* แดนพิศวง ๒๒ *

แก้วประเสริฐ


                  * แดนพิศวง ๒๒ *
                  (สดายุปักษาสวรรค์)
   อากาศในเช้ารายล้อมไปด้วยหมอกแผ่กระจายครอบคลุมบริเวณ
หน้าถ้ำ พลิ้วไปมาตามสายลมที่ค่อนข้างจะรุนแรง แสงอาทิตย์ได้
ทอแสงเหนือยอดเขาแต่แสงที่เจิดจ้านั้นมิอาจจะฝ่าคลื่นหมอกเหล่า
นี้ได้ทำให้  บริเวณจึงดูสลืมสลัวประกอบด้วยอากาศที่เยือกเย็นด้วย
   ในท่ามกลางขุนเขาน้อยใหญ่ที่เรียงรายล้อมรอบบริเวณที่เหล่า
ชาวบ้านได้อาศัยในถ้ำอยู่ แต่อากาศนั้นหาได้ทำให้บรรดาหนุ่มๆของ
ชาวบ้านได้ท้อแท้ประการใดไม่  ต่างพากันแยกไปตัดต้นไม่ที่นำมา
ใช้เป็นลูกธนู หอก ต่างช่วยกันอย่างขมักเม่น ไม่ช้านักที่หน้าลาน
กว้างต่างแบ่งงานกันทำอย่างรีบเร่ง บ้างทำลูกธนูขนาดยักษ์ด้วย
ต้นไม้ทั้งต้นมารอนกิ่งก้านหาต้นที่ลำต้นตรง ช่วยกันเหลาบรรดา
เปลือกไม้ออกทำให้ปลายแหลมคม 
   พร้อมใส่ท่อนเหล็กที่อีกพวกที่ทำ เสียงตีเหล็กและเสียงฟู่ๆของ
ไฟที่ใช้ในการเผาเหล็กหล่อต่างช่วยกันทำได้ไม่ยากนักเพราะคน
เหล่านี้เป็นพวกพรานป่ามาแล้วย่อมรู้เรื่องการทำอาวุธได้เป็น
อย่างดี  ไม่ช้าเวลาก็เริ่มร้อนแสงแดดส่องแผ่กระจายไปยังบริเวณ
นั้น  ก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมคันธนูที่เชือกนั้นใช้เถาวัลย์ที่ผ่านการ
   ทดลองและความเหนียวแน่นมาทำคันธนู   ต่างนำท่อนไม้มาฝัง
ยังพื้นดินแม้จะเต็มไปด้วยก้อนหินเพื่อใช้เป็นหลักในการยืดคัน
ธนูยักษ์   พร้อมกับชายหนุ่มบอกให้ทำการทดลองยิงเสียงลูกธนู
ดังหวิวๆพุ่งออกไปยังต้นไม้ใหญ่ ทำให้ต้นไม้นั้นถึงกับหักโค่น
ลงจนเป็นที่พอใจ  ชายหนุ่มให้นำคันธนูที่สร้างได้สามคันไว้
ติดตั้งไว้ที่บริเวณหน้าปากถ้ำ และมุมต่างๆที่เห็นว่าเหมาะสม
   ทางด้านกุลาก็คุมพลทำหอกได้เป็นจำนวนมาก  อาศัยที่กุลา
มีรูปร่างใหญ่โตปานยักษ์ปักหลั่นดังนั้นงานด้านนี้จึงไม่ยาก
เย็นเท่าใดนัก จวบจนเวลาเลยเที่ยงงานทุกอย่างก็เรียบร้อยและ
ต่างคนก็ทานอาหารซึ่งมีหญิงสาว ชราและเด็กมาค่อยให้บริการ
อาหารและน้ำ เสียงคุยกันดังไปทั่วบริเวณด้วยความร่าเริงสนุก
สนานครื้นเครงนัก  บ้างบางคนก็ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ
นาๆว่าหากอาวุธเหล่านี้ไม่สามารถทำอันตรายแก่เจ้าสัตว์ร้ายได้
จะทำอย่างไรดี
   ชายหนุ่มได้เรียกบรรดาชายที่ได้แบ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มๆมาปรึกษา
และได้วางแผนต่างๆให้ฟังอย่างละเอียด  ต้องให้ได้ระยะหวังผล
จริงๆจึงจะใช้อาวุธเหล่านี้ พร้อมทั้งเรียกคนทั้งหมดออกไปเดิน
สำรวจพื้นที่ในการจัดวางกำลังพล  พร้อมสั่งไว้ว่าหากอาวุธนี้ไม่
ได้ผลให้ นำคนทั้งหมดรีบหนีเข้าไปยังถ้ำพร้อมทั้งก่อกองไฟไว้
หน้าถ้ำ พร้อมสั่งให้ไปน้ำเชื้อเพลิงและบรรดากิ่งไม้แห้งมาเตรียม
ไว้ก่อนเพื่อป้องกันเหตุการณ์ร้าย  ทุกๆคนก็พยักหน้ารับทราบ
   ชายหนุ่มยังสั่งไปอีกว่าให้ท่านผู้เฒ่าคอยควบคุมบรรดาหญิงและ
เด็กไปยังน้ำตกในถ้ำเพราะในที่นั้นมีหลีบหินมากมาย  สัตว์ประเภท
นี้จะกลัวน้ำและไฟ แต่ทางเราจะหยุดมันได้หรือเปล่าเท่านั้น
  พลางหันไปถามท่านผู้เฒ่าที่เหลือเพียงคนเดียวและเห็นเหตุการณ์
ทั้งหมดว่า
   “ท่านผู้เฒ่าท่านว่าขนาดมันเท่าภูเขาย่อมๆหรือและมันมีกันสัก
เท่าไรล่ะ???”
   “ตามที่ข้าเห็นนะนาย  มันมาแค่ตัวเดียวแต่จะมีอีกหรือไม่ก็ไม่รู้
ขนาดตัวเดียวมันยังทำลายพวกเรา และมันรู้สึกว่าจะมาอย่างคล่อง
แคล่วรวดเร็วอีกด้วย  อ้อๆๆข้าเห็นข้างลำตัวมันมีคล้ายปีกบางๆ
เหมือนปีกของแมลงปอแนบทั้งสองข้าง คิดว่ามันอาจจะบินได้อีก
ด้วยจ๊ะนาย  เฉพาะขามันก็ใหญ่เท่ากับต้นไม้ขนาดย่อมๆนาย”
   “หาๆผู้เฒ่ามันมีปีกเหมือนแมลงหรือ????....อย่างนั้นมันก็บินได้ซิ
แล้วอาวุธเราที่วางไว้จะได้ผลได้อย่างไร หากมันบินเข้ามานะผู้เฒ่า”
   “แต่ตัวมันใหญ่ตามที่ผู้เฒ่าบอกนะนาย”   กุลาเสริมขึ้น
   “จริงๆซินาย สัณชาติญานสัตว์ประเภทนี้ชอบเลื้อยคลานมาก
กว่าจะบินนะ”   ภาคีและคียะออกความเป็นบ้าง
   “หากมันบินได้อาวุธที่เราทำอยู่ก็จะไร้ผลซินาย แล้วจะวิธีการ
แก้ไขได้อย่างไรกันดีล่ะนาย???”   สินธุเอ่ยขึ้นบ้าง
   “หรือว่าจะต้องให้เจ้าสดายุออกมาช่วยเหลืออีกทางหนึ่ง ก็จะดีนะ
นาย  มิฉนั้นเราก็คงหมดปัญญากำจัดมัน ถึงแม้ว่านายจะสามารถ
เหาะเหินเดินอากาศได้ไหนเลยจะไปต่อสู้มันได้แม้นายจะมีอาวุธ
และพลังงานในตัวของนายก็เถอะ ข้าสังหรณ์ว่ามันเป็นสัตว์ไม่
ธรรมดาเหมือนรูปร่างมันที่ท่านผู้เฒ่ากล่าวเสียแล้วละนาย”
สินธุแสดงความคิดเห็นให้ชายหนุ่มทราบ
   “นั่นซิสินธุ เราก็คิดเหมือนท่านนั่นแหละตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าเห็น
ทีจะต้องให้เจ้าสดายุมาช่วย หากมันเกิดพิสดารอะไรมากกว่าที่เรา
คาดไว้สดายุตัวเดียวจะช่วยอะไรเราได้หรือ หากมันมีหลายๆตัว
ส่วนข้าเองก็จะพยายามเข้าไปตัดขามัน ให้พวกเจ้าคอยเสริมยิงธนู
และหอกสะกัดมันไว้ แต่คิดว่าคงทำอะไรมันไม่ได้แน่ๆข้าคิดแต่
อย่าพึ่งท้อแท้ใจ  พยายามรักษาชีวิตพวกเราไว้  หากเสร็จศึกงานนี้
ข้าจะสอนและมอบพลังงานแก่พวกเจ้าทุกๆคนให้สามารถเหาะเหิน
ไปบนอากาศได้  ฉะนั้นผู้ใดรอดก็ย่อมได้รับพลังงานจากข้า แต่ก็
อย่าได้ประมาท ให้ช่วยกันให้เต็มที
    เมื่อชายทั้งหมดที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีแล้วทราบว่านายมัน
จะมอบพลังงานแห่งจักรวาลให้แก่มันก็บังเกิดความยินดีห้าวหาญ
ขึ้น ต่างตระโกนโห่ร้องด้วยความยินดี  เสียงดังกังวานไปทั่วหุบเขา
   “ข้าเองก็นึกสงสัยในดินแดนแห่งนี้ตั้งแต่เริ่มแรกแล้วล่ะแต่ไม่ได้
พูดจะถามสินธุก็ไม่รู้จะถามอย่างไรดี  อีกอย่างเรามาด้วยเจ้าสดายุ
นำพาพวกเรามา  และนึกไม่ถึงว่าดินแดนแห่งนี้จะมีพวกเจ้าอยู่ด้วย”
   “อันที่จริงบรรพบุรุษเราก็ไม่ได้บอกว่าเป็นใครมาจากไหนนะนาย
เพียงแต่ข้าเองเกิดมาก็สงสัยเหมือนกันเพราะ ดินแดนแห่งนี้มันดู
อะไรก็แปลกเหลือเกิน  แต่มันไม่เหมือนปัจจุบันนี้ด้วยข้าออกไป
เสาะหาคนๆหนึ่งตามบรรพชนสั่งเอาไว้พร้อมมอบสิ่งของให้มา
คอยคนผู้หนึ่ง  หากคนๆนั้นสามารถเปิดหีบได้และเจ้าสดายุยอม
รับเป็นนาย  ก็จะเป็นคนๆนั้น  ข้าคอยนายมานานนับเป็นสิบปีคิด
ว่าจะสิ้นหวังเสียแล้ว นายคิดดูซิตั้งแต่ข้าอายุได้สิบห้าปีมาจนบัดนี้
หากสิ้นหวังก็ต้องย้อนกลับไปมอบให้คนอื่นมารับหน้าที่ต่อไปจ๊ะ
นาย ด้วยคนที่จะเหมาะสมและสามารถฝึกอาวุธวิชาต่างๆได้สำเร็จด้วย ตลอดจนเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์เป็นหลักใหญ่นะนาย”
   สินธุเล่าความหลังให้ชายหนุ่มนิรุทธิ์ทราบ  เขาเองก็คิดว่าแปลก
จริงๆทำไมให้เขาต้องเดินทางมาทางประเทศนี้  ตอนแรกเขาคิดว่า
จะไปทางเทือกเขาทางพม่าตอนเหนืออันเป็นดินแดนชาวกระเหรี่ยง
แต่เขาก็กลับเปลี่ยนใจไป หรือว่าลิขิตฟ้าจะดลบันดาลให้เป็นเช่นนี้
พลันจึงกล่าวขึ้นว่า  
   “เอาล่ะเราคอยเวลามืดๆก็แล้วกันให้เตรียมตัวให้พร้อมเพราะสัตว์
ประเภทนี้มักจะหากินตอนกลางคืน กลางวันมันจะซ่อนตัวแต่ข้า
เองก็สงสัยว่าตัวมันใหญ่ปานขุนเขาจะไปพักกันที่ไหนน๊ะ????แต่ข้า
ก็คิดไม่ออกเอาเสียเลย  ฉะนั้นให้ทุกๆคนกลับถ้ำได้แล้วไปพักผ่อน
เก็บแรงไว้คอยเวลาค่ำๆก็แล้วกัน ข้าคิดว่ามันคงจะบินไปแน่นอน”
    ชายหนุ่มยังคิดกล่าวต่อไปอีก ทันใดนั้นทุกๆคนก็ต้องตกตะลึงเมื่อ
ท้องฟ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก  พายุได้พัดกระหน่ำอย่าง
รุนแรง ท้องฟ้าปั่นป่วนเมฆหมุนวนพัดลอยหายไป ท้องฟ้ากลับมี
สีสรรค์แปลกปลาดหลายๆสี  หมุนเป็นวงกลมหลายๆชั้นแต่ละชั้น
มีสีสรรแตกต่างกันสลับกันไปๆมาๆ  เสียงคำรามของท้องฟ้าดัง
คำรามกระหึ่ม เกิดสีแสงต่างๆตัดกันเป็นวงกลมหลายๆวงเกิด
ประกายวิชชุฟาดไปๆมาๆ เดี๋ยวท้องฟ้าสีทองบ้าง
 สีแดงบ้าง น้ำเงินบ้างเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา   เสียงวิชชุฟาดลง
มายังต้นไม้ขาดสะบั้นยังกับถูกของมีคมลุกไหม้อย่างรุนแรง
   ชายหนุ่มมองดูแล้วก็รีบเร่งให้คนทั้งหมดเข้าไปยังถ้ำให้หมด
ทุกๆคน 
   “สินธุ กุลา ภาคี คียะ ให้รีบนำพวกเราเข้าไปถ้ำเดี๋ยวนี้บัดนี้
ท้องฟ้าเกิดพลังงานกระแสไฟฟ้าสลับตัดกันกับพลังแห่งจักรวาล
เราจะคอยอยู่คนเดียว  ไม่ต้องเป็นห่วงเรานะไปๆๆๆรีบๆไปเสีย
ก่อนจะช้าไม่ทันการณ์ไปกว่านี้”
    ทุกๆคนหันมามองชายหนุ่มคียะพลางถามว่า
   “แล้วนายล่ะ???ไม่ตามพวกเราเข้าไปหรือ????”
   “ไม่หรอกคียะ เราจะทดลองรับพลังงานโลกและจักรวาลไว้
ยังไม่รู้ว่าจะรับได้มากน้อยเพียงใด พวกเจ้ารีบไปเจ้าดูซิหัวไหล่
ทั้งสองข้างข้ามีแสงแห่งดวงแก้วพุ่งออกมาแล้ว  เดี๋ยวจะไม่ทัน
การณ์นะ”
   ทุกๆคนต่างมองไปที่หัวไหล่ของชายหนุ่มผู้หล่อเหลาก็แล
เห็นแสงสองแสงสีแดง และสีเหลืองพุ่งออกจากร่างชายหนุ่ม
ขึ้นไปบนฟ้ารวมกับกระแสร์พลังงานต่างๆทันที
   “พวกเจ้ารีบๆหน่อยอันตรายมากนะไม่ต้องเป็นห่วงข้า  ข้ายัง
ไม่รู้ว่าจะรับได้มากน้อยเท่าใด  ชายหนุ่มกล่าวพลางก็รีบล้วงไป
ยังย่ามดึงร่างของนกสดายุออกมาทันที”
   พวกทุกๆคนต่างมองดูด้วยความประหลาดใจ ถึงแม้พวกเขาจะอยู่
กับชายหนุ่มผู้หล่อเหล่านี้ก็ยังไม่เคยเห็นสดายุเลย เพียงแต่สงสัยได้
ยินชายหนุ่มกล่าวครั้งหนึ่งเท่านั้น
   “พวกเจ้ารีบไปไม่ต้องห่วงข้าหรอก เดี๋ยวไม่ทันการณ์จะได้รับ
อันตรายจากกระแสร์ไฟฟ้าและแสงแห่งพลังงานที่มีอานุภาพสูง
จะทำลายพวกเจ้าหมดสิ้น”
    ดังนั้นพวกชายฉกรรจ์ต่างรีบวิ่งกันเข้าไปยังถ้ำ แต่สินธุ กุลา ภาคี
และคียะก็ยังยืนแอบดูอยู่หน้าถ้ำด้วยความห่วงใยชายผู้เป็นนาย
ก็แลเห็นชายหนุ่มพลางเอื้อมมือลูบไปยังนกตัวเล็กๆที่ชื่อว่าสดายุ
พลางเอ่ยกล่าวแต่พวกเขาไม่รู้ว่า  ชายหนุ่มกล่างอะไรบ้าง
   ทันใดนั้นเองร่างของเจ้าสดายุก็ขยายใหญ่ขึ้นๆใหญ่ขึ้นสูงกว่าร่าง
ของชายหนุ่มเสียอีก  มันหันหน้าจ้องมองไปบนฟ้าหลากสีพลางอ้า
ปากขึ้น   ฉับพลันเสียงฟ้าคำรามลั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ แสงแห่ง
หลากสีต่างรวมตัวเป็นลำแสงหลากสีพุ่งเข้าสู่ร่างชายหนุ่มและปาก
ของเจ้าสดายุทันที     
   ร่างชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัวพลางรีบอ้าแขนทั้งสองขึ้นไปเหนือหัว
พลางหลับตาพริ้มรวบรวมพลังงานต่างๆเข้าไว้ แสงหลากสีต่างแยก
กันพุ่งไปยังฝ่ามือทั้งสองหน้าอกชายหนุ่ม และสดายุแสงประหลาด
พุ่งเข้าสู่ร่างทั้งสอง   เสียงดังคำรามกึกก้องประกายสายฟ้าหลากสี
สองสายสายหนึ่งพุ่งใส่ร่างชายหนุ่มแยกเป็นสามทางหล่อหลอมกับ
ดวงแก้วทั้งสอง ไปตามฝ่ามือทรวงอก หัวไหล่ที่ดวงแก้วบรรจุอยู่
อีกสายหนึ่งพุ่งใส่ร่างเจ้าสดายุแล้วแสงเหล่านั้นก็หายไปในร่างของ
คนและสัตว์ทั้งสอง  ร่างของชายหนุ่มและสดายุก็ทรุดลงไปยังพื้น
แผ่นดินที่เป็นด้วยหินและดินจมหายไปครึ่งหน่องทันที
กระแสร์ไฟฟ้าหลากสีก็ยังหาได้หยุดยั้งไม่   ทั้งเสียงคำรามเสียง
แซดๆตัดกับอากาศดังอยู่ไปๆมาอยู่ตลอดเวลาไม่หยุดยั้งตลอดเวลา
  ชายหนุ่มและเจ้าสดายุก็พยายามรับคลื่นพลังงานอย่างที่สุด
   ทันใดนั้นร่างของชายหนุ่มและสดายุก็ทรุดลงไปเรื่อยๆจนถึงหน้า
อกของทั้งสอง   มวลเหล่าพลังงานหลากสีที่ประกอบด้วยนิวตรอน
นิวเครียส อะตอมโมเลกุล อิลฟาเลสต่างๆพุ่งจากฟากฟ้าลงมายังร่าง
ทั้งสองเสียระเบิดดังกึกก้อง บริเวณที่ชายหนุ่มและเจ้าสดายุจมอยู่ก็
ระเบิดแหวกออกเป็นหลุมกลมๆขนาดใหญ่ มองเห็นร่างทั้งสองยืน
เด่นแต่พลังงานทั้งหลายยังคงทำหน้าที่ต่อไปเรื่อยๆ 
   จนกระทั้งท้องฟ้าเริ่มหมุนเวียนเป็นวงกลมหดหายไปในท้องฟ้าจน
หมดสิ้นเกิดฝุ่นละอองคลุ้งครอบคลุมร่างทั้งสอง  จนบรรดาฝุ่น
ละออง  ถูกสายลมที่ยังพัดกระหน่ำอยู่อย่างรุนแรงพัดหายไปแต่
กระแสรลมก็ยังคงพัดอยู่สักครู่ใหญ่จึงสงบลง  เมื่อทุกอย่างสงบ
เรียบร้อยแล้ว  ทุกๆคนที่แอบจ้องมองไม่อาจจะมองเห็นได้เพราะ
สายตาไม่อาจต้านทานต่อแสงต่างๆที่แผดจ้า  ต้องรีบหลบเกิดแสงพุ่ง
เข้าใส่ไปยังในถ้ำทำให้ถ้ำเกิดความสว่างไสวไปทั่ว แสงคบไฟที่ถูก
จุดไว้ต่างโดนแสงเหล่านี้ดับไปหมดสิ้น คงเหลือไว้แต่แสงสว่างจาก
บรรดาสายฟ้าหลากสีที่แผ่กระจายไปทั่วภายในถ้ำนั้น  ทำให้ทุกๆคน
ที่อยู่ภายในถ้ำต้องก้มหน้าลงสู่พื้นถ้ำจนหมดทุกๆคน บรรดาหินย้อย
ต่างๆก็ส่งประกายรับแสงหลากสี เกิดทัศนียภาพอันสวยสดงดงาม
        เมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้วทุกคนๆ  ต่างก็พากันเดินออกจากถ้ำ
มาด้วยความเป็นห่วงชายหนุ่ม ไม่ทราบว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร
  ต่างพากันร้องตะโกนเรียกชื่อเขาระงมไปทั่วบริเวณนั้น
   “นายนิรุทธิ์ๆๆๆเป็นอย่างไรบ้าง???...เป็นอะไรไปหรือเปล่า???”
แต่แล้วเมื่อทุกๆคนจ้องไปยังร่างที่อยู่ในหลุมต่างตกตะลึงไปทั่ว
เพราะร่างของชายหนุ่มเปลี่ยนไป ร่างกายปรากฏแสงสลัวหลากสี
ประกายทอดออกจากร่างคลุมไปทั่วทุกๆอิริยบถแม้แต่เจ้านกสดายุ
ก็เหมือนกัน  ต่างคนวิ่งไปที่ปากหลุมใหญ่พลางร้องเรียกกันระงม
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองหันมายิ้มกับทุกๆคน พลันลอยตัวขึ้นจาก
ปากหลุมใหญ่ดินหินที่กองเหนือปากหลุมชายหนุ่มก็ยกมือกวาดไป
ทั่วๆ  บรรดาหินและดินก็เข้ากลบหลุมใหญ่ทันทีเจ้าสดายุก็คืนร่าง
เล็กลงบินมาเกาะที่หัวไหล่ชายหนุ่ม  แต่หลุมใหญ่ก็ยังเป็นแอ่งลึก
อยู่พอประมาณ  
   ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาผู้คนที่ยืนรายล้อม พลางเอื้อมมือไปตบไหล่
สินธุ  ทันใดเสียงร้องลั่นร่างสินธุกระตุกอย่างแรง แล้วร่างก็กระเด็น
แล้วทรุดลงไปกับพื้นทันที
   “โอ้ยๆๆๆ!!!นายๆๆๆอย่าๆ ร่างนายมีกระแสร์ไฟฟ้ามาก
เหลือเกินทำให้ข้าจะรับไม่ได้แล้วนาย”
   “ขอโทษนะสินธุ  เดี๋ยวข้าเก็บพลังงานแห่งจักรวาลเสียก่อน”
ว่าแล้วชายหนุ่มก็หลับตาพริ้มพร้อมทั้งแสงประหลาดที่หุ้มห่อกาย
ค่อยจางหายเข้าไปในร่างกายไปรวมอยู่ที่ยังดวงแก้วทั้งสองและ
เซลล์ต่างๆทันที   แล้วค่อยลืมตาขึ้นพลางบอกว่า
   “ไม่ต้องห่วงแล้วล่ะสินธุ  ข้าลืมไปยังไม่ได้เก็บพลังงานไว้จึงทำ
ให้เจ้าต้องเกือบตายไปนะ”
   “โอ้โฮๆๆมันแรงจริงๆนายเหมือนถูกกระแสร์ไฟฟ้าแรงสูงชอร์ต
เอาแน๊ะนาย ดีนะที่ข้ามีดาบนิลสีดำไม้คอยช่วยซึมซับไปด้วย”
   “ดีแล้วล่ะสินธุพลังงานดาบดำของท่านก็จะได้รับพลังงานจะมี
กระแสร์ไฟฟ้าบรรจุรวมไว้ด้วยทำให้เกิดพลังงานและอานุภาพมาก
ขึ้นกว่าเดิมนับเป็นวาสนาของเจ้าแหละ”
   “โอ้ยๆแต่ข้าคงไม่อยากได้หากไม่มีดาบไม้นิลแล้วชีวิตข้าเห็นจะ
ต้องมอดไหม้ไปแน่เชียวนาย”
   “เอาล่ะสินธุบอกพวกเราเข้าไปในถ้ำได้แล้ว  ส่วนเจ้าสดายุตอนนี้
ได้พลังงานจากห้วงจักรวาลเต็มเปี่ยมเห็นทีงานปราบสัตว์ร้ายนี้คงจะ
ไม่ร้ายกว่าที่เราคิดเสียแล้ว”
   “จริงหรือนาย???  อ้อๆๆๆสดายุที่กล่าวนี้คือนกตัวนี้เองหรือ???”
   “ใช่แล้วภาคี คียะ กุลา ที่ข้าไม่บอกแต่แรกเพราะไม่อยากให้รู้
เพราะสิ่งนี้มีอานุภาพมากมายยิ่งนัก ท่านเคยได้ยินเรื่องนกมีปีกและ
มีมือไหมล่ะ บัดนี้เจ้าสดายุจะมีมือที่งอกออกมาจากการได้รับ
พลังงานเหล่านี้ไว้ครบถ้วนแล้วล่ะ”
   “ไหนๆล่ะข้าไม่เห็นมือของนกสดายุเลยนี่นาย???” ทั้งหมดอุทาน
   “ก็เพราะเขาเก็บไว้ใต้ขนล่ะซิ  ไว้พวกเจ้าคอยดูตอนเจ้าสดายุต่อ
สู้กับตะขาบบินก็แล้วกัน เขาคงจะเอาออกมาใช้กระมัง    ตอนนี้ข้า
ไม่ห่วงอะไรอีกแล้ว เรื่องอาวุธที่ให้ทำนั้น  คิดว่าทำให้มันตายไม่ได้
เพียงแค่จะไปสะกิดมันเท่านั้น  รู้ไหม???เจ้าสดายุจะแปลงร่างให้
ใหญ่กว่าเจ้าตะขาบบินได้อีกด้วย  ที่จริงมันเป็นเจ้าแห่งปักษาทั้งหมด
ข้าคุยกับมัน  มันบอกว่าสามารถเรียกพวกมันและเหล่าบริวารของ
นกทั้งหลายให้มาช่วยพวกเราได้อีกทางหนึ่งด้วยล่ะ ฉะนั้นเจ้าจง
ไว้ใจได้  เจ้าตะขาบบินถึงจะมีอานุภาพอย่างไรก็คงจะสู้เจ้าสดายุ
ไม่ได้แน่  ข้าเชื่อใจเช่นนั้นนะ”
   ทุกๆคนหันไปมองเจ้าสดายุที่มีสีสรรสวยงามมากหลากหลายสี
ที่เกาะอยู่บนหัวไหล่  เจ้าภาคีเห็นว่ามันเชื่องต่อนายนิรุทธิ์ ก็จะเอื้อม
มือไปลูบหัวมัน  แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเจ้าสดายุมันร้องพร้อมหันมา
จิกหวังทำร้ายภาคีทันที  แต่นิรุทธิ์หนุ่มต้องรีบส่งภาษาห้ามปรามไว้
พลางกล่าวว่า
   “ภาคีเจ้าสดายุมันเป็นเจ้าแห่งนกทั้งหลายถือว่ามันเป็นสัตว์ที่สูงส่ง
ยิ่งใครจะไปจับตัวมันหรือจะลูบหัวมันไม่ได้หรอกยกเว้นแต่ข้า
เท่านั้นที่เจ้าสดายุมันยินยอมพร้อมใจ ไม่ว่าใครๆก็ตามไม่สามารถจะ
แตะต้องตัวมันได้แม้แต่สินธุก็ตาม หากไม่เชื่อถามสินธุดูก็แล้วกัน”
   “จริงหรือนายสินธุ????”  ภาคีถามด้วยความสงสัย
   “จริงภาคีเพราะว่าก่อนนั้นข้าเองยังคิดว่ามันเป็นนกไม้ที่บรรพบุรุษ
เรามอบให้แก่เราเพื่อไปค้นหานายของมัน  ข้าเห็นมันสวยจึงเอื้อมมือ
ไปลูบตัว แต่มันจิกข้าจนข้ามองไม่ทันมือไม้เป็นแผลเหวอะหวะไปเลยนะ ไม่ได้หรอกตั้งแต่นั้นมาข้าก็ไม่กล้าไปยุ่งเกี่ยวอีกเลย”
   “ถ้าอย่างนี้คนที่จะควบคุมเจ้าสดายุได้ก็คือนายนิรุทธิ์คนเดียว
เท่านั้นนะซิ  คนอื่นไม่มีทางจะเข้าใกล้ได้เลยนะ”
   “ถูกแล้วภาคีไม่มีใครจะแตะต้องเจ้าสดายุได้นอกจากเราเท่านั้นเอง
เพราะเราเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว”
   “อ้าวๆนายแล้วใครจะให้อาหารมันกินได้เล่า หากเข้าใกล้มันไม่ได้
นะ มันไม่อดตายหรือ หรือว่าต้องให้นายให้คนเดียวเท่านั้น”
   “อ้อๆเรื่องอาหารนั้น เจ้าสดายุมันไม่กินอาหารแบบเราๆหรอกมัน
กินพลังงานเท่านั้น  เหมือนกับพวกเทวดาที่กินอาหารทิพย์นั่นแหละ
จึงไม่เป็นปัญหาในเรื่องอาหารการกินหรอกภาคี”
   “แล้วอย่างนี้หากพวกเราจะล้อเล่นมันไม่ได้เลยหรือ มันออกสวย
อย่างนี้นะนายนิรุทธิ์”  คียะกล่าวขึ้นบ้าง
   “เอาล่ะแต่แล้วแต่มันนะ เดี๋ยวข้าจะพูดกับสดายุก่อนว่าจะยินยอม
เล่นด้วยหรือไม่”
   ว่าแล้วชายหนุ่มก็หันไปส่งภาษากับสดายุ ตอนแรกมันไม่ยอมแต่
ชายหนุ่มบอกว่าตามใจ หากต้องการจะเล่นกับใครเพราะเขารักเจ้า
อยากจะเล่นด้วย
   “สดายุเอ๋ยอย่างไรเขาก็เป็นพวกเดียวกับเราให้เขาจับต้องเจ้าได้
ก็แล้วกันนะ แล้วแต่เจ้าจะเลือกเอาเองก็แล้วกันข้าไม่บังคับใจเจ้า
หรอก  หากเห็นว่าเขาจริงใจต่อเจ้าจริงๆ”
   “ได้นาย ฉันจะเลือกคนที่จะเล่นด้วยนะ แต่ขออย่างเดียวอย่ามา
แตะต้องหัวของฉันก็แล้วกันนะนาย”
   “ได้สดายุเราจะบอกพวกเขาให้แล้วเจ้าคิดว่าจะเลือกใครดีล่ะ”
   “ข้าคิดว่าตอนนี้จะเล่นกับภาคี และคียะเท่านั้นดูนางโอบอ้อมอารี
ดีนะนาย ส่วนคนอื่นๆข้าขอดูใจพวกเขาก่อน”
   “ได้สดายุเราจะบอกแก่พวกเขาให้นะ ขอบใจเจ้ามากนะที่อนุญาตให้เขา เพราะเขาคงรักเจ้าเช่นเดียวกับเรารักเจ้าเหมือนกัน”
   ว่าแล้วชายหนุ่มก็หันไปบอกพวกที่ยืนล้อมรอบชายหนุ่มด้วยความ
สงสัยที่ชายหนุ่มสามารถพูดภาษานกได้เป็นอย่างดี ถึงกับปากอ้าตาค้างไปตามๆกัน ไม้เว้นแม้แต่  กุลา ภาคี  คียะ และคนอื่น 
ยกเว้นสินธุ ที่เคยเห็นชายหนุ่มคุยกับเจ้าสดายุมาก่อน  ดังนั้น
ชายหนุ่มจึงกล่าวว่า
   “เราได้ตกลงกับสดายุแล้ว เขาตกลงแต่จะให้คนที่ถูกตัวเขาได้
ตอนนี้มีสองคน คือ ภาคีและคียะเท่านั้น แต่ต่อไปเมื่อเขาไว้ใจก็
จะยอมเล่นด้วยเท่านั้น แต่เขาบอกว่าห้ามอย่างเดียวคือไปแตะต้อง
หัวของเขาเป็นอันขาด  อีกอย่างหนึ่งเราขอบอกว่าเจ้าสดายุนั้นเขา
สามารถจะแปลงกายเป็นอะไรๆก็ได้อีกด้วยฉะนั้นบางครั้งเขาอาจจะแปลงร่างเป็นคนแบบพวกเจ้าก็ได้นะขอบอกให้รู้ไว้และเขามีรูปร่าง
หน้าตาหล่อเหลาอีกด้วย  เจ้าภาคีและคียะอย่าไปหลงใหลเขาอีกล่ะ”
ว่าแล้ว ชายหนุ่มก็ยิ้มและหัวร่อเบาๆ  ทำเอาเจ้าภาคีและคียะถึงกับ
หน้าแดงอายม้วนต้วนไปเลย
   “โธ่นายนะนาย ข้าสองคนรักเดียวใจเดียวนะนาย ข้ามองคนที่ชอบ
ไว้อีกแล้วด้วย  แต่พวกข้าจะไม่บอกหรอกว่าเป็นใคร”
   “ข้าหรือเปล่าที่เป็นคนในดวงใจพวกเจ้า???”
เจ้ากุลายืนฟังตั้งนานเอ่ยถามขึ้นทันที พร้อมส่งเสียงหัวร่อลั่น............
                   * แก้วประเสริฐ. *

665411.gifkjklglk.gif665411.gif				
comments powered by Disqus
  • เพียงพลิ้ว

    26 ธันวาคม 2555 16:10 น. - comment id 131364

    คนในดวงใจใครกันนะ อยากรู้จริงค่ะคุณลุง
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif
  • แก้วประเสริฐ

    27 ธันวาคม 2555 13:23 น. - comment id 131365

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ เพียงพลิ้ว
    
            หลานรักของลุง ลุงเองยังไม่รู้เลยล่ะ
    ว่าใครเป็นคนในดวงใจนะ  อ่านไปเรื่อยๆ
    ลงท้ายก็จะรู้เองแหละฮ่าๆๆๆ รักหลานเรา
    มากที่สุดจ้า
    
                   16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • คิดถึงเธออยู่เสมอ

    2 มกราคม 2556 07:03 น. - comment id 131432

    อากาศอย่างนี้เป็นห่วงพี่แก้วฯมากๆดูแลสุขภาพนะคะ 29.gif
  • (น้ำตาลหวาน)

    2 มกราคม 2556 08:50 น. - comment id 131433

    ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2556 
    ขอนำพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
    จงคุ้มครองให้พี่แก้วประเสริฐ
    และครอบครัวประสบแต่ความสุข
    และสุขภาพแข็งแรง ร่ำรวย ตลอดไปค่ะ
    
    
    
    16.gif36.gif
  • แก้วประเสริฐ

    2 มกราคม 2556 13:58 น. - comment id 131434

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ คิดถึงเธออยู่เสมอ
    
             ใช่แล้วน้องรัก อากาศเปลี่ยนแปลง
    เช่นนี้พี่เองแย่เลยทีเดียว หายใจค่อนข้าง
    ลำบากด้วย โรคแพ้อากาศนี่แหละเป็นเหตุั
             ปีใหม่นี้ขอให้ืน้องเราจงสวยวันสวยคืนนะ
    ขอให้สุขสวัสดีมีชัยสมปรารถนาด้วยเทอญ
            รักน้องมากเสมอจ้า
    
                 16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    2 มกราคม 2556 14:03 น. - comment id 131435

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ น้ำตาลหวาน
    
        แม้นปีเก่าเคลื่อนคล้อยเหมือนลอยลับ
    แต่ก็กลับความคิดถึงตราตรึงเสมอ
    หาใช่ลอยคนรักจักปรนเปรอ
    ปีใหม่เสนอความสนานพาลสุขใจ
    
       ขอน้องสาวคนสวยอำนวยโชค
    ตราบโฉลกมะเส็งเพ่งสดใส
    ตราตรึงซึ้งร่ำรวยอำนวยชัย
    ทุกวันได้พบแต่สุขทุกชั่วกาลป์
    
           ขอบใจน้องสาวที่น่ารักมากจ้า
    ขอให้น้องสมความมุ่งมาดปรารถนา
    ทุกประการตลอดปีใหม่นะจ๊ะ
            รักน้องเรามากๆเสมอจ้า
    
               16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • เอื้องอังกูร

    16 มกราคม 2556 11:43 น. - comment id 131460

    หวัดดีครับ
    เข้ามาอ่านแล้ว...คลายทุกขใจลงไปบ้างครับ
    ขอยคุณครับ36.gif
  • เอื้องอังกูร

    16 มกราคม 2556 11:45 น. - comment id 131461

    อ่านแล้วาบาย..คลายทุกข.ลงบ้างครับ
    ขอบคุณครับ36.gif16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน