* * * หนูหิ่ง ฯ ตอน ท่องกุ้ยหลินปี'49 * * *

หิ่งห้อยน้อยใจ


เหตุการณ์ ณ วันเดินทาง
17 ก.พ. 49
วันนี้แล้วสินะ วันเดินทาง ดูจากโปรแกรมนัดกันบ่ายสองโมงที่สนามบินดอนเมือง
หนูหิ่ง ฯ กะคุณแม่กลัวรถติด ไปถึงตั้งกะสิบเอ็ดโมง แฮ่.... ไม่เห่อเลยเนอะ ^_^
เราสองคนแม่ลูกร้องเพลงรอ ร้อ รอ.... รอเพื่อนร่วมชะตาเดียวกัน 
จนกระทั่งต่างคนต่างทะยอยกันมารวมถึงพี่สาวของหนูหิ่ง ฯ 
เพื่อน (โอ) และแฟนของเพื่อน (พี่อ้อ) มาถึงบ่ายโมง
ส่วนเจ้าหน้าที่บริษัททัวร์มาถึงบ่ายสองโมงตรงเด๊ะ แหม อะไรจะรักษาเวลาขนาดน้าน ! 
กลุ่มนี้แบ่งลูกทัวร์ออกเป็น 4 กลุ่ม โดยใช้ริบบิ้นเป็นสัญญลักษณ์ผูกกระเป๋าสัมภาระเดินทาง
เพื่อความสะดวกในการจำ หนูหิ่ง ฯ อยู่ในกลุ่ม BUS 3 ริบบิ้นสีฟ้า (สีฟ้า น่ารัก ^_^)
แฮ่.... อย่างกะรู้เลยว่าหนูหิ่ง ฯ ชอบสีฟ้า เมี้ยว ๆ ๆ แถมยังได้รับแจกกระเป๋าสีฟ้าจากบริษัททัวร์อีกคนละ 1 ใบ
หนูหิ่ง ฯ เคยเจอพี่บอย ไกด์ที่น่ารักหลายครั้งแล้ว ก็ค่อนข้างสนิทกัน เห็นริบบิ้นมีเยอะ ก็นึกขึ้นได้ 
หนูหิ่ง ฯ " พี่บอย หนูขอริบบิ้นอีก 2 เส้นได้หรือเปล่าคะ "
พี่บอย " ได้สิ แล้วน้องจะเอาไปทำอะไรล่ะ "
หนูหิ่ง ฯ " ครือว้า.... จาเอาไปผูกผมค่ะ จาได้ไม่หายไงคะ ^_^ "
พี่บอย " ? ? ? ? "
พี่บอย " เอามาเซ็นต์รับกระเป๋าให้พี่ด้วยนะ "
หนูหิ่ง ฯ " ดั้ยค่ะ ^_^ ...... อ้าว !!!! พี่บอย ไหงงี้ล่ะคะ ? "
พี่บอย " อะไรน้อง ? "
หนูหิ่ง ฯ " ก็นี่ไง หมายเลข 25 หนูหิ่ง ฯ ไม่มีที่พัก แล้วนู๋จะทำไงล่ะ ? "
พี่บอย " เฮ้ย ! เป็นไปได้ไง ไหนดูสิ .... นี่เขาอ่านว่าไม่มีคู่พักตะหากล่ะ "
หนูหิ่ง ฯ " อ้าวหรอ แหะ ๆ ๆ ขออภัย นู๋อ่านผิดอ่ะ เมี้ยว ๆ ๆ "
โอ " เฮ้ย ไอ้หนูหิ่ง ฯ ทัวร์กรุ๊ปนี้ไปกันตั้ง 158 คน ไหงแกคนเดียวไม่มีคู่พักฟะ ? "
พี่อ้อ " นั่นสิ ตัวจริงก็ไม่มีคู่อยู่แล้ว นี่ขนาดไปเที่ยวยังไม่มีคู่อีกหรือเนี่ย ^_^ "
คณะทัวร์ " ฮา.... เจ๋งจริง เจ้าหน้าที่ทัวร์จัดห้องพักเหมือนรู้เลย ^_^ " 
หนูหิ่ง ฯ " แง้ ๆ ๆ อย่าพูดเรื่องจริงดิ เศร้าอ่ะ *_~ " 
' ฮึ่ม ! ฝากไว้ก่อนนะเจ้าโอ 
				


และแล้วก็ถึงเวลาบ่ายสามโมง นำสัมภาระไป X-Ray 

หนูหิ่ง ฯ จัดการเรียบร้อยแล้วก็เข็นรถไปประตูตรงข้ามที่เขาเขียนติดว่า สำหรับตรวจเอกสารเดินทาง

หนูหิ่ง ฯ " พี่คะ หนูต้องเข็นกระเป๋าเข้าไปในนี้หรอคะ คือว่าหนูจะโหลดกระเป๋าน่ะค่ะ ไม่ได้หิ้วขึ้นเครื่อง "

เจ้าหน้าที่สนามบิน " ไม่ได้แล้วน้อง เช็คอินแล้วโหลดไม่ได้แล้วหละ ต้องหิ้วขึ้นเครื่อง "

หนูหิ่ง ฯ และอีก 4 คน " ? ? ? ? อ้าว ซวยล่ะสิ กระเป๋าตั้ง 7 ใบ ใครจะหิ้วไหวพี่ "

โอ " ไอ้หนูหิ่ง ฯ ไปถามพี่บอยป่ะ ว่าทำยังไงกะกระเป๋าทั้งหมดนี่ "

หนูหิ่ง ฯ " พี่บอย กระเป๋าทำไงล่ะ เจ้าหน้าที่ไม่ให้หนูโหลดกระเป๋าค่ะ "

พี่บอย " โธ่.... ใครเขาให้หนูเข็นไปที่ประตูฝั่งโน้นล่ะ เอากลับมาที่เค้าเตอร์ 10 นี่ โหลดตรงนี้ "

หนูหิ่ง ฯ " หรอคะ แฮ่.... แล้วก็ไม่บอกซะตั้งกระแรกนิ " 

พี่บอย " แล้วก็นี่ แปะสติ๊กเกอร์แล้วก็ไปหาอะไรกินซะไป๊ ฟรีจ้ะ ฟรี ไม่ต้องมามองหน้าพี่ "


หนูหิ่ง ฯ " พี่จิ้งคะ ตะกี้พี่บอยบอกว่าติดสติ๊กเกอร์แล้วไปกินของฟรี ^_^ "

พี่จิ้ง " อดซะแล้วน้องเอ๋ย เขากินกันที่ด้านนอกจ้ะ เข้ามาในนี่แล้วอด "

หนูหิ่ง ฯ และอีก 4 คน " ? ? ? ? อ้าว ไม่เห็นพี่บอยบอกเลย *_~ ไม่เป็นไร (ฟะ) มีตังค์ซื้อกินก็ได้

พี่อ้อ " ฮื่อใช่ โอ ไปซื้อน้ำกะของกินมาให้หน่อยสิ ชักหิวแล้วหละ "

โอ " นี่ชาเขียวขวดละ 90 ซาละเปา 5 ลูก 100 ขนมจีบ 6 ลูก 75 "

หนูหิ่ง ฯ และอีก 3 คน " ? ? ? ? ไหงแพงอย่างงี้เนี่ย ? ? ? ? " 






เวลาบ่ายสามโมงครึ่ง เวลาเครื่องออก 

" ท่านผู้โดยสารที่จะเดินทางไปกุ้ยหลินเที่ยวบินที่ TG 618 โปรดทราบ 

เนื่องด้วยการจราจรทางอากาศไม่สะดวก ทางสายการบินขอแจ้ง

ให้ท่านทราบว่ากำหนดการเดินทางถูกเลื่อนออกไป 

และจะแจ้งให้ท่านทราบอีกที "


พี่คำแปง " เอาล่ะสิ จะได้บินกันกี่โมงนี่ หิวแล้วด้วยสิ โอไปซื้ออะไรมารองท้องอีกดีกว่า ' แพงหน่อยช่างมันเนอะ ' "

นั่งรอ รอ รอ จนเวลาผ่านไปถึงสี่โมงเย็น

" ท่านผู้โดยสารที่จะเดินทางไปกุ้ยหลินเที่ยวบินที่ TG 618 โปรดทราบ สายการบินขอแจ้งให้ท่านทราบว่า

กำหนดการเดินทางเลื่อนไปเป็นหนึ่งทุ่ม ขอให้ทุกท่านนำตั๋วโดยสารมารับคูปองรับประทานอาหารที่ประตูทางออกหมายเลข 41 "

พี่อ้อ " โห รอแง็กเลยล่ะสิ แต่ก็ยังดีนะ ที่ไม่ปล่อยให้เราอด "

หนูหิ่ง ฯ " แหมจะแจ้งก่อนก็ไม่ได้ หนูหิ่ง ฯ อิ่มซะแล้วนิ " 

เฮ้อ ! และแล้วก็ถึงกุ้ยหลินเวลาท้องถิ่นเที่ยงคืน (เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) 

อากาศหนาวสุด ๆ 4 - 10 องศา บรืออ์อ์อ์อ์อ์อ์อ์ *_~ 

				


กุ้ยหลิน มีชื่อนี้เพราะว่าที่นี่มีดอกกุ้ยฮัวเยอะมาก 

มีคนชี้ให้ดูว่านี่เป็นดอกกุ้ยฮัว แต่หนูหิ่ง ฯ ไม่ค่อยแน่ใจ

เพราะว้า....... คนที่บอกก็ไม่เคยเห็นดอกกุ้ยฮัวมาก่อนครือกัน ^_^ 

				


คณะได้พักที่โรงแรมระดับ 5 ดาว เป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในเขตปกครองตนเองกวางสี

ชื่อว่าโรงแรม วอเตอร์ฟอล เป็นโรงแรมที่สร้างน้ำตกเทียมได้ใหญ่ที่สุดในโลก

โดยจะปล่อยน้ำตกสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ๆ ละประมาณ 10 นาที - 30 นาทีค่ะ 

 				


18 ก.พ. 49

ล่องแม่น้ำหลีเจียง 

ตื่นตีห้า ลงไปทานอาหารหกโมงเช้า ออกเดินทางเจ็ดโมงขึ้นรถไปท่าเรือ 

เพราะว่าเรือออกเก้าโมงตรงเด๊ะ วันนี้ได้พบไกด์จีนด้วย ชื่อคุณหมา คุณหมามีชื่อไทยว่า วันลบ 

(คุณหมาบอกว่าเขียนแบบนี้ค่ะ ชื่อนี้มีที่มา หนูหิ่ง ฯ จะเล่าให้ฟังก่อนปิดกระทู้นะเจ้าคะ)

คุณหมา " ตองนี้ได้เวลารถออกแล้วนะครับ เราจะรอสมาชิกอีกแค่ 5 นาทีนะครับ

ถ้าช้ากว่านี้ไปไม่ทันเรือ ทั้งกรุ๊ปต้องว่ายน้ำไป " 

หนูหิ่ง ฯ ' อ่ะจึ๊ย ! 4 องศาเนี่ยอ่ะนะ ว่ายน้ำไป '

คุณหมา " ที่กุ้ยหลิน และเมืองจีนทั้งประเทศบังคับให้ขับรถได้ไม่เกิน 60 กม./ชม.นะครับ 

จากกุ้ยหลินไปท่าเรือใช้เวลาชั่วโมงกว่า ๆ ครับ "

คุณหมา " เอาล่ะครับสมาชิกครบแล้ว ออกรถเลย ระหว่างนี้ผมขอเล่าเรื่องกุ้ยหลินให้ฟังกันนะครับ

กุ้ยหลินมีชื่อนี้เพราะว่ามีดอกกุ้ยฮัวเยอะ เป็นดินแดนแห่งขุนเขามากถึง 33,333 ยอด

วันนี้เราจะไปล่องแม่น้ำหลีเจียง ในสมัยก่อนแม่น้ำสายนี้มีแค่สายเดียว 

แต่ต่อมาได้ขุดให้แยกเป็นสองสาย จึงมีชื่อว่าหลีเจียง หลีในภาษาจีนแปลว่าแยก "

คุณหมา " ในการมาเที่ยวที่นี่หากจะซื้อของจะสู้ราคากันด้วยพลังจิ้ม (เครื่องคิดเลข ) นะครับ ^_^

เย็นนี้จะพาไปดูตลาดใต้ดินหลังโรงแรม ท่านใดต้องการของปลอมแท้ ๆ ก็ต่อรองราคาได้ 50 - 70 % นะครับ "

หนูหิ่ง ฯ " ทำไมคุณหมาพูดไทยเก่งจังคะ "

คุณหมา " ผมเรียนภาษาไทยเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน สมั้ยนั้นทั้งประเทศจีนมีนักเรียนทั้งประเทศแค่ 16 คน 

แต่สมัยนี้เฉพาะในกุ้ยหลินมีนักเรียนเรียนภาษาไทยถึงปีละ 500 คน

				


คุณหมา " ที่นี่มีนักท่องเที่ยวฝรั่งมาเยอะ ก็มีฝรั่งมาเรียนภาษาจีน 

มีฝรั่งคนหนึ่งเรียนภาษาจีนอยู่อาทิตย์หนึ่งแล้วไปเที่ยวที่ห้าง

เห็นสาวจีนคนหนึ่งก็นึกชอบ จึงเข้าไปทักทาย

ฝรั่ง " หนี้เห่ามา ===> คุณสบายดีหรือ " 

สาวจีน ' เงียบ '

ฝรั่งนึกว่าพูดผิด จึงพูดใหม่ว่า " หนี้มาเห่า ===> แม่คุณสบายดีหรือ " เอ้า เอาเข้าไป ^_^

สาวจีน ' ยึ่งเงียบไปใหญ่ '

ฝรั่งจึงพูดใหม่ว่า " มาหนี้เห่า ===> CROT แม่เธอ เหรอ " อ่ะจ๊าก ! กลายเป็นคำด่าไปซะนิ *_~

คุณหมา " เป็นความเข้าใจผิดทางภาษา ปรกติแล้วคนจึนจะไม่ทักคนที่ไม่รู้จัก 

ดังนั้นเมื่อฝรั่งคนนี้มาทัก สาวจีนคนนั้นจึงไม่ตอบ "

คุณหมา " ที่หลีเจียงจะมีชนเผ่าหนึ่งเชื่อกันว่ามีเชื้อสายเดียวกับคนไทย ชื่อว่าเผ่าจ้วง 

เผ่าจ้วงมีคำศัพย์สองร้อยกว่าคำที่คล้ายกับคำในภาษาไทย 

เช่น มันหว้าน ===> มันหวาน, เผื๊อก ===> เผือก, กึ้น ===> กิน ฯลฯ

แถมยังมีข้าวหลาม และประเพณีลอยกระทงเหมือนเมืองไทยด้วย

ชาวจ้วงเป็นคนที่ชอบร้องเพลงมาก จะใช้เพลงในการจีบสาว 

เวลาจะจีบสาว หนุ่มชาวจ้วงจะถามว่า

" ที่บ้านมีปลากี่ตัว " เนื่องจากว่าหากบ้านไหนที่มีลูกสาวในวันครบรอบวันเกิดจะทำปลาส้มไว้ 1 ตัว โดยไม่กิน 

แต่จะเอามากินในวันแต่งงาน ===> เป็นการถามอายุของผู้หญิง ^_^ 

ส่วนสาวชาวจ้วงก็จะถามว่า

" ที่บ้านมีควายกี่ตัว " ถ้าชายหนุ่มคนไหนมีควายเยอะ ก็จะได้ทำงานสบายไม่ต้องทำงานหนัก

สาวชาวจ้วงตลอดชีวิตจะตัดผมแค่ครั้งเดียวเท่านั้นคือตอนอายุ 16 และได้ขึ้นไปอยู่ที่ชั้น 3 ของบ้าน

ซึ่งจะปลูกประดับต้นไม้และเปิดหน้าต่างไว้ เพื่อให้ชายหนุ่มมาร้องเพลงจีบ "


คุณหมา " สาว ๆ บนรถนี้ถ้าเทียบกับสาวชาวเขาแล้วไม่มีใครสวยเลย "

ลูกทัวร์ " อ้าว ! ไหงงั้นล่ะคุณหมา "

คุณหมา " สาวสวยของทางนี้ หนึ่ง ต้องปากใหญ่ ===> เอาไว้ตะโกนเรียกสามีมากินข้าว 

สอง ต้องก้....ใหญ่ ===> จะได้มีลูกเยอะ ๆ

สาม ต้องเท้าใหญ่ ===> คนเท้าใหญ่จะเป็นคนขยัน 

ลูกทัวร์ " ฮา ใครขืนมาอยู่แถว ๆ นี้ มีหวังหาซะมีบ่ได้เน่อ ^_^ "


ก่อนลงรถเพื่อไปขึ้นเรือคุณหมาท่องกลอนให้ฟังอยู่สองวรรค

" น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา แหวกว่ายปทุมาอยู่ไหวไหว " ^_^ 


				


มุมหนึ่งที่เรือล่องผ่าน 

				


เรือลำหลังที่แล่นตามมา ^_^ 

				

ทิวเขาสองฝั่งแม่น้ำ 

				


น้ำใสจริง ๆ เรือจอดนิ่ง ๆ เพื่อให้คณะทัวร์มองเห็นภาพภูเขาสะท้อนในน้ำ

ทิวเขาแถวนี้เป็นฉากการแสดงสด แสง - สี - เสียง 

โดยผู้กำกับ (จางอี้หมง) ที่กำกับหนังจีนเรื่องจอมโจรบ้านมีดบิน ^_^

ช่วงนี้นักแสดงกลับบ้าน เนื่องจากกลับบ้านในช่วงเทศกาลตรุษจีนและอากาศหนาวเกินไป

ที่เมืองจีนจะแบ่งสภาพภูมิอากาศออกเป็น เย็น = 15 - 25 องศา

ต่ำกว่า 15 องศาลงมาถือว่าหนาวค่ะ 

				


ถ่ายที่โรงแรมก่อนออกไปล่องเรือเช้าวันที่ 18 ก.พ. 49 

แจกันในรูป ===> หมายถึง ความปลอดภัยค่ะ 

				

ที่แม่น้ำหลีเจียง จะมีนกชนิดหนึ่ง เป็นนกจับปลา 

ไม่ทราบว่าฉลาดหรือว่าโง่เนอะ ^_^ 

จับแต่ปลาอย่างเดียว อย่างอื่นม่ายอาว (ไกด์บอกอ่ะ)

นกชนิดนี้ชาวประมงจะจับมาฝึกประมาณ 3 เดือน

แล้วให้ไปช่วยจับปลา โดยผูกเชือกไว้ที่คอ หากว่านกจับได้ปลาตัวใหญ่จะกลืนลงคอไม่ได้

ถ้าได้ปลาตัวเล็ก ๆ ก็ให้เป็นรางวัล

นาน ๆ ไปนกก็จะเริ่มฉลาดขึ้นเพราะจะไม่จับปลาตัวใหญ่เลย จับแต่ปลาเล็ก ๆ ^_^

แฮ่.......... ในรูปปรากฎว่าอาแป๊ะที่หว่านแห ไม่ได้ปลาสักกะตัว

แต่อาแป๊ะที่ใช้แรงงานนก ได้ปลาไปกระบุงเบ้อเร่อเลยนิ ^_^ 
 
				


ฉายเดี่ยว ยิ้มสู้ลมหนาวเจ้าค่ะ (ถอนเสื้ออกตัว-กลัวไม่สวย คิก ๆ ๆ ๆ ) ^_^ 


				


ยืมพี่จิ้ง (ไกด์ Bus 4) มากอดหน่อย 

( ก็พี่อ้อ กะโอเขากอดกันให้อิจฉาตำตา ตำใจนิ ^_^ ) 

				


บนเรือไม่ได้ถ่ายรูปกะคุณแม่และพี่สาวเลย 

เนื่องจากทั้งคู่ไม่ยอมขึ้นข้างบน เพราะหนาวสุด ๆ ค่ะ

ก่อนไปทานอาหารกลางวัน แวะถ่ายรูปกะก้อนหินสลักชื่อท่าเรือค่ะ ^_^ 

 				

มุมหนึ่งของถ้ำเงิน ใช้เป็นที่หมักเหล้า ^_^ 

เสียดายหนูหิ่ง ฯ มีตังค์ติดตัวแค่ 100 เหรียญ และพลัดหลงกะธนาคาร ( พี่สาว ^_^ ) 

ไม่งั้นจะขอซื้อมาสักไห ^_^ 

				


ถ่ายกะพี่จิ สาวชาวชลบุรี แห่ง BUS 4

ที่เดินตามหนูหิ่ง ฯ มาขึ้น BUS 3 เมี้ยว ๆ ๆ พี่เขาหลงรถอ่ะค่ะ ^_^ 

				



18 ก.พ. 49

เหตุการณ์ตอนไปช็อปที่ถนนคนเดินช่วงกลางคืน

วันนี้ก็ยังคงหนาวเช่นเดิม ได้โอกาสฉลองเสื้อใหม่ เพราะเสื้อที่เอามาอุ่นไม่พอ

เมื่อคืนไปซื้อกันหนาวสีชมพูมา 3 ตัว ถุงมือ 2 คู่ 

ในราคาที่สู้กันด้วยภาษาจีน งู ๆ ปลา ๆ ของหนูหิ่ง ฯ 

แปลเป็นไทยได้ดังนี้ (หนูหิ่ง ฯ สปีคภาษาจีนได้นิดหน่อยเจ้า )

เหตุที่ได้เสื้อถึง 3 ตัว ^_^



หนูหิ่ง ฯ " เสื้อนี่ราคาเท่าไหร่คะ "

เจ้าของร้าน " 95 เหรียญ "

หนูหิ่ง ฯ ' คูนด้วย 5.25 บาท แพงจังนิ คุณหมาบอกว่าต่อราคาได้ถึง 70 % '

" แพงเกินไป ลดราคาหน่อยสิคะ "

เจ้าของร้าน " 80 ละกันนะ "

หนูหิ่ง ฯ ' เอาหละ เพื่อให้ได้ของถูก ลองตามที่คุณหมาบอกละกัน แฮ่.....'

" 30............ เอา 3 ตัว นะ นะ นะ "

หนูหิ่ง ฯ ' จริง ๆ แล้วกลัวถูกตืบ คำว่า 3 ตัว จึงหลุดมา เมี้ยว ๆ ๆ '

เจ้าของร้าน " เพิ่มให้หน่อยน่า "

หนูหิ่ง ฯ " งั้นไม่เอา " ว่าแล้วก็เดินไป ' จริง ๆ แล้วกะไม่เอาน่ะแหละ กลัวได้ซื้อ 3 ตัวอ่ะ '

เจ้าของร้าน " เดี๋ยว ๆ ๆ เอา 30 ก็ 30 "

หนูหิ่ง ฯ ' แง้ ๆ ๆ จำต้องซื้ออ่ะ *_~ กลัวถูกตืบ'



ตัวนี้พี่คำแปงจ่ายมา 30 ไม่เบี้ยว และก็ใส่รุ่งขึ้นทันที ไม่เห่อเลยนิ ^_^
 
				

ตัวนี้หักคอพี่อ้อมา 30 ไม่น้อยหน้ากันสักเท่าไหร่ ใส่ทันทีเหมือนกันค่ะ ^_^ 

				



ตัวนี้จ่ายเอง *_~ ใส่เลยเหมือนกัน เด๋วแพ้เขาค่ะ เมี้ยว ๆ ๆ 

 				



ทีนี้ก็เหลือถุงมือ เพราะว่าหนาวสุด ๆ มือแข็งไปหมดแย้ว 

หนูหิ่ง ฯ " นี่ราคาเท่าไหร่คะ " ชี้ไปที่ถุงมือ เพราะนึกไม่ออกว่าในภาษาจีนเรียกว่าอะไรอ่ะค่ะ ^_^

เจ้าของร้าน " 30 "

หนูหิ่ง ฯ ' เฮ้ย ! แพงจัง ราคาเท่าเสื้อเลยนิ ลองใช้วิชาคุณหมาละกัน ต่อดะ ได้ไม่ได้ก็ว่ากันอิ๊กที '
" 5 เหรียญ "

เจ้าของร้าน หน้าหงิก " ไม่ได้ เพิ่มราคาให้หน่อยสิ จะปิดร้านแล้ว "

หนูหิ่ง ฯ " งั้นไม่เอา เดี๋ยวเดินดูร้านอื่นก่อนนะคะ " แล้วหนูหิ่ง ฯ ก็วิ่งตามหลังไกด์

เจ้าของร้าน " เดี๋ยว ๆ ๆ น้อง กลับมาก่อน "

ไกด์ " จะซื้ออะไรหรอน้อง "

หนูหิ่ง ฯ " ถุงมือน่ะคะ หนูต่อราคาไป 5 เหรียญ แหะ ๆ ๆ ^_^ "

ไกด์ " งั้นรีบกลับไปซื้อเลย พี่จะซื้อด้วย ตะกี้ลูกทัวร์ BUS 4 ฝากซื้อ 4 คู่ "

หนูหิ่ง ฯ " เอาสองคู่นี้ค่ะ "

เจ้าของร้าน " แบบนี้ 8 เหรียญ "

หนูหิ่ง ฯ " อ้าว ! ตะกี้บอก 5 เหรียญ นินา "

เจ้าของร้าน " แบบนี้ตะหาก 5 เหรียญ แบบนั้นหนากว่า ก็เลยแพงกว่าจ้ะ "

หนูหิ่ง ฯ " 6 เหรียญละกัน หนูเอา 2 คู่ แล้วพี่คนนี้ก็จะซื้อด้วยเหมือนกัน "

' โมเมยัดเงินใส่มือเจ้าของร้าน '

เจ้าของร้าน " เอามานี่ จะใส่ถุงให้ "

หนูหิ่ง ฯ ' อ้าว ดันให้ซะอีกนิ หนูหิ่ง ฯ นึกว่าไม่ให้ เมี้ยว ๆ ๆ '
 

				

19 ก.พ. 49

ณ ถ้ำขลุ่ยอ้อ

คุณหมา " ปรกติคนจีนจะดูสิ่งต่าง ๆ เป็นตัวอักษร ผลไม้ และสัตว์ 

ดูหินข้างบนโน่นคล้าย ๆ เห็ดหลินจือ "

หนูหิ่ง ฯ " หนูหิ่ง ฯ ว่าดูไปดูมา.....เหมือนเขียงมากกว่าค่ะ ^_^ "


				


คุณหมา " ตรงนี้มืชื่อว่าเสาค้ำฟ้า สังเกตุดูดี ๆ หินงอกกับหินย้อยด้านบนสุดยังไม่เชื่อมกัน

คาดว่าอีกประมาณ 90 ปีก็จะเชื่อมเป็นต้นเดียวกัน เอาไว้เรามาพบกันที่นี่ในเวลานั้นนะ ^_^ "

หนูหิ่ง ฯ ' แง่ง ๆ ๆ ใครจะอยู่ถึง 90 ปี (ฟะ) *_~ ' 

				

หนูหิ่ง ฯ ชอบรูปนี้มากกว่า เป็นด้านในสุดของถ้ำ 

พื้นน้ำใสเหมือนกระจก มองเห็นภาพสะท้อนอยู่ในน้ำ

				

คุณหมา " เอาหละให้เวลาเดินเที่ยว แล้วไปเจอกันที่รถบ่ายสองนะ "

หนูหิ่ง ฯ " พี่คะ นี่ก็สองโมงครึ่งแล้วค่ะ ^_^ "

คุณหมา " อ้าวเหรอ ^_^ งั้นเป็นบ่าย 3 ละกันนะ "

" จะขึ้นไปข้างบนก็ได้ แต่อย่าไปถึงยอดนะ ไปแค่ศาลาข้างบนนั่นก็พอ "

หนูหิ่ง ฯ โอ และพี่อ้อ " ค่ะ - ครับ "

ปา-กด-ว้า....... พวกเราชาว BUS 3 เชื่อไกด์ทุกคนเลย ไปถึงยอดเขากันอย่างครบครัน ^_^

				


หนูหิ่ง ฯ ขอแอ็คเป็นคนแรก ฐานที่ขึ้นไปถึงก่อน โย่ ๆ ๆ ^_^ 

				

ต่อด้วยโอกะพี่อ้อ 

				


หนูหิ่ง ฯ เองเจ้าค่ะ วิ่งไปถ่ายรูปที่หน้ารถ 

แล้วก็ขึ้นรถก่อนใครเพื่อน เพราะว่านู๋หนาวจิง ๆ *_~ 

				


19 ก.พ. 49

ช่วงเช้าที่ถ้ำขลุ่ยอ้อ ช่วงบ่ายก็ได้เวลาไปเขาอูฐค่ะ 

				

พี่อ้อกะรูปปั้นปีจอ ที่ทางเข้าเขาอูฐ 

แหม..... คนสวยก็เป็นได้เนอะ ^_^ 

				

ถ่ายรูปหมู อู๊ด ๆ กันที่เขาอูฐ เขาลูกนี้ห้ามปีนจ้า ^_^ 
				

อูฐของจริงก็มีค่ะ

				

ก่อนกลับที่พัก BUS 3 & BUS 4 ก็ถูกพาไปที่โรงงานผลิตยา

ส่วน BUS 1 & BUS 2 ไปที่ร้านไข่มุก

( หนูหิ่ง ฯ คิดว่าเป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะหารายได้เข้าประเทศมากที่สุด )

แต่ยาของประเทศจีนส่วนใหญ่จะสกัดมาจากธรรมชาติ เช่น

ผู้สาธิต " บัวหิมะ เป็นยาทา มีสรรพคุณรักษาโรคผิวหนังทุกชนิด กลาก เกลื้อน แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก

รักษาริดสีดวง และกันแดก ได้ด้วย ราคากระปุกละ 250 เหรียญ " 

หนูหิ่ง ฯ ' ? ? ? ? เจ้ คืนนี้ใครเป็นจ้าว อย่าลืมซื้อไปสักกระปุกนะ กันแดกได้ด้วยหละ เมี้ยว ๆ ๆ ^_^ '

ผู้สาธิต " กอเอี๊ยะ เป็นกอเอี๊ยะที่ลดการปวด บวม อักเสบของกล้ามเนื้อ นักกีฬาทีมชาติจีนนิยมใช้

กันน้ำได้ แกะง่าย ขนจะไม่หลุดติดออกมาเวลาแกะ " (ราคานู๋จำม่ายได้แย้ว )

แฮ่..... เจ่เจ้ของหนูหิ่ง ฯ ซื้อมาแค่ 2 อย่าง หนูหิ่ง ฯ ก็เลยจำได้แค่ 2 อย่างนี้อ่ะ ^_^


และแล้วก็เย็นพอดี ^_^ ถึงเวลากลับโรงแรม ( ไวอย่างกะโกหกเลยนิ )

ตอนที่ถึงโรงแรมเห็นอะไรแว๊ป ๆ นั่นคู่บ่าวสาวนินา ทำไมมารอรับแขกอยู่ข้างนอกเลยล่ะ

มองด้วยความงง หยิบกล้องมาถ่ายรูปเก็บไว้อิจฉาเล่น ๆ แช๊ะ ๆ ^_^

				

พอเดินผ่านเข้าไปในโรงแรม ? ? ? ?

จ๊ะเอ๋ เจอข้างในอีก 2 คู่ โอ้โห ! วันนี้คงเป็นวันดีนะ เฉพาะโรงแรมนี้แต่งกันทีเดียว 3 คู่เลย

หยิบกล้องมาถ่ายเก็บไว้เป็นหลัก และ ฐาน อีก แช๊ะ ๆ ๆ ๆ ^_^ 

				

คู่สุดท้าย น่ารักทุกคู่เลยเนอะ ^_^ 
				


20 ก.พ. 49


ก่อนเดินทางกลับไทย ช่วงเช้าก็ไป เขางวงช้าง 
				


โอ " ไอ้หนูหิ่ง ฯ ถ้าแกขืนถ่ายรูปจนลืมเดินตามขบวนล่ะก็   เห็นทีแกจะต้องเดินกลับไทยนะเฟ้ย "

หนูหิ่ง ฯ " ก็ไม่เห็นยาก แค่นี้ก็ไปได้แระ ^_^ "

เหิรฟ้าาาาาาาาาาาาา ^_^ 

				

ริมน้ำที่เขางวงช้าง มีแม่ค้าขายอาหาร มีเผือก - นก - กุ้ง - ปู - หอย - ปลา ชุบแป้งทอด
				

หนูหิ่ง ฯ ชอบเผือกที่ซู๊ด เผือกที่นี่เป็นเผือกที่ลือกันว่าอร่อยที่สุดในโลกเลยค่ะ 
				

แพที่นี่น่ากลัวหล่นจังนิ ^_^ 

				


ก่อนทานอาหารเที่ยงก็ไปดูหยก ๆ เป็นอัญมณีที่คนจีนนิยมมากที่สุด 

สมัยก่อนในประเทศจีนคนที่จะใช้หยกได้มีแต่ฮ่องเต้เท่านั้น

หยกที่ดีจะเย็นและใส หนูหิ่ง ฯ ให้คุณหมาดูหยกที่นิ้ว ได้มาจากอ.แม่สอด จ.ตาก

คุณหมาบอกว่าเป็นหยกแท้ ไม่ปลอม แต่เป็นหยกที่เกรดไม่ดี ทางพม่าเรียกว่าหินหยก

มีแต่หยกสวย ๆ งาม ๆ ราคาก็งามตามไปด้วย นู๋ซื้อม่ายหวายเจ้า ^_^


				

บ่ายวันที่ 18 ก.พ. 49 

ไปถ้ำเงิน ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำที่พบในปี 1999 รัฐบาลใช้เวลา 2 ปี จึงเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว

ก่อนเข้าถ้ำเงิน ได้โอกาสถ่ายรูปหมู 3 สาว แม่ - ลูก ^_^ 

				


ภายในถ้ำเงิน สวยมาก ๆ สามารถมองเห็นภาพสะท้อนในน้ำด้วยค่ะ ^_^ 

				

แล้วก็ไปต่อที่ร้านผ้าไหม ๆ ที่นี่จะไม่ใช้การย้อมสี แต่จะให้ตัวไหมกินสารเคมีเข้าไป

เวลาที่พ่นใยออกมาก็จะออกมาเป็นสีโดยไม่ต้องนำไปย้อม ดังนั้นผ้าไหมที่นี่สีจะไม่ตก

ที่นี่จะมีไหมอยู่ 2 อย่างด้วยกันคือ 1 รังจะมีตัวไหม 1 ตัว

และ 1 รังจะมีตัวไหม 2 ตัว เป็นคู่แฝด ไหมแฝดจะพ่นไหมออกมาพันกัน เวลาดึงไหมก็จะขาด

ทำให้ไม่สามารถนำมาใช้งานได้ จึงคิดหาจนพบวิธีนำมาใช้ โดยการนำไปต้มในน้ำเดือดประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง

เนื่องจากรังไหมแข็งมาก แล้วก็แกะเอาตัวไหมออก (ตัวไหมก็นำไปทำอาหารได้ค่ะ อาหย่อย ^_^)

ใยไหมที่ได้เป็นก้อน ๆ ก็จะนำไปทำเป็นหมอนและดึงเป็นผ้าห่มขนาด 6 ฟุต 

ต้องใช้ผู้ชำนาญในการดึงเพื่อนให้ได้ขนาดที่สม่ำเสมอ

ผ้าห่มนี้ไม่ต้องซัก ให้นำไปตากแดดสัก 1 - 2 ชั่วโมงก็พอ ให้ซักแต่ปลอกผ้าห่ม

คุณสมบัติพิเศษก็คือ เบา ให้ความอบอุ่นในฤดูหนาว เย็นสบายในฤดูร้อน ไม่เป็นที่สะสมของไร ฝุ่น และกลิ่นอับ 

ถ้าส่วนไหนสกปรกก็ราดน้ำลงไป แล้วก็ซับให้แห้ง นำไปตากแดด ตีให้ฟูกลับคืนสภาพเดิมเป็นอันใช้ได้ 

คณะทัวร์ได้ขนซื้อกันมาเพรียบเลยนิ ^_^


ที่เวทีแสดงแฟชั่นโชว์ ระหว่างที่นั่งรอนางแบบ พวกเราก็ได้นางแบบจำเป็นขึ้นไปเรียกน้ำย่อย ^_^ 

โห....  คนไข้มาเห็นคงตึ่งตะลึ่งตึ่งแฉ่....  ^^"
				


" ฉานทำไปได้ไงเนี่ย ^_^ "

				

ปิดท้ายกระทู้ ว่าด้วยชื่อของคุณหมา ^_^

เมื่อสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งประเทศจีนเรียนภาษาไทยทั้งหมด 16 คน

ช่วงแรก ๆ ก็สอนโดยครูชาวจีน แต่ต่อมารัฐบาลจีนได้จ้างครูคนไทยมาสอนเป็นเวลา 3 เดือน

ปรากฎว่านักเรียนแทบทุกคนไม่ชอบครูคนนี้ ( ยกเว้นคุณหมา )

สาเหตุเพราะว่าครูคนนี้สอนทั้งวัน 

ไม่เหมือนครูคนจีนสอน 2 - 3 ชั่วโมงก็ให้กลับไปหอพักอ่านหนังสือเอง

เด็กนักเรียนไม่พอใจและไม่ชอบครูคนนี้ จึงไปเขียนว่าครูต่าง ๆ นา ๆ ที่ในห้องน้ำ

จนครูไปเห็นเข้า ก็มาบอกให้นักเรียนไปลบ ปรากฎว่าไม่มีใครยอมไปลบ

ครูจึงเรียกนักเรียนคนหนึ่งให้ไปลบ

เพื่อน ๆ บอกว่าไม่ให้ลบ ถ้าใครลบเป็นหมา

ตกลงนักเรียนคนนั้นก็ไปลบ จึงถูกเพื่อน ๆ เรียก ไอ้หมา ๆ ๆ หมาจึงกลายเป็นชื่อเรียกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ก่อนกลับเมืองไทย ครูได้ตั้งชื่อไทยให้กับนักเรียนทุกคน พอมาถึงคุณหมา

ครูก็ถามว่า คุณแช่อะไร คุณหมา บอกว่า แช่เหวิน เหวิน == > วัน ฮื่อ ๆ คล้ายกัน

และเคยไปลบหนังสือในห้องน้ำให้ครู ตกลงเธอชื่อ " วันลบ" ละกันนะ

^_^ นี่แหละคือที่มาของชื่อ หมา & วันลบ ^_^


ขอปิดกระทู้ด้วยประการะฉะนี้ 

พบกันใหม่เมื่อคิดถึง เด้อค่ะเด้อ 


ปล.

ย่อรูปจนมือง่อย  อิ ๆ ๆ ๆ 

				
				
comments powered by Disqus
  • โอ้ละหนอ

    2 พฤษภาคม 2554 13:10 น. - comment id 123606

    สนุกมากค่ะ.........
    ชอบเวอร์ชั่นพวกนี้มากกว่า หนูหิ่งเล่าเรื่องบรรยายภาพได้ดีค่ะ.........1.gif
  • หิ่งห้อยน้อยใจ

    2 พฤษภาคม 2554 21:16 น. - comment id 123612

    สวัสดีเจ้า
    
    คุณโอ้ละหนอ  :  ดีใจที่ชอบนะคะ
    
    ยังมีอีกหลายเรื่องค่ะ  แต่ไม่ค่อยมีเวลาค่ะ
    
    ยากตรงที่ต้องไปงมหารูปนี่ล่ะค่ะ  ^^
    
    
    11.gif11.gif11.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน