18 มิถุนายน 2556 00:49 น.

ก่อนนอนนะคนดี

เปลวเพลิง

ก่อนคนดีหนุนหมอนนอนแนบนิทร
ก้มกราบพระศักสิทธิ์สฤษฎิ์ผล
และตั้งจิตอธิษฐานบันดาลดล
ทำกมลสงบนิ่งยิ่งขึ้นไป

นอนแล้วจงฝันหวานชื่นบานนะ
ฉันนี้จะจำแลงเพียงแสงไข
กอดคนดีด้วยรักปักฤทัย
ยุงไม่ไต่ไรไม่ตอมถนอมนอน

ในดินแดนแสนงามในความฝัน
จงนิรันดร์สุโขสโมสร
ก่อนสูรย์ส่องก่องฟ้าฉันลาจร
สู่อัมพรทิพย์สถานใกล้ธารดาว

ดวงใจนี้งดงามด้วยความรัก
แจ่มประจักษ์เรืองรองจากห้องหาว
เปล่งประกายเพชราอันพร่าพราว
ร้อยเรื่องราวโสภณสู่คนดี

โอ้เจ้าจงหนุนหมอนนอนได้แล้ว
ในเรือนแก้วแววระยับสลับสี
ฉันฝากพรข้ามฟ้ายามราตรี
มาให้ปรีดิ์เปรมขวัญทั่วกันเทอญ				
19 มิถุนายน 2556 02:04 น.

เรื่องวัดในวันนี้

เปลวเพลิง

วันนี้ขอประเดิมเริ่มเรื่อง "วัด"
ซึ่งจำกัดนิยามหลากความหมาย
ทั้งวัดวาอารามงามพร่างพราย
และการวัดทั้งหลายในปริมาณ

วัดวามีพระธรรมคำสั่งสอน
ดับหนาวร้อนปลิดปลงในสงสาร
มีพระสงฆ์ปฏิบัติธรรมฉ่ำชื่นบาน
อภัยทานเขตแดนแสนเย็นใจ

ใครเข้าวัดปฏิบัติธรรมล้ำเลิศนี้
ย่อมจักมีจิตพิสุทธิ์ผุดผ่องใส
ชนมองว่ามีความงามข้างใน
สว่างไสวความดีที่กระทำ

นี่คือวัดอีกหนึ่งซึ่งควบคู่
เมื่อมองดู "คง" ไม่มีที่ใฝ่ต่ำ
ย่อมถูก "วัด" คุณค่าน่าจดจำ
ด้วยถ้อยคำ "คนดี" อย่างจีรัง

แต่คำว่า "วัด" นี้มีคำถาม
จะวัดความดีร้ายได้ฉมัง
แค่เข้า "วัด" เช่นที่เห็นอย่างจริงจัง
ใช้ "วัด-หยั่ง" ความชั่ว-ดี นี้ได้ฤา?

ใครผู้มีกตัญญูรู้คุณท่าน
ปิดทองด้านหลังพระไม่ออกสื่อ
ผู้มีพระสถิตในใจและมือ
ไม่เข้าวัดให้คนลือก็ถมไป

ถ้าวันนี้ประเดิมเริ่มเรื่อง "วัด"
ท่านเล่าจัดเป็น "วัด" ประเภทไหน
"วัด" ผู้ที่มีพระนั่งอยู่กลางใจ
หรือ "วัด" ใครเพียงเพราะเขาเดินเข้า "วัด"				
8 มิถุนายน 2556 13:50 น.

สักวันหนึ่ง

เปลวเพลิง

เราได้มาพบกันในวันนี้
ความเป็นพี่ น้อง เพื่อนคล้ายเลือนหาย
สิ่งเก่าเก่าคือฝันอันเปล่าดาย
คำทักทายมีไว้เชือดใจกัน

วารเพิ่งโพ้นเร่งรีบเข้ากลีบเมฆ
สุขเป็นเอกแสนงามเพียงความฝัน
ทิ้งเยื่อใย รัก หวง ห่วง สัมพันธ์
เคยเอื้อเฟื้อแบ่งปันนิรันดร

โดยความหลังครั้งหนึ่งซึ่งริบหรี่
โปรยยิ้มคลี่สุโขสโมสร
ไกลแสนไกลเกินกว่าจะอาวรณ์
เหมือนม้วยมรณ์จากกันทั้งชีวี

ยังจำวันฟ้าใสใต้แดดฉาน
และร่มลานเริงเล่นเป็นสุขศรี
เมื่อแววตายังคงไว้ซึ่งใยดี
และก็มีถ้อยพิไรแว่วให้ฟัง

เราเป็นทั้งพี่ น้องและผองเพื่อน
เป็นเสมือนมิตรกมลแต่หนหลัง
ความร่มรื่นรมณีย์ดุจจีรัง
เพิ่มพลังลิขิตทิศก้าวไกล

ครั้นเราต่างแยกทางไปตามฝัน
ฉันด้นดั้นข้ามเขินเนินไศล
เธอฟันฝ่าป่าเขาและเหล่าภัย
อาบอุ่นไอกันต่างทางนานา

เราเริ่มคล้อยห่างไกลในนึกคิด
เหมือนใกล้ชิดซึ่งไกลหลายร้อยหลา
ภาพเราเริ่มเลือนลางปลายหางตา
ลืมโครงหน้า  รูปร่าง  เป็นอย่างไร?

นั่นคือความโชคดีสิที่รัก
ไม่รู้จักและไม่เห็นเป็นเรื่องใหม่
ทั้งต่างคนต่างก็ดูมิรู้ใคร
"เพื่อนร่วมโลกใบใหญ่...ก็แค่นั้น"

เราจึงต้องเหินห่างกันอย่างนี้
ฝังวันดีคืนระยับลงกับฝัน
ค่าพี่หมอง  น้อง เพื่อน เลือนนิรันดร์
ใช่! เราจะลืมกันสักวันเอย				
2 มิถุนายน 2556 01:21 น.

เพียงชั่วคราว

เปลวเพลิง

เพลงตะวันพลิ้วหวานจากม่านฟ้า 
สาดเดียงสาต่างแสงแห่งฟ้าใส
ดุจนิมิตพิศพร่างกลางพงไพร 
รินน้ำใจชื่นแสนแทนลำธาร

อันวันคืนรื่นละอองของความฝัน 
อาจนิรันดร์สุขดั่งจิตอธิษฐาน
วัยสวยสดปานว่าบุหงาบาน 
แลละลานรอบร่างอย่างมากมาย

ยังมิเจือสิ่งใดในความคิด 
โลกไพจิตรรับรวีรังสีฉาย
ลิ้มรักหวานรานเหงาทุกเพรางาย 
ดื่มความหมายของปราณเนิ่นนานวัน

หากไม่นานบทบรรเลงเพลงอุ่นเอื้อ 
ย่อมแผ่วเนื้อเพริดร้างเหินห่างขวัญ
เพราะดินบ่ม ลมบ้า สารพัน 
ระบายบรรณแปลงเปลี่ยนผิดเพี้ยนไป

โอ้วันวัยรุ่งแจรงแห่งเดียงสา 
ทุกเวลาหาวห้องนั้นผ่องใส
พบแล้วอยู่ครู่คราจึงอาลัย 
รี่หลั่งไหลลิบลับไม่กลับคืน

เมื่อเสพแสง เสียง สี สู่ชีวิต 
ภาพโศภิตที่เคยเห็นกลับเป็นอื่น 
ร้าวทุรนข้นเข้มเต็มกล้ำกลืน 
จะรื้อฟื้นชื่นเพราก็เปล่าดาย

เพลงตะวัน  ฟ้าใส  วัยเดียงสา 
อาจครู่คราเจิดจำรูญแล้วสูญหาย
ก่อนชีวิตชาวชนร่วงหล่นราย 
วนเวียนว่ายเวิ้งสมุทรสุดคาดเดา				
ไม่มีข้อความส่งถึงเปลวเพลิง