11 มีนาคม 2550 09:47 น.

“ผู้ชายในสายลม” (1)

โนริโกะ

ฉันได้ทำงานที่บริษัทแห่งนี้มาได้ปีกว่าแล้ว  ฉันมีความสุขในการทำงานมากเพื่อน ๆ ดีกับฉันทุกคนฉันทำงานตำแหน่งเจ้าหน้าที่ธุรการ  แล้วมาวันหนึ่ง  ฉันได้รู้ว่าแผนกจัดซื้อมีพนักงานมาใหม่  เป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักชื่อว่า  น้องนัท   และฉันก็ได้รู้จักกับเธอ  น้องนัท เป็นคนน่ารักอัธยาศัยดีมาก  ถ้าฉันเป็นผู้ชายฉันคงจะจีบเธอแน่นอน แต่น้องนัทเขาก็มีเจ้าของหัวใจแล้วเป็นหนุ่มใหญ่  ท่าทางสุภาพ เอาใจเก่ง  ซึ่งฉันก็รู้สึกว่าเขาทั้งสองคนเหมาะสมกันดีนะ...
	และหลังจากนั้นไม่นานแผนกจัดซื้อก็ได้รับพนักงานเข้ามาใหม่อีกคน  คราวนี้เป็นผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน เขาชื่อว่า ภานุ เขาเป็นคนที่อัธยาศัยดีคนหนึ่ง  ฉันก็รู้สึกดีใจที่ได้เพื่อนร่วมงานดี ๆ เพิ่มขึ้นมาอีก   ตำแหน่งหน้าที่ของฉันทำให้ฉันได้รู้จักกับคนจำนวนมาก เพราะฉันต้องติดต่อประสานงานกับแผนกอื่น ๆ  อยู่เสมอ  และมันก็ทำให้ฉันได้สนิทกับ  ภานุมากขึ้น  แต่สำหรับฉันนั้น  ฉันไม่เคยคิดกับภานุเกินคำว่าเพื่อนเลย....
	เพราะลักษณะท่าทางของ  ภานุ นั้น  ไม่ใช่ผู้ชายในฝันของฉันเลย  ภานุ  เหมือนหนุ่มเจ้าสำอางค์  บางครั้งฉันและเพื่อน ๆ ก็ล้อเขาบ่อย ๆ ว่าเขาเป็นกะเทย  เป็นตุ๊ด  แต่เขาก็ไม่เคยถือโกรธสักครั้ง  กลับกลายเป็นเรื่องสนุก  ทำให้เพื่อน ๆ ได้หัวเราะกัน  นี่เป็นความน่ารักของ  ภานุ  แล้วมาวันหนึ่งฉันก็ได้รับรู้จากเพื่อนว่า  ภานุ  เขาแอบปลื้มฉันอยู่  ฉันเองก็ไม่แน่ใจ  ว่าจริงหรือเปล่า  แต่ฉันก็รู้สึกเฉย ๆ นะ เพราะฉันไม่คิดจะมีใครในตอนนี้  เพราะฉันคิดแต่เรื่องงานเท่านั้น...
	จนกระทั่งวันหนึ่ง  ภานุ  ได้ไปประชุมที่ต่างจังหวัดเป็นเวลาสองเดือน  พอเวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์  ฉันก็ได้รับโทรศัพท์จากเขา  โทรเข้ามือถือของฉัน  
	สวัสดี  ครับ
	ว่างไหมครับ  ผมมีเรื่องจะคุยด้วย
ฉันจำได้ว่า  นี่เป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเรา  และหลังจากนั้น  ฉันก็ได้คุยกับ  ภานุ  ทางโทรศัพท์ทุกวันตลอดเวลาที่เขาไปอบรม  เราคุยกันถูกคอ  สนุกสนาน  เฮฮา  บางครั้งคุยกันนานเป็นชั่วโมง  ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกันว่า  ขณะที่เราทำงานอยู่ด้วยกันนั้น  เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่  แต่ทำไมเวลาเราคุยกันทางโทรศัพท์  มันเหมือนกับว่าเราสนิทสนมกันมานาน
	จนกระทั่ง ภานุ  กลับมาจากฝึกอบรม  ความรู้สึกที่ฉันมีกับเขาและการแสดงออกของฉันมันเปลี่ยนไป  โดยที่ฉันไม่รู้ตัว  มันอาจจะเป็นความผูกพันตลอดเวลา เกือบสองเดือนที่เขาไปอบรมและฉันได้คุยกับเขาทุกวันทางโทรศัพท์  แต่สำหรับ  ภานุ  นั้นการแสดงออกกับฉันเหมือนเดิมทุกอย่างคือเหมือนเป็นแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้น  แต่ฉันไม่เคยคิดเอามาใส่ใจ  เพราะถึงแม้ว่าในที่ทำงานเราจะไม่ได้คุยกันหรือแสดงออกถึงความสนิทสนมกัน  ก็ไม่เป็นไร  เพราะเวลาที่ฉันกลับบ้าน  ภานุ  ก็โทรมาหาทุกวันอยู่แล้ว...
	จนกระทั่งวันหนึ่ง  มีเพื่อนรุ่นพี่ซึ่งเป็นผู้หญิงเข้ามาคุยกับฉันและเตือนฉันว่า  รู้ไหมว่าในที่ทำงานทุกคนมองว่าฉันแอบชอบภานุ  อยู่ฝ่ายเดียว  ตอนนั้นฉันรู้สึกงงเหมือนกัน    เพราะในความรู้สึกของฉันนั้น    ฉันคิดว่า  ภานุ เขาแสดงออกว่าเขาชอบฉันนะ  และเขาก็แสดงว่าห่วงใย  ใส่ใจฉัน  แคร์ความรู้สึกฉัน  แต่ฉันลืมคิดไปว่า  สิ่งที่เขาแสดงนั้นมันแสดงออกเฉพาะกับฉันเท่านั้น  อาจจะเป็นเวลาที่เราไปเที่ยวด้วยกันวันหยุด  หรือไม่ก็แสดงออกด้วยคำพูดทางโทรศัพท์เท่านั้น   
	ฉันยอมรับว่าฉันมองโลกแคบ  ไม่ทันคน  ฉันมองแค่ด้านเดียว  เพราะฉันไม่เคยมีประสบการณ์ในการคบใครเลย  และฉันก็ได้รับรู้จากเพื่อนว่า  เมื่อเวลาใครถาม  ภานุ  ว่าเขาชอบฉันหรือเปล่า  เขาจะตอบแค่ว่า  แค่แอบปลื้มเฉย ๆ ที่ฉันทำงานเก่ง  ไม่ได้ชอบฉัน
	ตอนนั้น  ฉันรู้สึกสับสนมาก  ว่าฉันจะเชื่อใครดี  ฉันควรเชื่อเพื่อนที่เขามาเตือนฉัน  หรือฉันควรจะเชื่อตัวเองดี  เพราะถ้า  ภานุ เขาคิดกับฉันแค่เพื่อน  ฉันจะได้หยุดทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะฉันรู้ว่าตอนนี้ใจของฉันมันเริ่มถล้ำลึกลงไปมากแล้ว  ถ้าฉันรู้คำตอบที่แน่นอนฉันจะได้หยุด  และห้ามใจตัวเองได้ทัน  ฉันจึงตัดสินใจถามเขาทางโทรศัพท์เมื่อเขาโทรมาหา 
เธอคิดยังไง  กับเรากันแน่  คำถามนี้ทำให้ภานุอึดอัดไปนานเหมือนกัน 
ถ้าเธอไม่คิดชอบเราจริง  เราก็หยุดกันไว้แค่เพื่อนเถอะนะ  อย่าให้เรื่องของเรามันไกลไปกว่านี้เลย   ในที่สุดภานุก็ตอบมาว่า  
ผมรักคุณนะ  ถ้าผมไม่รักผมจะโทรมาหาทุกวันหรือ
แล้วเธอรู้หรือเปล่า  ว่าตอนนี้เราไม่สบายใจเลย  เพราะใคร ๆ ก็มองว่าเราไปแอบชอบเธออยู่ฝ่ายเดียว เพราะเธอบอกว่าเธอไม่ได้ชอบเรา
ที่ผมพูดไปอย่างนั้น  ก็เพื่อปกป้องคุณนะ ผมไม่อยากให้ใครเอาเรื่องของเรามาพูดล้อคุณ ผมกลัวคุณไม่สบายใจ  ภานุรีบอธิบาย
คุณอย่าไปสนใจคำพูดของคนอื่นได้ไหม  ทำไมไม่ไว้ใจผมบ้าง
ครั้งนี้เป็นการปรับความเข้าใจของเราสองคน คำพูดของเขานั้นฉันก็ไม่แน่ใจอยู่ดีว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นควรเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน  แต่ลึก ๆ ในใจของฉันก็คงไม่อยากจะเลิกคบกับภานุเพราะเรื่องแค่นี้  ฉันอยากจะซื้อเวลาออกไปในนานกว่านี้อีกสักนิด  ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่...
คุณจะเชื่อไหมว่า  ฉันกับภานุไม่เคยออกไปทานอาหารกลางวันด้วยกันเลยสักมื้อ  เขาก็ไม่เคยชวนฉันไป  เวลาพักเที่ยงเขาก็ขับรถพา น้องนุช  และเพื่อน ๆ ในแผนกจัดซื้อไปทานอาหารข้างนอกเสมอ ๆ  เขาก็ยังทำตัวเหมือนเดิม  แต่สำหรับฉันก็ได้แต่พยายามอดทน  พยายามไม่คิดอะไร  และพยายามไม่เอาปัญหาเหล่านี้มาทำให้เกิดปัญหาระหว่างฉันกับเขา  
แต่แล้ววันหนึ่งมันก็คงถึงเวลาที่เราสองคนคงต้องจบกันเสียที  ฉันรู้ว่าการที่ฉันไม่พูดความรู้สึกที่ฉันไม่สบายใจออกไปให้  ภานุรับรู้  ปัญหามันก็ทับถมตัวฉันมากขึ้น  มากขึ้น  ฉันมีแต่ความไม่สบายใจ  ถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่ารักฉัน  แต่การกระทำของเขาทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันหวังอะไรจากเขาไม่ได้เลย ฉันเหมือนคนที่ไม่มีหลักยึดเหนี่ยว  การแสดงออกของเขานั้น  ฉันไม่รู้สึกเลยว่าเขารักฉันหรือแคร์ความรู้สึกของฉันจริง  ฉันได้แต่ฟังคำแก่ตัวของเขาไปวัน ๆ  เขามีฉันไว้เพื่ออะไรกันแน่  บางครั้งฉันคิดว่าฉันเป็นแค่ตัวสำรองคนหนึ่งใช่ไหม  เขาทำตัวเหมือนคนที่ไม่มีพันธะหัวใจกับใคร  ใครจะมาชอบเขา  หรือเขาจะไปชอบใครก็ได้ตลอดเวลา  แต่ถ้าวันไหนเขาผิดหวังจากใครคนนั้น  อย่างน้อยก็ยังมีฉันที่ยังจงรักภักดีต่อเขาอยู่อีกทั้งคน...
นี่คือความรู้สึกของฉัน   ความรู้สึกของคนที่ไม่มีค่า  ไม่มีความหมาย  ในสายตาของคนที่ตัวเองรัก  ความรู้สึกนี่มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน  ฉันไม่เคยไปวิ่งตามความรักแต่ความรักมันเข้ามาหาฉันเองโดยที่ฉันไม่รู้ตัว  และมันทำให้ฉันขาดสติ  ขาดการไตร่ตรองว่าสิ่งไหนควรเชื่อ  สิ่งไหนไม่ควรเชื่อ  หรือจะเรียกว่าความรักทำให้ตาบอด  ก็คงไม่ผิดนัก    ตลอดเวลาขณะที่ฉันไม่เคยพูดว่ารักเธอ  แต่การกระทำของฉันได้แสดงออกถึงความห่วงใย แคร์เธอเสมอ  โดยที่ไม่เคยคิดว่าคนอื่น ๆ จะรู้ว่าฉันชอบเธอ  ฉันคิดแต่ว่ามันคงไม่ผิดใช่ไหม ถ้าเราจะทำสิ่งดี ๆ ให้กับคนที่เรารัก เพราะเราทำด้วยความจริงใจ  ตั้งใจอยากจะทำให้เขา.....(โปรดติดตามตอนต่อไป นะคะ)
				
6 มีนาคม 2550 22:38 น.

…ทางเดินแห่งรัก...

โนริโกะ

ในขณะที่คนคนหนึ่ง  ต้องจมอยู่กับความทุกข์ แต่อีกคนหนึ่งกลับมีความสุข  ได้ทำตามที่ใจต้องการ  ทำไมเหตุการณ์เดียวกันแต่คนสองคนกลับดำเนินชีวิตที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน  ทำไม?
	หรือว่าเป็นเพราะ  คนหนึ่งคือผู้กระทำ  แต่อีกคนหนึ่งเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำ  แน่นอนผู้ถูกกระทำย่อมเดือนเนื้อร้อนใจ ทุกข์ใจ  มากกว่าอยู่แล้ว  ฉันคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนี้นะ
	นี่ใช่ไหมสิ่งที่นายต้องการ  นายอยากจะไปเที่ยว  กินเหล้า ติดนักร้อง  แบบที่เพื่อน ๆ ในกลุ่มของนายทำกันใช่ไหม  ถ้านายยังมีเรา  นายก็คงไม่กล้าทำ  เพราะนายรู้ว่าเราไม่ชอบ  หากนายได้ใช้สติปัญญาไตร่ตรองการกระทำที่นายได้กระทำลงไปแล้วว่าเป็นสิ่งที่ดี  ถูกต้องเหมาะสำหรับนาย และนายก็มีความสุข
	จงทำไปเลย  เราก็ได้แต่ดีใจกับนายด้วยที่นายได้ทำในสิ่งที่ต้องการ  เพราะเราเองคงไม่สบายใจแน่  ถ้าเราต้องทำให้ใครคนหนึ่ง ต้องมาฝืนความรู้สึก  มาแกล้งทำดีเพื่อเอาใจเรา  แต่รู้ไหมสิ่งเหล่านี้ทำให้เรารู้สึกว่า  แค่เวลาไม่นานที่เราห่างกันเธอสามารถเปลี่ยนไปเป็นคนที่เราไม่รู้จักได้ขนาดนี้  เพราะสิ่งที่เรารู้จากนายนั้น  เรื่องเที่ยว  หรือกินเหล้า  ก็มีบ้างตามประสาผู้ชาย  เราไม่เคยต่อว่านายเลย  เรายังนึกชมนายอยู่ในใจว่า  นายเป็นคนดีนะ  ถึงแม้ว่าเพื่อนในกลุ่มนายจะเป็นคนชอบเที่ยว  กินเหล้า  ติดนักร้อง  แต่นายก็ไม่เป็นไปตามเพื่อน ๆ  นายเป็นคนที่มั่นคง  ไม่ไหวเอนง่าย ๆ 
	แล้วทำไม  นายถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้  และไม่นานนายก็มีใครคนอื่น  เรารู้ว่าอาจจะไม่ยั่งยืนกับผู้หญิงคนนี้  เพราะเธอมีอาชีพนักร้อง ทำงานกลางคืน  และถึงแม้เพื่อนของนายจะบอกว่า  นายคบชั่วครั้งชั่วคราว  คลายเหงา อย่าโกรธนายเลย   แต่ฉันคิดว่าเธอคนนั้นก็เป็นผู้หญิงเหมือนฉัน  เธอคนนั้นก็มีหัวใจเหมือนกัน
	นายเป็นคนเลือกทางเดินของนายเองนะ  ตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่าทางเดินของเราไม่มีวันจะเดินไปบรรจบกัน  หรือแม้จะเดินเป็นเส้นขนานเคียงคู่กันไป  แต่ทางเดินของเรามันสวนทางกัน  เมื่อเวลาผ่านไป  จากวันเป็นเดือน  จากเดือนเป็นปี  เราทั้งสองคนก็ยิ่งห่างกันออกไป  ไกลออกไปทุกที  ทุกที....
				
6 มีนาคม 2550 22:05 น.

“เทพบุตร...ซาตาน”

โนริโกะ

สิ่งใด ๆ ที่ได้มาง่าย ๆ  มันก็จากไปได้ง่าย ๆ เหมือนกัน  ฉันใช้เวลาในการตัดสินใจคบกับเธอเร็วมาก  แค่ถามเธอว่า  แน่ใจนะว่าจะคบกับฉัน  ฉันรู้ว่าเธอแอบปลื้มฉันอยู่  และการที่เราปลื้มใครสักคนก็ใช่ว่า  มันจะพัฒนาไปเป็นความรักเสมอไป  ถ้าเธอมีความรู้สึกแค่ปลื้มก็อย่ามาคบกันเลยนะ  เพราะฉันไม่อยากจะเสียใจหรือผิดหวังเรื่องความรักอีก  แต่เธอก็ขอโอกาส....
	และแล้วเธอก็เริ่มโทรมาคุยกับฉันบ่อยขึ้น  โทรมาหาทุกคืน  และมักจะเป็นเวลาเดิมเสมอ  หรือไม่ก็ส่งข้อความแสดงความห่วงใยหรือความรู้สึกดี ๆ มาให้ฉันเสมอ  แค่นี้ฉันก็ดีใจมากแล้ว  เพราะฉันไม่เคยมีใครทำแบบนี้ให้เลย  ตั้งแต่เกิดมา  ฉันไม่เคยรู้เลยว่าวิธีพวกนี้เป็นวิธีพื้นฐานที่ใคร ๆ เขาก็ทำกันทั้งนั้น  เพราะฉะนั้นสิ่งที่เธอทำมันไม่ได้พิเศษ แตกต่างจากคนอื่น ๆ เลย  แต่ฉันกับรู้สึกว่าเธอนั้นมีความจริงใจให้กับฉัน มีความรู้สึกดี ๆ ให้กับฉันแน่นอน และด้วยความที่ฉันเป็นผู้หญิงที่อ่อนไหวง่ายอยู่แล้ว  ก็เลยเข้าทางของเธอเลย  หรือเรียกอีกอย่างว่า  ตกหลุมพลางของเธอเข้าแล้ว..
	ขั้นตอนต่อมาก็เป็นการลองใจ  เช่น  ถ้าเธอไม่โทรมาหา  ฉันจะมีปฏิกิริยาอย่างไร  ฉันก็งอนนะสิ  เกิดอาการน้อยใจ โกรธ ไม่พูดด้วย  หน้าบึ้ง  ฯลฯ   หรือบางครั้งบอกว่าจะโทรมา  ให้รอ  แต่ก็ไม่โทร  แล้วเธอเคยนึกถึงคนที่รอบ้างหรือเปล่า (นอนรอโทรศัพท์ถึงเช้าเลย)  การลองใจคนลองแค่ครั้งเดียวก็พอแล้ว  ไม่ต้องลองบ่อย ๆ หรอกนะ  ช่วงหลังเป็นการโทรมาแล้ววางสาย  เพื่อให้ฉันโทรกลับ โอเคไม่ว่ากันฉันโทรกลับก็ได้  เงินอาจหมด(คิดในแง่ดีไว้ก่อน) หรือเวลาที่เราทะเลาะกัน เธอก็มักจะกดวางสาย ฉันก็ยิ่งโมโหนะสิ  แต่เธอก็แก้ตัวว่า  โทรศัพท์มันตัดเอง  มันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่าเพราะมันบ่อยมาก  แต่ฉันก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง  (แต่หลังจากเราจบกัน เธอก็สารภาพว่า  เธอเป็นคนตัดวางสายเอง)
	สุดท้ายเหตุการณ์ที่ผ่านมาเหล่านี้  ก็ช่วยทำให้ฉันคิดได้ว่า  เริ่มต้นเขาจะตามใจเราทุกอย่าง เอาใจเราสารพัด  จนเราเริ่มตายใจ  ต่อมาก็ใช้วิธีการลองใจต่าง ๆ นานา  เพื่อดูว่าเราเริ่มมีใจให้กับเขาบ้างหรือยังหรือแคร์เขามากแค่ไหน  เช่น  ลองใจโดยการให้เราตามใจเขาบ้าง  โดยอาจจะใช้คำพูดหวาน ๆ  ให้เรายอมตามใจ  ตอนนี้แหละคือช่วงอันตราย  ถ้าเราไปหลงเชื่อคนประเภทนี้  จุดจบคงไม่ต้องพูดถึง  เขาไม่เห็นค่าความรัก  ความจริงใจ  ความห่วงใย  ความหวังดี  ที่เรามีให้เขาหรอก...  และมันอาจจะทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าด้วย...  ฉะนั้นอย่าเชื่อใจใครง่าย ๆ  เพราะบางทีคนเราก็ดูยากจริง ๆ  เขาอาจเข้ามาแบบเทพบุตร  ดูดีทุกอย่างในสายตาเรา  แต่สุดท้ายเทพบุตรกลับกลายเป็นซาตาน  เราจะรู้สึกเจ็บปวดแค่ไหน...คุณว่าจริงหรือเปล่าค่ะ...				
3 มีนาคม 2550 20:06 น.

บททดสอบแห่ง “รัก”

โนริโกะ

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาฉันได้ถามตัวเองว่า  เมื่อวานเกิดอะไรขึ้น   มันเป็นความฝันหรือความจริง   ต่อไปนี้ฉันไม่มีเธออยู่เคียงข้างอีกแล้วใช่ไหม  มันไม่จริงใช่ไหมที่เธอบอกว่าเรา จบกันแค่นี้  เราหยุดทุกอย่างและเป็นแค่เพื่อนกันดีไหม  แล้วทำไมฉันอยากจะร้องไห้แต่  น้ำตามันไม่ยอมไหลออกมาสักหยด!! 
	หัวใจของฉันมันชาใช่ไหม?  ถ้ามันเป็นแค่ความฝัน ฝันร้าย ฉันจะดีใจมากที่ได้ตื่นขึ้นมา แต่เมื่อฉันนอนลืมตาทบทวนอยู่สักพัก  ฉันจึงค่อย ๆ ยอมรับความจริงว่า  มันเป็นเรื่องจริง เราเลิกกันแล้ว!  และฉันถูกหักอก! แล้ววันพรุ่งนี้เมื่อต้องเจอเขาอีกที่ทำงานฉันจะทำยังไงดี  จะวางตัวอย่างไง  จะแสดงอาการแบบไหน...
	นิ่ง  เฉย  เย็นชา  และไม่สนใจเขาคนนั้น  มองเลยผ่านไปเลยเหมือนกับเขาไม่มีตัวตน การทำแบบนี้อย่างน้อยก็ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดน้อยลง  ฉันไม่แกร่งพอที่จะพูดกับเธอเหมือนว่า  ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ฉันทำไม่ได้  จะให้พูดคุยปกติเหมือนที่ฉันคุยกับคนอื่น ๆ  นั้น  ทำไม่ได้แน่นอน ขอยืนยัน
	8  ชั่วโมงที่ทรมานกับการสร้างหน้ากากและเกราะกำบัง  พอกลับมาบ้านขอร้องไห้ให้สะใจสักที  อย่างน้อยก็เป็นทางออกทางเดียวที่ทำได้  ร้องไห้ให้กับตัวเอง  ร้องไห้ให้กับความอ่อนต่อโลก  มองโลกในแง่ดีอย่างเดียว  ไม่ระวังตัวระวังใจในการคบคน  ก่อนจะคบกันก็คิดว่าดูรอบคอบแล้วนะ  แต่อยากจะบอกว่าคนเราเมื่อไม่ได้มาคบกันจะไม่รู้นิสัยที่แท้จริงหลอกนะ  อย่างเช่น  ตอนที่เป็นเพื่อนกันเราก็คิดว่าคนนี้เป็นเพื่อนที่ดีนะ  น่าคบ  ยิ้มแย้มแจ่มใส  น่ารัก    ตรงสเป็คเลย   แต่เมื่อได้ลองคบไปสักพัก  จึงรู้ว่าไม่ใช่สำหรับเรา   แต่เขาก็ยังเป็นเพื่อนที่น่ารักสำหรับทุกคนอยู่  แล้วก็จะมีคนมาถามเสมอว่า  โกรธอะไรนักหนา  เขาก็เป็นคนดีนี่นะ  เฮ้ยเบื่อจังเลย  ถ้าเขาดีก็คบกับเขาเองสิ! 
	นี่ก็เป็นบททดสอบอีกหนึ่งบทใช่ไหม?  เมื่ออกหัก ก็เจ็บพอแล้ว  ยังมีเพื่อน ๆ  ที่หวังดีมาคอยถามเป็นการตอกย้ำอีกหรือเนี่ย  แต่ฉันก็ต้องให้กำลังใจตัวเอง  สู้ สู้!!				
1 มีนาคม 2550 20:51 น.

สายไปแล้วสำหรับคำว่า “รัก”

โนริโกะ

มารักทำไมตอนนี้  ตอนที่จะเสียฉันไป  ประโยคนี้คงพอจะคุ้นหูกันบ้าง จากเพลงสตริงที่กำลังฮิตอยู่ในขณะนี้  มนุษย์ในโลกนี้คงพบเจอกับเหตุการณ์นี้หลายต่อหลายคู่
	ฉันก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกันว่าทำไม  เวลาที่เราคบกันทำไมเราไม่ถนอมน้ำใจ  หรือรักษาคนที่เรารักไว้ให้อยู่กับเรานานที่สุด  เรากลับทำร้ายคนที่เรารักอย่างเช่น  การที่เราแสดงอารมณ์โกรธ โมโห เอาแต่ใจตัวเอง  โดยไม่รู้สึกแคร์ความรู้สึกของคนที่เราคบอยู่เลย  การทำเป็นไม่สนใจความรู้สึกของเขา  เวลาที่เขามีความทุกข์ต้องการจะมาปรับทุกข์ให้ฟัง  เราก็แสดงอารมณ์เบื่อหน่าย ไม่อยากรับรู้  แต่พอเมื่อตัวเองมีความทุกข์ กลับอยากให้เขามาดูแลสนใจ  อย่างนี้เรียกว่า ความเห็นแก่ตัวได้ไหม  ที่เขาบอกไว้ว่ารวามรักทำให้คนเรากลายเป็นคนเห็นแก่ตัว...
	สำหรับฉันก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน  แต่ฉันก็ใช่ความอดทนกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น  คิดเสมอว่า  เราต้องให้โอกาสเขาปรับปรุงตัวเอง  แต่ตลอดเวลา  ฉันก็มีแต่ความรู้สึกเจ็บปวดเสมอ  เพราะฉันต้องการจะซื้อเวลาให้การคบกันของเรายืดออกไปให้ได้นานที่สุด  แต่ฉันก็ไม่สามารถจะยื้อเวลาให้นานเท่าที่ต้องการได้ เมื่อเธอแสดงออกถึงความเบื่อหน่าย  และเป็นคนพูดตัดความสัมพันธ์ของเราให้จบลง...
	ฉันไม่เคยได้เตรียมใจ  ว่าจะเกิดเหตุการ์แบบนี้ขึ้นมาก่อนเลย  คิดเสมอว่า  คนที่จะพูดตัดความสัมพันธ์น่าจะเป็นฉันมากกว่า  แต่ฉันคิดว่าตัวเองไม่มีความกล้ามากพอแน่นอน  เพราะคิดเสมอว่า  ฉันไม่อยากทำให้ใครต้องเจ็บเพราะฉัน
	แต่ฉันเป็นคนที่ยอมรับความจริงได้  แม้ว่ามันจะเจ็บปวดสักเพียงไหน  เมื่อเขาไม่ต้องการจะคบกับเราอีกต่อไปแล้ว  ไม่ว่าเขาจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม  ฉันก็ยอมรับการตัดสินใจของเขา  ฉันจะบอกว่าฉันเสียใจมากถึงมากที่สุด  แต่ไม่เคยขอร้อง  อ้อนวอนให้เขาอย่าทิ้งฉันไป  หรือให้เขากลับมาเลยจยถึงทุกวันนี้  เพราะอะไร?  คนเราต้องมีศักดิ์ศรี  ต้องรักตัวเอง  และก็คิดเสมอว่า  เมื่อเขาไม่ได้รักเรา  ก็ปล่อยเขาไปตามทางที่เขาเลือกเถอะ
	เวลาผ่านไปหลายเดือน...  แล้วทำไมเขาจึงต้องกลับมาเพื่อบอกว่ารักเรา  และถามว่าจะขอกลับมาคบกับฉันใหม่ได้ไหม?  เวลานี้  เวลาท่ฉันรู้สึกมีความสุข  มีความสุขกับการกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมเหมือนปกติ  เหมือนตอนที่ฉันไม่มีเธอ  เธอไม่รู้เหรอว่า  เธอได้สูญเสียฉันไปแล้วตั้งแต่วันที่เธอบอกเลิก!!  เวลาหลายเดือนที่ผ่านมาแต่ละคืนแต่ละวัน  สำหรับฉันมันยากและรู้สึกเหนื่อยและท้อมากแค่ไหนเธอไม่เคยรู้  แต่ด้วยกำลังใจจากพ่อแม่  พี่น้อง  เพื่อน ๆ และจากตัวเอง  ทำให้ฉันผ่านมาได้จนถึงวันนี้  ฉะนั้นคำว่า รัก  ของเธอตอนนี้มันจึงไม่มีค่าหรือมีความสำคัญกับฉันอีกแล้ว  เพราะเธอได้สูญเสียฉันไปแล้วตลอดกาล.....				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโนริโกะ
Lovings  โนริโกะ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโนริโกะ
Lovings  โนริโกะ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโนริโกะ
Lovings  โนริโกะ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงโนริโกะ