29 กรกฎาคม 2555 06:13 น.

มาลัย

เปลวเพลิง

น้องน้อย			
พี่เรียงร้อยสร้อยรักนักภาษา
ร้อยกาพย์กลอนกวีพจน์รจนา		
เป็นบุปผามาลัยคล้องใจคน
		
ร้อยจากความสดใสของใบข้าว		
จากลมหนาวพัดพลิ้วลิ่วเวหน
จากผืนน้ำ ผืนป่า ธราดล			
จากทิวสนเสียดยอดกอดเมฆินทร์
		
จากสีแสงอรุณรางสางสะอ้าน		
จากเสียงขานคำพรของก้อนหิน
จากกังวานหวานแว่วแผ่วระริน		
จากเพลงพิณพลิ้วโผไผ่โต้ลม
		
จากความเขียวชอุ่มของพุ่มพฤกษ์		
จากดื่นดึกดำเด่นเหมือนเส้นผม
จากก่องเก็จเพชรพิลาสหยาดฝนพรม	
จากเงาร่มรื่นยิ่งมิ่งไม้บัง
		
จากความสวย ความหวัง กระทั่งรัก	
จากความภักดีอันมั่นฉมัง
จากแสงถ่องคุณธรรมฉ่ำจีรัง		
จากภวังค์หวานจิตมิตรไมตรี
		
จากทรงกลดรวิวรรณที่ฉานฉาย		
จากจันทร์พรายแกว่งกวัดรัศมี		
จากความฝันสีทองของกวี		
เป็นมาลีสุมาลัยคล้องใจเธอ				
29 กรกฎาคม 2555 01:16 น.

กลางกมลชนนิรันดร์

เปลวเพลิง

เหมือนดอกไม้หมดกลิ่นประทิ่มหอม  
และเดือนตรอมใจถวิลสิ้นแสงใส
ลมกระโชกโกรกกล้าเหลืออาลัย		
แผ่นดินไห้โหยหวนชวนโศกา
		
ร่างนั้นนอนสิ้นปราณบนลานนี้		
ในอารีอ้อมกอดแห่งยอดหญ้า
สีข้างแดงโลหิตถั่งดั่งธารา		
นิ่งนิทราสู่สนามของความตาย
		
โอ้ชีวิต เธอพร้อมยอมพลีเพื่อ		
รวมเลือดเนื้อ ไทยธวัชแน่ชัดหลาย
เพื่อพี่น้องครองสุขถ้วนทุกราย		
หลับสบาย ตื่นสราญ มานานครัน
		
จากครอบครัวรั้วบ้านศานต์สงบ		
มาร่วมรบร่วมแรงอย่างแข็งขัน
มือถือปืนลาดตระเวนมิเว้นวัน		
รอความสันติกล้าจะมาเยือน
		
แล้วพลันเสียงปืนกราดสาดคำรณ		
ก็ดังก่นก้องฟ้ามาลั่นเลื่อน
ปัง! ปัง! ปัง! ไล่ต้อนสยอนเตือน		
ก่อนลับเลือนและปลิดชีวิตไป
		
สุดท้ายเหลือกายซบสงบนิ่ง		
ไม่ไหวติงกลางสีแดงแห่งเลือดไหล
ไม่เห็นแล้วดวงตะวัน จันทร์ ดาวใด	
แม้แต่ใบหน้าผองของครอบครัว
		
นักรบ...					
ในแสงพลบสนธยาพร่าสลัว
ในม่านมืดชืดชาอันน่ากลัว		
ในถิ่นทั่วไพรรกปกปถพิน
		
ศักดิ์เธอดั่งแสงไสวไม่รู้ดับ		
วาวระยับปราบทุกข์สุขกสิณ
ลบหม่นหมางด่างพร้อยรอยทมิฬ		
มิรู้สิ้นสร่างสลายจากใจคน
		
นิทราเถิด ยังวิมาน-ทหารกล้า		
กลางท้องฟ้าดาวพร่างสว่างหน
กลางน้ำค้างหยาดแก้วแพรวอำพน		
กลางกมลชนมั่นนิรันดร์เอย


...................................................

ด้วยรักและอาลัยยิ่ง				
26 กรกฎาคม 2555 23:17 น.

เลิก

เปลวเพลิง

เมื่อเราเลิกรากันในวันนี้		
อย่าได้มีพบกันใหม่ให้เสียหาย
ยอมฉันยอมถอนสลักรักคลอนคลาย	
เธอสมหมายมานภิรมย์-ฉันตรมจินต์
		
เยื่อใยรักเรานั้นขาดกันแล้ว		
ขออย่าแคล้วมารวมอยู่ร่วมถิ่น
ก็เขาดั่งดาวเดือนมาเยือนดิน		
ฉันยอมผินหน้าตรอมพร้อมน้ำตา
		
ลืมรุ้งทองอาบเกล้าแห่งเราสอง		
เพลงไผ่พร้องปวดแปลบและแหบพร่า
ยะเยือกเยียบโถมประดังทั้งกายา		
แต่ทว่ารักและห่วงเต็มทรวงใน
		
ผิดที่ฉันเสียเวลามาพร่ำเพ้อ		
เมื่อยามเธอร้างรักเหมือนตักษัย
โอ้ตัดเอยตัดสวาทขาดจากใจ		
เพียงอาลัยก็เกินเธอเมิลมอง
		
ดอกไม้ที่เธอให้ในวันนั้น			
ดูจาบัลย์เหมือนกมลที่หม่นหมอง
ยามเห็นเธอชื่นชูกับคู่ครอง		
พลันฉันต้องเดินผละ ณ บัดนั้น
		
ไม่มีแล้วจันทร์แจ่มแอร่มจิต		
และชีวิตคู่งามในความฝัน
เรากลายเป็นผู้ไม่รักรู้จักกัน			
พร้อมสัมพันธ์ซึ่งไม่มีแต่นี้ไป

.....................................................

ด้วยความปรารถนาดี				
26 กรกฎาคม 2555 08:17 น.

มนัสนันท์ขวัญชีวิต

เปลวเพลิง

ดวงดอกไม้มนัสนันท์ขวัญชีวาตม์	   
ความหมายมาดปรารถนาค่าเลอสรวง
ร่ำสุคันธมาลินรื่นรินทรวง		
เป็นพุ่มพวงกิ่งโน้มบรรโลมใจ
		
ชีพชื่นฉ่ำด้วยน้ำค้างกลางไพรพฤกษ์		
เหลือล้ำลึกอุดมคติแลวิสัย
เสาะแดนดินถวิลหวังดังหทัย		
แม้นครรไลก้าวย่างหนทางชัน
		
เหินหาวหาสุมามาลย์หวานวิเศษ		
ด้วยสองเนตรมองผ่านม่านเมฆผัน
สุดขอบฟ้าสูรย์แรแพรอำพัน		
เรียงลดหลั่นก้นสมุทรสุดโลกา
		
โอ้พบูซ่อนไว้ที่ใดหนอ			
มิเผยช่อล่อภมรบินว่อนหา
เหล่ามนุษย์บุกบั่นด้นดั้นมา		
ด้วยหมายว่าปองนิยมชมสักครั้ง
		
เพราะดอกดวงมาลีนี้เลิศค่า		
ลออตาโศภิตเกินคิดหยั่ง
หวามนิมิตพิศเฟื่องเมลืองมลัง		
พราวสะพรั่งเหนือทิวาและราตรี
		
ยามกลีบแย้มแก้มนุ่มกลุ่มเกสร		
อรชรงามสง่าสมราศี
จักหาดอกไม้ใดในปฐพี			
รมย์ฤดีเช่นนี้ไม่มีเลย
		
สู้สืบเสาะแสวงทั้งบรรณภพ		
ไม่ประสบพบสิ้นแม้กลิ่นเผย
ดั่งใจจินต์ถวิลว่าจะคว้าเชย		
นี่กองเกยแต่ผิดหวังทุกครั้งไป
		
ถ้าเสาะหาสืบไปให้แท้เที่ยง		
จักยินเสียงสุมาลย์พร่ำคำขานไข
ศรัทธาเธอส่องรักสลักใจ		
ปลูกฉันให้งอกงามขึ้นตามมา
		
มิไกลถึงสุดหล้าหรือฟ้าเขียว		
มิต้องเทียวแสวงรอบขอบภูผา
ดวงดอกไม้มนัสนันท์ขวัญชีวา		
ผลิศรัทธาบานอยู่ในหัวใจเธอ

...................................................

อ่านหนังสือเตรียมสอบแล้วอารมณ์ศิลปินพุ่งพล่านครับ
เลยได้กลอนบทนี้มาให้ทุกท่านได้อ่านกัน				
26 กรกฎาคม 2555 03:02 น.

เสียงกระซิบจากหัวใจ

เปลวเพลิง

ความอบอุ่นกรุ่นละไมอยู่ในฝัน	
คิดถึงกันข้ามฟ้าเพลาหนาว
ยามราตรีคลี่คลุมด้วยกลุ่มดาว		
ใจจักกล่าวคำหวานซ่านทรวงใน
		
คิดถึงกันบ้างไหมในคืนที่			
ฟ้าไม่มีโสมส่องอันผ่องใส
ยามลมพัดผ่านโพยมมาโลมไล้		
ย่นระยะทางไกลเข้าใกล้กัน
		
มองสายน้ำฉ่ำไฉนก็ไม่เหมือน		
ดั่งมีเพื่อนสู่สองประคองขวัญ
เคยแย้มยิ้มเสนาะคำเพ้อรำพัน		
ว่า รัก รัก รัก มั่น มิผันแปร
		
อิงไออุ่นกรุ่นหอมอ้อมฟากฟ้า		
เพียงผกาบำบวงมอบดวงแข
สบตาสองจ้องซึ้งตะลึงแล		
สะท้านแดดวงนี้ทุกทีไป
		
เพลานี้ที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิด			
เขาจะคิดถึงเหมือนตอนแต่ก่อนไหม
หว่างเส้นรุ้งคุ้งโค้งโยงเยื่อใย		
เราส่งใจไปหาทุกนาที
		
เขาคนที่อยู่ไกลรู้ไหมหนอ		
ใครส่งต่อความห่วงใยไปจากนี่
สะท้อนเลื่อมปลาบประกายสายวารี	
ในยามที่เราพรากไกลจากกัน
		
กับวงแขนกอดเชยอันเคยคุ้น		
ซบอกอุ่นวุ่นหวามดั่งความฝัน
ในรู้สึกลึกเกินเกริ่นจำนรรจ์		
แรกรักฟั่นกลมเกลียวเหนียวแนบเนา
		
โอ้พระพายพัดไปไกลลับลิบ		
ฝากกระซิบ คิดถึง ซึ้ง และเหงา
เพียงผู้หนึ่งซึ่งครองห้องใจเรา
เนิ่นนานเท่านิจนิรันดร์เท่านั้นเอง

..................................................

ด้วยความปรารถนาดี				
ไม่มีข้อความส่งถึงเปลวเพลิง