"รักย่า" จากหลานคนโต

กวีปกรณ์

อีกไม่กี่ชั่วโมงโรงเรียนก็จะเลิกแล้ว คาบเรียนช่วงบ่ายทำไมช่างเป็นเรื่องที่น่าเบื่อขนาดนี้ ผมมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อดึงตัวเองให้ออกไปจากเรื่องเซ็ง ๆ รถวิ่งสัญจรไปมาบ้างแต่ก็ไม่มากนัก ถ้าจะให้พูดจริง ๆ แล้วผมคิดว่าควรจะบอกว่า รถที่สัญจรไปมาน้อยมาก มากกว่า ผมพยายามมองออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะเอาจิตใจเวลานี้ทิ้งไปกับริ้วคลื่นของทะเลบางแสน และคิดถึงช่วงเวลาแห่งความสุขที่ผมและเพื่อน ๆ ได้แอบหนีเรียนเพื่อร่วมเล่นน้ำทะเลด้วยกัน 
                      เฮ้ย..!! มึงนั่งมองอะไรอยู่ว่ะ โทรศัพท์สั่นอยู่นานแล้วไม่รับสายหรอ เพื่อนสนิทซึ่งนั่งข้าง ๆ ผมรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนของโทรศัพท์มือถือจึงกระซิบเรียก และหยิบขึ้นมาส่งให้
                      เออ ขอบใจ ผมตอบไปเพียงสั้น ๆ หลังจากนั้นก็มองหน้าจอดูว่าเจ้าของหมายเลขที่เรียกเข้ามานั้นเป็นใครกัน
                      น่าแปลก...ไม่ใช่เพราะหมายเลขนั้นไม่คุ้นตา หรือมีใครโทรผิดเข้ามา แต่หมายเลขที่แสดงอยู่นั้นกลับเป็นหมายเลขโทรศัพท์บ้านของผมเอง ดังนั้นแล้วจะไม่รับได้อย่างไรเพราะโทรเข้ามาในขณะเรียนอยู่แสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญอะไรแน่ ๆ 
                      หรือพ่อกับแม่จะโทรมาบอกว่าจะไม่อยู่บ้านในวันนี้และพรุ่งนี้ ยังไงดูแลน้องแทนพ่อกับแม่ด้วย ผมคิดในใจว่าต้องเป็นคำพูดนี้แน่ ๆ งานของพ่อกับแม่สำคัญเสมอ ผมเจออย่างนี้จนชินแล้วแหละแต่ปีนี้จะงอแงเป็นเด็กบ้างอยากรู้เหลือเกินว่าจะเป็นอย่างไร 
เมื่อผมกดปุ่มรับสาย เสียงของแม่บอกอาการไม่สู้ดีนัก 
มีเรื่องอะไรจะแย่ไปกว่าการลืมวันเกิดของลูกชายอีกหล่ะ-- ผมคิดในใจ
                     ได้ยินไหมลูก เรียนอยู่ใช่ไหม ถ้าแม่จะขอให้กลับมาจากโรงเรียนตอนนี้เลยจะได้ไหม จะกลับมาถึงบ้านเมื่อไหร่ ถ้าขอลาอาจารย์ออกมาตอนนี้ แม่ถามด้วยเสียงสั่นเครือ 
                      มีเรื่องอะไร ทำไมต้องให้กลับด้วย ถ้าออกจากโรงเรียนตอนนี้ก็ถึงบ้านเกือบ ๆ 5 โมง ใครเป็นอะไรหรือเปล่า ผมถามไปด้วยอาการร้อนรนใจ
                      ลูกฟังนะ ย่าเสียแล้ว ตอนนี้อยู่วัดสัตหีบทุก ๆ คนกำลังไป ว่าจะรอให้เรากลับถึงบ้านแต่คงไม่ทัน ยังไงก็นั่งรถตามไปถึงสัตหีบเลยแล้วกัน มากราบย่าก่อน รีบ ๆ นะลูกกลับมาให้ทัน แม่ตอบ
พอสิ้นเสียงของแม่โลกทั้งโลกเหมือนกับมืดไปสนิท รู้สึกชาไปทั่วทั้งหน้า 
                      ครับจะรีบตามไป ผมตอบได้แค่นั้น แล้วแม่ก็วางสายไป
                       เมื่อดำเนินเรื่องขออนุญาตออกจากบริเวณโรงเรียนก่อนกำหนดได้ ผมรีบเดินทางไปวัดอย่างเร่งรีบเพื่อให้ทันเวลาก่อนที่สับปะเหร่อจะเอาร่างอันไร้วิญญาณของย่าใส่โลง 
                       การเดินทางจากบางแสนถึงสัตหีบก็ใช้เวลานานประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ทำให้ผมได้คิดถึงและทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ทำร่วมกับย่ามากมาย น้ำตาในตอนนั้นไม่แน่ใจเหมือนกันว่าไหลออกมาจากความคิดถึงหรือเสียใจ ผมคิดว่ามันคงปะปนกันไป 
                        ผมจำได้ ย่า เคยพูดและสอนผมในบางเรื่องแม้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่ก็ผูกพันกันพอสมควร แม้ผมจะจำเรื่องราวของได้ไม่ครบนักหรอก ใช่เรื่องราวที่ผ่านมาหลายวัน หลายเดือน หลายปีจะเหมือนกับเรื่องที่ผ่านไปเมื่อวานนี้ได้อย่างไร 
                        ย่าเป็นคนสนุกร่าเริงและบ้าจี้ด้วย ใคร ๆ ก็ชอบเอานิ้วแหย่เอวของย่าแล้วพูดในสิ่งท่อยากให้ย่าทำหรือพูด เหมือนดังต้องมนต์ เมื่อย่าถูกจี้เอวย่าก็จะทำตามคำพูดเหล่านั้น ย่ารักหลาน ๆ ทุกคน ย่าใจดีมาก ๆ กับหลาน ๆ ย่าชอบเล่นกับหลาน บางเรื่องย่าดูเหมือนจะไม่จริงจังอะไร แต่ถ้าเป็นเรื่องของคนในครอบครัวแล้วย่าจะจริงจังเสมอ ทุก ๆ คนรักย่า 
                        พอผมเริ่มโตขึ้นเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ย่ามักจะพูดและสอนอะไรเสมอ บางทีก็ติดตลกเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ให้เครียด จนผมก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ทุกสิ่งที่ย่าพูดบอกกลับเป็นจริงเสมอ ย่าสอนให้ผมรู้จักชีวิตในมุมมองของย่า ย่าเอ็นดูผมถ้าจะให้บอกว่ามากหรือน้อยคงตอบไม่ได้ ด้วยความที่ผมเป็นพี่คนโตในบรรดาลูกพี่ลูกน้องที่เป็นหลานของย่า ย่าก็จะย้ำและคาดหวังว่าผมจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้อง ๆ ได้ 
                        ผมเพิ่งจะเข้าใจว่าจริง ๆ แล้วย่าเป็นผู้หญิงเก่งและจริงจังกับชีวิตมามากเหมือนกัน ก็ตอนที่ย่าป่วยต้องนอนโรงพยาบาล ย่าเหนื่อยและทำงานหนักที่เกาะเสม็ด ย่าเส้นเลือดในสมองแตกเพราะความดันในเลือดสูง หลาน ๆ ทุกคนไปเยี่ยมร่างอันไร้สติของย่า ผมรู้สึกได้ว่าย่าเจ็บ ย่าเจ็บมาก ๆ ผมไม่อยากให้ย่าเป็นอย่างนี้เลย ย่านอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลแค่สัปดาห์กว่า ๆ เอง ไม่น่าเลย...
                         ผมแปลกใจกับตัวเองมากทั้ง ๆ ที่ใครต่อใครก็ตายจากไปจากชีวิตของผมก็หลายคนแต่ความรู้สึกกับต่างกัน ผมยอมรับเรื่องการเกิด แก่ เจ็บ ตาย และไม่เสียใจกับมันมาก แต่ทำไมผมกลับรู้สึกแย่มากมายขนาดนี้กับเรื่องของย่า ผมตอบตัวเองไม่ได้
                          เสียงของกระเป๋ารถโดยสารบอกว่าใกล้ถึงสัตหีบแล้ว ผมเตรียมตัวเพื่อจะลงรถ พอก้าวลงหน้าวัดสัตหีบ ผมเร่งฝีก้าวให้ไวขึ้นเพื่อไปให้ทันกราบร่างของย่าอันเป็นที่รักของผม ผมคิดในใจแล้วว่าผมเตรียมตัวและทำใจได้พอสมควรแล้วระหว่างการเดินทาง แต่พอเอาเข้าจริงกลับไม่เป็นอย่างนั้น 
เมื่อผมวางกระเป๋าและไหว้บรรดาญาติพี่น้อง ก่อนเข้าไปยังศาลาฌาปนสถาน หัวใจที่คิดว่าพร้อมรับการจากไปของย่ากลับร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาจกลั้นทนได้ ผมรดน้ำที่มือของย่าให้ช้าและช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ มือจับมือย่าอย่างถนอมเหมือนไม่ต้องการให้ย่าเจ็บปวดอีก หลังจากนั้นก็ก้มลงกราบแทบเท้าของย่า ผู้มีพระคุณคนนี้ 
                         ในใจเหมือนจะแตกสลาย คิดอย่างเห็นว่าทำไมไม่เป็นคนอื่น ทำไมต้องพรากชีวิตบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของเราจากไปด้วย ผมและบรรดาญาติ ๆ ต่างร้องไห้ระงมดังไปทั่วศาลาแห่งนี้ 
ตอนที่ย่าอยู่ไม่เคยรู้เลยว่ารักย่ามากแค่ไหน ตอนที่ย่าอยู่แทบไม่เคยบอกรักย่าเลย ตอนนี้กลับเพิ่งมารู้ว่าสายก็ต่อเมื่อย่าจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ผมรักย่า ผมรักย่าเหลือเกิน ย่าได้ให้อะไรต่ออะไรกับชีวิตผมมากมาย แม้เป็นเวลาอันสั้นที่เราอยู่ด้วยกันแต่หลาย ๆ เรื่องผมกลับจำฝังไว้จนแน่น แม้ผมจะจำไม่ได้ว่าย่าเคยยิ้มแบบไหน แต่ผมก็ยังพอจะจำอ้อมกอดย่าไว้ได้อย่างไม่มีวันเลือน 
                         จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ก็ประมาณ 5 ปีแล้วแต่พอผมทบทวนเรื่องราวของย่าก็กลับทำให้น้ำตาผมซึมไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะบอกให้พ่อกับแม่พาย่ามาอยู่ด้วยกัน ไม่ให้ย่าทำงานหนัก แต่ยิ่งคิดไปก็ยิ่งเสียใจ เพราะผมก็เพิ่งรู้ตอนที่ย่าเสียเช่นเดียวกันว่า พ่อกับแม่กำลังวางแผนไปรับย่ามาอยู่ด้วยก่อนหน้านั้นเช่นกัน แต่ทุกอย่างก็สายไป ตอนนี้ก็เหลือแต่เพียงอัฐิและรูปของย่าเท่านั้นที่เรานำมาไว้เพื่อระลึกถึง
                        หากย่ายังได้ยินและสัมผัสได้อยู่ไม่ว่า ณ สถานที่ไหน หรือภพใด ผมอยากบอกว่า "ผมรักย่าเสมอ" จากหลานคนโต				
comments powered by Disqus
  • แสงไร้เงา

    17 มกราคม 2549 07:05 น. - comment id 89065

    36.gif...
    
    
               take care...36.gif
  • หลานคนโตเช่นกัน

    21 กรกฎาคม 2553 22:15 น. - comment id 118243

    เข้าใจความรู้สึกของการที่ไม่สามารถกลับไปพูดคุยกับย่าเลยครับ ...
  • จาก หลานคนโตเช่นกัน

    27 มกราคม 2554 01:43 น. - comment id 121922

    จำได้ว่าตอนนั้นผมเข้ามาอ่านโพสต์ "รักย่า" ของ Blog นี้ แล้วประทับใจจนอดไม่ได้ที่จะขอมาแสดงความคิดเห็นด้วยเช่นกัน เนื่องจากผมเองก็กึ่ง ๆ สูญเสียย่า (สมองย่าขาดอ๊อกซิเจน และต้องอยู่ในภาวะที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย) ... จากวันนั้นถึงวันนี้ ย่าผมเองก็เพิ่งเสียไปไม่กี่วันนี้เองครับ ผมเศร้ามากและเศร้ามากยิ่งกว่าตรงที่ย่าผมมาเสียก่อนวันเกิดผมหนึ่งวัน ... ซึ่งเป็นวันที่ผมรอให้ผมกับย่าได้อยู่ในเหตุการณ์แห่งความสุขที่ผมเคยได้จากย่ามาตลอดทุกปีวันเกิดของตัวเอง ... แต่สุดท้าย ย่าก็พยายามครับ ... แต่ความพยายามของย่าก็มีขีดจำกัด และท่านก็ได้จากโลกนี้ไป ในวันก่อนวันเกิดของผม แต่ผมก็คิดถึงและยังคงรักย่าของผมตลอดไปครับ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน