24 พฤษภาคม 2549 20:50 น.

อรุณรุ่ง

เพชรพรรณราย

รุ่งอรุณอุ่นละไมไออุ่นแสง
ตะวันแดงแยงนภาขอบฟ้ากั้น
แสงสีทองผ่องอำไพใกล้ตะวัน
บอกว่าผันวันใหม่แล้วแก้วนภา

หมองจางจางระหว่างเขาเงาสะท้อน
วูบไหวอ่อนย้อนแสงทองคล้องเวหา
คล้ายม่านทองผ่องพรรณอัศจรรย์ตา
กั้นภูผาหว่างเวหาน่าชวนชม

ลมเย็นพัดสะบัดไม้ไหวไหวลิ่ว
พัดไม้ปลิวพลิ้วผ่านสำราญสม
ปล่อยห้วงใจให้ไหวไปตามสายลม
คล้อยอารมณ์จมห้วงในดวงใจ

ลืมตาตื่นยืนยินเสียงสำเนียงร้อง
ยินเสียงก้องจากท้องป่าพาหวั่นไหว
เสียงนกเรียกเพรียกหากันในพงไพร
บินลับไปในขอบฟ้าออกหากิน

ฟ้าเปลี่ยนแสงแห่งตะวันที่ผันส่อง
จากแสงทองรองเรืองหายกลับกลายสิ้น
สีเงินเคลื่อนเลื่อนมาสู่ฟ้าดิน
แล้วร้างสิ้นผินผ่านตามกาลกล

จนอาทิตย์สถิตฟ้านภากาศ
แสงขาวสาดมิขาดหายวายแห่งหน
สู่พื้นแผ่นทุกแดนไปในตำบล
จุดเริ่มต้นบนโลกกว้างต่างดิ้นรน				
9 พฤษภาคม 2549 16:58 น.

กว้างสองศอก ยาวหนึ่งวา

เพชรพรรณราย

กว้างสองศอก ยาวหนึ่งวา

                บุรุษหนึ่ง

คนคนหนึ่งจะพึงได้แค่ไหนเล่า
จับจองเอาแผ่นดินเป็นสินทรัพย์
ที่แย่งยื้อถือครองหมายปองนับ
ช่วยตอบกลับสดับฟังยังข้อความ


                 บุรุษสอง

จะมากน้อยยากตอบแท้แก่ปัญหา
หนึ่งเกิดมาวาสนาอย่ามองข้าม
สองความเพียรหากคิดครองมิข้องยาม
ตอบคำถามตามเหตุผลด้วยจนใจ
ความข้อนี้ที่ตอบชอบไหมท่าน
โปรดช่วยขานผ่านปัญหาค่าที่ให้
ผิดถูกไซร้ให้จำย้ำความนัย
เพื่อจำไว้ในความรู้อยู่ในตน


                 บุรุษหนึ่ง

คนคนหนึ่งพึ่งได้มาข้าจะบอก
กว้างสองศอกยาวหนึ่งวาอย่าสับสน
เพียงเท่านี้ที่พึงได้ในทุกคน
มีเหตุผลกลแฝงนัยให้พิจารณา
เมื่อเกิดมาค่าที่ถือคือตัวเปล่า
แย่งยื้อเอาเฝ้าสร้างวางปรารถนา
จนสุดท้ายพ่ายแพ้แก่ชรา
มรณากายาสิ้นดิ้นดับลง
สู่พื้นดินสิ้นใจไร้วิญญา
ยาวหนึ่งวากว้างสองศอกบอกประสงค์
ที่ครอบครองเป็นเจ้าของยามปลดปลง
ฝังร่างลงตรงแผ่นดินเมื่อสิ้นใจ				
8 พฤษภาคม 2549 17:01 น.

กระจกสองบาน

เพชรพรรณราย

มีกระจกสองบานน่าขานคิด
เฝ้าพินิจพิจารณาหาเหตุผล
ค่าความจริงสิ่งที่เห็นเร้นในกล
ความสับสนเฝ้าค้นหาปัญญาตรอง

กระจกใสบานหนึ่งซึ่งมองผ่าน
เห็นเหตุการณ์ผ่านสายตาพาจับจ้อง
ความเป็นไปในโลกโศกสุขครอง
ข้อเกี่ยวข้องของโลกที่เปลี่ยนแปร

กระจกใสคล้ายนัยน์ตาพามองรู้
ความเป็นอยู่ดูโลกกว้างอย่างถ่องแท้
สิ่งรอบกายรายล้อมอยู่ให้ดูแล
ปรับปรุงแก้ดูแลรักษ์ปกปักษ์กัน

กระจกสองมองสะท้อนย้อนปรากฏ
ภาพกำหนดสลักตอบแค่ขอบกั้น
เงาขนานผ่านให้เห็นเป็นสำคัญ
มิปิดกั้นสัมพันธ์ต้นคนที่มอง

กระจกเงาเจ้าเหมือนใจในส่วนลึก
ให้ตรองตรึกนึกอ่านการณ์ขัดข้อง
มองตนเองเพ่งพิศพินิจตรอง
ข้อบกพร่องที่มองพลาดขาดอะไร

แล้วรวมสองคล้องกันมั่นในจิต
นำมาคิดพิศคำนึงให้ซึ้งได้
ถึงข้อเปรียบเทียบกระจกยกความนัย
มองโลกให้เข้าใจนอกในตน				
4 พฤษภาคม 2549 18:10 น.

อยู่ที่ใจ

เพชรพรรณราย

พนมมือถือขันวันทาไหว้
ด้วยร่างกายผ่ายผอมพร้อมร้องขอ
หวังเศษสตางค์นั่งริมทางต่างทนรอ
เพื่อมาต่อเชือกชีวิตอย่าลิดรอน

เพราะเกิดมาวาสนาค่าน้อยนิด
ใช่ว่าผิดถูกปิดกั้นยากผันผ่อน
เลือกกำเนิดเกิดไม่ได้เพียงอ้อนวอน
จึงบันทอนให้รอนรนอับจนทาง

สังคมหยามประณามเหยียดรังเกียจกั้น
ใช่ต่างกันอันร่างกายชายหญิงสร้าง
ค่าสมมุติมนุษย์คิดลิขิตวาง
เป็นความต่างวางรากยากผันแปร

ค่าความจริงสิ่งสำคัญสำพันธ์เห็น
ใช่ที่เป็นกฎเกณฑ์ควรเว้นแก้
ความเป็นคนใช่จนรวยด้วยจริงแท้
ค่าที่แน่อยู่แก่ใจในทุกดวง

แม้ยาจกสกปรกเหม็นใช่เดนชั่ว
รวยแต่ตัวมัวเมาเจ้าน่าห่วง
ใจคิดดีทำดีหนีสิ่งลวง
ภัยทั้งปวงย่อมล่วงพ้นจนสุดทาง

พนมมือถือขันวันทาไหว้
หนึ่งดวงใจแม้ไร้สุขทุกข์ไม่ห่าง
แต่ไม่เคยเบียดเบียนใครให้อับปาง
ขอที่ทางอย่าร้างราเมตตากัน				
3 พฤษภาคม 2549 19:27 น.

หวานเป็นลม ขมเป็นยา

เพชรพรรณราย

บอระเพ็ดเข็ดขมมิชมชื่น
ยากจะกลืนขืนขัดสัมผัสขม
ใครลิ้มลองต้องเบือนหน้าค่าอารมณ์
เพราะความขมจมกับลิ้นยากสิ้นไป
หากแต่ขมนิยมค่าตัวยาดี
ขมสิดีมีไว้ใช้ยามป่วยไข้
ถึงรสชาติขยาดขมไม่สมใจ
สรรพคุณหนุนไว้ในตัวยา


รสน้ำตาลหวานลิ้นถวิลถึง
คอยรำพึงถึงความหวานผ่านชิวหา
ต่างชื่นชอบตอบคำย้ำกันมา
ปรารถนาหาลิ้มชวนชิมเชิญ
หากแต่หวานสานนำโรคให้โศกทุกข์
รสแห่งสุขปลุกไม่นานก็ห่างเหิน
แฝงโรคร้ายกายหมองหม่นทนเผชิญ
ให้ต้องเดินเผชิญผลจนตัวตาย


หวานเป็นลมขมเป็นยาน่าครวญคิด
ถูกหรือผิดคิดอย่างไรในความหมาย
อันความหวานสานนำโรคให้โศกกาย
ขมโรคหายวายสิ้นคนยินดี
เพราะภาพลักษณ์สลักไว้ไม่รู้เห็น
จึงจำเป็นต้องเฟ้นหาค่าวิถี
ดังหวานขมสมเปรียบเปรยเผยวจี
ความจริงนี้ชี้ให้เห็นเป็นสำคัญ				
Lovers  0 คน เลิฟเพชรพรรณราย
Lovings  เพชรพรรณราย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพชรพรรณราย
Lovings  เพชรพรรณราย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเพชรพรรณราย
Lovings  เพชรพรรณราย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเพชรพรรณราย