18 กรกฎาคม 2551 22:27 น.

ที่จริง...พ่อคืออะไร?

โอเลี้ยง

0145.jpgตอนแม่ตั้งท้อง แม่กลายเป็นคนรักแมวทั้งที่ก่อนหน้านั้น แม่ไม่ชอบสัตว์เลี้ยงทุกชนิด ส่วนพ่อแม้ไม่เห็นด้วยกับความใจบุญชอบเก็บแมวริมถนนมาเลี้ยงไว้ให้เต็มบ้านของแม่ และกลัวว่าสัตว์หน้าขนเหล่านั้นอาจทำอันตรายกับเด็กในครรภ์ แต่พ่อก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจให้แม่เห็นบ่อยนัก ด้วยรู้ว่าคนท้องมักขี้น้อยใจคิดเรื่องจุกจิกโมโหง่าย 


พ่อจึงจำแสร้งสงบปากให้แม่ทำตามใจชอบ ทั้งที่อึดอัดสุดกำลังกับกลิ่นสาบแมวรอบบ้าน แต่เพื่อเมียและลูกที่เขาเห่อ เขาก็จำทนทั้งที่ในใจสาปแช่งแมวเหล่านั้นวันละนับร้อยหนเป็นอย่างน้อย


แต่ความรักและความเข้าใจที่ดีงามของสามารถก็ดำรงอยู่ได้แค่เพียง 10 ปี เขาหย่าขาดกับมาลีแม่ค้าขายข้าวแกงในตลาดปักธงชัย ลืมความรักลูกเมียที่เคยบอกใครต่อใครว่าจะเป็นหนึ่งของเขาเสมอไป เมื่อได้พบวณีคนนั้น


ที่จริงจะคิดว่าสามารถทนความอับอายจากชาวบ้านไม่ได้อีกต่อไปก็พอมีเหตุผล แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่กลับโทษว่าเป็นสันดานผู้ชายเจ้าชู้มักรักง่ายหน่ายเร็ว และเมื่อเห็นเมียคู่ทุกข์คู่ยากที่หน้าตาเริ่มแก่คล้ายเป็นแม่คนที่2 เขาก็อยากออกไปกรีดกรายนอกบ้าน เพื่อเสาะหาสาวๆมาปลอบประโลมใจ


สามารถกับวณีเมียใหม่ที่มีข่าวลือว่าเริ่มตั้งท้อง ก็เกิดขึ้นก่อนเดือนที่เขาขอหย่ากับมาลี มาลีสาวใหญ่วัย45รู้ทั้งรู้ว่าสามีหาข้ออ้างเรื่องลูก เพื่อเป็นโอกาสได้ไปเสพสุขครองรักอยู่กับสาวคนใหม่ที่งามไฉไลกว่าตน แต่เรื่องจะไม่ยอมหย่านั้น เธอก็ไม่กล้าทำด้วยความสงสารลูกมากกว่าสิ่งอื่น


ส่วนความสัมพันธ์เก่าๆที่เคยหวานชื่นนั้น มาลีเองก็หมดสิ้นกำลังใจจะคิดต่อสู้เพื่อเรียกร้องให้มันกลับคืนมาอีกครั้ง แม้ในใจจะซ่อนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจกับการกระทำของสามีก็ตาม

ตลอด10ปีมานี้เธอเองไม่มีเค้าจะตั้งท้องเป็นครั้งที่สองได้ ทำให้เป็นอีกสาเหตุให้สามารถ ยกมากล่าวโทษเธอว่ามันเกิดจากการที่เธออยากเลี้ยงแมวนับสิบๆตัว ในตอนที่ตั้งท้องแมวอ้วน


และการที่แมวอ้วนมีอาการเหมือนคนพิการทางสมอง สามารถจึงมีข้ออ้างที่ดีในการมีเมียใหม่ 

ผมอยากให้ลูกที่มีอาการสมบูรณ์เหมือนชาวบ้านคนอื่นๆ เมื่อคุณไม่สามารถตั้งท้องอีก ผมจึงต้องหาเมียอีกคน

กับมาลีเธอเชื่อว่าที่ไม่ตั้งท้องอีกน่าจะเกิดจากการที่สามารถติดเหล้าและบุหรี่ เพิ่มมากกว่าเดิม

วันที่มาลีเดินขึ้นอำเภอเพื่อเซ็นใบหย่าให้จ่าสามารถนั้น แมวอ้วนตามแม่ไปด้วย สายตาของพ่อยังคงแสดงความรังเกียจเขาอย่างเต็มที่ แมวอ้วนเสียใจแต่ก็ไม่ได้ปริปากร้องขอ..ให้พ่ออย่าได้จากไป 

หน้าตาที่ดูราวเด็กปัญญาอ่อนและการพูดที่เหมือนคนติดอ่างของแมวอ้วน ทำให้สามารถถูกชาวบ้านนินทาลับหลังอยู่บ่อยๆ นั่นคือหนทางที่นำมาซึ่งการหย่าร้างของคนทั้งคู่ บางครั้งแม่ที่แสนดีก็ยังพยายามกู้หน้าให้พ่อ โดยเถียงกับชาวบ้าน ถ้าบังเอิญได้ยินเข้ากับหูตัวเอง

หน้าตามันเด๋อๆเหมือนพ่อชั้นเท่านั้น แต่ฉลาดนะจะบอกให้

เพราะความอับอายพ่อจึงไม่ยอมส่งเขาไปโรงเรียน แค่อนุญาตให้แม่จ้างครูสุพจน์ ซึ่งเป็นเพื่อนข้างบ้านมาสอนที่บ้านได้ แต่ทว่าทุกเย็นที่เพื่อนๆของพ่อมานั่งล้อมวงกินเหล้ากัน แมวอ้วนจะต้องไปอยู่ในห้องน้ำชั้นบน โดยพ่อไม่ยอมรับรู้ว่าเขาจะหิวข้าวหรือไม่ แม้แต่ยามที่เขาป่วยเป็นไข้ พ่อก็ยังจะขังเขาให้นั่งอุดอู้อยู่ในห้องน้ำนาน6-7ชั่วโมง

อายคนโว๊ยมีลูกปัญญาอ่อน

คำๆนี้แมวอ้วนได้ยินมาโดยตลอด นับแต่จำความได้ และเป็นเรื่องที่ทำให้พ่อกับแม่ทะเลาะกันบ่อยๆ บางครั้งพ่อก็ลงไม้ลงมือทุบตีเขาด้วยความเมา ถ้าแม่มาห้ามแม่ก็เจ็บตัวตามไปด้วย เขาสงสารแม่จึงยอมให้พ่อขังเขาตามชอบ และทุบตีเขาตามอำเภอใจ

บางวันครูสุพจน์เห็นจ่าสามารถอารมณ์ดี จะแวะเข้ามาทักทายหลังเลิกงาน และคุยเชิงอวดแทนแมวอ้วน แต่นายตำรวจอย่างเขาก็ไม่เคยแสดงความภูมิใจให้เห็น นอกจากด่าซ้ำ

ลูกลื้อฉลาดมาก ถ้าส่งเข้าสอบเทียบเลื่อนชั้นมอปลายเมื่อไร อั้วรับรองว่าผ่านสบายบรื๋อ เพราะแค่อ่านผ่านตาเที่ยว2เที่ยวก็จำได้หมดเลย

หน้ามันบอกโท้งๆว่าเด็กปัญญาอ่อน ดีที่ไม่เป็นโรคโปลิโอ แขนขาลีบ ที่จริงมันน่าจะตายไปดีกว่าอยู่รอดจนบัดนี้ อั้วรับไม่ได้ว่ะเพื่อน อายคนเขา

พ่อมักกระแทกเสียงตอบเพื่อระบายอารมณ์ ทุกครั้งที่ครูสุพจน์มาคุยอวด จนเขาต้องรีบขอลากลับบ้าน

พ่อที่เผด็จการ ไม่เคยถามเขาว่าอยากหรือไม่อยากทำอะไรบ้าง และมีความสามารถทางเรียนดีและเด่นแค่ไหน ทุกวันค่ำลงเขาจะต้องขึ้นไปอยู่ที่ห้องน้ำชั้นบน จนมืดดึกดื่นเลยเวลาอาหารเย็นไปนานโข จึงจะได้กลับลงมาที่ห้องนอน รีบกินข้าวปลาที่เย็นชืด บางครั้งก็กินแกงที่เริ่มบูด อีกหลายครั้งเขามักได้กับข้าวดีๆที่เหลือจากวงเหล้าของพ่อ แต่ก็เป็นกับข้าวที่มักผสมเต็มไปด้วยน้ำลายบ้าง รอยอาเจียนของคนเมาบ้าง


แม้บางวันฝนจะตกฟ้าจะผ่าอย่างไรก็ตาม พ่อกับเพื่อนก็จะมาตั้งวงกินเหล้าจนดึกดื่น อีกทั้งพ่อไม่อนุญาตให้เขาขึ้นไปนอนที่หน้าห้องของพ่อในตอนฝนตก ทำให้แมวอ้วนมักป่วยบ่อยครั้ง แต่ถ้าวันไหนที่พ่อเข้าเวรที่โรงพัก แม่ก็จะมาลากเขาขึ้นไปนอนที่ห้องแทนพ่อทุกครั้งไป


ถือเป็นกรรมนะลูกนะ พ่ออะไรใจดำกับลูกขนาดนี้ มีบ้านกว้างขวางแต่กลับขังลูกให้นอนที่โรงรถเก่าๆหลังคารั่ว

พ่อหย่าแล้วแยกบ้านไปอยู่น้าวณีแม่หม้ายคนสวยที่ปล่อยเงินกู ้ในตลาด ทุกวันพ่อจะควงเมียใหม่มากินข้าวที่ร้านตรงข้ามกับร้านข้าวแกงของแม่ โดยพ่อไม่เคยสนใจว่าจะสร้างความเจ็บปวดบาดตาบาดใจให้แม่สักแค่ไ หน 

และถ้าวันไหนพ่อเหลือบมาพบเขาอยู่ที่ร้านข้าวแกงของแม่ พ่อจะเร่เข้ามาลากเขาไปที่หลังร้านแล้วลงมือเตะต่อยทุบตีเขาราว นักโทษเพื่อระบายอารมณ์ จะหยุดมือต่อเมื่อแม่ออกจากครัวหาคนมาช่วยแยกเท่านั้น ทุกครั้งคำแสลงใจจากพ่อที่ด่ากรอกหูเขาคือ

เอ็งรีบไปฆ่าตัวตายเร็วๆเข้า ถ้าเอ็งยังมีความฉลาดเหลืออยู่บ้าง อย่าอยู่เพื่อสร้างความอับอายให้ข้าอีกต่อไปเลยว่ะไอ้ทึ่มหน้าโง่กว่าควาย

เขารู้ว่าพ่อเกลียดเขาและเขาเองก็เกลียดพ่อ เขารอเวลาจะพาแม่หนีไปจากที่นั่น ไปจากภาพบาดตาบาดใจที่พ่อคอยประคองน้าวณี ซึ่งเริ่มตั้งท้องอ่อนๆได้3เดือน 

และแล้ววันที่เขารอคอยก็เดินทางมาถึง ครูสุพจน์มาส่งข่าวในตอนที่แมวอ้วนย่างเข้า14 สอบเทียบผ่านมอปลายได้ไม่นาน

ภาพวาดของแมวได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งที่ฝรั่งเศส ทางนั้นส่งตั๋วเครื่องบินมารับตัวให้ไปศึกษาต่อ แถมให้แม่ของแมวไปอยู่เป็นเพื่อนได้ด้วย ครูจะรีบไปจัดการเรื่องวีซ่าก่อนนะ

จากวันนั้นเขาก็จากเมืองไทยไปศึกษาต่อพร้อมแม่ โดยมีครูผู้มีพระคุณลาออกจากงานสอนหนังสือ แล้วเดินทางไปรับหน้าที่เป็นผู้จัดการให้เขา เพราะรูปภาพของเขาเริ่มติดตลาด และขายดีมีราคามากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มมีตลาดโลกมาขอซื้อภาพของเขาบ่อยที่มากขึ้น 

ภาพแล้วภาพเล่าที่ได้รับการประมูลราคาอย่างแพงลิบลิว เงินในธนาคารเริ่มมากหลักขึ้นทุกวัน เมื่อเขาจบรับปริญญาโท เขามีเงินฝากในธนาคารถึง 300ล้านบาท

เด็กหนุ่มวัย 24ร่างสูงใหญ่ที่มักเดินทึมๆก้มหน้าส่ายหัวไปมา ราวคนปัญญาอ่อนของไทยคนนั้น เริ่มมีชื่อเสียงให้ประเทศจนได้รับกล่าวขานไปทั่วโลก ทั้งที่ในอดีตเขาเป็นได้แค่ เด็กปัญญาอ่อนหน้าเซ่อของพ่อและชาวบ้านในตลาดปักธงชัยเท่านั้น

วันที่เขาเดินทางไปโชว์ตัวที่อเมริกา เขาได้รับการสัมภาษณ์ในทีวีของสหรัฐ พร้อมกับการโชว์ภาพหลายสิบภาพที่ทำเงินให้เขาจนเริ่มร่ำรวยอย่างมหาศาลนั้น มีประโยคหนึ่งที่พิธีกรถามแมวอ้วน และแมวอ้วนตอบอย่างเปิดเผยไม่ปิดบังความเกลียดชังแม้แต่นิดเดียว ทำให้สามารถผู้เป็นพ่อซึ่งนอนป่วยหนักอยู่บนเตียงในโรงพยายาล ต้องหลับตากรีดน้ำตาอย่างอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี

พิธีกร : ได้ข่าวว่าคุณพ่อคุณป่วยเป็นโรคไตขั้นร้ายแรง ถ้าหมอตรวจพบว่าไตของคุณช่วยคุณพ่อได้ คุณจะสละให้ไหมคะ

แมวอ้วน: ได้แน่นอนครับถ้าเป็นคุณพ่อผมจริง แต่สำหรับผมผู้ที่ให้กำเนิดผม ผมไม่อาจเรียกว่าพ่อ พ่อของผมคือครูที่สอนและเป็นผู้จัดการคอยช่วยเหลือในเรื่องต่างๆให ้ผมมาแต่เด็กต่างหากละครับ
				
12 กรกฎาคม 2551 17:51 น.

ขอเลื่อนวันตายไปก่อนได้ไหม?

โอเลี้ยง

3-0054.gifกระท้อนเป็นนักข่าว อยู่ที่นิตยสารโลกก้าวหน้า มีคนรักชื่อนพดล ซึ่งเขายังไม่ได้หย่าขาดจาก วิวรรณ ภรรยาเก่า แต่ก็ตกลงแยกทางเดินกันนานแล้ว นพดลมีอาชีพเป็นช่างภาพ อยู่ที่นิตยสารโลกก้าวหน้าด้วยเช่นกัน วันหนึ่งเมื่อไปสัมภาษณ์บุคคลดังผู้หนึ่ง ซึ่งกำลังตกเป็นข่าว เป็นที่กล่าวขานกันอย่างเกรียวกราว เกี่ยวกับการทุจริตและพัวพันการคอรัปชั่นของสส.หลายคน และจากวันนั้นเป็นต้นมากระท้อนก็เริ่มฝันร้าย..



ดึกสงัดทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยความเงียบ กระท้อนขยับตัวอยู่ในความมืดสลัวของห้องนอน นัยน์ตาของหล่อนปิดสนิท แต่หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน และเสียงหายใจแรงๆ พร้อมกับเคลื่อนไหวร่างอย่างกระสับกระส่าย แสดงให้รู้ว่า หล่อนกำลังตกอยู่ในห้วงฝันร้ายที่น่ากลัว


อากาศโดยรอบค่อนข้างเย็นแถมเปิดพัดลมไว้ เครื่องเดินเงียบสนิทแทบไม่ได้ยินเสียง แต่กระท้อนก็ยังลุกลนไปมา สีหน้าหมกมุ่นราวกับอึดอัดแทบขาดใจ ศีรษะได้รูปสวยที่ส่ายไปมาบนหมอนพร้อมกับริมฝีปากที่ขมุบขมิบ เหมือนกำลังคุยกับใครบางคน ทว่ากลับไม่ได้ยินเสียงหล่อนลอดออกมา นอกจากเสียงครางเบาๆดังอย่างชัดเจนเป็นระยะๆ


การขยับตัวของหญิงสาวเริ่มแรงและทุรนทุรายขึ้น หน้านิ่วคิ้วขมวดจนดูเหยเก พร้อมกับดิ้นรนราวกับพยายามจะปลดอะไรบางอย่างที่รัดแน่นตรงลำคอระหง จนต้องใช้สองมือมือขึ้นแกะวุ่นวายพัลวันไปหมด


และแล้วเสียงที่อัดอั้นไว้นานของกระท้อนก็ดังออกมาราวกับคนตะโกน ช่วยด้วย!! จากนั้นร่างทั้งร่างกระตุกพรืด ลืมตากว้างสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย!!


หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหน้าที่ชื้นด้วยเหงื่อ ใจยังเต้นสั่นระริกผิดปรกติ ราวกับจะทะลุออกมานอกอก แต่ทั้งๆที่เหงื่อซึมเต็มหน้า กระท้อนกลับรู้สึกหนาวจนสั่นสะท้าน.. ราวแช่ร่างอยู่ในถังน้ำแข็งก็ไม่ปาน 


หล่อนมองมือเท้าที่ซีดขาวโพลนของตัวเอง..ช่างเหมือนคนตายไม่มีผิด ความรู้สึกเกรงกลัวดำรงอยู่ได้เพียงครู่ สาวงามก็สูดลมหายใจเข้าแรงๆใช้มือยันกับที่นอน พยุงตัวลุกขึ้นนั่งอย่างยากเย็น จากนั้นค่อยเอื้อมมือไปกดสวิทซ์ไฟที่หัวเตียง ความสว่างของแสงขับไล่ความมืดสลัวออกไปจากห้องทันที


กระท้อนเหลียวไปมองรอบห้อง แล้วถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก รอยอุ่นๆเริ่มซึมกระจายทั่วกายอีกครั้ง หน้าเริ่มมีเลือดฝาดตามเดิม หล่อนลุกไปรินน้ำเย็นที่เหยือกน้ำใบย่อมบนโต๊ะเครื่องแป้ง ยกดื่มอย่างกระหาย พร้อมกับครุ่นคิดไปถึงฝันร้ายเมื่อครู่


ภาพในความฝันไม่ใช่เหตุการณ์แปลกใหม่ ยังคงซ้ำซากเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา แต่คนประสาทแข็งอย่างหล่อน กลับรู้สึกราวอาบรังสีความกลัวเข้าให้แล้ว และเป็นรังสีความกลัวชนิดจับจิตจับใจ จับไปทั่วรูขุมขนทุกเส้น จนเกิดอาการตั้งชันโดยพร้อมเพรียงกันได้เสียด้วย



สามปีกับอาชีพนักข่าวที่มักเจอคนหลากอาชีพและการต่อว่า กับสามปีที่พัวพันปัญหาคาราคาซังของคนรักที่ยังไม่หย่าขาดจนแล้วจนรอด เคยทำให้กระท้อน พะบู๊ ชนิดถือไม้ถึงมือกับคนหลายคนรวมไปถึงการบุกไปที่ทำงานและที่บ้านเพื่อทำร้ายภรรยาเก่าของนพดลอยู่หลายครั้ง หลังจากที่ขอร้องและข่มขู่เธอให้เธอยอมหย่าไม่สำเร็จ แต่สาวสวยอย่างกระท้อนก็ไม่เคยกลัวใครย้อนกลับมาแก้แค้น...เท่ากับการกลัวความฝันในครั้งนี้


บ้านส่วนตัวของนายบรรจบเสี่ยปั้มน้ำมันคนดังที่ไปสัมภาษณ์อยู่ในซอยส่วนบุคคล ที่หน้าปากซอยมีคอนโดฯ สร้างใหม่ที่หรูหรา และมีเครื่องอำนวยความสดวกสบายกับคนทำงานมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะอาหารการกิน หรือการคมนาคมติดต่อ มีรถรับจ้างตลอด24ชั่วโมง มียามดูแลอย่างแข็งขัน และที่สำคัญ นพดลคนรักของหล่อน ก็มีห้องพักอยู่ที่นี่กับวิวรรณภรรยาเก่า 


ห้องชุดราคาแพงห้องนั้นเป็นของขวัญวันแต่งงาน ที่พ่อแม่ออกเงินซื้อให้นพดล ปัจจุบันเป็นแค่ที่พักของวิวรรณกับลูกสองคน รวมทั้งยายจันคนนั้นด้วย ยายจันมาอยู่ที่คอนโดฯกับวิวรรณ ในตอนที่นพดลเก็บข้าวของย้ายมาอยู่กับกระท้อนที่คอนโดฯเช่าได้สองอาทิตย์ 


ยายจันมาจากไหนคุณยายของวิวรรณอาจจะรู้ เพราะคุณยายเป็นผู้ให้มาอยู่ร่วมบ้านเป็นคนแรก และยายจันก็เป็นคนเลี้ยงดูแม่ของวิวรรณมาแต่เด็ก เมื่อแม่ของวิวรรณแต่งงานกับพ่อ ยายจันก็ขอแยกตัวกลับไปบ้านซึ่งอยู่ในป่าลึก แม้ว่าแม่ของวิวรรณจะตั้งใจ รวมทั้งขอร้องให้ไปอยู่ด้วยกันที่บ้านของพ่อก็ตาม ยายจันก็ยังคงยืนกรานจะขอกลับไปอยู่บ้านป่านั่นเอง


แต่เมื่อแม่เจ็บท้องได้เวลาคลอดวิวรรณ พ่อรีบนำแม่ไปส่งที่โรงพยาบาล แม้ว่าจะเร็วไม่น้อย เพราะว่าโรงพยาบาลอยู่ซอยถัดจากบ้านวิวรรณเพียงซอยเดียว แต่ก็ยังช้ากว่ายายจันที่ยืนคอยเป็นกำลังใจให้แม่ที่ห้องคลอดแล้ว และอีกครั้งในวันที่แม่ตาย ยายจันก็เดินทางมารอที่หน้าวัด เพื่อปลอบโยนวิวรรณหลังเผาศพแม่ โดยที่ไม่มีวี่แววให้รู้ว่ายายจันมาและไปอย่างไร 


หลังจากนั้นยายจันก็หายไปนาน ไปอยู่ที่ไหนวิวรรณไม่เคยรู้ และไม่เคยมีโอกาสได้ส่งข่าวบอกเล่าเรื่องราวทางบ้าน ให้ยายจันได้รับรู้สักที ไม่ว่าจะเป็นการป่วยของแม่ ที่อาการหนักจนเพ้อเรียกหายายจันอยู่หลายหน หรือวันที่เธอแต่งงานกับนพดล ซึ่งพ่อสั่งให้เธอจดหมายไปเชิญยายจันด้วย แต่วิวรรณมัวยุ่งกับข้าวของในวันแต่งงานจนลืมติดต่อไปหา จนลูกชายคนโตของวิวรรณครบแปดขวบและคนเล็กครบห้าขวบ ได้เข้าเรียนประจำที่โรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่ง ซึ่งวิวรรณจะไปรับกลับบ้านเฉพาะวันหยุดเท่านั้น ยายจันที่ไม่เคยปรากฎตัวมานาน ก็มายืนรอเธอที่หน้าคอนโดฯในเย็นวันที่เธอกลับจากส่งลูกทั้งคู่เข้าโรงเรียนประจำในสัปดาห์นั้นแล้ว


ยายมาอยู่เป็นเพื่อนหนูวรรณได้ระยะหนึ่ง และขอให้เชื่อยายไม่ต้องหย่ากับสามีนะ


วิวรรณเลิกสงสัยคำพูดยายจันมานานหลายปีแล้ว รวมทั้งการที่ยายจันรู้ว่าเธออยู่ที่ไหนและมีเหตุการอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตเธอบ้าง วิวรรณไม่อยากเสียเวลาคิด รู้แค่ทุกครั้งที่เธอจะเอ่ยปากบอกเล่าอะไรก็ตาม ยายจันเป็นต้องตอบสวนมาก่อนทุกที ราวกับทุกเหตุการณ์ยายจันอยู่ในนั้นด้วยเสมอ


วิวรรณรู้แค่ว่ายามเธอทุกข์...ยายจันจะขจัดความทุกข์เหล่านั้นให้เธอได้หมด ราวกับ..เป็นเทวดาประจำกาย


ยายจันอายุเท่าไร วิวรรณก็ไม่เคยแน่ใจ รู้แค่ทุกครั้งที่พบยายจันจะอยู่ในวัยชราราว 70 เหมือนที่พบเห็นคนแก่ทั่วๆไป ผมสีเทาเงินที่ตัดสั้นแค่หู กับเรือนร่างผอมบางที่เดินเหินกระฉับกระเฉง คล่องแคล่วแข็งแรง หลังตรงไม่งอค่อม ส่วนที่สะดุดตาคนมากที่สุด อยู่ที่ดวงตาที่คมกริบ มีประกายวาวประหลาด ไม่ขุ่นมัว อ่อนล้าเหมือนตาคนชราทั่วๆไป อีกอย่างเสียงพูดที่แหลมเล็กราวเสียงเด็กๆ แค่ได้ยินเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีใครลืมยายจันได้อีกเลย


วรรณเชื่อยายจ๊ะ ไม่หย่า คงรออีกไม่นานเขาก็คงกลับมาเป็นพ่อที่ดีของลูกวรรณได้เหมือนเดิม ใช่ไหมจ๊ะยาย

ยายจันเพียงส่งรอยยิ้มให้ แค่นี้หญิงสาวก็พอใจแล้ว วิวรรณยังจำพูดของแม่ได้เสมอ และทุกครั้งที่เกิดปัญหาที่แม่แก้ไม่ตก แค่แม่เพ้อบ่นราวคนเสียสติ ซึ่งแม่บอกว่านั่นคือการสวดมนต์ภาวนาของแม่ และไม่นานเธอก็จะพบว่า แม่ยิ้มแย้มแจ่มใสได้เหมือนเดิม แม่บอกว่ายายจันได้เดินทางมาช่วยคลี่คลายปัญหาให้แม่แล้ว


ก่อนแม่สิ้นใจ แม่เรียกวิวรรณเข้าไปหาในห้องหยิบแหวนไม้เก่าๆมาวงหนึ่ง สั่งให้วิวรรณร้อยกับสร้อยคอพกติดตัวไว้เสมอ ยามใดที่มีเรื่องเดือดร้อนใจยากแก้ไข ให้ระลึกถึงยายจันแล้วยายจันจะเดินทางมาช่วย วิวรรณรับปากแม่ทั้งๆที่ไม่เคยเข้าใจความหมายของแม่และยายจันสักที แต่เธอก็เชื่อคนทั้งสองมาตลอด ครั้นยายจันสั่งห้ามหย่า เธอก็ไม่หย่ากับนพดลตามที่เคยตกลงกันก่อนหน้านั้นไว้


เธอจะบ้าไปถึงไหนนะวรรณ เราทั้งคู่ต่างหมดรักกันนานแล้ว เธอจะกอดทะเบียนสมรสใบนั้นต่อไปทำไมให้แสลงใจ ในเมื่อทุกวันนี้ผมก็ไปอยู่กับกระท้อนจนคนรู้กันทั่วแล้ว


วิวรรณไม่ยอมให้เหตุผลใดๆกับการที่เธอคืนคำ ทำให้กระท้อนไม่สามารถพานพดลไปนราธิวาสเพื่อพบบิดามารดาทำการสู่ขอสักที อีกทั้งบางสัปดาห์วิวรรณมักโทรฯไปขอร้องให้นพดลมาดูลูกๆที่งอแงร้องหาพ่อ ทำให้กระท้อนซึ่งเป็นสาวอารมณ์ร้อนโมโหหึงอยู่บ่อยๆ เคยตามมาทุบตีวิวรรณที่คอนโดฯก็หลายหน


กระท้อนเห็นยายจันเป็นครั้งแรก ในวันที่ไปสัมภาษณ์นายบรรจบคนดังของสังคมพร้อมนพดล เมื่อเสร็จสิ้นงานสัมภาษณ์ในบ่ายวันนั้น นพดลเกิดนึกอยากกลับไปเอาอุปกรณ์กล้องบางชิ้น ที่เก็บไว้ที่ห้องเก็บของที่ในคอนโดฯของเขา ซึ่งเขารู้ดีว่าบ่ายๆเช่นนั้นไม่มีใครอยู่ เพราะวิวรรณไปทำงานจึงชวนกระท้อนขึ้นไปด้วย


แต่เมื่อเปิดห้องเข้าไปทั้งหล่อนและนพดล ต้องตกใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ยายจันทักทายคนทั้งคู่ได้ถูกต้อง ทั้งชื่อและนามสกุล ทั้งๆที่หล่อนมั่นใจว่าไม่เคยพบคนแก่คนนี้มาก่อน และที่แปลกแถมน่ากลัวยิ่งขึ้น ตรงที่ยายจันเดินมาเอ่ยเบาๆที่ข้างหูหญิงสาวว่า


คุณกระท้อนอีกสามวัน ที่คุณจะแอบเข้าบ้านนายบรรจบ เอาหมวกกันน็อต ติดมือเข้าไปด้วยนะคะ

กระท้อนอึ้งไปนาน จนนพดลเดินออกมาจากห้อง พร้อมอุปกรณ์กล้องสามชิ้นนั้น เขากระซิบถามคนรักว่า

ท้อนรู้จักยายคนนี้ด้วยหรือครับ ผมเพิ่งเคยเห็นญาติวรรณก็ครั้งนี้แหละ

กระท้อนงงเป็นไก่ตาแตกทันที ยายคนนี้ทำไมรู้จักหล่อนและนพดลนะ รวมทั้งรู้เรื่องอีกสามวัน ซึ่งเป็นความลับเฉพาะของหล่อนกับนพดล และบรรณาธิการผู้เป็นทั้งเจ้าของนิตยสารโลกก้าวหน้าด้วย


การแอบปีนเข้าไปหลบที่สวนของนายบรรจบ ในยามราตรีเพื่อสืบความเคลื่อนไหวบางอย่าง ที่ตกเป็นข่าวลือเกี่ยวกับการคอรัปชั่นของนายบรรจบนั้น เป็นเรื่องซ่อนอันตรายอยู่ไม่น้อย ถ้ากระท้อนไม่ใช่เคยฝึกวิชาป้องกันตัวมาจากกรมตำรวจบ้าง คงไม่กล้าเสนอหน้าเข้าไปเสี่ยงกับงานนี้แน่ เรื่องลับแค่3คนรั่วไหลไปให้ยายจันรู้ได้อย่างไรกันนะ? กระท้อนที่เคยสอบเข้ารับราชการเป็นตำรวจอยู่พักหนึ่ง เริ่มครุ่นคิดทันที


แต่อย่างไรก็ตามกระท้อนก็นำหมวกกันน็อค ที่ใช้ตอนขับมอเตอร์ไซด์ถือติดมือเข้าไปด้วย ในคืนนั้นหลังจากหญิงสาวแอบจอดรถไว้ตรงบ้านของคนฝั่งตรงข้ามกับบ้านนายบรรจบ โดยอาศัยความมืดสลัวของพุ่มไม้ที่เจ้าของปลูกจนยาวเลื้อยเกาะติดรั้วมาปิดบังตัวรถแล้ว หล่อนก็ลัดเลาะเข้าไปที่รั้วบ้านนายบรรจบ ซึ่งนพดลทำเครื่องหมายที่เก็บซ่อนบันไดยึดหดสีคล้ำเล็กเบารอไว้ให้ตัวหนึ่ง 


ซึ่งคืนนี้สายบอกมาว่าสมุนส่วนใหญ่จะไม่เข้ามาใกล้ตัวบ้านนายบรรจบ เพราะสส.ที่มาประชุมลับไม่ต้องการให้ใครรู้เห็นความเป็นไปในบ้านได้ หญิงสาวกับนพดลต้องทำการลอบเข้ามาตั้งแต่ก่อน4ทุ่ม เพราะถนนส่วนบุคคลสายนี้จะปิดตอน5ทุ่ม และเปิดให้ชาวบ้าน และคนขับวินมอเตอร์ไซด์ใช้เป็นทางผ่านเข้าออกได้อีกตอนราว6โมงเช้าของอีกวัน เมื่อกระท้อนดึงบันไดสปริงตัวเบามากางตั้งก่อนปีนขึ้นต้นมะขามหวาน แล้วกระโดดเข้าไปที่ชานเรือนคนใช้ได้แล้ว หล่อนจึงโทรฯไปบอกความเรียบร้อยให้นพดลดำเนินแผนขั้นต่อไปทันที จากนั้นก็ปิดมือถือซ่อนบันไดตัวเล็กเบาที่ทรงคุณภาพที่สั่งตรงจากนอก สอดไว้ตรงลูกกรงของเรือนคนใช้ที่ไร้คนในยามนี้ ก่อนกระโดดไปที่ระเบียงหลังบ้านของนายบรรจบ ที่ยามนี้เงียบสงบราวบ้านร้างเช่นกัน กุญแจเก่าๆที่จวนขึ้นสนิมไม่ยากต่อการเปิด ไม่นานหล่อนก็ลอดตัวเข้าไปในบ้านหลังนั้นได้อีกครั้ง


บ้านไม้หลังเก่าที่เจ้าของบ้านแค่ทาสีใหม่ทุก2ปี ไม่ได้มาอาศัย แต่ใช้เป็นที่ประชุมลับเกี่ยวกับงานหลายต่อหลายหน กว่าจะซื้อเส้นทางสายนี้เข้ามาที่บ้านนี้ได้ วัทหนุ่มใหญ่วัย45เจ้าของนิตยสารโลกก้าวหน้าจ่ายไปไม่น้อยเลยการร่วมมือทำงานลับให้กับกรมตำรวจไทย คนทั้ง3ทำมาหลายหนแล้ว กระท้อนจึงไม่เคยเชื่อเลยว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายของหล่อนด้วย!!!


บนบ้านไม้เก่าๆหลังนี้ชั้นบนจะมีที่แอบมองผู้คนที่ห้องรับแขกได้ถนัดชัดเจนอยู่ที่หนึ่ง กระท้อนกบดานรอเวลาอยู่ตรงนั้นเอง


ส่วนนพดลจะทำทีขับรถตู้อ้อมไปอีกถนนด้านหนึ่ง ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำ และจากจุดตรงนั้นเขาจะแอบถ่ายภาพสส.และผู้คนที่ร่วมมือทำชั่วได้สดวก และปลอดภัยจากสายตาคนพบเห็นได้มากที่สุด ใครเห็นจะคิดแค่คนมารอถ่ายภาพแม่น้ำในยามอรุณ..


คืนนี้กระท้อนมีหน้าที่เข้าไปใกล้คนทั้งสามให้มากที่สุด เพื่ออัดเสียงทั้งสส.ทวี สส.อรอนงค์ รวมทั้งตัวนายบรรจบด้วย จะต้องพยายามนำเครื่องเล่นอัดเสียง เข้าไปใกล้คนเหล่านั้นให้มากที่สุด เนื่องจากคราวก่อน สัญญาณที่ติดตั้งไว้ระยะไกล ได้รับคลื่นรบกวนจากรถมอเตอร์ไซด์ ที่วิ่งรับส่งคนเข้าออกที่ถนนอีกตลอดเวลา จนทำให้จับความได้ไม่สมบูรณ์ดี หล่อนนำเครื่องดักฟังไปวางตามจุดต่างๆหลายแห่งได้ง่ายดาย เพราะทุกที่ล้วนไร้คนกว่าทุกคนจะเดินทางมาก็คงอีกราว 4 ชั่วโมง ทางที่หล่อนเล็ดลอดตาสมุนของบรรจบเข้าไป ก็ซื้อไปด้วยเงินก้อนโตอีกเช่นกัน


กระท้อนไม่เคยกลัวการทำงานแบบนี้ หล่อนทำมานับครั้งไม่ถ้วน นพดลและวัท บรรณาธิการหนุ่มใหญ่ต่างเชื่อใจในฝีมือเสมอมา คืนนี้หล่อนก็มาด้วยความมั่นใจเช่นเดิม การเป็นนักข่าวรายได้ไม่ดีเท่าเป็นนักสืบราชการลับให้กรมตำรวจ คนทั้งสามจึงพร้อมใจมาร่วมมือกัน หญิงสาวเคยคิดว่าจะทำไปอีกสักระยะให้พอมีฐานะดีกว่านี้และช่วยนพดลเปิดห้องภาพหรูหราและใหญ่ที่สุดในประเทศไทยได้สำเร็จก็จะวางมือ มาเป็นแม่บ้านให้เขาเพียงอย่างเดียว กระท้อนคงไม่เชื่อและไม่มีวันเชื่อ ถ้ามีใครบอกหล่อนว่า...นับจากเหตุการณ์คืนนี้ผ่านไปหล่อนจะฝันร้ายไปจนวันตายเลยทีเดียวเชียวละ!!


คืนนั้นหล่อนพบภาพการฆ่าคนเพื่อปิดปากอย่างอำมหิตเลือดเย็นที่สุด มือปืนที่กระหน่ำกระสุนนัดแล้วนัดเล่า เลือดแดงฉานพุ่งกระจาดกระจาย และเสียงร้องโหยหวนของสส.ทั้งคู่ ที่ตายอย่างไม่ทันตั้งตัวแถมศพถูกเก็บลงในกระสอบ แล้วนำไปถ่วงลงแม่น้ำ


ทุกภาพกระท้อนเก็บเสียงได้ชัดเจนทุกขั้นตอน แต่ขณะที่ปีนบันไดกลับออกมาทางเดิม กระท้อนยังไม่หายตื่นตระหนกจากเหตุการณ์ผิดคาดหมายเมื่อครู่ ทำให้หล่อนก้าวเท้าพลาดไปนิดหนึ่ง ร่างจึงร่วงหล่นที่พื้น เกิดเสียงดังขึ้น ทำให้มือปืนคนนั้นลงจากรถย้อนเดินกลับมาที่มุมรั้วอีกหน ทว่าเป็นเวลากับที่กระท้อนขึ้นสตาร์ทรถมอเตอร์ไซด์เก่าๆที่เช่ามาจากวินปากซอยแล้ว...


และด้วยหมวกกันน็อคใบนั้นกับรถมอเตอร์ไซด์เก่าๆ หล่อนจึงอำพรางตัวหนีรอดจากการตามสกัด ออกมาที่ปากซอยอีกทางได้สำเร็จ ซึ่งในยามปรกติกระท้อนเป็นผู้หนึ่งที่มักฝ่าฝืนกฎ เกี่ยวกับการสวมหมวกกันน็อคมาเสมอ เพราะรังเกียจกลิ่นอับเหงื่อของเจ้าของรถที่เช่ามาพร้อมหมวกนั่นเอง เมื่อกลับมาที่ห้องพักได้อีกครั้ง ในคืนนั้นหล่อนก็เริ่มต้นฝันร้ายที่น่ากลัว!!!


ฝันถึงการตายของตัวเอง ในฝันหล่อนถูกฆ่ารัดคอจากมือปืนปริศนา??นับวันฝันก็ยิ่งชัดเจนละเอียดมากขึ้นทุกที จนหล่อนเริ่มปวดหัวระแวงว่าเป็นลางสังหรณ์ บอกเหตุอะไรสักอย่าง หรือหล่อนจะเป็นคนต่อไปที่ถูกสั่งเก็บ? 


การที่นายบรรจบถูกจับตามองจากหลายฝ่าย ไม่ใช่แค่นิตยสารโลกก้าวหน้ากับหนังสือพิมพ์ข่าวเท็จจริง ที่ปองพลเป็นเจ้าของ นำมาขุดคุ้ยเท่านั้น จึงไม่น่าที่นายบรรจบจะรู้ว่า หล่อนกับนพดลเข้าไปร่วมมือกับตำรวจเพื่อสืบความลับของเขาแน่...แล้วฝันของเราสื่อถึงลางร้ายอะไรกันแน่นะ?


กระท้อนสลัดหัวไปมาเพื่อขับไล่ความมึนงง แม้ตอนนี้บรรณาธิการ จะสั่ง ให้หล่อนพักร้อนได้ 2 อาทิตย์ก็ตาม แต่หล่อนก็ไม่รู้จะเดินทางไปไหนดี เพราะมัวกังวลแต่เรื่องฝันอยู่ทุกคืน รึ..ไปหายายจันอีกครั้ง? 


ท้อนครับ รีบมาที่บ้านพี่วัทด่วนนะ เราได้หลักฐานที่มั่นใจจะลากไอ้บรรจบ เข้าคุกอีกชิ้นแล้วครับ


กระท้อนจึงต้องพับเก็บความคิดเรื่องส่วนตัวลงอีกครั้ง จัดแจงคว้ากุญแจแล้วล็อกห้อง นพดลไม่ได้กลับมานอนที่คอนโดฯนานนับสัปดาห์ เพราะภาพที่ถ่ายมามากมายต้องตัดแต่งหลายแห่ง เขาจึงย้ายไปพักกับวัทบรรณาธิการหนุ่มใหญ่ไฟแรงคนนั้นที่ห้องชั้นบนของที่ทำงาน ทั้งคู่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อเร่งมือให้งานลุล่วงแล้วเสร็จในเร็ววัน 


ซึ่งก่อนหน้านั้น หล่อนจะ เข้าร่วมงานด้วยอย่างกระตือรือร้น มีแต่อาทิตย์ที่ผ่านมา นับแต่เกิดเรื่องขึ้น วัทเห็น อาการหน้าซีดเซียวมักเหม่อลอยของหญิงสาว จึงสั่งให้พักร้อนชั่วคราว เพื่อให้หล่อนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่



เอ็งแน่ใจนะ ไอ้เป๋


ชายขาพิการพยักหน้า สมศักดิ์ควักแบ็งค์ร้อยสามใบส่งให้ชายพิการ เขารับแล้วเดินห่างไป สมศักดิ์หยิบมือถือออกกดหมายเลขถึงนายบรรจบ หลังสนทนาสักครู่ ชายฉกรรจน์หน้าเข้มหนวดดกจึงเดินเตร่ไปมาตรงแถวบริเวณนั้น เพื่อรอเวลาทำการลับ ครั้นเหลือบไปเห็นแม่ค้าหาบข้าวแกงที่ริมทาง เขายกข้อมือขึ้นดูเวลา.. ยังอีกนานเขาบ่นพึมพำก่อนเดินตรงที่แม่ค้า แล้วนั่งลงที่ม้านั่งตัวเล็ก สั่งข้าวลาดแกงเนื้อมากินอย่างเอร็ดอร่อย


แม้ยามนี้สมศักดิ์ไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทองเหมือนสมัยก่อน เหมือนตอนที่เดินทางมาจากอีสานใหม่ๆ แต่บางครั้งเขากลับอยากกินนอน ง่ายๆเหมือนสมัยก่อนอีกครั้ง...เป็นเรื่องธรรมดาตามความเคยชินของมนุษย์ ที่มักผูกพัน กับสิ่งที่จำเจมานานวัน แม้ได้ไปพบเจอะเจอสิ่งที่คิดว่าดีเลิศกว่าในวันหน้า แต่ส่วนลึกๆในใจ ก็ยังหวนอาลัยคิดย้อนกลับสู่จุดเดิม ที่เคยให้ความรู้สึกจำเจในความเจ็บปวดน้อยใจอีกเสมอ


สมศักดิ์รู้ตั้งแต่คืนนั้น แต่เพิ่งค้นพบว่าชายร่างเล็กบางที่ขับมอเตอร์ไซด์วินหน้าปากซอยเป็นนักข่าวหญิงคนนี้ การมาเป็นมือปืนให้บรรจบเพียง2ปี กับการฆ่าคนซึ่งต่างกันไม่ไกลกับการรับจ้างฆ่าไก่ในสมัยก่อน ทำให้เขามีใจเยือกเย็นถึงขั้นอำมหิต ลงมือได้เฉียบขาดในทุกครั้ง


ทว่า มนุษย์ก็คือมนุษย์ยังไม่ละสิ้นจิตใจเมตตา ในคืนนั้นเขาทั้งเหนื่อยและเพลียเพราะสังหารไปหลายคนพร้อมๆกัน จึงละเว้นการติดตามกระท้อนอย่างทันที แม้สายจะรายงานเขาว่าพบหล่อนที่จุดใดแล้ว สมศักดิ์แค่สั่งให้ลูกน้องเฝ้าดูหญิงสาวห่างๆไว้ก่อนเท่านั้น ทำให้กระท้อนชะล่าใจ


การเป็นนักฆ่าไม่ใช่อาชีพที่สมศักดิ์รักเลย แต่เมื่อหางานเกือบทุกที่ไม่ได้ ด้วยเกิดมาหน้าตาดันคล้ายโจรในความรู้สึกของชาวบ้านที่พบเห็นบ่อยๆ อีกทั้งมักถูกอันธพาลทุบตียามเจอะเจอพบหน้ากัน ทำให้เขาเบนความคิดไปผิดทาง มองแค่ผู้มีกำลังกล้าแข็งและเล่ห์เหลี่ยมจัดเท่านั้น จึงมีสิทธิ์เดินในสังคมคนเมือง เมื่อเพื่อนชวนไปทำงานกับนายบรรจบที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งมีรายได้ดีกว่าการฆ่าไก่เขาจึงรีบตามไปทันที


ไม่นานเขาจึงรู้ว่าเบื้องหลังการได้รายได้นับหมื่นคือการฆ่าอีกนั่นเอง ทว่าการฆ่าครั้งนี้ไม่ใช่ไก่ เป็นคนเช่นเดียวกับเขา แม้บางวันจะมีความคิดเบื่องานนี้ขึ้นมาบ้าง แต่เขาก็ไม่กล้าถอยหลังกลับไป เพราะไม่งั้นเขานั่นแหละ จะต้องไปรายงานตัวที่ยมโลกแทน

.

ห้าทุ่มนพดลลงมาส่งกระท้อนที่รถ เมื่อรถของหญิงสาวแล่นออกไป สมศักดิ์ก็ขับตามไปเรื่อยๆ เมื่อกระท้อนดับไฟที่ห้อง สมศักดิ์ก็เริ่มลงมือทำงาน เขาตรงไปที่ด้านหลังคอนโดฯ อาศัยความมืดและช่วงเวลาที่ คนเก็บขยะกำลังง่วนกับงาน เล็ดลอดเข้าประตู ตรงไปที่ห้องของกระท้อนทันที เขาใช้ผ้าชุบน้ำใสๆ ก่อนคาดปิดปากตัวเองแล้วจุดวัตถุขึ้นชิ้นหนึ่ง สักพักตลอดทั่วทางเดินเต็มไปด้วยหมอกควันกลิ่นเอียนๆชวนเวียนหัว


แปลกยิ่งนัก เมื่อสมศักดิ์เจาะกลอนหน้าห้องของกระท้อนด้วย ที่เจาะไฟฟ้ากระทัดรัดอันหนึ่ง แม้เกิดเสียงไม่ดังกึกก้อง แต่ยามดึกสงัดเช่นนี้มันก็ดังชัดเจนทั่วชั้น..แต่ไม่มีใครตื่นเยี่ยมหน้าออกมาดูสักคนเดียว!!


กระท้อนเริ่มฝันอีกแล้ว ชายร่างหนา มือเท้าโตหยาบหนา อย่างคนกรำงานหนัก เดินไปหยิบเสื้อคลุมเนื้อเนียนบางของหล่อน ที่แขวนอยู่ข้างๆโต๊ะเครื่องแป้ง เขาจับเสื้อนั้นบิดเป็นเกลียว ก่อนนำมาคล้องรอบคอกระท้อน มัดเสื้อเข้าหากัน ค่อยๆรัดจนเริ่มติดรอบลำคอระหงนั้น 


จากนั้นเขาก็ถอดรองเท้าออกเหลือไว้แต่เพียงถุงเท้า ยกขาข้างหนึ่งกดยันไว้ตรงปลายคางของกระท้อน สองมือจับชายเสื้อที่มัดรอบคอหล่อน..กระชากสุดแรงเกิด กระท้อนสะดุ้งเฮือก ก่อนดิ้นรนกระเสือกกระสนยิ่งขึ้น หน้านิ่วคิ้วขมวดจนดูเหยเก พร้อมกันนั้น หล่อนก็ยกสองมือขึ้นพยายามแกะสิ่งที่รัดรอบคอตัวเอง ไม่นานหล่อนเริ่มรู้สึกว่าทั่วร่างเหมือนไร้สิ้นเรี่ยวแรง มือไม้อ่อนปวกเปียก..และแล้วหญิงสาวก็แน่นิ่งไป


ไปสู่ที่ชอบๆนะคนสวย บนเส้นทางนั้นไอ้ปองพลไปรออยู่แล้ว คงไม่เหงาแน่


สมศักดิ์ปลดเสื้อออกจากคอกระท้อนม้วนเป็นก้อน สอดเข้าถุงกระดาษที่หยิบมาจากบนโต๊ะเครื่องแป้ง เปิดประตู หิ้วถุงเสื้อกับกระเป๋าใส่เครื่องเจาะไฟฟ้า ที่ทิ้งไว้ตรงหน้าห้อง เดินกลับลงไปที่ทางเดิม เมื่อผ่านทีวีวงจร ตรงมุมประตู เขาก็ขยับคอเสื้อขึ้นปิดแนบหน้า ดึงหมวกให้กดต่ำลง ก้มหน้าเปิดประตู กลับขึ้นรถขับออกไป

.

คุณกระท้อนคะ ลุกขึ้นเถิด ยายมารับคุณแล้วค่ะ อย่าให้ท่านทูตรอนานนะคะ

กระท้อนค่อยๆลืมตาขึ้น ตัวเบาหวิว ร่างลอยไปมาได้?? กระท้อนตาตื่น เหลียวมองยายจัน ยายจันไม่ได้ตอบอะไร นอกจากชี้มือไปที่เตียง กระท้อนหันไปมองตามร่างที่หลับแน่นิ่งไม่ไหวติง ช่างเหมือนหล่อนราวกับแฝด ยายจันตอบคำถามนั้นว่า


ใช่ค่ะยายมารับวิญญาณคุณ ยายมาจากแผนกเสริมบุญ ปลดทุกข์ค่ะ มาเพื่อรับคุณไปเป็นเจ้าสาวของท่านยมทูต คุณนับว่าโชคดีนะ ที่คราวก่อน คุณไปบ้านนายบรรจบ เผอิญท่านยมทูตประจำการพอดี ท่านไปรับวิญญาณของ สส. 2 คนนั้นแล้วเกิดถูกชะตากับคุณ หลังจากที่ได้ส่งภรรยาเก่าไปเกิด ท่านก็เป็นหม้ายมานาน... พอดีตำแหน่งผู้ช่วยยมทูตว่างลงอีก ท่านเลยติดต่อไปที่แผนกของยาย ให้ช่วยหาคนเก่งๆไปทำหน้าที่นี้อีก ยายตรวจรายชื่อไปมา พบว่าคุณเหมาะสมที่สุด เลยเดินทางมารอรับคุณ เพื่อไปทำหน้าที่นี้แถมเป็นโชคสองต่อที่ได้ไปเป็นเจ้าสาวคนต่อไปให้ท่านยมทูตด้วย


ไม่นะคะยาย ท้อนมีลูกได้เกือบ2 เดือนแล้ว ให้ท้อนคลอดลูกก่อนได้ไหมคะ


หญิงสาวต่อรองด้วยเสียงสั่นสะอื้น หล่อนยังอาลัยทุกๆอย่างบนโลกนี้รวมทั้งชายคนรัก


ถ้าคุณไม่ตายตอนนี้ อีกแค่10วันคุณก็จะถูกสิบล้อทับตาย หรืออีกที อีก3เดือนคุณก็จะตายเพราะแท้งลูก เสียเลือดเกินขนาดนะคะ ตายตอนนี้ดีที่สุดแล้วค่ะ...ไปช่วยท่านยมทูตจับวิญญาณเลวร้ายดีกว่านะคะ เมื่อกรรมหมดลงคุณจะได้ไปเกิดใหม่มีคนรักจริงๆกับเขาสักที เรารีบไปกันเถิดค่ะ ช่างตัดเสื้อคงมารอที่สะพานความตาย เพื่อวัดตัวตัดเสื้อให้คุณแล้วนะคะ แค่เราเดินผ่านสะพานความเป็นนี้ไปคุณก็จะพบโลกใหม่ของคุณทันที


ท้อนยังไม่อยากตาย ท้อนอยากอยู่กับนพดล ยายช่วยท้อนด้วย ฮือๆๆๆ


ยายช่วยคุณไม่ได้ค่ะ ที่จริงคุณอาจจะแค่อาการสาหัส ถ้าคุณไม่ได้แย่งคนรักใครอีก แต่นี่เคราะห์กรรมเจอกำลังบวก จึงหนักมากกลายเป็นสองเท่า เพราะคุณเคยแย่งคนรักของคนอื่นมาหลายหน และหลายชาติแล้ว คำสาปแช่งต่างๆของคนเหล่านั้น จึงกลายเป็นเส้นใยอุปสรรคล้อมชีวิตคุณไว้ ให้พบแต่ความทุกข์ในเรื่องรักมาโดยตลอด และชาตินี้คุณก็ยังทำลายความรักคนอื่นอีก แรงอาฆาตแค้นทั้งหลายที่หุ่มตัวคุณมาแต่ชาติก่อน จึงทะลักพลังออกมาผลักให้คุณตกลงไปที่ความซวยสายด่วน แล้วยังมาบวกกับคราวเคราะห์เบญจเพสของคุณ ทำให้คุณต้องตายก่อนเวลา ถึง25 ปีแต่คุณไม่ต้องกลัวเหงานะคะ เพราะท่านยมทูตดุแค่ใบหน้าเท่านั้น ใน 25ปีมนุษย์ คุณจะได้ไปเสวยสุขกับท่านยมทูต มีความรักที่สมหวังแน่นอนค่ะ


ยายจันจูงมือกระท้อนที่น้ำตาอาบหน้า เดินผ่านสะพานความเป็นไปสู่สะพานความตายที่ทอดยาวที่เบื้องหน้าอย่างช้าๆ เมื่อหญิงสาวหันกลับมาที่หน้าต่างห้องพักของตน ภาพนพดลกับลูกและภรรยาปรากฎขึ้นช้าๆ ทุกคนกำลังโบกมือให้หล่อนพร้อมด้วยรอยยิ้มอันเป็นสุข กระท้อนหันหน้ากลับเดินตามยายจันโดยไร้หยดน้ำตาอีก..ที่กึ่งกลางสะพานเป็นตาย ยายจันตักน้ำจากตุ่มสีมรกต ยื่นน้ำสีใสเปล่งประกายมาให้กระท้อนดื่ม หญิงสาวดื่มโดยหมดความลังเลอีกต่อไป น้ำละลายความทรงจำหยดสุดท้ายไหลลงลำคอหญิงสาว ภาพเบื้องหน้าที่ไกลลิบๆลอยใกล้เข้ามา ชายในร่างสูทสูงสง่า มายืนรอรับหล่อนด้วยช่อดอกไม้และรอยยิ้มอย่างเต็มใจ				
29 มีนาคม 2551 03:24 น.

ทำไมอยาก...ลอก...งานของผู้อื่น??

โอเลี้ยง

1072622_3663941.jpg





สังคมปัจจุบันเอื้ออำนวยให้เราเด่น ดัง และสวยได้รวดเร็วที่สุด ขอแค่เพียงมีเงิน
ในอดีตหลายพันปีที่ผ่านมา เรามักได้ยินคำว่า มีเงินถือว่ามีพระเจ้าคุ้มครองยัง
คงใช้ได้จนบัดนี้

จะเห็นได้ว่า นายต่างๆกลายเป็น...นางสาวแถมสวยกว่าสตรีแท้ๆอีกหลายหมื่นคน
ก็เพราะ...เงิน   และคนมีชื่อเสียงได้ง่ายดายอีกทางหนึ่งก็ด้วย..เงินอีกเช่นกัน
การเปิดบล็อก เปิดเวบ การไปเล่นฟรี หรือจะเปิดเองโดยยอมเสียค่าบริการต่างๆ
ในปัจจุบันนี้มีมากและง่ายยิ่งกว่า...การหาอากาศบริสุทธิ์

และเมื่อเราเปิดบล็อกหรือเปิดเวบแล้ว สิ่งต่อมาคือ...หาข้อมูลต่างๆมาเสนอ การหา
งานเขียนต่างๆมาประดับเวบหรือบล็อก ต่างก็มีเทคนิคและวิธีการไม่ต่างกันสักเท่าไร
ไม่ว่าจะเป็นการเขียนกลอน นิยาย พูดคุยเรื่องอาหารการกิน ตลอดจนไปถึงเรื่องเซ็กส์

ณ ที่นี้จะขอกล่าวแค่เรื่องเดียว คือการเขียนหนังสือ  เขียนไม่ว่าจะเป็นกลอน นิยาย หรือ
บทความต่างๆ  สิ่งหนึ่งที่มักมีมาให้เราท่านได้อ่านได้ถกเถียงไม่สิ้นสุดคือ....  โดนลอกงาน 

ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อน การลอกนั้นถ้าพิจารณาดีๆ เราจะพบคนลอกงาน 2 จำพวก
1.	ลอกอย่างผู้รู้ดี
2.	ลอกอย่างผู้เพ้อ

การลอกอย่างผู้รู้เราจะเรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่า การเรียน เช่น เรียนลีลาการแต่งกลอน แต่งนิยาย
ดังเช่นตัวอย่างง่ายๆ ยามเราสวดมนต์ หรือ อ่านกลอนท่านสุนทรภู่ 

เราจะรู้ทันทีทุกครั้งที่ได้ยินคนสวดหรือเขียนคำสวดบทต่างๆ(กรณีเราเคยท่องจำมา) ว่าเขาท่องมนต์
อะไร มีประวัติความเป็นมาอย่างไร หรืออีกแนวหนึ่งและเราจะบอกได้ทันทีว่า คนๆนี้เขียนกลอนแนว
เดียวกับท่านสุนทรภู่หรือไม่ โดยจากการที่เราท่านเคยอ่านผลงานของท่านบรมครูมา  และผู้ลอกกลุ่มนี้ 
จะเป็นผู้ลอกที่เก่ง และเป็นผู้ลอกนักพัฒนา สามารถนำแนวการที่ เลียนตามไปพลิกแพลงเป็นการเขียน
 ฉบับของตน ได้ในที่สุด
 
ส่วนนักลอกผู้เพ้อนั้น เราท่านจะเห็นได้ง่ายอีกเช่นกัน  มักประกาศตนเป็นผู้มีความสามารถหลายอย่าง มักมี
ข่าวโคมลอยที่ เลิศหรู  โก้ ไปทุกอย่าง  อีกทั้งมีอัธยาศัยใจคอน่ารักเป็นที่สุด  มักมีเพื่อนพ้องล้อมหน้าล้อมหลัง
ล้อมเต็มบล็อก ล้อมเต็มเวบ ฯลฯ  มักมีผลงาน ...ดี..เด่น..ดัง..เหนือกว่าผู้คนทั่วไป ชนิด 7-11 (ตลอด24ชั่วโมง) 
ทว่า
ลองมีผู้ใดเข้าไปตั้งคำถามเกี่ยวกับบทความที่เขา...อ้างว่าเขียนเองสิ

จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที  ....ช้าก่อน อันนี้แค่นักลอกผู้เพ้อ  รุ่นอ่อนหัดเท่านั้นนะ   ถ้าเป็น นักลอกรุ่นเก่าเก๋ากึ๋กละก็  เขาจะมีลีลาการเล่าได้ไม่เลว....ทว่าอย่าเพิ่งแปลกใจหรือเชื่อว่าเขาเขียนงานเองจริง  การดูนักลอกกลุ่มนี้ไม่ยากเลย   เมื่อเราตั้งคำถามมากมายเข้าไปถึงจุดเน้นต่างๆของบทความ หรือบทกลอนเหล่านั้น ที่เขากล้าอ้างว่า.....เขียนมากับมือ  ท่านจงถามต่อไปเถิด  ถามต่อไปตามความจริงที่ท่านรู้ดี(กรณีท่านเป็นเจ้าของงานเขียนตัวจริง)   มินาน ท่านจะพบสิ่งมหัศจรรย์ทันตาเห็นเลย  คือบล็อกหรือเวบเหล่านั้นมีอันเป็นไปอย่างรวดเร็วกว่านักเล่นกล  .....และท่านอย่าเพิ่งภูมิใจนะที่จับคน....ลอกงานท่านได้  เพราะ 

นักลอกเหล่านี้เขาสามารถแปลงตัวเร็วกว่าจิ้งจก   เมื่อโดนจับได้ครั้งนี้  ครั้งหน้าเขามีประสบการณ์มากขึ้น รู้ทาง
หนีทีไล่ได้อีกขั้นหนึ่ง  ดังนั้นถ้าท่านบังเอิญต้องโคจรชีวิตไปหลงในกลุ่มคนลอกพวกนี้  สิ่งหนึ่งที่ต้องทำทันที คือ พยายามท่องเอาไว้ เราดังแล้ว  เพราะนักลอกพวกนี้ที่เขาเลือกลอกคน  เขาไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าลอก  เขาลอกอย่างมีลีลาลีลาศไม่น้อย  

เช่น  ดูว่าผู้ที่เขาคิดลอกงาน  มีงานหลายแนวไหม  มีงานเขียนเยอะไหม  งานของเขาสะดุดตาคนมากพอไหม เมื่อ
พิจารณาแล้ว  ก็มาคิดการลอก...ก่อนลอกเขาก็คิด  จะลอกทั้งดุ้น...หรือบางประโยคดีละ?

ตรงนี้แหละเราจะเห็นได้ชัดที่สุด   ถ้านักลอกคนนั้นยัง อ่อนหัด มักลอกไปทั้งดุ้น  ไม่มีการอ่านตรวจทาน ไม่มี
การเว้นวรรค  ไม่มีการตรวจว่า ผู้ที่เขาลอกไปนั้นเขียนผิดคำใดหรือเปล่า  และถ้าคนลอกผู้นั้น เคยโดนคนจับได้บ่อยๆแล้วละก็  วิธีการลอกจะต่างไปอีกแบบ  นั่นคือ

เขาจะทำการ  ผ่าบทความ โดยนำการเขียนของบุคคลที่ ๑ ไปต่อกิ่งกับ บุคคลที่๒ -๓-๔ ฯลฯ  และเติมคำแปลกๆที่เขาคิดว่า  มันเท่ห์มาก  ลงไปในบทความเหล่านั้นด้วย  เพื่อประกาศว่า... นี่แหละข้าฯเขียนเอง

อย่าเพิ่งทำหน้ากังวลจนเกินเหตุนะท่านผู้อ่าน....วิธีจับนักลอกเหล่านี้....มิได้ยากเลย!!!!

สังเกตสักนิด นักเขียนหนังสือเก่งจริงทุกท่าน  มักอ่านหนังสือ แตกความและแปลความได้ทันที  และสิ่งสำคัญ
นักเขียน ตัวจริงมักเว้นวรรค  แต่คนลอกงานกลุ่มนี้เขาไม่เว้นวรรคนะ...เพราะว่า  เว้นวรรคคนจะจับผิดได้ง่าย
ไงล่ะ   และที่เขาต้องเขียนติดยาวเหยียดให้เบียดกันเป็นปลากระป๋อง  เพราะเขาอ่านหนังสือ ข้ามและกระโดดไปมา เขาก็อปปี้ไปวางติดๆกัน เพื่อโชว์ว่า.... เด่นนะเนี๊ยะเขียนได้ยาวกว่ารถไฟแค่นั้นเอง...หาใช่อ่านเข้าใจไม่?

ทีนี้ก็มาถึงว่า ทำไมต้องลอกเราละ?   เขาเลือกเราเพราะเขาฝันถึงเราเสมอไงละท่าน!!! 

เพราะเขาตั้งความหวังอยากเป็นบุคคลผู้นั้นมากๆ  อยากมีชีวิตไปยืนแทนที่คนผู้นั้น  แต่พยายามแล้วพยายามเล่า
สมองและความคิดมันก็ยังทรยศไม่ยอมคล้อยตามให้เหมือน.... ในที่สุดทางเดียวที่จะไปสู่ความฝันของเขาได้ทันใจคือ............ลอกผลงานบุคคลผู้นั้นมันเสียเลย  และเมื่อลอกนานเข้าจึงมักตกเป็นทาสของ...
 เชื้อโรคแห่งความคิด......คิดว่าเขาคือบุคคลที่เขาลอกงานมานั่นเอง!!! 

ปล. วันนี้คุณเจอ....คนลอกงานคุณแล้วหรือยังคะ? ถ้าเจออย่ากลัวอย่าดีใจเกินไปนะ
เพราะว่า....พรุ่งนี้คุณอาจต้องเจอคนลอกอีกเป็น...เท่าตัวค่ะ				
26 มีนาคม 2551 14:54 น.

เหงาสีชมพู

โอเลี้ยง

1072622_3663956.jpg

ความเหงามีหลายแบบ แบบหนึ่งที่น้อยคนจะปฎิเสธมัน 
นั่นคือ ความเหงาสีชมพู 

เป็นเหงาที่เรามักแอบยิ้ม แอบหัวเราะกับกระจกเงาเรื่อย 
ไปถึงถังขยะที่ส่งกลิ่นรุนแรงที่หน้าบ้าน 

เป็นความเหงาที่เราไม่เต็มใจสักนิดที่จะให้เกิดขึ้น 
แต่เราก็ยินดีรับมันเข้ามาในอารมณ์..เมื่อพบประสบเข้า 

เหงาที่ได้คิดถึงเขา เหงาที่ได้มีเขาอยู่ในใจ 
เหงาที่ได้คอยเป็นห่วงหา เหงาที่ได้รู้ว่า..เราอยู่นอกสายตาเขา

เหงาที่เกิดขึ้นแบบนี้เป็นเหงาของคนแอบรัก 

แอบรัก แอบชอบเขา แอบเป็นห่วงเป็นใยกับตัวเขาตลอดเวลา 
แม้รู้ทั้งรู้ เขามีคนอื่นที่ไม่ใช่เราอยู่ในใจแล้ว 
ทว่า 

ความรู้สึกดีๆที่มีให้ ยังไม่ยอมปลดตะขออาลัยจากเขานะสิ 
เราล็อกความอาลัยที่เติมเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ห่วงใยฝาก 
ไว้ในตัวของเขา อย่างชนิดฝังแน่น ไม่คิดต้นทุน ดอกเบี้ย 
เวลาที่สูญเสียไป ขอแค่มีที่ให้เราระลึกถึงเขาสักนิดในโลก 
ของเราก็พอ โลกที่เหงาๆ เศร้าๆแต่หอมหวนไปด้วยความ 
ความสุขบนคมมีด 

เราล็อกเขาคนนั้นอยู่ในโลกเหงาๆของเราได้ 
แล้วเราก็อยากสละเวลาวันละเล็กละน้อยไปคิดถึงเขา 
คิดถึงทั้งที่รู้ว่า 
อด อดเสพรสความหอมหวานจากความรู้สึกดีๆจากตัวเขา 
แต่ก็..ไม่เป็นไรนะ เรายอม ยอมที่จะเหงา 
ถ้า 
ความเหงาที่ทรมานกักขังใจของเรา ทำให้เราพิศมัยอยาก 
อยู่ในโรคเหงาสะอย่าง เหงาที่ต้องทนเจ็บช้ำระกำอยู่ในบ่อ 
ความอ้างว้างเดียวดายที่หดหู่เศร้าสร้อยดีกว่า 
เพราะ 
อย่างน้อยเมื่อทุนอารมณ์ความหวังของเราต้องสลายลง 
กากความเหงายังช่วยให้เราเหงาได้อย่างเป็นสุข

โลกไม่ได้โสภาจนน่ามองไปทุกจุด แต่บางคนก็ยอม 
เป็นทาสของความทุกข์ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แม้หัวใจจะ 
เต็มไปด้วยบาดแผลของความพ่ายแพ้ 
แต่ 
เป็นความพ่ายแพ้ที่ยินดี 
แค่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาสักนิด 
โลกเหงาของตัวเองก็มีค่าให้ดำรงต่อไป 

เหงาที่ไม่ต้องการเพื่อน เหงาที่ไม่ต้องการบุคคลที่สาม 
เหงาที่ไม่เคยยอมทอดทิ้ง คือเหงาของความรักฝ่ายเดียว 
เป็นเหงาสีชมพูที่น้อยคนพบเข้าจะยอมตัดใจเลิกเหงา 
				
19 มีนาคม 2551 14:40 น.

ความห่วงใยและคิดถึง

โอเลี้ยง

225.gif

การห่วงใครสักคนไม่ใช่ของแปลก แค่รับรู้ความทุกข์อย่างละเอียด ความเมตตาก็จะพุ่งเข้า
ใจเราได้ทันที แต่เมื่อเวลาเนิ่นนานไป อารมณ์เหล่านั้นก็จะจืดจางเลือน หายไปเอง 

แต่ถ้าวันใดที่เราเริ่มเอาใจเข้าไปผูกพันกับเขาคนนั้น เริ่มจากเล็กน้อยเลื่อนไปจนถึงขั้นทนไม่ได้เลยเมื่อแค่คิดว่า.. เขาอาจกำลังได้รับภัยจากอันตรายรอบด้าน. 

แค่คิด ความห่วงใยของเราก็พุ่งออกมามากมาย นั่นคือความรู้สึกที่ไม่ธรรมดาเสียแล้ว 

เริ่มมีอาการ เป็นห่วงที่ต้องการผูกพัน..เป็นความผูกพันที่อยากเฝ้ารับรู้.. เป็นการรับรู้ที่ทำให้เราเป็นสุข..ความสุขนั้นทำให้เราอยากคิดถึง.. .และเมื่อเราเริ่มคิดถึงเขา ความรู้สึกเหล่านั้นก็พุ่งออกมาเองโดยเราเริ่มไม่อาจยับยั้ง 


ความรู้สึกที่ใจเราให้เขาด้วยความเต็มใจ.. เคยคิดให้โดยไม่ต้องการเรียกร้องค่าตอบแทน แค่ได้คิดถึงบ้าง ส่งความห่วงใยนิด บอกฝันดีๆให้ชื่นใจ 

นั่นคือบันไดก้าวแรกที่เราเริ่ม "ผูก" 
ผูกเขาเป็นคนพิเศษสำหรับเรา. 

เมื่อผูกแล้ว ก็อยาก "พัน"เขาเข้าใกล้เราทุกที 
เราจะเริ่มเห็นแก่ตัว 
อยากให้เขา "ผูก" เราบ้าง และต้องแน่นหนากว่าเพื่อนทั่วๆไป 

ความกังวลจึงเริ่มแตกหน่อผลิใบ 
ความไม่มั่นใจเข้ามาเป็นปุ๋ย 
ความหวาดกลัวและระแวงจากเพื่อนคนอื่นรอบตัวเขา 
เป็นน้ำเสริมชีวิตความทรมานใจของเรา 

เพาะผลออกมาเป็น... 
ความห่วงใยที่ปนความเห็นแก่ตัวแทรกซ้อนในอารมณ์ 
จนเริ่มพาลเขา โดยเราลืมนึกไปถึงความหลังครั้งก่อนเสียแล้ว 
กว่าเราจะมาผูกพันใจไว้กับเขาได้ 
เราเคยยอมรับทุกอย่างที่ประกอบขึ้นมาเป็นตัวเขาไม่ใช่หรือ? 

เราเคยพิศมัยความ "ต่าง" ของเขาจนยอม "พันตัวเองเข้าหา" 


แล้วในเมื่อเรามั่นใจกับความชอบแบบตัวเขาตอนครั้งแรกที่คิด "ผูก" 
จะมาคิดเปลี่ยนเขาให้เหมือนที่เราวาดใหม่อีกทำไม? 

เกิดถ้าเราทำได้ขึ้นมา เขาต้องจมอยู่ในฝันแบบที่เราวาดจนผิดเพี้ยนจากชีวิตเดิม 
เราจะพอใจตลอดไปแน่หรือ? 
ใจเราจะตัดขาดจากความทุกข์ทรมานแน่นะ 
ใช่ เราอาจหลอกทุกคนได้ แต่ 

เรากล้ายอมรับกับตัวเองตรงๆไหม?..ทุกวันที่เราส่องกระจกดวงตาคู่นั้น..บอกความจริงให้เรารับรู้เสมอ..มิใช่หรือ? 

เคยคิดไหม บางครั้ง ที่เรายืนยันลบความรู้สึกที่ "เฝ้าห่วงใยและคิดถึง" 
แต่ความเจ็บปวดของอารมณ์ยังเยาะเย้ยเราที่หน้ากระจก บอกว่าเรา พ่ายแพ้ 
แล้วแบบนี้เราจะเฝ้าหลอกตัวเองอีกทำไมว่า "เราลบแล้ว" 

ลองมามองอีกทางดีไหมนั่นคือ..ให้.. ให้ที่มาจากความเมตตาในใจเรา เรามาเป็น..ทาส...ความห่วงใยและคิดถึงอย่างเป็นสุข ให้ความทุรนทุรายปวดร้าวในทะเลแห่งความเดียวดาย กลายเป็นยาหอมหาใช่ยาพิษ ในวันที่เราไม่อาจตัดขาดความห่วงและคิดถึงกันดีกว่า 

ความเมตตาที่มาจากใจที่ไม่ต้องการเรียกร้อง..ไม่โทษว่าแม้อีกฝ่ายอาจมอบตอบมา เพียงน้อยนิดแถมไม่เคยตรงต่อเวลาเลยสักครั้ง....เราก็จะเป็น...ทาส...ความห่วงใยและความคิดถึงได้อย่างเป็นสุขและเต็มใจ.. 


.และเมื่อนั้นหนทางข้างหน้าที่เราคิด "ผูกพัน"เขาต่อจนสุดปลายทาง แม้อาจพบมรสุมของหนามชีวิต จนกายบอบช้ำเพียงไร ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าก็ยัง แทรกความหอมหวานอุ่นนิดๆให้ใจยอมเป็นทาสไม่มีอารมณ์แปรป่วน เหมือน ยามเราต้องการเอาชนะ..เกมในคอมพิวเตอร์ ที่ซับซ้อนและยุ่งยาก แต่เราก็ยังตื่นเต้นยอมสละเวลาทนความเมื่อยล้านั่งนานนับวันคืนด้วยความเป็นสุข				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโอเลี้ยง
Lovings  โอเลี้ยง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโอเลี้ยง
Lovings  โอเลี้ยง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโอเลี้ยง
Lovings  โอเลี้ยง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงโอเลี้ยง