ไหว้คุณครู ผู้จากไปไกล.........

กชมนวรรณ

เมื่อบ่ายวาน ฉันเห็นเด็กนักเรียนวิ่งหาดอกไม้เพื่อทำพานไหว้ครู กันวุ่นแล้วทำให้นึกถึงช่วงตอนวัยเรียนช่วงหนึ่งซึ่งเป็นช่วงที่ประทับใจที่สุดอาจารย์ท่านหนึ่งเคยบอกกับพวกเราว่า
       "ขอให้พวกเธอ จงจำช่วงเวลานี้ของวัยไว้ให้ดี ต่อไปเมื่อพวกเธอมีภาระหน้าที่และวัยที่มากขึ้น พวกเธอจะมีความทรงจำที่งดงามยามที่คิดถึงเสมอ"
มาถึงวันนี้ ศิษคนนี้เป็นแบบนั้นแล้วค่ะอาจารย์อยากจะบอกอย่างนี้ แต่ไม่ได้บอกเพราะอาจารย์จากพวกเราไปไกลแสนไกล...
          คืนวันนั้น เป็นวันเข้าค่ายเนตรนารี ครั้งแรกของฉันอาจารย์ให้หัดเดินทางตอนกลางคืน โดยใช้เส้นทางถนนสายใหม่ที่เพิ่งตัดเสร็จใหม่ๆ ยังไม่เปิดใช้เป็นทางการในช่วงนั้น เรา 3 หมู่เนตรนารี เดินตามแผนที่ที่ได้รับโดยกลุ่มของฉันเดินรั้งท้ายและฉันเดินท้ายสุดเพราะเป็นรองหัวหน้าหมู่ ฉันเดินไปกลัวไปเพราะเดินท้ายสุด สักพักมีมือมาสะกิดที่หลังฉัน หนัก ๆ ฉันหันไปมองโดยอัตโนมัติ แล้วฉันโปงสีขาวโพลน อยู่ข้างหลัง ฉันร้อง "กรี๊ด........"  สุดเสียงพร้อมทิ้งตัวลงนั่งร้องโฮๆๆๆ   เพื่อนๆ ก้อพากันตกใจ ครู่เดียวฉันรู้สึกมีคนมากอดแล้วลูบหัวแรง ๆ เพื่อเรียกสติ พร้อมได้ยินเสียง
          "ไม่ต้องกลัว ๆ นี่ครูเองนะ ไม่ต้องกลัว นี่ครูเอง"
ฉันลืมตาขึ้นมองเห็นอาจารย์ภิญโญ ซึ่งเป็นอาจารย์ที่คุมการเข้าค่ายครั้งนี้ของเรานั่งหน้าขาวโพลน พร้อมจับหัวฉันลูบอยู่ ทั้งได้ยินเสียงหัวเราะของท่านและเพื่อน อย่างสนุกสนานบนความกลัว...อย่างแรง...ของฉัน
               ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา อาจารย์ก็เอาเรื่องนี้ของฉันมาล้อในห้องเรียนบ่อย ๆ จนกลายเป็นเรื่องขำของเพื่อนๆ เรื่องน่าอายของฉันไปเลยทีเดียว    อาจารย์ภิญโญ เป็นผู้ชายร่างสันทัด ผอม ใบหน้าจะมีรอยยิ้มตลอดสอนวิชาคณิตศาสตร์และมีภรรยาเป็นอาจารย์สอนคณิตฯ ที่นี่เหมือนกัน  มีเรื่องขำ ขำ
มาเล่าในชั้นเรียนบ่อย ๆ เป็นอาจารย์ที่มีอารมณ์ดีมากๆ แม้เวลาท่านจะด่าก็ด่าแบบอารมณ์ดี เจ็บๆ แสบๆ คันๆ แต่จำไปนานทีเดียว เวลาสอนบางวันเข้ามาก็สอนตัวอย่างก่อน แล้วสั่งให้พวกเราทำแบบฝึกหัด แล้วอาจารย์ก็ลงไปนั่งขายของที่ห้องสหกรณ์ ก่อนพอจะหมดคาบเรียนท่านขึ้นมาสั่งการบ้านแล้วเลิกชั้นเรียน พวกเรามักเอาเรื่องนี้มาแซวอาจารย์เล่นเหมือนกัน ทำให้ความผูกพันระหว่างกลุ่มเราและอาจารย์ผูกพันกันมากยิ่งขี้น บางวันตอนพักเที่ยงทานข้าวเที่ยงกันเสร็จพวกเราก็จะไปช่วยอาจารย์ขายของในห้องสหกรณ์ พร้อมรับแจกขนมเล็กๆ น้อยๆ จากอาจารย์ แต่ทำให้พวกเราอิ่มและมาจนถึงทุกวันนี้   พวกเราแต่ละคนจะได้รับฉายาจากอาจารย์กันทุกคน เช่น ไอ้ลูกหนุนกุด,ไอ้ดำตับเป็ด แล้วแต่คำที่อาจารย์จะนึกว่าคนไหนมีบุคลิกอันน่ารักแบบไหน จนบางคนกลายเป็นชื่อเล่นไปก็มี แบบถ้าเอ่ยชื่อนี้จะนึกได้ทันทีว่าเป็นคนนี้โดยไม่ต้องเอ่ยชื่อจริงกันเลย ฮา
                  พวกเราเรียนหนังสือที่นั่นถึง 6 ปีทั้งทำกิจกรรม ทัศนศึกษาร่วมกับอาจารย์จนสนิทและผูกพันกันมากขึ้น สามารถปรึกษาอาจารย์ได้ในทุกเรื่องจนพวกเราเรียนจบ ม.6  ออกมาพร้อมวุฒิ ม.6 และรูปถ่ายอันสุดหล่อของอาจารย์พร้อมลายเซ็นและคำอวยพรอันประเสริฐของอาจารย์คนละใบ ฉันเอามาเก็บไว้อย่างดี แต่ปี 43 น้ำท่วมหนัก บ้านฉันก็โดนเสียหายไปเกือบทั้งหลัง รวมทั้งรูปถ่ายของอาจารย์ด้วย น่าเสียดายมากๆ พอจบ ม.6  ฉันและเพื่อนสนิทหันมาเรียนการบัญชี เรียนได้ปีหนี่งได้รับข่าวร้ายของอาจารย์ภิญโญ ว่าท่านป่วยเป็น" โรคลูคีเมีย"   มะเร็งเม็ดเลือด! พวกเราตกใจมาก มีคนข้างบ้านก็เพิ่งจะเสียไปด้วยโรคนี้ด้วยในตอนนั้น ทำให้ข่าวนี้ช๊อก พวกเรามาก เลยนัดกันไปเยี่ยมอาจารย์ในวันรุ่งขี้น หลังเลิกเรียนเพราะโรงเรียนกับโรงพยาบาลอยู่ใกล้กัน
                      พอพวกเราไปถึงที่เตียงที่อาจารย์นอนรักษาตัวอยู่ อาจารย์หันมาเห็นรีบลุกขึ้นนั่ง พร้อมรอยยิ้มฉีกกว้างมากๆ (ฉันยังจำได้ดี) พร้อมเล่าถึงอาการป่วยของอาจารย์ และสรุปให้พวกเราฟังด้วยว่า 
                     "หมอ บอกว่า ครูต้องหายแน่นอน นี่หมอรับรอง 80% เลยนะดีนะที่มาเจอในระยะแรก รับรองครูหายแน่นอน"
                     "การแพทย์เดี๋ยวนี้ก็ ก้าวหน้าไปเยอะ หายแน่ๆ"
วันนั้นพวกเรากลับบ้านพร้อมด้วยความคิดที่ว่าอาจารย์ต้องหายแน่ๆ ตามที่บอกหลังจากวันนั้น พวกเราก็ไม่ได้ไปเยี่ยมอาจารย์อีก ต่อมาสักเดือน กว่าๆ จากวันนั้นพวกเราได้รับข่าวใหม่ของอาจารย์ที่ชีอก กว่าครั้งแรกอีกว่า อาจารย์ภิญโญ เสียแล้ว พวกเราอึ้งพร้อมรู้สึกผิดว่าไปเยี่ยมอาจารย์แค่ครั้งเดียว ทั้งที่โรงพยาบาลกับที่เรียนไกล้กันนิดเดียว...
                      เรานัดกันไปงานศพ อาจารย์ฉันจุดธูปกราบอาจารย์พร้อมคำถามในใจว่า "เห็นอาจารย์บอกพวกเรา ว่าหายแน่นอนนี่ค่ะ แล้วทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้" พร้อมทั้งขออโหสิกรรมต่ออาจารย์เป็นครั้งสุดท้ายเพราะพวกเราอาจล่วงเกินอาจารย์ไปบ้างโดยไม่รู้ตัวและด้วยวัยที่ยังเยาว์อยู่ในตอนนั้น...ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่อาจารย์สอนให้พวกเราให้รู้จักการจากไปของบุคคลอันเป็นที่เคารพรัก อีกแบบ ซึ่งมันเศร้าไม่แพ้การจากของบุคคลอันเป็นที่รักของเราคนอื่นๆ เลย...
                         วันนี้ตอนเช้าฉันลุกขึ้นเตรียมของพร้อมตักบาตร อุทิศส่วนกุศลให้กับอาจารย์ภิญโญ ที่ฉันยังระลึกถึงและยังฝันถึง อยู่เสมอ ถ้าอาจารย์ยังอยู่หนู(ยังติดคำนี้อยู่ค่ะ) ขอใช้วันนี้และโอกาสนี้ไหว้คุณ คุณครูแม้จะช้าไปนิดสำหรับการไหว้ครูในช่วงเช้าแต่ด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบทำให้ได้ทำในช่วงบ่ายแต่คิดอยู่ตลอดเวลาค่ะ  ในปีนี้ฉันดีใจที่ได้ระลึกถึงคุณ คุณครูเป็นตัวอักษร ด้วยค่ะถ้าอาจารย์ยังอยู่ขอให้อาจารย์จงตกอยู่ในที่สุข ค่ะ
                                                        รักและอาลัยยิ่ง				
comments powered by Disqus
  • สุญญะกาศ (ขาดล็อคอิน)

    15 มิถุนายน 2550 01:21 น. - comment id 96563

    34.gif
      สังขารคนเราไม่เที่ยง   
      ร่วมไว้อาลัยขอรับ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน