อทินนาทาน

ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

อทินนาทาน
                ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2542 ให้คำแปลไว้ว่า  การถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้แก่ตน , การลักทรัพย์
             พฤติกรรมการกระทำอทินนาทาน มีเกิดขึ้นดึกดำบรรพ์ ในทุกสรรพสัตว์  สัตว์ใหญ่แย่งชิงอาหารจากสัตว์เล็ก สัตว์เล็กแอบลักอาหารของสัตว์ใหญ่ มนุษย์สมัยหินถือตะบองไปทุบหัวคนอื่นเอาอาหารบ้าง ลากผมผู้
หญิงถูลู่ถูกังกลับไปถ้ำของตัวเองบ้าง  ล่วงเลยมาเป็นพันเป็นหมื่นปี  วิธีการเปลี่ยนแปลงไป มีการรวบรวมไพร่พลเป็นกองทัพยกเข้าย่ำยี แย่งชิงสิ่ที่ต้องการจากชาติอื่นกลุ่มอื่น ถึงฆ่าฟันกันล้มตายจนเกิดสงครามโลก ล้วนเป็นพฤติกรรมอทินนาทานทั้งสิ้น
                 เจ้าชายสิทธัตถะแห่งศากยวงศ์  เกิดเบื่อหน่ายชีวิตเห็นสภาพความแตกต่างของผู้คนในสังคม ชนชั้นสูง
ฟุ้งเฟ้อหลงใหลกับความสุขสบายทรัพย์สินเงินทองปราสาทราชมณเทียรและเหล่าสนมกำนัล  คนชั้นต่ำที่ได้พบเห็นมีแต่ความทุกข์ยากอดอยากทรมาน เจ็บไข้ได้ป่วยล้มตายอย่างไร้ที่พึ่งพิง  จึงได้เสด็จออก มหาภิเนษกรมณ์
(บวช)โดยหลบออกจาพระนครกบิลพัสต์ด้วยม้า กัณฐกะ พร้อม อำมาตย์ (ข้าเฝ้า) ชื่อนายฉันนะ  ถึงฝั่งแม่น้ำ
อโนมา แล้วจับพระเกศจุฬาโมลีด้วยพระหัตถ์ซ้าย จับพระขรรค์แก้วด้วยพระหัตถ์ขวา ตัดพระเกศาจนขาดแล้วขว้างพระจุฬาโมลีไปในอากาศ  เป็นที่อัศจรรย์นัก พระจุฬาโมลีลอยอยู่บนอากาศสูงถึงหนึ่งโยชน์โดยไม่ตกลงมา  พระอมรินทราธิราช(พระอินทร์)จึงอัญเชิญ พระจุฬาโมลี ไว้ในผอบแก้ว ซึ่งมีสัณฐานสูงใหญ่ได้หนึ่งโยชน์ประดิษฐานบรรจุไว้ใน พระเกศแก้วจุฬามณีเจดีย์ ทำด้วยแก้วอินทนิลสูงประมาณสี่โยชน์อยู่ในดาวดึงส์เทวโลก
                 เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะบำเพ็ญเพียรอยู่ 6 ปีจนสำเร็จตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ท่านได้จาริกไปสั่งสอนปวงชนโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ ผู้ที่เข้าใจปฏิบัติตามจนบรรลุเป็นพระอรหันต์จำนวนมากมายด้วยธรรมอันประเสริฐสูงสุดที่สั่งสอนไว้ถึงแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ มีผู้สรุปคำสอนของพระองค์ท่านไว้เหลือเพียงประโยคเดียวคือ  สัพเพธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ แปลว่า  สิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
                แต่ปวงชนจำนวนมากใช่ว่าจะมีผู้เข้าใจธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทั้งหมด ดังที่ได้เปรียบเป็นดอกบัวในบึงมีหลายระดับ ท่านจึงได้กำหนดข้อปฏิบัติเบื้องต้นไว้เพื่อปวงชนได้ยึดถือ เพื่อขัดเกลา กาย วาจา ใจ
ด้วยศิล 5 ข้อ ให้สังคมสงบร่มเย็นไม่เบียดเบียนกัน  จะได้มีสติปัญญาที่จะเข้าใจถึงธรรม ที่ท่านได้สั่งสอน
               สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ได้สั่งสอนปวงชนอยู่นานถึง 45 ปี ผู้ที่เชื่อถือปฎิบัติตามข้อศิลได้ครบถ้วน ก็ได้รับความสุขตามสมควรระดับหนึ่ง  ผู้ที่เข้าใจปฎิบัติถึงธรรมขั้นสูง ก็ได้สำเร็จบรรลุผลตามกำลังของตน จนถึงขั้น อรหันต์ผล ก็มีจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตามไม่มีสิ่งใดจะยั่งยืนคงทนได้ตลอดไปอย่าว่าแต่ธรรมสูงสุดจะต้องเสื่อมสลายไปเลย แม้แต่ศิล เบื้องต้น ทันทีที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขนธ์ปรินิพพาน ก็มีการระเมิดศิล ข้อ  อทินนาทาน กันทันทีแล้ว
              เมืองกุสินารา ทั้งเมืองเกิดทุกข์โทมสัส พุทธบริษัท ปุถุชนทุกชั้นโศกเศร้าเสียใจ กับการเสด็จดับขันธ์
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทำการสักการะสมพระเกียรติอยู่ 6 วันได้ก่อพระสถูปที่กลางทางสี่แพร่งเพื่อทำ
การถวายพระเพลิงพระศพ  โดยพระกัสสปะเถระ นำพระสงฆ์ 500 รูปเดินทางมาทันเวลาถวายพระเพลิงพอดี
ได้ทำการถวายพระเพลิงอยู่ถึง 7 วัน เมื่อพระเพลิงมอดไหม้สงบลงแล้ว เหลือพระธาตุ ตือ พระอุณทิศ (มงกุฎธาตุ)
1 ชิ้น  พระรากขวัญธาตุ (ไหปราร้า) ซ้าย,ขวา รวม 2 ชิ้น พระทาฒธาตุ (เขี้ยวแก้ว) เบื้อง ซ้าย , ขวา  บน และ เบื้อง ซ้าย , ขวา  ล่าง รวม4 ชิ้น นอกนั้นเป็นพระบรมสารีริกธาตุ มีสัณฐาน เล็กใหญ่ 3 ขาดคือ ขนาด เมล็ดถั่วแตก ขนาดข้าวสารหัก และ ขนาดเมล็ดพันธุ์ผักกาด   จึงได้อัญเชิญ พระธาตุทั้งหมดป้องกันรักษาไว้ถึงห้าชั้น คือ ชั้นในสุดเป็นพลช้าง ถัดมาเป็น พลม้า , พลรถรบ ,พลธนู แถวนอกเป็น พลเดินเท้าถือหอกแข็งขัน
               ข่าวการถวายพระเพลิงพระศพของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขจรขจายไปดุจไฟไหม้ฟาง บรรดาผู้ที่เคารพนับถือต่างโศกเศร้าอาดูร บรรดากษัตริย์เมืองต่าง ๆ ได้ยกพหลพลไกร มาขอแบ่ง พระธาตุ จากเมือง กุสินารา
มี พระเจ้าอชาตศัตรูราช  กษัตริย์ลิจฉวี  กษัตริย์ศากยราช  กษัตริย์โกลิยราช  มหาพราหมณ์เมืองเวฎฐทีปกะ และ
มัลลราชเมืองปาวา  จนจวนเจียนจะเกิดกระทำสงครามแย่งชิงพระธาตุกันรวมทั้งเมือง กุสินารา
               เดชะบุญบารมีขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้มี โทณพราหมณ์ ผู้ที่ กษัตริย์ทั้งหลายให้ความเคารพนับถือเข้ามาไกล่เกลี่ย  โดยแบ่งปัน พระธาตุด้วย ทะนานทอง เป็น 8 ส่วน ๆ ละ 2 ทะนาน แจกไปให้กษัตริย์ทั้งหลาย เพื่อนำไปสักการะยังเมืองของตน  แต่ในขณะที่ปวงชนกำลังเศร้าโศก สนใจอยู่ที่การแบ่งพระธาตุ โทณพราหมณ์ ฉวยโอกาส กระทำ อทินนาทาน โดย ยักเอา พระทาฒธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว)ด้านบนเบื้องขวา ซ่อนไว้ใน
ผ้าโพกศรีษะของตน หวังจะเอาเป็นสมบัติของตัวเอง  ปรากฏว่าขณะที่ทำการแบ่งพระธาตุเพื่อแจกจ่ายให้ กษัตริย์ต่าง ๆ นั้น พระอินทร์ได้มาทอดทัศนา เป็นสักขีพยานอยู่ด้วย การกระทำของ โทณพราหมณ์ จึงไม่รอดพ้นจากทิพยจักษุ  พระอินทร์ จึงได้ใช้ความชำนาญในอิทธฤทธิ์ ฉวยเอาพระเขี้ยวแก้วจากผ้าโพกศรีษะของ โทณพราหมณ์
ไปโดยที่ โทณพราหมณ์ ไม่รู้ตัวเลย
               พระอินทร์ มิได้นำเอาพระทาฒธาตุ (พระเขี้ยว แก้ว) เบื้องบนด้านขวาไปเป็นของตนเอง แต่ได้นำไป บรรจุไว้ใน พระเกศแก้วจุฬามณีเจดีย์ ในดาวดึงส์ เทวโลก รวมกับ พระจุฬาโมลี ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่บรรจุไว้แต่แรก ผู้ที่เกิด ปีจอ ว่ากันว่า ต้องเดินทางไปสักการะพระเกศแก้วจุฬามณีเจดีย์ ที่ดาวดึงส์เทวโลก จึงจะตรงกับพระธาตุ ประจำปีเกิด ใครได้ไปมาแล้วช่วยมาเล่าให้ฟังกันบ้าง
                การกระทำของ โทณพราหมณ์ เรียกว่า อทินนาทาน  การกระทำของพระอินทร์ ถึงแม้จะเล็งเห็นว่า 
โทณพราหมณ์ มิอาจทำการสักการบูชาที่สมควรแก่ พระบรมธาตุได้ จึงได้ยึดถือเอามาบรรจุไว้ใน พระเกศซแก้วจุฬามณีเจดีย์ ก็ยังถือได้ว่า กระทำ อทินนาทาน เช่นกัน ส่วนการยึดเอาทรัพย์สินของ พันตำรวจโท ด๊อกเตอร ทักษิน  ชินวัตร และครอบครัว มาเป็นของรัฐนั้น จะเข้าข่าย อทินนาทาน หรือไม่ ผู้อ่านก็คิดเอาเองก็แล้วกัน       
				
comments powered by Disqus
  • อัลมิตรา

    4 มีนาคม 2553 21:32 น. - comment id 115480

    หนึ่งห้ามฆ่าสัตว์ ถ้ายุงกัด เราก็ตบ
    สองห้ามพูดปด ถ้าเราตด ก็บอกว่าเปล่า 
    
    เออ นี่ ให้อ่านกลอนชิ้นนึงนะ 
    เพื่อนเขียน ไม่ใช่อัลมิตราเขียน อ่านแล้วขำมาก ๆ 
    
    อันเรื่องลม ผสมปราณ ผสานผาย
    เรื่องงอหาย เล่ากัน มันเหลือที่
    สาวเจ้าร่วม เรือลำ ข้ามวารี
    บังเกิดมี ผายผลุด หลุดรอดมา
    
    จึงอบอวล หวนหืน คนยืนนั่ง
    ได้แต่ตั้ง สติกลั้น อั้นนาสา
    นึกโทษใคร ไปทุกผู้ อยู่นาวา
    แต่มิกล้า ชี้ชัด อึดอัดทรวง
    
    จนเรือน้อย ลอยเรียบ เข้าเทียบท่า
    ต่างก้าวขา ขึ้นบก เหมือนยกบ่วง
    คนพายเรือ เหลือฉงาย ใครพรางลวง
    จึงเอ่ยท้วง ฉับพลัน ในทันที
    
    คนผายลม โปรดยั้ง  ยังไม่จ่าย
    ทำกรีดกราย เหมือนว่า ตั้งท่าหนี
    สาวเจ้าหัน สวนกลับ ขับวจี
    จ่ายแล้วนี่ อีตาบ้า ด้านหน้าทวง
    
    * หัดเขียนแนวนี้ซะบ้างก็ดีนะ จะได้ไม่มีเรื่องกับใครอ่ะ
  • ฉางน้อย

    4 มีนาคม 2553 21:57 น. - comment id 115481

    11.gif11.gif46.gif
  • ฤกษ์ ชัยพฤกษ์

    4 มีนาคม 2553 22:03 น. - comment id 115482

    ผู้ดูแลระบบ คงจะเห็นแล้วว่า ระบบคลาดเคลื่อน จะมีตัวซ้ำแทบทุกบรรทัด ที่โพสต์ลง ไม่ใช่พิมพ์ซ้ำแน่  เห็นของคนอื่นก็เป็นเหมือนกัน น่าจะหาทางแก้ไข มากกว่า.... อิอิ
  • วิชัย

    4 มีนาคม 2553 23:00 น. - comment id 115484

    ทรัพย์ของทักษิณที่ยึดตกเป็นของแผ่นดิน
    เป็นนิติบุคคลไม่มีชีวิตทำผิดศีลไม่ได้หรอก
    ศาลพิพากษาตามพยานหลักฐานผิดตามฟ้อง
    กฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจนศาลก็ไม่ผิดศีล
    ไม่ได้ลักของเขาทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน
    ไม่ได้ใช้เงินนั้นผู้ใช้เงินที่ยึดคือรัฐ และ
    ตัดสินตามอำนาจหน้าที่ฝ่ายตุลาการ ภายใต้
    พระปรมาภิไธยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้
  • แดงประชาธิปไตย

    5 มีนาคม 2553 05:01 น. - comment id 115493

    เป็นบาป 2 ต่อครับ  ผิดศีล 2 ข้อ  และประทุษร้ายครอบครัวคนอื่น
    
    1   มุสาวาทให้คนทั้งประเทศ หลายสิบล้านคนฟัง  บาปจะเป็นบวกเท่ากับมุสาวาท หลายสิบล้านครั้ง
    
    
    2  อทินนาทาน 
    
    3  ประทุศรายต่อผู้ไม่ประทุษร้าย  เป็นบาปจะรับโทษชาตินี้ 10 ประการ
    -บ้านถูกไฟฟไหม้
    - ไม่ตายดี
    -ตายไปตกนรก
    ฯลฯ
  • ทรัพย์

    5 มีนาคม 2553 05:06 น. - comment id 115494

    ทรัพย์ของท่านนายกทักษินก็คือทรัพย์ของท่าน เป็นนิติบุคคลตรงไหน   สมบัติของท่านทำมาหาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรง  เหนื่อยยาก ถ้าเป็นอย่าง งั้นทรัพย์  ลูกเมีย ของพวกควายเหลืองก็เป็นนิติบุคคลหมดสิ เอาสมองส่วนไหนคิด  สมองของควายเหลืองปากคาบโกเต็กซ์เหรอ
    
    เจอคราวไหนโชว์โง่ตลอดเลยนะ  หัดฉลาดบ้าง  อายคนอื่นเขาแย่
  • อัลมิตรา

    5 มีนาคม 2553 07:38 น. - comment id 115495

    อาราย คุณฤกษ์ .. 
    ปกติเวลาคนทำงานอะนะ ตามกฏหมายแรงงาน เขายังกำหนดชั่วโมงกันเลย
    แถมยังมีวันหยุด วันลากิจ วันพักร้อน 
    ซึ่งหมายได้หมายความว่า ลูกจ้างต้องตะบี้ตะบันทำกันไปจนตัวตาย
    
    และยิ่งงานอดิเรก งานที่ทำก็ดี ไม่ว่างก็ไม่ทำ
    ทำไม ถึงต้องให้แบกภาระมากมายซะขนาดนั้นล่ะ อย่างนั้นก็ไม่สนุกสิ
    
    ไม่เขียนบ้างล่ะ เวปมาสเตอร์ครับ อย่างนั้น และ อย่างนี้ และ อย่างโน้นครับ
    เห็นใครต่อใคร ก็มาลงที่ผู้ดูแลระบบทุกที 
    นี่ก็ ไม่เว้นแม้แต่คุณฤกษ์หรือนี่ ..
    แหม ให้มีสักคนที่พอจะเข้าใจบ้างหน่อยก็ไม่ได้อะนะ 
    
    ปล. จะตีกันยัง ถ้าจะตีกัน จะได้หลบไปนั่งอ่านเฉย ๆ อีก
    คนอาร๊ายยยยยยยยย ตีกันไม่เบื่อ .. บ้าตาย
  • แดงประชาธิปไตย 05 มี

    5 มีนาคม 2553 09:21 น. - comment id 115500

    พวกเขากำลังทำร้ายพุทธศาสนารึเปล่าครับ ผมสงสัยวานนี้ (13 พ.ค.) นายอำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้แต่ละหน่วยงานปรับลดงบประมาณประจำปี 2553 ลงนั้น ทางสำนักงบประมาณ ได้เสนอมายังสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ถึงงบฯที่จะถูกปรับลดโดยในงบฯที่จะถูกปรับลดลงนั้นมีงบฯของเงินอุดหนุน อุปถัมภ์นิตยภัตพระสังฆาธิการ พระสมณศักดิ์ และพระเปรียญ รวมอยู่ด้วย ซึ่งจะถูกปรับลดลงจากเดิมที่เคยได้รับเมื่องบประมาณประจำปี 2552 จำนวน 945,830,400 บาท เหลือ 914,598,100 บาท ถูกปรับลดลง 31,232,300 บาท
    
    อย่าง ไรก็ตาม นายอำนาจกล่าวเพิ่มว่า เข้าใจว่าที่สำนักงบฯ เสนอให้ลดงบฯ ในส่วนนี้ลงนั้น เพราะเห็นว่าในแต่ละปีจะมีพระสังฆาธิการที่ได้รับเงินนิตยภัตมรณภาพลงทุกปี แต่ต้องอย่าลืมว่าในแต่ละปีทางมหาเถรสมาคม(มส.) ก็มีการแต่งตั้งพระสังฆาธิการเพิ่มขึ้นทุกปีเช่นกัน ดังนั้นทางสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ จึงจะต้องทำเรื่องแจ้งกลับไปยังสำนักงบฯ และทางรัฐบาล ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เข้าใจถึงสาเหตุที่รัฐบาลจะต้องให้ตัดงบฯ แต่งบฯอุดหนุนเงินนิตยภัตก็มีความจำเป็นเช่นกัน โดยจะมีทั้งพระสังฆาธิการ พระสมณศักดิ์ และพระเปรียญ ที่จะได้รับเงินนิตยภัตในแต่ละปีประมาณกว่า 20,000 รูป
    
    นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กล่าวว่า งบฯประจำปี 2553 ในส่วนของสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ขณะนี้ผ่านการพิจารณาระดับอนุกรรมการของ สำนักงบฯแล้ว โดยในภาพรวมสำนักงานพระพุทธศาสนาฯจะได้รับงบฯมากกว่างบประจำปี 2552 จำนวน 41,313,00 บาท ซึ่งงบฯในส่วนของการศึกษาสงฆ์ การเผยแผ่พระพุทธศาสนา จะไม่โดนตัด แต่จะโดนปรับลดในส่วนของงบฯการจัดการประชุมต่างๆ หากมีโครงการที่เกี่ยวกับการส่งเสริมให้มีรายได้ หรือส่งเสริมคุณภาพชีวิต สามารถเสนอของบฯเพิ่มเติมผ่านรัฐมนตรีที่กำกับดูแลได้
    
    ผู้สื่อ ข่าวรายงานว่าสำหรับงบฯ ประจำปีของสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ นอกจากเงินอุดหนุนอุปถัมภ์นิตยภัตพระสังฆาธิการ พระสมณศักดิ์ และพระเปรียญ ที่จะโดนปรับลดลงแล้วยังมีในส่วนของ เงินอุดหนุนการฝึกอบรมพระสังฆาธิการปรับลด 1,277,000 บาท เงินอุดหนุนการประชุมพระสังฆาธิการประจำปี ปรับลด 4,067,000 บาท เงินอุดหนุนการดำเนินงานพระธรรมทูตในต่างประเทศ ปรับลด 7,900,000 บาท เงินอุดหนุนการฝึกอบรมพระวิปัสสนาจารย์ ปรับลด 2,707,500 บาท เงินอุดหนุนการฝึกอบรมพระธรรมทูตในประเทศ ปรับลด 2,185,000 บาท เงินอุดหนุนการฝึกอบรมพระนักเทศน์ ปรับลด 2,517,500 บาท
    
    ข่าว : ไทยรัฐ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน