บทที่ ๓๐
เสด็จเยี่ยมบ้านชนบท
โปรดเกล้าทรงพระอนุญาตแก่เราในการกระทำครั้งนี้ จึงมิได้ทำโดยพละการเอง
ด้วยพระองค์ทรงตรวจสอบดูแล้วเห็นว่าเหมาะสมอย่างยิ่งที่สมควรจะได้รับเพื่อ
ใช้ในการทะนุบำรุงเหล่าอาณาประชาราษฎร์ให้ร่มเย็นเป็นสุขช่วยเหลือเหล่า
เทพยาดาและมนุษย์สัตว์ทั้งปวงได้ควรแก่ได้รับของศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้ในครองครอง”
เมื่อองค์ทัศยุราชันย์ทรงตรัสจบลง บรรดาเหล่ากษัตริย์พระยุพราชทั้งหลายต่าง
ย่อพระชานุเสมอพื้น แล้วก็ยกของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้เหนือเกล้าของแต่ละพระองค์
ส่วนบุคคลที่ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิต่างก็ยกพระหัตถ์ทั้งสอง อัญชุลีเหนือพระเศียรไว้
พร้อมทั้งกล่าวให้สัตย์ปฏิญาณตนเปล่งพระสุระเสียงโดยพร้อมเพรียงกัน
“ข้าพเจ้าขอถวายสัจจะแด่องค์พระจอมเทพไท้แห่งสรวงสวรรค์ว่าต่อไปนี้
จะปกป้องคุ้มครองดูแลพระนครนาครินทนาครอันเป็นสถานที่รักษาไว้ซึ่ง
น้ำอำมฤตและของวิเศษทั้งหลายตลอดจนเหล่าอาณาประชาราษฎร์สรรพสัตว์
ให้อยู่เย็นเป็นสุขตลอดไปชั่วอายุของข้าพเจ้าและบรรดาผู้สืบสันติวงศ์ข้าพเจ้าต่อไป
ขอพระองค์จอมเทพบนสรวงสวรรค์ได้โปรดรับรู้ถึงการกระทำของข้าทั้งหลาย
ด้วยเทอญ” บรรดากษัตริย์และพระยุพราชทั้งหลายต่างก็น้อมพระวรกายทันที
บัดดลเสมือนดั่งหนึ่งเทพบนสรวงสวรรค์จะรับทราบถึงการปฏิญาณของ
เหล่ากษัตริย์และองค์พระยุพราชนี้แล้ว พลันก็บังเกิดเสียงมโหรีแว่วลอยเข้ามา
จนได้ยินกันชัดทั่วภายในท้องพระโรง แล้วมีดอกไม้ทิพย์ต่างๆโปรยลงมาสู่ยัง
บรรดากษัตริย์พระยุพราชและคนทั้งปวง ต่างก็พากันบังเกิดความปลาบปลื้มปิติ
อย่างยิ่งแก่เหล่าบรรดากษัตริย์และเหล่าผู้ที่อยู่ในท้องพระโรงให้รู้สึกถึงความ
ซาบซึ้งยินดีในเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดความเชื่อมั่นยึดมั่นในสัจจะทุกๆพระองค์
บรรดากษัตริย์และพระยุพราชทั้งหลายต่างพากันเข้ามาโอบล้อมองค์
ท่านทัศยุราชันย์ทรงสวมกอดแสดงความยินดีขอร่วมทุกข์ร่วมสุขกันทั่วทุก
พระองค์ ครั้นได้เวลากาลอันสมควรยิ่ง องค์ท่านท้าวทัศยุราชันย์ก็ทรงตรัส
เรียกองค์พระยุพราชทั้งสามอันได้แก่พระยุพราชสิงหะฤทธา พระยุพราช
โกเมศกุมารและพระยุพราชวานนรินทร์เข้ามาทรงกระซิบรับสั่งความนัยกัน
ครั้นองค์พระยุพราชทรงได้รับพระดำรัสจากองค์ท้าวทัศยุราชันย์ต่างก็ทรง
พอพระราชหฤทัยยิ่งเบิกบานแย้มยิ้มแจ่มใสนัก รีบพากันไปเฝ้าพระราชบิดา
ทูลให้ทราบถึงความประสงค์ขององค์ทัศยุราชันย์ทันที ท่านท้าวเธอต่างก็ทรง
พระสรวลดังลั่นต่างก็นำพระราชบุตรของตนเข้าพบกษัตริย์ที่พระยุพราชใน
พระองค์พึงปรารถนา องค์ท่านท้าวทัศยุราชันย์เห็นดั่งฉะนี้ก็ทรงหันพระพักตร์
มาแย้มยิ้มกับพระอัครมเหสีและพระอัครชายา พร้อมอัญเชิญเหล่ากษัตริย์ที่
ทรงเกี่ยวข้องมายังพระเก้าอี้ที่พระมเหสีทรงตรัสใช้ให้พนักงานนำมาในการนี้
เป็นพิเศษ พอองค์กษัตริย์ท่านท้าวสิงหะราช ท่านท้าวนาคุระนาคราชและ
ท่านท้าวนิระหะที่องค์ท้าวทัศยุราชันย์เชิญเสด็จประทับยังพระเก้าอี้แล้ว
ก็ทรงเข้าไปจูงพระหัตถ์ขององค์ยุพราชทั้งสามให้เสด็จเข้ามายังเหล่ากษัตริย์
พระยุพราชสิงหะฤทธาทรงเข้าไปกราบพระบาทของท่านท้าวนิระหะ
พระยุพราชวานนรินทร์ทรงเข้าไปกราบพระบาทท่านท้าวนาคุระนาคราช
นำโดยท่านท้าววิหะคะยุราช องค์พระยุพราชโกเมศกุมารทรงเข้าไป
กราบพระบาทท่านท้าวสิงหะราช ท่านท้าวดังกล่าวต่างก็ทรงพระสรวลลั่น
พลางหันมาทรงทูลขอพระราชธิดาให้แก่พระยุพราชทั้งสามของพระองค์
ซึ่งต่างก็ได้รับความปรารถนากันทุกๆพระองค์ ซึ่งท่านท้าววิหะคะยุราช
ในฐานะที่ทรงพระอาวุโสสูงสุดก็ทรงตรัสขึ้นว่า
“วันนี้ข้าพเจ้ารู้สึกปลาบปลื้มยินดีเป็นยิ่งนักที่ได้มาร่วมเฉลิมฉลอง
ในพระนครนาครินทนาครซึ่งยากยิ่งเหลือเกินที่บุคคลอื่นยกเว้นชาวนคร
เท่านั้นที่จะสามารถผ่านเข้าออกได้หรือได้รับทานผลไม้วิเศษกับน้ำอำมฤตนี้
เท่านั้น มิฉะนั้นก็ไม่สามารถจะเหยียบย่างเข้าเขตกำแพงเมืองนี้ได้
แม้แต่บรรดากษัตริย์ทั้งหลายแม้จะยกพหลพลพยุหะเสนามากันมากมาย
ก็ยังมิอาจจะเหยียบย่างลงพื้นแผ่นดินภายในกำแพงเมืองได้
ถือได้ว่าบรรดาพวกเรานั้นนับได้ว่าต่างช่างมีบุญเหลือประมาณ
ถึงได้ผ่านเข้ามาจนถึงพระในพระราชวังนี้ได้ เป็นประการที่หนึ่ง
ประการที่สองนั้นพวกเราต่างก็พากันได้พระราชธิดาและพระราชบุตรเขยกัน
ไปเกือบทุกๆพระองค์อันนับได้ว่าเป็นมหามงคลฤกษ์งามดีเช่นนี้
ประการที่สามเราต่างก็ถือได้ว่าเป็นเครือญาติกันแล้วทางสายเลือดซึ่งต้อง
คอยดูแลซึ่งกันและกันดุจประหนึ่งเผ่าพงศ์อันเดียวกัน
และประการสุดท้ายที่สี่นี้คือองค์ทัศยุมหาราชทรงถ่อมพระองค์รับพวกเรา
เป็นเครือญาติผู้ใหญ่ไว้ในพระองค์ ทรงให้เกียรติยศอันสูงส่งนี้ไว้
ข้าพเจ้าเจ้านครปักษินนครจะขอให้สัจจะปฏิญาณชั่วชีวิตของข้าพเจ้านี่ว่า
หากมาดแม้นเกิดศึกรุกรานเหล่านครอันเป็นเครือพระญาติของข้าพเจ้า
แล้วไซร้จะนำไพร่พลชาวเมืองปักษินนครเข้าร่วมต่อสู้จนกว่าจะชีวิตจะ
ตักษัยไปข้าพเจ้าขอให้สัญญา และขอให้เครือญาติของข้าพเจ้าทุกๆพระองค์
โปรดยืนขึ้นถวายพระพรแด่องค์ทัศยุราชันย์มหาราชด้วยเถิด”
พอสิ้นกระแสเสียงพระราชดำรัสของเจ้าเหนือหัวแห่งปักษินนคร บรรดา
กษัตริย์พระยุพราชและทหารหาญของทุกๆนครต่างก็เปล่งเสียงให้สัตย์ปฏิญาณ
ตนโดยพร้อมเพรียงกันแล้วทรงส่งเสียงถวายพระพรเสียงดังอึงมี่ไปทั่วท้องพระโรง
เป็นที่ปลาบปลื้มยินดีไปทุกถ้วนหน้า องค์ทัศยุราชันย์ทรงเข้าไปกราบ
ท่านพ่อปู่ราชครู ทำเอาบรรดากษัตริย์พระยุพราชทั้งหลายต่างก็พากันน้อมพระ
วรกายเข้าไปถวายความเคารพแด่มหาราชครูทั้งสิ้นมิขาดแต่เพียงผู้เดียว
ท่านพ่อปู่มหาราชครูถึงกับหลั่งน้ำตาอาบแก้มด้วยความปลื้มปิติยินดีเป็นล้นพ้น
แล้วทุกๆพระองค์ก็ทรงพระวิสาสะกันและกัน ประหนึ่งเครือพระญาติต่างพระองค์
กับมิได้สนใจเหล่านางรำที่มาร่ายฟ้อนรำงามจับตายิ่งนักปานหนึ่งเทพบนสรวงสวรรค์
เท่าใดนัก เพราะพระองค์เหล่านี้ทรงมีขันติธรรมยิ่งทรงเกือบจะทรงพ้นแล้วในทางนี้
จนผ่านไปหลายทิวาราตรีกาลจึงได้ค่อยทยอยกันเสด็จกับเมืองของพระองค์ และทรงนัด
บรรดาเหล่ากษัตริย์ทั้งหลายให้ไปในงานพระสยุมพรขององค์พระยุพราชและพระ
ราชธิดาทั้งสามพระองค์ ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองสิงหะนครขึ้นพร้อมเพรียงกันในไม่อีกกี่เพลานี้
เมื่อเสร็จสรรพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว องค์ทัศยุราชันย์พร้อมอัครมเหสีซ้ายขวาและ
พระอัครชายาก็ฝากกิจการบ้านเมืองให้พ่อท่านปู่มหาราชครูดูแล เพื่อพระองค์ทั้งสี่จะ
เสด็จไปยังเมืองรัตนานคร ทรงจัดงานพระอภิเษกองค์ท่านท้าวทิพยะราชขึ้นครองนคร
เมื่อถึงเมืองนครรัตนาแล้วพระองค์ก็ทรงเข้าพักในพระราชตำหนักเจ้าหญิงมณีกานต์
ทรงพระเกษมสำราญทุกๆพระองค์ ครั้นทรงจัดการบ้านเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พระองค์ทั้งสี่ก็จะเสด็จกลับมายังมหานครนาครินทนาคร พอเดินทางผ่านในที่ต่างๆก็
เข้าสู่กึ่งกลางระหว่างเชิงเขาไกรลาสและแคว้นดินแดนสุวรรณภูมิ องค์พระทัศยุราชันย์
ก็ทรงพระรำลึกถึงเหตุการณ์เก่าๆเมื่อยังครั้งมีพระชนม์ชีพเป็น “ทัด บ้านป่า” ก็ให้ทรง
คิดถึงบังเกิดความอยากที่จะเข้าไปยังดินแดนมนุษย์ที่แคว้นสุวรรณภูมิทันที จึงทรง
พระดำรัสแก่เจ้าหญิงทั้งสามพระองค์ว่า
“น้องหญิงอันเป็นที่รักยิ่งของพี่ พอถึงดินแดนนี้ทำให้ตัวพี่รู้สึกสะท้อนใจ
ยิ่งนักใคร่อยากจะกลับไปดูเบื้องหลังแห่งอดีตที่ครั้งยังมีพระชนม์ชีพในร่างมนุษย์อยู่
จึงอยากจะชวนพระน้องทั้งสามย้อนกลับไปดูสักเพลาหนึ่งจึงถึงใคร่กลับพระนคร
น้องอันเป็นที่รักของพี่จะเห็นชอบประการใดหรือไม่”
เจ้าหญิงทั้งสามพระองค์ต่างแลเห็นพระพักตร์ประหนึ่งดั่งเศร้าของพระราชสวามี
ก็ให้ทรงพระรู้สึกถึงความในใจจึงพากันพร้อมใจกันตรัสว่า
“หากมาดแม้นเสด็จพี่ทรงดำริเช่นนี้แล้ว น้องหรือจะกล้าขัดพระราชหฤทัยเสด็จพี่ได้
จะลองเข้าไปในถิ่นมนุษย์เพื่อทัศนาแลหาประสบการณ์ก็ดีเหมือนกัน เพค่ะ”
“หากแม้นน้องหญิงทั้งสามเห็นพ้องต้องดังฉะนี้แล้ว พี่เองก็ให้รู้สึกปลื้มปิติเป็นล้นพ้น
อีกประการสิ่งหนึ่งซึ่งซ่อนเร้นภายในใจพี่มาช้านานแล้วก็จะได้หลุดพ้นออกจากใจพี่เสียที
มิได้ซ่อนเร้นอีกต่อไป หากมาดแม้นจะเข้าไปในดินแดนนี้พี่เองก็อยากจะให้น้องพี่ตลอดจน
เหล่าทหารหญิงทั้งหลายเนรมิตกายลงไปในรูปกายของมนุษย์ทั้งผิวกายและกลิ่นเพื่อจะได้
มิเป็นที่สงสัยแก่มนุษย์ทั้งหลาย จะได้ท่องเที่ยวไปโดยที่มิเป็นที่สังเกตแต่ประการใด”
เพค่ะ แล้วจะเนรมิตแบบใดล่ะเพค่ะ” เจ้าหญิงทั้งสามทูลถามด้วยความสงสัย เพราะด้วย
ยังมิเคยเลยที่จะเห็นมนุษย์อันแท้จริงมีลักษณะประการใด
“ อันข้อนี้มิมีปัญหาแต่ใดไม่ เดี๋ยวพี่จะแสดงให้น้องดู”
ว่าแล้วองค์ทัศยุราชันย์ก็ทรงสำรวมพระวรกายและจิตลงพลางกำหนดเกิดเป็น
พระฉายบานใหญ่มองเห็นความเป็นไปต่างๆของ
ชาวชนบททั้งหญิงและชายกำลังต่างทำงานในท้องทุ่งบ้าง
เดินซื้อขายของในท้องตลาดบ้าง
บางคนกำลังเดินทางด้วยรถพาหนะบ้าง เป็นที่แตกตื่นตาตื่นใจ
ให้แก่เจ้าหญิงทั้งสามและตลอดจนบรรดาทหารหญิงที่พระองค์ทรงเรียกมาดู
ด้วยเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แล้วพระองค์ทรงจารนัยถึงลักษณะการแต่งกาย
ของชายและหญิงตลอดจนบรรดาผู้ติดตามทั้งปวง
ครั้นเมื่อเสด็จเหาะมาถึงใกล้บริเวณเชิงเขาอันเป็นที่กึ่งกลาง
ของมิติคั่นรอยต่อแบ่งแยกมนุษย์และเทพยาดาแล้ว
พระองค์ก็ทรงให้พระมเหสีและพระชายาตลอดจนทหารหญิงทั้งปวง
เนรมิตร่างกายเป็นมนุษย์ชายหญิง ออกเดินทางลัดเลาะผ่านป่าเขาลำเนาไพร
พระองค์ทรงนึกย้อนอดีตถึงเหตุการณ์ต่างๆ เข้าสู่บริเวณที่เคย
ใช้เป็นที่ทำมาหากินเลี้ยงชีพแต่เก่าก่อน
แล้วนำพาทั้งหมดเดินลัดเลาะไปตามแนวคันนาที่ชาวบ้านกำลังปลูกข้าว
กำลังบานสะพรั่งขึ้นเขียวขจีดุจคล้ายพรมไหมสีเขียวเต็มไปทั่ว
บ้างก็กำลังตกท้องรวงอ่อนๆ ลมพัดพลิ้วไสวกลิ่นหอมอ่อนๆปลิวล่องลอยมา
พระองค์หญิงทั้งสามและเหล่าทหารมิเคยพบเห็นแต่ประการใดต่างก็พากันเริงร่า
พากันวิ่งลงไปยังท้องทุ่งนาที่ต้นข้าวยังเขียวขจีสนุกสนานกันอย่างสนุกสนาน
จนพระองค์ต้องรีบตรัสห้ามและบอกถึงโทษทำให้ต้นข้าวและเหล่าสัตว์
ที่แฝงอาศัยในน้ำเช่นปลิงเข็ม เป็นต้น ให้ฟังและอาจจะทำความเสียหาย
แก่ผู้ปลูกข้าวไว้ เมื่อทั้งหมดเดินผ่านตามคันนามาได้ก็เป็นทางเข้าสู่ภายในหมู่บ้าน
บรรดาสุนัขต่างๆก็พากันเข้ามาเห่ากรรโชกเป็นแถวแต่พอเข้ามาในระยะก็ตกใจ
ภาพประกอบของคุณ เฌอมาลย์ขอรับท่าน...แก้วประเสริฐ.
8 ธันวาคม 2549 22:56 น. - comment id 94185
น้องเฌอมากล่าวราตรีสวัสดิ์เพคะ คริ คริ

9 ธันวาคม 2549 00:13 น. - comment id 94188
สวัสดีคุณชาย........ยังไม่อ่านค่ะ ............พ่อค้างคาง....

9 ธันวาคม 2549 00:16 น. - comment id 94189
มาแก้ ......คำผิด.......พ่อค้างคาวค่ะ ...............................................

9 ธันวาคม 2549 10:13 น. - comment id 94191
คุณ เฌอมาลย์ จ้าผมสงสัยจะหลับไปก่อนแล้วเพราะเข้านอน เมื่อ 2100น.เองจ้า ราตรีสวัสดิ์ในฝันนะจ๊ะ
แก้วประเสริฐ.

9 ธันวาคม 2549 10:15 น. - comment id 94192
คุณ ยายแม่มดน้อย รีบอ่านเสียนะจ๊ะเพราะเหลืออีกนิดเดียวก็ จะจบซะแล้วล่ะจ้า นี่รีบเร่งลงจะให้จบบริบูรณ์เสียที
แก้วประเสริฐ.

9 ธันวาคม 2549 10:16 น. - comment id 94193
คุณ ยายแม่มด จ้าค้างคาวก็ได้เพราะปกติมักนอนดึกเสมอๆ พึ่งมาระยะหลังนี้แหละถึงตอนหัวค่ำหน่อยคือ ประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆเท่านั้นแหละจ้า ฝันดีนะ
แก้วประเสริฐ.

9 ธันวาคม 2549 23:06 น. - comment id 94203
..
.. เรนอ่านยังไม่จบนะคะ.. แต่เรนก็แวะมา ..ทักทายราตรีสวัสดิ์คุณลุงแก้วนะคะ

10 ธันวาคม 2549 07:09 น. - comment id 94204
คุณ เรน จ้าขอบใจมานะจ๊ะ แค่นี้ก็ชื่นใจแล้วล่ะจ้า
แก้วประเสริฐ.

10 ธันวาคม 2549 09:52 น. - comment id 94205
..เรนอรุณสวัสดิ์คะคุรลุงแก้ว..เรนคลิกชื่อผิดด้วยดิคะ ..อิอิอิ แบบเรนหน้าแตกหมอไม่รับเย็บด้วยดิคะ.. เก๊าะเวลาที่เรนพิมชื่อเรน.. พอเรนคลิกเค้าเก๊าะโผล่มา..เรนเองก็งง.. ทุกครั้งที่เรนพิมพ์... จะไม่ถูกลบ.. เรนเก๊าะเล้ยยคลิกซาหนุก .. เรนขอโทษคุณลุงแก้วนะคะ..

10 ธันวาคม 2549 09:54 น. - comment id 94206
อีกแล้วดิคะที่เรนผิด..เฮ้อ .. กี้เรนกดมัยเป็นตัว ร.... ..

11 ธันวาคม 2549 08:05 น. - comment id 94217
คุณ เรน ไม่ต้องขอโทษหรอกเรามันคนกันเองการผิด พลาดย่อมเกิดขึ้นแก่คนเราได้เสมอๆนะ หากผิด แล้วเรารู้ตัวนี่แหละถึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ประเสริฐ. หากแก้ไขด้วยก็ถือว่าเป็นบุคคลที่เลิศจริงๆนะครับ
แก้วประเสริฐ.

11 ธันวาคม 2549 08:07 น. - comment id 94218
คุณ เรน ครับผมเองชักสงสัยเสียแล้วล่ะ ว่าแป้นพิมพ์ จะเสียนะครับเพราะเมื่อก่อนนี้ผมก็เคยเป็นแบบนี้ พอเปลี่ยนแป้นพิมพ์ก็หายไป ลองตรวจสอบและ ทดลองดูนะครับ
แก้วประเสริฐ.

11 ธันวาคม 2549 08:10 น. - comment id 94219
คุณ เฌอมาลย์ เราสองต่างร่วมมือร่วมใจกันทำผลงานชิ้นนี้ ถึงได้เกิดขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ในความคิดของผม นะครับ คนอื่นมิอาจจะทราบได้ นับได้ว่าสิ้นสุดการ เดินทางของเรื่องนี้ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ครับ ขอบคุณ เจ้าหญิงอย่างมากครับ งานชิ้นนี้ได้รับการกระจาย ออกไปในต่างแดนด้วยนะครับ
แก้วประเสริฐ.

11 ธันวาคม 2549 08:34 น. - comment id 94221
กลับมาอ่านค่ะคุณชาย.....

11 ธันวาคม 2549 14:39 น. - comment id 94228
คุณ ยายแม่มด ไปเที่ยวไหนมาหรือครับ เห็นหายไปครับ
แก้วประเสริฐ.
