ประชุมสักวา
....สักวาเดือนเพ็ญเห็นอร่าม
ทอแสงงามวามแวมแจ่มเจิดศรี
ปานจะเลื่อนลอยมาในราตรี
รัศมีแอร่มฟ้าเมฆาทอง
คิดถึงนงรามทรามสงวน
กลิ่นแม่หวลอวลอลตรลบห้อง
ยลจันทราเพ้อว่านวลลออง
มาเคียงสองครองขวัญนิรันดร์เอย ฯ
....สักวาดาวรายพรายระยับ
มาด่วนดับอับแสงทุกแห่งหน
สุรีย์ทองส่องสว่างกลางสกล
ดังจะดลดวงใจให้ไคลคลา
ไก่แก้วกู่ขานขันกระชั้นเสียง
ต่างสำเนียงขับครวญให้หวนหา
โอ้อุษาแล้วหนอพี่ขอลา
อย่าเคืองกันวันหน้ากลับมาเอย ฯ
....สักวาเจ็บใดไหนจะเจ็บ
เท่ารักเหน็บ ณ ทรวงไห้ห่วงหา
ต้องศรพิษแห่งรักสลักอุรา
นึกเห็นหน้าน้ำตานองจนร้องครวญ
มิเห็นใจก็เห็นแก่มิตรภาพ
นี่ทำบาปเต็มประดาพากำสรวล
โศกสลดรันทดใจไม่สำรวล
เพราะใจป่วนจวนแตกแหลกแล้วเอย ฯ
....สักวารักข้างเดียวเปลี่ยวดวงจิต
เพียงแค่นิดเพ้อไกลอาลัยแสน
เหมือนรักอื่นดื่นไปในดินแดน
มิเหมือนแม้นรักข้าที่พาที
เพียงแค่เหลียวมองหน้าพาใจป่วย
ผิดโรคด้วยหฤทัยใคร่เต็มที่
มิสมหวังก็ว่าไม่ปราณี
พอกันทีรักข้าสักวาเอย ฯ
....สักวาเดือนคล้อยเลื่อนลอยล่อง
ตามทำนองราตรีที่ใฝ่ฝัน
เหมือนหลบหลีกปลีกแสงแห่งดวงจันทร์
พาหัวใจไหวหวั่นทุกวันไป
เอ๊ะเวลาคล้ายมาเพียงประเดี๋ยว
ดาราเลี้ยวลับฟ้าน่าสงสัย
ต้องขอฝากมิตรจิตติดกันไว้
หวังวันหน้าฟ้าใหม่ได้พบเอย ฯ
....สักวาหน้าหนาวหนาวหนาวหนาว
พอลมซัดพัดพราวหนาวไฉน
ให้มันหนาวกายาทั่วหน้าไป
หนาวหัวใจหนาวได้แม้ไม่หนาว
หนาวในรักหนาวนักสลักสลอน
หนาวองค์อ่อนอรชรยิ่งร้อนผ่าว
หนาวไฟรุมสุมทรวงล่วงถึงดาว
หนาวหนาวหนาว หนาวหนาว หนาวหนาวเอย ฯ
....สักวาใจร้อนรอนร่อนร้อน
เดือดดาลดิ้นดังกลอนจะร้อนไหม้
แหมมันร้อนถอนอุราเกือบบ้าไป
ด้วยไฟรักทะลักใส่หัวใจเรา
โอ๊ยร้อนร้อนร้อนร้อนร้อนร้อนร้อน
แม้ยามนอนคลอนทรวงทั้งง่วงเหงา
หลับไม่ลงปลงไม่ได้เหมือนในเตา
ร้อนหนักเข้าเขาก็ว่าสักวาเอย ฯ
(เพชรสังคีต)
....สักวาโศกศัลย์ประหวั่นจิต
พี่เฝ้าคิดครำครวญหวนหา
เจ้ามาจากพี่ไปไม่คืนมา
พี่แสนเศร้าอุรานำตานอง
แต่ก่อนเคยร่วมเรียงนอนเคียงใก้ล
โอ้บังอรมาจากไปให้หม่นหมอง
บัดนี้เล่าหนาวใจไร้คู่ครอง
โอ้นวลน้องจากพี่ไปไกลแล้วเอย ฯ
(สุวรรณหงส์สังคีต ประพันธ์)
สุวรรณหงส์สังคีต สายงานดนตรีปี่พาทย์ รร.ราชสีมาวทิยาลัย
เพชรสังคีต สายงานดนตรีเครื่องหนัง และเครื่องสายไทย
ร่วมกันประชุมสักวานะครับ
24 ธันวาคม 2550 18:34 น. - comment id 803906
..๏ สักวาเจ้านกขมิ้นน้อย เจ้าจักคล้อยโบยบินเยือนถิ่นไหน ยามอรุณรุ่งแสงส่องผ่องอำไพ จึ่งลาไกลถิ่นเก่าเหย้าเรือนรัง ข้ามหุบเขาแนวป่าพนาสัณฑ์ ไม่หวาดหวั่นสิ่งใดด้วยใจหวัง คราปีกล้าเหนื่อยกายไร้กำลัง ร่อนลงฝั่งคลองใสใคร่กลืนกิน ระเริงเล่นริมธารอันกว้างใหญ่ พอฉ่ำใจมุ่งแคว้นแดนทักษิณ ชมทะเลฟ้าครามตามสมจินต์ แม้นแปลกถิ่นไม่ถอยชะรอยเพลิน ผ่านแมกไม้บ้านเรือนเยือนเมืองเหนือ เรี่ยวแรงเหลือร่อนฟ้าถลาเหิน ครั้นค่ำไหนค้างนั่นหวั่นเหลือเกิน เกรงเจ้าเพลินทิ้งรังให้ร้างเอย ๚ะ๛

24 ธันวาคม 2550 21:06 น. - comment id 803989
สักวาหน้าฝนเฝ้าหม่นหมอง น้ำตานองด้วยเขาเฝ้าห่างหาย ทั้งที่เคยรักมอบชอบทักทาย แต่กลับกลายลืมเราเฝ้าระทม แถมยังมีพิษรักที่หนักอก เฝ้าตระหนักหนักหนาพาขื่นขม ไม่เคยลืมรักเขาเฝ้าชื่นชม จึงติดหล่มรักช้ำระกำเอยแวะมาประชุม แต่รู้สึก ผู้หญิงไร้เงาจะเอ่ยวาระการประชุมมั่ว ๆ มึน ๆ ไปเยอะเลย ไงก็ขออภัยด้วยน๊า อิอิ
