ผีเสื้อละเมอ เพ้อหา ลดามาลย์

ละไมฝน

ผีเสื้อละเมอ  เพ้อหา  ลดามาลย์
แดดอุ่นอาบป่า ลำแสงอ่อนโยน ลอดกิ่งใบแมกไม้ลงมาจูบดวงหน้าชื้นน้ำค้าง นุ่มนวลราวกับมือหญิงสาวลูบไล้ สายลมยามเช้าล่องรินมาปลุกผมตื่นขึ้นมาอย่างเดียวดาย มันเป็นเช้าวันใหม่ที่สดใสทีเดียว ผมเหลียวมองภาพที่บรรจงวาดเมื่อคืน พลันใจหาย ... เมื่อเห็นความว่างเปล่าของเฟรมผ้าใบบนขาหยั่ง พู่กันหมาดหมาดสีน้ำมันวางบนถาดสี มีดอกกล้วยไม้ป่าสีขาวนวลช่อหนึ่งวางอยู่ตรงนั้นด้วย ผมจำได้ว่าหญิงสาวคนหนึ่งนำดอกกล้วยไม้มาฝากผมเมื่อคืนนี้ ผมพลิกกายจากเปลยวน หยิบช่อกล้วยไม้ที่พราวด้วยน้ำค้างขึ้นมาพิศดู กลีบดอกยังใหม่สด กลิ่นหอมเย็นจางๆ ชวนให้นึกถึงกลิ่นแก้มหญิงสาว ซึ่งมานั่งเป็นแบบให้ผมวาดรูปเธอเมื่อคืนนี้
ผมรู้สึกเงียบเหงา ... คิดถึงเธออย่างบอกไม่ถูก
หญิงสาวแปลกหน้า จากผมไปเมื่อดาวรุ่งแต้มขอบฟ้า ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ไม่มีโอกาสถามเธอด้วยซ้ำว่า ทำไมเธอจึงจากไปก่อนอรุณรุ่ง
สำเนียกแรกในเช้านี้ แทนที่จะเป็นเสียงกราวๆของของกระเช้าสีดายามต้องลมพัด กลับเป็นเสียงนกกระจิบคู่หนึ่ง ซุบซิบกันบนกิ่งไม้ใกล้ๆ กระต๊อบใบตองตึงที่ผมอาศัยอยู่ คล้ายกับว่าพวกมันกำลังนินทาชายผู้โดดเดี่ยวว่า .....
" ดูเจ้าคนขี้เกียจสันหลังยาวนั่นซิ เอาแต่นอนตื่นสาย เขาไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสหวานๆ ของหนอนตัวอ้วนๆ อย่างพวกเราหรอก "
" นั่นซินะ วันๆ เอาแต่นั่งอ่านหนังสือ วาดรูป แล้วก็เขียนบทกวีเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ ไม่รู้จักทำมาหากิน ผมเผ้าหนวดเคราก็ยาวรุงรังยังกะฤาษีชีไพร "
คู่ของมันเสริมขึ้นบ้าง
" ฉันว่าเขาเหมือนคนบ้ามากกว่านะ"
นกกระจิบตัวแรกแย้งขึ้น แล้วพวกมันหัวเราะ และส่งเสียงร้องเพลงขับกล่อมผมบนกิ่งไม้นั่น
อันที่จริง มิใช่มีเพียงนกกระจิบคู่นั้นดอกที่เฝ้ามองผม ยังมีพวกสัตว์ป่าตัวเล็กๆ เช่น กระรอก กระแต หนูพุก หรือแม้แต่งูเขียว ที่ออกหากินอยู่รอบๆ บริเวณกระต๊อบตอง ยังผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกมาสังเกตการณ์ชายร่างผอมบาง ท่าทางพิกล ผู้มาปลูกกระต๊อบ ใช้ชีวิตโดดเดี่ยวเดียวดายที่ชายป่า ซึ่งเป็นอาณาจักรของพวกมัน อาณาจักรแห่งความสงบสุข โอบอ้อมด้วยอ้อมกอดขุนเขาเขียวทะมึน สัตว์ป่าบางชนิด ซึ่งผมมองไม่เห็นว่าเป็นตัวอะไร ทักทายผมด้วยเสียงร้องชวนขนลุก บางชนิดก็หลบๆ ซ่อนๆ ผลุบๆโผล่ๆ ดูกล้าๆ กลัวๆ นกบางชนิด ก็แสดงท่าทีก้าวร้าว ข่มขู่ผู้รุกล้ำอาณาเขตของพวกมัน
ในยามพลบค่ำ อันเป็นห้วงเวลาที่หิ่งห้อยป่าบินออกหาคู่ แสงของมันเปล่งประกายวูบวาบ ตรงโน้น ตรงนี้ ตามแนวป่าอันมืดมิด ราวกับดวงตาภูตผีปิศาจนับร้อยนับพันดวงที่จ้องมองผมอยู่เงียบๆ บางคืนผมก็ตกใจกลัวเสียงนกกระปูด ที่ร้องปูดๆ ดังมาจากเงาไม้มืดมิด ขณะสายลมพัดหวีดหวิว
คนเรา ... เวลาอยู่คนเดียวในความมืด บรรยากาศเยือกเย็นเงียบสงัด มักสร้างภาพจินตนาการหลอกหลอนตัวเองได้อย่างน่ากลัวเสมอละ
รู้มั้ย...กลิ่นกล้วยไม้ป่าหอมจางข้างกาย ชวนให้นึกถึงเหตุการณ์แปลกประหลาดเมื่อคืน 
มันเป็นเวลาดึกมากแล้ว ขณะนั่งเขียนบทกวีเกี่ยวกับป่าฤดูวสันต์ ผมรู้สึกง่วงเป็นบ้าเป็นหลัง พอเอนกายนอนบนเปลผ้าใต้ร่มไม้ที่แผ่กิ่งก้านปกคลุมหลังคากระต๊อบตอง ครู่เดียวก็ผล็อยหลับไป ในห้วงฝันครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้น มีดวงหน้าซีดเซียวของชายหญิงนับสิบ ผุดพรายอยู่รายรอบกายผม จ้องมองมายังผมอย่างเงียบงัน
ตาหม่นเศร้าไร้แวว บนดวงหน้าหมองคล้ำ ซูบโรยโหยหิว ร่างกายผ่ายผอมสวมเสื้อม่อฮ่อมเก่าๆ ขาดหวิ่น ร่างเหล่านั้นราวล่องลอยอยู่ ...
ผมพยายามพลิกกายลุกขึ้น แต่ก็ขยับไม่ได้ ร่างถูกตรึงอยู่กับเปลผ้า ทรวงอกเหมือนถูกกดทับด้วยภูเขาหนักอึ้ง ครั้นจะเอ่ยปากทักถาม ก็คล้ายมีก้อนอะไรบางอย่างจุกที่ลำคอ แล้วมือเหี่ยวๆ เล็บแหลมคมเขียวคล้ำ นับสิบคู่ ก็ยื่นมาหยิกทึ้งร่างผมเป็นพัลวัน ประหนึ่งโกรธแค้นมานานปี
เมื่อมีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ร่างผอมโซที่รุมหยิกทิ้งอย่างโกรธแค้นค่อยๆ ถอยห่าง และหายไปในราวป่า
ร่างที่ปรากฏขึ้นมานั้น เป็นหญิงสาวหน้าตางามอ่อนหวาน ดวงตาสงบเย็น ผิวพรรณขาวนวลราวกลีบดอกกล้วยไม้ป่าที่เธอถือมา ร่างอรชรห่มสไบสีตองอ่อน เปลือยไหล่อวบอิ่มกลมกลึงนัก 
หญิงสาวแปลกหน้า แย้มยิ้มอย่างเป็นมิตร เธอเหลียวมองเฟรมผ้าใบบนขาหยั่ง แล้วขอร้องให้ผมวาดรูปเธอ ... ผมไม่ลังเลเลยที่จะบันทึกความงามของเธอบนผืนผ้าใบ ด้วยปลายพู่กันอันพริ้วไหว ...
ดวงหน้าเรียวได้รูปงามอ่อนหวาน ในกรอบผมสีดำสนิทยาวสยายถึงกลางหลัง คิ้วโค้ง รับกับนัยน์ตากลมโต ดำขลับดูลึกลับ จมูกเล็กๆ โด่งพองาม ปลายเชิดเล็กน้อย ริมฝีปากรูปกระจับเต็มอิ่มเฉดสีชาดสด มุมปากเย้ายวนชวนเคลิ้มฝัน 
ผมบรรจงวาดรูปเธอด้วยความรู้สึกดื่มด่ำ เปรมสุขจากสัมผัสทางสายตา เมื่อวาดแก้มก็คล้ายได้กลิ่นแก้มสาวอวลมา ยามระบายเรียวปาก ก็รู้สึกเหมือนว่าได้จุมพิตปากเธอ ครั้นวาดเรือนกาย ก็พลันรู้สึกประหนึ่งได้ลูบไล้เรือนร่างงามดุจนางในวรรณคดีนั้น ...
เมื่อวาดรูปเธอเสร็จเรียบร้อย เธอก็มอบช่อกล้วยไม้ป่าสีขาวให้ผม และล่ำลาจากไปเมื่อฟ้าใกล้สาง
กลิ่นน้ำค้างชื้นใบไม้ใบหญ้า เจือกลิ่นดอกกล้วยไม้ป่า หอมอวลอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ผมนั่งมองผืนผ้าใบว่างเปล่า ใจหายที่ไม่เห็นผลงานของตนเอง พู่กันเปื้อนสี วางบนถาดสีที่เปรอะเปื้อนนั้น บ่งบอกถึงร่องรอยของการวาดรูปเมื่อคืน รูปที่ผมวาดเลือนหายไปได้อย่างไรกัน ผมเอื้อมมือหยิบกล้วยไม้ช่อนั้นแนบแก้ม กลิ่นหอมอ่อนจาง เย้ายวนชวนให้คิดถึงกลิ่นแก้มหญิงสาวแปลกหน้ามิสร่างซา
ในห้วงภวังค์ที่กรุ่นอวลหอมหวานนั้น ช่างคลับคล้ายละม้ายความฝัน แต่มิใช่ภาพฝัน รู้สึกว่าหญิงสาวคนนั้นมีตัวตนจริงๆ ความงามของเธอยังตราตรึงในความทรงจำ ช่อกล้วยไม้ป่าคือหลักฐานแห่งความจริง
ภาพเธอกลับเลือนหายไปจากเฟรมผ้าใบบนขาหยั่งได้อย่างไร ผมไม่อาจวาดรูปเหมือนเธอได้ดังใจนึกอีกแล้ว 
หลังจากคืนนั้น เธอก็ไม่ย่างกรายมาที่กระต๊อบตองอีกเลย คงมีเพียงกล้วยไม้ป่าช่อนั้นทดแทนตัวเธอ ผมเก็บไว้อย่างทะนุถนอม แม้นว่ากล้วยไม้ช่อนั้นจะร่วงโรยเหี่ยวเฉาไปตามกาลเวลาก็ตาม
บางทีจิตใจผมคงไม่บริสุทธิ์ สะอาดพอ ที่เธอจะหวนกลับมาพบกับผมอีกก็ได้ ...
.....................................................
ละไมฝน				
comments powered by Disqus
  • เพียงพลิ้ว

    29 มิถุนายน 2552 14:03 น. - comment id 105727

    ^_^
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif
  • ละไมฝน

    29 มิถุนายน 2552 18:10 น. - comment id 105734

    ขอบคุณทุกกำลังใจครับ42.gif
  • ฉางน้อย

    29 มิถุนายน 2552 19:38 น. - comment id 105745

    11.gif6.gif  ... ยิ้มทักทายจ๊า....

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน