15 พฤษภาคม 2553 18:30 น.

...เพื่ออะไร..?...

แดนไกล ไลบีเรีย



ภูมิใจกับการห้ำหั่นกันใช่ไหม
เพียงซาบเลือดที่หลั่งไหลไม่รู้จบ
เยาะเย้ยหยันผู้แพ้, "แกบัดซบ"
แล้วหัวร่อเกลื่อนกลบด้วยสะใจ

เพียงเงื้อมีดทิ่มแทงอย่างถ่อยเถื่อน
ลิ้มรสเลือดฝาดเฝื่อนแล้วหวนไห้
คำรามกู่ "กูชนะ" อยู่ร่ำไป
แต่ลึกในใจบอดบ้า กูฆ่าคน...

เพื่ออะไร....
ไร้คำตอบมอบให้, ไร้เหตุผล
เพียงต่างสีที่สุดจึงหลุดพ้น
แหละคำตอบเวียนวน วุ่นว้าใจ

แค่เครื่องมือต่อรองของคนชั่ว
ผูกผ้าสีต่างขั้วก็กรูใกล้
ยิ่งปะทะ ยิ่งปะทุ คุเพลิงไฟ
มีแต่ไหม้ มีแต่ไหม้ ..()...




Re-Update: 14 May 10				
12 พฤศจิกายน 2551 05:56 น.

คนบ้า....รัก!!

แดนไกล ไลบีเรีย



คนบ้า....รัก!!




เคยรู้สึกอย่างฉันกันบ้างไหม
เมื่อเวลาร้องไห้, น้ำตาเอ่อ
ซึ่งโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาในเงาเพ้อ
แล้วละเมอถึงใครด้วยใจชา


ทีละหยดรดหลั่ง, ฝังรอยร้าว
และรานรวดกับเรื่องราวจนผ่าวหน้า
มันไม่จริงใช่ไหม...ในแววตา
การจากลาเริงระบำอยู่ย้ำใจ


บอกฉันมา....บอกฉันมา....
นี่เป็นเพียงภาพมายา...ใช่ไหม?
นี่คงเป็นเพียงฉันเผลอฝันไป
ไม่ใช่...มันไม่ใช่....ใช่ไหมเธอ!!!!!



(ในมุมอันโดดเดี่ยว....มีเพียงฉัน
วันต่อวัน..บ้าบอ...รอเก้อ
เพียง "คนบ้า" หนึ่งคนบ่นพร้ำเพ้อ
ใจโหยหา "รักละเมอ" อยู่เท่านั้น....

เพียง "คนบ้า" คนหนึ่งคิดถึงเธอ
แหละสายตาพร่าเหม่อ....เก้อรอรัก!!!) 



				
26 กันยายน 2551 01:48 น.

คำขอโทษ : ความในใจต่อสหายรัก

แดนไกล ไลบีเรีย



คำขอโทษ : ความในใจต่อสหายรัก



๑) มิตรสหาย.....
เราเคยจักทักทายกันกี่หน
ในระหว่างความสัมพันธ์อันวกวน
คนต่อคนต่างพบหน้าอยู่เช้าเย็น

ข้าแปลกใจ, ท่านเองคงแปลกใจ
ก็เมื่อในไมตรีที่เราเห็น
กลับพบความนิ่งเงียบและเยียบเย็น
แหละซ่อนเร้นความห่างเหินเกินใจรู้

ต่างคนต่างมิพูดจา
ตาต่อตาหลบเลี่ยงจากกันอยู่
นับวัน, ผันผ่านประมาณดู
ก็ล่วงสู่ครบปีที่โกรธกัน

ยังจำได้หรือไม่...สหายรัก
เราเคยต่างทายทัก, ต่างรักมั่น
“เพื่อนสนิท” สนิทใจในผูกพัน
ถักไมตรีวันต่อวัน....เป็นนานปี

ท่านยังจำได้หรือไม่…
เราต่างร่วมผจญภัยในหลายที่
พบความทุกข์หนักหนาก็ว่าดี
เราต่างมีเพื่อนรู้ใจอยู่ใกล้กาย





๒) เพียงเพราะความผิดใจในชั่วขณะ
ข้ากับท่าน, พันธะก็ห่างหาย
ราวเหมือนเราต่างไม่รู้จัก ไม่ทักทาย
แหละต่างฝ่ายต่างไม่กล้าสบตามอง

ต่างมิเอ่ยคำขอโทษ...ต่างโกรธเคือง
จนเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเกี่ยวข้อง
ต่างขาดซึ่งวิสัยการไตร่ตรอง
พาลก็พ้องเหตุผลของตนเอง

(...ซึ่งนั่น, ข้าเองแหละฝ่ายผิด
ที่มัวแต่ขบคิด, คร่ำเคร่ง
จมปลักในห้องขังความวังเวง
มิเปิดรับเสียงเพลงดอกไม้บาน

มิรับรู้ความห่วงใยจากภายนอก
ถึงข่าวสารวานบอกสหายผ่าน
ข้าเก็บตัว ข้าจมปลักอยู่ดักดาน
ข้ามองท่านผิดไปในตอนนั้น...)

ทั้งทั้งที่ตอนนั้นท่านห่วงข้า
ข้าก็กลับมองว่าท่านเย้ยหยัน
ทั้งทั้งที่ท่านให้น้ำใจปัน
ข้าก็กลับเมินมัน, พลันตอบไป

ว่า “ข้าอยากอยู่คนเดียว
เปล่าเปลี่ยวลำพังยังอยู่ได้
สำคัญหรือ ไอ้ความหวังกำลังใจ
ท่านจงโปรดเก็บไว้ ข้าไม่ต้องการ!!!!...”

.............................................
.............................................
.............................................
.............................................





๓) ข้าผิดไปแล้ว, ข้ารู้ดี...
จนเวลาปีกว่าปีที่ล่วงผ่าน
เพิ่งรู้สึกนึกได้ก็เมื่อวาน
เมื่อได้อ่านจดหมายท่านให้มา

พลันเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึก
กับถ้อยคำลุ่มลึกที่ตรงหน้า
“.....อย่าเครียดจนเกินไป จงใช้เวลา
ค่อยทบทวนตำรา ทีละน้อย

รู้อยู่ว่านายหวังตั้งเป้าหมาย
เกินกว่าป่ายปีนมุ่ง, สูงสุดสอย
หักโหมจนเลือนคิ้วต่างริ้วรอย
ความกดดันนับร้อยซ่อนภายใน

จึงอยากให้นายน่ะพักซะบ้าง
ใช่ฝืนทนจนรุ่งสางยังอ่านไหว
อดหลับอดนอนเกือบทุกวันมันเกินไป
เราเป็นห่วงจากใจ......จาก เพื่อนนาย.....”





๔) ไม่มีคำพูดใดในตอนนี้
ขณะที่อ่านถ้อยความตามจดหมาย
กระอักใจเกินใจจะบรรยาย
ความรู้สึกช่างคล้ายคล้าย ข้าไม่ดี

ข้าอยากจะขอโทษ...จากสำนึก
ด้วยรู้สึกแห่งใจอันไหลปรี่
ไม่มีสิ่งสำคัญใดเท่าไมตรี
อันผูกพันนานปีระหว่างเรา

นะ...ข้าหวังว่าท่านคงยกโทษ
คงคลายความเคืองโกรธอันโขดเขลา
แหละที่สุด หวังว่าท่านคงบรรเทา
ความโศกเศร้าที่ข้าสร้างให้หมางใจ

แหละก็หวังว่าท่านจะรับทราบ
คำสารภาพของมิตรผู้ชิดใกล้
อันกลั่นกรองเป็นถ้อยร้อยความนัย
(ถ้าดูเหมือนพล่ามมากไป....อย่าว่ากัน)

หายโกรธเถิดนะ...สหายรัก
แล้วเราจักกลับมาสนิท, มาชิดมั่น
เหมือนอย่างเดิมที่ผ่าน เหมือนวานวัน
ป่ะ ไปกินข้าวกัน, ข้าเลี้ยงเอง....




...กูขอโทษด้วยนะเว่ย ไอ้เพื่อนยาก...



				
15 เมษายน 2551 02:28 น.

ทิพาวัลย์ ...[คุณครูที่มีแต่ความหวังดีต่อศิษย์เสมอมา]

แดนไกล ไลบีเรีย




ทิพาวัลย์ ...
[คุณครูที่มีแต่ความหวังดีต่อศิษย์เสมอมา]


 


ฉันเองก็ไม่รู้....!!!!
ที่จู่จู่เธอกับฉันพลันพบหน้า
ทั้งที่เราต่างยุคสมัย,วัย,เวลา
ทั้งที่เราต่างที่มา...เราต่างกัน

 
จึงน่าบังเอิญยิ่งนัก....
ที่เราได้มารู้จัก ได้รักมั่น
บนเสี้ยวโลกซีกหนึ่งซึ่งผูกพัน
ทั้งทั้งที่โลกนี้นั้นช่างกว้างเกิน

 
อาจจะเป็นเพราะโชคชะตา....
ฟ้าทั้งฟ้า กว้างกว่ากว้าง สุดห่างเหิน
แต่...ที่สุดเราก็ต่างร่วมเผชิญ
แหละต่างร่วมทางเดิน...ร่วมเดินทาง

 
ในเส้นทางที่เราได้ยึดมั่น
เส้นทางที่เธอกับฉันร่วมสรรค์สร้าง
ก้าวละก้าว ฉับไวไม่ละวาง
ก้าวที่ก้าวเราจึงต่างถึงเส้นชัย

 
จึงรู้สึกว่าผูกพัน....
ก่อเกิดในช่วงวันอันชิดใกล้
แม้ดูเหมือนว่าวันวารที่ผ่านไป
อาจสั้นนักที่หัวใจรู้จักดี

 
ฉันเองก็ไม่รู้...
ที่จู่จู่ความรู้สึกก็ไหลปรี่
ภาพทรงจำของความคิดถึงในหนึ่งปี
ก็ยังคงหลากสี, แหละสวยงาม

 
ยังคิดถึงเธอเสมอ...
ไม่ว่าเธออยู่ที่ใด, ยังไต่ถาม
สบายดีหรือเปล่า, เราเฝ้าตาม
เหนื่อยหรือเปล่าในยามเธอท้อใจ

 
คิดถึงเธอจริงจริงนะ, ทิพาวัลย์...
และยังเสมอรักมั่นมิหวั่นไหว
ไม่ว่าเธอจะแยกทางไปห่างไกล
แต่...ตัวเธอจะเชื่อไหม, ในโชคชะตา...!!!

 
ถึงแม้ว่าตัวเธอจะต้องไป......
ไกลเกินกว่าจะส่งใจบินไปหา
แต่อยากให้เธอรับรู้อยู่ทุกครา
ว่าคิดถึงเธอหนักหนา..."ทิพาวัลย์"
................................................

ความทรงจำดีดีที่ผ่านมา
ฉันจะขอเก็บรักษา...กว่านิรันดร์!!!









พร้อมคำ....อำลาครู

คุณครูที่ผมรักมากที่สุดคนหนึ่ง (และผมเชื่อว่าเพื่อนทุกๆคนในห้อง /2 ก็คงจะคิดเช่นนั้นเหมือนกัน)  กำลังจะลาออกเพื่อไปทำหน้าที่ตามเส้นทางฝันที่ดีกว่า 

ก่อนที่ครูจะไป ผมมีเรื่องหลายต่อหลายอย่างที่ยังไม่ได้บอกครูเลย ......

ครูเป็นครูคนหนึ่งที่ดีมากๆ  และผมยังจำได้ว่า ไม่ว่านักเรียนจะมีเรื่องทุกข์ใจอะไรก็ตาม คุณครูจะช่วยเหลือทุกครั้ง
แม้บางครั้งที่ครูเองต้องโดนกับปัญหาต่างๆที่เข้ามามากมาย
ครูเป็นคนที่อดทนมากๆคนหนึ่ง และเข้าใจหัวใจเด็กได้ดีเยี่ยม
คงไม่เวอร์เกินไปที่ผมจะบอกว่า รักครู ได้อย่างเต็มปาก

 

คิดถึงครูนะครับ
วันศุกร์นี้ห้องผมจะจัดเซอร์ไพรส์ อำลาคุณครู
ก่อนจะจบสิ้นการเรียน ม.6 ภาคเรียนที่ 1 ช่วงที่ 1 สักที

ผมก็คงได้พักชีวิตบ้างเหมือนกัน......


รักครูตราบนิรันดร์แห่งศรัทธา

 ....พฤ. ๓-๔-๕๑
				
15 มีนาคม 2551 22:41 น.

...ผม "เหนื่อย"...

แดนไกล ไลบีเรีย




"เหนื่อยแสนเหนื่อยกับวันวัยขันแข่ง

เพื่อยื้อแย่งเส้นทางฝันของวันหน้า

พยายามมุ่งมั่นสรรตำรา

กวดวิชาเช้ายันค่ำด้วยจำใจ

 

ที่บ้านแนะ "เรื่องการเรียน" ต้องมาก่อน

"เรื่องเขียนกลอน" ค่อยทีหลังก็ยังไหว

อยู่ "มอหก" จงอดทน อดทนไว้

แล้วเส้นชัย "แพทยศาสตร์" เราอาจคว้า

 

จึงขอฝากจิตกวีที่บ่มร่ำ

ให้คนของความทรงจำช่วยรักษา

ผ่านหนึ่งปีที่สร้างฝัน...ขอสัญญา

จะกลับมาเขียนกลอนอีกครั้ง เหมือนดั่งเดิม

..............................................

...............................................

(ผ่านช่วงปีมอปลายหายเหนื่อยล้า

จะกลับมาวิ่งเล่น...เหมือนเช่นเคย)" 







ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ กับการวางมือชั่วคราวครั้งนี้ครับ

แค่ผมขอเวลา ม.6 ปีสุดท้ายที่ผมจะมีโอกาสตัดสินทางเดินเข้าสู่รั้วมหาลัย

ผมเหนื่อยครับ เหนื่อย และเครียด

ผมว่า แค่ ม.6 ปีเดียวที่เหลือนี้ยังไม่พอสำหรับการเตรียมตัวของผมเลย

ผมคงตั้งรับช้าไป.....

แล้วพบจะกลับมาใหม่นะคับ

รักษามิตรภาพไว้ด้วยนะครับ


				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแดนไกล ไลบีเรีย
Lovings  แดนไกล ไลบีเรีย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแดนไกล ไลบีเรีย
Lovings  แดนไกล ไลบีเรีย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแดนไกล ไลบีเรีย
Lovings  แดนไกล ไลบีเรีย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแดนไกล ไลบีเรีย