เมื่อครั้งยังเยาว์

ใยไหม

ตั้งแต่เริ่มจำความได้  ชีวิตฉันได้พบกับความสนุกสนานมาตลอด   การเดินเล่นบนเทือกเขามหาชัยในวันหยุด  เสาร์-อาทิตย์  นั่นช่างเป็นความรู้สึกที่ดีเหลือเกิน  เสียง  ลิงร้องอยู่บนต้นไม้  เสียงค่าง  ชะนี   และนกชนิดต่างๆที่หาฟังได้ยาก  แต่ฉันมักจะได้ยินอยู่เสมอๆ  แม้บริเวณบ้านพักที่อยู่ติดกับเขามหาชัยก็จะมีกระรอก  กระแต  นก  ฯลฯ  ที่วนเวียนมาเพื่อเกาะกินต้นหว้าอยู่หน้าบ้าน  
หากวันดีคืนดีก็จะมีงูเห่าตัวเขื่องๆเลื้อยออกผ่านใต้ถุนบ้าน  จำได้ว่ามันมาด้วยกันสามตัว  ที่แรกจะมีงูเง่าตัวเล็กๆเลื้อยออกมาก่อน  สักพักก็จะมีงูขนาดกลางเลื้อยตามมา  แล้วตบท้ายด้วยงูเห่าตัวดำๆ   โตๆ  ฉันเพ่งมองลงมาจากระเบียงหน้าบ้านเพื่อสังเกตพฤติกรรมของมัน    และรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนพ่อ  ซึ่งเก็บปืนยาวของเพื่อนๆเอาไว้    แล้วหยิบปืนยาวเก่าๆออกมา   ฉันเล็งไปยังงูตัวใหญ่  ระหว่างนั้นคำถามต่างๆก็เริ่มพร่างพรูออกมา   หากฉันลั่นไกไปแล้วฉันทำเพราะอะไร?  แล้วประโยชน์ที่ตามมาคืออะไร?  นอกจากการคร่าชีวิตหนึ่งไป  เขาทำร้ายเรารึก็เปล่า   เขาเลื้อยอยู่ในวิถีของเขา  เพียงแต่ว่ามันมาอยู่ในสายตาเหล่ามนุษย์การเข่นฆ่าเลยตามมา   หากฉันสงบเหตุการณ์ร้ายคงไม่เกิดขึ้น   ...
ฉันลดปืนลง  แล้วสังเกตพฤติกรรมของพวกมันต่อไป  จนมันเลื้อยลับตาไปยังป่าบริเวณหน้าบ้าน  ฉันนั่งลงเพื่อเฝ้ารอบอกทุกคนที่เดินผ่านหน้าบ้านว่าให้ระวังงูเห่า   แต่ดูเสมือนว่าไม่มีวี่แววของพวกมันอีกเลย...  ทุกอย่างยังคงดำเนินไปอย่างเช่นทุกวัน     นกร้อง  ลิงค่าง  บ่าง  ชะนี  ยังคงส่งเสียง  หมู่กระรอกและนกน้อยๆยังคงมาเกาะต้นหว้าหน้าบ้านเพื่อมาเกาะกินลูกหว้า  ธรรมชาติแห่งป่าเขายังรายรอบอยู่เช่นเดิม...
..................................................
อากาศตอนเช้าเวลา  ๐๕.๐๐   น.   ช่างหนาวเหลือเกิน  ไอน้ำจะออกจากปากเมื่อเวลาอ้าปากพ่นลมหายใจออกมา  ฉันต้องตื่นเวลานี้เพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียนซึ่งอยู่ในตัวเมือง   ฉันมีพี่น้องสามคนซึ่งต่างมีวัยไล่เลี่ยกัน  และต้องไปโรงเรียนในเวลาเดียวกัน....   ส่วนน้องสาวคนเล็กซึ่งอายุยังน้อยไม่ถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียนต้องอยู่กับพี่เลี้ยงที่บ้าน     พ่อจะทำหน้าที่ปลุกเมื่อเวลาเช้า  แม่จะทำอาหารเช้าไว้ให้ลูกๆ  พร้อมทั้งทำอาหารเพื่อใส่กล่องข้าวไปให้ทานในมื้อเที่ยง  แต่ฉันและพี่  น้องต่างไม่ทานอาหารเช้าเนื่องจาก  ไม่หิว   การไม่ทานอาหารเช้าจึงเหมือนเรื่องปกติของพวกเรา...
แต่พอถึงเวลาพักกลางวันฉันจึงต้องวิ่งตาลีตาเหลือกทุกที่สิน่า  มันหิวนี่น่า ! ข้าวห่อของแม่ช่วยประทังความหิวได้ดีชะมัด  หลังเลิกเรียนเวลาสี่โมง   ก่อนที่รถประจำจะมารับที่หน้าโรงเรียนต้องหยุดเพื่อทานขนม  ในวัดจะมีขนมจีน  ข้าวยำ  และก็ก๋วยเตี๋ยวจานละบาทสำหรับนักเรียน  ฉันจะเลือกกินขนมจีนเพราะ?ผักเยอะ  อิอิอิ  ทั้งผักลวก   ผักดอง  และผักที่กินกับขนมจีนอีกเพียบ...  1  บาทที่มีเหลืออยู่ในกำมือต้องให้คุ้มค่าที่สุด  และอิ่มที่สุด  เพราะรถต้องหยุดรอรับเพื่อนนักเรียนต่างโรงเรียนนานอักโขทีเดียว
เกลือบหกโมงเย็นกว่าจะกลับถึงที่หน้าสำนักงานอธิการ  พ่อมักจะมารอรับอยู่ที่รถ  หากพ่อมาฉันก็ไม่ต้องเดินกลับบ้านเองเพราะพ่อมักจะขับมอร์เตอร์ไซด์มา  หากวันไหนพ่อไม่ได้มารับฉันต้องเดินกลับบ้านเอง  แต่ระหว่างทางเดินกลับบ้านมักจะสนุกด้วยมักจะผ่านสนามสำหรับเล่นกีฬา  หากวันไหนกลับค่ำหน่อย  เพื่อนๆที่อยู่ละแวกนั่นก็จะมารวมตัวเพื่อเล่นกีฬา  กระโดดยางมักเป็นกีฬาที่เด็กๆแถวนั้นนิยมเล่นกัน  ฉันอดที่จะกระโดดข้ามไปไม่ได้  จึงไม่แปลกเลยเมื่อกลับถึงบ้านความหิวจึงเข้ามาจู่โจมกระเพาะน้อยๆอีกครั้ง  เมื่อถึงบ้านอย่างแรกที่ฉันถลาเข้าไปหานั่นคือ  ตู้กับข้าว   หากมีอะไรกินฉันก็จะกินประทังความหิว   แล้วออกไปเล่นกีฬากับเพื่อนที่สนาม  หากค่ำก็เล่นแบตฯอยู่กับบ้าน...
เมื่อเวลาอาหารค่ำก็มาถึง  ซึ่งเป็นเวลาที่ฉันพอใจมากที่สุด  ด้วยมักจะมีแกงเลียงผักรวม  และปลาทูทอดเป็นอาหารหลัก  ฉันมักจะเลือกกินแต่ผัก  ขอผักล้นจานเป็นพอ  อิอิอิ  เมื่อข้าวและผักหมดจานก็ใกล้เวลาดูโทรทัศน์  ดูละครหลังข่าวเสร็จแล้วพ่อก็ต้อนบรรดาลูกๆเข้านอน  แล้วรุ่งเช้า...ทุกอย่างก็วนเวียนอยู่เช่นนี้เสมอๆ 				

ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์หากฉันไม่ได้ไปเที่ยวรอบๆ  บริเวณมหาวิทยาลัยก็จะอยู่กับบ้าน  พ่อมักจะมีเมนูขนมอร่อยๆมาให้ลูกทำเสมอ  เช่น  ขนมกวน  ขนมครกกระทะ(ทำเหมือนขนมครก  แต่ใช้กะทะแทนรางขนมครก)   ขนมบัวลอย  ฯลฯ  ฉันชอบทำทุกหน้าที่ไม่ว่าจะผสมแป้ง  หรือปั้นแป้งสำหรับทำบัวลอย  กวนขนม  กวนขี้มันที่ใส่หน้าขนมกวน(ขี้มัน   คือ  น้ำกะทิตั้งไฟกวนโดยใช้ไฟปานกลางเรื่อยๆจนกะทิแห้ง  จะมีลักษณะเป็นลูกเล็กสีน้ำตาล  รส  หวานๆ  มันๆ  เพิ่มความอ้วนได้ดีนักแล)  

แต่งานที่ไม่ถนัดเอาเสียเลย  คือ  ก่อเตาไฟ  เพราะต้องใช้เตาถ่านหากต้องทำขนม  เตาแก๊สน่ะหรือ  เปลืองจ้า!

เมื่อขนมจวนจะเสร็จ  ฉันก็ทำหน้าที่เดินไปชวนเพื่อนๆวัยเดียวกันมาทาน  ที่หมู่บ้านที่ฉันอยู่เรียกกันว่าหมู่บ้านเชิงเขา  ซึ่งจะมีบ้านพักอยู่อีกไม่ไกลนัก    เพียงไม่นานขนมที่ทำก็จะหมดไปในพริบตา

สักพักก็ได้เวลาเตร็ดเตร่พวกเราไม่ได้ไปไหนไกลหรอกก็อยู่ในบริเวณมหาลัยอะแหละ  ที่นี่พื้นที่ออกกว้างการเดินให้ทั่วถึงในวันเดียวคงเป็นไปได้ยาก  ....

ถ้าหากวันไหนฉันไปหาแม่ที่ในที่ทำงาน  การช่วยแม่ทำงานนั้นก้อเป็นงานอีกอย่างหนึ่ง  (ด้วยว่าเกรงใจอาจารย์     อิอิอิ)   ไม่ว่าจะช่วยตอกหนังสือ  หรือปิดหน้าต่างในเวลาเลิกงาน    แต่สิ่งที่ฉันชอบมากที่สุดเมื่ออยู่  ณ  ที่นั้น  คือการ  อ่านหนังสือ  ...

ที่นี่มีหนังสือให้เลือกอ่านมากมาย  ไม่ว่าจะแนวบรรเทิง  อย่างวารสาร  นิยาย นิทาน  นิตรสารต่างๆ  หรือหนังสือแนววิชาการ  ที่ฉันโปรดปรานมากที่สุดเห็นจะเป็นหนังสือการ์ตูน  ที่เมื่อเปิดขึ้นมาบ้านจะกลายเป็นบ้าน  เหล่าตุ๊กตาที่อยู่ในนั้นจะยืนขึ้น    ด้วยเทคนิคการตัดกระดาษ  ด้วยวัยไม่ถึง  10  ขวบของฉันย่อมตื่นเต้น  และแปลกตา  เนื่องประมาณ  20  ปีก่อน  หนังสือลักษณะนี้คงหาดูได้ค่อนข้างยาก  และยิ่งเป็นเด็กบ้านนอกอย่างฉันยิ่งยากส์ ...

แม่คอยสอนอยู่เสมอให้เป็นคนรักษาหนังสือทุกเล่มที่อ่าน  ฉันปฎิบัติตามอย่าเคร่งครัดเสมอเช่นกัน....

หลังจากที่มีเสียงกริ๊งเลิกงาน  เพื่อบอกให้ผู้คนที่เข้ามาใช้ห้องสมุดให้ออกไปเพื่อจะได้จัดเก็บหนังสือ  ฉันทำหน้าที่หอบหิ้วหนังสือที่มีผู้นำไปอ่านบนโต๊ะอ่านหนังสือ  มาเก็บรวมรวบไว้บนชั้นพักหนังสือ  เรื่อองจะให้จัดหนังสือน่ะหรือ  ไม่อาวอะ   โห  คิดดูสิหนังสือวิชาการจะมีตัวเลขกำกับเอาไว้ทั้งหมด     ต้องเรียงตามตัวเลขนา  เกินปัญญาเด็กวัยไม่ถึง  10  ขวบอย่างฉัน(ในขณะนั้น)   หากเป็นนิตยสารก็ได้อยู่หรอกน่ะ  แค่เก็บในที่ของหนังสือนั้นและวางเรียงให้เรียบร้อย  เก็บหนังสือพิมพ์มาไว้ยังที่วาง  เป็นอันเรียบร้อย...

หลังจากการจัดหนังสือเสร็จสิ้นลง  ฉันก็ต้องปิดหน้าต่าง   ในขณะนั้นหน้าต่างจะเป็นลูกกรงเหล็ก  ต้องใช้ไม้ที่มีลักษณะงอตรงปลายลอดทางลูกกรง  เพื่อที่จะช่วยดึงบานหน้าต่างเข้ามา  การปิดจะเป็นไปได้ด้วยดี

ฉันมักจะปิดหน้าต่างเสียงดังอยู่เสมอ  แม่คอยเตือนว่า  อย่าปิดเสียงดังนะลูกเดี๋ยวกระจกจะแตก  แล้วแม่ก็สอนวิธีปิดที่ถูกต้องให้  ฉันต้องทำตามอยู่ที่นั่นอาจารย์หัวหน้าสถานที่  โห ... น่าดุ  เอ๊ยมะใช่ซิน่ารัก  เดี๋ยวท่านมาอ่านเจอแล้วจะโดนเขกกระบาล  ฉันต้องทำตามแม่เนื่องจากหากเสียงดังอาจจะโดน  อาจารย์หัวหน้าสถานที่  ดุได้  อิอิอิ

เมื่องานเสร็จ  ก็ได้เวลาเดินกลับบ้าน  แม่มักจะยืมนิตยสารกลับบ้านเสมอๆ  แต่มีข้อแม้ว่าต้องอ่านให้จบภายในคืนเดียว  เพราะรุ่งเช้าจะต้องนำหนังสือไปคืน  

ระหว่างทางแม่มักจะซื้อขนมให้ทาน  เพราะจะมีป้าแก่ๆหามขนมมาขายที่หน้าห้องสมุดเสมอ    ป้าคนขายทำขนมได้อร่อยมาก  เมนูขนมก็จะมี   ผัดหมี่  ขนมหัวมัน(ทำจากมันสำปะหลังต้มแล้วนำมากวนจนเหนียว  แล้วมีน้ำกะทิข้นอยู่ชั้นบน)  และอะไรอีกจำไม่ได้เพราะจะกินอยู่สองอย่าง  แหะๆๆๆๆ

หลังจากกลับถึงบ้านฉันก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังที่แม่ยืมมาจนบางครั้งลืมที่จะออกไปวิ่งเล่นข้างนอก  แต่ไม่เป็นไรหรอกได้อ่านหนังสือก็พอใจแล้วล่ะก็ต้องรีบอ่านให้จบในคืนนี้นี่นา   อันนี้มันต้องสำคัญกว่าสิ  ..เนอะ...				

พ่อมักจะมีกีฬาสำหรับเด็กผู้ชายให้ฉันเล่นอยู่เสมอ    จำได้ว่าพ่อจะนำกระสอบที่ใช้สำหรับต่อยมวยมาผูกไว้บริเวณใต้ถุนบ้าน   แต่ด้วยฉันยังเด็กและเล็กนักพ่อจึงเอานุ่นมาใส่  แทนที่จะเป็นทราย  ...

เรามีด้วยกันสี่พี่น้อง  ซึ่งเป็นผู้หญิงพ่ออยากได้ลูกชายมาก  ฉันรู้พ่อผิดหวังที่ไม่ได้ลูกชายอย่างที่ต้องการ  แต่พ่อคงมี่ความยินดีอยู่ไม่ใช่น้อยที่ลูกสาวของพ่อ เป็นเด็กดีทุกคน

พ่อพูดล้อเล่นกับฉันว่า ตอนหนูเกิด  หนูร้องไห้เสียงดังมาก  จนพ่อคิดว่าหนูเป็นเด็กผู้ชาย   พ่อคงดีใจมากในเวลานั้นที่คิดว่าจะได้ในสิ่งที่ตนเองอยากได้  แต่หาก...ไม่ใช่  ฉันเป็นเด็กที่ค่อนข้างแก่น    วันหยุดชอบออกวิ่งแล่นนอกบ้านอยู่เสมอ     จนตัวงี้ดำ....  (แต่ก็....ไม่ทิ้งแววความน่ารักเอาไว้   อิอิอิ)

ฉันเล่นทุกอย่างที่เป็นกีฬาผู้ชาย  ด้วยความรู้สึกที่ว่า  ชอบ    เมื่อก่อนไม่มีเด็กผู้ชายกล้ามารังแกฉันซักคน   ด้วยเหตุผลว่า  ฉันสู้   การเกรงกลัวผู้ที่มาทำร้ายนั่นไม่ใช่ฉัน   แต่ฉันจะไม่หาเรื่องใครก่อนและมากจะไม่ทำร้ายใครเช่นกัน....

ถึงฉันจะแก่นอย่างไร  ก้อมักจะได้รับมอบหมายให้แข่งขันวาดรูป  และงานศิลป์แขนงต่าง  ในงานประจำปีของจังหวัดเสมอ   ทางโรงเรียนมักจะจัดความพร้อมโดยการฝึกหัดก่อน  ฉันมักจะเลี่ยงการฝึก  (แหะ  ...เกิดได้รับเลือกนี่ขี้เกียจอ่ะ  ไหนจะต้องไปแข่งขัน  ไหนจะต้องเตรียมตัว  ฯลฯ)				
comments powered by Disqus
  • เพื่อนเก่า

    28 สิงหาคม 2547 23:25 น. - comment id 76431

    อ่านซะตาลาย..เขียนหลายอย่างเหลือเกิน ขี้เกียจไปตอบโคลงนะ เขียนดี...คุยด้วยตรงนี้แล้วกัน..
    
    ว่าจะเมล์ไปหานะ พอดีได้ยาดีมาบอก เดี๋ยวไปถามวิธีใช้ให้แน่ใจก่อน เป็นสมุนไพร..ทำให้ร่างกายแข็งแรง
    
    และจะไปหายาแก้โรคดื้อด้วย..ที่ไม่ค่อยสนใจตัวเอง  ที่ไหนมีหว่า..คุณต้องมีกำลังใจเพื่อตัวเองก่อน ชีวิตยังหายใจ สามารถเริ่มใหม่ได้ทั้ง
    สิ้น  หลายวันก่อนนกกระจอกบินมาบอกว่าคุณ ไม่ค่อยขยันหัดเดิน..แล้วอีก2ปี จะวิ่งแข่งกันไหวเหรอ..
    
    คุณดูแลสุขภาพนะ ราตรีสวัสดิ์..อย่านอนดึกนัก สวัสดีครับ..อย่าคิดติ๊บล่ะ..
  • ใยไหม

    29 สิงหาคม 2547 13:28 น. - comment id 76445

    สวัสดีค่ะ  \"เพื่อนเก่า\"   นกกระจอกตัวนั้นคือผู้ใดหนอ...    อย่าลืมบอกมันด้วยน่ะค่ะว่าใยไหมยิงปืนแม่นๆๆๆ   
    
    หายาแก้โรคดื้อให้ได้เมื่อไหร่บอกด้วยน่ะค่ะ  อ๋อ  ยาที่ว่ากินแล้วจะรอดไม่ค่ะเนี่ย...
  • ที่รักของฉัน

    29 สิงหาคม 2547 23:08 น. - comment id 76459

    ....ผมนึกว่า..เมื่อครั้งยังเยาว์...จะเป็นดักแด้ซะแล้ว...ระวังนะครับ...ใยไหม..หลายๆเส้นก็เป็นผ้าไหมที่สวยงามนะครับ...
    
    ..............................สวัสดีครับ........................
  • เพื่อนเก่า

    30 สิงหาคม 2547 00:15 น. - comment id 76460

    ดึกอีกแล้ว วันนี้ ไม่ใช่ผม คุณนั่นแหละ...
    แอบเห็นไปเพ่นพ่านอยู่นะ....
    
    ยาน่ะ เดี๋ยวจะไปถามนะว่าทานยังไง รับรองต้องดีซิ เพื่อนต้องให้แต่ในสิ่งดีๆซึ่งกัน...
    
    นกกระจอกไม่ต้องยิงหรอก วันนี้ทานยาผิดสำแดง เดี้ยงไปแล้ว...ส่วนยาแก้ดื้อ หายากและมีไม่พอแน่ โลกนี้มีแต่คนดื้อ โดยเฉพาะผู้สาวทั้งหลาย
    
    ไปนอนแหละดึกแล้ว ราตรีสวัสดิ์นะ..
    อ้อ..ลืมทักทายคุณค้างคาว..สวัสดีครับ..
  • ใยไหม

    30 สิงหาคม 2547 14:09 น. - comment id 76467

    เมื่อคืนไม่ดึกนาเห็นที่ไหน....  เขียนโคลง  กลอนเสร็จแล้วก้อนอน....ก่อนเที่ยงคืนมั้งที่ออกห่างจากหน้าจอ....
    
    ตั้งแต่ไม่สบายมา  มีแต่คนหายามาให้กินจนจะอ๊วกแล้วอ่ะคุณกะยาเนี่ย  จนเดี๋ยวนี้เหล่ยาไปแล้ว  โห....ก้อกินยาจนเหม็นเขียวแล้วไง    แต่ก้อนั่นแหละน่ะอยากหายนี่นา  ทั้งยาแผนโบราณ  ทั้งยาแผนปัจจุบัน  อะโห....
    
    ไม่ยิงหรอกนกกระจอกน่ะมันบาป  แค่ขู่เล่นน่ะ  แต่เขกหัวเจ้านกกระจอกนี่ไม่แน่...อย่าไปทักค้างคาวเลยอีตานี่อ่ะ.......
  • ใยไหม

    30 สิงหาคม 2547 14:12 น. - comment id 76468

    "ที่รักของฉัน(แอ๊ะ!!ของคนอื่น)\"
    นั่นสิค่ะ  ใยไหมหลายเส้นมารวมกัน  ก็ได้ผ้าสวยๆ  แถมแข็งแรงอีกต่างหากน่ะค่ะ..
  • อัลมิตรา

    30 สิงหาคม 2547 16:52 น. - comment id 76473

    สมุนไพรไม่ต้องทานหรอก เดินสิ ดีกว่า
  • ใยไหม

    31 สิงหาคม 2547 10:58 น. - comment id 76500

    อัลมิตราที่รัก
    อัลมิตราเธอชอบมาแบบตรงอ่ะ  ....  ในความคิดเราน่ะส่วนหนึ่งคือร่างกายเรายังไม่แข็งแรงนะ   ต้องใช้ยาช่วยด้วย  ร่างกายจะได้พร้อมสำหรับการเดินไง  
    
    การหัดเดินนั้นคือจุดประสงค์ปลายทางที่สำคัญมากกกกกกกกกกเลยแหล่ะ  หากอยากเดินได้ต้องหัดเดินไง...จริงป่ะรัก
    
    แต่อีกนั่นแหละ...การเดิน  หากร่างกายไม่ได้มีการเตรียมพร้อมจากยาการเดินก้อไม่เป็นผลน่ะ....    เราเลยมียาเยอะมากกกกกก       ทั้งวิตามิน  ซี  อี  แคลเซี่ยม  เห็ดหลินจือ   ฯลฯ  โห....
    
    ที่รักลองสังเกตุเคาเวลาเดินดิ  ตัวสั่น   เกร็ง  เย็น  นั่นเป็นการสั่งานของสมองเราน่ะ  หากทำอะไรที่แปลกไปจากที่เป็นอยู่    หรืตื่นเต้า  ฯลฯจะมีอาการสั่นเกร็ง  กล้ามเนื้อน่ะ  เจ็บบริเวณกล้ามเนื้อต้นคอนะ  และนี่คือผลมาจากการที่สมองขาดออกซิเจน  
    
    แต่ตอนนี้มะค่อยปรากฏให้เห็นเท่าไหร่  แต่อาการยังคงอยู่น่ะ  เพียงแต่ว่าเราใช้สมาธิน่ะ  นั่งสมาธิมากใจก้อสงบตามมา  การตื้นเต้น  ตกใจง่าย  ฯลฯ  ก้อลดลง  แต่ยังมี...  
    
    บางครั้งเราต้องลดอาการ  โดยการทำเหมือนกับว่าโกรธใครมาซักชาติ    อิอิอิ  นี่เป็นส่วนหนึ่งนะอัลมิตราที่รัก...
    
    
  • ใยไหม

    31 สิงหาคม 2547 11:10 น. - comment id 76502

    *แก้ๆๆๆๆ
    
    อัลมิตราที่รัก
    อัลมิตราเธอชอบมาแบบตรงๆอ่ะ  
    ....  ในความคิดเราน่ะส่วนหนึ่งคือร่างกายเรายังไม่แข็งแรงนะ   ต้องใช้ยาช่วยด้วย  ร่างกายจะได้พร้อมสำหรับการเดินไง  
    
    การหัดเดินนั้นคือจุดประสงค์ปลายทางที่สำคัญมากกกกกกกกกกเลยแหล่ะ  หากอยากเดินได้ต้องหัดเดินไง...จริงป่ะละที่รัก
    
    แต่อีกนั่นแหละ...การเดิน  หากร่างกายไม่ได้มีการเตรียมพร้อมจากยา  การเดินก้อไม่เป็นผลน่ะ....(เราเคยหัดเดินโดยที่ไม่ทานยามาแล้ว  จะรู้เลยว่ารางกายไม่พร้อมสำหรับการเดินได้เอามากๆๆๆๆ
    
        เราเลยมียาเยอะมากกกกกก       ทั้งวิตามิน  ซี  อี  แคลเซี่ยม  เห็ดหลินจือ   ฯลฯ  โห....
    
    ที่รักลองสังเกตุเราเวลาเดินดิ  ตัวสั่น   เกร็ง  เย็น  นั่นเป็นการสั่งงานของสมองเราน่ะ  หากทำอะไรที่แปลกไปจากที่เป็นอยู่    หรือตื่นเต้น(อ๊ากกกกกกกกกกกก)  ฯลฯ 
    
    จะมีอาการสั่นเกร็ง  กล้ามเนื้อน่ะ  เจ็บบริเวณกล้ามเนื้อต้นคอนะ  และนี่คือผลมาจากการที่สมองขาดออกซิเจน  
    
    แต่ตอนนี้มะค่อยปรากฏให้เห็นเท่าไหร่  แต่อาการยังคงอยู่น่ะ  เพียงแต่ว่าเราใช้สมาธิน่ะ  นั่งสมาธิมากใจก้อสงบตามมา  การตื้นเต้น  ตกใจง่าย  ฯลฯ  ก้อลดลง  แต่ยังมี...  
    
    บางครั้งเราต้องลดอาการ  โดยการทำเหมือนกับว่าโกรธใครมาซักชาติ    อิอิอิ  นี่เป็นส่วนหนึ่งนะอัลมิตราที่รัก.
  • ใยไหม

    31 สิงหาคม 2547 11:15 น. - comment id 76503

    แต่เราว่าต้องอาศัยสามอย่างน่ะ  
    
    ยาเพื่อเตรียมความพร้อมของร่างกาย +   การหัดเดินอันนี้สำคัญ +  กำลังใจอันนี้สำคัญที่ซู๊ด...  ว่าป่ะ
  • vwander

    30 พฤศจิกายน 2550 15:07 น. - comment id 98475

    ดีจ้า มาหาข้อมูลเรื่องขนมกวนและขี้มัน ขอบคุณจ้า แวะมาทักทายหน่อย
    
    http://www.vwander.com/index.php?name=food
  • vwander

    30 พฤศจิกายน 2550 15:09 น. - comment id 98476

    food
    
    [url=http://www.vwander.com/index.php?name=food]food[/url]

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน