เรื่องหลอกเด็ก.. (ตอนที่ 1)

หมอกจาง

ผมเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่บ้านใหม่ได้ไม่นาน หลังจากใช้ชีวิตสามปีที่ผ่านมาพักอยู่ในอพาร์ทเม้นท์รูหนู ผมกับเพื่อนตัดสินใจชวนกันมาเช่าบ้านอยู่โดยแชร์ค่าเช่าบ้านกันคนละครึ่ง บ้านหลังนี้เป็นบ้านชั้นเดียว มีสองห้องนอน มีสนามหญ้าเล็กๆหน้าบ้าน ตัวบ้านอยู่ติดกับถนน กั้นด้วยรั้วเล็กๆสีขาว หน้าต่างห้องนอนห้องผมเป็นกระจกใสบานใหญ่หันเข้าหาถนน ทำให้ผมสามารถมองเห็นอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นด้านนอก ขณะที่คนข้างนอกก็มองเห็นผมเช่นกัน นึกจะหาม่านหรือบังตามาติด เพราะมันทำให้ผมรู้สึกไม่เป็นส่วนตัว แต่ก็ยังไม่ได้หามาติดเสียที
   คืนแรกที่ผมย้ายเข้ามาอยู่ ผมหลับสนิทเป็นตาย คงเป็นเพราะเหนื่อยจากการขนข้าวของจากที่เก่ามาที่ใหม่ วันที่สองที่สามเราวุ่นกับการจัดข้าวของ แล้วก็ชวนเพื่อนๆมาเฮฮาฉลองบ้านใหม่กัน ก็หลับกันไปคาวงเหล้าทั้งสองคืน..  จวบคืนที่สี่ผมจึงเพิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติ
   คืนนั้นผมนั่งทำงานอยู่คนเดียวในห้อง พิมพ์อะไรก๊อกๆแก๊กๆอยู่ ผมรู้สึกว่ามีใครบางคนจ้องมองผมจากทางด้านนอก ผ่านหน้าต่างกระจก.. ผมหันไปมอง ด้วยความที่ด้านในห้องสว่างและถนนด้านนอกค่อนข้างมืด ทำให้ลำบากทีเดียวที่จะมองอะไรให้ชัด และเมื่อผมมองออกไปสิ่งเดียวที่ผมเห็นคือเงาสะท้อนของตัวเอง.. ผมเปิดหน้าต่างกระจกออกดูเพื่อความแน่ใจ ไม่มีใครอยู่ข้างนอก ผมกลับมานั่งทำงานต่อ แต่ความรู้สึกนั้นมันก็ยังรบกวนผมอยู่ จนไม่มีสมาธิที่จะทำงาน เหมือนมีใครมองผมอยู่ทางด้านนอก ยืนอยู่ตรงหน้าต่างมองนิ่งเข้ามาที่ผม นิ่งอยู่อย่างนั้น...
โว้ย.. ผมผลุนผลันเปิดประตูห้องออกไป จ้ำผ่านห้องโถงที่เพื่อนผมมันนั่งดูทีวีอยู่ เปิดประตูหน้าบ้านออกไป.. ไม่มีใครสักคนแถวนั้น ถนนเงียบเชียบไม่มีรถราวิ่งผ่าน ผมรู้อยู่แล้วว่ามันคงไม่มีใคร มันคงเป็นแค่ความรู้สึกของผมเอง..
เป็นอะไรไปวะ มีอะไร? เพื่อนผมที่เดินตามออกมาถามด้วยท่าทางงงๆ
ไม่มีอะไร เบื่อๆนิดหน่อยว่ะ ผมไม่ได้เล่าอะไรให้เพื่อนฟัง เพราะมันดูไม่สลักสำคัญอะไรนัก
อย่าเครียดนักมึง พักๆมั่งก็ได้ เพื่อนเตือนด้วยสายตาที่เป็นห่วง ก่อนจะกลับเข้าไปนั่งดูทีวีต่อ ผมตัดสินใจหยุดทำงาน เข้าไปนั่งดูทีวีกับเพื่อน จนดึกค่อยกลับเข้าไปนอน ความรู้สึกนั้นหายไป ความรู้สึกที่ว่ามีใครยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ผมหลับสนิทไปจนเช้า..
   คืนต่อๆมา เมื่อผมนั่งลงที่โต๊ะ และเริ่มต้นทำงาน หลังจากที่ผมทำงานไปได้สักพักผมก็จะรู้สึกแบบเดิม รู้สึกว่ามีใครบางคนจ้องผมอยู่ทางนอกหน้าต่าง นิ่งอยู่อย่างนั้น.. จ้องอยู่อย่างนั้น.. ทุกคืน ทุกคืน จนผมไม่สามารถทำงานได้ วันนึงที่ผมลุกออกจากห้องไปนั่งดูทีวีกับเพื่อน เพื่อนมันก็เอ่ยปากถาม
มีอะไรรึเปล่าวะ ช่วงนี้มึงดูแปลกๆ ผมคงแปลกไปจนมันสังเกตได้ เพราะทุกครั้งที่ผมหงุดหงิดกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ผมจะงุ่นง่านเดินเข้าเดินออกห้อง บางทีก็ออกไปเดินวนรอบบ้าน เพื่อนมันก็ไม่ถามอะไร จนวันนี้มันคงทนแปลกใจไม่ได้เลยเอ่ยปากถาม ผมมองหน้าเพื่อน ชั่งใจ..
ไม่รู้มึงจะว่ากูบ้าไหม..
เออ..มึงเล่ามาก่อนเหอะ ผมเลยเล่าเรื่องที่ผมรู้สึกให้มันฟัง มันนั่งฟังเงียบๆ ไม่ขัดจังหวะ พอผมเล่าจบมันก็ถาม
ถ้ามีใครมองมึงอยู่นอกกระจก แค่มึงหันไปมึงก็ต้องเห็นไม่ใช่เหรอ
ใช่.. แต่มึงอย่าลืมว่าถ้าข้างนอกมันมืด แล้วข้างในมันสว่างน่ะ มันจะมองไม่ค่อยเห็นหรอก แล้วพอเวลาที่มึงรู้สึกว่ามีคนมองมึงอยู่ แต่มึงก็ไม่แน่ใจว่ามีใครยืนอยู่ตรงนั้นหรือเปล่าน่ะ มัน.. ผมยกมือขึ้นแบสองข้าง แล้วทิ้งลงข้างตัว..
เอางี้.. เพื่อนมันพูดขึ้นหลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
ถ้ามึงรู้สึกว่ามีใครมองมึงอีก มึงเรียกกูแล้วกัน
..
   หลังจากคืนนั้น ผมไม่รู้สึกถึงการมีใครจ้องมองอยู่ร่วมอาทิตย์ บางทีผมอาจเพียงคิดมากไปเอง.. แต่ไม่ใช่ ในคืนวันศุกร์ ความรู้สึกนั้นก็กลับมาอีกครั้ง
เฮ้ย เต้ เข้ามาในนี้หน่อยว่ะ ผมตะโกนเรียกเพื่อน
มีอะไรวะ
กูรู้สึกแบบเดิมอีกแล้ว ผมลดระดับเสียงลงจนเกือบเป็นกระซิบ กูรู้สึกว่ามีใครมองกูอยู่นอกหน้าต่างนั่นน่ะ
เพื่อนผมผลุนผลันออกไปเปิดประตูบ้าน
ไม่มีใครเลยว่ะ มันตะโกนเข้ามา ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผมรู้อยู่แล้ว ทุกทีมันก็ไม่เคยมีใคร.. สักพักเพื่อนก็เดินกลับเข้ามาในห้อง
มึงยังรู้สึกว่ามีใครจ้องมึงอยู่หรือเปล่า.. มันถาม
ยังรู้สึกอยู่ว่ะ เพื่อนผมนั่งนิ่งไปพักนึง หลับตาพยายามที่จะสัมผัสความรู้สึกนั้น..
กูไม่เห็นรู้สึกอะไร มึงคิดไปเองหรือเปล่า
กูก็ไม่รู้ ก็แค่รู้สึก แล้วมันก็รบกวนกูจนไม่เป็นทำอะไรนี่แหละ ผมหงุดหงิด
เฮ้ย..ใจเย็น มันตบบ่าผมเบาๆ ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปคิดอะไรมาก แล้วเดี๋ยวมันก็หายไปเอง มึงเชื่อกู มันกลับไปห้องมัน ผมปิดไฟนอน พยายามไม่คิดอะไรมากอย่างที่มันบอก ข่มตาหลับลงไป..
   กลางดึกคืนนั้นเอง ที่ผมไม่สามารถทำใจเชื่อได้อีกต่อไปว่ามันไม่มีอะไร..  ผมตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก หลังจากกลับจากห้องน้ำ ผมรู้สึกได้ถึงการมีคนจ้องมองอยู่อีกครั้ง ในห้องค่อนข้างมืด มีเพียงแสงไฟสลัวๆจากหัวเตียง ทำให้ผมสามารถมองออกไปข้างนอกได้ชัดขึ้น นอกหน้าต่างว่างเปล่า บนถนนที่ที่ดูเหลืองซีดด้วยแสงไฟจากเสาไฟฟ้าก็ว่างเปล่า แต่ขณะที่ผมทอดสายตาสอดส่ายออกไปข้างนอก ที่กระจกหน้าต่างห้องผมก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
   เคยสังเกตไหม ในวันที่อากาศเย็นๆ ถ้าเราเอามืออุ่นๆของเราไปทาบที่กระจก แล้วยกออก เราจะเห็นรอยมือของเราปรากฏเป็นฝ้าอยู่บนกระจกครู่หนึ่ง แล้วค่อยๆเลือนหาย.. และนั่นคือสิ่งที่ผมเห็นในคืนนั้น ขณะที่ด้านนอกเงียบงันและว่างเปล่า กระจกหน้าต่างห้องผมเริ่มขุ่นมัวด้วยฝ้าอะไรบางอย่าง และเมื่อผมเพ่งมอง มันก็ทำให้ผมเย็นวาบไปทั้งตัว..  มันเป็นรอยมือเล็กๆคู่หนึ่ง เหมือนมีใครอยู่ตรงนั้น ทาบสองมือลงบนกระจก รอยมือทั้งสองห่างกันสักครึ่งเมตร  และขณะที่ผมยืนนิ่งอ้าปากค้าง ตรงกึ่งกลางระหว่างรอยมือทั้งสอง ก็ค่อยๆมีฝ้ากลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้น คล้ายใบหน้า มีตา ปาก และจมูก ใครบางคนแนบหน้าลงบนกระจก.ใครบางคนกำลังมองเข้ามาข้างใน..
เฮ้ย!!! ผมแผดเสียงออกมาลั่นบ้าน ผลุนผลันออกจากห้อง เคาะประตูห้องเพื่อนถี่ยิบ
เฮ้ย!! เปิดหน่อยๆ
เป็นอะไรวะ ร้องซะลั่นเลย มีอะไร..
กูนอนด้วย ผมไม่พูดพล่ามทำเพลงโดดขึ้นเตียงคลุมโปงจนถึงเช้า.
.
   เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์ ผมไม่ต้องไปทำงาน เพื่อนถามถึงเรื่องเมื่อคืน ผมเล่าให้มันฟังทั้งหมดที่ผมเห็น..
มึงเชื่อกูมั้ย..
เชื่อ มันว่า ยกกาแฟในมือขึ้นจิบ กูเห็นหน้ามึงเมื่อคืนกูก็เชื่อแล้ว
ตลอดทั้งวันเราไปถามไถ่คนแถวนั้น ตลอดจนโทรไปหาเจ้าของบ้านเช่า ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าบ้านหลังนี้ไม่เคยมีประวัติด้านผีๆสางๆมาก่อน
งั้นที่กูเห็นมันอะไรล่ะ ผมกังขา
ไม่รู้ว่ะ เพื่อนสรุป				
comments powered by Disqus
  • ..สีน้ำฟ้า..

    5 พฤษภาคม 2546 14:13 น. - comment id 68636

    อื๋ออออ..
    
  • แม่มดน้อยค่ะ

    6 พฤษภาคม 2546 05:17 น. - comment id 68643

    โ ห ย ! ! !  สุ ด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ 
    ทำ ไ ม แ ก ล้ ง กั น งี้ อ่ ะ ค่ ะ. . .
    แ ก ล้ ง ใ ห้ ตื่ น เ ต้ น แ ล ะ ก็ อ ย า ก รู้ ว่ า คื อ อ ะ ไ ร กั น แ น่  
    ต่ อ ม ค ว า ม อ ย า ก รู้ มั น ทำ ง า น ถี่ ม า ก เ ล ย น ะ ค่ ะ 
    แ ถ ม ยั ง รู้ สึ ก ส ย อ ง ๆ   นิ ด ๆ   ด้ ว ย  
    ไ ม่ ใ ช่ ผี ก็ เ ห อ ะ   นึ ก ดู เ ซ่   อึ๋ ย ! ! 
    
    เ ขี ย น ดี ม า ก ๆ   เ ล ย น ะ ค่ ะ   
    ติ ด ใ จ ตั้ ง แ ต่ เ จ้ า ห ม า ที่ มั น เ ห่ า ดั ง ที่ สุ ด ใ น โ ล ก แ ล้ ว
    พ อ เ ห็ น พี่ โ พ ส เ รื่ อ ง ใ ห ม่ ก็ รี บ เ ข้ า ม า อ่ า น ทั น ที เ ล ย ค่ ะ. . . 
    แ ล ะ ก็ ไ ม่ ผิ ด ห วั ง จ ริ ง   ๆ ด้ ว ย . . .  ลุ้ น ๆ ๆ ๆ
    
    จ ะ ร อ อ่ า น ต อ น ต่ อ ไ ป น ะ ค่ ะ   รี บ โ พ ส น ะ ค่ ะ   
    คื อ   อ ย า ก รู้ ม า ก ค่ ะ อ ะ ไ ร จ้ อ ง เ ค้ า กั น แ น่  ??
                                         (._.?)
    
    อุ๊ย!! แต่เรื่องหลอกเด็กเนี่ย อิอิ. . .หลอกคนอ่านอยู่ป่าวนาาาา???
    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
                                  
                             =^________^=
    
  • หมอกจาง

    6 พฤษภาคม 2546 11:21 น. - comment id 68645

    อื๋ออออ... ด้วย
    ว่าแต่ว่า อื๋อออ อะไรล่ะสีน้ำฟ้า  :)
    
    ขอบคุณมาก แม่มดน้อย สำหรับกำลังใจ อ่านไปก็ตัวพองไป..   :)
  • ช็อกโกแล็ต

    16 เมษายน 2550 23:12 น. - comment id 95680

    น่ากลัวค่ะ 10.gifล
    
    ชอบจังพี่หมอกจาง 
    
    อ่านงานย้อนหลังค่ะ อิอิ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน