ค่ำคืน..ตื่นตา..ฟ้าใหม่..ใน..สมุย

เดือนไร้เงา

เรื่องราวนอนไม่หลับเรื่องนี้เกิดขึ้นที่เกาะที่ครั้งหนึ่งได้ชื่อว่ามีมะพร้าวมากที่สุดในประเทศไทย เกาะที่มีชายหาดสวย ทะเลสีครามฝั่งอ่าวไทย เกาะที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามหลังเหตุการณ์คลื่นสึนามิถล่มฝั่งอันดามัน เกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศไทย และเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดสุราษฎรธานี เกาะที่ชื่อว่า สมุย				
				
ต่อจากนี้ไปคือเหตุการณ์นอนไม่หลับมาราธอนของพวกเรา เด็กควรอ่านภายใต้การดูแลของผู้ปกครองอย่างใกล้ชิด  สตรีมีครรภ์และผู้สูงอายุควรใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างยิ่ง ส่วนที่ไม่ได้พาดพิงก็กรุณาอย่าเลียนแบบ มันอันตรายและไม่ควรไปฝึกฝนด้วย (ดีที่คนเล่ารอดมาได้นะเนี่ย)  
				
    เล่าเลยละกัน เรื่องมันมีอยู่ว่าอีกหนึ่งวันชีวิตการฝึกงานของเราทั้ง6คน คือ ปูเป้ น้ำพริก เบียร์ อัง เบิ้ลและตุ้งติ้งเอง(คนเล่าๆ) กำลังจะสิ้นสุดลง คุณนายปูเป้จึงมีอาการหัวใส(ไม่ใช่หัวล้านใสเน้อ)  ออกความคิดท่องเที่ยวรอบเกาะกัน เรื่องยานพาหนะไม่ต้องเป็นห่วง เราได้รับสมนาคุณจากเจ้านายปูเป้มัน เป็นรถจี๊ปคันงามอายุอานามกว่าสิบปี เหอะๆ (คิดสภาพเองละกันนะคะ) เมื่อมีคนจุดประกายที่เหลือจึงเสริมทัพอย่างพร้อมเพรียง จึงตกลงกันว่าคืนนี้เพื่อนๆทั้งสี่ต้องขับรถมารับตุ้งติ้งกับเบิ้ลหลังเลิกงาน ก่อนจะไปชื่นชมธรรมชาติเราก็ต้องมาชื่นชมมุนษย์ด้วยกันซะก่อน 
             สองยามตรงเป๊ะที่หน้าโรงแรม ถึงเวลาเราก็อยู่บนรถถ้วนหน้า เบียร์ อัง น้ำพริกและคนขับรถ แต่งตัวกันชะเวิ้บชะว้าบเต็มที่ สวยกิ๊ก หล่อกั๊ก ว่าไปนั่น อย่างไรเราสองคนที่เหลือจะยอมได้ รีบสลัดชุดพนักงานกลายร่างเป็นนักท่องราตรีในทันตา แล้วก็เหยียบคันเร่งรถคันหรูดูดีมีสถุล เอ้ย สกุลสู่แหล่งรวมสถานบันเทิงยามค่ำคืนทันที เรื่องคืนนั้นมันหยดติ๋งแค่ไหนไม่ต้องพูดถึง น้ำมันหมูยังเรียกพี่เลยล่ะ แต่ใช่ว่าเรี่ยวแรงเราจะหมดไปกับการดิ้นๆแด้นซ์ๆ ใช่ว่าสายตาเราจะเมื่อยล้าจากการสอดส่ายสแกนโต๊ะรอบๆ ไม่เลย เรายังไม่ง่วง แค่ตีสองเอง เด็กๆน่า แล้วจะทำอะไรต่อดีล่ะ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องไปฝึกงานอีกแล้วนี่นา จะกลับห้องนอนก็น่าเสียดาย นี่ไง ไปปาร์ตี้ริมหาดเฉวงกัน คิดได้ดังนั้นก็ช่วยกันโกยเหล้าขาว อ้าว ไม่ใช่ๆ เครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ 5 เปอร์เซ็นต์จำนวนหลายขวดและขนมอีกเพียบขึ้นรถ ราชรถคันงามก็ปุเรงๆสู่หาดสาธารณะจุดหมายปลายทางของเรา 


     02.30 น. เบียร์ปูเสื่อ เบิ้ลแกะขนม น้ำพริกเปิดขวด อังรินเครื่องดื่มลงแก้ว ปูเป้และตุ้งติ้งตักน้ำทะเลกิน 555 บ้าแล้ว!! เห็นเพื่อนๆขะมักเขม้นขนาดนั้นเราสองคนก็ต้องร่วมด้วยช่วยกินหน่อย ฮี่ๆๆ (ดีไม่โดนฆ่าฝังทรายตั้งแต่วันนั้น) 

      03.10 น. ตังท้องตึงๆ แต่หนังตาหรือจะหย่อน พวกเราก็เกิดอาการแก่ทันที ก็คนแก่ชอบรำลึกอดีตนี่นา ต่างคนต่างเล่าถึงนาทีแรกที่เราเจอกันในมหาวิยาลัยครั้งแรก เล่าตั้งแต่แม่ให้กำเนิด เอ... อันนี่เกินไป ก็เล่าตั้งแต่การเลือกคณะตอนเอ็นสะท้าน เรียกได้ว่าทุกคนมาต่างกัน ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ(ติดได้ไงว้า) สุดท้ายเราก็มาเจอกัน ทั้งซึ้งทั้งฮา ว่ากันไป

     04.50 น. เรื่องเล่าเริ่มเลอะเลือนเพราะฤทธิ์น้ำลายผสมน้ำเมา เรากลับมาพูดเรื่องการเดินทางรอบเกาะในตอนเช้ากัน เบิ้ลเสนอว่าเราควรออกเดินทางตอนสายๆ และควรไปงีบเอาแรงกันตั้งแต่บัดนี้ (โห่ๆๆๆๆ )อีก 5 เสียงรุมประณามหยามเหยียดอย่างเห็นได้ชัด
 ได้ไงๆ นอนฟังเสียงคลื่น มองแสงจันทร์กระทบน้ำทะเลและยิงมุกกันขำๆแบบนี้จะหาได้ที่ไหน  หรือจะฝันเอา เบิ้ลเงียบ  เออๆ ไม่นอนก็ไม่นอน แต่ใครจะขับรถล่ะ

     05.00 น......................... ยิ่งกว่าวันมาฆบูชาที่พระหมายไม่ได้มาร่วมเพราะไม่มีใครนัด ไม่ใช่ !! คือทุกคนเงียบโดยไม่ได้นัดหมาย  ปูเป้มองตุ้งติ้ง ตุ้งติ้งตาหวานเยิ้มมองเบียร์ เบียร์ก็ส่งสายตาอ้อนวอนอังยี่ อังต้องสบตาน้ำพริก 
 เฮ้ย ไม่นะ!! เจ้าแม่แจ่วบองร้องลั่น 
ชั้นมาววววววว..... น้ำพริกออกอาการเมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

    05.20 น. เราจับไม้สั้นไม้ยาวกัน ตกลงกันว่าทุกคนต้องช่วยกันขับ เปลี่ยนเวรกันตามความยาวของไม้ เรื่องการคัดเลือกคนขับรถจึงยุติลงอย่างสงบ (ซะที่ไหน) เสียงการคัดสรรของเราเงียบๆ คงได้ยินถึงแค่หาดละไมที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่สิบกิโลเมตร (อิอิ เงียบมั้ยล่ะ)

    05.50 น. ฟ้าเริ่มสาง แต่ดวงอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบน้ำขึ้นมา ทำให้ความหน้าด้านของเรายังไม่ถูกแดดเผาไป เบียร์กระโดดหย็อยออกจากเสื่อเหมือนคิดอะไรซักอย่างได้ 
ท่านผู้ชม มิตรรักแฟนแรงของน้องจิลลล... น้องจินดีใจหล้าย หลาย ที่ได้มาแสดงคอนเสิร์ตที่สมุยมื่อนี้
เฮ....... ฮิ้วววววว...... ไม่ต้องเตรียมให้เสียเวลา เราก็กลายเป็นท่านผู้ชมได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แตงโม แตงโม่ แตงโม แตงโมลูกโตๆรสหวาน......................... นักร้องของเราเปล่งเสียงกล่อมทะเลยามเช้ากังวานแว่ว ชาวต่างชาติที่วิ่งออกกำลังกายผ่านไปยังต้องอมยิ้มในความน่ารัก(ษา)ของพวกเรา
นักร้องนักเต้น ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นเวทีไม่ขาดสายจนเหนื่อยอ่อนไปตามกัน แต่ไม่ใช่เพราะการแสดงแต่อย่างใด เพราะหัวเราะจนตัวเกร็ง ท้องแข็งไปตามๆกันต่างหาก

      06.40 น. คอนเสิร์ตจบไปแล้ว ตาทุกคนยังใสแจ๋วยิ่งกว่าประกายน้ำทะเลเมื่อต้องแสงอาทิตย์ 
หิว..... อังยี่ของเราโอดขึ้นมา ทำเอาเพื่อนหันขวับมาตามต้นเสียง
งั้นรอเดี๋ยว ตุ้งติ้งขันอาสาเอง ไม่ถึงสิบนาทีไก่ทอดโรยหอมทอดหอมๆกับข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆก็มาวางตรงหน้าเราและหายไปภายใน 1 นาที(ไวเหมือนโกหก) 
งี้สิ มีแรงหน่อย  มีแรงแล้วก็มีเสียงเลยนะเบิ้ล
      07.00 น. ตูมๆๆ เสียงพะยูน เอ้ย เราหกคนกระโดดลงทะเล ทั้งดำผุดดำว่ายคล้ายจะเป็นการปลุกตัวเองให้สดชื่นรับวันใหม่  เมื่อรู้สึกได้ถึงไอแดดที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เราจึงพากันย้ายตัวเปียกๆขึ้นจากน้ำเค็มๆ  
				
    08.10 น. เคลื่อนทัพได้ เสียงคนไม่ได้นอนเปล่งออกมาอย่างพร้อมเพรียง แต่คนขับรถออกจะหน้างอนิดๆ 
ก็ชั้นไม่อยากเป็นไม้แรกนี่หว่า  แต่ชะตากรรมกำหนดไว้แล้ว 
พวกเราในชุดใหม่สีสันสดใสจึงได้ออกเดินทางตามแผนที่วางไว้

        08.30 น. เราแวะเก็บภาพตามรายทางอย่างเมามันจนถึงหาดละไม ฝรั่งหล่อๆที่ผ่านหน้ากล้องเข้ามาจะถูกเก็บภาพไว้ทุกอิริยาบถโดยไม่ผ่าน กวบ. การเก็บภาพของเราผ่านไปเรื่อยๆราวกับการเก็บตัวประกวดนางสาวไทย (หุๆ เข้าใจเปรียบ) 

        09.00 น. แล้วก็แวะตลาดสด ซื้อของตุนไว้ตอนเที่ยง แต่....มันก็หายเกลี้ยงบนรถนั่นแหละ เรากำลังมุ่งสูปางช้างและน้ำตกหน้าเมือง

        10.10น. เราใช้เวลาเที่ยวชมน้ำตกนานน่าดู ที่จริงน่าจะมีสาเหตุมาจากที่เราได้รู้จักเพื่อนๆจากอีกมหาวิทยาลัยและคุยถูกคอกันมากกว่า
 หน้าตาสดใสร่าเริงไม่ได้บ่งบอกว่าไม่ได้นอนมาทั้งคืนแต่อย่างใด(สามารถจริงๆ)

        12.00 น. แม่บอกว่าต้องกินข้าวให้ตรงเวลานะลูก พวกเราก็เป็นเด็กดี เราจอดรถกินข้าวเที่ยง (จริงๆ) ที่หน้าทอน ทุกคนก้มหน้าก้มตาโซ้ยไม่ปรึกษาใครด้วยความหิว ก่อนจะเม้าท์แตกกันหลังจากเคี้ยวข้าวไปแล้วทั้งจาน

         12.50 น. ไปจองตั๋วเรือเข้าสุราษฯกัน เสร็จสรรพจึงเคลื่อนทัพสู่ร้านขายของที่ระลึก ได้กันมาคนละชิ้นสองชิ้น สงสัยขี้เกียจแบก 
ของฝากเราไม่เน้น เน้นเรื่องปากท้องตัวเองแหละดีที่สุด น้ำพริกโพล่งขึ้น และไม่มีใครปฏิเสธแม้แต่คนเดียว (เจริญ....)

         13.20 น. เปลี่ยนคนขับไปแล้วสามคน คนต่อไปต้องตบหัวเบาๆ ดังผัวะ!!! ให้คืนสติ เผื่อเป็นไม้ผลัดต่อไป
 เรากำลังจะพาท่านมุ่งสู่ Big Buddha , Big.Buddha เบียร์บีบเสียงให้คล้ายเสียงแอร์สาวสวยบนเครื่องที่เราโดยสารมา แต่ฟังคลับคล้ายจะเป็นแอกี่ซะมากกว่า (ฮา....)

         14.00 น. เราร้องรำทำเพลงกันตลอดทางเพื่อเป็นการปลุกใจเสือป่า( แป่วว... ชะนีป่าน่าจะเข้าท่ากว่านะเนี่ย) รถแล่นผ่านทะเล ภูเขาไปเรื่อย ตอนนี้มีทั้งกล้องวีดีโอและสายตาที่ช่วยกันเก็บภาพสวยๆนั้นไว้ ประทับใจไม่รู้ลืมทีเดียว

         15.30 น. ไหว้พระเสร็จเรียบร้อย ออกจะร้อนๆหนาวๆนิดๆที่ต้องเข้าวัดเช่นนี้ แต่เราก็กลับออกมาโดยสวัสดิรูป 
สวัสดิภาพ!!! น่าน... ช่วยกันทำมาหากิน	

         16.10 น. เรากำลังเดินตากแอร์ในห้างดังแห่งหนึ่งในสมุย (มีที่เดียวแหละ) 
เรามาปาร์ตี้บาบีคิวกัน บาบีคิวอาหารทะเลสดๆไง ปูเป้เสนอ งานนี้จึงมีเฮ

         18.00 น. เราไปกว้านซื้ออาหารทะเลจากสะพานปลาใกล้ๆบ้านพักมา กุ้งหอยปูปลาพร้อมหน้า เตาก็พร้อม เครื่องดื่มพร้อม(เอาอีกแล้ว) สรุปทุกอย่างพร้อม คืนพระจันทร์เกือบเต็มดวงจึงเฮฮาปาจิงโกะซะไม่มี
ใครบ่นเรื่องที่ยังไม่ได้นอนซักคน เราคงลืมไปแล้ว ถ้าเบิ้ลไม่แทรกขึ้นกลางวง(บาบีคิว) 
	ชั้นมีเรื่องสารภาพว่ะ อย่าตื๊บกันนะ ใจเย็นๆ มันเกริ่น
	คือตอนขับรถขึ้นเขาก่อนถึงแม่น้ำน่ะ ชั้นว่า..... ชั้นหลับในว่ะ
	ที่รถมันเฉๆน่ะเหรอ
	ที่แกเงียบๆนะเหรอ
	............................. 
	ไม่ต้องพูดถึง อึ้งรับประทานไปตามๆกัน โอ...แม่เจ้า มันทำได้ยังไง ที่ตบหัวไปไม่ได้กระทบประสาทสัมผัสน้อยๆของมันเลย แต่ก็นั่นแหละ ทุกคนก็ยังรอดมานั่งกินกุ้งกินหอยได้ จึงยกประโยชน์ให้จำเลยไป 
				
    22.20 น. มีแต่เสียงกีต้าร์และเสียงคลอเพลงเท่านั้นที่ดังในตอนนี้ เราไม่ได้พูดอะไรกันเลย แต่ก็ยังไม่มีใครหลับ ต่างช่วยกันเลือกเพลง เลือกคีย์เสียงของตัวเอง ประมาณว่าต้องเล่นกีตาร์ตามคนร้อง ช่างคีย์มัน ไม่ได้มาช่วยปิ้งบาบีคิวซะหน่อย เราไม่แคร์ (ซะงั้น)

	00.30 น. มือกีตาร์เริ่มอ่อนแรง เป็นเหตุให้เจ้าอังยี่ของเราเกิดความคิดอุตริขึ้นมา 
	ผลัดกันเล่าเรื่องผีกัน คิดไปได้ แต่ไม่มีใครค้าน แค่ขอตัวไปอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นกันก่อน
	สรุปแล้วเราจะไม่นอนกันเหรอ
เฮ้ย!!! ไม่เคยนอนรึไงวะ โดนแล้วเจ๊ปูเป้

                 01.20 น. เทียนเล่มเบ้อเริ่มถูกจุดวางกลางวง ทุกคนนั่งล้อมกันเข้ามาอย่างขึงขังราวกับจะประชุมเรื่องหางบงานละครตอนปลายปียังไงยังงั้นเลย แต่มันไม่ใช่ ต่อไปจะเป็นช่วงเขย่าขวัญสั่นประสาทต่างหากล่ะ
กรี๊ดๆๆๆๆๆ 
เป็นไรติ้ง
เปล่า ซ้อมไง 
	∞ಐಥ५प ไม่เป็นภาษา(ด่า)เลยทีเดียว

	03.10 น. เรื่องแล้วเรื่องเล่าที่หลุดออกจาปากทำให้จากวงที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบๆสองเมตร เหลือแค่ไม่ถึงเมตร ยิ่งเล่าวงก็ยิ่งแคบ แบบว่าดูๆไปเรื่องผีๆก็ทำให้เรารักกันมากขึ้นนะเนี่ย ขอบอก

	03.30 น. เทียนกำลังจะหมด ตุ้งติ้งเองจึงเสนอให้หาอย่างอื่นทำกันดีกว่า เพราะในใจชักกลัวๆเหมือนกัน ง่วงก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิดแล้ว เพราะตกลงกันว่าถ้าใครนอนก่อนต้องเลี้ยงสุกี้ตอนเปิดเทอมและต้องนอนในห้องคนเดียว ห้ามเปิดไฟโดยเด็ดขาด ใครจะหาญ กลัวผีก็กลัว กลัวเสียตังค์ก็กลัว เอาน่า หาอย่างอื่นทำดีกว่า

	04.00 น. ไฟสว่างขึ้น ทำให้เห็นหน้าตาแต่ละคน แล้วก็ต้องขำกลิ้งไปตามๆกัน ก็แต่ละหน้าดูซีดเผือดปานนั้น ใครจะไม่ขำ ต่างคนต่างหัวร่องอหงายทั้งๆที่หน้าตัวเองก็ซีดซะไม่มี  กว่าจะวกเข้าเรื่องการกิจกรรมในวันพรุ่งนี้ที่ตกลงจะคุยกันได้ก็ปาเข้าไปหลายนาที (เฮ้อ)

	04.10 น. อีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงหลังบ้าน มันอาจจะเป็นดวงเดียวกับทั้งโลกที่ใครๆก็เห็น แต่ที่นี่เราจะดูมันขึ้นพร้อมๆกัน ที่เดียวกัน ถ้อยคำซึ้งๆจากปากเบียร์
	 งั้นก็.......ชนแก้ว!! 
	น้ำพริก!!!!!!!!!!!!! เกือบเป็นน้ำพริกเน่าที่สมุยแล้ว

	05.20 น. แผนการทั้งหมดลงตัวเรียบร้อย หลังจากดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้วเราจะไปจับปูกันแถวเชิงมน แล้วจะตระเวนไปลาพี่ๆที่ฝึกงาน ก่อนจะเอารถไปคืนเจ้านายปูเป้ และสุดท้ายเราจะกลับขึ้นฝั่งที่ท่าดอนสักก่อนจะเข้าไปจองตั๋วรถไฟกัน
	รถไฟสิดี เปลี่ยนบรรยากาศ นั่นคือความคิดที่เราเห็นพ้องด้วย
				
      05.50 น. วันนี้ดูเหมือนดวงอาทิตย์ที่เรารอคอยจะอ้อยอิ่งเหลือเกิน คล้ายกับไม่อยากให้วันนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนวันที่ผ่านมา แสงสีทองกำจายทั่วท้องฟ้า และส่วนหนึ่งก็ตกกระทบยังพื้นน้ำทะเลสีครามนั่น สวยงามจับตาจับใจ ณ เวลานั้นอารมณ์ซึ้งก็ดลใจให้เราเอ่ยคำสัญญากัน
	ไม่ว่าเราจะแยกย้ายกันไปทำงานที่ไหน สักวันเราจะกลับมาเที่ยวที่นี่อีก เบิ้ลเอ่ยก่อน
	ใช่แล้ว เรื่องดีๆแบบนี้จะไปหาจากที่ไหนได้อีกล่ะ เราต้องกลับมาให้ได้ ปูเป้เสริม
	 สัญญานะ มันอาจจะใช้เวลาอีกนาน หรือเวลานั้นเราบางคนอาจจะมีครอบครัวไปแล้ว แต่ยังไงเราต้องกลับมาที่นี่ให้ได้ น้ำพริกดูจริงจังกว่าที่เคยเป็น
	ไม่นานหรอก เรายังต้องเรียนด้วยกันอีกหนึ่งปี ไม่แน่ใครบางคนในนี้อาจจะกลับมาที่นี่ก่อนใครเพื่อน และรอคอยการมาเยือนของที่เหลือก็ได้ อังพูดขึ้นตามที่ใจคิด
	อนาคตมันไม่แน่นอน แต่ถ้าเราสัญญาว่าจะมา เราก็ต้องมา เบียร์ย้ำคำสัญญาคล้ายเพลงป๋าเบิร์ด
	อย่าลืมคำสัญญานะเพื่อน ในตอนนั้นติ้งเองไม่รู้จะพูดอย่างที่ใจคิดไว้ได้อย่างไร เพราะมันมากมายเหลือเกิน 

	07.10 น. เราวิ่งเล่นจับปูกันสนุกสนาน แต่ไม่ยักกะทันซักเท่าไหร่ ก็ปูมันได้พักผ่อนกันมาทั้งคืนแล้ว แต่คนจับสิยังไม่ได้สัมผัสหมอนมาสองวันเต็มๆ  มันต่างชั้นกันเหลือเกิน แต่เราก็มีความสุขดีนะ (ไม่ได้โม้)
	ประสบการณ์ไม่หลับไม่นอน ไม่ได้สัมผัสเรื่องบนเตียงของเราทั้งหกจบลงบนตู้รถไฟสายมุ่งสูกรุงเทพในวันนั้น  แต่ความทรงจำที่ได้จากการไม่รู้จักหลับจักนอนสองวันสองคืนนั้นไม่เคยลบเลือนจากใจ....จนกระทั่งวินาทีนี้ก็ยังชัดเจนไม่จืดจาง 


       				
หินตา(555) หินยาย(อยู่ไหนหว่า?)				
ที่เกิดเหตุนะเนี่ย				
ด้วยรักและผูกพัน				
comments powered by Disqus
  • ร้อยฝัน

    3 กรกฎาคม 2548 21:31 น. - comment id 85541

    อือ สนุกจังค่ะคุณเดือนไร้เงา
  • พายุ สุริยะ

    4 กรกฎาคม 2548 08:26 น. - comment id 85545

    41.gif ในช่วงเวลาของเยาว์วัย จะมีเพื่อน
      มีความสนุกสนานร่าเริง มีเวลาที่จะท่อง เที่ยวได้ ใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ 
               ในวัยทำงาน มีครอบครัว เวลาและ
    โอกาสจะลดน้อยลง จะเป็นไปอีกรูปแบบหนึ่ง
               เรื่องที่เล่ามา ก็สนุกดี ใช้ชีวิตและเวลาได้อย่างเต็มที่ ความทรงจำอย่างนี้จะไม่มีวันลืม แต่โอกาสที่จะมีอีกนั้น น้อยมากนะ
  • ขอโทษครับ...ผมเมา

    4 กรกฎาคม 2548 11:02 น. - comment id 85548

    ทำไปได้..............อิอิอิ  
    สนุกดี.19.gif20.gif51.gif
  • พี่มิ้ม

    5 กรกฎาคม 2548 11:02 น. - comment id 85580

    สนุกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆน้องมิ้ม
    ไปไกลจังนะจ๊ะ
    คิดถึงจริงๆๆๆๆๆๆๆๆเลย
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif
  • เดือนไร้เงา

    5 กรกฎาคม 2548 11:29 น. - comment id 85581

    ++คุณร้อยฝัน++
    
    คิดถึงทีไรก็ยังสนุกเสมอค่ะ
    ก็เลยถือโอกาสเอามาเล่าให้ฟัง
    ยาวเลย
    ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ
    
    สุขสันต์วันธรรมดาค่ะ11.gif
  • เดือนไร้เงา

    5 กรกฎาคม 2548 12:26 น. - comment id 85584

    ++พี่พายุ++
    
    ชีวิตวัยรุ่นวัยเรียนนั้นอิสระเสรีและสนุกสนานเกินบรรยายค่ะ
    
    ทุกวันนี้ติ้งยังโชคดีที่พอมีเวลาได้ชื่นชมธรรมชาติได้เรื่อยๆ
    ผิดกับเพื่อนๆหลายคนที่มีแต่งาน งาน และก็งาน
    จนอาจจะลืมบรรยากาศทะเลที่เคยไป ภูเขาที่เคยปีน หรือแม้แต่เตนท์ที่เคยนอนด้วยกันไปแล้วก็ได้
    ยิ่งบางรายที่แต่งงานแล้วเนี่ย ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ
    จะมาทำเรื่องบ้าคอแตกเหมือนเมื่อก่อนได้อย่างไร 
    วันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ไม่รู้ ที่รู้ตอนนี้คือ ต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ว่าแล้วไปเที่ยวทุ่งดอกกระเจียวด้วยกันมั้ยคะ
    สวยนะ การันตีได้เลย9.gif
    
    อีกไม่นานนักคงจะได้กลับไปรำลึกบรรยากาศเหล่านี้ค่ะ    6.gif
  • เดือนไร้เงา

    5 กรกฎาคม 2548 12:40 น. - comment id 85585

    ++คุณพี่คนเมา++
    
    งานนนี้คงลายตาน่าดูเลยนะคะ  7.gif
    
    ตอนนั้นทำได้ไงไม่รู้
    มารู้ตัวอีกทีก็ทำไปแล้ว เหอะๆ 3.gif
    
    เหลือเรื่องภูกระดึงอีกนะคะ
    สนุกไม่แพ้กัน9.gif
    
    ว่าแต่...
    อ่านเรื่องนี้จนอ้วก หรือ เมามาอ้วกคะ 51.gif
  • เดือนไร้เงา

    5 กรกฎาคม 2548 12:52 น. - comment id 85586

    พี่มิ้มสุดที่รักของน้อง
    
    ตอนนั้นคิดอย่างเดียวค่ะว่าต้องไปไกลๆ
    ฝึกงานทั้งทีนี่คะ
    บังเอิญว่าเลือดบ้ามันแรงน่ะค่ะ20.gif
    
    ดีใจจังที่มิ้มของหนูสนุกด้วย
    บางทีการได้รำลึกถึงความสนุกในอดีตก็ช่วยทำให้ชีวิตวันนี้สดใสได้เหมือนกันนะคะ
    
    แต่ถ้าได้ไปเที่ยวกับพี่สาวคนสวยคงสนุกใช่ย่อยเหมือนกัน
    เนอะ  11.gif
  • Forever-U

    5 กรกฎาคม 2548 13:08 น. - comment id 85588

    น่าประทับใจมากเลย คงสนุกมากเลยนะที่ได้ไปกับเพื่อน ๆ แบบนั้น  อิจฉาจัง
  • เดือนไร้เงา

    5 กรกฎาคม 2548 15:01 น. - comment id 85590

    ++วินิตี้++
    
    จะอิจฉาไปทำไมกัน
    อย่างน้อยวันที่เราเคยท่องเที่ยวไปด้วยกันก็สนุกสนานไม่น้อยไปกว่านี้เลย
    เพียงแต่มันอยู่ในใจ ยังไม่ได้ถ่ายทอดออกมาเท่านั้นเอง
    
    คิดถึงเสมอนะ11.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน