* * * คิดถึงพ่อ *_~ * * *

หิ่งห้อยน้อยใจ


หนูหิ่ง ฯ กลับไปบ้านบนดอยช่วงสงกรานต์  คิดถึงพ่อนะ   
หนูหิ่ง ฯ อยากเล่าเรื่องของคุณพ่อที่น่ารักของหนูหิ่ง ฯ ให้พี่ ๆ ได้อ่านกัน 
ใครที่คุณพ่อยังอยู่ ณ วันนี้ กอดท่านหรือยังคะ หรือว่าโทร.หาท่านหรือยังคะ
หนูหิ่ง ฯ อิจฉานะ *_~ 
คุณพ่อของหนูหิ่ง ฯ จากไปตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ท่านยังคงอยู่ในความทรงจำของหนูหิ่ง ฯ เสมอ
หนูหิ่ง ฯ ยังจำได้ดี เกือบทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณพ่อ จะแบ่งปันให้ทุกท่านได้รู้จักท่านบ้างนะคะ ^_^ 
ทุก ๆ วันตอนเช้า ๆ พ่อมักจะตื่นก่อนไก่ พวกเราเคยล้อพ่ออยู่บ่อย ๆ ว่าพ่อเป็นคนปลุกไก่ให้ตื่นขึ้นมาขัน 
พ่อจะไปไร่แต่เช้าก่อนใคร ๆ เพื่อที่จะไปดูพืชผักที่ปลูกไว้ เพราะกลัวว่าสัตว์จะเข้ามาทำลายให้เสียหาย 
หลาย ๆ ครั้งที่พ่อต้องนอนเฝ้าไร่   พ่อมีเพิงเล็ก ๆ ไว้กันลมกันแดด เอาไว้พักผ่อนยามเหนื่อยจากงานไร่
และเก็บอุปกรณ์บางส่วน  พวกเราใช้เพิงเป็นโรงครัวด้วย แต่ส่วนใหญ่แม่มักจะทำที่บ้านแล้วห่อให้พวกเราไปกินร่วมกันในไร่ 
แต่บางครั้งเราก็มาก่อไฟหุงหาเองที่ไร่ พ่อจะหาก้อนหินก้อนเท่า ๆ กันมา 3 ก้อน มาวางเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า 
ต้องขุดดินลงไปหน่อยก่อนวางก้อนหิน เพื่อไม่ให้ก้อนหินขยับเวลาทำอาหาร 
เราใช้ฟืนจากต้นไม้ในสวนนั่นเอง พ่อจะตัดกอง ๆ ไว้
พ่อผ่าเป็นท่อนเล็ก ๆ ไว้ให้พวกเราใช้ก่อไฟทำอาหารและผิงไฟยามฤดูหนาว เราไม่มีเตาแก๊ส ไม่มีน้ำมัน มีเพียงไม้ขีดกับเกี๊ยะ 
เกี๊ยะเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งซึ่งมียางเหนียวติดไฟง่าย มีขายเป็นมัด ๆ มักจะมีชาวบ้านไปตัดและผ่าเป็นท่อนเล็ก ๆ มาขาย 
อุปกรณ์ในการทำครัวเรามีไม่มากนัก ส่วนใหญ่พ่อจะทำจากไม้และไผ่ในสวนนั่นเอง ยกเว้นกะทะ, หม้อและช้อน 
ที่เราต้องไปหาซื้อจากในเมือง พ่อสอนให้พวกเราหาอาหารจากธรรมชาติ แม่มักจะล้อพ่อบ่อย ๆ ว่า 
 สีเขียว ๆ พ่อก็ว่าเป็นผัก ไอ้ที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กได้พ่อก็ว่าเป็นเนื้อ  พ่อมักจะหัวเราะแล้วบอกว่าแม่พูดถูก ^_^
				


เมื่อพ่อไปไร่แล้ว  หนูหิ่ง ฯ ก็จะช่วยแม่เตรียมอาหาร เพื่อห่อไปให้พ่อที่ไร่ พวกพี่ ๆ มักจะกินข้าวไปจากบ้าน 

แต่หนูหิ่ง ฯ จะไปกินที่ไร่พร้อม ๆ กับพ่อเป็นประจำ   หนูหิ่ง ฯ มักจะได้ผลไม้ป่าเล็ก ๆ น้อย ๆ จากพ่อเสมอ เพราะพ่อไปไร่ก่อนใคร ๆ 

พ่อมักจะเก็บผลไม้ป่าที่สุกแล้วไว้ให้พวกเรา พ่อเคยสอนว่าถ้าจะเก็บผลไม้ป่าให้สังเกตดูที่นก 

ถ้าผลไม้ต้นไหนนกกินได้ คนก็กินได้เหมือนกัน เวลาไปเก็บเห็ดในป่าให้สังเกตดูสี รูปร่าง ของเห็ดให้ดี ๆ เพราะเห็ดที่มีพิษก็มีมาก 

ถ้ากินเข้าไปอาจตายได้ พ่อเล่าให้ฟังว่าเพื่อนของพ่อเคยเก็บเห็ดและคงจะได้เห็ดพิษมา เมื่อทำกินแล้วปรากฏว่า

ภรรยาและลูกชายแพ้พิษเห็ดจนเสียชีวิต แต่เพื่อนของพ่อยังอยู่ จะสังเกตได้ที่ปากจะมีรอยแผลเป็นเหมือนรอยไฟไหม้ 

พูดก็ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นัก พ่อบอกว่าถ้าไม่แน่ใจให้สังเกตดูถ้าเห็ดมีหนอนไช คนก็กินได้เช่นเดียวกัน 

ตอนกลางวันพวกเราก็จะกินข้าวพร้อม ๆ กัน กับข้าวของเราโดยมากมักจะหนีไม่พ้นน้ำพริก และปลาทูเค็ม 

วันไหนถ้าไม่มีน้ำพริกพ่อมักจะบ่นว่า  วันนี้กับข้าวไม่อร่อยเลย  แล้วพ่อก็จะเดินไปเด็ดพริกขี้หนูข้าง ๆ เพิงมากินกับข้าว 

ผักจิ้มน้ำพริกหาได้ง่ายมาก ท้ายไร่จะเป็นทุ่งนาของกะเหรี่ยง จะมีใบบัวบก ผักอัน ผักตบ ผักกาวเครือ และอีกเยอะแยะให้เก็บกิน 

ชื่อผักต่าง ๆ เป็นชื่อเรียกตามท้องถิ่น อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูนัก แต่หนูหิ่ง ฯ ก็เรียกชื่อเป็นภาษากลางไม่ถูก ^_^



ที่ท้ายไร่ของเราจะมีจอมปลวกอยู่ ที่ข้าง ๆ จอมปลวกจะมีเห็ดโคนทุก ๆ ปี เมื่อถึงฤดูของมันจะออกมาเยอะมาก 

มีอยู่ครั้งหนึ่งเราเก็บได้ถึง 4 ตะกร้า ประมาณ 15 กิโลกรัมเห็นจะได้ แม่ก็เลยแบ่งไปขายให้กับเพื่อนบ้าน 

แต่น่าเสียดาย  มีอยู่ปีหนึ่งคนเห็นแก่ตัวมาเจอเข้า ก็เลยขุด ๆ ๆ ๆ แบบถอนรากถอนโคน ไม่เหลือให้มีเชื้อเห็ดเหลืออยู่เลย 

ตั้งแต่นั้นมาที่ท้ายไร่ของของหนูหิ่ง ฯ ก็ไม่มีเห็ดโคนให้เราเก็บกินอีกเลย..



กับข้าวที่หนูหิ่ง ฯ ชอบมากก็คงจะเป็นบุก บุกเป็นมันป่าชนิดหนึ่ง หัวไม่ใหญ่นัก ต้นจะคล้าย ๆ กับบอน ดอกของบุกเอาไปแกงได้ 

แต่ต้องใส่มะขามหรือใบมะขามด้วย ไม่อย่างงั้นเวลากินเข้าไปจะคันปาก ส่วนหัวของบุกจะหยัก ๆ คล้าย ๆ ฟักทอง 

แต่จะเป็นสีดำและไม่มีก้าน  หนูหิ่ง ฯ ได้เข้าป่าไปขุดหัวบุกกับพ่อบ่อย ๆ บางครั้งพอพ่อขุดบุกมาแล้วเจอหัวเล็ก ๆ พ่อก็จะเอาไปปลูกไว้ที่ไร่ 

พ่อบอกว่าหัวบุกจะโตช้า หัวบุกที่เรากินกันมีน้ำหนักประมาณ 1  2 กิโลกรัม จะใช้เวลาถึง 3 ปี การที่พ่อเอาไปปลูกไว้ที่ไร่ก็เป็นการดี 

เพราะเราสามารถผ่าบุกออกเป็นซีก ๆ แล้วก็แยกปลูกได้ ลืม ๆ ไปซะก็ขุดขึ้นมากินได้แล้ว ไม่ต้องไปดั้นด้นค้นหาในป่า 

แต่กรรมวิธีการทำบุกค่อนข้างยุ่งยาก เพราะถ้าทำไม่เป็นจะคันมาก  หนูหิ่ง ฯ เคยถามพ่อว่าต้องทำยังไงเวลากินถึงจะไม่คัน 

พ่อบอกว่าต้องล้างให้สะอาด ปอกเปลือกออก ผ่าเป็นซีก ๆ แล้วก็ต้มให้สุก พอสุกแล้วก็ต้องเอาไปตำให้ละเอียด ตอนตำนี่สำคัญมาก 

ต้องใส่น้ำปูนใสด้วย เพื่อไม่ให้คันเวลากิน เสร็จแล้วก็เอาไปแกง หรือเอาไปทำเป็นเส้นใช้แทนก๋วยเตี๋ยวก็ได้ ไปทำเป็นก้อน ๆ เก็บไว้ผัดกินก็ได้ 

แต่เดี๋ยวนี้บุกมีขายตามซุปเปอร์มาเก็ตทั่ว ๆ ไป แถมยังมีการทำผงบุกออกขายเพื่อเป็นอาหารเสริม อาหารลดความอ้วน 

ซึ่งพวกเราไม่เคยรู้มาก่อนเลย



มีหัวมันอีกชนิดหนึ่งที่พ่อมักจะขุดมาให้แม่ต้มใส่น้ำตาลเป็นขนมหวานให้พวกเรากิน  หนูหิ่ง ฯ ก็เรียกไม่ถูกหรอกค่ะ

แต่หัวมันชนิดนี้ขุดยากมาก เพราะว่ามันจะอยู่ลึกบางครั้งอยู่ลึกถึง 2 เมตร ต้นจะเป็นเครือยาวประมาณเมตรเศษ ๆ ลำต้นจะตายทุกปี 

และก็ออกใหม่ทุกปีเหมือน ๆ กับบุกเพราะมันมีหัวคล้าย ๆ มันแกวแบน ๆ ใหญ่ประมาณ แขนข้างหนึ่งอยู่ลึกลงไปในดิน 

ยิ่งอายุมากยิ่งยาวลึกลงไปในดินเรื่อย ๆ บางครั้งขุดต้นเดียวได้มาเกือบ 5 กิโลกรัม ต้องตัดแบ่งไปให้เพื่อนบ้านบ้าง 

และพ่อก็จะเอาส่วนหนึ่งไปปลูกไว้ที่ไร่อีกเช่นเคย อยากกินเมื่อไหร่ก็ไปขุดเอา ถ้าเราปลูกเองมันจะอยู่ไม่ลึกนัก 

แต่ถ้าไปหาจากป่ามันชนิดนี้จะอยู่ลึกมาก อาจจะเป็นเพราะว่ามันมีอายุมากและยาวลงไปในดิน ทุก ๆ ปี ถ้าไม่มีใครไปขุดส่วนที่แก่มาก ๆ ก็จะเน่าไป 

ส่วนที่ยังไม่แก่ก็จะงอกลำต้นขึ้นมาใหม่ ทำให้หัวมันอยู่ลึกลงไปในดินเรื่อย ๆ หลาย ๆ ครั้งที่เราขุด ๆ ๆ ๆ ลงไปเรื่อย ๆ 

เจอแต่ลำต้นที่อยู่ลึกลงไปในดิน แต่ไม่ยักกะเจอหัว จนเลิกขุดไปเลยก็มี ขอยืนยัน นอนยัน ว่าลึกจริง ๆ จัง ๆ เลย




มีครั้งหนึ่งเราอยากกินมะม่วงป่ามาก พ่อเคยบอกว่ามีอยู่ที่หนึ่ง พี่ ๆ และหนูหิ่ง ฯ เราก็เลยขอให้พ่อพาเราไปหลังเสร็จงานในไร่แล้ว พ่อก็พาไป 

ต้องเดินประมาณ 5 กิโลเมตร กว่าจะไปถึงต้นมะม่วงป่าที่ว่านั่น พอไปถึงต้นมันใหญ่และสูงมาก เราขึ้นไม่ได้

เพราะตัวยังเล็กเกินไป และเราก็ไม่ให้พ่อขึ้นด้วยเพราะเราไปยืนอยู่ใต้ต้นของมันแล้วดูขึ้นไปเรารู้สึกว่ามันน่ากลัวมาก 

ถ้าตกลงมาท่าจะไม่รอดเป็นแน่ เรากับพ่อก็เลยช่วยกันเก็บลูกมะม่วงที่สุกแล้วหล่นลงดิน พ่อบอกว่ามะม่วงป่าเวลาสุก

มักจะหลุดจากขั้วได้ง่ายกว่ามะม่วงที่เราปลูกที่บ้าน มะม่วงป่าจะลูกเล็ก ๆ เม็ดใหญ่ เนื้อมะม่วงน้อย ถ้ายังดิบ ๆ อยู่จะเปรี้ยวมาก 

แต่มีกลิ่นหอม ยิ่งสุกก็จะยิ่งหอม มีรสหวานอร่อยอย่าบอกใคร วันนั้นหนูหิ่ง ฯ ก็เลยกินแต่มะม่วงต่างข้าวไปเลย ^_^




หนูหิ่ง ฯ จะชอบเดินกลับจากไร่พร้อมกับพ่อ เพราะพ่อมักจะตาดีและเก็บผลไม้ป่าได้เสมอ ถ้าพ่อเห็นพ่อจะหันมาถามว่า 

 อยากกินไหมลูก พ่อจะเก็บให้  หนูหิ่ง ฯ ก็ไม่เคยปฏิเสธเลยสักครั้งเดียว ก็ตะกละอ่ะ แต่ก็ไม่ได้กินคนเดียวนะ 

หนูหิ่ง ฯ จะช่วยพ่อเก็บใส่ถุงย่ามกลับไปฝากแม่และพี่ ๆ ด้วยเสมอ ที่หนูหิ่ง ฯ กับพ่อเก็บได้บ่อยที่สุดก็เห็นจะเป็น ลูกไข่ปลา กับลูกไข่ปู 

เป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง ต้นของมันจะอยู่กันเป็นพุ่มจะมีหนามเยอะมากเวลาเก็บต้องระวังให้ดี 

เวลาเก็บต้องระวังเพราะมันจะนิ่มและเละได้ ลูกไข่ปลาจะมีสีเหลือง ส่วนลูกไข่ปูจะมีสีแดง รสชาตอมเปรี้ยวอมหวาน 

คล้าย ๆ ลูก สตอบอรี่นะ อร่อยมาก. ขอบอก


				



ช่วงฤดูร้อน  เราต้องไปดูบ่อน้ำบ่อย ๆ เพราะน้ำจะมีน้อย ไม่ค่อยพอใช้ บางครั้งสัตว์ก็พังรั้วเข้าไปกินน้ำ 

ทำให้ท่อน้ำที่เราต่อไปที่ไร่แตก  หนูหิ่ง ฯ มักจะไปกับพ่อ ช่วยพ่อจับโน่นหยิบนี่ การไปบ่อน้ำหนูหิ่ง ฯ ทั้งชอบและก็ขยะแขยงด้วยในเวลาเดียวกัน 

ไอ้ที่ชอบก็จะได้หาปูไปให้แม่ตำน้ำพริกให้กิน   และถ้าโชคดีก็จะมีมะเดื่อสุกเป็นผลไม้ชั้นยอดให้กินด้วย พ่อบอกว่ามะเดื่อจะมี 2 เพศ 

ถ้าเป็นต้นมะเดื่อตัวผู้ ลูกมะเดื่อจะกินไม่ได้ ข้างในจะมีแต่แมลงและมด แต่ถ้าเป็นมะเดื่อตัวเมียจะกินได้ 

โชคดีที่มะเดื่อข้างบ่อน้ำของของหนูหิ่ง ฯ เป็นตัวเมียนะ  ไม่งั้นมีหวังอด. 

แต่เจ้าสิ่งที่ทำให้หนูหิ่ง ฯ ขยะแขยง เกลียด และกลัว ก็คือไส้เดือน กับตัวทาก ไส้เดือนยังไม่เท่าไหร่หรอกเพราะว่ามันไม่กัด 

แต่ตัวทากจะกัดและดูดเลือดคล้าย ๆ ปลิง แต่ตัวมันจะกลม ๆ เล็ก บางตัวจะเล็กมากประมาณเส้นผมเห็นจะได้มั้ง มองไม่ค่อยเห็น 

แต่ถ้ามันดูดเลือดจากเราแล้วล่ะก็ ตัวโตทันตาเห็นเลยหละ มันจะดูดจนอิ่มแปร้ แล้วก็หลุดออกไป แต่ถ้ามันยังดูดไม่อิ่ม เมื่อเรากลับถึงบ้าน 

ถอดรองเท้า ถอดถุงเท้า หรือถลกขากางเกงขึ้น อาจจะเห็นมันติดอยู่ที่ใดที่หนึ่ง มันจะดูดติดคล้ายปลิงแกะยาก ตัวมันจะลื่น ๆ จับไม่ค่อยอยู่ 

หนูหิ่ง ฯ เคยถูกมันดูดเลือด  น่าขยะแขยงมาก ยืนร้องให้ พร้อมกับตะโกนเรียกพ่อ เรียกแม่ เรียกทุกคนในบ้านให้มาช่วยเอาออก 

แต่ถึงยังไงหนูหิ่ง ฯ ก็ยังคงชอบไปกับพ่อ บางครั้งที่พ่อดูแลบ่อน้ำเสร็จ แล้วก็พอมีเวลาก่อนกลับบ้านพ่อจะพาหนูหิ่ง ฯ เข้าป่าเพื่อไปหาของกิน 

พ่อรู้จักผัก ผลไม้ป่าเยอะมาก หนูหิ่ง ฯ ดีใจและภูมิใจมากที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อ และรู้สึกว่าอยู่บนดอย ท่ามกลางป่าเขาธรรมชาติ 

ทำให้หนูหิ่ง ฯ ได้เปรียบกว่าคนในกรุงเยอะแยะ มากมาย ^_^

มีผลไม้ป่าอีกชนิดหนึ่งที่พ่อพาไปหาและพวกเราชอบกินมาก แต่จะหากินได้ยากเพราะว่ามันมักจะขึ้นตามหน้าผาสูง ๆ 

หรือในป่าลึก ๆ พ่อเรียกว่า * จางเมียวโก๊ะ  * หนูหิ่ง ฯ เชื่อว่าคงไม่ค่อยมีใครรู้จัก ต้นของมันจะคล้าย ๆ ต้นข่า มีดอกคล้าย ๆ กัน

ลูกมันจะอยู่ในดินเอาไม้ไปเขี่ย ๆ เอาก็ได้ หรือจะขุดเอาก็ได้ ถ้าขุดจะได้เป็นพวงใหญ่ ๆ เปลือกจากเมียวโก๊ะจะค่อนข้างแข็ง 

ข้างในจะเป็นเม็ดเล็ก ๆ คล้าย ๆ วุ้นห่อหุ้มเม็ดในสีดำ รสชาติหวาน แต่ถ้าไม่แก่จัดจะมีรสอมเปรี้ยวนิด ๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้จะหากินยากมาก 

แต่ก็ยังพอมีเหลืออยู่ มีเพื่อนบ้านของหนูหิ่ง ฯ คนหนึ่งไปหาขุดมาปลูกไว้ในสวน   เวลาหนูหิ่ง ฯ ไปหาทีไรป้าเขาก็จะพาไปขุด 

แถวบ้านส่วนใหญ่มักจะปลูกพืช ผัก ผลไม้ ไว้กินเอง ถ้าเหลือก็แบ่งไปขาย บางครั้งก็แจกไปตามหมู่เพื่อนบ้านนั่นเอง..




ยามเมื่อถึงฤดูฝนเป็นช่วงปิดเทอมพอดี เพราะตามโรงเรียนบ้านนอกจะมีทั้งหมดสามเทอม โรงเรียนจะปิดเทอมช่วงฤดูเพาะปลูก 

เพื่อให้ลูกหลานได้ไปช่วยงานทางบ้าน ฤดูนี้พวกเราทุกคนจะมีงานทำกันล้นมือ พ่อจะขยันขึ้นอีกเท่าตัว เนื่องจากว่าพ่อต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง 

ลูก ๆ ก็ช่วยไม่ได้มากนัก พี่ ๆ และหนูหิ่ง ฯ ก็พยายามช่วยงานพ่ออย่างเต็มกำลัง พวกเราจะขุดดิน พรวนดิน จนมือบวม มีน้ำใส ๆ อยู่ข้างใน 

ซึ่งชาวบ้านจะเรียกว่า  ขึ้นแก้ว  แต่บางคนจะไม่ขึ้นแก้ว เพราะมือด้านจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว ใครที่มือขึ้นแก้ว จะถูกล้อว่าเป็นพวกผู้ดีตีนแดง 

พวกผิวบาง ทำงานหนักไม่ได้ ในหมู่พวกเราถ้าใครขึ้นแก้วแล้วล่ะก็ จะพยายามปกปิดกันสุดชีวิต เพราะกลัวจะถูกล้อ 

แต่ตอนที่แก้วแตกมักจะปิดไม่มิด เพราะว่ามันจะแสบมาก ต้องหายามาทา และปิดพลาสเตอร์ไว้เพื่อป้องกันเชื้อโรค 

หนูหิ่ง ฯ ชอบฤดูฝนมากกว่าฤดูอื่น ๆ ถึงแม้ว่าฝนจะตกดินเปียกแฉะเลอะเทอะ ฟ้าผ่าฟ้าร้องเสียงดังแสบแก้วหู แต่ฤดูฝนเป็นฤดูที่พวกเราทุกคน

ได้อยู่พร้อมหน้ากันทุกวัน อาหารอุดมสมบูรณ์ บางวันจะมีแมงเม่า แมงมัน ให้พวกเราเก็บ ส่วนใหญ่มันมักจะออกมาหลังฝนตก 

ต้องล้างให้สะอาดเพราะว่าบางทีจะมีดินและหญ้าติดมาด้วย เอาไปคั่วให้สุกแล้วโรยเกลือนิดหน่อยอร่อยมาก ๆ ขอบอก..... 



พวกเราในหมู่บ้านเดียวกันจะมีการ  เอาวัน  กันด้วย ก็เป็นการแลกแรงงานกัน วันนี้ไปช่วยไร่นี้ อีกวันไปช่วยบ้านนั้น 

แต่บางทีก็ให้ค่าจ้างกันเป็นวัน แล้วแต่จะตกลงกัน  แล้วก็จะมีการ  คืนวัน  ให้กับเพื่อนบ้านของเรา 

ในฤดูฝนพวกเราได้รับอนุญาตให้ไปหาหน่อไม้ หาเห็ด ขุดจิ้งหรีด แล้วแต่ใครจะไปทำอะไร เพราะในป่ามันมีทุกอย่างที่เราต้องการ 

แม่จะแบ่งให้ลูก ๆ ว่าใครไปทำอะไร ก็ไปป่าเดียวกันนั่นแหละแต่แยกกันไปหาคนละส่วน ซึ่งสามารถตะโกนได้ยินถึงกัน

หนูหิ่ง ฯ จะเป็นคนหาเห็ด งานจะเบาหน่อยไม่ต้องมีอะไรมาก เอาแต่กระสอบใบเดียว ในป่าก็จะมีเห็ดน้ำข้าว เห็ดฟาน เห็นไข่ห่าน 

หนูหิ่ง ฯ รู้จักเห็ดพวกนี้ดี  ต้องเข้าไปด้านในของป่าจึงจะมีเห็ดเยอะ เพราะเห็ดมักจะขึ้นในที่ ๆ มีต้นไม้สูง ๆ ใบไม้ร่วงเยอะ ๆ 

ส่วนพี่สาวสองคนของเป็นคนไปขุดจิ้งหรีด   ต้องแบกจอบไปด้วย ต้องไปหาขุดแถวรอบนอกของป่า ดินร่วนไม่แฉะ 

สังเกตดูที่พื้นดี ๆ จะเห็นรูของจิ้งหรีด ปากรูจะมีดินเป็นขุย ๆ ปิดอยู่ ถ้าเกิดรูไหนไม่มีดินปิด แสดงว่าจิ้งหรีดทิ้งหลุมไปแล้ว 

หลุมไหนมีจิ้งหรีดขุดลงไปไม่ต้องลึกก็จะเจอตัว บางรูจะมีหลายตัว คือมีตัวผู้หนึ่งตัว มีตัวเมียสองตัว ก็ถือว่าได้กำไร ขุดครั้งเดียวได้ถึงสามตัว 

แต่บางครั้งขุดลงไปอาจโชคร้ายเจอตัวตะขาบแทนจิ้งหรีดก็ได้ ต้องระวังอย่าเอามือล้วงเข้าไปในรู ต้องหาไม้มาเขี่ยดูก่อน 

หลาย ๆ ครั้งที่พี่สาวไปขุดได้แมงมุมดินมาด้วย ตัวมันจะเหมือนแมงมุมทั่ว ๆ ไป แต่ตัวใหญ่กว่ามากเกือบเท่าผ่ามือเลยทีเดียว 

รูของแมงมุมดินจะใหญ่เกือบเท่าแขนของ ปากรูจะมีใยแมงมุมปิดอยู่ แต่บางครั้งก็ไม่มี รอบ ๆ ปากรูจะเรียบ ๆ ไม่ขรุขระ 

ถ้าขุดได้เยอะแม่ก็จะทอดให้กิน แต่ถ้าได้มาน้อยก็จะตำน้ำพริก จะได้กินกันทั้งบ้าน เวลาขุดจิ้งหรีดจะใส่ถุงพลาสติกไม่ได้

เพราะมันจะกัดถุงและหนีได้ พวกเราจะใช้ดอกหญ้าผูกปมไว้ตรงปลาย เหลือตรงโคนไว้แทงตรงปลอกคอของจิ้งหรีด

ร้อยรวมกันเป็นพวง ๆ จิ้งหรีดสามารถทำอาหารได้หลายอย่าง ทอดกระเทียมพริกไทยก็ได้ ชุปแป้งทอด หรือตำน้ำพริกก็อร่อย สุดย๊อด....

สำหรับพี่ชายอีกสองคนได้รับมอบหมายจากแม่ให้ไปขุดหน่อไม้ สองคนนี้จะเหนื่อยหน่อยเพราะต้องเอากระสอบใบโต ๆ

และแบกเสียมไปด้วย เสียมจะเป็นโลหะยาว ๆ สามารถขุดลึก ๆ ลงไปในดินได้ เหมาะสำหรับขุดหน่อไม้ บางครั้งพี่ชายจะได้หนอนไม้ไผ่มาด้วย 

หนูหิ่ง ฯ ไม่รู้หรอกว่าพี่ชายเขารู้ได้ยังไงว่าในไม้ไผ่ต้นไหนมีหนอนไม้ไผ่อยูข้างใน แต่วันใดที่เจอหนอนไม้ไผ่ก่อน 

พี่ชายแทบจะไม่อยากขุดหน่อไม้เลย เพราะหนอนไม้ไผ่อร่อยมาก หายากด้วยไม่เหมือนสมัยนี้ เขาเลี้ยงหนอนไม้ไผ่ขายกันแล้ว 

เมื่อก่อนถ้าไปเข้าป่าเป็นไม่ได้กินหรอก พี่ชายสองคนจะงานหนักกว่าเพื่อน เพราะเมื่อขุดแล้วก็ต้องแบกกลับมาบ้าน 

บางครั้งถ้าพวกเราได้สิ่งที่แต่ละคนต้องการแล้ว ก็จะมาช่วยกันปอกเปลือกหน่อไม้ออก เปลือกหน่อไม้จะแข็งและมีขน 

ถ้าไม่ระวังขนมันจะตำทำให้เกิดอาการคันได้ บางครั้งเมื่อปอกเปลือกเสร็จแล้วก็จะเหลือเพียงครึ่งกระสอบ พวกเราก็จะช่วยกันขุดให้เต็มกระสอบ 

เพราะไหน ๆ ก็มาแล้ว จะได้เก็บไว้กินได้นาน ๆ ตอนนี้เรามีหน่อไม้สดไว้แกงใส่ชะอม แต่ต่อไปเราก็จะมีหน่อไม้ดองไว้กินอีกเช่นกัน 

แม่จะดองไว้เป็นไห ๆ เก็บไว้กินเกือบตลอดปี วิธีการของแม่ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ฝานบาง ๆ ใสน้ำลงไปแล้วก็ใส่ถุงพลาสติกมัดให้แน่น ๆ 

อย่าให้มีลมอยู่บ้างในแล้วก็ใส่ไว้ในไหอีกที ในไหก็จะมีน้ำด้วยแต่เป็นน้ำเปล่า ๆ นะ ไม่ได้ใส่อะไรเลย 

ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันจึงเปรี้ยวและก็ไม่เน่าอ่ะนะ....


				



บางครั้งเพื่อนบ้านบางคนก็ไปกับพวกเรา   เพราะกลัวว่าเด็ก ๆ จะหลงทาง และกลัวงู ต้องมีผู้ใหญ่ไปคุมด้วย 

เพราะว่าถ้าเข้าไปในป่าลึก ๆ จะมีถ้ำ ข้างในถ้ำจะมีค้างคาวเยอะมาก มีงูด้วย  หนูหิ่ง ฯไม่เคยเข้าไปหรอกเพราะหนูหิ่ง ฯ กลัวงูเป็นที่สุด 

สำหรับถ้ำค้างคาว ช่วงฤดูร้อนพวกผู้ใหญ่จะพากันมาเอาขี้ค้างคาวเพื่อไปทำปุ๋ย ขี้ค้างคาวเป็นปุ๋ยที่ดีมาก แต่พ่อบอกว่าไม่ควรใส่เยอะ 

เพราะขี้ค้างคาวมันเค็ม  หนูหิ่ง ฯ ยังนึกสงสัยอยู่ว่าพ่อคงจะเคยกิน จึงได้รู้ว่ามันเค็ม แต่ไม่กล้าถามพ่อหรอกนะ 

วันไหนที่พ่อไปด้วยจะเป็นวันพิเศษของหนูหิ่ง ฯ เสมอ  ส่วนใหญ่พ่อจะไปเก็บผักหวานในป่า ผักหวานเป็นไม้ยืนต้นชนิดหนึ่ง เอามาผัดหรือแกงก็ได้ ไม่ต้องใส่ผงชูรส 

ไม่ต้องใส่น้ำตาลมันจะหวานเอง มักจะแตกยอดในช่วงต้นฤดูร้อน แต่พ่อบอกว่าครั้งก่อนพ่อเข้ามาเจอต้นมันเข้า พ่อก็เลยตัดกิ่งมันทิ้งไปบ้าง 

ช่วงนี้คงจะเริ่มแตกยอดใหม่ขึ้นมาแทนที่ ที่หมู่บ้านอื่น ๆ ในช่วงฤดูร้อนเขาจะเก็บผักหวานขายเป็นอาชีพเสริม ซึ่งสร้างรายได้ได้ดีมาก 

บางคนถึงขนาดลงทุนเผาต้นมัน ให้ใบเก่าร่วงทิ้งไปและเพื่อให้ต้นผักหวานแตกยอดก่อน เพราะผักหวานที่ออกช่วงแรก ๆ จะมีราคาแพง 

หนูหิ่ง ฯ รู้สึกเศร้าใจเหลือเกิน เพราะว่าบางครั้งไฟลามไปทั้งป่า เขาเผาป่าทั้งป่าเพื่อที่จะได้เก็บยอดผักหวานก่อนใคร ๆ เท่านั้นเองเศร้าใจจริง ๆ 

การเข้าป่าหลาย ๆ ครั้งครอบครัวของหนูหิ่ง ฯ ไปกันเกือบหมดบ้านเลย หนูหิ่ง ฯ จะรู้สึกสนุกตั้งแต่ก่อนออกจากบ้าน  กระโดดโลดเต้นไปจนถึงชายป่า 

แล้วพวกเราก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย แต่เราจะไม่ไปไกลกันนัก จะตะโกนคุยกันอยู่เสมอว่าใครอยู่ตรงไหน 

พวกเราทำเสียงดังได้เพราะว่าเราไม่ได้ไปล่าสัตว์ ยิ่งเป็นการดีเสียอีกถ้าสัตว์ร้ายได้ยินเสียงพวกเรามันจะได้หนีไป 

พ่อมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พ่อจำได้ว่ามีต้นผักหวาน พ่อไปไม่นานก็ได้ผักหวานมาสามห่อใหญ่ พ่อห่อด้วย  ใบตองตึง  

ใบตองตึงเป็นใบไม้ที่มีขนาดใหญ่ เอามาห่อของได้ ห่อข้าวก็ได้  หนูหิ่ง ฯ มัวแต่เล่น  เพิ่งเก็บเห็ดได้ยังไม่ถึงครึ่งกระสอบเลย 

ไปดูพี่ชายขุดหน่อไม้ แถว ๆ ข้างกอไม้ไผ่ก็มีเห็ดเหมือนกันแต่ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ พ่อก็จะอาสาช่วยหาเห็ด พ่อหาเก่งมาก 

พ่อบอกให้ช่วยหาเห็ดฟานเยอะ ๆ จะได้เอาไปทำเห็ดเปรี้ยว เห็ดฟานจะหายากกว่าเห็ดอื่น ๆ ดอกเห็ดและลำต้นจะมีสีแสด 

หรือสีส้มจัด ๆ บางดอกก็จะดูเป็นสีน้ำตาลเข้ม และจะมียางสีขาว ๆ ซึมออกมาถ้ามีรอยแผลหรือรอยหัก เห็ดชนิดนี้ไม่ค่อยจะมีหนอนกิน 

อาจจะเป็นเพราะว่ามันแข็งกว่าเห็ดชนิดอื่นแถมยังมียางอีกด้วย ส่วนใหญ่เห็ดที่เจอมักจะเป็นเห็ดน้ำข้าว เห็ดน้ำข้าวหาง่ายที่สุด 

สำหรับเห็ดไข่ห่านต้องดูให้ดี ๆ เพราะบางทีอาจจะเป็นเห็ดพิษก็ได้ หนูหิ่ง ฯ จึงไม่ค่อยชอบหาเห็ดไข่ห่านนัก....



เมื่อต่างคนต่างได้สิ่งที่ต้องการก็เย็นพอดี พวกเราก็พากันกลับบ้านกันแบบค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร ทั้งแบก ทั้งหาม 

ตอนขุด เก็บ เดินหาไม่เหนื่อยเลย ทุกคนสนุกมาก แต่มาเหนื่อยตอนแบกของกลับบ้านนั่นเอง มาถึงบ้านก็ต้องล้างให้สะอาด

พวกเราก็ได้รับหน้าที่จากแม่อีกแล้ว  หนูหิ่ง ฯ ไปล้างหน่อไม้ พี่สาวล้างเห็ด ส่วนพี่ชายไปจัดการจิ้งหรีดกับแมงมุมดิน 

รู้สึกว่าหน้าที่เราจะสลับกันไปเสียแล้ว แม่มักจะเป็นคนจัดการเรื่องในบ้านได้ดี แม่สามารถมอบหมายงานครัวให้ทุกคนได้อย่างเหมาะสม 

แต่ใช่ว่าแม่จะว่าง แม่ก็ต้องทำอาหารมื้อเย็นจากอาหารที่เราไปหามาจากป่า


เมื่อหนูหิ่ง ฯ ล้างหน่อไม้เสร็จแล้ว พ่อก็เข้ามาจัดการสับหน่อไม้เพื่อจะได้ดองเก็บไว้กินนาน ๆ สำหรับเห็ดเมื่อพี่สาวล้างเสร็จ

ก็ส่งต่อมาให้พ่อเช่นกัน พ่อทำเห็ดเปรี้ยว หรือจะเรียกว่าแหนมเห็ดก็ได้เหมือนกัน พ่อทำอร่อยมาก บางครั้งถ้าเรามีเนื้อสัตว์

พ่อจะผสมเข้าไปด้วย พวกเราเรามักจะมีอาหารอร่อย ๆ จากรสฝีมือแม่และพ่อ ทั้งพ่อและแม่เป็นกุ๊กที่ทำอาหารอร่อยมาก 

ครอบครัวของเรามักจะมีอาหารอุดมสมบูรณ์ เพราะ พ่อรู้จักวิธีถนอมอาหารหลายรูปแบบ บางครั้งถ้าได้เนื้อสัตว์มา พ่อจะทำเค็มบ้าง 

ตากแดดบ้าง วิธีตากแดดของพ่อไม่เหมือนใคร พ่อจะหั่นเป็นชิ้นใหญ่ ๆ แล้วตากจนแห้งถึงข้างใน ถ้าไม่มีแดดก็จะรมควันไว้บนเตาไฟ 

พ่อบอกว่าจะทำให้แมลงวันไม่มาตอม เนื้อจะไม่เหม็นและไม่มีหนอน แต่เวลาจะกินก็ลำบากหน่อย เพราะว่าเนื้อตากของพ่อจะแข็งมาก 

ต้องเราไปต้ม หรือไม่ก็หมกในขึ้เถ้าก่อน แล้วเอามาทุบ  หนูหิ่ง ฯ ชอบให้พ่อหมกในขี้เถ้า เสร็จแล้วก็เอามาทุบและฉีกเป็นเส้นฝอย ๆ 

แล้วเอาไปทอดในน้ำมันร้อน ๆ อร่อยอย่าบอกใคร  วันไหนที่เข้าป่าพวกเราทุกคนเจริญอาหารเป็นพิเศษ จนข้าวที่แม่หุงไว้หมดเกลี้ยงเลยทีเดียว 

แม่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ที่เห็นพวกเรากินกันอย่างเอร็ดอร่อย ครอบครัวของเรามักจะนั่งคุยกันก่อนที่จะแยกย้ายกันไปนอนพักผ่อน 

เวลานี้พวกเราจะอยู่กันเกือบพร้อมหน้า ยกเว้นคนที่ไปค้าขายต่างหมู่บ้าน พ่อมักจะเล่าเรื่องในอดีตให้เราฟัง และใช้เวลานี้

อบรมสั่งสอนพวกเราหลาย ๆ เรื่อง   หนูหิ่ง ฯ มักจะเกาะขาพ่อ แหงนหน้าขึ้นมองเวลาพ่อเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง คำสอนของพ่อ

ที่จำได้อย่างแม่นยำที่สุด พ่อบอกว่า ตะเกียบอันเดียวหักง่าย แต่ตะเกียบทั้งกำจะหักยาก ตอนนั้นsหนูหิ่ง ฯ ไม่ค่อยเข้าใจ 

ก็เลยไปหยิบตะเกียบมาหัก เออ.. มันก็ไม่หัก แหะ ๆ ๆ ^_^ บะ  แบบว่า แรงน้อยอ่ะ

พี่ชายคงจะหมั่นใส้ กะการซนของหนูหิ่งฯ มั้ง ก็เลยหยิบไปหักให้ดู ปรากฎว่าหักจริง ๆ แฮะ พ่ออธิบายให้ฟังหลาย ๆ อย่างเหมือนกัน 

แต่ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ จนกระทั่งโตจึงได้รู้ว่าพ่อหมายความว่ายังไง 

ฤดูฝนนี้พ่อจะให้แวะหาหน่อไม้กลับบ้านด้วย เพราะพ่อจะทำหน่อไม้อัดปี๊บเก็บไว้กินเอง 

พวกพี่ชายจะชอบมากเลย เพราะจะได้ถือโอกาส

หาแมลง กว่าง ในดงไม้ไผ่ เด็กผู้ชายจะชอบหากว่างมาเลี้ยง บ

างครั้งก็เอากว่างตัวผู้ซึ่งมีเขามาชนแข่งกัน ส่วนกว่างตัวเมียจะไม่มีเขา 

หนูหิ่ง ฯ เห็นพี่ชายจับกว่างตัวเมียแล้วผูกติดกับอ้อยทิ้งไว้นอกบ้านตอนกลางคืน พอตอนเช้าก็มักจะมีกว่างตัวผู้มาเกาะอยู่ด้วย

โดยที่ไม่ต้องไปตามจับให้เหนื่อย กว่างเป็นแมลงที่เลี้ยงง่าย เ

พียงเอาต้นอ้อยแล้วปอกเปลือกให้มันกิน แล้วก็ผูกเขากว่างติดกับปล้องอ้อย 

แค่นี้มันก็ไม่ตายแล้ว ส่วนใหญ่แล้วกว่างจะมีสีน้ำตาลแดง เวลาชนแข่งกันมันจะใช้เขาของมันงัดกัน  

เห็นเด็กผู้ชายจะใช้ไม้เล็กมาปั่นตรงเขาของมันเพื่อให้มันดุและสู้กัน

 พวกเด็กผู้หญิงไม่ได้รับอนุญาติให้เล่นชนกว่าง เพราะว่ามันเป็นกีฬาของเด็กผู้ชาย 

หนูหิ่ง ฯ มักจะไปแอบเล่นกว่างของพี่ชาย ตอนเล่นก็ไม่มีใครเห็นหรอก 

แต่จะเห็นตอนที่เลิกเล่นแล้ว เพราะว่าที่มือที่แขน  จะมีรอยขีดข่วนจากขาของกว่าง 

ขาของกว่าจะแข็งและมีหนามคม ๆ เพื่อจะได้เกาะกิ่งไม้ได้แน่น ๆ เวลาฉันปล่อยให้มันเดินเล่นบนแขน

แล้วจับตัวมันออก มันมักจะเกาะแน่น พอดึงออกแล้วมันก็จะฝากรอยไว้ที่แขนเป็นประจำ แต่จะมีกว่างอีกชนิดหนึ่ง

ที่หนูหิ่ง ฯ ชอบมากเป็นพิเศษ มันจะมีสีเทา ตัวจะใหญ่กว่ากว่างสีแดง เขาก็ใหญ่กว่า สวยงามมาก กว่างก็เป็นอาหารได้เหมือนกัน 

แต่เท่าที่จำได้ครอบครัวของหนูหิ่ง ฯ ไม่เคยกินมันเลย



ตั้งแต่เล็ก ๆ หนูหิ่ง ฯ จำได้ว่ามีคำไทยสองคำที่คุณพ่อไม่ชอบที่สุด เห็นจะเป็นคำว่า รำคาญ กับเบื่อ

ทำให้หนูหิ่ง ฯ พลอยไม่ชอบตามไปด้วย จริง ๆ แล้วคุณพ่อเป็นจีนค่ะ ท่านจะพูดไทยได้นิดหน่อย แถมยังไม่ค่อยชัดอีกด้วย

สาเหตุมีอยู่ว่า....

พี่ชาย 3 คน พี่สาว 3 คน ลูกสาวไม่ค่อยซนเท่าไหร่ แต่พี่ชายก็เริ่มเป็นวัยรุ่นแล้ว ออกจะติดเพื่อนและชอบเที่ยว

หลาย ๆ ครั้งที่พี่ชายเลียนแบบผู้ใหญ่ เช่น สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ไปจีบสาว กลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ พอคุณพ่อว่ากล่าวตักเตือน

พี่ชายก็จะบ่นดัง ๆ ให้คุณพ่อได้ยินว่า รำคาญบ้างหละ พูดมากเบื่อบ้างหละ หนูหิ่ง ฯ ก็ไม่รู้ว่าคุณพ่อเข้าใจคำสองคำนี้แค่ไหน

แต่รู้สึกว่าเมื่อไหร่ที่คุณพ่อได้ยินท่านจะโมโห และเสียใจ ที่พี่ชายแสดงอาการแบบนั้นให้ท่านเห็น

ตอนเด็ก ๆ หนูหิ่ง ฯ จำได้ว่าจะโกรธพี่ชายแทนคุณพ่อหลายครั้ง ไม่ยอมให้พี่ชายอุ้ม ไม่ยอมให้เล่นยีหัว

ไม่ยื่นแก้มป่อง ๆ ให้หอม ( ซึ่งพี่ชายจะบ่นว่าเหม็นอ่ะ แหะ ๆ ๆ ) แบบว่างอนแทนคุณพ่อมั้งคะ

เนื่องด้วยหนูหิ่ง ฯ เป็นลูกคนเล็ก ก็จะติดพ่อมาก ใครมาว่าพ่อให้ได้ยินจะไม่ได้เลย แบบว่า พ่อข้า ใครอย่าแตะ ประมาณนั้น 

ซึ่งหนูหิ่ง ฯ ก็คิดว่าคนที่เป็นลูกทุกคนก็ต้องคิดแบบนี้ คุณพ่อจะเป็นฮีโร่คนแรกที่ได้รู้จัก 

คนถัดมาก็จะเป็นพี่ชาย ไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดเหมือนหนูหิ่ง ฯ หรือเปล่านะคะ ^_^




ทุก ๆ ครั้งที่กลับบ้าน หนูหิ่ง ฯ ไม่ได้กอดคุณพ่อแล้ว 

ทุก ๆ ครั้งที่กลับบ้าน หนูหิ่ง ฯ ไม่ได้ยินเสียงของคุณพ่อเลย

ทุก ๆ ครั้งที่กลับบ้าน หนูหิ่ง ฯ เห็นเพียงร่องรอยที่คุณพ่อสร้างไว้

ทุก ๆ ครั้งที่กลับบ้าน หนูหิ่ง ฯ ร้องให้คิดถึงคุณพ่อเสมอ



ใคร ....

ที่ยังมีคุณพ่อและคุณแม่อยู่ รักท่านให้มาก ๆ นะคะ อยากทำอะไรเพื่อท่านก็ทำไปเลย

จะได้ไม่ต้องเสียใจตอนที่ท่านจากโลกนี้ไปแล้ว *_~

				
comments powered by Disqus
  • โอ้ละหนอ

    5 พฤษภาคม 2554 13:58 น. - comment id 123629

    มีความสุขที่ได้อ่านเรื่องเล่าวัยเด็กของคุณหิ่งห้อยฯ ค่ะ..........
    เป็นความทรงจำที่สวยสดงดงาม...........มากที่สุดเลยค่ะ.........
    
    1.gif1.gif1.gif1.gif1.gif36.gif
  • หนูหิ่ง ฯ

    5 พฤษภาคม 2554 22:46 น. - comment id 123666

    สวัสดีเจ้า
    
    คุณโอ้ละหนอ  :  หนูหิ่ง ฯ ก็มีความสุขค่ะ
    
    แต่ทำไมเวลาคิดถึง....  ก็อยากร้องให้ก็ไม่รู้นะคะ *__~
    
    
    
    11.gif11.gif11.gif
  • เอื้องอังกูร

    6 พฤษภาคม 2554 09:26 น. - comment id 123669

    เปนความทรงจำที่งดงามมากครับ..
    ผมอ่านไป..คิดไป..ยิ้มไป..หลายบทหลาย
    ตอน..มันคล้ายๆกับชีวิตของตัวเองจัง
    ผิดตรงที่..ต่างที่..ต่างเวลา..เท่านี้น..
      ต่างที่.แต่คล้ายกันเพราะเปนดงดอยเหมือน
    กัน..ต่างเวลา...เพราะเวลาของผมมันผ่านมา
    ประมาณ 40 ปี
      การดำเนินชีวิต..การกิน..การอยู่ คล้ายกัน
    ผมได้เขียนเรื่องของคัวเองบ้างผมตัวละคร
    คือตัวผมเอง..ยังไม่ค่อยมีเวลาพิมพ์เลยครับ
        เปนกำลังใจให้ครับ...ท่านคงมองหนูหิ่งฯ
    อยู่บนสวรรค์นะครับ..คงยิ้มด้วยความภูมิใจ
    ที่หนูน้อย..ขี้อ้อนและขี้กลัวงูและทากของท่าน
    ประสบผลสำเร็จในวันนี้..
      และผมเชื่อว่า...ความสำเร็จของหนูหิ่งฯ..วันนี้
      เปนผลมาจากการอบรบ..ให้การสอนโดยที
    เหมือนไม่ได้สอน..เปนมหาลัยชีวิตที่ต้องใช้
    ชีวิต...ครับ..ถือว่า เปนยอดคุณพ่อคนหนึ่งครับ
    ขอหื้อ..อาญุมั่น..ขวัญญืนเน้อเจ้า
    16.gif36.gif
  • แทนคุณแทนไท

    6 พฤษภาคม 2554 20:20 น. - comment id 123680

    1.gif
    
    พ่อผู้ให้กำเนิดเกิดก่อเกื้อ
  • หิ่งห้อยน้อยใจ

    9 พฤษภาคม 2554 21:30 น. - comment id 123736

    
    
    สวัสดีเจ้า
    
    คุณเอื้องอังกูร  :  ชีวิตคนบนดอยส่วนใหญ่ก็จะคล้าย ๆ กันนะคะ
    
    ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่เมื่อคิดถึงวัยเด็กก็จะมีความสุขเสมอ  ^^
    
    ตอนเด็ก ๆ พ่อกับแม่จะชอบเล่าเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ในสมัยก่อนให้ฟัง
    
    หนูหิ่ง ฯ ก็ชอบฟังด้วย  คล้าย ๆ กับฟังนิทานเลยค่ะ 
    
    นั่นอาจเป็นสาเหตุให้หนูหิ่ง ฯ เป็นเด็กที่จดจำเรื่องราวต่าง ๆ ได้ดีก็ได้นะคะ
    
    ว่าง ๆ หนูหิ่ง ฯ จะนำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ  แบ่งปันความสุขให้พี่ ๆ บ้างไงคะ 
    
    ตอนนี้พ่อคงดูอยู่บนสวรรค์  และพี่สาวของหนูหิ่ง ฯ อาจจะหาพ่อเจอแล้วก็ได้นะคะ
    
    ขอให้มีความสุขสม่ำเสมอนะคะ  ^^
    
    
    
    
    คุณแทนคุณแทนไท  :  พ่อน่ารักที่สุด  ใจดีที่สุด  หนูหิ่ง ฯ เป็นลูกติดพ่อมากกว่าติดแม่ค่ะ
    
    
    
    
    11.gif11.gif11.gif
  • tan

    11 กรกฎาคม 2555 08:27 น. - comment id 129753

    ตายยัง

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน