจ บ้างไหมท่าน
ค่อนชีวัน ฟังความ ตามคำสั่ง
แต่ข้างใน ไม่สนใจ ไม่อยากฟัง
ทุกข์ประดัง โดนบังคับ ไม่ประทับใจ

ขอได้ไหม ให้โอกาส อาจดีขึ้น
ไม่อยากฝืน จนอดรน ทนไม่ไหว
ไม่อยากเดิน ตามทาง อย่างใคร-ใคร
มีทางไป เป็นตัว ของตัวเอง

โปรดเข้าใจ ในความฝัน ฉันทำได้
อย่าขืนใจ บังคับ กับข่มเหง
เพียงเรียกร้อง ให้เข้าใจ ใช่อวดเบ่ง
ยังยำเกรง ในบุญคุณ ที่หนุนนำ

ประสบการณ์ ยังน้อย ด้อยความรู้
แต่ใจสู้ ไม่เคยท้อ ขออย่าขำ
ทางนั้นดี พอรู้ ดูและจำ
แต่ขอทำ ลองทางใหม่ ใช่ลองดี

แม้นล้มลุก คลุกคลาน มิหวั่นดอก
ถึงช้ำชอก พร้อมบอกใจ  ไม่ถอยหนี
เมื่อเลือกแล้ว เรื่องถอดใจ ไม่เคยมี
ทุ่มชีวี เพื่อพิสูจน์ คำพูดตน

จะขอลอง ให้รู้ ดูให้เห็น
ทำให้เป็น ด้วยสำนึก อยากฝึกฝน
ดีไม่ดี ได้รู้สึก ตรึกกมล
ไม่ฝืนทน แล้วหนอ ขอเลือกเอง

				
19 พฤษภาคม 2548 16:50 น.

รักดอก..จึงหยอกเล่น

เดือนไร้เงา

 เวลานอนคิดถึงพี่บ้างได้ไหม
จะส่งใจโผผินบินไปหา
ให้ใจแนบหัวใจกันสักครา
จะรู้ว่าความสุขใจหาไหนปาน
  
 หากฝันไปในใจคงฝันหวาน
เวลาผ่านไม่อยากตื่นขึ้นจากฝัน
อยากหลับตาฝันดีมีนาน-นาน
แต่ตะวันไม่เป็นใจทำไงดี  

 เก็บตะวัน ที่มัน สาดส่องฟ้า
บอกไปว่า ข้านี้ ขอฝันก่อน
ฝัน ดี ดี กับคนรัก ที่แนบนอน
สมรักก่อน แล้วตะวัน ค่อยส่องมา  

 หากตะวันเป็นใจได้ดังว่า
ตัวแก้วตาคงหลับฝันทั้งวันหนา
ไม่อยากลุกไม่ยอมตื่นไม่ลืมตา
สู่นิทรามีแค่ฝันทุกวันไป  

 อยากจะจูบที่ปากน้องเนิ่นนานนิ่ง
กอดแอบอิงผิงกันนั่งจมฝัน
อยู่สองคนจนลาลับดับชีพนั้น
ครองรักกันฝันสุขร่วมท่วมใจเลย

ยิ่งพูดคุยยิ่งแนบชิดสนิทลึก
เหมือนดังศึกของหัวใจที่ใฝ่ฝัน
ฟาดฟันฝ่าพายุคลื่นที่โลมรัน
สองใจมั่นเป็นเหมือนมิตรสนิทใจ

ใจตรงใจได้อารมณ์ไม่ข่มขวัญ
จริงใจกัน เปิดเผยใจ ให้ได้เห็น
คิดอย่างไร พูดอย่างนั้น หลอกไม่เป็น
หากว่าเห็น  เป็นคนดี เท่านี้พอ

 เท่าที่เห็นก็น่ารักประจักษ์จิต
เป็นมิ่งมิตรดูแลใจไม่ห่างเหิน
แม้ยามทุกข์หรือสุขใดไม่หมางเมิน
ซึ้งเหลือเกินคำพี่ที่เอ่ยมา  				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเดือนไร้เงา
Lovings  เดือนไร้เงา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเดือนไร้เงา
Lovings  เดือนไร้เงา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเดือนไร้เงา
Lovings  เดือนไร้เงา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเดือนไร้เงา