อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย

แสงไร้เงา

ความเป็นมาของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 2 ของประเทศไทย เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2505 ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ครอบคลุมพื้นที่ 348.12 ตารางกิโลเมตร (217,575 ไร่) ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทรายยอดตัด โดยมีที่ราบบนยอดภูกระดึง ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร (37,500 ไร่)
ภูกระดึงมีระดับความสูงอยู่ระหว่าง 400-1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล จุดสูงสุดอยู่ที่บริเวณคอกเมย มีความสูง 1,316 เมตรจากระดับน้ำทะเล สภาพทั่วไปของภูกระดึงประกอบไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด พันธุ์สัตว์ป่านานาพันธุ์ หน้าผา ทุ่งหญ้า ลำธาร และน้ำตก อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ต้นน้ำของลำน้ำพอง ซึ่งเป็นลำน้ำสายสำคัญสายหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ด้วยความสูง บรรยากาศ และสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปี บนยอดภูกระดึง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิอาจลดต่ำจนถึง 0 องศาเซลเซียส จึงเป็นแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวปรารถนาและหวังจะเป็นผู้พิชิตยอดภูกระดึงสักครั้งหนึ่งในชีวิต 
แจ้งให้ทราบ
ตามมติที่ประชุมเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2548 อุทยานแห่งชาติภูกระดึง แจ้งห้ามร้านค้าในอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จำหน่ายสุราโดยเด็ดขาด โดยให้จำหน่ายเฉพาะเบียร์กระป๋องเท่านั้น เนื่องจากช่วยลดปริมาณขยะและปัญหาการเกิดการทะเลาะวิวาทของนักท่องเที่ยว
การห้ามมิให้นักท่องเที่ยวเช่าเตาและใช้ถ่านเป็นเชื้อเพลิง เนื่องจากก่อให้เกิดควันรบกวนนักท่องเที่ยวและความสกปรกของพื้นที่และเพื่อความปลอดภัย อีกทั้งการใช้ถ่านไม้ยังเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติโดยตรง
ข้อแนะนำ
สำหรับนักท่องเที่ยวท่านใดหรือคณะใดที่จะนำอาหารมาประกอบและหุงต้มเองควรเตรียมแก๊สปิกนิคไปด้วย ในส่วนของร้านค้าก็มีให้เช่า แต่อาจไม่เพียงพอในช่วงเทศกาล
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ก่อนที่ท่านและคณะจะเดินทางขึ้นเขาขอให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตามลำดับ ดังนี้
1. ติดต่อขอเช่าเต็นท์กับเจ้าหน้าที่บ้านพัก และสำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับอนุญาตให้ใช้บ้านพักหรือเต็นท์จากกรมอุทยานแห่งชาติมาแล้วกรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่งานบ้านพัก ณ อาคารติดต่อที่พัก 
2. สำหรับนักท่องเที่ยวที่นำเต็นท์มาเอง ติดต่อชำระค่าขอใช้สถานที่กางเต็นท์ในอัตรา 30 /คน/คืน ณ อาคารติดต่อที่พัก และในกรณีที่เต็นท์ทางอุทยานแห่งชาติภูกระดึงเต็มท่านจะต้องชำระค่าขอใช้สถานที่กางเต็นท์ในอัตราข้างต้นเช่นเดียวกัน และท่านสามารถติดต่อเช่าเต็นท์ได้บนยอดเขา
3. สำหรับนักท่องเที่ยวท่านใดหรือคณะใด นำบรรจุภัณฑ์ต่างมา เช่นขวดแก้ว, ขวดพลาสติก, ซองพลาสติก,กล่องกระดาษ หรือ ที่ย่อยสลายเองตามธรรมชาติไม่ได้หรือต้องใช้เวลาในการย่อยสลายนาน ท่านจะต้องติดต่อมัดจำบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ตามที่ทางอุทยานแห่งชาติภูกระดึงกำหนดไว้ แล้ววันลงเขาให้ท่านนำบรรจุภัณฑ์ดังกล่าวที่เป็นขยะมารับเงินมัดจำนั้นคืน 
4. อุทยานแห่งชาติภูกระดึงขอเชิญนักท่องเที่ยวทุกท่านเข้าร่วมโครงการอาสาสมัครพิทักษ์ภูกระดึง เพื่อช่วยกันเก็บขยะที่ท่านนำขึ้นไปเองในวันที่ท่านขึ้นเขาและขยะที่พบเห็นตามแหล่งท่องเที่ยวจุดต่างๆ ซึ่งเป็นขยะที่ย่อยสลายไม่ได้ตามธรรมชาติ นำลงมาทิ้งที่เชิงเขา ไม่ต่ำกว่าคนละ 1 กิโลกรัม จากนั้นอุทยานแห่งชาติภูกระดึงจะมอบใบประกาศเกียรติคุณให้กับท่านและคณะ เพื่อแสดงว่าท่านเป็นผู้เสียสละและบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อธรรมชาติและสังคม นักท่องเที่ยวท่านใดหรือคณะมีความประสงค์ที่เข้าร่วมโครงการขอเชิญสมัครได้ ณ ซุ้มโครงการอาสาสมัครพิทักษ์ภูกระดึง 
5. นักท่องเที่ยวท่านมีความประสงค์จ้างหาบสัมภาระ ติดต่อเจ้าหน้าที่จ้างหาบสัมภาระได้ที่อาคารสัมภาระในอัตราราคากิโลกรัมละ 10 บาท 
6. ชำระค่าธรรมเนียมเดินขึ้นเขาได้ที่ซุ้มจำหน่ายบัตรค่าธรรมเนียม ในอัตรา 
นักท่องเที่ยวชาวไทย
เด็ก 10 บาท 
ผู้ใหญ่ 20 บาท 
นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ
เด็ก 100 บาท 
ผู้ใหญ่ 200 บาท
( ถ้าไปแล้วก็อย่าไปพูดประกิดละค่ะ เดี่ยวเสียจากแค่เสีย 20 เดี่ยวได้เสีย 200 หรอกค่ะ...5555 อันนี้แซวเล่นจากเหมียวค่ะ......555)
ช่วงวันหยุดยาวนี้นักท่องเที่ยวท่านใดที่ต้องการมาเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ถ้าท่านมีเต็นท์ขอแนะนำให้นำเต็นท์มาด้วยนะค่ะ
..............  ................ .................. .................  ..............  ..................
ความเป็นมาของอุทานยานแห่งชาติภูกระดึง
 
 
 
 ลักษณะภูมิประเทศ 
 
สภาพทั่วไปของอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เป็นภูเขาหินทรายยอดตัดอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของที่ราบสูงโคราช ใกล้กับด้านลาดทิศตะวันออกของเทือกเขาเพชรบูรณ์ ลักษณะโครงสร้างทางธรณีของภูกระดึงเกิดขึ้นในมหายุค Mesozoic เป็นหินในชุดโคราช ประกอบด้วยชั้นหินหมวดหินภูพานหมวดหินเสาขัว หมวดหินพระวิหาร และหมวดหินภูกระดึง พื้นที่ส่วนใหญ่ของภูเขาอยู่ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางระหว่าง 400-1,200 เมตร มีพื้นที่ราบบนยอดเขากว้างใหญ่คล้ายรูใบบอน ประกอบด้วยเนินเตี้ยๆ ยอดสูงสุดคือ ภูกุ่มข้าว สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,350 เมตร สภาพพื้นที่ราบบนยอดภูกระดึงมีส่วนสูงอยู่ทางด้านตะวันตกและตะวันออกเฉียงใต้ พื้นที่ค่อยๆ ลาดเทลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้ลำธารสายต่างๆ ที่เกิดจากแหล่งน้ำบนภูเขาไหลไปรวมกันทางด้านนี้ เป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำพอง ซึ่งหล่อเลี้ยงเขื่อนอุบลรัตน์และเขื่อนหนองหวาย ในจังหวัดขอนแก่น
 
 
 
 ลักษณะภูมิอากาศ 
 
ภูมิอากาศของอุทยานแห่งชาติภูกระดึงบริเวณที่ระดับต่ำตามเชิงเขา มีสภาพโดยทั่วไปใกล้เคียงกับบริเวณอื่นๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนถึงเดือนตุลาคม ฝนตกชุกที่สุดระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน อุณหภูมิเฉลี่ยรายปี 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดในเดือนมกราคม และอุณหภูมิสูงสุดในเดือนเมษายน สภาพอากาศทั่วไปบนยอดภูกระดึง แตกต่างจากสภาพอากาศในที่ราบต่ำเป็นอย่างมาก โดยปริมาณน้ำฝนจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของปริมาณน้ำฝนบนที่ต่ำ เนื่องจากอิทธิพลของเมฆ/หมอกที่ปกคลุมยอดภูกระดึงเป็นเนืองนิจ ในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคมอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยระหว่าง 0-10 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยระหว่าง 21-24 องศาเซลเซียส ส่วนในฤดูร้อนระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยระหว่าง 12-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยระหว่าง 23-30 องศาเซลเซียส อากาศบนยอดภูกระดึงมักจะแปรปรวน มีเมฆหมอก ลอยต่ำปกคลุมบ่อยครั้ง อากาศจึงค่อนข้างเย็นตลอดปี
ในช่วงฤดูฝน มักเกิดภัยธรรมชาติ เช่น เกิดการพังทะลายของภูเขาและมีน้ำป่า ทางอุทยานแห่งชาติจึงกำหนดให้ปิด-เปิดการท่องเที่ยวเฉพาะบนยอดเขาภูกระดึง เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และให้สภาพธรรมชาติและสภาพแวดล้อมได้มีการพักฟื้นตัว หลังจากนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมอย่างมากในแต่ละปี ดังนี้ 
ปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายน ของทุกปี 
เปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 พฤษภาคม ของทุกปี 
 
 
 
 พืชพรรณและสัตว์ป่า 
 
สังคมพืชของภูกระดึงเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดป่าหนึ่ง มีทั้งป่าผลัดใบ และป่าดงดิบ ที่ระดับความสูงต่างๆ จำแนกออกได้เป็น 
ป่าเต็งรัง พบบนที่ราบเชิงเขาและบนที่ลาดชันจนถึงระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 600 เมตร ประกอบด้วยพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ เต็ง รัง เหียง พลวง กราด รกฟ้า อ้อยช้าง กว้าว มะกอกเลื่อม มะค่าแต้ ช้างน้าว ติ้วขน ยอป่า ฯลฯ พืชพื้นล่างประกอบด้วย หญ้าเพ็ก ขึ้นเป็นกอหนาแน่น แทรกด้วยไม้พุ่มและพืชล้มลุก 
ป่าเบญจพรรณ พบตั้งแต่บนพื้นที่ราบเชิงเขาและที่ลาดชันตามไหล่เขารอบภูกระดึง จนถึงระดับความสูงจากน้ำทะเลประมาณ 950 เมตร พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ แดง ประดู่ป่า กระบก ตะแบกเลือด ยมหิน มะกอก งิ้วป่า แสมสาร มะค่าโมง ตะคร้ำ สมอไทย สำโรง โมกมัน ฯลฯ พืชพื้นล่างประกอบด้วยหญ้าและกอไผ่ของไผ่รวก ไผ่ไร่ ไผ่หลวง ไผ่ซางหม่น ไม้พุ่ม เช่น หนามคณฑา กะตังใบ สังกรณี ไผ่หวานบ้าน ฯลฯ ไม้เถา เช่น แก้วมือไว สายหยุด นมวัว ตีนตั่ง หนอนตายหยาก กลอย ฯลฯ พืชล้มลุก เช่น บุกใหญ่ ผักปราบ แห้วกระต่าย ฯลฯ พืชกาฝากและอิงอาศัย เช่น ข้าวก่ำนกยูง ดอกดิน ชายผ้าสีดา เป็นต้น 
ป่าดิบแล้ง พบตามฝั่งลำธารของหุบเขาที่ชุ่มชื้นทางทิศตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือ และทิศตะวันตก ตั้งแต่เชิงเขาจนถึงระดับความสูงประมาณ 950 เมตรจากระดับน้ำทะเล พันธุ์ไม้สำคัญได้แก่ ก่อ ตะเคียนทอง ยางแดง ยมหอม ตะแบกเปลือกบาง หว้า มะม่วงป่า สัตตบรรณ มะหาด คอแลน เชียด ฯลฯ พืชพื้นล่างแน่น เป็นพวกไม้พุ่ม ไม้เถา เช่น สร้อยอินทนิล กระทงลาย เถามวกขาว เล็บมือนาง กระไดลิง ฯลฯ พืชล้มลุก เช่น ข่าคม ก้ามกุ้ง ฯลฯ หวายและเฟินหลายชนิด 
ป่าดิบเขา พบตั้งแต่ระดับ 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเลขึ้นไป ทางทิศเหนือและทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พันธุ์ไม้ที่สำคัญได้แก่ ก่วมแดง ทะโล้ สนสามพันปี พะอง จำปีป่า พญาไม้ ก่อเดือย ก่อหนาม ก่อหมู ส้านเขา รัก เหมือดคนดง เฉียงพร้านางแอ พะวา เดื่อหูกวาง ฯลฯ พืชพื้นล่างประกอบด้วยไม้พุ่ม เช่น กุหลาบแดง มือพระนารายณ์ ฮอมคำ จ๊าฮ่อม ฯลฯ ตามหน้าผาริมขอบภูพบปาล์มต้นสูงขึ้นห่างๆ ได้แก่ ค้อดอย ไม้เถา เช่น กระจับเขา เครือเขาน้ำ แก้มขาว หนามไข่ปู ใบก้นปิด ย่านหูเสือ เป็นต้น 
ป่าสนเขา พบเฉพาะบนที่ราบยอดภูกระดึงที่ระดับความสูงประมาณ 1,200-1,350 เมตรจากระดับน้ำทะเล พันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ สนสองใบ ก่อเตี้ย ทะโล้ สารภีดอย มะเขื่อเถื่อน รัก ฯลฯ พืชพื้นล่างประกอบด้วย สนทราย ส้มแปะ กุหลาบขาว เม้าแดง พวงตุ้มหู นางคำ ฯลฯ ตามลานหินมีพืชชั้นต่ำพวกไลเคน ประเภทแนบกับหินเป็นแผ่น และประเภทเป็นฟองเรียก ฟองหิน ปกคลุมทั่วไป นอกจากนี้จะพบเอื้องคำหิน ม้าวิ่ง และเขากวาง ซึ่งเป็นกล้วยไม้ที่ออกเป็นกอหนาแน่น พืชล้มลุก เช่น ดาวเรืองภู ว่านคางคก ต่างหูขาว เนียมดอกธูป แววมยุรา หญ้าข้าวก่ำขาว โสภา เทียนภู เปราะภู ดอกหรีด ขนนกยูง หญ้าเหลี่ยม น้ำเต้าพระฤาษี กูดเกี๊ยะ เป็นต้น บนพื้นดินที่ชุ่มแฉะ มอสจำพวกข้าวตอกฤาษีหลายชนิดขึ้นทับถมแน่น คล้ายผืนพรม บางแห่งมีพืชล้มลุกขนาดเล็กหลายชนิดขึ้นปะปนกันแน่น เช่น กระดุมเงิน สาหร่ายข้าวเหนียว ดุสิตา และหญ้าข้าวก่ำ 
ภูกระดึง ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุม เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศประกอบไปด้วยป่าไม้ ทุ่งหญ้าและลำธาร ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่าภูกระดึงมีหลายชนิดที่พบเห็นทั่วไป ได้แก่ ช้างป่า เก้ง กวางป่า หมูป่า ลิงกัง ลิงลม บ่าง กระรอกหลากสี กระแต หนูหริ่งนาหางยาว ตุ่น เม่นหางพวง พังพอน อีเห็น เหยี่ยวรุ้ง นกเขาเปล้า นกเขาใหญ่ นกกระปูดใหญ่ นกเค้ากู่ นกตะขาบทุ่ง นกโพระดกคอสีฟ้า นกตีทอง นกหัวขวานสามนิ้วหลังทอง นกนางแอ่นสะโพกแดง นกเด้าดินสวน นกอุ้มบาตร์ นกขี้เถ้าใหญ่ นกกระทาทุ่ง นกพญาไฟใหญ่ นกกางเขนดง นกจาบดินอกลาย นกขมิ้นดง ตุ๊กแก จิ้งจกหางแบนเล็ก กิ้งก่าสวน จิ้งเหลนบ้าน เต่าเหลือง งูทางมะพร้าว งูลายสอบ้าน งูจงอาง งูเก่า งูเขียวหางไหม้ อึ่งอี๊ดหลังลาย เขียดหนอง คางคก กบหูใหญ่ ปาดแคระ และมีเต่าชนิดหนึ่งซึ่งหาได้ยาก คือ เต่าปูลู หรือ เต่าหาง เป็นเต่าที่หางยาว อาศัยอยู่ตามลำธารในป่าเขาระดับสูงของประเทศไทย กัมพูชา และ ลาว 
 
 
..................................................................
....
 อุทยานแห่งชาติภูกระดึง   
         เป็นของคนไทยทุกคน โปรดช่วยกันรักษาไว้ให้ลูกหลานของเรา
 
 ...........................
 
 
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
หมู่ 1 บ้านศรีฐาน ต.ศรีฐาน  อ. ภูกระดึง  จ. เลย   42180
โทรศัพท์ 0 4287 1333, 0 4287 1458   
............... ........... ............    ...............  ..............  .................				
น้ำตกขุนพอง ..เป็นน้ำตกที่ถือว่าสวยงามที่สุด				
ผาหล่มสัก


      อยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 9 กิโลเมตร เป็นลานหินกว้างและมีสนต้นหนึ่งขึ้นชิดริมผาใกล้กับชะง่อนหินที่ยื่นออกไปในอากาศทางทิศใต้ บริเวณผาหล่มสักนี้มองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาสลับซับซ้อนในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ และเป็นจุดหนึ่งที่จะชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างชัดเจนและงดงามมาก ผู้ที่ไปชมประอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก ควรเตรียมเสื้อกันหนาวและไฟฉายสำหรับใช้ส่องทางเวลาเดินกลับที่พัก ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง				
ผาหล่มสักหนึ่งในจุดชมอาทิตย์อัสดงที่สวยที่สุดในเมืองไทย
         และเป็นหน้าผาที่สวยงามที่มีคนไปรอชมพระอาทิตย์ตกมาที่สุด..
                  ( น่าจะตั้งชื่อว่า ที่สุด ทีสุด นะ อะไรก็ที่สุดไปหมด...)				
พระอาทิตย์ตก....
                ดูภาพนี้แล้วคิดถึงเพลงของคุณอิทธิ พลางกูร นะค่ะ ...เก็บตะวัน.....


                                             เก็บตะวันที่เคยส่องฟ้า
                                                เก็บเอามาเก็บไว้ในใจ
                                                   เก็บพลังเก็บแรงแห่งแสงยิ่งใหญ่
                                                        รวมกันไว้ให้เป็นหนึ่งเดียว...

เก็บเอากาลเวลาผ่านเลย
       สิ่งที่เคยผิดหวังช่างมัน
       หนึ่งตัวตน หนึ่งคน ชีวิตแสนสั้น
       เจ็บแค่นั้นก็คงไม่ตาย
       
                                ธรรมดาเวลาฟ้าครึ้มเมฆหม่น
                                   พายุฝนอยู่บนฟากฟ้า
                                   คงไม่นานตะวันสาดแสงแรงกล้า
                                   ส่องให้ฟ้างดงาม

...หากตะวันยังเคียงคู่ฟ้า
       จะมัวมาสิ้นหวังทำไม
       เมื่อยังมีพรุ่งนี้ให้เดินเริ่มใหม่
       มั่นคงไว้ดังเช่นตะวัน...

(ไม่รู้ว่าเขียนเนื้อเพลงถูกหรือเปล่านะค่ะ.....ถ้าผิดก็แก้ให้ด้วยนะค่ะ...)				
				
ในช่วงเดือนธันวาคม -  มกราคม เมเปิ้ลจะแดงมาที่สุด...
       .......และเดีอนมกราคมถือว่าเป็นเดีอนที่หนาวที่สุดดดดดดดด......
(ไม่เชื่อก็ลองไปสัมผัสดูนะค่ะว่าจะหนาวแค่ไหน.......)				
				
				
ป่าสนยามเช้าที่สายหมอกปกคลุมขาวโพลนดูเหน็บหนาวปนโรแมนติก 
 
 
           #..   น้ำตก พันธุ์ไม้ ป่าไพร เสน่ห์ที่ไม่ไปไม่รู้  ...#



                     .  .  .  .  .  .  .  . . .				
ลานหิน บริเวณองค์พระพุทธเมตตา


     อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง 500 เมตร ลานหินบริเวณองค์พระนี้เป็นจุดชมพันธุ์ไม้บนลานหิน เช่น ดุสิตา กระดุมเงิน เอื้องม้าวิ่ง ที่อยู่ใกล้ที่สุด				
				
น้ำตกเพ็ญ


          เกิดจากลำธารวังกวาง น้ำตกผ่านผาหินรูปโค้ง ในหน้าหนาว ใบเมเปิ้ลที่อยู่บริเวณริมน้ำตกจะร่วงหล่นลอยไปตามผิวน้ำยามแดดสาดส่องผ่านลงมาจะเป็นสีแดงจัดตัดกับสีเขียวขจีของตะไคร่น้ำตามโขดหิน ลำธารวังกวางเป็นต้นกำเนิดน้ำตกที่มีชื่ออีกแห่งหนึ่ง คือ น้ำตกโผนพบ ซึ่งตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่ โผน กิ่งเพชร นักชกแชมป์เปี้ยนโลกคนแรกของชาวไทยในฐานะเป็นผู้ค้นพบคนแรก เมื่อคราวที่ขึ้นไปซ้อมมวยให้ชินกับอากาศหนาว ก่อนเดินทางไปชกในต่างประเทศ				
น้ำตกธารสวรรค์ 

         จากน้ำตกถ้ำใหญ่เมื่อออกสู่ป่าสนไม่ไกลนักจะมีทางแยกบนลานหินสู่น้ำตกธารสวรรค์ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักตามเส้นทางป่าสนผ่านลานองค์พระพุทธเมตตาเพียง 1.6 กม. เท่านั้น เป็นน้ำตกขนาดเล็ก				
				
ป้ายผู้พิชิตภูกระดึง คือความภาคถูมิใจที่สุดของนักท่องเที่ยวค่ะ
     ใครไปแล้วต้องถ่ายรูปกันทุกคนค่ะ....



รู้สึกว่าอยากไปหรือยังค่ะ........
                                        สัมผัสความหนาวค่ะ...				
ถ้าหากไม่อยากหนาวใจก็ควรหาเพื่อนคู่ใจที่รู้ใจขึ้นภูกระดึงด้วยเป็นดีที่สุด....



อุทยานแห่งชาติภูกระดึง   
      เป็นของคนไทยทุกคน โปรดช่วยกันรักษาไว้ให้ลูกหลานของเรา				
ผานกแอ่น จุดชมพระอาทิตย์ขี้นที่มีคนไปชมมากที่สุด...


         อยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวางประมาณ 2 กิโลเมตร และห่างจากหลังแป 2.5 กิโลเมตร ผานกแอ่นเป็นลานหินเล็กๆ มีสนขึ้นโดดเด่นริมหน้าผาต้นหนึ่ง เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามยิ่ง อากาศสดชื่นเย็นสบาย มองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างซึ่งเป็นท้องทุ่งและเทือกเขา เห็นผานกเค้าได้ชัดเจน ริมทางเดินใกล้ผานกแอ่นเป็นสวนหินมีดอกกุหลาบป่าขึ้นอยู่เป็นดงใหญ่ จะบานสะพรั่งเต็มต้นในเดือนมีนาคม-เมษายน ผู้ที่ไปชมประอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น ควรเตรียมไฟฉายสำหรับใช้ส่องทางไปด้วย				
.-***-.     .-***-.      .-***-. 


http://manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9470000096737				
http://www.dnp.go.th/parkreserve/asp/style1/default.asp?npid=11&lg=1


.................

http://www.sabuy.com/hot/phukradung/
เว็ปไซต์ ไทยเทียวไทยค่ะ..../ ภูกระดึง ....				
ถ้าใครอยากดูรายละเอียดเกี่ยวกับภูกระดึงสามารภเข้าไปดํได้ ที่เว็ปข้างบนได้ค่ะ..
       และแหล่งข้อมูล....เยอะมาก และไม่สามารถเอามาลงได้ ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ...
(เก็บมาจากหลายเว็ปมาก แล้วเอามาเรียบเรืยงอีกครั้งค่ะ...)


.-***-.             .-***-.                      .-***-.				
ขอปิดท้ายด้วยลูกหาบก็แล้วกันนะค่ะ...
               

.-***-. .-***-. .-***-. .-***-. .-***-. .-***-. .-***-. .-***-.				
แข็งแรงเกินคำบรรยายค่ะ....



                                .-***-.				
comments powered by Disqus
  • ฉางน้อย

    25 ธันวาคม 2548 20:59 น. - comment id 88619

    .....ไปมาแล้วค่ะ เหนื่อย แต่ก็คุ้มค่าแก่การเดินทางค่ะ เห็นบนยอดภูแล้วร้อง โอ้โฮ้ หายเหนื่อยเลยค่ะ ไปพักที่นั่น 2คืนค่ะ อากาศหนาวค่ะ น่าเที่ยว
    
     หากมีโอกาสอยากไปอีกนะคะ ชอบค่ะ บรรยากาศแบบนี้
  • แสงไร้เงา

    26 ธันวาคม 2548 09:02 น. - comment id 88625

    สวัสดีค่ะน้องฉาง...
    
    ...ขอบคุณค่ะแวะมาทักทาย..
              ถ้ามีโอกาสก็ไปเทียวอีกนะค่ะ
    ..ไทยเทียวไทยค่ะ.......
    
    
                36.gif
  • อิศรา

    28 ธันวาคม 2548 15:46 น. - comment id 88638

    16.gif16.gifยังไม่เคยขึ้นเลยมีแต่ขับรถผ่าน เคยขึ้นแต่ภูหลวงและภูเรือ คงจะสวยกับรูปภาพนะ36.gif36.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน