ใจผูกกัน พันธ์ผูก ปลูกเป็นรัก ด้วยความภักดิ์ หัวใจ ให้โหยหา เวลาผ่าน ผันเคลื่อน เลื่อนเวลา พลอยนำพา หัวใจ ให้สัมพันธ์ แม้ความจริง ดวงใจ คล้ายดั่งเพ้อ กายไกลเธอ ห่างกาย ได้แค่ฝัน ถึงสองใจ เราสอง ครองใจกัน ยากมีวัน สัมพันธ์คู่ อยู่เคียงกาย ถึงมีเพียง แค่นี้ ที่เราสอง ได้ประคอง ใจกัน เป็นมั่นหมาย เป็นความรัก ภักดี ไม่มีคลาย เสริมสอดสาย สัมพันธ์ ไม่ปันใจ หากศรัทธา แน่นหนัก ในรักนี้ รักของเรา จักมี แต่สดใส ยามคิดถึง โหยหา สุดหัวใจ พลอยยิ้มได้ ยามจิต คิดถึงเธอ ในนิยาม ความรัก ของเรานี้ มีไมตรี ตอบรักกัน มั่นเสมอ กายไกลกาย แต่ใจ ใกล้ใจเธอ ยังพบเจอ ในฝันที่ พี่นิทรา o มวลภมร o
ใครระบาย ป้ายสี ที่ขอบฟ้า กลบดารา และเดือน ให้เลือนหาย ลมกระโชก โบกพัด โอบรัดกาย พร้อมกับสาย ฝนพรำ เมื่อค่ำคืน หนาวสะท้าน ซ่านซุก ทุกขุมขน พิรุณหล่น จากฟ้า ก็พาชื่น สิ้นแสงแปลบ เสียงฟ้า ก็ผ่าครืน พืชไพรยืน ซับน้ำ ที่ฉ่ำดิน วสันต์มา คราใด ใจสับสน สัญญาคน อยู่ไกล ใจถวิล วันฝนลา ฟ้าใส เคยได้ยิน จะคืนถิ่น เมื่อฝน มิหล่นลง หลายวสันต์ ผ่านไป ยังหมายมั่น เฝ้าคอยวัน ฝันใฝ่ ใจประสงค์ ยังเชื่อคำ สัญญา ว่ายืนยง จะมั่นคง จงคอย อย่าน้อยใจ จะรอวัน ฝนลา เมื่อฟ้าแจ้ง เฝ้ามองแสง จันทรา คืนฟ้าใส หวังเพียงนิด คิดถึง ซึงคนไกล กลับมาให้ ได้ชม ภิรมย์ปอง ดาราล้อม เดือนเสี้ยว ที่เกี่ยวฟ้า คืนนภา ผ่องใส แต่ใจหมอง เสียงกรีดปีก เรไร ให้ทำนอง ปล่อยเรามอง เดือนลับ ...ไปกับตา
ขับรถตาม ทางนั้น เห็นคันหน้า เขียนไว้ว่า รถคันนี้ คือสีเขียว เราก็งง ยังสงสัย มิใช่เชียว ไม่เห็นเกี่ยว ข้องกัน มันสีเทา พอสอบถาม ได้ความรู้ จึงดูออก ฟังเล่าบอก ใช่หลอกหยาม ความเชื่อเขา เป็นสีสัน ตามวันเกิด กำเนิดเอา โฉลกเท่า ใช่กล่าวเท็จ แก้เคล็ดทัน ทุกสิ่งอย่าง ต่างสรรหา มีสาเหตุ หลายประเภท ข้อเท็จจริง ยิ่งสร้างสรรค์ จนอาจมี ดีอาจร้าย กลับกลายกัน สิ่งที่ฝัน นั้นอาจเห็น ว่าเป็นจริง ดาวตลก โปกฮา พาหัวเราะ อาจร้องไห้ หัวใจเดาะ เพราะผู้หญิง พระเอกหนัง ทั้งในจอ หล่อกันจริง อาจกลอกกลิ้ง เหมือนจิ้งจอก อยู่นอกจอ ก็หวนให้ คิดคำนึง ถึงวันเก่า ใจร้อนเร่า มันร้าวลึก จนสึกหรอ ถึงวันแห่ง ความรัก คอยถักทอ คนอ้อร้อ ก็หักอก....ต๊กกะใจ เหลือแต่เพียง ร่างโทรมโทรม ไว้โลมลูบ ผิวขาวซูบซีดช้ำหนองต้องหวั่นไหว ถึงสิบสี่ กุมภา วาเลนไทน์ อยากบอกให้ ว่าใจนี้...ก็สีแดง
ยังไม่ลืมดวงแดแม้ไกลกัน
สายสัมพันธ์แสนซึ้งตรึงใจข้า
เคยรักกันแน่นเหนียวครั้งเกี้ยวพา
ที่ทักมาจากใจใช่หลอกลวง **
พี่แต่งกลอนบางครั้งยังนั่งเศร้า
เป็นเพราะเจ้าคนดีที่ชอบหวง
มีคนรักทีไรเจ็บในทรวง
ดูไม่ห่วงไม่รักไม่ทักทาย **
พี่ไม่ลืมคำกลอนเคยอ้อนรัก
เคยสมัครชื่นชมสมใจหมาย
มาเดี๋ยวนี้แก้วตามากลับกลาย
ทิ้งให้ชายเงียบเหงาเศร้าระทม **
เมื่อไม่พบคนดีพี่จึงรู้
ว่ายอดชู้หลบไปใจขื่นขม
ปล่อยให้พี่ร้าวรวดปวดระบม
แม้ตรอมตรมเพียงไหนไม่เคยลืม
เหมือนมีคน มากมาย มาใกล้ชิด เหมือนมีมิตร ทางใจ มากนักหนา เหมือนมีคน อยู่คู่ใจ ทุกเวลา เหมือนดังว่า หลายคน สนใจเรา ความเป็นจริง ที่เห็น เป็นเพียงภาพ คงถูกสาบ ให้มี แต่ความเหงา มีหลายคน สนใจ อยากใกล้เรา แต่อย่าเหมา ว่าเขา จะใส่ใจ ความเป็นจริง เขาเห็น เป็นเพียงมิตร หาได้คิด เคียงอยู่ คู่ใจได้ เพียงพูดคุย ผิวเผิน มิเกินใจ หาได้มี เยื่อใย ใจผูกพันธ์ ต่างมองเห็น มากมาย กายรุมล้อม เหมือนมีพร้อม เลือกได้ ใครเคียงฝัน ใครคงอยาก เคียงกาย ร่วมใจกัน ความจริงนั้น ที่เห็น เป็นภาพลวง ขอสักคน ได้มั้ย ใครคนหนึ่ง ขอคนซึ้ง เคียงใจ ไว้ห่วงหวง เพียงคนหนึ่ง ที่ว่าง ล้างภาพลวง มาเดินควง สร้างฝัน ร่วมกันไป o..มวลภมร..o
ฟังเสียงขลุ่ย โหยหา พาใจหวน จึงรัญจวน รักจาง อย่างใจหาย รู้ว่าเจ็บ เหน็บร้าว หนาวใจกาย แต่ก็สาย แล้วหนอ ท้อใจเกินคำสัญญา ยังอยู่ คู่ใจสาว ครั้งที่กล่าว เธอให้ ด้วยใจเขิน มาวันนี้ เหตุใด ดวงใจเมิน ต้องเผชิญ ความหม่น จนใจตรม อยากบอกว่า ยามนี้ มีใจภักดิ์ เกรงเจ็บหนัก หมองไหม้ จนใจขม กลัวจะจาก พรากไป จนใจซม ทุกข์ระทม จริงแท้ แพ้ใจเธอ พอดวงจิต คิดไป พาใจหน่าย ยังเสียดาย ตัวที่ มีใจเผลอ ต้องผิดหวัง เพราะเขลา เราใจเบลอ จึงมาเจอ คนซื่อ หรือใจเก บางครั้งที่ คิดถึง จึงใจหม่น เจ็บเสียจน หม่นไหม้ ดวงใจเขว เพราะยังจำ สัญญา พาใจเซ เพราะรวนเร หรือไม่ ดวงใจนี้แว่วเสียงขลุ่ย อีกคราว สาวใจหวั่น อยากลืมวัน เคยรัก หักใจหนี ทนระทม ตรมเศร้า เข้าใจดี ด้วนมิมี คนใด รู้ใจเรา
เธอจะรับรู้ไหม หากฉันฝากคำใดๆผ่านกลอนบทนี้ คำที่ฝังอยู่ในใจมานานเต็มที คำที่ไม่มีโอกาสได้บอกไป เธอจะโกรธรึเปล่า หากระหว่างเราเริ่มหวั่นไหว ในนาทีที่พยายามบังคับใจ รู้ไหมฉันอยากร้องไห้ให้คำนี้เพียงคำ เธอจะรับรู้ไหม หากฉันจะเอ่ยมันไปซ้ำๆ อยากให้เป็นความรู้สึกที่เธอจดจำ โปรดรู้ว่าคำหนึ่งคำคือ...รักเธอ
สิบปีผ่านนานวันฉันยังอยู่ อย่างไม่รู้สิ่งใดจะใคร่หวัง ย่ำเดินดินถิ่นหล้าล้ากำลัง โซเซซังซัดเซพเนจร มองดาวเดือนเกลื่อนฟ้านภามืด ฟ้าดูชืดจืดไปเพราะใจหลอน ค่ำคืนฝนหล่นพร่างกลางนคร แอบเปียกปอนรินหยดรดน้ำตา ข่มหัวใจให้หยุดสุดจะคิด โชติอาทิตย์ ฤ จันทร์ ก็ฝันว่า ฝันดีพาลผลาญเผาเร้าอุรา เพราะฝันพา...หัวใจไปพบเธอ ภาพตำตา...คาทรวงยังทวงจิต คู่ตัวติด...ผิดคน...เป็นผลเพ้อ รากหยั่งแค้นแสนลึกเมื่อนึกเจอ มิอาจเบลอ...ภาพนั้นลงบั่นทอน ค่ำนอนหนาวดาวเคียงเพียงลมกอด ท่อนแขนสอดหัวดุนหนุนแทนหมอน กล่อมจิตพักหลับไหลในบทกลอน ขมิ้นเมืองเหลืองอ่อน..นอนหลับตา ลมโชยแผ่วแว่วเสียงสำเนียงเอื้อน “โอ้ดวงเดือน...ดวงดาวที่สาวว่า เด่นดวงใดในรักประจักษ์พา ขวัญชีวา...ยอดชู้จะชูชม” “ เฉิดโฉมงามนามเชื้อพี่ชายมาด ชาตรีชาติ...เช่นพี่...ฤดีสม ผิดเชิญควักชักมีดมากรีดคม ให้สิ้นลม...ชมวาตพินาศใจ” น้ำตาคลอรอหยดลงรดแก้ม เพียงแตะแต้มฝุ่นล้างพอพร่างใส สิบปีเลื่อนเคลื่อนกาลที่ผ่านไป หมดหัวใจ...ไม่เห็นอยากเป็นคน ถึงกระนั้นตัวฉันในวันนี้ แม้นฤดี...เปรอะเปื้อนเหมือนปี้ป่น ก็แค่เจียมเขียมคิด...ในจิตตน มิใช่คน...บ้าบอและขอทาน
เชิญมาฟังปรัชญาแฝงแห่งวงเล่า ว่าด้วยเรื่องความเมา และความรัก ประสบการณ์ผ่านประสบ พบประจักษ์ หน่วงใจนักไม่พักเก็บ เจ็บไว้จำ ค่ำคืนคลื่นความจำคว่ำเรือใจ ใครนะใคร บอกรักเราทุกเช้าค่ำ เหมือนแสงวับแล้วกลับวาย กลายกลับคำ ปล่อยคนช้ำร่ำสุราน้ำตาริน .. เราร่ำดื่มให้ลืมค่ำที่ร่ำดื่ม เศร้าเพื่อลืม ดื่มให้คล้ายลืมได้สิ้น แต่ยังย้ำคำที่เอ่ยให้เคยชิน ยังได้ยินที่ตอกตำย้ำตัวตน เป็นคนเมาก็อยู่ส่วนที่ล้วนเมา เป็นคนเศร้าก็จงเศร้าอย่าสับสน หากข้ามเส้นจะผิดหวังในวังวน อย่าหวังพ้นจากพ่ายแพ้แม้เมามาย คนไหนเมา.. เขาคนไหน.. ใครคนเมา.. ดื่มความเศร้าเคล้าสุราคว้าความหมาย คงความจำย้ำเย้ยหยันอันตราย เจ็บเจียนตายแต่คล้ายเหมือนจะเตือนตน ว่าถ้าอยากลืมรักสิ้นอย่ารินเหล้า เมื่อใดเมา อาจลืมรักได้สักหน แต่เมื่อตื่นลืมตามาพบตน คงไม่พ้น เห็นคนเศร้าเข้าเต็มตา เมื่ออยากจำกลับลืมไปไม่อาจจำ แต่เรื่องช้ำเหมือนย้ำใจไปชาติหน้า ยิ่งอยากลืมเธอเท่าไหร่ในอุรา ยิ่งชัดว่า ..หัวใจมันไม่ลืม
แค่เพียงเสียงของเธอ ทำให้ใจฉันหวั่นไหวเสมอรู้ไหม เพียงเธอโทรมาทายทักห่วงใย อบอุ่นหัวใจทุกที.... คนดีจะรู้บ้างมั๊ย ว่ารัก-รักมากมายแบบนี้ ว่าการถามไถ่ถึงความเป็นไปของฉัน...ในไม่กี่นาที ทำให้ฉันรักเธอขึ้นเป็นทบทวีของใจ และเป็นเพียงเธอเท่านั้น ที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ได้ ที่ทำให้ฉันหลับฝันสบาย แม้เธอจะวางสายไปแล้วในค่ำคืน...
ฝากดอกไม้จากเหนือเมื่อหนาวผ่าน ฝากความหวานเจือจาน..อย่าเงียบหาย ฝากกลิ่นหอมพฤกษาพรรณราย ฝากจดหมายแนบดอกบอก"รักเธอ" หอมเอ๋ยหอมลอยลมพรมใจพี่ ขอวจีเคยพร่ำย้ำเสมอ ว่าจะรักหนักแน่น..ไม่เผลอเรอ เพียงมีเธอ..นวลนางมิร้างไกล จะรอรักคนดีที่ปลายฟ้า เหมือนดาราคู่จันทร์..มิหวั่นไหว แม้จะหนาวแสนหนาว.สักเพียงใด แต่หัวใจ..อบอุ่นหนุนรักนอน อ่านกลอนน้องหอมหวานอย่าพาลเบื่อ ความคิดถึงเหลือเฟือ ..เลยถ่ายถอน กลั่นจากจิตคิดจากใจ..ในบทกลอน ฝากหนุนนอนก่อนหลับ..จับฤดี ความเหนื่อยหน่ายหายไปในวันรุ่ง ขอพี่มุ่งทำงาน..อย่าคิดหนี เก็บเงินทองขอน้องแต่งสักที วาเลนไทน์ปีนี้..มีหวังเอย